คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : Missions End
Missions End
การตัดสินพิพากษาคดี ถูกตัดสินที่ XXX
เหล่าผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดี 3 พี่น้อง
และคดีผิดกฎหมายต่างๆของคัง โฮดงที่ตอนนี้กำลังรักษาตัวอยู่โรงพยาบาล ก็ต้องมาที่นี่เพื่อรับฟัง
วันนี้ผมจะได้เห็นหน้ามินบงแล้วสิน่ะ ไม่รู้เป็นไงบ้าง
“คดีการค้ายา เสพและการฆาตกรรมบุตรชายของตนเอง จำเลย คัง โฮดงว่าด้วยความผิดตามมาตรา ๔๒ ผู้ใดยักย้าย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย ทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้สูญหายหรือไร้ประโยชน์ หรือรับไว้โดยมิชอบด้วยประการใดซึ่งทรัพย์สินที่มีคำสั่งยึดหรืออายัดหรือ ที่ตนรู้ว่าจะถูกยึดหรืออายัดตามพระราชบัญญัตินี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 288 ผู้ใดฆ่าผู้อื่น ต้องระวางโทษประหารชีวิต จำคุก ตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่สิบห้าปีถึงยี่สิบปี
ดังนั้นศาลจึงตัดสินให้ รับโทษจำคุกตลอดชีวิต” ศาลสั่งตัดสินคดีของคัง โฮดง
“คดี ลักทรัพย์ จำเลย แอนดี้ ลี” แอนดี้ที่ตอนนี้หน้าซีด ดวงตาช้ำเพราะเกิดจากการร้องไห้อย่างหนัก
ไม่ใช่เพราะเขาถูกจับแต่เป็นเพราะคนที่พยายามจะปกป้องเขาต่างหาก
“ตามมาตรา 334 ผู้ใดเอาทรัพย์ของผู้อื่น หรือที่ผู้อื่นเป็นเจ้าของรวม อยู่ด้วยไปโดยทุจริต ผู้นั้นกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ ต้องระวาง โทษจำคุกไม่เกินสามปี และปรับไม่เกินหกพันบาท”
แอนดี้โค้งตัวรับคำพิพากษาก่อนเดินกลับไปนั่งที่เดิมโดยไม่พูดแม้แต่คำเดียว
“คดี ฆาตกรรม จำเลย ชิน ฮเยซอง ตามมาตรา 288 ผู้ใดฆ่าผู้อื่น ต้องระวางโทษประหารชีวิต จำคุก ตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่สิบห้าปีถึงยี่สิบปี” ฮเยซองก็รับพิพากษาแบบเงียบๆ ผิดปกติยอย่างแรง
“จบแล้วใช่ไหม ไปล่ะ” นั่นคือคำพูดของคนที่กำลังรับโทษเหรอ
“คดี เปิดบ่อนพนันผิดกฎหมาย การสั่งการฆาตกรรมผู้อื่นและสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้อื่น จำเลย อี มินอู” มินบงก้างเข้ามาแบบนิ่งๆ
คิดถึงจัง
เอ๊ะ มันใช่เวลาไหม
มินบงยืนนิ่งเป็นหุ่นหวังว่าเขาคงกินวอลนัทมาน่ะ
“ตามมาตรา บลาๆๆๆๆๆ ดังนั้นศาลจึงตัดสินให้จำคุกตลอดชีวิต”
มินบงกระพริบตาปริบๆ ก่อนหันมามองหน้าผม อย่าบอกน่ะ
“วาน นี่ วานนี่ เค้าคิดถึงตัวเองมากเลยอ่า” ไม่ได้มาแค่เสียงมาทั้งตัว ร่างๆร่างโถมใส่จนผมหงายหลังลงไปกองที่พื้น
เจ้าหน้าที่รีบรุดมาช่วยกันจับยกใหญ่
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมดูแลเอง” ผมพามินบงกลับไปหาแอนดี้กับฮเยซอง ไม่มีใครห้ามผมหรอก ก็ผมเป็นเจ้าของคดีนิ
