คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : ตอนที่ 4 ต้อนเหยื่อให้จนมุม [3]
“จะเอายังไงอีก จะผิดคำพูดหรือไง”
หมัดเล็กๆชูขึ้นมาตรงหน้า พร้อมที่จะซัดใส่หน้าหล่อเหลาได้ทุกเมื่อ
“เปล่า ฉันแค่หนาว
ขออยู่ใกล้ๆไม่ได้หรือไง จะใจร้ายใจดำไปถึงไหน” คนตัวโตเอ่ยด้วยน้ำเสียงละห้อยไม่เข้ากับหน้าสักนิด
เมื่อได้ฟังเหตุผลของอีกฝ่ายเฌอเมวีร์ถึงกับอ้าปากพะงาบๆอย่างตื่นตะลึง
ตัวโตอย่างกับหมีขั้วโลกเหนือ แล้วคนหน้าหนาอย่างเขายังมีความรู้สึกแบบนี้อยู่อีกหรือ
อีกอย่างสภาพอากาศตอนนี้ก็ไม่ได้มีความรู้สึกหนาวเลยสักนิด
ออกจะร้อนหน่อยๆด้วยซ้ำไป...ทำไมเขาถึงได้โกหกปลิ้นปล้อนอย่างนี้ก็ไม่รู้
ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันแน่นจะเป็นเส้นตรง ก่อนจะกัดฟันพูดออกไป
“ถ้าสภาพอากาศแบบนี้เรียกว่าหนาว พอถึงหน้าหนาวขึ้นมาจริงๆ
ประเทศไทยคงมีหิมะตก...เขยิบออกไปเดี๋ยวนี้”
นอกจากจะไม่เชื่อคำพูดของเขาแล้วยังออกปากไล่อย่างไม่ใยดีอีกด้วย
แต่ใช่ว่าอัลนัลโด้จะกลัวสายตานางแมวยั่วสวาทของคนตรงหน้า
เพียงแต่ไม่อยากผิดคำพูดต่อหญิงสาวเท่านั้น จึงถอยก้นของตัวเองออกมาเล็กน้อย
“ขอโทษนะ ฉันขี้ร้อน
ช่วยออกไปห่างๆได้ไหม” เจ้าพ่อเกาะส่งสายตาคาดโทษไปให้หญิงสาว
ก่อนจะเขยิบออกมาอีกสักนิดอย่างไม่ค่อยจะเต็มใจนัก...รอให้ถึงทีเขาบ้างก็แล้วกัน พี่จะจัดให้หนัก!
เฌอเมวีร์ยกมือขึ้นมากอดอกก่อนจะสะบัดหน้าออกไปนอกหน้าต่างและไม่หันกลับมามองเจ้าพ่อเกาะอีกเลย
ถึงแม้จะขัดใจอัลนัลโด้อยู่บ้างแต่ก็ยังดีกว่าที่จะต้องคอยฟาดฟันกันด้วยคำพูดและจบลงด้วยการถูกหญิงสาวลงไม้ลงมือบนตัวเขาจนเจ็บช้ำไปหมด
เห็นตัวเล็กๆแบบนี้หมัดหนักใช่เล่นทีเดียว
ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบเมื่อไม่มีใครคิดจะเอ่ยคำพูดออกมาอีก
แต่ต่างฝ่ายก็ต่างรู้ดีอยู่แก่ใจว่านี่เป็นเพียงแค่การสงบศึกเพียงชั่วคราวเท่านั้น
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วยอดตึกของโรงแรมอินพาราไดซ์ก็ปรากฏแก่สายตาของอัลนัลโด้
ชายหนุ่มปรายตามองคนข้างกายแวบหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย
“ที่พักของเราอยู่ตรงหน้านี้เอง
รับรองว่าปลอดภัย เพราะเป็นโรงแรมของเพื่อนสนิทฉันเอง”
“ฉันไม่เข้าใจเลยจริงๆ ทำไมนายต้องพาฉันมาที่นี่ด้วย...ฉันไม่ชอบกรุงเทพฯ
