Fic Reborn | Black Mirage (XanxusXOC)
ยูกิเป็นหญิงสาวหัวใจอาร์ทติส เธอรักในงานศิลปะที่เธอรังสรรค์ รวมถึงผลงานในกิจการเครื่องแก้วของเธอด้วย สิ่งที่เธอรับไม่ได้ที่สุดคือการไม่เคารพผลงานของเธอ และอะไรนะ แฟนเก่าเธอมันซื้องานศิลปะเธอไปปาเล่น!
ผู้เข้าชมรวม
9,392
ผู้เข้าชมเดือนนี้
65
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
If I were to kiss you, then go to hell, I would, so then I can brag with the devils. I saw heaven without ever entering it.
(ถ้าฉันจูบเธอแล้วต้องลงนรก ฉันก็จะจูบ จะได้ไปคุยฟุ้งกับพวกผีปีศาจว่าฉันเห็นสวรรค์แล้ว ทั้งที่ไม่เคยได้ขึ้นไป)
— William Shakespeare
ภายใต้ท้องฟ้าที่ประดับประดาไปด้วยดวงดาราสว่างไสว
และกลิ่นอายเย็นยะเยือกของลมหนาวที่พัดโชยผ่านมาทักทายในบางครั้ง
เขาได้พบกับเธอครั้งแรกที่นั่น
สูงขึ้นไปบนซากปรักหักพังที่เปรียบดั่งตัวตนของเธอ
ซันซัส (n.) บอสวาเรียผู้เอาแต่ใจ
ได้ยินมาว่าเขาไม่เพียงแต่จะเสียตำแหน่งบอสวองโกเล่รุ่นที่สิบไปในศึกชิงแหวนอย่างเดียวเท่านั้น แต่ในสงครามครั้งนั้น เขาสูญเสีย ‘เธออันเป็นที่รัก’ ไปด้วย
โฮชิ ยูกิ (n.) อดีตเมียบอสที่ผันตัวไปทำธุรกิจ
ได้ยินมาว่าหลังจากการเลิกรากับบอสวาเรียผู้แสนเลื่องชื่อคนนั้น เธอไม่ได้กลับประเทศญี่ปุ่นที่เธอจากมา แต่ยังอาศัยอยู่ที่อิตาลี่และเปิดกิจการทำตามความฝันของตัวเองแทน
ภายในห้องประชุมของวาเรียที่มืดครึ้มเพราะสายฝนที่โรยตัวลงมาอย่างหนาเม็ดด้านนอกหน้าต่าง ชายฉกรรจ์กลุ่มนึงกำลังนั่งถกเถียงกันด้วยเรื่องไร้สาระอย่าง ‘เราไม่มีแก้วจะใช้แล้ว’ ด้วยสีหน้าที่ดูเหมือนไม่อยากจะเชื่อตัวเองกันสักเท่าไหร่ โดยมีบอสเอาแต่ใจผู้ซึ่งถูกแม่ทัพผมยาวขี้โมโหตามจิกให้เข้ามาร่วมการประชุมฉุกเฉิน(?)ในครั้งนี้ด้วยนั่งเท้าคางทำหน้าบอกบุญไม่รับอยู่ และอันที่จริง เหตุผลที่การประชุมไร้สาระนี้ต้องเกิดขึ้นมันก็เป็นเพราะเขาเอง
“ก็นั่นแหละฮ่า! เค้าติดต่อไปหาแบรนด์เลอนัวร์แล้วนะฮ้า! แต่เค้าบอกว่าไม่ว่ายังไงก็จะไม่ขายแก้วให้วาเรียอีกแล้วฮ่า!” ลูซซูเรียตัดบทท่ามกลางเสียงถกเถียงที่ฟังไม่ได้ศัพท์นั่นด้วยท่าทีที่เกือบจะปลง “ซื้อแก้วปีละหลายร้อยใบ เค้าก็คงจะรู้นั่นแหละฮ่าว่าเราซื้อแก้วเค้ามาปาทิ้งอะ!”
