คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 1 สถานการณ์สร้างวีรบุรุษ [1]
ตอนที่ 1
สถานการณ์สร้างวีรบุรุษ
รถยุโรปสีเข้มแล่นด้วยความเร็วสม่ำเสมอบนถนนที่ทอดยาวตัดผ่านหุบเขา บรรยากาศทั้งสองข้างทางตอนนี้ให้ความรู้สึกเหมือนกับว่ากำลังถูกโอบกอดจากธรรมชาติอย่างแท้จริง
โดยทิวทัศน์ด้านซ้ายเป็นเทือกเขาสวยงามอีกด้านคือทะเลสีครามที่กว้างใหญ่สุดสายตา
แต่ทว่าความสวยงามภายนอกรถไม่ได้ทำให้บุคคลที่นั่งอยู่ด้านในรู้สึกภิรมย์ใจเลยแม้แต่น้อย
ไม่ใช่เพราะความเคยชินหากแต่เป็นความหวาดระแวงที่แทรกเข้ามาในความนึกคิดต่างหาก หัวคิ้วของผู้ที่ทำหน้าที่เป็นคนขับขมวดเข้าหากันแน่น
ความกังวลฉายชัดขึ้นบนใบหน้าที่รกครึ้มไปด้วยหนวดเครา ดวงตาคู่คมจับจ้องไปยังถนนเบื้องหน้าอย่างระแวดระวังพลางเหลือบมองกระจกหลังเป็นระยะ
“เสี่ยครับ ผมคิดว่ามีบางอย่างที่ไม่ชอบมาพากล...เพื่อความไม่ประมาทเสี่ยหมอบต่ำไว้ก่อนดีกว่านะครับ”
คนขับรถที่ควบตำแหน่งบอดี้การ์ดประจำตัวเอ่ยขึ้นเสียงเครียด
ขณะที่รถยังคงวิ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วสม่ำเสมอเช่นเดิม
สิ่งที่ผิดปกติในตอนนี้คือ รถของพวกเขาเหมือนถูกดักไว้ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ก่อนหน้านี้เขาลองผ่อนความเร็วลงเพื่อให้รถคันหลังแซงหน้าขึ้นไปแต่อีกฝ่ายกลับนิ่งเฉย
ครั้นพอเขาเป็นฝ่ายขับแซงรถคันหน้าขึ้นไปเสียเอง ไม่นานหลังจากนั้นรถคันเดียวกันนั้นก็แซงกลับไปอยู่ตำแหน่งเดิม
มันจึงทำให้คิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลย
ชายรูปร่างสูงใหญ่ที่นั่งเบาะหลังคือเสี่ยอลัน
กาลสกุล
เป็นเศรษฐีระดับต้นๆของจังหวัดภูเก็ตและถือได้ว่าเป็นมาเฟียรุ่นใหญ่ของที่นี่ก็ว่าได้
เนื่องจากธุรกิจปล่อยเงินกู้รายใหญ่ที่สุดทางภาคใต้
ทำให้เขามีอิทธิพลต่อภาคธุรกิจหลายประเภทรวมถึงประชาชนทั่วไปด้วย เสี่ยอลันปล่อยเงินกู้นอกระบบก็จริงแต่เขาเรียกเก็บดอกเบี้ยอยู่ในอัตราตามที่กฎหมายกำหนดทุกประการ
ฉะนั้นเมื่อต้องการขอกู้เงินก้อนใหญ่เสี่ยอลันจึงเป็นคนแรกที่ถูกนึกถึงเสมอ ครั้นจะไปพึ่งธนาคารก็ต้องเตรียมเอกสารยุ่งยากและเสียเวลามาก
จึงไม่แปลกนักที่จะมีคนเต็มใจมาเป็นลูกหนี้ของเขากันอย่างล้นหลาม
บางครั้งกับชาวบ้านที่กำลังเดือดร้อนเรื่องเงินอย่างหนักเสี่ยอลันก็ให้ยืมโดยไม่คิดดอกเบี้ยด้วยซ้ำไป
“อาจจะไม่มีอะไรก็ได้นะเฮดิส...คอยดูต่อไปก่อน”
แม้จะบอกแบบนั้นแต่สีหน้าของเสี่ยอลันยังดูเคร่งเครียด สายตาก็คอยสังเกตทั้งสองข้างทางอย่างไม่วางใจเช่นกัน
มือที่เหี่ยวย่นตามวัยจับอาวุธที่จะใช้ป้องกันตัวอย่างเตรียมพร้อมตลอดเวลา