อยากกลับบ้าน ได้ยินไหมว่าอยากกลับบ้าน” เฌอเมวีร์ไม่สนว่าเขาจะมีเพื่อนที่ทำธุรกิจอะไรและใหญ่โตมากแค่ไหน
เธอสนเฉพาะเรื่องของตัวเองเท่านั้น
“ก็ตอนนี้ที่เกาะของฉันมีเจ้าของโรงแรมอินพาราไดซ์ไปเข้าพักอยู่น่ะสิ
ฉันก็เลยหลบมาพักที่โรงแรมของมันบ้าง ฉันอยากมีเวลาส่วนตัวอยู่กับเธอแค่สองคน
อีกสักวันสองวันฉันจะพาเธอกลับ ตกลงไหม” เสียงทุ้มหวานเอ่ยตอบ
พร้อมกับส่งสายตาอย่างสื่อความหมาย แต่กลับทำให้คนฟังถึงกับควันออกหู
“นายถามฉันสักคำไหม
ว่าอยากมีเวลาอยู่กับนายสองต่อสองหรือเปล่า ไอ้คนทุเรศ
กำลังคิดมิดีมิร้ายกับฉันอยู่ใช่ไหม นายหื่นกาม ไอ้คนบ้า” มือเล็กถลาเข้ามาทุบคนตัวโตไม่ยั้ง
เป็นเวลาเดียวกับที่เฮลิคอปเตอร์ร่อนลงจอดที่ชั้นดาดฟ้าของโรงแรมพอดิบพอดี
“เครื่องลงจอดปุ๊บเธอก็ออกฤทธิ์ทันทีเลยนะ
ทำตามสัญญาอย่างไม่บิดพลิ้วจริงๆ” มือใหญ่จับรวบมือเล็กไว้ด้วยมือเดียว
อีกข้างก็ใช้แขนโอบไหล่มนให้เข้ามาอยู่ในอ้อมกอดได้อย่างไม่ยากเย็น
ก่อนจะกึ่งฉุดกึ่งลากให้ลงจากเครื่องไปด้วยกัน พลันดวงตาสีฟ้าเข้มก็เหลือบเห็นลีโอคนสนิทของพศุตม์ออกมายืนคอยตอนรับพวกเขาอยู่ที่ดาดฟ้า
ห่างจากจุดที่เขายืนอยู่ไม่ไกลนัก
“ถ้าเธอทำให้ฉันขายหน้าต่อหน้าลูกน้องล่ะก็
เธอได้ตกเป็นเมียฉันคืนนี้แน่เฌอเมวีร์” เสียงเข้มกระซิบขู่ข้างใบหูเล็ก
และอาการเงียบของหญิงสาวก็ทำให้เจ้าพ่อเกาะเข้าใจว่าเธอรับทราบข้อตกลง
“สวัสดีครับคุณอัลนัลโด้
อาณาจักรอินพาราไดซ์ยินดีตอนรับครับ” ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ค้อมศีรษะลงเล็กน้อยเป็นการทักทาย
พร้อมกับโปรยยิ้มยินดีส่งให้อีกฝ่าย ก่อนที่ดวงตาสีเทาหม่นจะลดสายตาลงมองผู้หญิงตัวเล็กบอบบางในอ้อมแขนของเจ้าพ่อเกาะอย่างสงสัยใคร่รู้
ครั้นพอได้สานสบกับดวงตาสีฟ้าเข้มอีกครั้งก็ถึงกับสะดุ้งเลยทีเดียว
กระแสอำมหิตแผ่กระจายออกมาจนสัมผัสได้ เป็นการบอกนัยๆว่าสุดแสนจะหวงแหน
แม้แต่มองก็ไม่มีสิทธิ์
แต่ทำไมหญิงสาวผู้โชคดีถึงไม่ได้รู้สึกเป็นปลื้มกับอภิสิทธิ์เช่นนี้
ดูจากสีหน้าและแววตาเหมือนกำลังกล้ำกลืนฝืนทนอย่างไรอย่างนั้น แต่แล้วเขาก็ต้องสลัดความแคลงใจต่อหญิงสาวปริศนาที่อยู่ในอ้อมแขนของเจ้าพ่อเกาะออกไปก่อน
เมื่อเสียงเข้มห้วนเอ่ยขัดจังหวะความคิดของเขา
“สวัสดี ไม่ต้องเป็นทางการขนาดนั้นหรอก
เตรียมห้องไว้แล้วใช่ไหม ฉันเหนื่อยอยากพักผ่อนแล้ว” เขาตอบเสียงเข้ม
รู้สึกอยากออกไปจากตรงนี้เต็มแก่แล้ว
