คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : สีฟ้าของท้องฟ้า สีชมพูของความรัก
บทที่ 1 สีฟ้าของท้องฟ้า สีชมพูของความรัก
วันเปิดเทอมใหม่ให้นึกห่อเหี่ยวกับวิชาเรียนที่จะต้องเจออย่างไรความยินดีที่จะได้เจอเพื่อนก็มากกว่าอยู่ดี เสียงทักทางเสียงหัวเราะเสียงหยอกล้อจึงดังขึ้นจากตรงนู้นตรงนี้ทางทางที่หญิงสาวเดินผ่าน
สำหรับเธอนี่เป็นเทอมสุดท้ายแล้วที่ได้เรียนที่นี้ รั้วมหาลัยที่หลายคนว่าสนุกนักหนากำลังจะจบลง เหลือส่งงานไม่กี่ชิ้นกับเก็บหน่วยกิตอีกนิดหน่อยก็จะจบแล้ว
“รชา วู้ ทางนี้ทางนี้” เสียงหวานใสตะโกนเรียก
รชาเงยหน้ามอง โต๊ะหินเรียงรายใต้ร่มเงาไม้ขนาดใหญ่ถูกจับจองด้วยนักศึกษาจนแน่นขนัด ร่างสูงโปร่งของอินทิราเขย่งจนสุดปลายเท้าเพื่อโบกมือเรียกเพื่อนที่เดินเหม่อๆเข้ามา
“ทำไมวันนี้มาเช้า” รชาถามเสียงเบาขณะนั่งลงที่ว่างที่แฟนหนุ่มของอินทิราขยับให้
“ก็วันแรกนี่ คิดถึงเพื่อนด้วยอยากมาเจอหน้า” อินทิราตอบเสียงใส
รชายิ้มบางๆ เมื่อมองดวงหน้าเรียวเล็กล้อมกรอบด้วยเส้นผมสีน้ำตาลอ่อนเป็นเงาระยับดัดเป็นลอนคลื่นกระจายเกลื่อนหลัง แก้มและริมฝีปากสีระเรื่อถูกตกแต่งไว้อย่างเรียบเนียนแสดงให้เห็นถึงรสนิยมชั้นเลิศของคนแต่งอินทิราสวย เป็นความสวย ร่าเริงเหมือนดอกไม้แรกแย้มงดงามที่ไม่ว่าผ่านตาใครย่อมก่อให้เกิดอารมณ์อ่อนหวานอยากทนุถนอม
“โห เพิ่งเจอกันเมื่อวันเสาร์ เธอไม่ได้เจอหรือไง เมาหัวทิ่มจนลืมล่ะสิยัยหนึ่งเอ๊ย” เพื่อนสาวอีกคนในกลุ่มแซว
“ใจร้าย ใครเมาหัวทิ่ม อย่างน้อยก็ยังกลับบ้านถูกแล้วกันน่า”
“เจ้าค่ะ กลับบ้านถูก ถามหน่อยเถอะจำได้หรือเปล่าว่าใครเป็นคนไปส่งตัว”
อินทิราทำตาใสหันไปอ้อนแฟนหนุ่ม “ก็ต้องวินน่ะสิ ใช่มะ ไม่อย่างนั้นจะมีแฟนไว้ทำไมล่ะเน้อ”
ท่าทางยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ยเหมือนเด็กทำกับผู้ใหญ่อินทิราสามารถทำได้อย่างแนบเนียนน่าเอ็นดู อัศวินยิ้มน้อยๆแต่หางตาเหลือบไปที่ผู้หญิงอีกคน รชากำลังหากระเป๋าเงินไม่รู้ว่าเธอเอาไปใส่ไว้ช่องไหนของกระเป๋าอีกแล้วสิน่า
“เสียใจครับ คืนนั้นผมเมาหัวทิ่มเช่นกัน”
“หา” อินทิราทำหน้าเหวอ “แล้วใครหว่า”
“ไอ้ป้อ โว้ย ไอ้ป้อ มันขับรถเทียวส่งคนที่เมาเหมือนหมากลับบ้าน เมื่อเช้ามันเพิ่มมาทวงบุญคุณขอข้าวกลางวันสิบมื้ออยู่”
