ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    วิวาห์ร้าย ใต้เงารัก

    ลำดับตอนที่ #23 : >>Chapter16

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.97K
      17
      4 พ.ย. 52

     

    วิวาห์ร้าย ใต้เงารัก

    Chapter 16

     

                “พี่วินมีอะไรคะ...พูดมาเถอะค่ะ นี่มันจะสี่ทุ่มแล้ว...พิมต้องหลับต้องนอนเหมือนกันนะคะ”พิมลดากล่าวเสียงขรึม หากใบหน้าที่ปราศจากเครื่องสำอางแดงระเรื่อด้วยเลือดร้อนที่ไหลแรงอยู่ภายใน

                ก็จะไม่ให้หน้าแดงได้ยังไง ในเมื่อเขานั่งมองหน้าเธออยู่แบบนี้มาครึ่งชั่วโมงแล้ว โดยไม่ปริปากพูดอะไรกับเธอแม้แต่คำเดียว มีเพียงดวงตาที่มองตรงมาเท่านั้นที่บอกให้รู้ว่าเขามีอะไรบางอย่างอยากจะคุยกับเธอจริงๆ

                ร่างสูงขยับเรียวขายาวขึ้นไขว่ห้าง สองมือประสานกันที่หัวเข่าพร้อมกับถอนหายใจ “พิมอยากฟังไหม”

                “ถ้าไม่อยากฟังพิมคงไม่นั่งอยู่ตรงนี้หรอกค่ะ”

                เขาถอนใจอีก แต่ครั้งนี้เห็นชัดว่าแกล้งทำ “พี่อยากขอโทษที่พูดไม่ดีเมื่อวันก่อน ...พี่ไม่สิทธิ์พูดแบบนั้นกับพิม”

                พิมลดากระพริบตามองเขาอย่างคาดไม่ถึง “อ๋อ... พี่วินคงหมายถึงเรื่องราล์ฟ ...พิมไม่โกรธหรอกค่ะ”

                “ไม่โกรธจริงเหรอ ทำไมไม่โกรธล่ะ”เขาถามกลับ

                “ก็ไม่จำเป็นตรงโกรธ”

                “พิมบอกว่าเขาเป็นคนสำคัญ...”

                “แล้วยังไงคะ” พิมลดาใจสั่น อยากรู้ว่าเขาจะพูดอะไร

                “นายราล์ฟคนนี้เขาสำคัญกับพิม หรือแค่กับครอบครัวพิม พี่รู้มาว่าเขาเป็นลูกพ่อเลี้ยงของพิม”

                หญิงสาวไม่แปลกใจที่เขารู้ว่าราล์ฟ แบรทเวลเป็นลูกชายพ่อเลี้ยงเธอภายในวันเดียว หากที่ทำให้เธอสนใจคือนัยแฝงในสองประโยคแรกของเขา นายราล์ฟคนนี้เขาสำคัญกับพิม หรือแค่กับครอบครัวพิมเธอตอบออกไปว่า “ก็ทั้งสองอย่าง ราล์ฟเป็นเพื่อนที่ดีและเป็นพี่ชายที่น่ารักค่ะ”

                คิ้วโก้งราวคันศรของชายหนุ่มเลิกนิดๆ มุมปากกดยิ้มจนเกิดรอยบุ๋มที่ข้างแก้มเนียนที่เวลานี้เริ่มจะมีเคราเขียวครึม

                “เพื่อนที่ดี พี่ชายที่น่ารัก...อืม” เขาพยักหน้าหงึกๆอย่างพอใจ

                “เป็นอะไรคะ”พิมลดาถามอย่างระแวง แต่เธอก็รู้ว่าจริงๆแล้วคำตอบของเธอทำให้เขาพึงใจ

                “เปล่า...พี่ดีใจน่ะ อย่างน้อยหมอนี่ก็คงไม่เข้าข่ายว่าที่พ่อเลี้ยงของออกัส”

                พิมลดาหน้าแดงขึ้นมาอีก รีบสวนกลับไป “แน่ใจได้ยังไงคะ วันนี้ไม่ใช่.....”หญิงสาวทอดเสียงทิ้งจังหวะเล็กน้อยก่อนปิดท้ายว่า “ในอนาคตล่ะไม่แน่!!