เป็นธรรมดาที่เฮดิสจะระมัดระวังตัวเป็นพิเศษเพราะเหตุการณ์แบบนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้ว
เมื่อหลายเดือนก่อนเกิดเหตุการณ์ที่คล้ายกันแบบนี้
เขาถูกมือปืนลอบทำร้ายแต่ก็เอาตัวรอดมาได้ พอตรวจสอบกลับจับมือใครดมไม่ได้สุดท้ายคดีก็เงียบหายไป
แม้จะเป็นผู้มีอิทธิพลคนหนึ่งแต่คนที่อยู่เบื้องหลังคงมีอำนาจบารมีใหญ่โตกว่า เรื่องคดีมันจึงไม่ความคืบหน้าไปไหน
ส่วนตัวเขาพอจะทราบดีว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้เขาถูกลอบทำร้ายในวันนั้น
อำนาจและบารมีมันช่างหอมหวานยิ่งนัก เมื่อได้ถือครอบครองย่อมไม่อยากปล่อยให้หลุดมือไปง่ายๆ
การดึงตัวคนที่มีอิทธิพลด้านการเงินเข้ามาเป็นสมาชิกนั้นย่อมส่งผลดีและสร้างประโยชน์ได้อย่างมหาศาล
เพียงเพราะเขาปฏิเสธที่จะลงเล่นการเมืองในฐานะสมาชิกของพรรคการเมืองชื่อดัง เพราะอยากใช้ชีวิตอย่างสงบและเรียบง่ายมากกว่า
แต่อีกฝ่ายกลับคิดว่าเขาต้องการที่จะเป็นคู่แข่ง เมื่อไม่ได้เป็นพวกเดียวกันก็กลายเป็นศัตรูไปโดยปริยาย
หน้ามืดตามัวไม่รับฟังเหตุผลถือความคิดของตัวเองเป็นใหญ่เขาจึงเกือบเอาชีวิตไม่รอด
เมื่อรู้ว่าแท้จริงแล้วเขาไม่ได้เข้าสมัครเป็นสมาชิกของพรรคใดตามที่ถูกกล่าวหา พวกมันก็แค่ไม่ส่งคนมาไล่ล่าเขาอีกเป็นรอบที่สองและแสดงบทบาทนักบุญในคราบซาตานต่อไป
ทว่าการถูกทำร้ายโดยที่ไม่มีความผิดเขาย่อมเจ็บแค้นเป็นธรรมดา
ถึงจะรู้ว่าใครบงการแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะยังไม่มีหลักฐาน
เมื่อพึ่งพาตำรวจไม่ได้เสี่ยอลันจึงสืบเรื่องนี้ด้วยตัวเองอย่างเงียบๆและมีเพื่อนตำรวจที่คุ้นเคยกันมานานแอบคอยช่วยเหลืออีกแรง
ตอนนี้กำลังรวบรวมหลักฐานให้แน่นหนาที่สุด
เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่มีหนทางไหนช่วยให้คนทำผิดหนีรอดจากการะบวนการทางกฎหมายได้อีกต่อไป
ไม่ว่าคนที่ คอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลังจะใหญ่โตสักแค่ไหน ก็ไม่กล้าเอาตำแหน่งหน้าที่ของตัวเองเข้ามาเสี่ยงอย่างแน่นอน
ผ่านมาหลายเดือนคดียังคงเงียบหายและตำรวจอาจจะลืมไปแล้วก็ได้
ซึ่งเขาก็ได้แต่เฝ้ารอนับวันเวลาอย่างใจเย็น แต่การรวบรวมหลักฐานเอาผิดพวกมันก็เป็นไปอย่างยากลำบากเหลือเกิน
แน่นอนว่ามันคงไม่ทิ้งร่องรอยเอาไว้ให้ตามเก็บได้ง่ายๆ
แต่เขาก็จะไม่หมดความพยายามเช่นกัน
ช่วงเวลาที่หายใจไม่ทั่วท้อง เสี่ยอลันนั่งขบกรามแน่นเมื่อนึกย้อนกลับไปในวันนั้น...ทว่าวันนี้เขากลับสับสนมึนงงอยู่ไม่น้อยที่จู่ๆก็ถูกตามประกบแบบนี้
ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็อยู่อย่างสงบดี
“ผมคิดว่าพวกมันกำลังรอเวลาลงมือมากกว่า...ถ้าเรายังรอดูต่อไป
