สาวห้าวหน้าใสหัวใจปิ๊งรัก(แบบฉบับซึ้ง) - สาวห้าวหน้าใสหัวใจปิ๊งรัก(แบบฉบับซึ้ง) นิยาย สาวห้าวหน้าใสหัวใจปิ๊งรัก(แบบฉบับซึ้ง) : Dek-D.com - Writer

    สาวห้าวหน้าใสหัวใจปิ๊งรัก(แบบฉบับซึ้ง)

    เรื่องราวความรักในรั้วโรงเรียนคุณหนู๊ คุณหนู ที่ไม่ใช่เรื่องหญิงรักหญิงอย่างที่คิดแต่เป็นหญิงรักชาย ที่กลายเป็นรักซึ้งๆกินใจ

    ผู้เข้าชมรวม

    263

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    263

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  ซึ้งกินใจ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  23 ม.ค. 56 / 00:13 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

    เพราะว่าฉันมันเป็นคนกระโดกกระเดก และห้าวเกินหญิง แม่กับพ่อของฉันทั้งสองคนก็เลยรวมหัวกันส่งฉันมาเรียนที่นี่ โรงเรียนเซนต์เทียร่า โรงเรียนคาทอลิกเอกชนชื่อดัง และเหมือนกับความฝันของฉันที่พังสลายย่อยยับไปต่อหน้าต่อตาภาพที่วาดฝันเอาไว้ว่าถ้าหากฉันขึ้น ม.ปลายเมื่อไหร่ฉันจะย้ายโรงเรียนแล้วแต่งตัวสวยๆผูกมิตรกับเพื่อนผู้หญิงเยอะๆ พูดคุยเรื่องสวยๆงามๆกัน พอตกเย็นก็ไปนั่งกินข้าวกับแฟนสุดหล่อแล้วไปดูหนังต่อที่เมเจอร์

    โอ๊ย! หมดสิ้นกันแล้วชีวิตวัยหวานของฉันพังหมดเพราะพ่อกับแม่แท้ๆฉันแค่ดูท่าทางเป็นยัยม้าดีดกะโหลกนิดเดียว แต่ไม่ได้หมายความว่าฉันจะเป็นทอมสักหน่อยนี่นาอยากนักนะพ่อกับแม่น่ะ อยากให้ฉันเป็นกุลสตรี แถมอยากให้เป็นกุลสตรีไทยผู้เพียบพร้อมซะด้วยสิ อยากจะบ้าตาย

     แล้วไงล่ะในที่สุดลูกชาย เอ๊ย ลูกสาวของแม่คนนี้ก็ได้กลายเป็นหญิงรักหญิง (ไม่จริง) เข้าจนได้ ยัง ยังไม่หมดเรื่องราวที่คุณได้อ่านแล้วจะรักเลย

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      เพราะว่าฉันมันเป็นคนกระโดกกระเดก และห้าวเกินหญิง แม่กับพ่อของฉันทั้งสองคนก็เลยรวมหัวกันส่งฉันมาเรียนที่นี่ โรงเรียนเซนต์เทียร่า โรงเรียนคาทอลิกเอกชนชื่อดัง และเหมือนกับความฝันของฉันที่พังสลายย่อยยับไปต่อหน้าต่อตาภาพที่วาดฝันเอาไว้ว่าถ้าหากฉันขึ้น ม.ปลายเมื่อไหร่ฉันจะย้ายโรงเรียนแล้วแต่งตัวสวยๆผูกมิตรกับเพื่อนผู้หญิงเยอะๆ พูดคุยเรื่องสวยๆงามๆกัน พอตกเย็นก็ไปนั่งกินข้าวกับแฟนสุดหล่อแล้วไปดูหนังต่อที่เมเจอร์

      โอ๊ย! หมดสิ้นกันแล้วชีวิตวัยหวานของฉันพังหมดเพราะพ่อกับแม่แท้ๆฉันแค่ดูท่าทางเป็นยัยม้าดีดกะโหลกนิดเดียว แต่ไม่ได้หมายความว่าฉันจะเป็นทอมสักหน่อยนี่นาอยากนักนะพ่อกับแม่น่ะ อยากให้ฉันเป็นกุลสตรี แถมอยากให้เป็นกุลสตรีไทยผู้เพียบพร้อมซะด้วยสิ อยากจะบ้าตาย

       “โธ่เอ๊ย ไอ้โรงเรียนบ้า” ฉันปาก้อนหินไปยังรั้วของโรงเรียนสไตล์ยุโรปเบื้องหน้าอย่างเซ็งสุดขีด

      “โอ๊ย!” เสียงหวานใสของใครคนหนึ่งดังขึ้นทันทีที่ฉันปาก้อนหินเข้าไปในรั้ว นี่ฉันคงจะปาก้อนหินไปโดนเธอสินะ ตายแล้ว!..มาเรียนวันแรกก็ได้เรื่องซะแล้วเรา

      “ตายแล้ว ฉันขอโทษนะ” ฉันรีบวิ่งปรู๊ดเข้าไปยังที่มาของเสียงอีกฝั่งหนึ่งทันที และ....0o0) โอ้ว์..ไม่น่าเชื่อ แต่ก็ต้องเชื่อ

      “สวยจัง” นี่มันคนหรือนางฟ้ากันแน่เนี่ย ดวงหน้าสวยหวานใสไร้เครื่องสำอาง ผมดำตรงยาวสลวย ดวงตาโตขนตายาวเป็นแพสีดำขลับ นัยน์ตาสวยหวานซึ้งสีน้ำตาลทองทอประกายวิบวับ จมูกโด่งรับกับริมฝีปากอิ่มเรียวบางสีชมพูระเรื่อราวกับกุหลาบแรกแย้ม รูปร่างบอบบางอรชร ท่าทางสง่าราวกับเจ้าหญิงที่เพิ่งหลุดออกมาจากโลกนิทานที่มีให้ได้ยินกันบ่อยๆของดิสนีย์ ตายแล้ว..นี่ฉันทำร้ายผู้หญิงที่สวยมากๆขนาดนี้ได้ไงเนี่ย

      “ฉันขอโทษจริงๆนะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ”

      “ไม่เป็นไรจ้ะ ฉันก็แค่ตกใจนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้เจ็บอะไรมากมายหรอก ^^

      เธอยิ้มตอบกับคำขอโทษของฉันอย่างคนเอื้ออารี อีกแล้วไงเรื่องไม่น่าเชื่อคนสวยที่จิตใจดีอย่างนี้ยังมีเหลืออยู่บนโลกใบนี้ด้วยแฮะ

      “อืม จ้ะแต่ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆนะ ถ้าเธออยากให้ฉันทำอะไรให้เป็นการไถ่โทษก็บอกได้เลยนะฉันจะทำให้เอง เชื่อมือฉันได้เลย”

      “ฮิ ฮิ ^^ จ้ะ ฉันก็ไม่เป็นไรจริงๆงั้นฉันไปก่อนนะ”

      “เดี๋ยว เอ่อ..เดี๋ยวสิอย่าเพิ่งไปได้ไหม” ฉันเรียกเธอก่อนที่จะไป เพราะตอนนี้ใจฉันมันเริ่มเปลี่ยวเปล่าและเปล่าเปลี่ยวยังไงก็ไม่รู้ ไม่อยากอยู่ที่นี่คนเดียวนี่นา โรงเรียนใหม่ที่ฉันจะเจออะไรบ้างก็ไม่รู้

      “หืม มีอะไรงั้นเหรอจ้ะ”

      “คือ คือว่าฉันเพิ่งมาเข้าเรียนที่นี่วันแรก แล้ว แล้วฉันก็ยังไม่รู้จักใครเลยนอกจากเธอคนเดียวเท่านั้นน่ะ”

      “อ๋อ อย่างนี้นี่เอง”

      สาวสวยตรงหน้าพึมพำ และเพราะเธอเป็นผู้หญิงที่ทั้งสวยและจิตใจดีฉันก็เลยอยากจะเป็นเพื่อนกับเธอไง ไม่ใช่ว่าฉันอยากจะได้เพื่อนแก้เหงาหรืออะไรหรอกนะ จริงจริ๊งงงง

      “เอาอย่างนี้สิจ้ะ เธอก็มาเป็นเพื่อนกับฉันก็ได้ ฉันดาวจ้ะ^^

      “ฉัน เอ่อ ฉันไข่มุกนะ” โห ผู้หญิงอะไรยิ้มบ๊อย บ่อยแถมสวยบาดใจชะมัดเลย นี่ถ้าไม่ติดว่าเป็นผู้หญิงนะฉันคงจะจีบดาวไปแล้วล่ะ (อ้าวๆไหนบอกว่าไม่ใช่ทอมไงล่ะ) ก็แหม..มันน่าไหมล่ะคนอะไรซ๊วย สวย

      “งั้นเราเป็นเพื่อนกันแล้วนะจ้ะ เอาเป็นว่าเดี๋ยวฉันจะพาเธอไปที่ห้องทะเบียนกับไปที่หอพักไปหารูมเมทเธอก่อนแล้วค่อยพาเธอไปชมโรงเรียนดีไหม”

      “จ้า” ดีมาก มากถึงมากที่สุดเลยล่ะ ก็ฉันเพิ่งเข้ามาเรียนที่นี่วันแรกนี่นาจะทำอะไรไปทางไหนใจมันก็แป้วไปหมด นี่ดีนะมาเจอดาวเข้าไม่อย่างนั้น บรื้อ..ไม่อยากจะคิด

      ก็อยากบอกเธอว่ารัก...รัก...รัก

      ยังไม่ทันจะได้ก้าวไปไหนเสียงโทรศัพท์ของดาวก็ดังขึ้นเสียก่อน เสียงริงโทนแบบนี้มันคุ้นมากๆเลย แต่นึกยังไงฉันก็ยังนึกไม่ออกอยู่ดีว่ามันเป็นเพลงของใคร เพราะฉันไม่ค่อยสันทัดวิ่งตามกระแสเกาหลีฟีเวอร์ที่กำลังมาแรงแซงทุกเทรนด์ในบ้านเราสักเท่าไหร่ แต่ที่รู้แน่ๆคือเสียงร้องเพราะมากๆเลยอ่ะ

      “เอ่อ มุกจ้ะเดี๋ยวดาวขอตัวไปคุยโทรศัพท์แป๊บนึงนะ” ดาวขอตัวไปคุยโทรศัพท์แล้วก็เลยเดินเลี่ยงออกไป ไกลมากกกกก...ซึ่งแน่นอนว่าฉันไม่ได้ยิน

      5 นาทีผ่านไป (ไวเหมือนโกหก)

      “รอนานไหมจ้ะ”

      “ไม่นานหรอก ดาวคุยโทรศัพท์เสร็จแล้วเหรอ”

      “จ้ะ”

      “งั้นเราไปไหนก่อนดีล่ะ”

      “อ๋อ ก็ไปที่ห้องทะเบียนก่อนแล้วกันเนอะ ไปถามดูก่อนว่าเธออยู่ชั้นไหนห้องอะไรแล้วก็ไปเอาใบลงทะเบียนเข้าพักที่หอด้วย”

