ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic] TVXQ - The Paralell -

    ลำดับตอนที่ #1 : Prelude of Tragedy

    • อัปเดตล่าสุด 3 ก.พ. 53



    ตรอบเล็กทอดยาวคดเคี้ยวนำไปสู่อพาทเมนท์โกโรโสหลายต่อหลายตึกด้านใด   ร่างบางก้าวเร็วๆผ่านขี้เมาในเสื้อผ้าสกปรกเหม็นสุดทนสองสามคนที่นอนกองทับกันอย่างไม่เหลือสติ   มือเรียบกระชับเสื้อกันหนาวที่แม้จะเก่านักและมีรอยปะชุนหลายแห่งแต่ก็ยังอยู่ในสภาพใช้เมื่อลมหนาวบาดผิดพันผ่าน   อ้อมแขนข้างหนึ่งโอบถุงกระดาษที่บรรจุของที่ซื้อมาจากซุปเปอร์มาร์เก็ตแนบกาย


     

    เมื่อตกดึกเช่นเวลานี้เส้นทางที่เขากำลังใช้จะมืดมาก   ทั้งยังเปลี่ยวซะจนไม่มีใครกล้ามาเดินคนเดียว   ต่อให้แน่มาจากไหนก็ตาม  


     

    ร่างบางซุกมืออีกข้างเข้าไปในกระเป๋ากางเกงเพื่อหาไออุ่น    หากเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าหนักๆของหลายคนเดินตามหลังก็กำของในกระเป๋ากางเกงแน่น   และเร่งฝีเท้าขึ้นไปอีก


     

    ดวงตากลมโตเหลียวมองข้างหลั่งอย่างหวาดหวั่นเมื่อสัมผัสได้ว่า   กลุ่มคนข้างหลังก็เร่งฝีเท้าขึ้นด้วย


     

    แม้อากาศจะเย็นเยียบ   แต่เหงื่อก็เริ่มซึมชื้นบนหน้าผากเนียนใต้ไรผมซอยสั้นที่ถูกย้อมเป็นสีบรอนส์อ่อน


     

    คิมแจจุงไม่ได้อยากจะกลับดึกขนาดนี้   แต่เพราะงานที่ทำประจำขาดคนจริงๆและผู้จัดการที่มีบุญคุณกับเขาและน้องอย่างที่ตอนนี้คงไม่มีปัญญาใช้หมดได้ไหว้วานอย่างอับจนทางเลือกเช่นกัน    แจจุงถึงต้องรับงานอีกกะกว่าจะเลิกก็ปาเข้าไปตีสองแล้ว

     


    ริมฝีปากสีสดเม้มเข้าหากันอย่างลังเล   ไรฟันขาวกดริมฝีปากไว้แน่น   หัวคิ้วมุ่นเข้าหากันด้วยความเคร่งเครียด

     


    ประมาณสี่คน   สู้ไม่ไหวแน่   แจจุงคำนวณ    เสียงฝีเท้าเข้ามาใกล้มากขึ้น

     


    แจจุงเกร็งมือเตรียมพร้อม

     


    ชายฉกรรน์กลุ่มใหญ่เดินผ่านร่างบางไปอย่างไม่สนใจ

     


    แจจุงถอนใจอย่างโล่งอกและถึงกับแย้มรอยยิ้มน้อยๆเมื่อหนึ่งในนั้นหันกลับมาเตือนเขาอย่างเป็นห่วง

     


    น้องแถวนี้มันอันตรายนะ   รีบกลับบ้านเร็วเข้าแล้วคราวหลังอย่างมาเดินคนเดียวเวลานี้อีก

     


    ฮะ แจจุงรับคำ

     


    คนกลุ่มนั้นเลี้ยวหายไปอีกทาง   แจจุงอดขำตัวเองไม่ได้กับความซึ้งใจลึกๆที่ผุดขึ้นมาจากคำพูดของคนแปลกหน้า    มันช่วยเตือนให้เขายังระลึกได้ว่า   ในโลกปอนๆใบนี้ยังคงมีความดีหลงเหลืออยู่บ้าง


     

    ....


     

    แจจุงย่ำฝีเท้าผ่านบันไดแคบๆที่ถ้าสว่างมากกว่านี้จะเห็นราขึ้นเขียวกับคราบสกปรกที่ขาดคนดูแลมานานปี    อพาทเมนท์ที่นี่ไม่
    แพงนัก   แต่ความถูกของมันทำให้เจ้าของไม่อยากแบ่งค่าเช่าที่ได้มาจ้างแม่บ้านทำความสะอาดให้ที่นี่เหมาะเป็นที่อยู่อาศัยมากขึ้น


     

    ห้องของแจจุงและน้องชายอยู่ริดสุด   ทำให้ต้องเดินผ่านห้องอื่นๆอีก 4  ห้อง    เสียงกรีดร้องปนเสียงครางกระเส่าอย่างร้องแรงของหญิงสาวข้างห้องที่ไม่สามารถบดบังได้ด้วยประตูสังกะสีบางๆทำให้แจจุงลอบยิ้ม

