คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : ตอนที่ 3 โลกกลมหรือพรหมลิขิต [1]
ตอนที่ 3
โลกกลมหรือพรหมลิขิต
เป็นครั้งแรกที่เฌอเมวีร์รู้สึกอยากจะหนีขึ้นเกาะเสียวันนี้พรุ่งนี้เลยจริงๆ
ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยพบเคยเจอผู้ชายปากไวมือไวอย่างนี้มาก่อน พูดไทยก็ออกจะชัดไม่มีใครเคยสั่งสอนเขาบ้างหรืออย่างไรว่าไม่ให้ไปเที่ยวจูบใครต่อใครทั้งที่ไม่เคยรู้จักกันแบบนี้
ขณะที่นั่งอยู่บนรถคันหรูเพื่อกลับไปที่โรงพยาบาล นิ้วเรียวเผลอยกขึ้นมาสัมผัสที่ริมฝีปากของตัวเองแผ่วเบา
และรู้สึกได้ถึงความร้อนผ่าวที่แล่นขึ้นมาบนใบหน้า
“บ้า บ้า บ้าที่สุด
หยุดคิดเดี๋ยวนี้นะ” หญิงสาวสะบัดหน้าแรงๆพร้อมกับสั่งตัวเองไม่ให้คิดถึงความอุ่นซ่านจากลิ้นร้อนที่รุกเร้าเข้ามาภายในอุ้งปากของเธออย่างหนักหน่วง...จากคนที่เธอเองก็ยังไม่รู้ว่าเขาคือใคร!
แต่สิ่งหนึ่งที่เธอรับรู้ได้ดีในตอนนี้คือความรู้สึกนั้นมันยังไม่จางหายไปไหน
เขาเป็นผู้ชายที่สมควรถูกจับเฉือนน้องชายไปให้เป็ดกิน!!
จากความเผลอคิดที่พลั้งปากร้องออกมาจนเสียงดังลั่นรถ
ส่งผลให้บอดี้การ์ดหนุ่มสองคนที่นั่งอยู่ด้านหน้าถึงกับสะดุ้งเฮือกเลยทีเดียว พลางมองหน้ากันอย่างเลิ่กลั่กเพราะพวกเขากำลังครุ่นคิดอยู่พอดีเลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับคุณหนูของพวกเขากันแน่
ถึงได้ทำหน้าราวกับอยากจะฆ่าใครให้ตายอย่างไรอย่างนั้น และยิ่งได้ยินคำสั่งเช่นนี้พวกเขาก็รู้สึกประหลาดใจอยู่บ้างที่หญิงสาวรู้ถึงความคิดของตน
แต่ถึงกระนั้นก็ยังละล่ำละลักเอ่ยขอโทษออกมา
“ขอโทษครับคุณหนู
สงสัยผมคงจะคิดดังไปหน่อย ไม่ได้ตั้งใจจะรบกวนคุณหนูแต่อย่างใดครับ” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงละห้อย
ไม่ว่าจะผิดจริงหรือไม่เขาก็ไม่ควรทำให้เฌอเมวีร์รู้สึกเคืองขุ่นใจ และเพราะคำขอโทษของบอดี้การ์ดหนุ่มทำให้คนที่กำลังนั่งก้มหน้าเอามือบีบขมับตัวเองอยู่ต้องผงกหัวขึ้นมามอง
“เอ๋?” หญิงสาวเอียงคอ
มองผู้ชายตัวโตตรงหน้าอย่างนึกฉงน เธอไม่ได้พูดด้วยเสียหน่อยทำไมจะต้องทำเป็นร้อนตัวด้วย
ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าตัวเธอต่างหากที่ร้องเสียงดังลั่นรถ จึงรีบแก้ความเข้าใจผิดให้กับคนที่คอยปกป้องคุ้มภัยให้กับเธออย่างเร็วรี่
“ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ เรนพูดคนเดียวค่ะไม่ได้ว่าให้ใคร...อีกอย่างเรนต่างหากที่ต้องขอโทษ
ที่คิดดังไปหน่อย” หญิงสาวยิ้มแหยๆให้อีกฝ่าย สองบอดี้การ์ดหนุ่มจึงผ่อนลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก
ถึงว่าคนอะไรจะเก่งถึงเพียงนั้นสามารถรู้ถึงความคิดของคนอื่นได้
“แต่ถึงอย่างไรผมก็ยังแปลกใจอยู่ดี
ตอนอยู่ในร้านอาหารคุณหนูทำเหมือนกับว่ากำลังวิ่งหนีใครบางคน ผมเห็นรีบร้อนออกมาจากห้องน้ำ...มีใครทำอะไรคุณหนูหรือเปล่าครับ”
ชายหนุ่มหันหน้าไปทางถนนแต่ก็ยังเอ่ยถามนายสาวด้วยน้ำเสียงดูมีกังวล
ถ้าไม่ติดว่าเขาจะต้องตามเฌอเมวีร์ออกมา คงได้เข้าไปดูให้เห็นกับตาไปแล้ว
“อย่าให้เรนต้องพูดอีกเลยค่ะ
ยิ่งพูดยิ่งอารมณ์เสีย จากนี้จนตายคงไม่ได้เจอกับคนพรรค์นั้นอีกแล้วล่ะ” เฌอเมวีร์ชักสีหน้า เอนร่างพิงเบาะอย่างรู้สึกเคืองขุ่นในใจ ถ้าเธอจะต้องไปอยู่ที่เกาะจริงๆแน่นอนว่าต้องหนีไอ้ผู้ชายบ้ากามคนนั้นได้อย่างแน่นอน...หรือถ้าเขาคิดที่จะตามเธอไปอีก
เธอก็จะให้เพื่อนของแด๊ดดี้ยิงทิ้งกลางทะเลให้ฉลามลากไปกินซะเลย คงสาแก่ใจน่าดู!