      “อืมๆ งั้นไปกันเถอะ” ฉันเดินผล็อยออกมาโดยลืมไปสนิทใจเลยว่าตัวเองไม่รู้จักทาง

      “เอ่อ คือ ฉันไม่รู้จักทางอ่า -///-) พอดีว่าลืมไปนึกว่าอยู่โรงเรียนตัวเอง แหะๆ” โอ๊ย ขายขี้หน้าชะมัดชอบทำตัวเปิ่นๆเรื่อยเลยเรา

      “ฮิๆ ไข่มุกเธอนี่ตลกดีนะ” ดาวหัวเราะตลกในความเปิ่นของฉันซะยกใหญ่ทำเอาฉันอายม้วนต้วนเลยทีเดียว

      “ก็แบบว่ามันเคยชินอ่ะ เอาเป็นว่าให้ดาวนำทางดีกว่านะ”

      “จ้าๆ มันก็คงจะต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว”

      ดาวพาฉันไปห้องทะเบียนก่อนจะพาฉันเข้าหอพักที่มียัยแก่หน้าเฮี้ยบที่ฉันคิดว่าป้าแกคงจะขึ้นคานแหงมๆเพราะหน้าแกเหมือนแบกโลกทั้งใบเอาไว้คนเดียวยื่นกุญแจห้องพักให้เราทั้งสองคน

       

      กริ๊ก

      เสียงไขกุญแจเข้าห้องพักดังขึ้นก่อนประตูจะเปิดออกห้องนอนกว้างสี่เหลี่ยมจัสตุรัสแบบสองเตียงจะถูกเปิดออกให้ฉันได้ยลโฉม ฝั่งหนึ่งเป็นเตียงว่างๆที่มีแต่ผ้าคลุมเตียงสีขาวและก็โต๊ะไม้ข้างเตียงที่บิ๊วอินให้เป็นตู้เก็บเสื้อผ้าได้ด้วยอยู่ ส่วนอีกฝั่งหนึ่งเป็นเตียงอย่างเดียวกันแต่ที่แตกต่างคือมีข้าวของเครื่องใช้และอะไรต่อมิอะไรเยอะแยะวางอย่างเป็นระเบียบอยู่อย่างสวยงาม

      “ผู้หญิ๊ง ผู้หญิงเนอะ” ฉันเผลอพึมพำออกมาอย่างไม่ได้ตั้งใจเพราะเห็นว่าเตียงของอีกฝ่ายมีแต่ของตกแต่งที่เป็นสีขาวและถูจัดวางไว้อย่างเป็นระเบียบทั้งนั้น

      “จ้าๆ ขอบใจที่ชมนะ”

      “อ้าวไหงงั้นล่ะ” ฉันถามด้วยความสงสัยที่จู่ๆดาวก็เดินเข้านั่งที่เตียงก่อนจะหยิบหมอนลายคิตตี้ขึ้นมากอดอย่างถือสิทธิ์

      “ก็ฉันเป็นรูมเมทของเธอไงจ้ะ เซอร์ไพรส์ไหม”

      “โอ้ว์ ตายแล้วจริงเหรอเนี่ย ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะบังเอิญขนาดนี้” ฉันเดินเข้าไปจับมือดาวมาเขย่าด้วยความดีใจ

      “ใช่จ้ะ ฉันก็ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกันว่าจะมีเรื่องที่บังเอิญขนาดนี้ แล้วที่สำคัญยังมีเรื่องเซอร์ไพรส์อีกอย่างด้วยนะ”

      “อะไรเหรอ” ฉันถามด้วยความกระตือรือร้นอยากจะรู้เต็มที่

      “เราสองคนยังเรียนอยู่ห้องเดียวกันอีกด้วย แต่อันที่จริงแล้วฉันแก่กว่าเธอหนึ่งปีน่ะ แต่พอดีเมื่อปีที่แล้วฉันป่วยฉันก็เลยไม่ค่อยได้มาโรงเรียน เทอมนี้ก็เลยต้องเรียนซ้ำชั้นอีกปี”

      “โหย อย่างงี้ฉันก็ต้องเรียกเธอว่าพี่น่ะสิ” ฉันทำหน้ายู่เพื่อหลอกให้ดาวที่กำลังนั่งทำหน้าเศร้าซึ่งคงจะเป็นเพราะเหตุผลที่ทำให้ซ้ำชั้นนั่นแหละหัวเราะ ซึ่งมันก็ได้ผลทีเดียว

      “ฮิๆ^^ ไม่ต้องหรอกจ้ะ ฉันแค่เล่าให้ฟังเฉยๆไม่อยากให้เธอไปได้ยินข่าวลือผิดๆมาจากคนอื่นน่ะ”

      “อืมๆ”คนอื่นที่ว่าเนี่ย...สงสัยคงจะเป็นตัวอิจฉากลับชาติมาเกิดแน่ๆเห็นใครเด่นใครดีใครสวยกว่าตัวเองไม่ได้จะต้องหาเรื่องใส่ร้ายเนี่ย

      “งั้นฉันว่าเราเข้าห้องเรียนได้แล้วล่ะจ้ะ เดี๋ยวเลิกเรียนแล้วค่อยกลับมาจัดของกันนะ”

      “จ้า ไปกันเถอะ” ฉันสนิทกับดาวอย่างรวดเร็ว เธอเป็นคนน่ารักมาก มากจนอยากจะจุ๊บ จุ๊บ เฮ้ย..บ้าน่า แค่เธอเป็นคนที่น่ารักที่สุดเท่านั้นเอง

      ระหว่างทางที่จะไปเข้าห้องเรียนหน้าของดาวหมองเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอเป็นอะไรไป

      “ดาว เป็นอะไรไม่สบายเหรอหน้าซีดเชียว”