และไอ้คนปานั่นก็ไม่ใช่ใครที่ไหนเลย… คือคนที่เป็นคนยืนกรานว่าจะไม่ใช้ของแบรนด์อื่นนอกจากแบรนด์นี้เท่านั้นอย่างซันซัสนี่แหละ
จะมีใครบ้าไปปาแก้วใส่ชาวบ้านจนหมดปราสาทอีกล่ะถ้าไม่ใช่เขาน่ะ
“บอกตามตรงว่าไม่เข้าใจเลยครับ” ฟราน เจ้าเด็กหัวกบที่นั่งเท้าคางทำหน้าเบื่อหน่ายอยู่ข้างๆชายหนุ่มผู้สวมมงกุฎเปรยออกมาด้วยน้ำเสียงเฉื่อยชา “ถึงจะสวยแล้วก็มีคุณภาพเท่าไหร่ก็เถอะ… แต่ยังไงซะบอสก็ซื้อมาขว้างเล่นนี่คร้าบ ใช้ของแบรนด์อื่นไม่ได้รึไง ชาวบ้านเค้าลำบากนะครับกับการต้องใช้แก้วกระดาษแบบนี้น่ะ”
คำถามนั้นเรียกให้ดวงตาสีโลหิตขุ่นเขียวลากไปมองเจ้าตัวได้เป็นอย่างดีชนิดที่ว่า ถ้าบนโลกใบนี้มีการฆาตกรรมทางสายตาอยู่ คนที่ทำได้ก็น่าจะเป็นบอสเอาแต่ใจของพวกเขาเนี่ยแหละ
“ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ว่าจะขว้างหรือไม่ขว้าง แต่อยู่ที่เจ้าของแบรนด์มากกว่าล่ะมั้ง ชิชิชิ” เบลเป็นคนถัดมาที่เปิดปากพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้มยียวนกวนประสาท และนั่นทำให้รุ่นน้องที่นั่งอยู่ข้างๆหันขวับไปมองเขาด้วยความสนใจ “แกมาไม่ทันนี่นา เจ้ากบ ยัยผู้หญิงที่ชื่อยูกิ เจ้าของแบรนด์นั้นน่ะ เป็นเมียเก่าของบอสเชียวนะ ชิชิชิ ดังนั้นปัญหาคงไม่ได้อยู่ที่แก้วหรอก”
“เมียเก่าบอสเหรอครับ” ฟรานทวนคำนั้นด้วยความประหลาดใจ “อย่างบอสเนี่ยนะจะมีเมีย” และคำถามที่ฟังดูไม่อยากจะเชื่อจนเกินทนนั่นทำให้ขวดไวน์ในมือของบอสคนนั้นลอยเข้ามากระแทกเข้ากับหัวกบของเขาอย่างทันควันจนคนถูกปาของใส่ถึงกับถอนหายใจพรืดด้วยความชินชา “บอส มันเจ็บนะคร้าบ อุตส่าห์คิดว่าจะขว้างแก้วกระดาษมาแทนอยู่แล้วเชียว…”
“ไอ้พวกสวะน่ารำคาญ ถ้ามีเวลามานั่งพล่ามไร้สาระกันอยู่ก็ไสหัวไปได้แล้ว” ซันซัสเอ่ยออกมาเสียงเหี้ยม โดยไม่สนว่าลูกน้องของตัวเองจะพากันเลื่อนสายตามามองเขาอย่างเอือมระอา อย่างน้อยก็อาจจะต้องยกเว้นเลวี่ไว้คนนึง “ทำยังไงก็ได้ ไปเอาไอ้แก้วเวรๆนั่นมาซะ”
“พูดเองนะ บอส” เบลเฟกอลกล่าวขึ้นมาด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ พลางกลั้วหัวเราะเบาๆในลำคอราวกับกำลังนึกอะไรสนุกๆอยู่
และเพราะแบบนั้นภารกิจลักพาตัวเจ้าของกิจการเครื่องแก้วจึงได้เริ่มต้นขึ้น
Talk :; เขียนเรื่องเครียดๆแล้วรู้สึกเครียดมากเลยค่ะ เลยเก็บเรื่องแล้วมาเขียนอะไรกาวๆ(?)แทน แต่ก็… นั่นแหละค่ะ ช่วงนี้รู้สึกว่าแพสชั่นมาไวไปไว จะเขียนจบมั้ยให้มันเป็นเรื่องของอนาคต พล็อตคร่าวๆที่วางเอาไว้ไม่มีอะไรปวดหัวเท่าไหร่ ไม่เน้นดราม่าเน้นขายขำ ตอนแรกๆจะเขียนเรื่องช่วงก่อนศึกชิงแหวนก่อน(ซึ่งอาจจะตึงๆอยู่บ้าง) แล้วค่อยตัดกลับมาปัจจุบันกับภารกิจง้อเมียของซันซัสค่ะ
ผลงานอื่นๆ ของ Liars ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Liars
ความคิดเห็น