“เป็นไงบ้าง” ผมเอ่ยถามฮเยซองกับแอนดี้ที่ตอนนี้ก็ยังเงียบอยู่พลางป้อนวอลนัทให้มินบง
“หิว ข้าวอ่ะ” ฮเยซองบ่นออกมาก่อนทำหน้ายู่
แน่ล่ะนั่งฟังคดีของคัง โฮดงไปสองชั่วโมงนี่ยังต้องมานั่งฟังคดีของตัวเองอีก คงจะหิวไม่น้อย
“พี่วาน แล้วพี่”
“จินเหรอ ไปคุยกับหัวหน้าอยู่” ผมพูดแทรกแอนดี้ก่อนที่แอนดี้จะพูดจบ “ไปกับเอริคคน่ะ” ผมหันไปบอกฮเยซองด้วย รายนั้นก็ได้แต่ขมุบขมิบปาก
“ไม่ใช่ผมหมายถึงพี่ซังโฮ ฮึก” พูดถึงซังโฮที่ไรแอนดี้ร้องไห้ทุกที
“เราจัดงานศพให้สมเกียรติแล้วน่ะ ไม่ต้องร้องไห้น่ะ”
“ผมอยากไปหาเขา ฮือ” แอนดี้ร้องไห้ยกใหญ่ ห้ามยังไง ปลอบยังไงก็ไม่หยุดร้อง
“จ๊อกกกกกก” เสียงที่ดังขึ้นทำให้แอนดี้หยุดชะงักก่อนที่เราสามคนจะหันไปมองต้นเสียง
“ก็ คนหิวข้าวอ่ะ เมื่อไรจะจบสักที แฮะๆ” ฮเยซองหัวเราะอย่างเขินๆ นั่นทำให้พวกรัวเราะตามไปด้วยไม่เว้นแต่แอนดี้ที่เช็ดน้ำตาแล้วก็หัวเราะไป กับเรา
หลังจากการตัดสินคดีจบลง พวกเราก็ถูกพาตัวมาที่ศูนย์บัญชาการลับชินฮวา
“ต้อง ขอบคุณพวกคุณทั้งสามที่ช่วยให้เราทำงานได้สะดวกมากขึ้น ตอนนี้เราดำเนินคดีกับคัง โฮดงขอให้พวกคุณวางใจได้ สำหรับคดีของพวกคุณทางเรายังคงต้องดำเนินการตามปกติ แต่เพราะพวกคุณช่วยพวกเราไว้ทางเราจึงจะลดโทษให้คุณกึ่งหนึ่ง
อี มินอู เนื่องจากตอนนี้คุณกำลังป่วยทางจิตต้องได้รับการรักษาก่อนเพื่อบำบัดจิตของ คุณให้กลับมาเป็นปกติ จึงต้องอยู่ในการควบคุมดูแลโดยเจ้าหน้าที่พิเศษที่เราจัดมาให้เพื่อลดการก่อ ให้เกิดความเครียดจนต้องเปิดคอนเสิร์ต M ทางเราหวังว่าคุณจะให้ความร่วมมือในการรักษาเพื่อที่จะมากลับมาเป็นปกติ”
“ครับ” มินบงรับคำอย่างง่ายๆ ผมว่ามันก็ดีน่ะ มินบงจะได้หายสักที
“ชิน ฮเยซอง ทางเราต้องจำคุกคุณเป็นเวลา 15 ปี เว้นแต่ว่าคุณจะให้ความร่วมมือในการรับราชการในการสังหารบุคคลที่มีความผิด ตามฐานข้อมูลตามที่ทางเราจะสั่งการ เนื่องจากมีฝีมือสังหารที่ยอดเยี่ยมทางเราจะมีเจ้าหน้าที่จับตามอง คอยสังเกตและเฝ้าระวังพฤติกรรมของคุณตลอดเวลา และทุก 1 เดือนคุณต้องมารายงานตัวกับเจ้าหน้าของเรา”
“เรื่องมากชะมัด”
“หรือคุณจะยอมติดคุก”
“อยาก ตายใช่ไหม!!!” ฮเยซองเริ่มมีอารมณ์แล้วแฮะ
มาดูกันสิว่าหัวหน้าจะรับมือยังไง ถ้าฮเยซองอาละวาดขึ้นมาคงไม่มีใครจับอยู่หรอก
ขนาดเอริคที่ว่าน่าจะจับอยู่ตอนนี้ยังลงไปกองที่พื้นเลย
“ไม่ครับ ผมยังอยากมีชีวิตอยู่กับคนที่ผมรัก เพียงแต่ตอนนี้คุณช่วยตอบคำถามผมได้หรือยัง”
“เออๆ อยากทำอะไรก็ทำ” ฮเยซองว่าอย่างหงุดหงิด ก่อนทิ้งตัวนั่งเก้าอี้คืน พลางใช้เท้าเขี่ยเอริคอย่างโมโห
“ฮเยซองงี่อย่าตบซิจ๊ะ เค้าระบมไปหมดแล้วน่ะ” ตบด้วยเท้าเนี่ยน่ะ ท่าทางคงต้องแบ่งวอลนัทให้เอริคกินซะบ้างแล้ว