     


    วันนี้ฮีวอนคนได้เงินโข  

     


    แจจุงคิดเมื่อได้ยินเสียงครางอย่างสุขสมของชายที่น่าจะไม่หนุ่มนักดังลั่น

     


    แจจุงล้วงหากุญแจห้องที่ห้อยตุ๊กตาหมีสีขาวที่น้อยชายให้ในวันเกิดเมื่อสองปีที่แล้วมาไข    รีบเร่งเล็กน้อยเพราะตอนนี้ก็ง่วงเสียจนตาแถบปิด


     

    ประตูเปิดเข้าไปเกิดเสียงเล็กน้อย


     

    แจจุงคลำหาสวิทต์ไฟในความมืด   ก่อนที่ทั้งร่างจะชะงักอย่างรุนแรงเหมือนโดนมือที่มองไม่เห็นกระตุก


     

    กลิ่นคาวคลุ้งที่คุ้นเคยพุ่งปะทะจมูก  

     


    ...แจจิน แจจุงเรียกพยายามอย่างถึงที่สุดที่จะไม่ให้เสียงตัวเองสั่น   คิม  แจจิน

     


    แจจุงใช้เวลานานกว่าที่คิดกว่าที่จะหาสวิตซ์ไฟเจอ   แสงสีขาวจากหลอดฟลูออเรสเซนต์ส่องกระทบห้องเก่าๆที่แม้ไม่ใหญ่มากหรือสะดวกสะบายนัก   แต่ก็มีขนาดกลางๆพออยู่กันสองคนอย่างอย่างไม่อึดอัด


     

    กลิ่นคาวนั้นจากลงไปบ้างในความรู้สึก  เมื่อสภาพห้องอันคุ้นเคยปรากฏแก่สายตา   ไม่ได้มีเค้าว่าโดนโจรขึ้นอย่างที่นึกกลัว


     

    หากสัญญาณเตือนภัยที่ดังลั่นๆในอกกลับทำให้แจจุงใจสั่น   สั่นอย่างที่คนอย่างคิมแจจุงไม่เคยสั่น


     

    ร่างบางเดินตามกลิ่นที่เคยชินอย่างน่ารังเกียจเข้าไปในห้องน้ำ


     

    แจจุงหยุดอยู่แค่นั้นเมื่อเห็นภาพตรงหน้า


     

    ร่างบางสะดุดลมหายใจเฮือกราวกับว่าอากาศตรงหน้าหายไป    แจจุงต้องคว้าขอบประตูห้องน้ำไว้เพื่อไม่ให้ตัวเองล้มลง   หากเรี่ยว
    แรงที่มีก็ราวกับทรยศซ้ำแล้วซ้ำเล่า   ร่างบางทรุดตัวลงกอง   มืองเรียวกุมริมฝีปากที่ถูกฟันขาวกัดจนได้เลือด   เสียงกรีดร้องดังในใจลั่นหากไม่หลุดออกมาแม้คำให้ได้ยิน  กระบอกตาร้องผ่าว   ลำคอแห้งผาดเหมือนหาเสียงของตนไม่พบซักนิด

     


    ในห้องน้ำ   ร่างบางเฉกเดียวกันแต่คนละชุดของคิมแจจินทรุดตัวอยู่ที่พื้นที่มีน้ำเจิ่งนองปะปนด้วยเลือดสีแดนฉานมากมายจากข้อมือเพรียวที่ถูกคัตเตอร์กรีดลึกจนเหวอะ   ใบหน้าที่สลักออจมาจากพิมพ์เดียวกันไม่ผิดเพี้ยนซีดขาวราวกระดาษ   ริมฝีปากอิ่มที่เคย
    แดงระเรื่อด้วยสีแห่งชีวิตกับกลายเป็นไร้สีดังเช่นคนตาย

     


    ตาย   คำนี้สะท้อนในใจของแจจุงนับร้อยครั้งในเวลาเพียงไม่กี่วินาที

     


    เสียงสะอื้นถูกกลืนลงในลำคอชั่วคราวเมื่อแจจุงเห็นรอยกระเพื่อมบนหน้าอกของน้องชายฝาแฝด   ร่างบางลุกขึ้นอย่างลนลาน    เรียกสติกลับมาอย่างรวดเร็วเหมือนดังเช่นที่เป็นประจำ

     


    แจจุงวิ่งด้วยความเร็วที่มากที่สุดเท่าที่ขาจะมีแรงไปคว้าหาผ้ายาวๆมา   ไม่รู้สึกด้วยซ้ำเมื่อสะดุดล้มจนหัวไปกระทบมุมโต๊ะจนได้เลือดตอนรีบเอาผ้าไปซับรอยแผลก่อนพันไว้รอบข้อมือ   รัดแน่นเหนือเส้นเลือดใหญ่   ก่อนจะโทรเรียกรถพยาบาลด้วยเสียงมั่นคงแม้น้ำตาไหลพราก


     

    อย่าทิ้งฉันไว้นะแจจิน   นายต้องไม่ทิ้งฉัน

     


