Fic Baramos - หัวขโมยแห่งบารามอส ตอน ตำนานรักดอกทานตะวัน? - Fic Baramos - หัวขโมยแห่งบารามอส ตอน ตำนานรักดอกทานตะวัน? นิยาย Fic Baramos - หัวขโมยแห่งบารามอส ตอน ตำนานรักดอกทานตะวัน? : Dek-D.com - Writer

    Fic Baramos - หัวขโมยแห่งบารามอส ตอน ตำนานรักดอกทานตะวัน?

    โดย la plume

    แก้ไขคำผิด+โฆษณาผลงานปัจจุบันของ la plume เท่านั้นค่ะ หากเคยอ่านแล้วก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าคิดถึงจะเข้ามาอ่านซ้ำก็ได้นะคะ

    ผู้เข้าชมรวม

    5,422

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    7

    ผู้เข้าชมรวม


    5.42K

    ความคิดเห็น


    47

    คนติดตาม


    20
    หมวด :  ซึ้งกินใจ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  8 ม.ค. 49 / 23:11 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      …ทำไม?  ทำไมจนป่านนี้เรายังไม่ยอมตัดใจ…..

      …ทำไม? ทำไมจนป่านนี้ยังลืมเขาไม่ได้

      ทั้งๆ ที่เขาก็มีคนรักอยู่แล้วทั้งคน…..

      เจ้าหญิงเฟลิโอน่า…..หญิงเดียวที่ได้ครอบครองหัวใจของเจ้าพี่คาโล….

      ผู้หญิงเพียงคนเดียวที่ทำให้เจ้าพี่คาโลยิ้มได้เสมอ……

      ผู้หญิงเพียงคนเดียวที่ทำให้เจ้าพี่คาโลหัวเราะ……

      ผู้หญิงเพียงคนเดียวที่ทำให้นัยน์ตาสีฟ้าที่เคยสงบนิ่งต้องหวั่นไหว…….

      สิ่งที่เราไม่เคยสามารถทำได้อย่างเธอ………

      ทั้งๆ ที่รู้อยู่เต็มอก   ทำไมเรายังไม่ตัดใจ……


      …เรนอนมองภาพตรงหน้าด้วยความเจ็บช้ำ……
      …ภาพที่คาโลกำลังกอดเฟรินไว้แนบอก……
      …ภาพที่คาโลกำลังแย้มรอยยิ้มที่หาได้ยากยิ่งจากเจ้าชายน้ำแข็งแห่งคาโนวาล…..
      …รอยยิ้มที่มีไว้เพื่อมอบให้แด่เธอ…..
      …เจ้าหญิงเฟลิโอน่า……..เพียงผู้เดียว……


      …พลันน้ำตาแห่งความน้อยใจก็ไหลรินอาบแก้มใส   เบือนหน้าหนีภาพเบื้องหน้าที่ทำให้หัวใจของเธอต้องเจ็บปวด   เธอรู้ว่าเธอแพ้    แพ้ตั้งแต่ยังไม่ได้ขึ้นสังเวียนแห่งรัก     ไม่ว่าจะทำยังไงเจ้าพี่ก็ไม่เหลียวมองเธอเลย  ทั้งๆ ที่เธอเฝ้ามองดูเขามาตลอด…..

      “เรนอน…..”  เสียงจากคิลนักฆ่าอารมณ์ดีดังขึ้น…

      “เรนอน….เธอ……เธอร้องไห้!!?”   ใบหน้าคมๆ ของนักฆ่าสลดวูบ   เสียงประหลาดใจปนความห่วงใยลอดออกมาจากปากชายหนุ่มนัยน์ตาสีม่วง….

      “ฮึกๆๆ……ฉะ…ฉัน…มะ…ไม่…เป็นไร…..”  เสียงขาดหายเป็นช่วงๆ ตามแรงสะอึกสะอื้นของเจ้าหญิงคนงามแห่งคาโนวาล  น้ำตาไหลพร่างพรูนองหน้า  เป็นภาพที่ใครเห็นแล้วก็ต้องสะท้านใจ….

      เท้าน้อยๆ ของเรนอนก้าววิ่งหนีออกไปจากตรงนั้นทันที!!     เธอเองก็เป็นคนของคาโนวาล…..ดินแดนแห่งนักรบ…..ด้วยศักดิ์ศรีแห่งความเป็นเจ้าหญิงจะอ่อนแอให้ใครเห็นไม่ได้เด็ดขาด!!!