      “เปล่าหรอกจ้ะ ฉันไม่เป็นไรแค่ปวดหัวนิดหน่อยน่ะ”

      “งั้นฉันพาเธอไปส่งที่ห้องพยาบาลดีกว่านะ ห้องเรียนแค่นี้เองฉันไปเองได้ไม่เป็นไร”

      “ฉันไม่เป็นไรจริงๆจ้ะ รีบไปกันเถอะอาจารย์สอนวิชานี้เฮี้ยบมากๆเลยนะขอบอก”

      เหมือนกับดาวปิดบังอะไรบางอย่างอยู่แต่ก็ช่างเถอะเพราะฉันไม่สนใจอะไรมากไปกว่าที่ตอนนี้หน้าของดาวซีดมากเธอคงจะไม่สบายมากแน่ๆแต่ไม่เข้าใจทำไมต้องฝืนไปเข้าเรียนอีกนะ เฮ้อ...น่าเป็นห่วงจริงๆ

      “ซิสเตอร์ค่ะขออนุญาตค่ะ” ดาวขออนุญาตซิสเตอร์ที่ขอบอกว่าหน้าชีโหดสุดๆอย่างไม่สะทกสะท้านแม้แต่สักนิดเดียว นี่ถ้าเป็นฉันต้องมาพูดขออนุญาตเข้าห้องกับซิสเตอร์คนนี้เสียงฉันคงสั่นเพราะกลัวหน้าโหดๆของคุณเธอเป็นแน่แท้เชียว

      “เข้ามา เอ๊ะเดี๋ยวแล้วนั่นใครกัน” ซิสเตอร์ที่นอกจากหน้าตาของท่านจะดุเสียงของแกยังดุได้พอๆกันเลย

      “อ๋อ ขอโทษค่ะซิสเตอร์ นี่เด็กใหม่เพิ่งเข้ามาเรียนที่นี่วันแรกค่ะ”

      “เอ่อ สวัสดีค่ะซิสเตอร์” ฉันยกมือไหว้ซิสเตอร์ที่เรียกตามดาวอย่างสาวไทยมารยาทงาม

      “สวัสดี เข้ามาแนะนำตัวกับเพื่อนๆหน่อยสิ”

      “ค่ะ” ฉันเดินตามหลังดาวเข้ามา และดาวเดินเข้าไปนั่งที่โต๊ะของเธอ ก่อนจะไปเธอยังอุตส่าห์ส่งยิ้มให้กำลังใจมาให้ฉัน

      “เอาสิแนะนำตัวให้เพื่อนรู้จักหน่อย” เสียงเฮี้ยบของซิสเตอร์ข้างหลังส่งเสียงเตือนขึ้นมาอีกครั้งหลังจากที่เห็นว่าฉันเงียบไปนานพอสมควรซึ่งอันที่จริงแล้วมันก็ยังไม่ถึงนาทีดีเลยด้วยซ้ำไป

      “เอ่อ สวัสดีค่ะฉันมุกธารา วรางค์สิน ชื่อเล่นไข่มุกนะค่ะ เพิ่งย้ายเข้ามาขอฝากตัวด้วยนะค่ะ”

      ฉันกลั้นใจแนะนำตัวเองออกไปท่ามกลางสายตาหลายสิบคู่ที่มองมาที่ฉันกันเป็นตาเดียวอย่างขาดความมั่นใจ เพราะถึงแม้ว่าฉันจะเป็นสาวห้าวสุดกู่แค่ไหนแต่พอต้องมาตกเป็นเป้าสายตาของสาวๆลูกคุณหนูพวกนี้ก็ทำเอาฉันเขว่ได้เหมือนกัน

      แปะ แปะ แปะๆๆๆๆ

      และเสียงตบมือก็ดังก้องขึ้นเมื่อฉันพูดแนะนำตัวจบ ทุกคนส่งยิ้มสดใสมาให้ฉันอย่างเป็นมิตร ว้าว..ไม่อยากจะเชื่อเลยนี่เหรอพวกคุณหนูที่เรียนโรงเรียนประจำน่ะ ไม่ได้หยิ่งกันอย่างที่เขาลือกันเลยแฮะ

       

      เวลา 3 เดือนผ่านไปเร็วมากจนน่าตกใจ

      ฉันยังอยู่ที่โรงเรียนเซนต์เทียร่า อย่างมีความ....สุข (ซะที่ไหน)มีความทุกข์ (มากๆ) ล่ะสิไม่ว่า

      โอ๊ย! ฉันไม่อยากจะเซดเลยว่าที่โรงเรียนคุณหนูนี่มีแต่พวกน่าไหว้หลังหลอก ที่เห็นอีตอนเจอกันครั้งแรกยิ้มแย้มแจ่มใส ปรบมือต้อนรับฉันกันเป็นอย่างดีนั้นแท้ที่จริงแล้วเพราะว่าอยู่ต่อหน้าซิสเตอร์มีนา (อ๊ะๆ..ตอนนี้รู้ชื่อแล้วนะ) และกลับกลายเป็นว่าพอหมดชั่วโมงฉันกับดาวเดินไปเข้าห้อง ก็มียัยพวกแก๊ง โรสพริ้นเซส พวกหน้าสวยใจโหดเดินตามหลังเข้ามาปิดประตูขังเราดังปังโดยมีเวรยามดูต้นทางให้อย่างดี ที่สำคัญพวกเพื่อนในห้องกลับทำเป็นมองไม่เห็นไม่ได้ยินซะอย่างนั้น (งี้แหละพวกไร้น้ำใจ)