“แอ นดี้ ลี อายุ 18 เนื่องจากยังไม่บรรลุนิติภาวะ จะต้องเข้าสู่สถานพินิจ แต่เพราะสิ่งแวดล้อมเดิม อาจจะทำให้คุณกลับไปปฏิบัติตัวแบบนั้น ทางเราจึงขอหลีกเลี่ยงด้วยการย้ายคุณไปที่สถานพินิจที่อยู่ในความดูแลของเรา และคุณจะสามารถออกจากสถานพินิจได้ ก็ต่อเมื่อมีผู้อปการะที่ผ่านการคัดเลือกจากเราหรือเมื่อคุณบรรลุนิติภาวะแล้วเท่านั่น”
“แล้วอาป๊าผมล่ะ” แอนดี้เอ่ยถามถึงยู แจซอกด้วยความเป็นห่วง ผมจะรู้สึกชื่นชมให้ตัวแอนดี้มากกว่านี้ ถ้า
“น่า รักที่สุดแฟนใครเนี่ย จุ๊บๆๆๆๆ” จินที่ตอนนี้นั่งสวีทกับแอนดี้ แต่เหมือนจินมันจะสวีทอยู่เดียวน่ะ แล้วลืมอะไรไปไหม เราประชุมกันอยู่น่ะ
“มัน คนล่ะประเด็นแล้ว พี่จิน” แอนดี้ว่าก่อนผลักหัวจินให้ออกห่าง
แน่ล่ะทั้งกอด ทั้งหอมอยู่อย่างนั้น เป็นใครก็ต้องอายเอ๊ะหรือว่ารำคาญกันแน่น่ะ
“ยู แจซอก ทางเราคงช่วยอะไรไม่ได้ ถูกจับข้อหาเล่นการพนัน ลักทรัพย์ ต้องจำคุก 5 ปี หวังว่าพวกคุณคงเข้าใจน่ะ”
“ครับ” แอนดี้ที่ดูหงอยลงทันทีที่ได้ยิน ก็น่าสงสารอยู่น่ะ
“ไม่เป็นไรน่ะ แอนดี้” จินเอ่ยถามแอนดี้
“ผมเข้าใจฮ่ะ คนทำผิดก็ต้องรับผิด” ถึงแอนดี้จะเป็นเด็ก แต่ก็เข้าใจทุกอย่างง่ายๆ
“เอา ล่ะสำหรับที่พักผมจะย้ายพวกคุณทั้งสามไปอยู่ที่คังวอนแทน ที่นั้นจะมีเจ้าหน้าที่จับตาคุณเป็นพิเศษ เอาล่ะเชิญไปขึ้นไปขึ้นรถได้” พวกผมทั้งหมดลุกขึ้นเพื่อเตรียมตัวออกเดินทาง
“สำหรับพวกคุณสามคนรอรับภารกิจใหม่อยู่ที่นี่” หัวหน้าเอ่ยก่อนเดินหนีไปโดยไม่ลืมลากทั้งมินบง ฮเยซอง แอนดี้ไปด้วย
ทั้งที่ผมยังไม่ได้ค้าน ภารกิจเก่าพึ่งเสร็จจะให้เริ่มภารกิจใหม่แล้วเรอะ
คนน่ะใช้งานอยู่ได้เหนื่อยเป็นน่ะ เคือง วานเคือง คอยดูน่ะ
ผมจะไม่รับทำภารกิจบ้าๆนั่นเด็ดขาด เอาหัวดงวานเป็นเดิมพัน
“เอาล่ะเรามาเริ่มภารกิจต่อไปกันดีกว่า”
“โห่” ทั้งเอริค จอนจิน และผมทำได้แค่ส่งเสียงโห่เท่านั้น
สายตาของหัวหน้าที่มองมาทำให้ผมที่กำลังจะเถียงพูดออกมาได้แค่
“ครับ”
the end
ยังๆๆๆๆ ล้อเล่นอ่ะ กิกิ
เค้ารู้ว่าทุกคนอยากให้มีฉากหวาน
แต่มันติดที่เค้าหวานไม่เป็น 555
1 เดือนต่อมา
“จาก พิกัดยิง เป้าหลายอยู่ที่ 10 นาฬิกา” เสียงที่ดังผ่านสายต่างๆส่งตรงมายังผม ผมได้แค่ยืนส่องกล้องทางไกลดูฮเยซองและคอยชี้เป้าเท่านั้น
ผมได้ภารกิจใหม่ของผมคือจับตาดู มอบหมายงาน อำนวยความสะดวกให้กับชิน ฮเยซอง อดีตนักฆ่า ถึงตอนนี้จะยังฆ่าคนอยู่ก็เถอะ
“ภารกิจนี้เป็นภารกิจจับตาย อย่าให้สาวถึงเราได้” ผมได้แค่สั่งการแค่นั้น
“รับ คำสั่ง” กล้องส่องทางไกลสะท้อนภาพคนที่ผมไม่สามารถละสาตาไปได้ ฮเยซองยกปืนขึ้นส่องลำกล้อง ระยะห่างจากเป้าหมาย 700 เมตร มันอาจจะเกินขอบเขตของเขา อัตราการพลาด 5% ผมพึ่งเคยเห็นฮเยซองส่องกล้องปืนก็วันนี้แหละ อ่า งดงาม งดงามราวกับนางฟ้า แต่ในทางกลับกันเขากลับพรากชีวิตมนุษย์ไปเหมือนซาตาน