                “ไม่มีทาง!...พิมก็รู้ตัวดีอยู่แล้วนี้ว่าทำไมถึงไม่มีทาง”

                “พิมไม่รู้อะไรเลยสักอย่าง!...พี่วินก็อย่ามาทำเป็นรู้ใจคนอื่นหน่อยเลย!”หางเสียงนั้นขึ้นสูงจนฟังดูน่าขำ ใบหน้าแดงก่ำและฝ่ามือที่กำแน่นบ่งบอกให้รู้ว่าจำตัวเริ่มโกรธ

                “เอาเป็นว่าพี่รู้แล้วกัน และพิมก็ไม่ใช่คนอื่น...”

                “ชักสงสัยคะ...”พิมลดาทำหน้าคิดไม่ตก นิ้วเรียวแตะนิ่งอยู่ที่ปลายคางมน “พี่วินคิดว่ารู้อะไรในใจพิม”

                ใบหน้าที่สดใสราวดวงเดือนของเขาหม่นแสงลง น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาตื้นเต็มไปด้วยความรู้สึกเจ็บลึกในอก “ตอนนี้พี่รู้ว่าพิมรักพี่...เพราะถ้าพิมไม่รักพี่ พิมคงไม่ต้องมาทนอยู่ตรงนี้”

                ชายหนุ่มถอนใจอีกครั้ง หากสายตายังประสานกันอยู่ไม่หลบ เหมือนจะให้มันช่วยถ่ายทอดทุกสิ่งอย่างในหัวใจของกันและกัน “พิมคงจะแต่งงานกับคนที่เขารักพิมและใช้ชีวิตอย่างมีความสุขไปแล้ว ไม่ต้องมาถูกกักขังอยู่ในห้วงแห่งความรักที่เคยมอบให้ผู้ชายเลวๆอย่างพี่...”

                หญิงสาวพูดอะไรไม่ออก รู้สึกร้อนผ่าวที่เบ้าตาขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ เธอไม่เคยคิดว่าเขาจะมีวันล่วงรู้ถึงหัวใจเธอ...หัวใจแหลกร้าวที่ซ่อนลึกอยู่ภายใต้ฉากหน้าของแม่ที่เข้มแข็งและพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อลูกเพียงลำพัง เธอคิดว่าเสมอว่าเธอผ่านช่วงเวลาที่ต้องการเขามาได้แล้ว...

                คิดมาตลอดจนกระทั้งวันนี้...วินาทีนี้ ที่เขาบอกว่าเขารับรู้ถึงหัวใจเธอ มันเหมือนเกราะกำบังหัวใจที่เคยใช้มันเวลาที่เธอต้องการจะหลอกตัวเองว่าเธอเข็มแข้ง เธอจะผ่านทุกอย่างไปได้นั้นสูญสลายไปกลางอากาศเป็นเพียงธาตุที่จับต้องไม่ได้อีกแล้ว

                ทุกอย่างที่เธอทำมาทั้งหมดตลอดสี่ปีก็แค่หลอกตัวเองว่าจะอยู่ได้โดยไม่มีเขา จะเป็นแม่ที่ดี จะมีแรงหายใจต่อไปได้ โดยมีเขาเป็นแค่เงาในหัวใจ... ทั้งที่ความจริงแล้วไม่ใช่เลย เธอไม่เคยแม้แต่เอ่ยปากบอกว่ารักเขา ไม่เคยแม้แต่จะทำทุกอย่างเพื่อแก้ไขความเข้าใจผิดของเขา เธอก็แค่คนขี้ขลาดที่หวาดกลัวความผิดหวัง!!