      “เรนอน……” นัยน์ตาสีม่วงมองตามร่างคนร้องไห้ที่วิ่งออกไปด้วยความสงสารจับใจ   แต่พอมองเห็นตัวต้นเหตุสองคนที่กำลังสวีทหวานจ๋อยชนิดไม่กลัวว่ามดคันไฟทั้งฝูงจะรุมทิ้งพวกมันตายคาที่เพราะความหวานเกินพิกัดก็พอจะทำให้เขาเข้าใจเหตุผลในทันที     จะให้ทำยังไงได้  เขาปลอบผู้หญิงไม่เก่งซะด้วยสิ..

      “มัวแต่ชักช้าอยู่นั่นแหละ   เรนอนวิ่งไปโน่นแล้วนะ…”  

      “โร!!!!” เจ้าขอทานเจ้าเล่ห์ตัวแสบ  มันโผล่มาข้างหลังตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย!?

      “นายนี่เป็นโรคชอบโผล่มาข้างหลังเหมือนที่ไอ้เฟรินบอกจริงๆ ด้วย…….  ว่ายังไงล่ะนายขอทานผู้สูงศักดิ์  จะว่าไปการประลองของเราก็ยังไม่รู้ผล   รึจะต่อให้มันจบๆ ไปเลยดีมั้ย….”

      “นายนี่ใจร้อนจริง…. วันนี้ฉันมาดี  ไม่ได้มาขอวิวาทด้วยหรอก..”  ขอทานบอกอย่างอารมณ์ดี

      “นั่งคุยกันหน่อยดีมั้ย?”   เสียงขอทานกำมะลอชักชวน

      นักฆ่าหนุ่มมีท่าทีลังเลอยู่พักนึง  ก็ยอมนั่งลงข้างๆ เจ้าขอทานคู่ปรับตัวแสบ…

      “ทำไมพวกผู้หญิงถึงชอบร้องไห้กันจังนะ   ถ้ารู้ว่าเจ็บทำไมไม่รีบตัดใจ จากไอ้รักคุดๆ เนี่ย    ผู้หญิงงี่เง่าอย่างงี้เหมือนกันหมดทุกคนมั้ยเนี่ย”  เสียงบ่นยาวเป็นพรืดดังลอดออกมาจากปากของคิลเลอร์ผู้อ่อนประสบกาณ์เรื่องหญิงๆ    แน่นอนเขาไม่เคยเข้าใจหัวอกผู้หญิงมาก่อน   ก็นั่นแหละถึงเขาจะมีเพื่อนรักเป็นผู้หญิง  แต่มันก็เป็นผู้หญิงแค่เปลือก!!!

      “นายคิดว่าไงล่ะ……”  ประโยคฮิตติดปากที่แสนจะกวนบาทาดังมาเข้าโสตชายหนุ่มนักฆ่านัยน์ตาม่วง….

      เจ้าขอทานตัวดีหัวเราะชอบใจที่เห็นท่าทีกระฟัดกระเฟียดของนักฆ่าหน้าละอ่อนที่นานๆ ทีจะมีให้เห็น   แววตาสีเขียวเป็นประกายวิบวับสุขใจที่ได้แกล้งคน..

      “โทดที   เอาเป็นว่าเดี๋ยวฉันจะเล่านิทานให้นายฟังเป็นการไถ่โทษก็แล้วกันนะ”

      “เฮ้ย!! ฉันไม่ใช่เด็กแล้วนะโว้ย  จะได้มานั่งฟังนิทานก่อนนอน”  คิลโวยวาย  แต่เจ้าขอทานมันฟังซะที่ไหนล่ะ  มันเริ่มขยับปากพล่ามออกมาอย่างไม่สนใจไอ้คิลเลอร์ที่นั่งหัวเด่อยู่ข้างๆ

      “นายเคยได้ยินตำนานเรื่องดอกทานตะวันมั้ย?”

      คิลส่ายหน้า   นัยน์ตาสีม่วงมีประกายของความฉงน  ชักเริ่มสนใจนิทานของเจ้าคนตรงหน้าขึ้นมานิดๆ….

