แพนโดรา - Pandora Box - แพนโดรา - Pandora Box นิยาย แพนโดรา - Pandora Box : Dek-D.com - Writer

    แพนโดรา - Pandora Box

    โดย la plume

    เรื่องราวของหญิงสาวที่ชื่อแพนโดราและกล่องปริศนาที่เทพทั้งหลายมอบให้เพื่อเป็นของขวัญแก่มนุษย์ผู้ท้าทายอำนาจแห่งเทพ

    ผู้เข้าชมรวม

    16,604

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    21

    ผู้เข้าชมรวม


    16.6K

    ความคิดเห็น


    21

    คนติดตาม


    5
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  3 ม.ค. 49 / 23:48 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      ตำนานของกล่องแพนโดรา (Pandora box) นั้นเป็นตำนานที่มีความเกี่ยวเนื่องกับตำนานการสร้างโลกของกรีกโบราณ   โดยมีเรื่องเล่าว่า   ในสมัยที่โลกเพิ่งถือกำเนิดมาใหม่ๆ นั้น   สิ่งมีชีวิตทุกอย่างยังคงอาศัยอยู่ร่วมกันอย่างเป็นมิตร   จนกระทั่งอยู่มาวันหนึ่งเทพเอรอส (Eros)  เห็นว่าควรมอบสิ่งที่เรียกว่าสัญชาติญาณและลักษณะเฉพาะพิเศษให้แก่สิ่งมีชีวิตทั้งหลายเพื่อยังชีพและอยู่อย่างมีความสุข    จากนั้นเทพเอรอสก็เรียกตัว โพรมิเทียส (Prometheus) กับ เอพิเทียส (Epitheus) สองพี่น้องมาช่วยงานในโครงการมอบจิตสำนึกและคุณลักษณะเฉพาะให้กับสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย   และวางแผนจะสร้างสิ่งมีชีวิตที่พิเศษที่สุดนั่นก็คือ “มนุษย์” ขึ้นมา  เพื่อควบคุมสิ่งมีชีวิตอื่นๆ


          โพรมิเทียสและเอพิเทียสได้เตรียมการทุกอย่างไว้อย่างพร้อมสรรพ   แต่ด้วยความสะเพร่าทั้งสองพี่น้องเผลอมอบสิ่งดีๆ ที่เตรียมเอาไว้ให้แก่สัตว์อื่นๆ จนหมด  โดยไม่หลงเหลือให้กับมนุษย์   ดังนั้นโพรมิเทียสและเอพิเทียสจึงปั้นมนุษย์ขึ้นมาจากดินเหนียวเพื่อเป็นการแก้ปัญหา   โดยใช้ลักษณะของเทพเจ้าเป็นแบบ    จากนั้นเทพเอรอสก็ได้ประทานลมหายใจแห่งการมีชีวิตให้กับมนุษย์ไว้ที่จมูก   เทพมิเนอร์วา หรือ พัลลาส์ (Minerva -  Pallas หรืออีกชื่อที่รู้จักกันดีคือ เอเธน่า Athena) ได้ประทานสิ่งที่เรียกว่าดวงวิญญาณ   มนุษย์จึงสามารถเคลื่อนไหวและมีชีวิตได้    


          โพรมิเทียสรู้สึกภูมิใจในผลงานชิ้นนี้มาก   เขาคอยเฝ้าติดตามดูผลงานชิ้นนี้จนกระทั่งเขาได้มอบพลังอันยิ่งใหญ่บางส่วนของเขาให้แก่มนุษย์โดยไม่สนใจสิ่งมีชีวิตอื่นๆ บนโลก  การกระทำนี้ทำให้มนุษย์มีอายุขัยมากกว่าสิ่งมีชีวิตอื่นๆ


