ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เจ้าพ่อลวงเสน่หา ชุดเจ้าพ่อนักรัก [วางแผงแล้วค่ะ]

    ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 1 สถานการณ์สร้างวีรบุรุษ [1]

    • อัปเดตล่าสุด 9 ก.ย. 58




    ตอนที่ 1

    สถานการณ์สร้างวีรบุรุษ

     

    รถยุโรปสีเข้มแล่นด้วยความเร็วสม่ำเสมอบนถนนที่ทอดยาวตัดผ่านหุบเขา บรรยากาศทั้งสองข้างทางตอนนี้ให้ความรู้สึกเหมือนกับว่ากำลังถูกโอบกอดจากธรรมชาติอย่างแท้จริง โดยทิวทัศน์ด้านซ้ายเป็นเทือกเขาสวยงามอีกด้านคือทะเลสีครามที่กว้างใหญ่สุดสายตา

                แต่ทว่าความสวยงามภายนอกรถไม่ได้ทำให้บุคคลที่นั่งอยู่ด้านในรู้สึกภิรมย์ใจเลยแม้แต่น้อย ไม่ใช่เพราะความเคยชินหากแต่เป็นความหวาดระแวงที่แทรกเข้ามาในความนึกคิดต่างหาก หัวคิ้วของผู้ที่ทำหน้าที่เป็นคนขับขมวดเข้าหากันแน่น ความกังวลฉายชัดขึ้นบนใบหน้าที่รกครึ้มไปด้วยหนวดเครา ดวงตาคู่คมจับจ้องไปยังถนนเบื้องหน้าอย่างระแวดระวังพลางเหลือบมองกระจกหลังเป็นระยะ

                 เสี่ยครับ ผมคิดว่ามีบางอย่างที่ไม่ชอบมาพากล...เพื่อความไม่ประมาทเสี่ยหมอบต่ำไว้ก่อนดีกว่านะครับคนขับรถที่ควบตำแหน่งบอดี้การ์ดประจำตัวเอ่ยขึ้นเสียงเครียด ขณะที่รถยังคงวิ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วสม่ำเสมอเช่นเดิม สิ่งที่ผิดปกติในตอนนี้คือ รถของพวกเขาเหมือนถูกดักไว้ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ก่อนหน้านี้เขาลองผ่อนความเร็วลงเพื่อให้รถคันหลังแซงหน้าขึ้นไปแต่อีกฝ่ายกลับนิ่งเฉย ครั้นพอเขาเป็นฝ่ายขับแซงรถคันหน้าขึ้นไปเสียเอง ไม่นานหลังจากนั้นรถคันเดียวกันนั้นก็แซงกลับไปอยู่ตำแหน่งเดิม มันจึงทำให้คิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลย       

                ชายรูปร่างสูงใหญ่ที่นั่งเบาะหลังคือเสี่ยอลัน กาลสกุล เป็นเศรษฐีระดับต้นๆของจังหวัดภูเก็ตและถือได้ว่าเป็นมาเฟียรุ่นใหญ่ของที่นี่ก็ว่าได้ เนื่องจากธุรกิจปล่อยเงินกู้รายใหญ่ที่สุดทางภาคใต้ ทำให้เขามีอิทธิพลต่อภาคธุรกิจหลายประเภทรวมถึงประชาชนทั่วไปด้วย เสี่ยอลันปล่อยเงินกู้นอกระบบก็จริงแต่เขาเรียกเก็บดอกเบี้ยอยู่ในอัตราตามที่กฎหมายกำหนดทุกประการ ฉะนั้นเมื่อต้องการขอกู้เงินก้อนใหญ่เสี่ยอลันจึงเป็นคนแรกที่ถูกนึกถึงเสมอ ครั้นจะไปพึ่งธนาคารก็ต้องเตรียมเอกสารยุ่งยากและเสียเวลามาก จึงไม่แปลกนักที่จะมีคนเต็มใจมาเป็นลูกหนี้ของเขากันอย่างล้นหลาม บางครั้งกับชาวบ้านที่กำลังเดือดร้อนเรื่องเงินอย่างหนักเสี่ยอลันก็ให้ยืมโดยไม่คิดดอกเบี้ยด้วยซ้ำไป

                “อาจจะไม่มีอะไรก็ได้นะเฮดิส...คอยดูต่อไปก่อนแม้จะบอกแบบนั้นแต่สีหน้าของเสี่ยอลันยังดูเคร่งเครียด สายตาก็คอยสังเกตทั้งสองข้างทางอย่างไม่วางใจเช่นกัน มือที่เหี่ยวย่นตามวัยจับอาวุธที่จะใช้ป้องกันตัวอย่างเตรียมพร้อมตลอดเวลา เป็นธรรมดาที่เฮดิสจะระมัดระวังตัวเป็นพิเศษเพราะเหตุการณ์แบบนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้ว