“ริค ไอ้บ้าอีที แกได้ยินฉันไหม” เสียงเรียกตวาดดังกระแทกหูอย่างรุนแรง ผมใส่หูฟังสื่อสารอยู่น่ะ T^T
“จ๊า” ผมตอบกลับเสียงหวาน
“ฉันเรียกแกตั้งนานทำไมไม่ได้ยินหา!!!” เสียงที่ดังขึ้นมาอีก ทำเอาผมดึงหูฟังออกจากหูแทบไม่ทัน
“เค้าขอโต้ดดด”
“เสร็จแล้ว หิวข้าว” สั้นๆง่ายๆพร้อมกับการทำลายหลักฐานของฮเยซองก่อนเดินตัวปลิวลงมาจากตึกสูง
“วันนี้กินอะไรดีล่ะ” ผมถามฮเยซองพร้อมถ่ายรูปเป้าหมายที่เดธไปแล้วเพื่อเก็บเป็นหลักฐาน
“ชาบู แท็กซี่” เรียกแท็กซี่แบบไม่แคร์ศพเลยครับ เฮ้อ ว่าที่แฟนใครเนี่ย ถึงตอนนี้จะยังไม่ใช่ก็เถอะ
“ฮเยซองงี่ ฉันเอารถมา” ผมว่าพร้อมควงกุญแจมอไซด์ซึ่งฮเยซองงี่ก็หันมายิ้ม
อ่า ละลายครับ
ผมพาฮเยซองเดินมาที่รถก่อนขึ้นพรร้อมตั้งตาให้ฮเยซองซ้อน
ยังไม่ทันได้สตาทร์ คนที่ไม่ยอมขึ้นก็สะกิดยิกๆ
“อะไรอีกล่ะ ฮเยซองงี่”
“ใคร บอกฉันจะซ้อน หลบ ไปซ้อนไป” อ่า สวรรค์แกล้งหรือไร อุส่าจะได้โชว์เท่ เอ๊ะ แต่ถ้าคิดอีกแง่ผมจะได้กอดฮเยซองใช่ไหม จัดไป “จับแน่นๆล่ะเด็กน้อย หึ”
“ว้ากกกกกกกกกกก” ผมตะโกนลั่นขนาดกอดเอวฮเยซองแน่นยังเกือบตก โอ้มายก๊อด ผมยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม เร็ว แรง ทะลุนรกจริงๆ
“ถึงแล้วนั่งบื้ออยู่ได้” สติสตางค์ผมเริ่มกลับมาก่อนพบว่าผมอยู่ที่ห้างดังของดงแดมุน
“นั่งโต๊ะรวมสิ ฮเยซองงี่”
“ไม่ นั่งหน้าเคาเตอร์ดีกว่า” ตอนนี้ผมกำลังเลือกที่นั่งกับฮเยซอง
ผมอยากนั่งโต๊ะรวมอ่า จะได้สวีทกัน
แต่ฮเยซองก็เอาแต่จะนั่งหน้าเคาเตอร์ ยังเถียงกันไม่ทันจบดี ฮเยซองก็นั่งแบบไม่สนผมแถมยังกวักมือเรียกพนักงาน “ขอซุปต้มยำครับ” ไม่สนเลยครับว่าผมจะสั่งหรือเปล่า เอาแต่นั่งอารมณ์ดี หยิบกุ้งมา 4-5 จานทั้งๆที่ซุปยังไม่มา ผมเลยต้องนั่งลงก่อนจะอด
“เอริค อยากกินเทมปูระ” กินอย่างเดียวไม่พอ ยังอุส่าใช้ผมอีกครับ ผมก็ปฏิเสธไปตามรูปการ
“ขออีกคำน่ะ” นี่คือการปฏิเสธแบบอ้อมๆครับ
“เอริค” กัดฟันพูดทำไมคร้าบ
ผมเงยหน้ามองฮเยซองก่อนจะ
วิ่งไปหยิบเทมปูระให้ทันที
“แป๊ปซี่” ผมก็ลุกไปหยิบทันทีไม่มีปฏิเสธ เดี๋ยวมีคนโมโหอีกครับ
ผ่านไป 1 ชั่วโมงครบตามเวลา
“เอริค อีกชั่วโมงได้ป่ะ” ห่ะ!! ยังไม่อิ่มอีกเหรอ นี่กะจะเอาให้ร้านเจ้งใช่ไหม “เอริค เปลี่ยนๆๆๆ ฉันอยากกินติม” พูดจบก็เดินออกจากร้าน ผมต้องรีบจ่ายเงินก่อนวิ่งตาม
“เอาช็อกโกบาน่าน่าครับ” ฮเยซองยิ้มให้พนักงาน
“2” หึงเนี่ย รู้ป่ะ อย่ามายิ้มเรี่ยราดแบบนี้น่ะ ฮเยซอง แน่ะ ยังยิ้มให้โต๊ะข้างๆอีก พ่อเคืองแล้วน่ะ ไอ้เด็กเสิร์ฟนี่ก็เหมือนกัน ยิ้มอยู่ได้ อยากตายใช่ไหม (ติดนิสัยใครมาห่ะ!!!)