อินทิราหรี่ตา “แกก็ด้วยล่ะสิที่เมาเหมือนหมาแล้วเป็นหนึ่งตัวที่มันหิ้วไปส่ง”
“ก็เอออ่ะดิ” คนตอบตอบอย่างชัดถ้อยชัดคำ
เสียงหัวเราะตอบรับดังยาวนานพร้อมด้วยมือเอื้อมตบหัวกันอย่างหยอกล้อ ก่อนที่จะเบนไปคุยเรื่องอื่นจนกระทั่งใกล้เวลาเข้าเรียนอัศวินก็ขอตัวไปก่อนเพราะคณะวิศวะอยู่อีกฟากหนึ่ง
คู่ที่คบกันมาได้สามเดือนนี้สีชมพูหวานแหวนก็ไม่ได้เจือจางลงเลยซักนิด
“เค้าน่ารักเนอะ” อินทิราเปรยถึงแฟนหนุ่มขณะส่งสายตาตามคนที่เดินไปไกลแล้ว
“เอาอีกแล้วยัยนี่” ทุกคนมองตากันแล้วรู้สึกอย่างเดียวกันหมด
“ทำไมล่ะ ก็เค้าน่ารักจริงๆนี่”
รชาลูบกระเป๋าตังค์ใบยาวในมือเบาๆ ดวงตากลมโตสีน้ำตาลอ่อนหลุบต่ำ คนคนนั้น ไม่ว่าคำอะไรก็ใช้ชมได้ทั้งนั้นแหละ เพราะว่ามันไม่ได้มากเกินไปซักนิด รูปหล่อ พ่อรวย หัวดี กีฬาเก่ง นิสัยก็เรียกได้ว่าไนซ์สุดๆไม่ว่ากับใครก็เข้ากับเขาไปได้หมด
เหมาะสมกับอินทิราแทบทุกอย่าง
ภาพชายหนุ่มไหล่กว้างตัวสูงอย่างนักกีฬาวาบเข้ามาในความคิด ดวงหน้าราวรูปสลักสีแทนกับดวงตาคมกริบที่เวลายิ้มน้อยๆจะน่ามองราวภาพวาด น่าจับไปเป็นนายแบบ รชาเคยคิดขันๆแต่พอเผลอเปรยออกมา อินทิราก็ต่ออย่างรวดเร็ว
“เคยมีคนมาชวนวินเขาถ่ายเยอะแยะไปจ๊ะ แต่เจ้าตัวบอกปัดหมด เห็นว่ารำคาญ” เสียงคนพูดมีรอยภาคภูมิ
เขามีเรียนตอนเช้าเหรอ ไม่ใช่ซักหน่อย ไม่มีเหตุผลอะไรซักนิดวันนี้ที่เขาจะต้องมาเช้า
อัศวินเสยผมตัวเอง เส้นผมเขาเป็นสีน้ำตาลเข้มพอเริ่มยาวเขาจะมัดไปลวกๆด้วยยางเส้นเล็ก เวลานี้มันเลยเป็นกระจุกสั้นๆที่ท้ายทอยรอเวลาที่เจ้าของจะเลิกขี้เกียจแล้วพาตัวเองเข้าร้านเสียที่
อินทิราเองก็เตือนหลายครั้งแล้ว เพราะเธอไม่ชอบ มันดูเหมือนอะไรนะ นักเลง ดูไม่มีการศึกษา เธอหลุดคำพูดนั้นออกมาบางที
น่าแปลกเขารู้หลายเรื่องเกี่ยวกับเธอ แต่เธอรู้น้อยเรื่องเกี่ยวกับเขา
น่าเบื่อ
แต่เป็นความน่าเบื่อที่เหมาะสมทุกด้าน
เธอดีพร้อม ลูกข้าราชการใหญ่ หน้าตาดี นิสัยน่ารักแม้จะน่ารำคาญไปบ้าง
นี่ก็อีกเรื่องหนึ่งหลายครั้งที่เขาหลุด รำคาญ หลายอย่างหลายเรื่อง เธอคนนั้นก็ยังไม่มีวีแววว่าจะรู้ซักนิดว่านิสัยเขาอย่างหนึ่งคือเป็นคนขี้รำคาญนักหนา และบางครั้งสิ่งที่เขารำคาญก็ไม่พ้นเธอ
วันนี้เสาร์เขารำคาญที่เธอมาตื้อให้ไปงานเลี้ยงด้วย งานเลี้ยงส่งท้ายปิดเทอครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ ยิ่งใกล้จบเธอกับเพื่อนยิ่งหาเรื่องเลี้ยงกันได้ทุกอย่าง ฉลองชีวิตมหาลัย เขาไม่ต่างจากตุ๊กตาของเธอ คนที่เธอควงไว้อวด ก็เท่านั้น
