ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ตรวนกุหลาบ

    ลำดับตอนที่ #2 : สีฟ้าของท้องฟ้า สีชมพูของความรัก

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 166
      0
      7 มี.ค. 55


    บทที่ 1 สีฟ้าของท้องฟ้า   สีชมพูของความรัก

     

     

    วันเปิดเทอมใหม่ให้นึกห่อเหี่ยวกับวิชาเรียนที่จะต้องเจออย่างไรความยินดีที่จะได้เจอเพื่อนก็มากกว่าอยู่ดี    เสียงทักทางเสียงหัวเราะเสียงหยอกล้อจึงดังขึ้นจากตรงนู้นตรงนี้ทางทางที่หญิงสาวเดินผ่าน

     

    สำหรับเธอนี่เป็นเทอมสุดท้ายแล้วที่ได้เรียนที่นี้    รั้วมหาลัยที่หลายคนว่าสนุกนักหนากำลังจะจบลง    เหลือส่งงานไม่กี่ชิ้นกับเก็บหน่วยกิตอีกนิดหน่อยก็จะจบแล้ว  

     

    รชา    วู้   ทางนี้ทางนี้ เสียงหวานใสตะโกนเรียก

     

    รชาเงยหน้ามอง    โต๊ะหินเรียงรายใต้ร่มเงาไม้ขนาดใหญ่ถูกจับจองด้วยนักศึกษาจนแน่นขนัด    ร่างสูงโปร่งของอินทิราเขย่งจนสุดปลายเท้าเพื่อโบกมือเรียกเพื่อนที่เดินเหม่อๆเข้ามา

     

    ทำไมวันนี้มาเช้า รชาถามเสียงเบาขณะนั่งลงที่ว่างที่แฟนหนุ่มของอินทิราขยับให้

     

    ก็วันแรกนี่   คิดถึงเพื่อนด้วยอยากมาเจอหน้า อินทิราตอบเสียงใส

     

    รชายิ้มบางๆ เมื่อมองดวงหน้าเรียวเล็กล้อมกรอบด้วยเส้นผมสีน้ำตาลอ่อนเป็นเงาระยับดัดเป็นลอนคลื่นกระจายเกลื่อนหลัง    แก้มและริมฝีปากสีระเรื่อถูกตกแต่งไว้อย่างเรียบเนียนแสดงให้เห็นถึงรสนิยมชั้นเลิศของคนแต่งอินทิราสวย    เป็นความสวย   ร่าเริงเหมือนดอกไม้แรกแย้มงดงามที่ไม่ว่าผ่านตาใครย่อมก่อให้เกิดอารมณ์อ่อนหวานอยากทนุถนอม

     

    โห   เพิ่งเจอกันเมื่อวันเสาร์   เธอไม่ได้เจอหรือไง   เมาหัวทิ่มจนลืมล่ะสิยัยหนึ่งเอ๊ย เพื่อนสาวอีกคนในกลุ่มแซว

     

    ใจร้าย   ใครเมาหัวทิ่ม   อย่างน้อยก็ยังกลับบ้านถูกแล้วกันน่า

     

    เจ้าค่ะ   กลับบ้านถูก   ถามหน่อยเถอะจำได้หรือเปล่าว่าใครเป็นคนไปส่งตัว

     

    อินทิราทำตาใสหันไปอ้อนแฟนหนุ่ม ก็ต้องวินน่ะสิ    ใช่มะ   ไม่อย่างนั้นจะมีแฟนไว้ทำไมล่ะเน้อ

     

    ท่าทางยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ยเหมือนเด็กทำกับผู้ใหญ่อินทิราสามารถทำได้อย่างแนบเนียนน่าเอ็นดู    อัศวินยิ้มน้อยๆแต่หางตาเหลือบไปที่ผู้หญิงอีกคน    รชากำลังหากระเป๋าเงินไม่รู้ว่าเธอเอาไปใส่ไว้ช่องไหนของกระเป๋าอีกแล้วสิน่า

     

    เสียใจครับ   คืนนั้นผมเมาหัวทิ่มเช่นกัน

     

    หา อินทิราทำหน้าเหวอ แล้วใครหว่า

     

    ไอ้ป้อ   โว้ย   ไอ้ป้อ   มันขับรถเทียวส่งคนที่เมาเหมือนหมากลับบ้าน   เมื่อเช้ามันเพิ่มมาทวงบุญคุณขอข้าวกลางวันสิบมื้ออยู่

     

    อินทิราหรี่ตา แกก็ด้วยล่ะสิที่เมาเหมือนหมาแล้วเป็นหนึ่งตัวที่มันหิ้วไปส่ง

     