    แจจุงคร่ำครวญในใจ

     


     


    ผู้ป่วยเสียเลือดไปมากครับ   ทำให้เกิดภาวะช็อคและสมองขาดออกซิเจนนานกว่าสองนาที   ทำให้ตอนนี้เขาอยู่ในสภาพเจ้าชายนิทรา   หมอไม่สามารถรับประกันได้ว่าเขาจะฟื้นเมื่อไหร่หรืออาจจะไม่ฟื้นอีกเลย   หมออยากให้คุณทำใจไว้บ้างถ้าเขาจะอยู่ในสภาพนี้ตลอดไป

     


    เสียงของหมอที่เอ่ยอย่างอ่อนโยนดังกลับไปกลับมาในหัวของแจจุงที่ล้าซะจนเหมือนมันทำงานหนักเกินไป   ตากลมโตบัดนี้บวมเป่งเนื่องจากเสียน้ำตามากเกินไป

     


    ร่างบางไม่อยากค้างที่โรงพยาบาล   เขาบอกยืนยันกับหมอว่าเขาจะไม่สิ้นหวัง   และจะไม่ยอมให้ทางโรงพยาบาลถอดเครื่องช่วยหายใจของน้องเขาออกไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น   แม้ว่าค่ารักษานั้นจะมากขนาดไหน   หรือแจจินจะหลับอย่างนั้นไปตลอดกาลเขาก็จะยื้อแจจินไว้ให้ได้
       


     

    ครอบครัวคนสุดท้ายที่เหลืออยู่ต่อให้ต้องเสียอะไร   มากมายแค่ไหนแจจุงก็ต้องรักษาไว้ให้ได้

     


    หลังจากนั้นร่างบางก็เดินอย่างคนไร้เรี่ยวแรงกลับอพาทเมนท์


     

    แจจุงเปิดน้ำในห้องน้ำให้ไหลไปเรื่อยๆชะเอาเลือดนั้นให้หายไปให้หมด   แต่กลิ่นคาวคลุ้งกลับตามหลอกหลอน   เขารู้ซึ้งถึงใจอีกครั้ง   เลือดของคนอื่นว่าคาวแล้ว   หากเป็นเลือดของคนที่รักกลับไม่สามารถทนมองเห็นและได้กลิ่นได้เลย  

     


    มันบีบรัดหัวใจจนปวดไปหมด

     


    ห้องของแจจินยังเหมือนเดิมทุกอย่าง

     


    ไม่อยากเชื่อว่าน้องเขาจะฆ่าตัวตาย    สภาพที่เห็นบอกได้ชัดเกินกว่าจะคิดเป็นอื่น  

     


    แจจินกำลังเรียนไฮสคูลปีสุดท้ายและได้รับทุนเรียนต่อในมหาลับโซล    จากผลการเรียนที่ผ่านมาแจจินก็ได้ทุนมาตลอด
       คนที่กำลังจะมีอนาคตที่ก้าวหน้าแล้วทำไมถึงได้เลือกที่จะคิดสั้น  จบชิวิตของตัวเองลงโดยไม่นึกถึงคนที่รักตัวเองซักนิด

     


    น้ำตาหยดหนึ่งตกกระทบโต๊ะเขียนหนังสือที่เต็มไปด้วยหนังสือเรียนที่ได้รับการดูแลรักษาอย่างดี   ก่อนที่น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าจะร่วงหล่นตามจากคนที่ไม่เคยร้องไห้มาก่อนในชีวิต  แม้แต่ตอนที่พ่อแม่เสีย   แจจุงก็รู้ตัวดีว่าตัวเองนั้นอ่อนแอไม่ได้เพราะว่ายังมีแจจินอยู่    แจจินพึ่งได้ก็แค่เขาเท่านั้น

     


    นายไม่คิดถึงฉันบ้างเลยใช่ไหมถึงได้ทำแบบนี้ แจจุงพูด   มือเรียวทุบลงบนโต๊ะก่อนร่างบางจะทรุดลงและร้องไห้คร่ำครวญราวแทบขาดใจ


     

    ภาพไดอารี่ปกสีฟ้าน่ารักของแจจินพร่ามัวเมื่อมองผ่านม่านน้ำตา   แต่แจจุงก็เอื้อมไปคว้ามันมาเปิด


     

    เมื่อร่างบางเริ่มต้นอ่านน้ำตาทั้งหลายก็หยุดลง


     

    ดวงตากลมโตเบิกกว้างกับทุกตัวอักษรทุกหน้ากระดาษที่ถูกเปิดผ่าน    แววเศร้าจางหายแทนที่ด้วยสีดำลึกล้ำในดวงตากลมโตที่เย็น
    เยียบลงอย่างน่ากลัว


     

    เมื่อถึงหน้าสุดท้ายที่มีการบันทึกไว้   ภาพถ่ายของผู้ชายสองคนที่แจจุงไม่เคยเห็นหน้าก็ตกลงมาจากไดอารี่สีฟ้า    แจจุงขยำมันจน
    ยับและกำแน่นจนนิ้วขึ้นข้อขาว


     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×