แต่กลับกัน เขาเองก็ควงเธอเพื่ออวดเหมือนกันไม่ใช่หรือ
จะพูดอะไรได้เล่า เพราะเราไม่แผกกัน
วันนี้เขารำคาญว่าเดิม ทั้งที่เขาไม่ได้มีเรียนตอนเช้าแท้ๆ ตารางสองปีสี่แทบจะเป็นการดาษขาวว่างเปล่าใบหนึ่ง แล้วทำไมเขาต้องมาแต่เช้า
เขานั่งรอที่โต๊ะประจำของเธอผู้เป็นแฟนและกลุ่มของเธอ
แต่เขาไม่ได้รอเธอ
ไม่ได้รอด้วยความเบื่อหน่ายเหมือนทุกวัน
แต่รอด้วยความกระวนกระวายใจ
เธออีกคนจะเป็นอย่างไร หญิงสาวร่างเล็ก ขาวๆ บอบบาง ขนาดหน้าเธอเขายังจำได้ไม่ชัดเจนเพราะฤทธิ์ที่เมา ที่ติดอยู่ในใจคือดวงตาสีอ่อนกลมโตที่ไม่สะท้อนอารมณ์ใดๆ
“โธ่เว้ย” นี่มันน่ารำคาญกว่าเดิมเสียอีก
หลังจากที่เดินผละออกมา ร่างสูงไม่ได้เดินไปที่คณะอย่างที่ปากพูด
ตึกเรียนครึ่งหนึ่งเป็นตึกเก่าซ่อนอยู่ในเงาไม้ร่มรื่น ความสวยงามที่ไม่ได้ถูกกาลเวลากลืนกินแต่กลับเสริมความเคร่งครึมสง่างามเข้าไปอีกส่วนเมื่อเปรียบเทียบกับตึกใหม่ฉาบปูนขาวทรงตรงเหมือนกล่องนมจืดพร่องมันเนย
ทางเดินแยกเป็นสองล้อมสระ ฟ้าครามน้ำเขียว นักศึกษาส่วนใหญ่เข้าห้องเลกเชอร์ไปหมดแล้วที่เหลืออยู่เป็นเพียงส่วนน้อย
รชาพลิกหนังสือข้ามไปหลายหน้า เธอเป็นคนชอบอ่านหนังสือ นอกจากการฟังเพลงและดูหนังบ้างเป็นบางครั้ง การอ่านหนังสือคือสิ่งที่เธอชอบมากที่สุดเสียก็แต่ไม่มีเพื่อนคนไหนชอบเหมือนกันเธอ เพื่อนหลายคนชอบเที่ยว กับที่เหลือคือชอบเที่ยวมากๆ เรื่องที่พูดกันรชาจะไม่เข้าใจเกินกว่าครึ่ง
นี่เป็นหนังสือเล่มเก่าที่เอามาอ่านใหม่ เธอซื้อมานานแล้วแต่เพราะตอนขึ้นนั้นปรากฎว่าไม่ใช่แนวที่ชอบเธอเลยวางเสียแล้วหาเล่มใหม่ที่ตรงรสนิยมยิ่งกว่า หากครั้งตอนนี้ที่มีก็อ่านหมดแล้วเธอเลยกลับมากอ่านอีกครั้ง
มันเป็นหนังสือนิยาย พอเปิดผาดๆข้ามไปเสียหลายหน้าก็ไม่ได้เสียเนื้อหาไปที่ตรงไหน ยังคงอ่านได้อย่างเข้าใจดีอยู่
เงามืดทาบบนหน้ากระดาษ รชาเพียงเอียงตัวหลบแล้วหันหาแสงสว่างที่สายตากำลังชิน เงานั้นหดกลับไปเธอก็เลื่อนหนังสือกลับมาอ่านตำแหน่งเดิม
“ใจคอจะไม่เงยหน้าขึ้นมามองหน่อยหรือ” เสียงทุ้มคุ้นหูดังขึ้นเหนือหัว
“อ้าว วิน” รชาทัก “ไหนว่ามีเรียน”