    เมื่อหลายเดือนก่อนเกิดเหตุการณ์ที่คล้ายกันแบบนี้ เขาถูกมือปืนลอบทำร้ายแต่ก็เอาตัวรอดมาได้ พอตรวจสอบกลับจับมือใครดมไม่ได้สุดท้ายคดีก็เงียบหายไป แม้จะเป็นผู้มีอิทธิพลคนหนึ่งแต่คนที่อยู่เบื้องหลังคงมีอำนาจบารมีใหญ่โตกว่า เรื่องคดีมันจึงไม่ความคืบหน้าไปไหน

    ส่วนตัวเขาพอจะทราบดีว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้เขาถูกลอบทำร้ายในวันนั้น อำนาจและบารมีมันช่างหอมหวานยิ่งนัก เมื่อได้ถือครอบครองย่อมไม่อยากปล่อยให้หลุดมือไปง่ายๆ การดึงตัวคนที่มีอิทธิพลด้านการเงินเข้ามาเป็นสมาชิกนั้นย่อมส่งผลดีและสร้างประโยชน์ได้อย่างมหาศาล เพียงเพราะเขาปฏิเสธที่จะลงเล่นการเมืองในฐานะสมาชิกของพรรคการเมืองชื่อดัง เพราะอยากใช้ชีวิตอย่างสงบและเรียบง่ายมากกว่า แต่อีกฝ่ายกลับคิดว่าเขาต้องการที่จะเป็นคู่แข่ง เมื่อไม่ได้เป็นพวกเดียวกันก็กลายเป็นศัตรูไปโดยปริยาย

    หน้ามืดตามัวไม่รับฟังเหตุผลถือความคิดของตัวเองเป็นใหญ่เขาจึงเกือบเอาชีวิตไม่รอด เมื่อรู้ว่าแท้จริงแล้วเขาไม่ได้เข้าสมัครเป็นสมาชิกของพรรคใดตามที่ถูกกล่าวหา พวกมันก็แค่ไม่ส่งคนมาไล่ล่าเขาอีกเป็นรอบที่สองและแสดงบทบาทนักบุญในคราบซาตานต่อไป ทว่าการถูกทำร้ายโดยที่ไม่มีความผิดเขาย่อมเจ็บแค้นเป็นธรรมดา

    ถึงจะรู้ว่าใครบงการแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะยังไม่มีหลักฐาน เมื่อพึ่งพาตำรวจไม่ได้เสี่ยอลันจึงสืบเรื่องนี้ด้วยตัวเองอย่างเงียบๆและมีเพื่อนตำรวจที่คุ้นเคยกันมานานแอบคอยช่วยเหลืออีกแรง ตอนนี้กำลังรวบรวมหลักฐานให้แน่นหนาที่สุด เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่มีหนทางไหนช่วยให้คนทำผิดหนีรอดจากการะบวนการทางกฎหมายได้อีกต่อไป ไม่ว่าคนที่ คอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลังจะใหญ่โตสักแค่ไหน ก็ไม่กล้าเอาตำแหน่งหน้าที่ของตัวเองเข้ามาเสี่ยงอย่างแน่นอน

    ผ่านมาหลายเดือนคดียังคงเงียบหายและตำรวจอาจจะลืมไปแล้วก็ได้ ซึ่งเขาก็ได้แต่เฝ้ารอนับวันเวลาอย่างใจเย็น แต่การรวบรวมหลักฐานเอาผิดพวกมันก็เป็นไปอย่างยากลำบากเหลือเกิน แน่นอนว่ามันคงไม่ทิ้งร่องรอยเอาไว้ให้ตามเก็บได้ง่ายๆ แต่เขาก็จะไม่หมดความพยายามเช่นกัน

    ช่วงเวลาที่หายใจไม่ทั่วท้อง เสี่ยอลันนั่งขบกรามแน่นเมื่อนึกย้อนกลับไปในวันนั้น...ทว่าวันนี้เขากลับสับสนมึนงงอยู่ไม่น้อยที่จู่ๆก็ถูกตามประกบแบบนี้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็อยู่อย่างสงบดี