เราอาจจะไม่รอดเหมือนครั้งก่อนนะครับเสี่ย” เฮดิสเอ่ยเสียงเครียดเพราะเวลานี้พวกเขากำลังเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
เสี่ยอลันสั่งไม่ให้บอดี้การ์ดตามคุ้มกันอย่างแน่นหนาเหมือนเช่นทุกวัน
ตัวเขาเองก็ประมาทเกินไปที่ไม่ทักท้วงเจ้านายเลยสักคำ
“ทำไมยังไม่เลิกจองเวรกับฉันอีก
ในเมื่อฉันทนยอมเป็นเต่าที่คอยหดหัวอยู่ในกระดองแล้วแท้ๆ” เสี่ยอลันเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ
ก่อนจะฉุกคิดขึ้นมาได้ “หรือว่าพวกมันจะรู้ตัวแล้ว
ว่าเรากำลังจ้องจะเล่นงานมันอยู่”
“ผมว่าเรื่องนั้นพวกมันคงยังไม่รู้หรอกครับ
ผมให้คนของผมคอยจับตาดูอยู่...แต่ถ้าผมเดาไม่ผิด
คงเป็นเรื่องที่เสี่ยกำลังจะไปโอนที่ดินวันนี้มากกว่า...ได้ข่าวว่านายใหญ่ของพวกมันต้องการที่ดินตรงนั้นมาก”
ที่ดินทำเลทองที่ทุกคนต้องการครอบครองและแย่งชิงเสนอราคาด้วยตัวเลขหลักร้อยล้าน
แต่ด้วยเหตุผลอะไรเขาก็ไม่ทราบอย่างแน่ชัด รู้แต่เพียงว่าเจ้าของที่ดินเลือกที่จะขายให้กับเสี่ยอลันคนเดียว
“เรื่องเก่ายังไม่ทันจะสะสาง...”
เสี่ยอลันคำรามอย่างโกรธจัด เขาจะกระดิกตัวทำอะไรไม่ได้เลยหรืออย่างไร
จะทำอะไรก็ดูจะขัดผลประโยชน์ผู้อื่นไปเสียหมด ช่างไม่มีความยุติธรรมเอาเสียเลย
ทำไมถึงปล่อยให้คนเลววางอำนาจได้ขนาดนี้
“บางทีมันอาจจะแค่ขัดขวางไม่ให้เราไปโอนที่ได้สำเร็จ...” เฮดิสกำลังสันนิษฐาน
“หรือไม่ก็กำจัดฉันให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย
จะได้ไม่ขวางหูขวางตาพวกมันอีกตลอดไป” เขาต่ออีกประโยคด้วยใบหน้าถมึงทึง
และเป็นจังหวะเดียวกับที่ท้ายรถของพวกเขาถูกกระแทกอย่างแรง
จนร่างของเสี่ยอลันถลาไปด้านหน้าอย่างทรงตัวไม่อยู่ และทำให้รู้ว่าพวกมันเริ่มลงมือแล้ว
เฮดิสหักพวกมาลัยหลบแล้วเร่งความเร็วหนีขึ้นไปด้านหน้า
หากจะต้องปะทะกันจริงๆเขาต้องหาที่กำบังเสียก่อน
“เสี่ยหมอบไว้ก่อนนะครับ
ผมรู้ว่าอีกสักพักมันต้องยิงเราแน่” สิ้นคำเตือนของเฮดิสก็เกิดเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด
แต่ไม่ใช่ฝ่ายตรงข้ามที่ยิงมา หากแต่เป็นเสี่ยอลันที่ลดกระจกลงแล้วชิงลงมือยิงใส่พวกมันไปก่อน
เขาไม่ได้เป็นเต่าที่คอยหดหัวอยู่ในกระดอง เมื่อถึงคราวคับขันมีอะไรช่วยเหลือกันได้ก็ต้องทำ
บนถนนเส้นเดียวกันนี้มีรถอีกคันกำลังวิ่งสวนมาอย่างราบรื่นไม่รับรู้ถึงอันตรายที่รออยู่เบื้องหน้า
ครั้นเมื่อได้ยินเสียงปืนดังขึ้นคนขับรถก็เหยียบเบรคอย่างแรงโดยไม่ต้องคิด
โชคดีที่ไม่มีรถคันอื่นวิ่งตามหลังมาด้วยไม่เช่นนั้นคงชนกันเป็นแถวแน่นอน แต่การหยุดรถอย่างกะทันหันนี้ทำให้ผู้ชายตัวโตที่นั่งอยู่เบาะหลังถึงกับตัวลอยและถ้าเขาไม่ยึดเบาะด้านหน้าไว้ได้ทันหัวคงคะมำลงพื้นไปแล้ว