“กินดิ ละลายหมดแล้ว” ฮเยซองเอ่ยเรียกผมที่กำลังหึงอยู่คนเดียว ผมก้มมองไอติมที่ละลายแล้วท่าทางผมคงเหม่อนานใช่ไหม “อ่ะ”
อึ่ง
อึ่ง
สิ่งที่ฮเยซองทำอยู่ตอนนี้มันทำให้ผมอึ่ง
“จะกินไหม คนอุส่าป้อน”
“อ้ามมมมมม” ผมอ้าปากกินอย่างมีความสุข อ่า ผมมีความสุขมากกกกกก(เมื่อกี้ใครหึงจนหน้ามืดฟร่ะ=_=)
“เอริคนายก็น่ารักดีน่ะ สนใจจะเป็นเคะให้ฉันไหม”
อึ้ง
วันนี้มันวันอะไรของมุนคนนี้ อยากจะบ้า ฮเยซองจะเมะทั้งๆที่มันไม่ได้เข้ากับหน้าเลยแม้แต่ประการใด
“ไม่ๆๆๆๆ ฉันจะเมะ นายต้องเคะสิ” ผมเถียงกลับ เรื่องอื่นผมยอมได้แต่เรื่องนี้มุนไม่ยอม ฮเยซองโน้มหน้าเข้ามาใกล้ก่อนกระซิบข้างหู
“งั้นก็อด อิอิ”
“พี่จิน ใครเป็นหัวหน้าผู้คุมเรือนจำอ่ะ” คำถามที่ออกมาจากแอนดี้ทำเอาผมงงอยู่ไม่น้อย
“อยากรู้ไปทำไม หืม” ผมเอยก่อนเนียนเข้าไปคลอเคลียซึ่งแอนดี้ก็ไม่สะบัดหนี รักเขาแล้วอ่ะดิ อิอิ
“แหม่ ก็แบบเค้าอยากไปเยี่ยมอาป๊านี่น๊า” เสียงอ้อนที่เหมือนลูกแมวทำเอาผมอ่อนยวบ แถมด้วยเอาหน้ามาถูๆหน้าอกผมอีก ฮึ่ม จินจะไม่ทน
“เขาชื่อ จินอุน”
“จินอุนเหรอ หน้าตาเป็นไงอ่ะ” นัยน์ตาใสที่เอียงคอด้วยความสงสัยอย่างน่ารัก ผมเลยหยิบรูปในลิ้นชักออกมาในดู
“หล่อจัง”
“ฮ่ะ อะไรน่ะ” ผมไม่ได้หูเพี้ยนใช่ไหม
“รูปนี้ผมขอได้ไหมฮ่ะ” หลบหลีกคำพูดเก่งจังน่ะ
“ไม่ได้” ผมรีบคว้ารูปกลับมาคืนทันที แค่รูปก็หึงน่ะจะบอกให้
“อ่ะ ใจร้าย ไม่คุยด้วยแล้ว” แอนดี้หน้างอใส่ผมก่อนเดินลิ้วไปข้างบ้าน ปีนรั้วอย่างเคยชิน
บ้านพี่ฮเยซองอยู่ข้างๆน่ะ หลังจากที่เสร็จสิ้นคดีทั้งหมด
ผมก็ทำเรื่องอุปการะแอนดี้ทันที ใช้เวลาไม่ถึงเดือนแอนดี้ก็ได้เข้าสู่อ้อมกอดผม
นอกจากจะเป็นเจ้าหน้าที่ของหน่วยแล้วผมยังเป็นบุคคลที่ต้องระวังทำให้ผมผ่านการคัดเลือกในการรับอุปการะอย่างรวดเร็ว
ทุกอย่างดูดีหมดยกเว้น เรื่องเดียว ผมรับอุปการะแอนดี้ในฐานะ พ่อบุญธรรม
พ่ออะไรใครจะเป็นฟร่ะ ผมไม่ได้แก่ขนาดนั้นน่ะ
และผมยังไม่อยากถูกจับในข้อหาพรากผู้เยาว์น่ะ
แต่!!! ถ้าไม่มีใครรู้ผมก็ไม่ผิด คริคริ
“แอนดี้เค้าขอโทษ” ผมเดินเข้าไปง้อแอนดี้ที่ตอนนี้นั่งกินคุกกี้อย่างเอร็ดอร่อย “ก็เค้าหึงอ่ะ แอนดี้จะเก็บรูปชายอื่นไปทำไมอ่า” ผมว่าอย่างนอยด์ๆ เขาหันมามองผมตาเขียวปั๊ด