                “พอเถอะค่ะพี่วิน...อย่าพูดอีกเลยค่ะ มันไม่มีประโยชน์อะไรที่เราจะมาคิดถึงมัน”พิมลดาแข็งใจพูดออกไปอย่างยากเย็น

                “ไม่มี...”เขาทวนอย่างแปลกใจ

                “ค่ะ...มันเป็นแค่อดีต เราต่างมีข้อผิดพลาดด้วยกันทั้งคู่”พิมลดากล่าวอย่างพยายามให้ฟังดูสุขุม “อนาคตมันจะเป็นแบบไหน มันขึ้นอยู่กับวินาทีนี้เราจะทำอะไรต่างหากล่ะคะ”

                ความเงียบเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว มีเพียงเสียงนาฬิกาบอกเวลา ที่ยังคงดังอยู่สม่ำเสมอ จังหวะที่เท่ากัน เสียง ติ๊ก ต๊อกๆ เหมือนกัน...

                พิมลดาเงยหน้าขึ้นมองนาฬิกาที่แขวนอยู่ข้างฝา บอกตัวเองว่าอยากให้ความรักเป็นเหมือนเสียงนาฬิกา มันจะคงความสม่ำเสมอ และไม่มีทางผิดเพี้ยนไป เพราะเจ้าของหมั่นดูแลเอาใจใส่ เปลี่ยนถ่ายให้มันเมื่อใกล้หมดกำลัง...

                หากหญิงสาวกลับพูดไปอีกอย่าง “จะห้าทุมแล้ว พี่วินกลับบ้านเถอะค่ะ”

                เขาไม่ตอบเพียงแต่พยักหน้าอย่างเหนื่อยอ่อน จนพิมลดาอดเป็นห่วงไม่ได้ “พี่วินขับรถกลับบ้านไหวไหมคะ”

                ร่างสูงที่ทรงตัวลุกจากโซฟายิ้มอ่อนๆ “ถ้าบอกว่าไม่ไหว จะพอมีที่เหลือในบ้านนี้ให้พี่ไหมล่ะ”

                พิมลดาชะงัก ใบหน้าร้อนขึ้นมาอีกครั้ง ดวงตาหลุบมองลงพื้นพรมใต้เท้าเหมือนมันเป็นสิ่งสวยงามที่สุดในโลก

                “ถ้าพี่วินกลับไม่ไหวจริงๆ นอนกับลูกก็ได้คะ หรือห้องว่างๆก็พอมี”

                พิมอนุญาตจริงๆเหรอ ถ้าพี่จะนอนด้วย” เขายิ้มกว้างอย่างที่เธอไม่ได้เห็นมาแสนนาน

                “...ถ้าพี่วินจะนอนกับลูก”พิมลดาเน้นเสียงแข็ง และยิ่งแข็งไปทั้งตัวเมื่อเขาหัวเราะเสียงดัง เดินมาหยุดยืนอยู่ที่ปลายเท้าเธอ ศีรษะทุยสวยโน้มลงมาใกล้ใบหน้าของเธอจนได้กลิ่นรวยรินของน้ำหอมอ่อนๆ

                “ออกไปส่งที่รถหน่อยได้ไหม...”

                พิมลดาหน้าหลอ คิดว่าเขาจะค้างกับลูกเสียอีก “อ๋อ...พี่วินจะกลับเหรอคะ”

                เขายิ้ม “ขอบคุณที่พิมไม่รังเกียจให้โอกาสพี่ใกล้ชิดกับลูก... แต่ในเมื่อเราผิดพลาดมาเยอะแล้ว เราก็ไม่ควรจะทำพลาดซ้ำอีก”