      รู้ไหมยัยพวกนั้นทำอะไร อันดับแรกพวกหล่อนขู่ฉันด้วยการเตะถังขยะที่มีทิชชู่ใช้แล้วอยู่เต็มถังใส่หน้าฉันเต็มๆอย่างแรงจนเลือดกำเดาฉันย้อยออกมาเป็นสายเลยอ่ะ ยังแค่นี้ยังไม่พอ...พวกยัยสวยใจทรามยังประทุษซะร้ายฉันด้วยการสาดน้ำใส่ฉันซะโครมเบ้อเริ่มจนเปียกมะล่อกมะแล่กไปหมด ที่น่าตื่นเต้นมากกว่านั้นคือการที่ฉันถูกยัยพวกลูกสมุนของยัยโรสหัวหน้าแก๊งค์หิ้วปีกพยายามจะพาไปให้หล่อนตบง่ายๆ ทว่ายังไม่ทันที่ยัยโรสจะได้ง้างมือตบฉันเสียงขัดจังหวะก็ดังมาเสียก่อน

      “หยุดนะ”

      เฮอะๆ และฮีโร่ขี่ม้าขาวที่เข้ามาช่วยฉันก็เป็น เป็น....เป็นใครไปไม่ได้ นอกซะจากดาวในดวงใจ เอ๊ย ดาวเพื่อนสาวผู้แสนดีของฉันเอง เธอเปิดประตูออกมาพร้อมกับหน้าที่ซีดจนขาวราวกับกระดาษที่ฉันคิดว่าดาวคงจะกลัวอยู่บ้างไม่มากก็น้อยนั่นแหละ เธอถึงเพิ่งออกมาตอนนี้ไง T^T)

                  “พวกเธอจะทำอะไรเพื่อนฉัน”

                  “-_-)*” ยัยหัวหน้าแก๊งค์ลดมือลงก่อนจะสั่งให้ลูกน้องกลับกันออกไป ด้วยสีหน้าเป็นผีญี่ปุ่นที่อาฆาตแค้นแบบโกรธร้อยปีอย่ามาดีร้อยชาติอะไรประมาณเนี้ย โหย หน้าตาชีน่ากลัวได้ใจสุดๆไปเลยอ่ะ

      แต่ที่ไม่น่าเชื่อ คือ..เพราะถึงแม้ว่าดาวจะดูอ่อนแอ และบอบบางเพียงใดแต่พอคุณเธอออกหน้าให้ก็ไม่มีใครกล้าหือสักคนเดียว ไม่รู้ยัยพวกแม่มดพวกนั้นรู้อะไรที่ฉันไม่รู้รึเปล่าหนอ

      และอีกหลายครั้งที่พวกแก๊งค์สามช่านั้นคอยตามมารังควานฉัน แต่ทุกครั้งดาวก็จะเข้ามาช่วยฉันไว้ได้ทันพอดี ราวกับว่าเธอคอยดูแลและมองดูฉันตลอดเวลาอย่างไรอย่างนั้น แต่นั่นอาจจะเป็นเพราะฉันเข้าข้างตัวเองก็เป็นได้ แต่ยิ่งเราสองคนใกล้ชิดสนิทสนมกันมากเท่าไหร่ ใจของฉันก็ยิ่งสั่นไหวและรู้สึกเจ็บแปล๊บๆ ในแบบที่ฉันก็ไม่เข้าใจมันทุกที

      กิ๊งก๊อง กิ๊งก๊อง

      เสียงสวรรค์สำหรับฉันมาแล้ว เสียงกริ่งบอกเวลาพักเที่ยงดังขึ้นทั่วโรงเรียน ฉันหันไปยิ้มให้กับดาวที่นั่งอยู่ข้างๆ ตอนนี้เราสองคนเป็นเพื่อนสนิทกันแล้วนะ

      “ดาวเราไปกินข้าวกันนะ”

      “จ้ะ” ดาวตอบสั้นๆแต่ฉันไม่อยากจะบอกเธอหรอกว่าตอนนี้ฉันรู้สึกสั่นสะท้านเพราะคำพูดกับน้ำเสียงแบบนั้นของดาวยังไงก็ไม่รู้ ความรู้สึกแปลกๆที่เริ่มก่อตัวขึ้นในใจของฉันเอง U_U) เฮ้อ..!

       

      “เอ กลางวันนี้เราจะกินอะไรกันดีล่ะ” ฉันถามดาวระหว่างทางไปรงอาหาร เห็นดาวก้มหน้าก้มตาหาอะไรไม่รู้ในกระเป๋าอยู่

      “หาอะไรอยู่เหรอดาว”

      “โทรศัพท์มือถือน่ะจ้ะ เราว่าเราคงลืมไว้ที่โต๊ะเรียนเดี๋ยวกลับไปเอาก่อนนะ”

      “เดี๋ยว เดี๋ยว หยุดก่อนดาวเดี๋ยวมุกไปเอาให้ เดินไปเอามันไกลเดี๋ยวจะเหนื่อยเปล่าๆ อีกอย่างมุกเดินไปเอาให้เร็วกว่า”

      “ไม่ดีมั้งจ้ะมุก”

      “ไม่ดียังไงล่ะ รอนี่นะดาวเดี๋ยวเรามา” ฉันว่าพร้อมกับวิ่งปรู๊ดมาที่ห้อง

      โครม

      “โอ๊ย/โอ๊ย” สองเสียงแข่งกันโอ๊ยซะดังเชียว ฉันรู้สึกว่าตัวเองจะวิ่งไม่ดูตาม้าตาเรือไปชนใครเข้าก็ไม่รู้นะนี่

      “ขอโทษ ขอโทษจริงๆนะ”

      “โอ๊ย แกนังบ้าแกวิ่งมาชนฉัน แก แก”

      พลั่ก ตุ๊บ

      “โอ๊ย!