“ก็แค่รูป ตัวเค้าอยู่กับพี่จินน่ะหรือไม่อยากอยู่กับเค้าแล้ว” อยู่ๆดีแอนดี้ก็เปลี่ยนอารมณ์ดื้อๆ แถมยังทำท่าเหมือนจะร้องไห้อีก
“อย่าร้องน่ะ เค้าให้ก็ได้” ในที่สุดผมก็ต้องยอมใช่ไหม ผมยื่นรูปให้พร้อมกับปลงในชีวิต
“เย้ พี่จินน่ารักที่สุดเลย จุ๊บ”
“จุ๊บตรงนี้ได้ป่ะ” ผมชี้ปากตัวเองก่อนทำปากจู๋อย่างไม่อาย แอนดี้ทำปากจู๋ตอบกลับ
“โป๊ก”
“เกรงใจพี่มั่งน่ะไอ้ลูกนก” เสียงสวรรค์ที่ดังขึ้นพร้อมกับมะเหงกที่หนึ่ง ทำเอาผมต้องคลำหัวปอยๆ
“พี่ซองใจรร้ายอ่าไหนบอกรับเค้าเป็นน้องเขยแล้วไง”
“ก็ใช่ แต่แอนดี้ยังไม่ 20 เพราะฉะนั้น อด!!! ใช่ไหมแอน แอนดี้ ไปไหนแล้วเนี่ย” ผมเผลอไม่ทันไรแอนดี้ไปไหนแล้วอ่า เพราะพี่ซองเลย แงแง้
“พี่เอริคไปไหนอ่ะพี่ฮเยซอง” เปลี่ยนอารมณ์เร็วไหมล่ะผม
“ไปรักษาแผลใจ ฮ่าๆๆๆ” นี่ก็หัวเราะเรื่อง สรุปบ้ากันยกแก็งค์ใช่ไหม
เฮ้อ ว่าแต่ผมมาถอนหายใจทำไมเนี่ย
ว่าแต่นี่จะเล่นเล่นซ่อนหาเหรอ
แอนดี้จ๋า พี่จินมาแว้วววววว
“อี มินอูรับยา”
“ครับ” ผมขานรับก่อนลุกไปรับยาให้มินบง
ผมเป็นคนดูแลมินบงเองล่ะ
ภารกิจที่ได้ทันทีก็คือภารกิจนี้
หัวหน้าบอกกับผมว่ามินบงอาละวาดไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้
แถมยังร้องเพลงเสียงดังลั่น ผมเป็นคนเดียวที่เข้าใกล้เขาได้ มันก็เลยกลายเป็นภารกิจของผม
มินบงอาการรดีขึ้นทุกวัน ไม่ร้องเพลงเสียงดัง ไม่ทำตัวเหมือนเด็ก
ส่วนสิ่งที่มันเพิ่มมาและทำให้ผมปวดหัวมาก
คือ ความหื่น
ไม่รู้ไปสรรหามาจากไหน นับวันมันยิ่งเพิ่ม
ผมควรจะดีใจที่เขาจะหายหรือควรจะร้องไห้ดี
“ป่ะ มินบงกลับบ้าน”
“อืม” มินบงลุกขึ้นตามอย่างว่าง่าย ส่งแขนมาโอบรอบคอผมก่อนเดินออกมาจากโรงพยาบาล
“อ่ะ” ยังไม่ทันพ้นโรงพยาบาลดีผมก็สะดุ้ง จะอะไรอีกล่ะ เต็มมือเลยครับ
“ก้นนุ่มๆ” กระซิบข้างหูก่อนเดินลิวไปโบกแท็กซี่
พวก เราทั้งหมดถูกนำตัวมาที่บ้านพัก
บ้านที่สุดแสนจะธรรมดา มีสวนสาธารณะอยู่ใกล้เพื่ออำนวยความสะดวกในการรักษามินบง
ดังนั้นบ้านของฮเยซองกับเอริคเลยอยู่ข้างๆ ถัดไปอีกเป็นบ้านของจอนจิน ถ้าจะถามว่าทำไมเราไม่อยู่ด้วยกัน