      “……นานมาแล้วในดินแดนของเหล่าทวยเทพ   มีหญิงสาวผู้หนึ่งหล่อนมีชื่อว่าไคลที  หญิงสาวที่งามพิสุทธิ  

      ชายหลายคนต่างหมายปองเธอ    แต่เธอก็ไม่เคยสนใจ  หางตาเธอก็ไม่แลพวกผู้ชายที่แห่กันมาสู่ขอเธอไปเป็น

      ภรรยา  เพราะเธอมีชายหนุ่มที่เธอหมายปองอยู่แล้ว …………….


      ………….เทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์   เทพหนุ่มรูปงามที่ไม่ว่าสาวไหนเห็นก็จะต้องตกหลุมรัก  ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์

      หรือนางฟ้า….เทพองค์นี้จะต้องทรงรถพระอาทิตย์สีทองจากฟากฟ้าทิศตะวันออกไปจนสุดทิศตะวันตกทุกวันๆ…..


      ……เวลาผ่านไปทุกวันๆ   หญิงสาวก็ยังเฝ้ามองการโคจรของรถดวงอาทิตย์ที่เทพรูปงามองค์นั้นประทับอยู่เป็น

      ประจำ   เธอมีความสุขที่ได้ทำอย่างนั้นถึงแม้จะรู้ว่าความเป็นจริงเขาไม่มีวันจะเหลียวมองเธอเลยก็ตาม….

      แต่เธอก็ยังเฝ้ารอ……..ขอให้ได้เห็นหน้า…….ขอเพียงเท่านั้นก็เป็นสุขแล้ว………


      ……..เหล่าทวยเทพอื่นๆ ต่างพากันสงสารและเห็นใจในความรักที่มั่นคงของหญิงสาว    แต่จะทำอย่างไรได้ใน

      เมื่อเทพแห่งดวงอาทิตย์ไม่ได้มีความใยดีในตัวเธอเลย    หญิงสาวผ่ายผอมลงทุกวัน   ร่างกายก็เริ่มอ่อนแอป่วย

      กระเสาะกระแสะ   แต่เธอก็ยังขอทำในสิ่งที่ทำให้เธอมีความสุข   เธอยังเฝ้ามองดูราชรถสีทองผ่านหน้า

      ต่างบานน้อยจากห้องนอนของเธอ………..จนวันหนึ่งร่างกายของเธอก็ทนไม่ไหว…………..เหล่าทวยเทพจึง

      บันดาลให้ร่างของเธอกลายเป็นดอกทานตะวัน…………..ดอกทานตะวันที่จะหันหน้าตามการโคจรของดวง

      อาทิตย์………….ดอกทานตะวันที่จะเฝ้ามองดูชายที่เธอรักตลอดไป…….

      ……..ฟังเรื่องนี้จบแล้วนายคิดว่ายังไง?”   โรหันไปถามคิล   แต่ก็ต้องเบิกตากว้างอย่างตกใจสุดๆ    เพราะไอ้นักฆ่าคู่ปรับตัวฉกาจมันร้องไห้!!!  

      “อ่ะ   ฉันให้ยืม…..”   โรยื่นผ้าเช็ดหน้าผืนน้อยส่งให้คิลอย่างอึ้งๆ

      คิลรับผ้าเช็ดหน้าอย่างว่าง่าย   พร้อมกับสั่งน้ำมูกดังพรืด   แล้วก็ส่งคืนให้โร…

      “ไม่เป็นไร  ไม่ต้องคืนก็ได้…ฉันยกให้นายไปเลย….”   โรรู้สึกขนลุก  เมื่อมองผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นมันมีของเหลวสีเขียวหนืดๆ อยู่เต็มผืน

      “ออบไอ”  (ขอบใจ) เสียงพูดอู้อี้จากนักฆ่าอารมณ์อ่อนไหว…….

      “ทำไมพวกผู้หญิงถึงต้องทำอะไรโง่ๆ แบบนั้นด้วยนะ”  คิลเริ่มเอ่ยถามเจ้าขอทานเมื่อเริ่มรู้สึกดีขึ้นแล้ว

      “ฉันนึกว่าเล่าให้นายฟังแล้วจะเข้าใจอะไรขึ้นมาซะอีก        เพราะผู้หญิงมีความรักที่มั่นคงมากไงล่ะ   เรนอนก็เหมือนไคลทีที่ไปหลงรักเทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์    ขอเพียงได้มอง  ขอเพียงได้รักก็มีความสุขแล้ว….”