                เขายืดตัวตรง ยื่นฝ่ามือหนาออกมาส่งให้เธอ พิมลดาจับมือเขาเอาไว้ รู้สึกถึงแรงฉุดนิดๆเธอจึงจำต้องลุกขึ้นยืน ในหัวระลึกถึงเมื่อสมัยที่อยู่อเมริกา เวลาที่เขาชวนเธอออกไปไหนพร้อมกับอรอินทร์ เธอมักจะอิดออดไม่อยากไป เขาก็มักจะส่งมือมาฉุดตัวเธอขึ้นจากโซฟาแบบนี้เสมอ

                หากเมื่อลุกขึ้นยืนระยะห่างระหว่างสองร่างก็ลดเหลือเพียงน้อยนิด ท่อนแขนกำยำหากขาวเนียนละเอียดไม่ผิดผิวกายสาวกลับโอบมารอบเอวบาง รั้งนิดๆให้สองแขนยิ่งกระชับลำตัวเธอ ใบหน้าหล่อเหลาก้มลงต่ำ นัยน์ตาสีดำสนิทเป็นประกายพราวระยับ

                “อย่าค่ะ...เดี๋ยวใครมาเห็น พิมอายตายเลย” พิมลดาอุบอิบ หากหัวใจนั้นอ่อนยิ่งกว่าขี้ผึ้งลนไฟ

                “ไม่ทำอะไรหรอกน่ะ”เขาออกคำสั่ง ก่อนเปลี่ยนเป็นกระซิบข้างใบหู “พี่รู้ตัวว่าคงเลวยิ่งกว่าหมาในสายตาคนรอบข้าง แต่พี่ไม่แคร์เลยแม้แต่น้อย เพราะมีสายตาคู่นี้.....”

                ปลายนิ้วเรียวมนแตะที่เปลือกตาของเธออย่างอ่อนโยน สัมผัสแผ่วเบาลูบไล้ไปมา “สายตาคู่นี้ไม่เคยมองพี่แบบนั้น แม้บางครั้งไอ้สารเลวคนนี้จะทำให้ดวงตาของพิมฉายแววเจ็บปวด ทรมานเจียนตายไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง...”

                “พี่วินคะ อย่าพูดแบบนั้น... พิมรู้ค่ะ ว่าในสถานการณ์นั้น ผู้หญิงอย่างพิมดูไร้ค่า ไร้ยางอายแค่ไหน พิมทำลายความรัก ความหวังดี และศรัทธาที่พี่วินมีให้พิมมาเสมอ”

                “...พิม!”ชายหนุ่มอุทาน

                “พิมตีค่า ตีราคาความรักของเราที่ควรจะงอกเงยและสวยงาน กับเพียงแค่ความสัมพันธ์ชั่วข้ามคืน”หญิงสาวซบหน้าลงกับอกกว้าง “แม่ของพิมเกลียดพี่วิน เพราะเขาคิดว่าพี่วินไม่เห็นค่าพิม ...แต่พี่วินจะเห็นได้ยังไง ในเมื่อเวลานั้นพิมยังไม่เห็นคุณค่าของตัวเอง!

                ร่างสูงยกมือขึ้นลูบเส้นผมสลวยอย่างที่ไม่ได้ทำมาแสนนาน หากก็ยังจดจำสัมผัสของเส้นผมนิ่มราวแพรไหมได้ไม่เคยลืม “พี่ไม่ใช่คนคนดีอะไร เป็นผู้ชายธรรมดา ดีบ้าง เลวบ้างทำผิดทำพลาดมาก็หลายเรื่อง แต่พี่อยากให้พิมเชื่อพี่ รอคอยพี่ วันที่พี่เป็นคนดีเพื่อพิมเพื่อลูก...พิมจะรอได้ไหม”

                “...อย่าพูดเลยค่ะ แค่ที่เราทำอยู่นี้ก็ผิดกับผู้หญิงคนหนึ่งมากพออยู่แล้ว” พิมลดาว่า หากซุกหน้าลงกับแผงอกกว้างมากขึ้น จนได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นแรงอยู่ภายใต้ผิวเนื้อ