          เท่านั้นยังไม่พอโพรมิเทียสยังคิดที่จะมอบไฟให้แก่มนุษย์อีกด้วย   แต่ไฟเป็นสมบัติแห่งเทพ  มนุษย์ไม่มีสิทธ์ได้ไว้ในครอบครอง  และตัวโพรมีเทียสเองก็รู้ว่าเทพทั้งหลายก็คงจะไม่ยินยอมมอบไฟให้แก่มนุษย์เป็นแน่   เขาจึงตัดสินใจขโมยไฟลงจากสวรรค์เพื่อนำไปมอบให้กับมนุษย์    ซึ่งตัวโพรมิเทียสเองก็ใคร่ครวญแล้วว่าการกระทำเช่นนี้คงจะสร้างความไม่พอใจให้กับเหล่าทวยเทพอย่างแน่นอนและนั่นยังอาจหมายถึงชีวิตของเขาอีกด้วย   แต่เขาก็ยังดึงดันจะทำ   โดยในคืนหนึ่ง  โพรมีเทียสก็ได้เริ่มแผนการที่วางเอาไว้   เขาแอบขึ้นไปที่เขาโอลิมปัสแล้วลอบเข้าไปในที่พักอาศัยของเหล่าเทพ  จากนั้นก็ฉวยเอาคบเพลิงซ่อนเอาไว้ในอกเสื้อ  แล้วก็ลอบลงมาที่โลกมนุษย์แล้วก็มอบไฟที่ขโมยมาให้กับมนุษย์ที่เขาสร้างขึ้นเองกับมือ  ซึ่งไฟนั้นต่อมาก็สร้างคุณประโยชน์มากมายให้แก่มนุษย์


          ต่อมาเมื่อเทพซุส หรือ ซีอุส (Zeus)  ผู้เป็นประธานใหญ่ของเหล่าทวยเทพสังเกตเห็นแสงไฟที่ไม่ควรจะมีในโลกมนุษย์จากบัลลังก์บนยอดเขาโอลิมปัสก็ให้นึกสงสัย   จึงเร่งสืบให้รู้ถึงที่มาของแสงไฟนั้น   แล้วก็พบว่าเป็นไฟที่ถูกขโมยลงไปจากสวรรค์  ก็ทำให้พิโรธอย่างหนัก  แม้แต่เทพองค์อื่นๆ ก็พากันหวาดกลัวไปด้วย   เทพซุสตั้งใจอย่างแน่วแน่ว่าจะต้องจับตัวโพรมิเทียสมาลงโทษให้สาสม   โดยโพรมิเทียสถูกเทพซุสจับตัวไปทรมานที่แถบเทือกเขาคอเคเซียน (Caucasian)  จากนั้นก็ล่ามตัวโพรมิเทียสที่โขดหินสูงแห่งหนึ่ง  แล้วให้อดข้าวอดน้ำ   แถมด้วยการใช้ให้นกแร้งมาคอยฉีกทึ้งตับของโพรมีเทียสให้ได้รับทุกขเวทนาอย่างสาหัส   พอตกค่ำเมื่อนกแร้งหลับแล้ว   แผลของโพรมิเทียสก็จะบรรเทาจากอาการเจ็บปวด  และรุ่งเช้าของวันใหม่จึงเริ่มต้นการทรมานอันแสนทารุณไปเรื่อยๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างนี้โดยไม่มีวันจบสิ้น     แม้มนุษย์จะตายไปรุ่นแล้วรุ่นเล่าก็ยังคงสรรเสริญคุณความดีของโพรมิเทียสตลอดมา  จนกระทั่งเวลาผ่านไปหลายศตวรรษ  เฮอร์คิวลีส ผู้ซึ่งเป็นบุตรของเทพซุสก็ผ่านมาที่เกาะนี้และช่วยปลดปล่อยให้โพรมิเทียสเป็นอิสระในเวลาต่อมา


          ซึ่งถ้าใครเคยอ่านหนังสือตำนานกรีก-โรมัน ฉบับสมบูรณ์ของคุณมาลัยแล้วจะพบว่าตำนานที่ la plume นำมาเล่าสู่กันฟังนั้นจะมีความแตกต่างกันตรงที่สาเหตุที่ทำให้มหาเทพซุสโกรธนั้นก็เป็นเพราะว่ามนุษย์มีความเหิมเกริมและท้าทายต่ออำนาจของเทพมากขึ้น  ซึ่งทำให้เกิดข้อพิพาทระหว่างเทพและมนุษย์ในเรื่องการเซ่นสังเวยต่อเทพเจ้า   โดยโพมิเทียสเลือกที่จะเข้าข้างมนุษย์โดยทำกลอุบายลวงตาของมหาเทพซะ    โดยแบ่งวัวเครื่องเส้นออกเป็น 2 ส่วน   เอาส่วนที่กินได้คือเนื้อและเครื่องในซ่อนไว้ในห่อหนังแล้วก็เอาพังผืดเส้นเอ็นคลุมทับเอาไว้   ส่วนอีกส่วนหนึ่งเอากระดูกมากองรวมกันแล้วก็คลุมทับด้วยส่วนที่คล้ายมันเพื่อให้สวยงาม   แล้วมหาเทพก็เลือกส่วนที่ดูสวยงาม  แต่พอทรงเปิดออกมาพบกองกระดูกก็พิโรธหนักจึงได้ริบเอาไฟของมนุษย์ไป  ซึ่งต่อมาภายหลังโพรมิเทียสก็ลักลอบนำไฟลงไปให้มนุษย์อีก  จึงทำให้มหาเทพยิ่งเดือดสุดๆ  และจับโพรมิเทียสมาทรมานอย่างที่กล่าวไปแล้ว