      ฉันถูกยัยโรสมหาภัยผลักคว่ำไปอีกทางอย่างแรงหลังจากที่เพิ่งลุกขึ้นยืนได้ ซวยชะมัด ก่อนจากยัยนั่นยังยิ้มเยาะเย้ยอย่างผู้ชนะให้ฉันอีกแน่ะ แต่ช่างเหอะเจ็บแค่นี้ ช่างมันรีบเอาโทรศัพท์ไปให้ดาวดีกว่า

      “นี่จ้ะดาว โทรศัพท์”

      “เอ๋ มุกแขนไปโดนอะไรมานะเลือดออกแถมยังเขียวเป็นจ้ำๆเชียว” ดาวคว้าแขนของฉันเข้าไปพลิกดูอย่างเป็นห่วงเป็นใย

      0///0 คือ คือฉันหกล้มน่ะ” ฉันโกหกเพื่อดาวโดยเฉพาะเลยค่ะทู้กท่าน เพราะถึงแม้ว่าเราสองคนจะอยู่ด้วยกันเกือบตลอดเวลาแต่ยัยพวกแก๊งหน้าสวยนั่นก็ยังไม่วายหาเวลามาแกล้งฉันจนได้ และรอยเขียวคล้ำที่แขนนี่ก็เหมือนฉันหกล้มก็จิรงเป็นการหกล้มที่ถูกผลักอย่างแรงต่างหาก

      “อย่ามาโกหกฉันน่ามุก” ดาวจ้องฉันอย่างจับผิด

      “เปล๊า เปล่าเลยนะ” และไม่รู้เป็นอะไรพักนี้ยิ่งเราสองคนอยู่ใกล้ชิดกันมากเท่าไหร่ ฉันก็ยิ่งหายใจไม่ทั่วท้องมากขึ้นเท่านั้น ที่สำคัญหัวใจฉันมันก็เต้นขึ้นๆลงๆไม่เป็นจังหวะเลยเวลาที่ดาวจ้องหน้าฉันอย่างนี้จนฉันต้องหลบสายตาเธอไปเอง ตอนนี้ฉันกำลังสังเกตและสงสัยหัวใจตัวเองอยู่ว่าตกลงแล้วมันจะใช่ความรู้สึกอย่างที่ฉันคิดรึเปล่า

      “ไม่ใช่แล้วล่ะ นี่พวกโรสพริ๊นเซสแกล้งเธออีกแล้วใช่ไหม ฉันไม่ยอมอีกแล้ว”

      ฉันเพิ่งเห็นดาวโกรธก็วันนี้แหละ เธอเดินดุ่มๆเข้าไปหาพวกแก๊งโรสพริ๊นเซสที่นั่งคุยโวกันอยู่อย่างไม่มีทีท่าว่ากลัวเลยสักนิด แถมยังออกแนวหาเรื่องซะด้วยซ้ำไปฉันจะออกปากห้ามก็ไม่ทันซะแล้ว

      “นี่พวกเธอฉันเคยบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่ามายุ่งกับไข่มุกน่ะ”

      “เหรอ อ๋อ..ใช่เธอเคยบอกแล้วแต่พวกฉันไปทำอะไรยัยนั่นกันล่ะ พวกฉันก็อยู่ของฉันดีๆ เธอจะมีปัญหาอะไรนักหนาหายัยขี้โรค นี่ถ้าไม่ติดว่าเธอเป็นลูกของท่านอธิการล่ะก็ป่านนี้คงจะถูกไล่ออกไปแล้ว อย่ามาทำตัวอวดดีหน่อยเลย ที่ฉันยอมเธอก็เพราะเวทนาหรอกนะ”

      0o0)! ห๊า... ไงนะ  นี่ดาวเป็นลูกสาวของท่านอธิการหรอกเหรอเนี่ย ทำไมเป็นเพื่อนกันมาตั้งสามเดือนแล้วฉันถึงเพิ่งมารู้ล่ะเนี่ย

      “อย่างเธอน่ะ มันก็แค่ยัยเด็กที่คอยมุดหัวอู่ในกระดรงของแม่นั่นแหละ”

       

       

       

       

      โอ๊ย...ฉันทนฟังยัยพวกนั้นทับถมดาวไม่ได้อีกแล้ว

      “หน๊อย พวกแกดีนักหรือไงหน้าตาดีแต่ใจทรามจนยักษ์ยังอายเลยมั้ง คนอย่างดาวเขาอยู่บนฟ้าของเค้าดีแล้วแกอ่าไปยุ่งกับเขาเลย อย่างแกมันต้องเจอฉันนี่ อย่ามัวดีแต่เห่าใส่คนที่ไม่มีทางสู้หน่อยเลย”

      “แก๊ แก..นังไข่มุก ลิลลี่ จำปีไปจับมันมาให้ฉันตบเอาเลือดล้างปากให้มันหายปากดีหน่อยสิ” คิดเหมือนฉันไหมคนอะไรอีกคนนึงชื่อจำปีสุดเฉิ่มส่วนอีกคนชื่อลิลลี่ชื่อินเต๊อร์ อินเตอร์ ช่างเป็นลูกไล่ของยัยโรสที่ชื่อช่างแตกต่างกันมากๆราวฟ้ากะเหว -_-)^

      และเร็วเท่าความคิดยัยลิลลี่ ยัยจำปีร่างถึกเดินรี่เข้ามาหิ้วปีกล๊อกแขนฉัน ดาวรีบเดินเข้ามาห้ามแต่รู้สึก ณ เวลานี้ยัยโรสมันจะหน้ามืดใจมัวไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรมที่ไหนแล้วล่ะ