      โรตอบพร้อมรอยยิ้มน้อยๆ  อย่าว่าแต่พวกผู้หญิงเลย  ตัวเขาเองก็เข้าใจเรื่องนี้ดี เพราะเขาเองก็เป็นคนจำพวกเดียวกับไคลที   มีความสุขแม้ไม่ได้ครอบครอง  มีความสุขที่เห็นเธอเป็นสุข แม้จะยืนมองดูเธออยู่ห่างๆ  

      “แต่หลงรักข้างเดียวเนี่ยนะ    ยังไงๆ ฉันก็ไม่เห็นด้วย   เกิดเป็นคนมันต้องสนุกสนานร่าเริง   มัวแต่อมทุกข์ก็เสียชาติเกิดแย่”   พ่อนักฆ่ายังแย้งไม่เลิก…..

      “งั้น…..นายจะทำยังไงล่ะ?”  โรเลิกคิ้วสนใจในคำตอบของคนตรงหน้า  

      “…………”  ไม่มีเสียงเล็ดลอดออกจากปากคนที่กำลังนิ่วหน้า   หัวสมองที่ไม่ค่อยได้ใช้กำลังขบคิดปัญหานี้อย่างหนัก…….

      “มันเป็นเรื่องของความรัก   มันอยู่ที่เจ้าตัวเขาจะแก้ปัญหานี้ยังไง   จะปล่อยไปตามยถากรรมหรือเขาจะค้นพบหนทางแห่งความสุข   มันก็ขึ้นอยู่ที่ใจของเขาเอง    เรื่องแบบนี้น่ะมันไม่มีคำตอบตายตัวหรอก………”  

      …..คิลนั่งฟังเลคเชอร์จากท่านอาจารย์โรด้วยสีหน้าที่สับสน   ทำไมเดอะคิลเลอร์อย่างเขาต้องมานั่งฟังไอ้เรื่องพรรค์นี้ด้วยฟระ     เรื่องความรักเอย   เรื่องความนึกคิดของผู้หญิงเอย    มันเกี่ยวกับตัวเขาตรงไหนเนี่ย!!!?

      “เฮ้ออออ………….ฉันคงยังต้องเรียนรู้อีกมาก”  เสียงถอนใจเฮือกใหญ่ดังมาจากนักฆ่าผู้อ่อนต่อโลก   สงสัยว่าเขาคงจะต้องหานิยายรักน้ำเน่ามาอ่านมั่งซะแล้ว    อาจทำให้เขาหาคำตอบได้………..ถ้าให้ไปถามไอ้เฟรินก็คงไม่ไหว   เสียเชิงแย่หมด……..

      “ไม่ต้องรีบร้อนหรอก     แต่ฉันว่าอยากแรกที่นายต้องเรียนรู้คือการปลอบใจผู้หญิงนะ     นายน่ะ…….”

      “ฉัน…….???”  ใบหน้าของคิลฉายแววงุนงง   เริ่มรู้สึกตะหงิดๆ กับแววตาสีเขียวที่ดูมีเล่ห์กลของคนตรงหน้า….

      “ชอบเรนอนใช่มะ?”

      “เฮ้ยยยยย!!!!!!”  คำถามที่ไม่เคยคาดคิดว่าจะมีคนกล้าถามฟาดเปรี้ยงลงมาที่กลางใจนักฆ่าน้อยอย่างจัง!!

      “ไม่ใช่”  คิลรีบปฏิเสธทันที

      “ถ้าไม่ใช่ทำไมต้องสนใจเรื่องของเรนอนด้วยล่ะ…หืม?”

      “เอ่อ…อ….ฉะ….ฉันแค่…..ฉันแค่…..”  คิลน้อยเริ่มอึกอักไม่สามารถตอบคำถามคนข้างหน้าได้…..    

      ………….นั่นสิ   ทำไมเราต้องห่วงยัยเจ้าหญิงบ้านั่นด้วย…………..

      ………..ทำไมแค่เห็นเธอไม่สบายใจก็รู้สึกกระสับกระส่าย………….

      ………..พอเห็นเธอร้องไห้ใจของเราก็เหมือนถูกไฟฟ้าแสนโวลท์ช็อต………….

      ………….อยากให้เธอยิ้ม…………

      ………….อยากให้เธอหัวเราะ………….

      …………อยากให้เธอมีความสุข……….