                “เรื่องนั้น...พี่”

                “อย่าพูดนะคะ...พิมไม่อยากฟังเรื่องนี้”ชายหนุ่มยังไม่ทันพูดจบประโยค พิมลดาก็แทรกขึ้นมาก่อน เพราะเธอรู้ตัวเองดีว่าคงทนฟังเรื่องราวที่เกี่ยวกับเธอคนนั้นไม่ได้ ว่าที่เจ้าสาวที่เขาคิดจะแต่งงานด้วย ทุกวันนี้เธอไม่แม้แต่อ่านข่าวซุบซิบแวดวงไฮโซของเมืองไทย ไม่ว่าในหนังสือพิมพ์หรือนิตยสารเล่มไหน เธอไม่อยากรู้อะไรจริงๆ

                พิมลดาใช่มือดันแผ่นอกกว้างเบาๆ “ปล่อยเถอะค่ะ พี่วินควรจะกลับได้แล้ว ขึ้นไปจูบลาออกัสเสียก่อนนะคะ ขึ้นบันไดไปอยู่ห้องขาวมือ”

                อัศวินจำเป็นต้องปล่อยร่างพิมลดาอย่างแสนเสียดาย “ก็ดีเหมือนกัน พี่จะเอาของเล่นไปให้แกด้วย ลูกตื่นเช้ามาเห็นจะได้ดีใจ”

                “เอาสิค่ะ...พิมรอข้างล่างนี่แหละ จะไปปิดหน้าต่างด้วย พี่วินขึ้นไปคนเดียวแล้วกัน”

                ชายหนุ่มเดินผ่านร่างบางไปหยิบกล่องของเล่นขนาดใหญ่ ก่อนเดินขึ้นบันไดไปตามทางที่พิมลดาบอก พบบานประตูสีฟ้าสดใสจึงผลักเข้าไป สิ่งแรกที่เห็นคือร่างน้อยที่หลับสนิทอยู่บนเตียง แสงไฟจากหัวเตียวสาดสีนวลไปทั่วห้อง ร่างสูงเดินตัดผ่านพื้นพรมหนานุ่มไปหยุดยืนชิดขอบเตียง โน้มตัวลงไปจูบหน้าผากมนนั่นอย่างรักใคร่

                “หลับฝันดีนะครับลูกพ่อ”

                ชายหนุ่มวางของขวัญกล่องใหญ่ ที่ภายในเป็นตุ๊กตาตำรวจ ขนาดเท่าตัวเด็กชาย เขาอยากให้แกมีไว้ในห้อง อย่างน้อยลูกจะได้คิดถึงพ่อคนนี้บ้าง

                “พ่อรักออกัสนะครับ”

                ชายหนุ่มลูบศีรษะที่ปกคลุมด้วยผมเส้นสลวยอีกครั้ง ก่อนตัดใจเดินออกจากห้อง เมื่อลงบันไดมาก็ผมพิมลดารออยู่แล้ว

                “พิมจะให้พี่มาเยี่ยมลูกได้บ่อยแค่ไหน”

                “มาได้ทุกเมื่อทุกเวลาค่ะ... ออกัสเป็นลูกของพิมเท่าๆกับที่เป็นลูกของพี่วิน”

                “ขอบคุณ พิมไปนอนเถอะ ไม่ต้องออกไปส่ง มันดึกมากแล้ว”

                “ทำไมล่ะคะ...แค่หน้าบ้านเอง”

                ชายหนุ่มไม่ตอบ หากรั้งร่างบางเข้ามาใกล้ก่อนจะก้มลงจูบปลายจมูกที่รั้นขึ้นเล็กน้อยนั่นแผ่วเบา “ราตรีสวัสดิ์...พี่ขอให้คืนนี้เป็นค่ำคืนที่เราทั้งสองจะฝันดีที่สุดในรอบสี่ปี” ริมฝีปากอวบอิ่มสีแดงเลื่อนขึ้นไปฝากรอยจุมพิตอบอุ่นบนหน้าผากเนียนมน “แต่มันจะไม่ใช่คือสุดท้ายแน่นอน...ไม่ใช่!”

