คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ฮิปโปกริฟ-กริฟฟิน
ฮิปโปกริฟ
ฮิปโปกริฟ เป็นสัตว์วิเศษตัวหนึ่งที่หลายคนเริ่มรู้จักเจ้าสัตว์ตัวนี้จากแฮร์รี่ พอตเตอร์ ตอน นักโทษแห่งอัซคาบัน ซึ่งมันได้รับบทบาทเป็นเจ้าบักกี้ (บัคบีค) ที่แสนน่ารักของแฮกริดนั่นเอง จากภาพบนหน้าปกของหนังสือและภาพเคลื่อนไหวจากจอภาพยนตร์ทำให้เราทราบอย่างคร่าวๆ แล้วว่า ฮิปโปกริฟคือสัตว์ที่มีตัวเป็นม้าและมีหัวเป็นนกอินทรี แต่คราวนี้แหละ la plume จะนำเจ้าฮิปโปกริฟมาทำความรู้จักกับบรรดาผู้ที่รักและชื่นชอบสัตว์วิเศษให้ได้รู้จักกัน
ฮิปโปกริฟ หรือที่เขียนเป็นภาษาอังกฤษว่า Hippogriff หรือ Hippogryph (อ่านเหมือนกัน) เป็นสัตว์ในตระกูลเดียวกับกริฟฟิน หรือ กริฟฟอน ถิ่นอาศัยของมันอยู่ในแถบคาบสมุทรบริเวณเทือกเขา Phiphaean ซึ่งเจ้าฮิปโปกริฟนี้เป็นสัตว์ลูกครึ่ง (แน่ะ ทันสมัยด้วย) ระหว่างกริฟฟินตัวผู้ กับม้าตัวเมีย ดังนั้น ฮิปโปกริฟจึงมีหัว ปีก และขาหน้าเป็นกริฟฟิน แต่ช่วงท้ายลงไปเป็นม้า
ฮิปโปกริฟเป็นสัตว์ที่ตัวใหญ่และทรงพลังมาก มันสามารถเคลื่อนไหวด้วยความเร็วเหนือแสง อีกทั้งมนุษย์ยังสามารถนำมันมาฝึกให้เชื่องได้ด้วย โดยใช้เป็นหน่วยลาดตระเวนตามภูเขาสูง ทั้งนี้มีเรื่องราวของฮิปโปกริฟปรากฎอยู่ตำนานในเรื่อง ' Legend of Charlemagne as a mount for some of the knights'
นอกจากนี้ฮิปโปกริฟยังเป็นสัญลักษณ์ของสิ่งเหลือเชื่อและความรักที่เป็นไปไม่ได้ เพราะโดยธรรมชาติแล้วตัวกริฟฟินชอบกินม้า ดังนั้นม้ากับกริฟฟินก็ต้องเป็นศัตรูกัน แต่มันดันมีลูกออกมาเป็นตัวฮิปโปกริฟ (แสดงว่ากริฟฟินตัวนั้นเห็นสาวดีกว่าของกิน น่าจะจัดอยู่ในประเภทกริฟฟินขี้หลี) ในช่วงยุคมืดของยุโรปมีสำนวนว่า 'Jungentur jam grypes equis' แปลว่า 'เมื่อกริฟฟินแต่งงานกับม้า' ถ้าแปลเป็นไทยก็ต้องบอกว่า 'รักพันลึก' ล่ะ
กริฟฟิน
กริฟฟิน (griffin )หรือ กริฟฟอน ( gryphon )เป็นสัตว์ในตำนานอีกชนิดหนึ่งที่ถือว่าเป็นสายพันธุ์แบบ origin หรือต้นแบบของฮิปโปกริฟ โดยเชื่อว่ากริฟฟินนี้เป็นที่รู้จักในอียิปต์มาก่อนคริตศักราช 3,300 ปี ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่ากริฟฟินมีที่มาจากไหน บ้างก็ว่ามาจากทางรัสเซียเหนือ บ้างก็ว่ามาจากเอธิโอเปีย บ้างก็มาจากอินเดีย และบ้างก็ว่าตำนานกริฟฟินมาจากชนเผ่าไอซีโดเนียน (Issedonian) ที่อาศัยอยู่เทือกเขาโอรอล (Oural Mountains) หรือตำนานกริฟฟินอาจจะมาจากชนเผ่าอัสซีเรียก็เป็นได้