“คุณหนูน่าจะบอกพวกผมนะครับ
จะได้จัดการมันให้สาสม” น้ำเสียงของบอดี้การ์ดดูเครียดเขม็ง
เพราะเหมือนเขากำลังบกพร่องต่อหน้าที่อย่างไรไม่รู้ที่ปล่อยให้นายสาวถูกคุกคาม
“เรนไม่อยากให้เป็นเรื่องใหญ่
เกรงใจคนในร้านอาหารที่เขากำลังทานข้าวกันอย่างอร่อย อีกอย่างคิดว่าเรนจะยอมให้ถูกรังแกฝ่ายเดียวหรือคะ
เรนก็สู้คนนะจะบอกให้” ดูเหมือนยิ่งพูดอารมณ์ของเธอก็ยิ่งเดือดขึ้นมาอีก
อุตส่าห์บอกตัวเองไม่ให้คิดถึงมันแล้วแท้ๆ
“ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะครับ
วันหลังไม่ทำแบบนี้แล้วนะครับ พวกผมมีหน้าที่ดูแลคุณหนู
อย่าทำให้พวกผมตกงานเลยครับ” เสียงเข้มเอ่ยเป็นเชิงติเตือน
เหมือนพี่ชายที่ห่วงใยน้องสาวคนหนึ่ง
“ก็ได้ค่ะ
วันหลังสัญญาว่าจะไม่ทำแบบนี้อีก” เฌอเมวีร์ตอบรับเสียงอ่อน
เธอรับรู้มาโดยตลอดถึงความห่วงใยจากคนรอบข้าง
แต่เพราะเธอไม่ชอบให้ใครมาคอยตามหลังและปกป้องราวกับเป็นคนอ่อนแอนักหนาจึงเลี่ยงที่จะรับความห่วงใยนั้นมาโดยตลอด
แต่พอเกิดเรื่องขึ้นกับเสี่ยอลันวันนี้ทำให้เธอต้องคิดเสียใหม่ว่าไม่ควรสร้างเรื่องให้พวกเขาต้องเดือดร้อนอีก
“ดีครับ
วันนี้คุณหนูสัญญากับพวกผมสองเรื่องแล้ว ก็อยากให้รักษาสัญญาตลอดไปด้วยนะครับ”
บอดี้การ์ดหนุ่มรู้สึกใจชื้นที่เฌอเมวีร์ทำตัวว่านอนสอนง่ายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ประโยคต่อมาจึงเอ่ยขึ้นเหมือนจะล้อเลียน
“ล้อเรนมากๆ
เดี๋ยวจะหนีเสียให้เข็ด” ร่างบางบอกอย่างเข่นเขี้ยวพลางยกมือขึ้นมากอดอก
“ถ้าอย่างนั้นผมไม่เสี่ยงดีกว่า”
ชายหนุ่มเอ่ยกลั้วหัวเราะ
“ดีแล้วค่ะ
เพราะเรนกำลังอารมณ์ไม่ดีอยู่...เราแวะทานก๋วยเตี๋ยวสักชามก่อนค่อยกลับโรงพยาบาลดีไหมคะ
เมื่อกี้เรายังไม่ได้ทานอะไรเลย” เธอทำเสียงเข้มใส่ก่อนจะชวนหาอะไรทาน
และต่อให้ทั้งสองคนจะไม่หิวก็คงปฏิเสธไม่ได้อยู่ดีเพราะเฌอเมวีร์ยังไม่ได้ทานข้าว
เกรงว่าหญิงสาวจะเป็นโรคกระเพาะอาหารเอาได้ ทั้งสามคนจึงจอดรถนั่งทานก๋วยเตี๋ยวข้างทางอย่างเรียบง่ายก่อนที่จะกลับโรงพยาบาล
อีกมุมหนึ่งที่ถนนฝั่งตรงข้ามกับร้านก๋วยเตี๋ยวเล็กๆริมทาง
รถยุโรปคันหรูสีดำมันปลาบจอดนิ่งสนิทอยู่แบบนี้มาสักระยะแล้ว
กระจกถูกลดลงมาเพียงครึ่งเดียวทำให้เห็นคนตัวโตสองคนนั่งอยู่ด้านในและกำลังมองคนตัวเล็กที่กำลังนั่งทานก๋วยเตี๋ยวอย่างเอร็ดอร่อยด้วยสายตาวาววับ