          ด้านเทพซุสแม้จะได้กระทำการลงโทษโพรมิเซียสแล้วก็ยังไม่พอใจ   ความโกรธแค้นที่มีต่อมนุษย์ยังครุกรุ่นอยู่   มหาเทพจึงเรียกประชุมสภาเทพเพื่อสร้างมนุษย์ผู้หญิงคนหนึ่งขึ้นมาหวังจะแก้เผ็ดพวกมนุษย์   มนุษย์สาวที่บรรดาเทพช่วยกันสร้างขึ้นนั้นมีลักษณะที่งดงามตรึงตาตรึงใจ  เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์อันเย้ายวนของหญิงสาว  อีกทั้งยังมีเสียงที่หวานไพเราะจับใจ   และตั้งชื่อให้เธอว่า “แพนโดรา” (Pandora) ที่แปลว่าของขวัญจากทวยเทพ   จากนั้นก็ส่งให้เทพเมอร์คิวรี่นำเธอไปส่งให้โพรมิเทียสโดยบอกว่าเป็นของกำนัลจากเทพทั้งหลาย   ซึ่งโพรมิเทียสก็พอจะเดาอะไรๆ ได้  จึงปฏิเสธที่จะรับของขวัญพิเศษชิ้นนี้ไว้   และยังกำชับเตือนเอพิเทียสผู้น้องให้อย่ารับแพนโดราอีกด้วย   แต่ก็ไม่เป็นผล  เพราะเอพิเทียสเกิดรักแรกพบทันทีที่ได้เห็นแพนโดรา  และไม่เชื่อว่าสาวงามขนาดนี้จะนำความไม่ดีมาสู่ตนได้   จึงรับแพนโดราไว้เป็นภรรยาของตน


          ซึ่งในตอนที่แพนโดราลงมาจากสวรรค์นั้นมหาเทพก็ประทานกล่องที่สวยงามวิจิตรมาใบหนึ่งโดยทรงกำชับเธอว่าห้ามเปิดดูโดยเด็ดขาด  โดยเทพีเฮรา (Hera-เป็นมเหสีเอก หรือ ภรรยาหลวงของเทพซุสนั่นเอง) ก็ได้แอบแกล้งมากระซิบถามแพนโดราให้เธอนึกสงสัยซะอย่างนั้น   วันเวลาผ่านไปแพนโดราก็ยังไม่คลายจากความสงสัยในกล่องใบนั้นและพยายามรบเร้าให้เอพิเทียสเปิดกล่องซึ่งแน่นอนว่าเอพิเทียสไม่เห็นด้วย   จนกระทั่งวันหนึ่งเอมิเทียสไม่อยู่บ้านเธอจึงจ้องมองที่กล่องใบนั้นด้วยความกระสับกระส่าย   ในใจว้าวุ่นด้วยความลังเลว่าจะเปิดกล่องดีไม่เปิดกล่องดี   แต่แล้วความสงสัยก็เป็นฝ่ายชนะเมื่อมือของเธอเริ่มปลดสลักที่กล่องออก  แม้ในใจจะเต็มไปด้วยความลังเล   จนกระทั่งสลักชิ้นสุดท้ายได้เลื่อนออกจากกล่อง   ฝาก็เปิดออกพร้อมลมและควันสีดำก็โพยพุ่งออกมาจากกล่อง   ด้วยความแรงของระเบิดทำให้เธอลงไปนอนกองอยู่บนพื้น   แล้วควันเหล่านั้นก็ทำให้ท้องฟ้ามืดครึ้ม  อุณหภูมิเริ่มเย็นยะเยือกขึ้นมาทันที  ซึ่งสิ่งที่หลุดออกมาจากกล่องนั้นก็คือความทุกข์   โรคภัยไข้เจ็บ  ความอดอยาก  ความผิดหวัง  ความชั่วร้ายและปีศาจต่างๆ นั่นเอง   เมื่อเอพิเทียสกลับมาถึงบ้านก็พบว่าแพนโดรากำลังนั่งร้องไห้คร่ำครวญอยู่หน้ากล่องหายนะใบนั้นก็รู้สึกโกรธเกรี้ยวทันที   แต่เขาก็เหลือบไปเห็นสิ่งสุดท้ายที่ถูกเก็บไว้ในกล่อง  มันมีลักษณะเหมือนภูตที่มีลักษณะสว่าง  ซึ่งเรียกว่า “ความหวัง” (Hope) ได้อ้อนวอนขอให้แพนโดราช่วยปลดปล่อยให้มันเป็นอิสระ   แต่เธอก็ปฏิเสธเนื่องจากเธอไม่อยากจะทำผิดซ้ำสอง  แต่ “ความหวัง” ก็ยังอ้อนวอนขอให้ปล่อยเธอออกมาจนได้   ซึ่งเจ้าความหวังนี้ก็คือความเวทนาที่เทพมีต่อมนุษย์โดยเหลือทิ้งไว้ให้ก้นกล่องใบนั้นนั่นเอง