กริฟฟินจัดเป็นสัตว์สี่เท้า ตั้งแต่ส่วนหัวลงมาถึงแผงคอเป็นนกอินทรี ลักษณะของส่วนหัวจะแหลมและมีขนปกคลุมเหมือนนกจรดแผงอก มีหูที่ตั้งเหมือนลักษณะหูของลา ส่วนลำตัวจนมาถึงหางมีลักษณะเป็นเหมือนราชสีห์ (ส่วนนี้จะไม่มีขนนกแล้วจะเป็นขนของสิงห์โตแทน) ลำตัวมีสีโทนน้ำตาล ปีกสีขาว ขนตรงช่วงลำคอจะเป็นสีเหลือบๆ สลับกับสีฟ้า ส่วนเท้าของกริฟฟินเป็นกรงแบบนกอินทรีและยังเคลือบพิษร้ายไว้อีกด้วย โดยเล็บของมันจะเปลี่ยนสีได้เมื่อมันใช้อาวุธป้องกันตัวชิ้นนี้ ในตำนานบางที่เชื่อกันว่าต้องเป็นกริฟฟินตัวเมียเท่านั้นจึงจะมีปีก
นอกจากกริฟฟินในสายพันธุ์ปกติที่กล่าวไปแล้วนั้น ยังมีกริฟฟินสายพันธุ์อื่นๆ ที่น่าสนใจอีก เช่น
* snake griffin หรือกริฟฟินที่มีลักษณะของงูผสมอยู่ด้วย โดยจะมีลำตัวเป็นสิงห์ มีหัวเป็นงู และมีขาเป็นนก
* lion griffin หรือกริฟฟินที่มีลักษณะเป็นราชสีห์ แต่มีขาหลังเป็นนก
*hippogryph หรือฮิปโปกริฟ ที่เป็นพันธุ์ผสมระหว่างกริฟฟินตัวผู้กับม้าตัวเมีย
ความสามารถของกริฟฟินนั้นก็เก่งไม่แพ้ตัวฮิปโปกริฟเลย มันมีความเร็วที่เหลือเชื่อ ทรงพลัง มีอำนาจในการมองที่เหมือนตาของเหยี่ยว แข็งแกร่ง และสง่างามเหมือนราชสีห์ ซึ่งกริฟฟินเป็นเหมือนตัวแทนของความสุดยอด 2 อย่าง คือ เป็นเจ้าเวหา ราชาของวิหก ซึ่งเป็นลักษณะของนกอินทรี และเป็นเจ้าแห่งพสุธาที่เป็นลักษณะของราชสีห์ และตัวกริฟฟินยังเป็นสัญลักษณ์ของดวงอาทิตย์ ปัญญา การแก้แค้น (การทวงความเป็นธรรม) ความแข็งแกร่ง และการช่วยเหลือ โดยนักประพันธ์โบราณมักจะเปรียบเทียบกริฟฟินกันเทพีเนเมซิส (Nemesis) ซึ่งเป็นเทวีแห่งการแก้แค้น การตอบโต้ และเป็นเทวีผู้ควบคุมการหมุนของวงล้อแห่งโชคชะตา
เรื่องราวที่เกี่ยวกับกริฟฟินนั้นมีอยู่มากมาย เช่นในโรมัน กริฟฟินคือผู้พิทักษ์สุสาน และยังเชื่อกันว่ารังของพวกมันทำด้วยทองและไข่ของกริฟฟินก็มีลักษณะเหมือนหินโมรา (แร่รัตนชาติอย่างหนึ่งที่มีลักษณะเป็นหินกลมรีๆ สีเขียวอ่อน สีฟ้าหม่น ฟ้าอมเทา ขาว เป็นต้น ซึ่งชาวอียิปต์ถือว่าเป็นเครื่องลางที่ทำให้โชคดี) โดยในสมัยยุคมืดของยุโรป มีบรรดาขุนนางและผู้มีเงินพยายามเสาะหาไข่ของกริฟฟินหรือที่เรียกว่ากริฟเพอซี (grypeseye) ซึ่งว่ากันว่าถ้ามีไว้ในครอบครองจะทำให้มีสุขภาพแข็งแรงและกล้าหาญ