                เสียงรถยนต์แล่นออกไปจากบริเวณบ้านแล้ว พิมลดามองรั้วที่เลือนปิดอัตโนมัติอย่างใจรอย ความอบอุ่นยังคงแผ่ซ่านไปทั่วทั้งกายใจ เธอจะจดจำค่ำคืนนี้ไปอีกนานแสนนาน มันอาจจะไม่ได้หอมหวานปานเรื่องราวในเทพนิยาย หากมันคือฝันที่เป็นจริงแล้วของเธอ

                ไม่จำเป็นจะต้องมีการพร่ำบอกสัญญารักอ่อนหวานที่ไม่รู้ว่าจะจางหายไปตามกาลเวลาเมื่อไร ไม่จำเป็นต้องกล่าวคำมั่นในสิ่งที่ไม่อาจแน่ใจว่าจะรักษาได้ มีเพียงความเข้าใจและยอมรับในตัวตนของกันและกัน ความโกรธความผิดหวังกัดกินหัวใจเธอและเขามาเนินนาน มันคงไม่อาจลบเลือนได้ด้วยเวลาเพียงชั่วคืน

                และความสุขที่แผ่วผ่านเข้ามาก็ยากเกินกว่าจะทำใจมองผ่านมันไป เธอไม่รู้อนาคต พี่วินเองก็ไม่รู้ พรุ่งนี้โลกอาจจะพลิกผัน กาลเวลาอาจจะหยุดเดิน อนาคตที่แอบวาดฝันไว้อาจจะไม่มีทางมาถึง

                เลิกกลัว เลิกขี้ขลาดได้แล้วพิมลดา! ถึงเวลาที่เธอต้องเผชิญหน้ากับหัวใจตัวเองเสียที 