เขาสังหรณ์ใจแปลกๆว่าเฌอเมวีร์จะก่อเรื่องอะไรขึ้นมาอีก
“เชิญทางนี้เลยครับ” ลีโอตอบรับอย่างรวดเร็ว พลางผายมือให้เพื่อนสนิทของเจ้านายเดินตามไปขึ้นลิฟต์ที่อยู่ไม่ไกลนัก
ห้องพักระดับรอยัล สวีต เตรียมพร้อมตอนรับผู้มาเยือนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เฌอเมวีร์ยอมเดินตามไปอย่างว่าง่าย
เธอมีแผนการบางอย่างในใจหากที่นี่เป็นโรงแรมสุดหรูระดับประเทศแล้วล่ะก็ต้องมีคนมากมายหลั่งไหลเข้ามาพักอย่างแน่นอน
เธอรอให้พบเห็นคนเยอะๆก่อนแล้วจะแหกปากให้ลั่นเลยคอยดู...ดวงตาคู่สวยหรี่แคบลงอย่างมาดหมาย
แต่ทุกอย่างกลับไม่เป็นไปอย่างที่หญิงสาวคิด
จากชั้นที่สี่สิบห้าลงมาถึงชั้นที่สี่สิบสาม
ทั้งชั้นมีห้องพักอยู่เพียงแค่ห้องเดียว ปราศจากบุคคลภายนอกแต่อย่างใด
ความเป็นส่วนตัวระดับดับเบิ้ลวีไอพีเสียอีก
สมกับเป็นเพื่อนสนิทของเจ้าของอินพาราไดซ์ อย่างแท้จริง เฌอเมวีร์อยากจะกัดลิ้นตัวเองตายให้สมกับความโง่เง่าของตัวเอง
“นาย ช่วยฉันด้วย ฉันถูกลักพาตัวมา
ผู้ชายสองคนนี้ขู่จะฆ่าฉันด้วย” และแล้วสิ่งที่อัลนัลโด้สังหรณ์ใจก็เกิดขึ้นจนได้
หญิงสาวชี้นิ้วมาที่เขากับมาร์คัสพลางเอ่ยให้ร้ายด้วยน้ำเสียงตื่นกลัว ก่อนจะสะบัดตัวแล้ววิ่งไปหลบที่หลังของลีโออย่างหาที่พึ่ง
ซึ่งสีหน้าของลีโอตอนนี้กำลังกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
“ลีโอ หลบไปซิ” เจ้าพ่อเกาะออกคำสั่ง พลางสาวเท้าเข้าหาหญิงสาวอย่างคุกคาม
“นายอย่าหลบนะ
นายต้องเห็นแก่มนุษยธรรมสิ อย่าปล่อยให้คนเลวพวกนี้ทำร้ายผู้หญิงตัวเล็กๆอย่างฉันได้เป็นอันขาด”
ถ้อยคำให้ร้ายของหญิงสาวไม่ได้ทำให้อารมณ์ของอัลนัลโด้พุ่งสูงขึ้นเท่ากับมองเห็นแขนเรียวเล็กโอบกอดเอวของลีโอแน่นไม่ยอมปล่อย
“ลีโอ
จะหลบดีๆหรือจะหลบแบบนองเลือด” เสียงหนักแน่นและเข้มห้วนตามแบบฉบับของเจ้าพ่อเกาะสุดโหดได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
คราวนี้ลีโอต้องยอมเป็นคนไม่มีมนุษยธรรม มือหนาสะลัดแขนเรียวเล็กที่โอบเอวเขาอยู่ให้หลุดออก
แล้วถอยออกไปยืนห่างๆอีกห้าก้าว
คราวนี้คนตัวเล็กก็ไร้ที่พึ่ง
หญิงสาวเบ้หน้าเหมือนจะร้องไห้ก่อนจะตวัดสายตามองไปทางลีโออย่างตัดพ้อรุนแรง
จะถอยหลังวิ่งหนีไปอีกทางก็เห็นมาร์คัสยืนดักทางไว้เรียบร้อยแล้ว...ไม่มีทางหนีรอดได้เลย
อัลนัลโด้กระตุกยิ้มร้ายที่มุมปาก พลางสาวเท้าเข้าหาหญิงสาวด้วยใบหน้าเหี้ยมโหด
“ไงล่ะ ยังจะฤทธิ์เยอะอีกไหม