    ก็เอออ่ะดิคนตอบตอบอย่างชัดถ้อยชัดคำ

     

    เสียงหัวเราะตอบรับดังยาวนานพร้อมด้วยมือเอื้อมตบหัวกันอย่างหยอกล้อ    ก่อนที่จะเบนไปคุยเรื่องอื่นจนกระทั่งใกล้เวลาเข้าเรียนอัศวินก็ขอตัวไปก่อนเพราะคณะวิศวะอยู่อีกฟากหนึ่ง    

     

    คู่ที่คบกันมาได้สามเดือนนี้สีชมพูหวานแหวนก็ไม่ได้เจือจางลงเลยซักนิด

     

    เค้าน่ารักเนอะ อินทิราเปรยถึงแฟนหนุ่มขณะส่งสายตาตามคนที่เดินไปไกลแล้ว

     

    เอาอีกแล้วยัยนี่ ทุกคนมองตากันแล้วรู้สึกอย่างเดียวกันหมด

     

    ทำไมล่ะ   ก็เค้าน่ารักจริงๆนี่

     

    รชาลูบกระเป๋าตังค์ใบยาวในมือเบาๆ    ดวงตากลมโตสีน้ำตาลอ่อนหลุบต่ำ     คนคนนั้น    ไม่ว่าคำอะไรก็ใช้ชมได้ทั้งนั้นแหละ   เพราะว่ามันไม่ได้มากเกินไปซักนิด    รูปหล่อ   พ่อรวย    หัวดี    กีฬาเก่ง    นิสัยก็เรียกได้ว่าไนซ์สุดๆไม่ว่ากับใครก็เข้ากับเขาไปได้หมด   

     

    เหมาะสมกับอินทิราแทบทุกอย่าง

     

    ภาพชายหนุ่มไหล่กว้างตัวสูงอย่างนักกีฬาวาบเข้ามาในความคิด    ดวงหน้าราวรูปสลักสีแทนกับดวงตาคมกริบที่เวลายิ้มน้อยๆจะน่ามองราวภาพวาด    น่าจับไปเป็นนายแบบ    รชาเคยคิดขันๆแต่พอเผลอเปรยออกมา    อินทิราก็ต่ออย่างรวดเร็ว

     

    เคยมีคนมาชวนวินเขาถ่ายเยอะแยะไปจ๊ะ   แต่เจ้าตัวบอกปัดหมด    เห็นว่ารำคาญ เสียงคนพูดมีรอยภาคภูมิ

     

     

    เขามีเรียนตอนเช้าเหรอ   ไม่ใช่ซักหน่อย    ไม่มีเหตุผลอะไรซักนิดวันนี้ที่เขาจะต้องมาเช้า   

     

    อัศวินเสยผมตัวเอง   เส้นผมเขาเป็นสีน้ำตาลเข้มพอเริ่มยาวเขาจะมัดไปลวกๆด้วยยางเส้นเล็ก    เวลานี้มันเลยเป็นกระจุกสั้นๆที่ท้ายทอยรอเวลาที่เจ้าของจะเลิกขี้เกียจแล้วพาตัวเองเข้าร้านเสียที่

     

    อินทิราเองก็เตือนหลายครั้งแล้ว    เพราะเธอไม่ชอบ    มันดูเหมือนอะไรนะ   นักเลง    ดูไม่มีการศึกษา    เธอหลุดคำพูดนั้นออกมาบางที

     

    น่าแปลกเขารู้หลายเรื่องเกี่ยวกับเธอ    แต่เธอรู้น้อยเรื่องเกี่ยวกับเขา

     

    น่าเบื่อ  

     

    แต่เป็นความน่าเบื่อที่เหมาะสมทุกด้าน  

     

    เธอดีพร้อม    ลูกข้าราชการใหญ่     หน้าตาดี    นิสัยน่ารักแม้จะน่ารำคาญไปบ้าง

     

    นี่ก็อีกเรื่องหนึ่งหลายครั้งที่เขาหลุด รำคาญ    หลายอย่างหลายเรื่อง    เธอคนนั้นก็ยังไม่มีวีแววว่าจะรู้ซักนิดว่านิสัยเขาอย่างหนึ่งคือเป็นคนขี้รำคาญนักหนา    และบางครั้งสิ่งที่เขารำคาญก็ไม่พ้นเธอ

     

    วันนี้เสาร์เขารำคาญที่เธอมาตื้อให้ไปงานเลี้ยงด้วย    งานเลี้ยงส่งท้ายปิดเทอครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้    ยิ่งใกล้จบเธอกับเพื่อนยิ่งหาเรื่องเลี้ยงกันได้ทุกอย่าง   ฉลองชีวิตมหาลัย     เขาไม่ต่างจากตุ๊กตาของเธอ   คนที่เธอควงไว้อวดก็เท่านั้น 