     ขอคอมเมนท์ + โหวดด้วยนะค่ะ
    ขอบคุณมากๆค่ะ

    ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~

    โปรดติดตามตอนต่อไป 

    ปล.มุมคุยกับผู้อ่านนะค่ะ (อ่านกันหน่อยนะค่ะ มีเรื่องจะเมาท์จ๊ะ)
    ....สวัสดีค่ะ ทุกคน วันเสาร์ที่ผ่านมา อันนาไม่ได้อัพเลย ไม่ได้เล่นเน็ตด้วยไปเที่ยวพักสมอง ก็ไปดูภาพยนตร์เรื่องรถไฟฟ้ามหานะเธอ ครั้งนี้อันดูเป็นรอบที่อสงแล้ว ได้ข้อคิดและมุมมองความรักหลายๆอย่างที่ตอนดูครั้งแรกอาจจะมองผ่านไป (เพราะมัวแต่มองพี่เคนเพลิน)555+
    ประทับใจมากๆกับหนังเรื่องนี้ค่ะ ปีนี้หนังไทยดีๆเยอะจริงๆ น่าภาคภูมิใจแทนคนทำหนัง ทำละครบ้านเราจริงๆที่ เริ่มหันมาให้ความสนใจหนังไทย (อันนาเป็น1ในคนที่ไม่ค่อยชอบดูหนังไทยในโรงภาพยนต์)นอกจากเรื่องที่คิดว่าสนุกจริงๆ สนุกแน่ๆ เพราะไม่อย่างนั้นจะออกจากโรงด้วยอารมณ์ที่เสียสุดๆ เพราะเสียทั้งเวลา เสียทั้งเงิน... แต่หนังเรื่องรถไฟฟ้าฯ คุ้มทุกบาททุกสตางค์ เพราะมันทำให้อันได้ย้อนมองดูความรักของตัวเองด้วย ซึ่งมันมีบางอย่างที่เหมือนกับ เหมยลี่และลุง แต่เราไม่พูดถึงมัน55+ อันนาก็บ่นเพลินค่ะ คือหลังดูหนังเสร็จอันนาก็ออกมาเดินเล่นแถวๆ ห้าง มีหมอดูที่ท่าทางจะแม่น(เพราะคนดูรอหลายคน)55+ อันก้เลยยืนขาแข็งรอชั่วโมงกว่าๆ เพราะอยากดูจริงๆ เป็นการดูลายมือ กับวันเกิด ลายมือนี่แม่นมากๆ อันไม่พูดอะไรเลย กลัวเขาเอาที่เราพูดมาหลอกเรา เขาบอกว่าเรามีพรฯด้านงานศิลงานที่ใช้จินตนาการ เราก็เออๆค่ะๆไป เขาก็ทายมาแม่นหลายๆเรื่องเราก็ โอเค อย่างน้อยครั้งนี้คงไม่ถึงขนาดต้องนั่งเสียดายเงิน เลยบอกให้เขาดูชื่อให้หน่อย อันก็บอกชื่อจริงไป ขวัญชนก ตามหลักโหรมันเป็นชื่อดีมากๆ อยู่แล้ว อันก็ฉุกใจคิด แล้ววรารินทร์ล่ะดีไหม เพราะฟังเพราะดี เพื่อจะเอาไปเปลี่ยนเป็นชื่อจริงๆเลย โหย...หมอดูมองหน้าอันแบบ... ยัยหนูนี้ไร้สาระ ชื่อนี้มันแย่มากๆ ทำอะไรก้ไม่ขึ้น เราก็อ้าวววว เหรอคะ... งั้นถ้าเอาไปทำนามปากกาเขียนหนังสือล่ะ (หมอดูท่านนี้ดูเหมือนชอบหนังสือ)เลยพอรู้เรื่อง แกก็บอกว่าให้เปลี่ยนซะ อันก็ยังอ้อมแอ่มนะ แบบเปลี่ยนดีเหรอค่ะ เขาก็ยกตัวอย่างมา ว่าทำไมชื่อนามปากกาจึงสำคัญ หรือชื่อในวงการสำคัญ เพราะอย่างนามปากกาที่ใช้ก็เหมือนชื่อจริงของเรา ทุกวันนี้มีใครสนใจชื่อจริง หม่ำ จกม๊กมั้ง...ใครสนใจชื่อของคุณไตรภพ ก่อนมาเป็นไตรภพบ้าง ไม่มี... ชื่อในวงการหรือนามปากกาจึงสำคัญฉนี้เอง อันก็ถึงบ้างอ๋อเลย แบบว่า เอาว่ะ เอาไงเอากัน เพื่อความสบายใจ เปลี่ยนเอาเลิกเอาชัยก็แล้วกัน555+ เลยเอา กวิน(แปลงจาก กวินทรา จอมกวี นักปราชญ์หญิงผู้ยิ่งใหญ่) แต่เอาแค่ 'กวิน' เอามาบวกกับชื่อท้าย คือ 'ชนก' เป็นกวินชนก มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ถึงกับต้องมา ประกาศให้ทราบ55+
    แต่เอาเป็น ว่า ตอนนี้ นามปากกาที่จะใช้คือ "กวินชนก" นะค่ะ ตามหลักโหรแล้วชื่อดีมากๆเลยค่ะ ดีเหมือนชื่อจริงๆของอันเอง
    ...... ลืม ลืมพูดถึงนิยายตอนนี้เลย555+ เอาเป็นว่า อ่านแล้วอย่าคิดมาก อย่าคิดลึก ทำใจให้เป็นธรรม และจะอ่านตอนนี้ได้อย่างสบายใจ
    ปล.อีกครั้ง มันสายไปไหม ที่เอามาบอกตอนทุกคนอ่านจนจบตอนไปแล้ว 55555+ 

                   

                   

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×