     ผมคิดว่าพวกมันกำลังรอเวลาลงมือมากกว่า...ถ้าเรายังรอดูต่อไป เราอาจจะไม่รอดเหมือนครั้งก่อนนะครับเสี่ยเฮดิสเอ่ยเสียงเครียดเพราะเวลานี้พวกเขากำลังเป็นฝ่ายเสียเปรียบ เสี่ยอลันสั่งไม่ให้บอดี้การ์ดตามคุ้มกันอย่างแน่นหนาเหมือนเช่นทุกวัน ตัวเขาเองก็ประมาทเกินไปที่ไม่ทักท้วงเจ้านายเลยสักคำ

                “ทำไมยังไม่เลิกจองเวรกับฉันอีก ในเมื่อฉันทนยอมเป็นเต่าที่คอยหดหัวอยู่ในกระดองแล้วแท้ๆเสี่ยอลันเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ ก่อนจะฉุกคิดขึ้นมาได้ หรือว่าพวกมันจะรู้ตัวแล้ว ว่าเรากำลังจ้องจะเล่นงานมันอยู่

                ผมว่าเรื่องนั้นพวกมันคงยังไม่รู้หรอกครับ ผมให้คนของผมคอยจับตาดูอยู่...แต่ถ้าผมเดาไม่ผิด คงเป็นเรื่องที่เสี่ยกำลังจะไปโอนที่ดินวันนี้มากกว่า...ได้ข่าวว่านายใหญ่ของพวกมันต้องการที่ดินตรงนั้นมากที่ดินทำเลทองที่ทุกคนต้องการครอบครองและแย่งชิงเสนอราคาด้วยตัวเลขหลักร้อยล้าน แต่ด้วยเหตุผลอะไรเขาก็ไม่ทราบอย่างแน่ชัด รู้แต่เพียงว่าเจ้าของที่ดินเลือกที่จะขายให้กับเสี่ยอลันคนเดียว

                “เรื่องเก่ายังไม่ทันจะสะสาง...เสี่ยอลันคำรามอย่างโกรธจัด เขาจะกระดิกตัวทำอะไรไม่ได้เลยหรืออย่างไร จะทำอะไรก็ดูจะขัดผลประโยชน์ผู้อื่นไปเสียหมด ช่างไม่มีความยุติธรรมเอาเสียเลย ทำไมถึงปล่อยให้คนเลววางอำนาจได้ขนาดนี้

                บางทีมันอาจจะแค่ขัดขวางไม่ให้เราไปโอนที่ได้สำเร็จ... เฮดิสกำลังสันนิษฐาน

                หรือไม่ก็กำจัดฉันให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย จะได้ไม่ขวางหูขวางตาพวกมันอีกตลอดไปเขาต่ออีกประโยคด้วยใบหน้าถมึงทึง และเป็นจังหวะเดียวกับที่ท้ายรถของพวกเขาถูกกระแทกอย่างแรง จนร่างของเสี่ยอลันถลาไปด้านหน้าอย่างทรงตัวไม่อยู่ และทำให้รู้ว่าพวกมันเริ่มลงมือแล้ว เฮดิสหักพวกมาลัยหลบแล้วเร่งความเร็วหนีขึ้นไปด้านหน้า หากจะต้องปะทะกันจริงๆเขาต้องหาที่กำบังเสียก่อน

                เสี่ยหมอบไว้ก่อนนะครับ ผมรู้ว่าอีกสักพักมันต้องยิงเราแน่สิ้นคำเตือนของเฮดิสก็เกิดเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด แต่ไม่ใช่ฝ่ายตรงข้ามที่ยิงมา หากแต่เป็นเสี่ยอลันที่ลดกระจกลงแล้วชิงลงมือยิงใส่พวกมันไปก่อน เขาไม่ได้เป็นเต่าที่คอยหดหัวอยู่ในกระดอง เมื่อถึงคราวคับขันมีอะไรช่วยเหลือกันได้ก็ต้องทำ  

                บนถนนเส้นเดียวกันนี้มีรถอีกคันกำลังวิ่งสวนมาอย่างราบรื่นไม่รับรู้ถึงอันตรายที่รออยู่เบื้องหน้า ครั้นเมื่อได้ยินเสียงปืนดังขึ้นคนขับรถก็เหยียบเบรคอย่างแรงโดยไม่ต้องคิด โชคดีที่ไม่มีรถคันอื่นวิ่งตามหลังมาด้วยไม่เช่นนั้นคงชนกันเป็นแถวแน่นอน แต่การหยุดรถอย่างกะทันหันนี้ทำให้ผู้ชายตัวโตที่นั่งอยู่เบาะหลังถึงกับตัวลอยและถ้าเขาไม่ยึดเบาะด้านหน้าไว้ได้ทันหัวคงคะมำลงพื้นไปแล้ว