ยายตัวแสบ” เขาเอ่ยเสียงลอดไรฟัน รู้สึกเคืองที่หญิงสาวปล่อยเนื้อปล่อยตัวไปกอดชายอื่นที่ไม่ใช่เขา
ด้านเฌอเมวีร์เห็นว่าภัยร้ายกำลังจะมาถึงตัวในไม่ช้า พลันคำขู่ของอัลนัลโด้ก็กลับมาดังก้องในหัวของเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า
หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆลองเสี่ยงวิ่งหนีดูสักตั้ง เร็วเท่าความคิดเท้าเรียวสวยหมุนกลับไปทิศทางที่มาร์คัสยืนอยู่
ก่อนจะสาวเท้าออกไปอย่างไม่คิดชีวิต
ยังไม่ทันจะวิ่งพ้นตัวของมาร์คัสเอวคอดก็ถูกท่อนแขนแกร่งคว้าเอาไว้ได้เสียก่อน
ร่างบางหันมาโวยวายเสียงดังพลางก็ทุบตีอย่างเอาเป็นเอาตายเพื่อให้ตัวเองหลุดรอดไปให้ได้
“นี่นายหมากัด ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ
จะมาจับฉันไว้ทำไมเล่า ปล่อยสิปล่อย ไอ้หมาบ้า” นอกจากจะจิกทึ้งแขนและตัวของมาร์คัสแล้ว
ยังเปลี่ยนชื่อให้อีกฝ่ายอีกต่างหาก จากนั้นไม่ถึงนาทีอัลนัลโด้ก็มารับช่วงต่อเขาย่อตัวลงแล้วอุ้มหญิงสาวขึ้นพาดบ่า
ลีโอเปิดประตูรออย่างรู้งาน ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องเขายังสั่งด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหอบ
“เรื่องอาหารให้มาร์คัสนำขึ้นมาให้ฉันคนเดียวเท่านั้น
วันนี้ฉันคงไม่ออกไปไหนอีก แล้วพบกันพรุ่งนี้เช้า” โดยไม่ฟังคำตอบรับ
เจ้าพ่อเกาะก็เดินเข้าไปในห้องทันที ท่ามกลางเสียงกรีดร้องของเฌอเมวีร์ที่ร้องด่าทอชายหนุ่มอยู่ตลอดเวลา
หลังจากปิดประตูลงเสียงต่างๆก็เงียบไปด้วย
ลีโอเดินเข้ามาสมทบกับมาร์คัสที่ยืนลูบแขนของตัวเองป้อยๆ
ก่อนจะเอ่ยถามในสิ่งที่ค้างคาอยู่ในใจ
“สาวแสบคนนี้คือใครเหรอมาร์คัส
คุณอัลนัลโด้ดูรักและหวงน่าดูเลย” เขายังจำสายตาที่มองมาราวกับจะฉีกตัวเขาออกเป็นชิ้นๆได้เป็นอย่างดี
“นายคิดว่าอย่างไรล่ะลีโอ ฉันคงให้คำตอบที่ดีที่สุดกับนายไม่ได้หรอก
ภาพมันฟ้องทุกอย่างออกอย่างนี้แล้ว...ยังต้องถามอีกหรือ” มาร์คัสยกยิ้มที่มุมปาก
แววตาเจ้าเล่ห์ไม่แพ้ผู้เป็นนาย
ลีโอพยักหน้าขึ้นลงช้าๆพลางหลุบตาต่ำอย่างต้องการทบทวนความทรงจำ
ก่อนจะพึมพำกับตัวเอง
“สายตาที่มองผู้หญิงคนนั้น
ไม่ต่างจากเพื่อนสนิทอย่างคุณเบลซสักนิด เห็นทีว่างานนี้หนุ่มนักรักจะมีหวานใจตัวจริงกันเสียที”
“เริ่มฉลาดขึ้นมาแล้วนะ” ทั้งสองส่งยิ้มให้กันก่อนจะเดินแยกไปทำหน้าที่ของแต่ละคน