      ……………ก็เท่านั้นเอง……………

      ……….แต่เอ๊ะ!!!   รึว่า……รึว่า……..รึว่าเราจะ……….จะ…………

      ………เป็นไปไม่ได้น่า…………

      …………..แต่ถ้าเราคิดแบบนั้นกับเธอจริงๆ ล่ะ…………

      …………..แต่ยังไงซะเราเป็นนักฆ่านะ………..ส่วนเธอเป็นเจ้าหญิง………ยังไงหางตาเธอก็คงไม่มีทางแลเรานักฆ่ากระจอกอย่างเราหรอก……………….

      คิดแล้วหนุ่มน้อยอ่อนประสบการณ์รักก็ส่ายหน้าวืดๆ   เพื่อไล่ความคิดประหลาดๆ ที่เขาเองก็ไม่เข้าใจว่าเกิดขึ้นได้ยังไงออกไป   แต่แล้วความคิดชั่วแวบก็แล่นเข้าสู่สมองน้อยๆ ของคิล…………..

      ………….มันก็ไม่แน่เสมอไปหรอก………………

      …………เขาเคยทำในสิ่งที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อนแล้วนี่…………….

      ………..พ่อเคยบอกว่านักฆ่าไม่จำเป็นต้องมีเพื่อน………….

      ………….แต่เขาก็ดันแหกคอกมีเพื่อนรักโผล่มา 2 หน่อ………..

      ……….แต่พ่อไม่ได้บอกว่าห้ามเรามีคนรักนี่………………….

      ………….แค่นี้ทำไมจะทำไม่ได้……………………..

      ………….ถึงจะไม่ได้ความรักตอบจากเธอก็ไม่เป็นไร………..

      ………..แค่ทำให้เธอยิ้มได้ก็คงพอ………………


          รอยยิ้มกรุ้มกริ่มฉายอยู่บนริมฝีปากของนักฆ่า   จนโรที่นั่งข้างๆ เห็นก็ยังประหลาดใจ

      ………..ตอนแรกมันร้องไห้……….ต่อมามันนั่งหน้ามุ่ย……เมื่อกี้มันส่ายหัววืดๆ…..ตอนนี้มันยิ้ม!!!  

      ……..รึว่ามันคิดมากจนเพี้ยนไปแล้ว!!!!!…………..

          “ขอบใจมากโร  สำหรับคำแนะนำ”……แล้วคิลก็รีบวิ่งออกไปทิ้งให้ขอทานผู้ยังจับต้นชนปลายไม่ถูกนั่ง งงงวยอยู่ตรงนั้น………

      ………………………………………………………………………………………………………………………

          “เรนอน……เรนอน”   เสียงนักฆ่าเจ้าเก่าร้องเรียกอยู่หน้าห้องของเธอ    เสียงนั้นสามารถดึงความสนใจของเจ้าหญิงที่กำลังอยู่ในอารมณ์ซึมเศร้าได้อย่างดี  เธอนึกสงสัยว่าเขามีธุระอะไรกับเธอนะ   จึงประตูห้องออกมาดู…….  

      ตอนนี้มาทิลด้า กับแองจี้ไม่อยู่กับเธอซะด้วยเพราะต้องไปประชุมกับรุ่นพี่   เรนอนที่ขอตัวเพราะอ้างว่าไม่สบายจึงอยู่ในห้องคนเดียว…..

      …..เมื่อประตูห้องเปิดออกเธอเห็นหน้าของชายหนุ่มผมดำกำลังยืนยิ้มแผล่   มือทั้งสองซ่อนอะไรบางอย่างไว้ข้างหลัง………

          “อ่ะ   ฉันให้….”    เรนอนมีสีหน้าประหลาดใจ    น่าจะเรียกว่าอึ้งมากกว่าเพราะคนตรงหน้ากำลังทำสิ่งที่เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อน   แล้วรับรองว่าไม่ว่าใครก็ต้องนึกไม่ถึง  แม้แต่เฟรินเพื่อนเลิฟของคนตรงหน้าก็ตาม…..

          ดอกทานตะวันดอกใหญ่สีเหลืองสดถูกยื่นให้เจ้าหญิงคนงามแห่งคาโนวาลทันที   เธอยืนตะลึงแต่ก็ไม่ลืมที่จะยื่นมืออกไปรับดอกไม้นั้นมา    แล้วสายตาเธอก็เหลือบไปเห็นริ้วรอยตามมือและใบหน้าของคนตรงหน้า……

          “หน้าเธอ???”