1.บ้านเอริคเต็มไปด้วยเอกสารการสั่งฆ่า คดีต่างๆที่ห้ามให้มินบงรู้เดี๋ยวอาการจะกำเริบ
2.บ้านจอนจิน เนื่องจากตอนนี้จินกลายเป็นผู้ปกครองแอนดี้ ทำให้ต้องมีบ้านเป็นหลักแหล่ง
แต่ผมว่าไอ้ 2 ข้อข้างบนน่ะ ไม่ค่อยมีเหตุผมสักเท่าไร ถ้าไม่ใช่อยากอยู่ตามลำพัง
“วันนี้ฉันจะทำข้าวผัดกิมจิให้กินน่ะ”
“แต่ เค้าอยากกินวานนี่มากกว่าอ่า” แน่นอนว่าไม่มาแค่คำพูด
มินบงกอดผมจากด้านก่อนขโมยหอมแก้มไปฟอดใหญ่ “ชื่นใจ” ถ้าจะถามว่าเขินไหม อายไหม อยากบอกว่าอายมาก แต่มันเริ่มชินล่ะ มินบงทำอยู่ทุกวัน วันละ 3 4 5 เวลาหลังอาหาร
“วอลนัทอยู่ในตู้เย็น” ผมเอ่ยบอกสะบัดตัวออกจากการจับกุม
ผมไม่อยากให้มีฉากล่อแหลมในห้องครัวน่ะ
“ดงวานนี่ นายจำฉันได้หรือยัง” มินบงถามคำถามนี้กับผมอีกครั้ง
ผมทำได้แค่ส่ายหน้า ผมจำไม่ได้จริงๆ
ผมไม่มีความทรงจำตอนเด็กเลยแม้แต่น้อย
คุณป้าที่เลี้ยงผมมา ท่านบอกว่าท่านขับรถชนผม พาผมส่งโรงพยาบาลแต่ผมกลับจำอะไรไม่ได้นอกจากชื่อของตัวเอง
ท่านไม่รู้ว่า ผมเป็นใครมาจากไหนก็เลยดูแลผมส่งผมเรียนหนังสือ
และกลายเป็นมิสเตอร์คิมอย่างทุกวันนี้ “นั่นสิน่ะฮ่ะๆๆ” มินบงหัวเราะแห้งๆพลางก้มหน้าลงทั้งๆที่นั่งกอดผมอยู่
“มินบง ขอโทษน่ะ” ผมทำได้แค่นี้เท่านั้น
สิ่งที่ผมอาจจะทำให้เขารู้สึกดีขึ้นคงมีแค่คำๆนี้ล่ะน่ะ “ฉันรักนายน่ะมินบง” พูดจบผมก็จุ๊บๆปากเขาเบาๆ ก่อนผมจะก้มหน้าเพื่อหลบสายตาของมินบงที่มองมา
“จำไม่ได้ก็ไม่เป็นไร แค่ตอนนี้ฉันมีวานนี่ วานนี่มีฉัน เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว”
ใบหน้าของมินบงที่โน้มลงมาทำให้ผมค่อยๆหลับตาลงช้าๆ
“พี่ดงวาน เห็นแอนดี้ไหม” เสียงที่ดังแทรกขึ้นมาทำให้ผมต้องผลักมินบงออกไปสามโยชน์
“ย่า ห์!!!” เสียงมินบงที่ตะโกนอย่างขุ่นเคือง ผมได้แต่ก้มหน้า อ่า ไอ้จินบ้าโผล่มาอะไรตอนนี้ กำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม เอ้ย นี่เราคิออะไรเนี่ย ว้ากกกกกกกกกกกกก
“แอนดี้ย่า” เสียงจอนจินที่ยังคงวิ่งและตามหาแอนดี้ไปทั่ว อย่างกะคนสติไม่ดี
ผมคิดว่าตอนนี้ชีวิตก็สุขดี ไม่ขาด ไม่เกิน อยู่แบบธรรมดา
ค่อยๆเป็นค่อยๆไป ใช้หัวใจเป็นหลัก
ไม่ว่าเอริคที่ยังคงพยายามจีบฮเยซอง
จอนจินที่หาเรื่องกินเด็กตลอดเวลา