“ทำบ้าอะไรของนายมาร์คัส” อัลนัลโด้ร้องถามเสียงเข้มห้วน สีหน้าดูไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมาก
“ขอโทษครับเจ้านาย
พอดีผมได้ยินเสียงปืนดังอยู่ข้างหน้า กลัวว่าเจ้านายจะโดนลูกหลงผมจึงต้องหยุดรถอย่างกะทันหัน”
สีหน้าของมาร์คัสดูเคร่งขรึมและจริงจัง จากนั้นก็หักพวงมาลัยเลี้ยวรถเข้าข้างทางแล้วจ้องไปเบื้องหน้าอย่างสงสัยใคร่รู้
“เกิดอะไรขึ้น” เมื่อตั้งสติได้จึงเอ่ยถาม
เพราะเขามัวแต่อ่านเอกสารในมือจนลืมสังเกตรอบตัวว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ตัวอยู่บนรถแต่จิตใจของเขากลับลอยไปถึงบ้านของเฌอเมวีร์ตั้งนานแล้ว
อยากรู้เหลือเกินว่าเธอจะทำหน้าอย่างไรเมื่อเจอเขานั่งอยู่ในบ้านของเธอในฐานะแขกพิเศษ
ยังไม่ทันจะได้คำตอบจากมาร์คัสภาพเหตุการณ์ชวนระทึกขวัญก็ฉายชัดเข้ามาในดวงตาคมกล้าของเขาทันที
รถราคาแพงแล่นมาด้วยความเร็วและมีรถกระบะขับตามมาอย่างไม่ลดละพร้อมกับยิงปืนใส่ตัวรถไปด้วย
ก่อนที่รถคันหน้าจะเสียหลักพุ่งชนก้อนหินขนาดใหญ่และขับต่อไปไม่ได้
หากมองเผินๆจะเห็นว่าเหมือนตำรวจกำลังตามจับตัวคนร้ายแล้วมีการยิงต่อสู้ขัดขืนเกิดขึ้น
ทว่าสำหรับคนที่คลุกคลีกับมาเฟียมาตั้งแต่จำความได้ อัลนัลโด้จึงมองออกว่าเป็นการล่าสังหารกันมากกว่า
แต่ชักจะเหิมเกริมไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายเอาซะเลย
หากเป็นมนุษย์ปกติทั่วไปเมื่อเจอกับเหตุการณ์แบบนี้คงรีบถอยรถแล้วขับหนีไปให้ไกลที่สุดตั้งนานแล้ว
ต่อไปก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจเข้าจัดการ แต่คนตัวโตสองคนกลับยังคงนั่งนิ่งและเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างไม่ให้คาดสายตา
อัลนัลโด้นึกคันไม้คันมืออยากจะเข้าไปช่วยเหลือเต็มแก่ ติดตรงที่เขายังไม่แน่ใจว่าฝ่ายไหนเป็นคนร้ายตัวจริง
ชายสองคนใช้รถที่มีสภาพพังยับไปแถบหนึ่งเป็นเกราะกำบังและสาดกระสุนกลับไปบ้าง
กลุ่มคนชุดดำมีจำนวนมากกว่าแต่ฝ่ายตรงข้ามก็มีฝีมือดีพอสมควร ทว่าเพราะจำนวนคนที่น้อยกว่าและยังบาดเจ็บจากเหตุรถชนอีกจึงมีโอกาสที่จะเพลี่ยงพล้ำได้ง่ายกว่า
อัลนัลโด้กำลังครุ่นคิดอยู่ในใจไม่ถึงนาทีเสี่ยอลันก็ถูกยิงเข้าที่แขนและดูเหมือนว่าสถานการณ์กำลังเลวร้ายลงไปอีกเมื่อกระสุนของเฮดิสกำลังจะหมด
“นายว่าคนที่ถูกยิงหน้าตาคุ้นๆไหม...”
อัลนัลโด้ถามมาร์คัสอย่างขอความเห็น
เขารู้สึกคุ้นหน้าผู้ชายคนนี้อย่างบอกไม่ถูกแต่ยังนึกไม่ออกว่าเคยเจอที่ไหน
“นั่นสิครับ เหมือนว่าผมจะเห็นหน้าเขาเมื่อเช้านี้เอง...”
มาร์คัสพึมพำพลางครุ่นคิด
ก่อนที่ดวงตาของเขาจะเบิกกว้างแล้วร้องขึ้นเสียงดัง “เจ้านายครับ...คนที่ถูกยิงคือเสี่ยอลันพ่อของคุณเฌอเมวีร์ไงครับ...ฉิบหายแล้ว!”
ความคิดเห็น