          “อ๋อ….ฉันแอบออกไปข้างนอกมา   แล้วก็ย่องเข้าไปในสวนดอกทานตะวันของชาวบ้านน่ะ   แต่โดนหมาที่เฝ้าสวนมันไล่กัดน่ะ   ก็เลยได้แผลมานิดหน่อย….ฮะฮะ…..แค่นี้ไม่เป็นไรหรอก”  ชายหนุ่มบอกอย่างอารมณ์ดี  ไม่ได้ใส่ใจสภาพรุ่งริ่งของตัวเองสักนิด

          “ทำไม?” คิ้วเรียวบน ใบหน้าสวยนั่นเริ่มขมวดเป็นปมอย่างไม่เข้าใจ

          “ฉันอยากให้เธอเข้มแข็งเหมือนดอกทานตะวันที่ไม่ว่าดวงอาทิตย์จะแผดแสงร้อนแรงแค่ไหน   แต่มันก็

      ยังคงงดงามอยู่………เอ่อ………เอาเป็นว่าฉันไม่ชอบเวลาเห็นเธอทำหน้าอมทุกข์ยังกะแบกโลกไว้ทั้งโลกน่ะ….

      ฉันอยากเห็นเธอสดใสร่าเริงเหมือนทานตะวันดอกนี้นะ…..”  ชายหนุ่มหน้าเริ่มขึ้นสีแปร้ด   ตั้งแต่เกิดมาเขาไม่

      เคยพูดอะไรยาวๆ  และเลี่ยนๆ แบบนี้มาก่อนเลย  เจ้าตัวชักยืนไม่อยู่สุข   ตัวบิดไปบิดมา   ถ้าหากเป็นสาวน้อย

      ทำก็ต้องบอกว่าน่ารัก   แต่นี่มันเป็นผู้ชายแถมยังเป็นทายาทนักฆ่าคนสำคัญก็คิดเอาเองล่ะกันว่าภาพจะออกมา

      แบบไหน……..

          หญิงสาวหัวเราะน้อยๆ กับท่าทีของคนที่อยู่ตรงหน้าที่จะว่าไปก็น่าเอ็นดูเหมือนกัน

          “ขอบคุณนะที่เป็นห่วง   คุณคิลใจดีมากกว่าที่ฉันคิดไว้ซะอีก”

          “เรนอน….”

          “ไม่ต้องห่วงนะคะ    ฉันจะไม่มีทางทำลายความรักของเจ้าพี่คาโลกับคุณเฟรินเด็ดขาด   ฉันกำลังทำใจอยู่ค่ะ   ฉันสัญญาว่าจะไม่ทำให้เพื่อนๆ ของคุณเดือดร้อน……”   เธอยิ้มให้เขาอย่างเศร้าๆ

          “เรนอน….มันไม่ใช่เรื่องนั้น………แต่ฉันเป็นห่วงเธอจริงๆ”  คิลหลุดปากไปแล้วเขาแทบตะครุบปากตัวเองไว้ไม่ทัน

          “คุณคิล…….”  เรนอนอุทานเพราะไม่คิดว่าคนตรงหน้าจะรู้สึกแบบนั้นกับเธอ   ที่แล้วๆ มาเธอกับเขามักจะมีเรื่องทะเลากันอยู่เสมอ   นึกไม่ถึงนี่เขาเป็นห่วงเธอด้วยรึเนี่ย   รอยยิ้มน้อยๆ ของเจ้าหญิงเริ่มปรากฎขึ้นบนริมฝีปากเรียว   ภาพตรงหน้าที่ทำให้หัวใจของนักฆ่าแทบจะกระโดดออกมาเต้นอยู่นอกอก

          นัยน์ตาสีม่วงของคนทั้งสองสบประสานกันอยู่คู่ใหญ่   ไม่มีคำพูดใดๆ เล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากของคนทั้งคู่      รอบด้านดูเหมือนจะเงียบกริบเหมือนโลกๆ ทั้งโลกมีแค่เขาและเธอเท่านั้น…….