“จำตารางผิดน่ะ เดินไปถึงถึงจะรู้ว่าจำผิด เพื่อนมันหัวเราะกันเกรียว” ด้วยความที่เป็นคนคล่องเขาก็ลื่นไปได้อย่างไม่มีพิรุธ
“ไม่มีเรียนเหรอ”
“อืม”
“งั้น ขอนั่งด้วงคนแล้วกันนะ จะรอหนึ่งเค้า”
รชาไม่ได้ตอบแต่อาการยิ้มน้อยๆจนเห็นลักยิ้มบุ่มลึกที่ข้างแก้มใสก็ทำให้อัศวินรู้ว่าเธอยินดี
อินทิราเคยบอกเขาว่ารชาคุยกับคนไม่ค่อยเก่งเธอเป็นย่างนั้นเอง แล้วก็ขี้อาย
อัศวินแอบมองเธอเงียบๆ เธอไม่ได้สนใจอะไรเขา หนังสือในมือดูเหมือนมีอะไรน่าสนใจมากมายกว่าเขาที่เธอไม่ได้สนิทด้วย
เส้นผมยาวตรงๆ สีดำสนิทขับแก้มขาวให้ซีดลงไปอีก ปีนี้เปิดเทอมช้าพอเปิดมาก็ย่างเข้าฤดูหนาวอย่างไม่ทันให้ได้ตั้งตัว หญิงสาวเสยผมที่ปกหน้าขึ้นหลายครั้ง เสยขึ้นไปแล้วมันก็ตกลงมาระสายตาอยู่ร่ำไป เธอพับหน้าหนังสืออย่างไม่เต็มใจนักก่อนจะหันไปควานๆมือหายางเส้นหนึ่งได้จากกระเป๋าสีน้ำตาลใบเล็ก
เส้นผมถูกรวบเข้าเผยให้เห็นต้นคอขาว เธอเอียงหน้าเท้าคางอ่านหนังสือต่อ
อัศวินไล่สายตาไปตามลำคอระหง ถ้าจำไม่ผิด
เธอเอี้ยวหน้าไปมาเหมือนเมื่อยขบ รอยแดงกระจ่างชัดเหมือนกลีบดอกไม้บนผืนหิมะที่หลังต้นคอ
เธอคงไม่เห็นมัน ที่จริงเขาจงใจทำในที่ที่เธอจะไม่เห็นเองโดยง่าย
จะสนใจอะไร ก็แค่คืนหนึ่งกับหญิงสาวที่
ง่าย เหมือนๆคนอื่นที่ผ่านเข้ามา แล้วก็ผ่านไปมานักต่อนัก
“ไม่หนาวเหรอ” อัศวินถามขึ้นเรียบๆ
เขาคลายผ้าพันคอที่พันไว้ลวกๆก่อนคล้องคอคนที่นั่งตรงข้าม
“ให้ยืม”
รชาเงยหน้า มองชายหนุ่มเป็นครั้งแรก
เขา แปลกไปหรือเปล่าหนอ
“เอ๊ะ นั่นผ้าพันคอของวินไม่ใช่เหรอจ๊ะ” อินทิราถามทันทีที่นั่งลงข้างๆแฟนหนุ่มแต่สายตาจับจ้องไปที่สาวน้องอีกคน
“อือ” รชารับในลำคอ
อินทิราหันไปมองอัศวินก่อนยิ้มหวานเกลื่อนรอยกังขาในดวงตาแล้วออดอ้อนอย่างเคย
“แล้วของหนึ่งล่ะ มีผ้าพันคอให้รชาแล้วของหนึ่งล่ะจ๊ะ”
อัศวินยิ้ม “หนึ่งหนาวเหรอ ถ้าหนาวก็บอกสิผมจะได้กอดไว้แน่นๆ”
ไม่พูดเปล่า วงแขนแข็งแรงก็รวบเอวบางมาแนบกาย อินทิราอุ่นจนร้อนยื่นมือดันหน้าอัศวินที่เคยไว้ที่บ่าออกอย่างกึ่งเขินกึ่งฉุน
“บ้า อายเค้า”
“อายใคร ไม่เห็นจะมีใคร นี่ก็เพื่อนหนึ่งทั้งน้าน” อัศวินยิ่งกอดแน่น
เพื่อนพากันหัวเราะ เสียงแซวเสียงหัวเราะ แต่รชาเพียงยิ้มน้อยๆ
สีชมพูของความรักนี้แทบจะย้อมฟ้าครามให้หวานตามไปด้วย
“ไม่ต้องอาย ไม่ต้องอาย แค่เกรงใจคนโลดสองสามหัวแถวนี้บ้างก็พอแล้วล่ะยะ”
“บ้า”
ความคิดเห็น