จนกระทั่งพวกเขาขึ้นรถและแล่นออกไปนานแล้ว รถคันนี้ก็ยังจอดนิ่งอยู่ที่เดิม
หลังจากทนนั่งเงียบมานาน
มาร์คัสจำใจต้องเอ่ยถามผู้เป็นนาย
“เจ้านายครับ เราจะกลับกันได้หรือยังครับ”
“จะรออะไรอยู่ล่ะมาร์คัส
ฉันก็นั่งรอให้นายออกรถอยู่ตั้งนานแล้ว” อัลนัลโด้เอ่ยเสียงเข้มห้วน
เห็นนั่งนิ่งๆแบบนี้ใช่ว่าเขากำลังอารมณ์ดีเสียเมื่อไหร่ ในอกกำลังร้อนรุ่มไปด้วยไฟริษยารู้สึกไม่พอใจที่เห็นบอดี้การ์ดสองคนนั้นมีสิทธิ์ได้ใกล้ชิดเฌอเมวีร์ยิ่งกว่าเขาเสียอีก
ทำไมคนที่ได้นั่งทานอาหารมื้อค่ำกับเธอถึงได้ไม่เป็น พอล อัลนัลโด้ คลีเมนต์
คนนี้นะ
“อ้าว...”
มาร์คัสครางเสียงแผ่ว กลายเป็นเขาที่เป็นคนผิดซะได้
“ไม่ต้องมาอ้งมาอ้าว
แล้วทำไมยังไม่รีบออกรถอีก ฉันเหนื่อยจะแย่อยู่แล้วอยากพักผ่อนเต็มที” เจ้าพ่อเกาะเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์
พลางก็ถอนหายใจอย่างเอือมระอาให้กับลูกน้องคนสนิท
“กลับเดี๋ยวนี่ครับเจ้านาย”
มาร์คัสรีบตอบรับอย่างทันท่วงที พลางก็ลอบยิ้มอย่างรู้ความคิดเจ้านาย
ก็จอดรถมองว่าที่ภรรยาของตัวเองนั่งทานข้าวกับชายอื่นเสียตั้งนานสองนาน
ไม่หึงไม่หวงก็ให้มันรู้ไปสิ...น่าเห็นใจก็แต่เฌอเมวีร์ที่ยังไม่รู้ตัวว่าเธอมีสามีไปเรียบร้อยแล้ว
ขณะที่นั่งรถกลับไปที่โรงแรมอัลนัลโด้ยังคงไม่คลายความหงุดหงิดออกไปจากใจได้
ใบหน้าของหญิงสาวยังคอยวนเวียนอยู่ในสำนึก พลางมือหนาก็ยกขึ้นมาลูบที่ลำคอของตัวเองและสัมผัสได้ถึงร่องรอยของฟันที่กดเป็นรอยลึกจนช้ำเลือด
เธอคิดว่าตัวเองเป็นผีดูดเลือดหรืออย่างไร
“เจอกันอีกครั้ง ฉันกัดเธอคืนทั้งตัวแน่
ยายตัวแสบที่รัก” เจ้าพ่อเกาะพึมพำด้วยน้ำเสียงเข่นเขี้ยว
แววตาเป็นประกายอย่างมาดหมาย
พอคิดว่าจะต้องเจอกันอีกครั้งแน่ๆอัลนัลโด้จึงฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้และสมควรเตรียมแผนการรับมือให้พร้อม
“มาร์คัส พรุ่งนี้นายติดต่อโรงพยาบาลขอเอาเฮลิคอปเตอร์ลงจอดที่ดาดฟ้าด้วยนะ
ฉันสังหรณ์ใจว่าเราจะต้องใช้มัน...อ้อ คืนนี้ก็โทร.บอกคุณกฤษดาให้ตรวจเช็คสภาพความพร้อมของเฮลิคอปเตอร์ที่จะใช้งานด้วย
จะได้ไม่มีอะไรผิดพลาด”
“ครับเจ้านาย”
“เธอหนีฉันไม่รอดหรอก
เฌอเมวีร์” อัลนัลโด้ยกยิ้มมุมปาก ปลายนิ้วยังคงลูบสัมผัสตรงที่โดนกัดราวกับเป็นสิ่งล้ำค่าก็ไม่ปาน
ทุกครั้งที่เจอหน้ากันเขาจะต้องเป็นฝ่ายเจ็บตัวไม่ส่วนใดก็ส่วนหนึ่ง คอยดูเถอะหากเขาพิการขึ้นมาเธอจะต้องรับผิดชอบเขาไปตลอดชีวิต