     

    แต่กลับกัน   เขาเองก็ควงเธอเพื่ออวดเหมือนกันไม่ใช่หรือ

     

    จะพูดอะไรได้เล่า    เพราะเราไม่แผกกัน

     

    วันนี้เขารำคาญว่าเดิม    ทั้งที่เขาไม่ได้มีเรียนตอนเช้าแท้ๆ    ตารางสองปีสี่แทบจะเป็นการดาษขาวว่างเปล่าใบหนึ่ง    แล้วทำไมเขาต้องมาแต่เช้า

     

    เขานั่งรอที่โต๊ะประจำของเธอผู้เป็นแฟนและกลุ่มของเธอ

     

    แต่เขาไม่ได้รอเธอ

     

    ไม่ได้รอด้วยความเบื่อหน่ายเหมือนทุกวัน

     

    แต่รอด้วยความกระวนกระวายใจ    

     

    เธออีกคนจะเป็นอย่างไร    หญิงสาวร่างเล็ก   ขาวๆ   บอบบาง    ขนาดหน้าเธอเขายังจำได้ไม่ชัดเจนเพราะฤทธิ์ที่เมา    ที่ติดอยู่ในใจคือดวงตาสีอ่อนกลมโตที่ไม่สะท้อนอารมณ์ใดๆ

     

    โธ่เว้ย นี่มันน่ารำคาญกว่าเดิมเสียอีก

     

    หลังจากที่เดินผละออกมา    ร่างสูงไม่ได้เดินไปที่คณะอย่างที่ปากพูด

     

     

    ตึกเรียนครึ่งหนึ่งเป็นตึกเก่าซ่อนอยู่ในเงาไม้ร่มรื่น    ความสวยงามที่ไม่ได้ถูกกาลเวลากลืนกินแต่กลับเสริมความเคร่งครึมสง่างามเข้าไปอีกส่วนเมื่อเปรียบเทียบกับตึกใหม่ฉาบปูนขาวทรงตรงเหมือนกล่องนมจืดพร่องมันเนย   

     

    ทางเดินแยกเป็นสองล้อมสระ    ฟ้าครามน้ำเขียว    นักศึกษาส่วนใหญ่เข้าห้องเลกเชอร์ไปหมดแล้วที่เหลืออยู่เป็นเพียงส่วนน้อย   

     

    รชาพลิกหนังสือข้ามไปหลายหน้า   เธอเป็นคนชอบอ่านหนังสือ    นอกจากการฟังเพลงและดูหนังบ้างเป็นบางครั้ง    การอ่านหนังสือคือสิ่งที่เธอชอบมากที่สุดเสียก็แต่ไม่มีเพื่อนคนไหนชอบเหมือนกันเธอ   เพื่อนหลายคนชอบเที่ยว    กับที่เหลือคือชอบเที่ยวมากๆ    เรื่องที่พูดกันรชาจะไม่เข้าใจเกินกว่าครึ่ง

     

    นี่เป็นหนังสือเล่มเก่าที่เอามาอ่านใหม่   เธอซื้อมานานแล้วแต่เพราะตอนขึ้นนั้นปรากฎว่าไม่ใช่แนวที่ชอบเธอเลยวางเสียแล้วหาเล่มใหม่ที่ตรงรสนิยมยิ่งกว่า    หากครั้งตอนนี้ที่มีก็อ่านหมดแล้วเธอเลยกลับมากอ่านอีกครั้ง

     

    มันเป็นหนังสือนิยาย    พอเปิดผาดๆข้ามไปเสียหลายหน้าก็ไม่ได้เสียเนื้อหาไปที่ตรงไหน    ยังคงอ่านได้อย่างเข้าใจดีอยู่

     

    เงามืดทาบบนหน้ากระดาษ    รชาเพียงเอียงตัวหลบแล้วหันหาแสงสว่างที่สายตากำลังชิน    เงานั้นหดกลับไปเธอก็เลื่อนหนังสือกลับมาอ่านตำแหน่งเดิม

     

    ใจคอจะไม่เงยหน้าขึ้นมามองหน่อยหรือ เสียงทุ้มคุ้นหูดังขึ้นเหนือหัว

     

    อ้าว   วิน รชาทัก ไหนว่ามีเรียน

     

    จำตารางผิดน่ะ    เดินไปถึงถึงจะรู้ว่าจำผิด   เพื่อนมันหัวเราะกันเกรียว ด้วยความที่เป็นคนคล่องเขาก็ลื่นไปได้อย่างไม่มีพิรุธ

     