      “ปล่อยมุกนะ”  ไม่รู้ดาวไปเอาเรี่ยวเอาแรงมากไหนมากมายบิดแขนยัยลิลลี่ทีเดียวทำเอายัยลิลลี่ปล่อยแขนฉันทันทีเลย

      “นี่นังดาวแกอย่ายุ่งนะ” ยัยโรสที่มาจากข้างหลังผลักดาวออกไปแรงมาก

      พลั่ก/โครม/ตุ้บ

      เสียงไล่กันมาจากที่ดาวถูกพลั่กและเซจนล้มหัวไปฟาดกับขอบโต๊ะอย่างแรง

      “ไม่ ไม่นะ ไม่...ม่ายย ดาว” ฉันดิ้นสุดกำลังให้หลุดจากพันธนาการอีกข้างจังหวะที่ทุกคนมัวยืนตะลึงกับภาพตรงหน้า ผมยาวสลวยของดาวหลุดออกมาเผยให้เห็นผมสั้นระต้นคอข้างใน เลือดไหลนองเต็มพื้นจากหน้าผากที่แตก ทันทีที่รู้ตัวฉันก็โผเข้าไปหาดาวแล้ว ถึงตอนนี้ฉันจะสับสนว่าความจริงมันเป็นยังไงกันแน่แต่ความเป็นห่วงดาวมีมากกว่าฉันจึงไม่สนใจอะไรทั้งนั้นนอกจากดาวเท่านั้น

      “ดาว ดาว ดาวเป็นยังไงบ้าง ดาว”

      “ม่ ไม่ ไม่เป็นไรเธอล่ะ”

      TT.TT จะบ้าเหรอเธอจะมาห่วงฉันทำไมกัน เข้ามาช่วยฉันทำไม ทำไมถึงทำแบบนี้ ฮือ ฮือๆๆ”

      ซิสเตอร์ที่เพิ่งรู้เรื่องรีบวิ่งเข้ามาหน้าตาตื่นและโทรหารถพยาบาลก่อนจะให้นักเรียนไปแจ้งท่านอธิการบดีทันที ทุกคนต่างวิ่งวุ่นกันเพราะความตกใจและทำอะไรไม่ถูก แต่ฉันนี่สิยิ่งทำอะไรไม่ถูกยิ่งกว่าเพราะดาวนอนจมกองเลือดจนผิวของเธอซีดขาวลงไปยิ่งกว่าเดิมราวกับว่าไม่เคยมีเลือดอย่างนั้นแหละ

      “ฮือๆๆ”

      ฉันร้องไห้เป็นบ้าเป็นหลังเพราะดาวเข้ามาช่วยฉันแท้ๆเธอถึงเป็นแบบนี้

      “เพราะ...ฉัน.. ฉัน ระ รัก รักเธอ” ถึงเสียงของดาวจะแหบพร่าและขาดห้วงแต่ฉันก็ได้ยินคำนั้น คำๆนั้นที่ดาวบอกว่ารักฉัน ดาวรักฉัน

      “ฮือๆ ไม่นะ ไม่ ถ้าเธอรักฉันจริงเธอต้องอดทนนะเดี๋ยวหมอก็จะมาแล้ว”

      “อืม..”

      ดาวยิ้มให้ฉัน และมันเป็นรอยยิ้มที่สวยมาก มากซะจนตาฉันพร่าไปหมด เธอยิ้มให้ฉันครั้งสุดท้ายก่อนจะแน่นิ่งไป

       “….^^);;

       “ดาว ดาวนี่ฟังฉันนะ TT0TT ฉันก็รัก ฮึ่กๆ ฉันก็รักเธอเหมือนกัน อย่าเป็นอะไรไปนะอยู่กับฉันก่อนนะดาว ฮึกฮือๆ ดาว ดาว ดาว......ไม่ ม่ายยยยยยยยย”

       

      หลังจากเหตุการณ์วันนั้นผ่านไป พวกยัยโรสถูกไล่ออกและถูกฝากขังที่โรงเรียนดัดนิสัยจากคำให้การของอีกหลายๆคนที่ถูกแกล้งอย่างหนัก จนบางคนถึงกับถูกซ้อมจนแขนหักบ้างก็มี ส่วนท่านอธิการบดีที่มาช้าไม่ทันได้พูดสั่งเสียอะไรกับสตาร์ก็ต้องเข้าๆออกๆโรงพยาบาลบ่อยๆเพราะตรอมใจ ส่วนฉันก็เพิ่งมารู้เรื่องของสตาร์หรือดาวทีหลังจากท่านอธิการว่าแท้ที่จริง ดาวมีชื่อจริงว่า ราฟาเอล สตาร์ มิเชล และดาวเป็นผู้ชายไม่ใช่ผู้หญิงอย่างที่ฉันคิด แต่ที่ต้องปลอมตัวมาเป็นผู้หญิงและเรียนที่นี่เพราะเขาป่วยเป็นโรคหัวใจ ซึ่งต้องเข้าๆออกๆนอนที่โรงพยาบาลอยู่ตลอด และแม่ของสตาร์เป็นห่วงเขาจนไม่อยากให้ไปเข้าเรียนที่ไหนเพราะกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเขา จนกระทั่งมาช่วงไม่กี่เดือนหลังเข้ามานี่แล้วที่สตาร์ไม่ยอมไปโรงพยาบาลตามที่หมอเรียกพบเลย เขาไปหาหมอบ้างไม่ไปบ้างอย่างกับว่าไม่ห่วงตัวเองซึ่งท่านอธิการก็ไม่ทราบถึงเหตุผลที่สตาร์ไม่ยอมไปเหมือนกัน