แสงอ่อนๆลอดผ่านผ้าม่านเข้ามาทางหน้าต่างบอกเวลาของเช้าวันใหม่ ที่ห้องพักคนไข้พิเศษเฌอเมวีร์ยังคงนอนกอดผู้เป็นบิดาแน่นราวกับเป็นเด็กตัวน้อยอยู่บนเตียงคนป่วย
ท่ามกลางสายตาของหมอและพยาบาลที่เข้ามาดูอาการของเสี่ยอลันในตอนเช้า
แววตาที่มองมีหลากหลายความรู้สึกทั้งตำหนิและนึกเอ็นดูอยู่ในที
คงจะเป็นห่วงพ่อมากจึงกอดเสียแน่นขนาดนี้ ถ้าตัวเธอไม่เล็กและบอบบางล่ะก็คงกลิ้งตกเตียงไปนานแล้วแน่ๆ
“อาการไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้วนะครับ
เลือดหมดถุงเมื่อไหร่ก็กลับบ้านได้แล้ว” คุณหมอวัยกลางคนแจ้งอาการกับเสี่ยอลันด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่ม
รอยยิ้มอบอุ่นผุดขึ้นที่มุมปากพลางขยับแว่นตาเล็กน้อยเพราะคนตัวเล็กบนเตียงยังไม่มีทีท่าว่าจะตื่นสักที
“ขอบคุณมากครับหมอ” เสี่ยอลันยิ้มตอบก่อนจะก้มลงมองดูลูกสาวขี้เซาของตัวเอง
มือใหญ่หนายกขึ้นมาปัดปอยผมให้เธออย่างรักใคร่เอ็นดู
ยังไม่คิดจะปลุกให้เธอตื่นตอนนี้เพราะไม่รู้อีกกี่วันเขาถึงจะได้กอดเฌอเมวีร์อย่างนี้อีก
แต่ก็ยังมีคนที่คิดต่างและรู้สึกขัดใจอยู่ลึกๆ
จึงคิดอยากจะบอกเป็นนัยๆให้คนไข้ทราบบ้าง...
“เอ่อ...อีกสักพักจะมีพยาบาลมาเช็ดตัวให้คนไข้นะคะ
ดิฉันคิดว่าอาจจะไม่สะดวกนักหากคุณหนู...” นางพยาบาลที่ติดตามคุณหมอมาด้วยเอ่ยขึ้นยังไม่ทันจะจบประโยคดีก็ต้องชะงักไว้เพียงเท่านั้น
เมื่อเสี่ยอลันตวัดสายตามองมาที่เธอ พลันก็เหมือนถูกอะไรบางอย่างอุดปากเอาไว้โดยอัตโนมัติ
นัยน์ตาคมกล้ามองใบหน้าที่เริ่มจะซีดเผือดนิ่ง เขาไม่ได้แสดงท่าทีแข็งกร้าวแต่ก็รู้สึกเคืองใจอยู่ในระดับหนึ่งเพราะน้ำเสียงที่ใช้แม้จะดูนุ่มนวลอ่อนโยน
แต่เขาก็พอจะจับสังเกตจากสีหน้าและแววตาของเธอได้ว่ากำลังนึกตำหนิบุตรสาวสุดที่รักของเขาในทางอ้อม
“ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับ...เมื่อถึงเวลาผมพอรู้ว่าอะไรควรไม่ควร”
คนป่วยบอกด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบแต่ก็แฝงไปด้วยพลังและอำนาจจนน่าขนลุก
นางพยาบาลที่กำลังสบสายตาคมคู่นั้นถึงกับหน้าถอดสี ยืนไหล่สั่นอย่างไม่รู้สาเหตุ
ไหนจะสายตาของผู้ชายตัวใหญ่ราวกับยักษ์ที่กำลังมองมาด้วยใบหน้าเหี้ยมนั่นอีก
จนเธอต้องรีบก้มหน้าหลบสายตาอย่างรวดเร็ว
ความคิดเห็น