    ไม่มีเรียนเหรอ

     

    อืม

     

    งั้น   ขอนั่งด้วงคนแล้วกันนะ   จะรอหนึ่งเค้า

     

    รชาไม่ได้ตอบแต่อาการยิ้มน้อยๆจนเห็นลักยิ้มบุ่มลึกที่ข้างแก้มใสก็ทำให้อัศวินรู้ว่าเธอยินดี   

     

    อินทิราเคยบอกเขาว่ารชาคุยกับคนไม่ค่อยเก่งเธอเป็นย่างนั้นเอง   แล้วก็ขี้อาย   

     

     

    อัศวินแอบมองเธอเงียบๆ  เธอไม่ได้สนใจอะไรเขา    หนังสือในมือดูเหมือนมีอะไรน่าสนใจมากมายกว่าเขาที่เธอไม่ได้สนิทด้วย

     

    เส้นผมยาวตรงๆ สีดำสนิทขับแก้มขาวให้ซีดลงไปอีก    ปีนี้เปิดเทอมช้าพอเปิดมาก็ย่างเข้าฤดูหนาวอย่างไม่ทันให้ได้ตั้งตัว    หญิงสาวเสยผมที่ปกหน้าขึ้นหลายครั้ง    เสยขึ้นไปแล้วมันก็ตกลงมาระสายตาอยู่ร่ำไป    เธอพับหน้าหนังสืออย่างไม่เต็มใจนักก่อนจะหันไปควานๆมือหายางเส้นหนึ่งได้จากกระเป๋าสีน้ำตาลใบเล็ก   

     

    เส้นผมถูกรวบเข้าเผยให้เห็นต้นคอขาว    เธอเอียงหน้าเท้าคางอ่านหนังสือต่อ  

     

    อัศวินไล่สายตาไปตามลำคอระหง    ถ้าจำไม่ผิด

     

    เธอเอี้ยวหน้าไปมาเหมือนเมื่อยขบ    รอยแดงกระจ่างชัดเหมือนกลีบดอกไม้บนผืนหิมะที่หลังต้นคอ

     

    เธอคงไม่เห็นมัน    ที่จริงเขาจงใจทำในที่ที่เธอจะไม่เห็นเองโดยง่าย

     

     

    จะสนใจอะไร    ก็แค่คืนหนึ่งกับหญิงสาวที่ ง่าย     เหมือนๆคนอื่นที่ผ่านเข้ามา    แล้วก็ผ่านไปมานักต่อนัก

     

     

    ไม่หนาวเหรอ อัศวินถามขึ้นเรียบๆ

     

    เขาคลายผ้าพันคอที่พันไว้ลวกๆก่อนคล้องคอคนที่นั่งตรงข้าม  

     

    ให้ยืม

     

    รชาเงยหน้า    มองชายหนุ่มเป็นครั้งแรก

     

    เขาแปลกไปหรือเปล่าหนอ

     

     

    เอ๊ะ   นั่นผ้าพันคอของวินไม่ใช่เหรอจ๊ะ อินทิราถามทันทีที่นั่งลงข้างๆแฟนหนุ่มแต่สายตาจับจ้องไปที่สาวน้องอีกคน

     

    อือ รชารับในลำคอ

     

    อินทิราหันไปมองอัศวินก่อนยิ้มหวานเกลื่อนรอยกังขาในดวงตาแล้วออดอ้อนอย่างเคย

     

    แล้วของหนึ่งล่ะ    มีผ้าพันคอให้รชาแล้วของหนึ่งล่ะจ๊ะ

     

    อัศวินยิ้ม หนึ่งหนาวเหรอ    ถ้าหนาวก็บอกสิผมจะได้กอดไว้แน่นๆ

     

    ไม่พูดเปล่า   วงแขนแข็งแรงก็รวบเอวบางมาแนบกาย    อินทิราอุ่นจนร้อนยื่นมือดันหน้าอัศวินที่เคยไว้ที่บ่าออกอย่างกึ่งเขินกึ่งฉุน

     

    บ้า    อายเค้า

     

    อายใคร    ไม่เห็นจะมีใคร    นี่ก็เพื่อนหนึ่งทั้งน้าน อัศวินยิ่งกอดแน่น

     

    เพื่อนพากันหัวเราะ    เสียงแซวเสียงหัวเราะ     แต่รชาเพียงยิ้มน้อยๆ   

     

    สีชมพูของความรักนี้แทบจะย้อมฟ้าครามให้หวานตามไปด้วย

     

    ไม่ต้องอาย    ไม่ต้องอาย    แค่เกรงใจคนโลดสองสามหัวแถวนี้บ้างก็พอแล้วล่ะยะ

     

    บ้า

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×