                ทำบ้าอะไรของนายมาร์คัสอัลนัลโด้ร้องถามเสียงเข้มห้วน สีหน้าดูไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมาก

                ขอโทษครับเจ้านาย พอดีผมได้ยินเสียงปืนดังอยู่ข้างหน้า กลัวว่าเจ้านายจะโดนลูกหลงผมจึงต้องหยุดรถอย่างกะทันหันสีหน้าของมาร์คัสดูเคร่งขรึมและจริงจัง จากนั้นก็หักพวงมาลัยเลี้ยวรถเข้าข้างทางแล้วจ้องไปเบื้องหน้าอย่างสงสัยใคร่รู้

                เกิดอะไรขึ้นเมื่อตั้งสติได้จึงเอ่ยถาม เพราะเขามัวแต่อ่านเอกสารในมือจนลืมสังเกตรอบตัวว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ตัวอยู่บนรถแต่จิตใจของเขากลับลอยไปถึงบ้านของเฌอเมวีร์ตั้งนานแล้ว อยากรู้เหลือเกินว่าเธอจะทำหน้าอย่างไรเมื่อเจอเขานั่งอยู่ในบ้านของเธอในฐานะแขกพิเศษ

                ยังไม่ทันจะได้คำตอบจากมาร์คัสภาพเหตุการณ์ชวนระทึกขวัญก็ฉายชัดเข้ามาในดวงตาคมกล้าของเขาทันที รถราคาแพงแล่นมาด้วยความเร็วและมีรถกระบะขับตามมาอย่างไม่ลดละพร้อมกับยิงปืนใส่ตัวรถไปด้วย ก่อนที่รถคันหน้าจะเสียหลักพุ่งชนก้อนหินขนาดใหญ่และขับต่อไปไม่ได้ หากมองเผินๆจะเห็นว่าเหมือนตำรวจกำลังตามจับตัวคนร้ายแล้วมีการยิงต่อสู้ขัดขืนเกิดขึ้น ทว่าสำหรับคนที่คลุกคลีกับมาเฟียมาตั้งแต่จำความได้ อัลนัลโด้จึงมองออกว่าเป็นการล่าสังหารกันมากกว่า แต่ชักจะเหิมเกริมไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายเอาซะเลย

     หากเป็นมนุษย์ปกติทั่วไปเมื่อเจอกับเหตุการณ์แบบนี้คงรีบถอยรถแล้วขับหนีไปให้ไกลที่สุดตั้งนานแล้ว ต่อไปก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจเข้าจัดการ แต่คนตัวโตสองคนกลับยังคงนั่งนิ่งและเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างไม่ให้คาดสายตา อัลนัลโด้นึกคันไม้คันมืออยากจะเข้าไปช่วยเหลือเต็มแก่ ติดตรงที่เขายังไม่แน่ใจว่าฝ่ายไหนเป็นคนร้ายตัวจริง

    ชายสองคนใช้รถที่มีสภาพพังยับไปแถบหนึ่งเป็นเกราะกำบังและสาดกระสุนกลับไปบ้าง กลุ่มคนชุดดำมีจำนวนมากกว่าแต่ฝ่ายตรงข้ามก็มีฝีมือดีพอสมควร ทว่าเพราะจำนวนคนที่น้อยกว่าและยังบาดเจ็บจากเหตุรถชนอีกจึงมีโอกาสที่จะเพลี่ยงพล้ำได้ง่ายกว่า อัลนัลโด้กำลังครุ่นคิดอยู่ในใจไม่ถึงนาทีเสี่ยอลันก็ถูกยิงเข้าที่แขนและดูเหมือนว่าสถานการณ์กำลังเลวร้ายลงไปอีกเมื่อกระสุนของเฮดิสกำลังจะหมด

    นายว่าคนที่ถูกยิงหน้าตาคุ้นๆไหม...อัลนัลโด้ถามมาร์คัสอย่างขอความเห็น เขารู้สึกคุ้นหน้าผู้ชายคนนี้อย่างบอกไม่ถูกแต่ยังนึกไม่ออกว่าเคยเจอที่ไหน

    นั่นสิครับ เหมือนว่าผมจะเห็นหน้าเขาเมื่อเช้านี้เอง...มาร์คัสพึมพำพลางครุ่นคิด ก่อนที่ดวงตาของเขาจะเบิกกว้างแล้วร้องขึ้นเสียงดัง เจ้านายครับ...คนที่ถูกยิงคือเสี่ยอลันพ่อของคุณเฌอเมวีร์ไงครับ...ฉิบหายแล้ว!”

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×