      TT.TT)แต่ฉันรู้ รู้ว่าทำไมเขาถึงไม่ยอมไป ทุกอย่างเป็นเพราะฉัน...เพราะฉันคนเดียวเท่านั้น

      เพราะเขามารู้จักกับฉัน เพราะเขาเป็นห่วงฉัน เพราะไม่อยากทิ้งให้ฉันอยู่คนเดียวที่โรงเรียนนี่ เพราะฉันแท้ๆที่ยื้อเขาไว้ไม่ให้เขาไป เพราะฉัน เพราะฉัน...นี่ถ้าฉันรู้ก่อนหน้านี้สักนิด ฉันจะไม่ยื้อเขาไว้เลย TT_TT)

                  ทุกอย่างมันเป็นความผิดของฉันคนเดียวแท้ๆ ฉันคงไม่มีหน้าไปหาสตาร์ได้อีกแล้ว ถึงแม้ว่าฉันจะรักเขา รักเขามากแค่ไหนแต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาทำให้ฉันมันมากเกินกว่าที่ฉันจะตอบแทนให้เขาได้หมด ทำไม ทำไมถึงได้ทำอย่างนี้ ทำไมเขาถึงได้ทำเพื่อฉันขนาดนี้....คนโง่ นายสตาร์คนโง่

      “ฮือออออ ฮือออออ...”

      ฉันทนรับกับความจริงที่แสนโหดร้ายพวกนี้ไม่ไหวอีกต่อไปจนต้องลาออกจากโรงเรียนและไปเรียนต่อที่อเมริกาเพื่อที่จะลืมเรื่องราวทั้งหมดนี้ให้ได้

       

      1 ปีต่อมา

      “สวัสดีจ้ะดาว ฉันมาเยี่ยมเธอนะ เป็นยังไงบ้าง ตอนนั้นฉันยังเด็กถึงได้ทิ้งเธอไป แต่ตอนนี้ฉันกลับมาแล้วนะ ฉันกลับมาหาเธอเพราะฉันรู้แล้วว่าแม้ตัวฉันจะจากเธอไปไกลแค่ไหน แต่หัวใจของฉันมันก็ไม่เคยตามไปด้วยเลย เพราะหัวใจของฉันมันอยู่ในหัวใจของเธอตลอดเวลา และถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้อยู่ด้วยกันฉันก็จะรักและจะยังจดจำเธออยู่ในใจของฉันตลอดไป TT.TT

      ที่ฉันยังเรียกสตาร์ว่าดาวเพราะว่าเราทั้งสองคนรู้จักกันครั้งแรกในชื่อนี้ และที่สำคัญที่สุดคือถึงแม้ว่าเขาจะอยู่ที่ไหนฉันก็ยังสัมผัสและมองเห็นเขาได้ทุกครั้งยามเมื่อมองขึ้นไปบนฟ้าและเห็นดวงดาวนับแสนนับพันล้านดวงบนนั้น

      ฉันกำลังจะเดินไปจากที่นั่นอยู่แล้วเพราะทนอยู่ที่นี่ต่อไปอีกไม่ได้ แต่จู่ๆก็ต้องหยุดกึกเพราะไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยินขึ้นมาซะก่อน

      ตื๊ด  ตื๊ด ตื๊ด

      เสียงเครื่องส่งสัญญาณการเต้นของหัวใจดังเป็นจังหวะถี่ขึ้นจากที่เต้นอย่างสม่ำเสมอเป็นท่วงทำนองช้าๆ ฉันหันกลับไปและพบว่ามือของดาวขยับ

      “ดาว ดาว “ ฉันรีบวิ่งเข้าไปกุมมือของดาวเอาไว้

      “คุณหมอค่ะดาวฟื้นแล้ว ดาวฟื้นแล้วค่ะคุณหมอ” ฉันฉวยอินเตอร์โฟนข้างเตียงขึ้นมาก่อนจะกดเรียกคุณหมอกับพยาบาลให้เข้ามาดูอาการของดาว

      ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นกับเรา หลังจากที่ดาวนอนป่วยอยู่ที่นี่นานเป็นปี จู่ๆ......จู่ๆเขาก็มีปฏิกิริยาตอบสนองขึ้นมา

      “ดาวในที่สุดเธอก็กลับมา กลับมาหาฉัน กลับมาเพราะความรักของเรา ขอบคุณขอบคุณพระแม่มารีที่ยอมให้เขากลับมาขอบคุณพระบิดาที่คืนชีวิตให้แก่เขา”

      ในขณะที่เขาลืมตาขึ้นฉันโผเข้าไปกอดเขาก่อนจะบอกในสิ่งที่เขาไม่ทันได้ยินเมื่อปีก่อนเพราะฉันกลัวว่ามันจะไม่มีเวลานั้นอีก

      “ฉันรักเธอ ฉันรักเธอ เธอจะเป็นดาวใจในของฉันตลอดไป”

                  “^^” รอยยิ้มจางๆที่ฉันคิดว่าสวยที่สุดในชีวิตตั้งแต่เคยเห็นมาถูกส่งมาให้ฉัน จนหัวใจฉันตอนนี้อิ่มเอิบท่วมท้น ปลื้มปิติ ตื้นตันจนไม่สามารถบรรยายมันออกมาเป็นคำพูดได้หมด เราสองมองสบตากันโดยที่ไม่ต้องพูดอะไรอีกก็สามารถรับรู้ถึงความรู้สึกที่อีกฝ่ายมีให้แก่กันได้ เพราะมันถูกส่งผ่านมาจากหัวใจของเราทั้งสองคนจากนี้จนชั่วนิจนิรันดร์

      THE  END

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×