      แต่บางตำนานก็เล่าว่ากล่องแห่งความหายนะนั่นแพนโดราไม่ใช่คนถือลงมา  แต่เป็นเทพแห่งการสื่อสาร  เมอร์คิวรี่แกล้งทำทีแบกกล่องใบใหญ่มาฝากไว้ที่บ้านของเอพิเทียส  โดยกำชับว่าห้ามเปิดดูโดยเด็ดขาด   ฝ่ายแพนโดราเมื่อเห็นกล่องก็อยากรู้ว่ามีอะไรอยู่ข้างในจึงอ้อนวอนให้เอพิเทียสช่วยเปิดกล่องออกดูของข้างใน   แต่เขาก็ปฏิเสธ   จนกระทั่งวันหนึ่งเอพิเทียสออกไปพบเพื่อนทิ้งให้แพนโดราอยู่บ้านคนเดียว    จึงเป็นโอกาสของแพนโดราที่จะได้ทำสิ่งที่อยากจะทำ   เธอเข้ามาใกล้กล่องใบนั้นและสังเกตว่าตัวกล่องทำจากไม้เนื้อสีดำ   ฝามีการแกะสลักอย่างประณีต  รอบๆ กล่องประดับด้วยขดด้ายสีทองที่ส่องประกายเรืองรอง    เมื่อความอยากรู้มันมีมากขึ้นๆ เรื่อยๆ เธอจึงแอบเปิดกล่องออกดู   ซึ่งในระหว่างที่เธอกำลังทำการปลดล็อคเธอก็รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงกระซิบอะไรบางอย่างออกมาจากกล่อง   เสียงนั้นเรียกร้องขอความเป็นอิสระ  ซึ่งทำให้เธอลังเลว่าเธอควรจะเปิดออกดูดีมั้ย   แต่สุดท้ายแพนโดราก็แพ้ใจตัวเอง   เมื่อฝากล่องถูกเปิดออก   โรคภัยไข้เจ็บ  ความทุกข์  ความเศร้า  สิ่งชั่วร้ายต่างๆ ก็ตรงเข้าเล่นงานมนุษย์   มีฝูงแมลงที่มีปีกสีน้ำตาลคล้ายฝูงผีเสื้อราตรีตรงเข้าโจมตีแพนโดราและเอพิเทียสที่เพิ่งกลับมาถึงบ้าน   จากนั้นพวกแมลงก็บินหนีออกไปทางประตูและหน้าต่าง