เชื่อกันว่ากริฟฟินคือผู้พิทักษ์สมบัติโดยเฉพาะทอง และสายแร่ทองใน ประเทศอินเดีย และชนเผ่าโบราณอย่างไซเทีย (Scythai- เป็นชนเผ่าที่อาศัยอยู่ในบริเวณตะวันนอกเฉียงใต้ของยุโรปและเอเชีย ประมาณตุรกี หรือเลบานอน นั่นแหละ) บางตำนานก็ว่ามันจะซ่อนสมบัติไว้ในรังของตัวเอง และหนึ่งในสมบัติที่ว่าก็คือ โฮลี่ เกรล (Holy Grail) ซึ่งเป็นถ้วยที่แกะสลักจากมรกตเพียงชิ้นเดียว เป็นภาชนะที่ใช้ใส่ไวน์ในวันรับประทานอาหารมือสุดท้าย (last supper) ตามตำนานของศาสนาคริสต์ (ถ้าใครเป็นคริสต์ la plume เชื่อว่าต้องรู้จัก Last Supper แน่ แต่น่าเสียดายที่ la plume ไม่ใช่คริสต์ ก็เลยพอจำได้แค่คร่าวๆ ว่า เป็นการรับประทานอาหารมื้อสุดท้ายระหว่าง Jesus (พระเยซู) กับสาวก ทั้ง 12 ซึ่งเมื่อรวมตัว Jesus ก็จะเป็น 13 จึงกลายเป็นที่มาของเลข lucky number หรือเลขนำโชคร้าย ในคืนก่อนที่ Jesus จะถูกนำไปตรึงไม้กางเขนและสิ้นพระชนม์ในเวลาต่อมา) เล่าลือกันว่าแก้วนี้มีพลังศักดิ์สิทธิ์แฝงไว้อีกเดียว นอกจากโฮลี่เกรลแล้วก็ยังมี Tree of life (ต้นไม้แห่งชีวิต) ความรู้ และ วิธีการแก้ปัญหา
แม้แต่อเล็กซานเดอร์มหาราช (Alexander the great) ผู้ยิ่งใหญ่ของโลกก็ยังมีเรื่องสุดพิสดารที่เกี่ยวข้องกับตัวกริฟฟินด้วย โดยตำนานเล่าว่า อเล็กซานเดอร์จับกริฟฟินมาได้คู่หนึ่ง แล้วก็ให้มันอดอาหาร 3 วัน จากนั้นก็ลากกริฟฟินไปที่บัลลังก์ แล้วก็นำชิ้นเนื้อย่างเสียบปลายหอกเอามาหลอกล่อเจ้ากริฟฟินทั้งสอง เพื่อจะทำให้มันเชื่อง จากนั้นอเล็กซานเดอร์ก็นั่งกริฟฟินเพื่อจะบินขึ้นสรวงสวรรค์โดยใช้เวลา 7 วัน ซึ่งเป้าหมายของอเล็กซานเดอร์คือการแอบดูพวกเทวดาและนางฟ้าบนสวรรค์ (ถ้ำมองแม้กระทั่งกับพวกเทวดา) ฝ่ายพวกเทพทั้งหลายเห็นดังนั้นก็รู้สึกเคืองในความไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงของมนุษย์เดินดินที่อาจหาญเกินเหตุ จึงไล่อเล็กซานเดอร์กลับไปยังโลกมนุษย์ โดยภาพบรรยายการขึ้นสวรรค์ของอเล็กซานเดอร์นี้มีอยู่ในโบถส์ของประเทศฝรั่งและอิตาลีในระหว่างศตวรรษที่ 12 อีกด้วย
............................................................
อ้างอิง
<a href="http://www.mythicalrealm.com/">www.mythicalrealm.com/</a>
<a href="http://www.edu">www.edu</a>
<a href="http://www.thanasis.com/griffin.htm">www.thanasis.com/griffin.htm</a>
<a href="http://monsters.monstrous.com/griffins.html">http://monsters.monstrous.com/griffins.html</a>
ความคิดเห็น