ขณะที่ด้านนอกมีรอยยิ้มแช่มชื่น ภายในห้องพักสุดพิเศษของคู่รัก
กลับกลายเป็นห้องสำหรับก่อสงครามขนาดย่อมไปเสียแล้ว อัลนัลโด้ยืนกอดอกมองคนตัวเล็กที่นอนดิ้นดุกดิกอยู่บนเตียง
เนื่องจากมือและเท้าถูกมัดทำให้หญิงสาวทำอะไรไม่สะดวก
กว่าจะทำให้เฌอเมวีร์อยู่ในสภาพนี้ได้เขาต้องลงแรงไปมากอยู่เหมือนกัน
ดูเหมือนหญิงสาวเองก็กำลังจะหมดแรงด้วยเช่นกัน ยิ่งเธอหายใจเข้าออกแรงๆอย่างหอบเหนื่อย
ส่วนโค้งนูนอ่อนนุ่มตรงหน้าอกจึงยิ่งเห็นเด่นชัดมากขึ้น เส้นผมยาวสลวยร่วงลงมาล้อมรอบวงหน้าเล็ก
ส่งให้หญิงสาวเซ็กซี่และยั่วยวนกามในคราเดียวกัน ร่างสูงไม่อาจละสายตาจากไปได้แม้เสี้ยววินาที
ดวงตาสีฟ้าเข้มดุจน้ำทะเลลึกเกิดดวงไฟสว่างวาบขึ้นกลางนัยน์ตา
อารมณ์มันพลุ่งพล่านไปทั่วร่างแล้วตอนนี้
หลังจากพยายามอยู่นานก็สำเร็จ
เฌอเมวีร์สามารถยันตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งได้
ก่อนจะจ้องหน้าอัลนัลโด้อย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ
“เอาเลยซี้...จะปล้ำก็ปล้ำเลย
คนหน้าเหี้ยมอย่างนายฉันเชื่อว่านายกล้าทำอยู่แล้ว รังแกผู้หญิงที่ไม่มีทางสู้
เป็นนิสัยของเจ้าของเกาะมุกตาภาผู้ยิ่งใหญ่สินะ” เสียงแหลมเล็กร้องท้าทายอีกฝ่ายอย่างไม่เกรงกลัว
พลางเชิดหน้าและแสยะยิ้มเย้ยหยัน แต่ส่วนลึกในใจกลับภาวนาขออย่าให้เขาบ้าจี้ตามที่เธอพูดเลย
รอยยิ้มแสนร้ายกาจยังคงประดับอยู่บนใบหน้าคมคายของเจ้าพ่อเกาะ
ความผิดของเธอหลายกระทงนัก
ทำผิดแล้วยังกล้ามาท้าทายเขาอีก...ช่างไม่รู้สำนึกเอาซะเลย
อย่าได้คิดว่าเขาจะสนใจคำต่อว่าของเธอ
ถึงเธอไม่ร้องขอเขาก็จะยัดเยียดความเป็นสามีให้เธออยู่แล้ว
“ท้าเหรอ...ท้าทายอย่างนั้นเหรอ...”
เขาถามพร้อมกับคลานขึ้นเตียงด้วยท่าทางคุกคาม
ส่งผลให้ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างเมื่อคิดว่าตัวเธอคงหมดหนทางที่จะต่อสู้เขาได้ ครั้นจะกระเถิบตัวหนีก็ทำได้อยากเหลือเกิน
เขาจู่โจมเข้ามาอย่างรวดเร็วมือหนาจับไหลมนเต็มมือและกดให้นอนราบไปบนเตียงอีกครั้ง
“ฉันเตือนเธอแล้วนะ
ว่าอย่าทำให้ฉันขายหน้า...รู้ใช่ไหม ว่าบทลงโทษของคนดื้อคืออะไร” เขาถามชิดใบหน้าของเธอ ลมหายใจอุ่นๆเป่ารดแก้มเนียนอย่างจงใจ
เฌอเมวีร์พยายามเบือนหน้าหลบแต่ก็ไม่สามารถทำได้เพราะถูกตึงไว้ใต้ร่างของเขาเรียบร้อยแล้ว
“นี่ปล่อยนะ! หึ
น้ำหน้าอย่างนายคงไม่มีปัญญาหาเมียได้เองสินะ ถึงได้บังคับขืนใจคนอื่นแบบนี้