ผมว่าคู่ของผมไปได้สวยกว่าคู่อื่นๆเลยน่ะ
ความรักของพวกเราก็ยังคงดำเนินไปเรื่อยๆ เหมือนกับวันเวลาที่เดินไปข้างหน้า
อนาคตไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น อาจจะดี อาจจะร้าย
แต่แค่วันนี้พวกเราทุกคนอยู่ด้วยกันก็พอแล้วไม่ใช่เหรอ
แล้วพวกคุณล่ะ คิดยังไงกับคำว่า “รัก”
~~The End~~
แถมๆๆๆๆๆๆ
ว่าแต่แอนดี้ไปไหนกันน่ะ
“แหม่ ผมแค่อยากให้พี่จินอุนช่วยปล่อยยู แจซอกเท่านั่นเอง” ตอนนี้ผมอยู่ไหนเหรอ
อืม อยู่บนตักของหัวหน้าผู้คุมเรือนจำล่ะมั้ง “ผมคิดว่าพี่จินอุนน่าจะช่วยผมได้น๊า” ผมว่าพลางปลดกระดุมเสื้อเม็ดบนของพี่จินอุนที่ละเม็ด ทำเอาคนที่อยู่ตรงหน้าผมกลืนน้ำลายดัง เอื้อก
“ยะ อย่าทำแบบนี้” ฟังดูก็รู้ว่าเสียงสั่นขนาดไหน แถมยังพุดกะตุกตะกักอีก เชื่อเห๊อะว่าไม่รอด
“ใจร้าย” ผมลูบมือบนหน้าอกพร้อมกับทำหน้าเศร้า
“อ่า เอ่อ” เสร็จโก๋ น้ำตาเม็ดโตร่วงจากตาผมทำเอาอีกฝ่ายชะงัก
“งั้น ผมกลับก่อนน่ะครับ” เอ่ยด้วยน้ำเสียงน้อยใจสุดๆ ก่อนจะทำเหมือนจะลุกไปจากตักเขา จนพี่จินอุนรั้งเอวผมแทบไม่ทัน เรียบร้อยโรงเรียนอนุบาลแอนดี้
“เดี๋ยว ดะ ได้ ฉันจะช่วย อย่าไปน่ะ” ผมยืนเอกสารปล่อยตัวยู แจซอกที่เตรียมมา พี่จินอุนก็เซ็นอย่างรวดเร็ว ผมพับกระดาษก่อนยัดลงให้เสื้อ
“ขอบคุณฮ่ะ จุ๊บ” ผมจุ๊บแก้มพี่จินอุนเบาๆ
ก่อนกระโดดพลุงออกมาจากตัก “ไปก่อนน่ะ” แล้วผมวิ่งออกมาที่นั่น
พี่จินอุนอึ้งไปพักหนึ่ง
“ย่าห์ จับแอนดี้ไว้เดี๋ยวนี้น่ะ” เสียงสั่งการดังตามหลังมาเมื่อรู้ว่าโดนหลอกพร้อมกับผู้คุมกรูเข้ามาจับตัวผม
แต่ขึ้นชื่อว่าแอนดี้ ลีมีหรือที่จะหนีไม่พ้น
ถ้าคิดจะจับแอนดี้ ลีคนนี้คงต้องรอไปอีกสิบปี
เพราะผมคือผู้เชี่ยวชาญการเอาตัวรอดอันดับหนึ่งยังไงล่ะ 555
ว่าแต่ผมไม่ใช่คนสร้างปัญหาใช่ไหม
หวังว่าคงไม่มีเรื่องตามมาน่ะน่ะ ^^
Mission end
มาแว้ววววววว
ขออภัยที่มาช้าค่ะ ตอนพิเศษกำลังเติมน้ำปลาอยู่ค่ะ
อีกนิดหนึ่งรสชาติก็ OK ค่า อิอิ
ปล.อย่าเชื่อใจนาโนมากน่ะค่ะ เพราะทุกคนมักผิดหวัง 555
ปล.2 นิยายของนาโนมักจะมีรสเปรี๊ยวนิดๆ หมอมักห้ามไม่ให้กินค่ะ (ของหมักดอง)
ลาไปลงตอนที่ 1 ของอีกเรื่องล่ะน๊า
นอนรอเม้นที่มันมาตามกาลเวลา 555
ความคิดเห็น