          เอพิเทียสกับแพนโดราไม่เคยเจอกับความรู้สึกเช่นนี้มาก่อน    ทั้งเจ็บปวด   โกรธเกรี้ยวและสิ้นหวัง   มันทำให้ทั้งเอพิเทียสและแพนโดราต่างคร่ำครวญร้องไห้เป็นครั้งแรกในชีวิต   เอพิเทียสรู้สึกโกรธเคืองในความโง่เขลาของภรรยาของตนมาก   แต่ในขณะนั้นเองก็มีเสียงดังออกมาจากกล่องเจ้ากรรม    เสียงนั้นขอให้ช่วยปลดปล่อยมันออกไปโดยมันสัญญาว่าจะรักษาแผลตามตัวคนทั้งสองให้โดยแลกกับความเป็นอิสระของมัน   แพนโดราจึงตัดสินใจเปิดกล่องนี้ออกมาอีกครั้งหนึ่งและก็ได้พบกับสิ่งที่เหลืออยู่ก้นกล่อง  นั่นก็คือ “ความหวัง”   จากนั้นความหวังก็รักษาแผลให้แพนโดราและเอพิเทียส  แล้วก็รีบบินออกไปเพื่อต่อสู้กับความชั่วร้ายพร้อมทั้งช่วยเหลือผู้อื่นต่อไป


      0000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000

      เอกสารประกอบ (อ้างอิง)

      - ตำนานกรีก-โรมัน ฉบับสมบูรณ์  ของคุณมาลัย
      -www.uwm.edu/People/erm/myth/pages/story/html
      -http://www.physics.hku.hk/~tboyce/ss/topics/prometheus.html
      และต่างๆ อีกมากมายใน google

      000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000

      แก้คำผิดเมื่อวันที่ 3/1/49

      000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000

      อาจจะช้าไปหน่อยกับคำว่า Happy New Year นะคะ   ความจริง la plume ก็อยากจะลงเรื่องนี้เสร็จก่อนวันที่ 1 เหมือนกันเพื่อเป็นของขวัญให้กับผู้อ่าน   แต่อย่างว่าแหละ  ทำไม่ทัน  เหอๆๆๆ

      ปกติแล้ว la plume ตั้งใจจะลงแต่พวกสัตว์วิเศษในตำนาน   แต่ครั้งนี้หยวนให้เพราะมีคนอยากจะอ่านเรื่องแพนโดรา  แล้ว la plume ก็เห็นว่ามันเหมาะกับเทศกาลปีใหม่ดี  แม้ว่าความหมายของกล่องใบนี้ก็จะนำความไม่ดีมาสู่มนุษยชาติก็ตาม  แต่อย่างน้อยก้นกล่องใบนี้ก็ยังมีสิ่งที่เรียกว่า \"ความหวัง\" หลงเหลืออยู่นะ  หึหึ  

      เอาเป็นว่า la plume ขอลัดเรื่องนี้ให้เป็นพิเศษก็แล้วกัน  แล้วจะพยายามทยอยอัพต่อไป    ซึ่งเรื่องที่ la plume กำลังหาข้อมูลและคาดว่าจะลงเร็วๆ นี้ก็คือ เพกาซัส   และตามมาด้วยเซนทอร์  

      ปล.หลายๆ ท่านคงสงสัยว่าทำไมไม่ลงเรื่องยาวไปเลย   ขอเฉลยว่าเป็นความงี่ + เง่า ของ la plume เอง  ก็ตอนแรกไม่คิดนิว่าจะเขียนมาได้เยอะขนาดนี้   เป็นเพราะกำลังใจที่ส่งมาให้ la plume น่ะแหละ ก็เลยมีสัตว์ประหลาด  เอ๊ย  สัตว์วิเศษมาเพ่นพ่านอยู่เต็มเว็บเด็กดีไปหมด

      เอาเป็นว่าขอบคุณหลายๆ ค่ะ

      สำหรับผลงานเรื่องอื่นๆ ของ la plume

      หมวดความรู้

      1. ว่ากันด้วยเรื่องของมังกร
      2. ยูนิคอร์น Unicorn
      3. ตำนานนกฟินิกซ์
      4. ฮิปโปกริฟ-กริฟฟิน
      5. แพนโดรา   Pandora Box

      หมวดเรื่องสั้นอ่านเล่นๆ

      1. ฟิคหัวขโมยบารามอส ตอน Dream
      2. ฟิคหัวขโมยบารามอส ตอน ตำนานรักดอกทานตะวัน

      หมวดเรื่องยาว

      1. ฟิคหัวขโมยบารามอส ตอน เรื่องสนุกของเฟริน  
      2. Amdis


      แล้วเจอกันใหม่ค่ะ  Au revoire!

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×