ถึงว่าแหละนะ หน้าอย่างกับปลาดุกชนเขื่อน
ใครเขาจะเอา...ข้อศอกหมาที่บ้านของฉันนะยังด้านไม่เท่าหน้าของนายเลย...จะบอกให้”
สิ่งเดียวที่ใช้เป็นอาวุธได้ตอนนี้ก็คือปากของเธอ จะร้องด่าใส่หูเขาจนกว่าเขาจะปล่อย
ทนได้ก็ทนไป
แต่เธอยังไม่รู้จักอัลนัลโด้ คลีเมนต์ดีพอ
เหนือสิ่งอื่นใดในชีวิตเขามั่นใจในเหง้าหน้าของตัวเองเป็นที่สุด
คำด่าทอของเธอไม่ได้ทำให้ความเจ็บปวดแล่นเข้ามาในสมองของเขาแม้แต่นิดเดียว จมูกโด่งที่สูดดมกลิ่นหอมอ่อนๆจากตัวเธอยิ่งเพิ่มความต้องการของเขาให้แล่นพล่านไปทั่วร่างส่งผลให้จุดกึ่งกลางลำตัวแข็งขืนดุนดันจนปวดหนึบ
ไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นเฌอเมวีร์ช่างกระตุ้นอารมณ์ของเขาได้อย่างร้ายกาจ
“ปากดีจริงๆเลยนะ
อยากรู้จังว่าตอนเธออยู่ใต้ร่างของฉัน เสียงครวญครางของเธอมันจะหวานหูแบบนี้อยู่หรือเปล่า”
เขาเอ่ยเสียงกระเส่าสุดเซ็กซี่
จมูกโด่งคลอเคลียอยู่ที่แก้มเนียนก่อนจะลากไล้ลงมาที่ลำคอขาวสะอาดหอมกรุ่น
เขาจงใจเบียดความเป็นตัวตนที่พองตัวคับกางเกงถูไถกับหน้าขาของเธอ
เฌอเมวีร์นอนตัวเกร็งจนจะเป็นตะคริวไปทั้งตัว ไอ้คนบ้ามันต้องเป็นโรคจิตชนิดเกินเยียวยาแล้วแน่ๆ
เธอร้องด่าอยู่ปาวๆจนแสบแก้วหูขนาดนี้ยังบอกว่าหวานหูอีก โอ๊ย!! ไม่รู้จะสรรหาคำพูดใดมาด่าทอให้ผู้ชายคนนี้รู้สำนึกแล้ว!!
แล้วยิ่งทำให้หญิงสาวหวาดหวั่นเข้าไปอีกก็ตรงเธอที่สัมผัสได้ถึงความเป็นชายของเขาที่เบียนชิดใกล้อยู่กับความเป็นหญิงของเธอ
“ถ้านายกล้าทำอะไรฉัน
ฉันจะบอกแด๊ดดี้ให้ฆ่านายจริงๆด้วย” เฌอเมวีร์พยายามบังคับเสียงของตัวเองไม่ให้สั่น
พลางหลับตาแน่นด้วยความซ่านสยิวไปทั่วทั้งกาย
“แต่เธอเชื่อไหมว่าคุณลุงจะต้องดีใจ
ที่ลูกสาวคนเดียวของท่านขายออกเสียที
ผู้หญิงที่ร้ายกาจอย่างเธอคู่ควรกับผู้ชายอย่างฉันเท่านั้น” เขาพึมพำอยู่กับซอกคอของเธอ
ริมฝีปากที่ร้อนผ่าวขบเม้มบนเนื้อนวลเนียนอย่างนึกอยากจะแกล้ง
ความจริงเขาไม่ได้คิดที่จะข่มเหงเธออย่างคำขู่ เพียงแต่ต้องการทำให้กลัวเกรงเขาบ้าง
วันหลังจะได้ไม่กล้าก่อเรื่องแบบวันนี้อีก
“ไม่จริง ปล่อยฉันนะ” เธอปฏิเสธเสียงสั่นไหว น้ำตาเอ่อคลอขึ้นมาเต็มหน่วยตา
ไม่อยากแสดงความอ่อนแอออกมาสักนิดแต่มันควบคุมตัวเองไม่ได้แล้ว ความหวาดหวั่นทำให้สติของเธอกระเจิดกระเจิง
พลันทุกอย่างเบื้องหน้าก็ค่อยๆพร่าเลือนลงทีละนิดและมืดสนิทไปในที่สุด
ความคิดเห็น