          …….รึว่าถึงเวลาแล้วที่เธอควรจะเริ่มมองใครสักคนเพื่อมาประสานรอยร้าวที่อยู่ในใจ……

      ………อาจจะถึงเวลาแล้วก็ได้ที่หัวใจดวงน้อยของเธอจะได้รับการเยียวยา……

      สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น    เมื่อเจ้าหญิงคนงามเขย่งเท้าเพื่อมอบจุมพิตให้กับนักฆ่าหนุ่มที่กำลังตะลึงจนตาค้าง!!!!  คิลมองเจ้าหญิงคนงามที่กำลังหลับตาพริ้มอยู่ตรงหน้า   ใบหน้าใกล้ชิดกันจนรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ   เขาค่อยๆ ปรือตาลงรับสัมผัสนั้นอย่างเต็มใจ….

      ……..สัมผัสแผ่วเบาที่ริมฝีปาก…….

      ……..มันรู้สึกดีอย่างงี้นี่เอง……..

      ………มิน่าไอ้เฟรินกับคาโลมันถึงชอบจูบกัน……

      ชายหนุ่มยังคงตกตะลึงจนตัวแข็งเป็นหิน   เขารู้สึกว่าหัวใจของเขามันเต้นไม่เป็นจังหวะ   มันรัวและเร็วยิ่งกว่าตีกลอง   มันเต้นเร็วถี่ยิบจนน่ากลัวว่ามันจะหลุดออกมาข้างนอกรึป่าว!!!  เขาจะตายมั้ย!!!  รึว่าเขาจะต้องจบชีวิตลงตรงหน้าแม่เจ้าหญิงคนงามแห่งคาโนวาลนี่ซะแล้ว!!!!  

      จนเมื่อสาวงามถอนริมฝีปากออกไปแล้วทายาทนักฆ่าผู้อ่อนต่อโลกก็ยังไม่คลายจากอาการตกใจ   เขารู้สึกร้อนวูบๆ   ที่ใบหน้า !!  

      ……..ถ้าไอ้เฟรินมาเห็นเข้า   เขาคงไม่พ้นโดนมันประนามว่าไอ้นักฆ่าอ่อนหัดแน่ๆ……….

      “ระ…เรนอน……ทำไม???”

      “จุมพิตจากเจ้าหญิงเพื่อรักษาบาดแผลค่ะ”  เจ้าหญิงตอบอย่างอายๆ   หน้างามๆ ขึ้นสีจนดูน่ารัก  

      บาดแผลต่างๆ บนตัวนักฆ่าเริ่มหายไปจนไม่เหลือร่องรอย    เขาทึ่งกับความสามารถของเธอที่เคยได้ยินกิตติศัพท์เรื่องจุมพิตของคาโนวาลมาบ้าง   แต่ก็ต้องทึ่งเมื่อได้มาเห็นของจริง    แต่ที่ทึ่งสุดๆ คงเป็นความใจกล้าของเจ้าหญิงที่ดูอ่อนแอตรงหน้าที่ใจกล้าเหลือเชื่อ!!!

      “เอ่อ….คุณคิลคะ…ฉันยังมีงานค้างอยู่ต้องขอตัวทำงานก่อนนะคะ   แล้วก็ขอบคุณมากค่ะสำหรับดอกไม้”  เจ้าหญิงคนงามพูดเสร็จก็หันหลังปิดประตูห้องทันที  

      คิลน้อยผู้น่ารักยังยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น   เขายิ้มน้อยๆ  มือไล้ริมฝีปากตัวเองเบาๆ   หน้ายังคงแดงซ่านเมื่อนึกไปถึงสัมผัสเมื่อครู่ที่คนตรงหน้ามอบให้    แต่ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่าง!!!!

      “เฟริน!!! ฉันรู้นะว่าเป็นแก    แกจะออกมาดีๆ หรือจะให้ฉันลากตัวแกออกมา”  คิลหันไปมองตรงถังขยะใบยักษ์ตรงระเบียงทางเดิน   เขาจำได้ว่าไอ้ถังขยะใบนี้มันตั้งอยู่ตั้งไกล   แล้วแค่พริบตาเดียวมันมาโผล่อยู่ที่นี่ได้ยังไง   เหตุผลมีอยู่อย่างเดียวเท่านั้น    ไอ้หัวขโมยงี่เง่า!!!

      ซวยแล้ว!!!……..

      เจ้าหญิงหัวขโมยตัวแสบรู้ว่าตัวเองพลาดซะแล้ว   เธอค่อยๆ โผล่หัวออกมาจากที่ซ่อน   ส่งยิ้มแห้งๆ  แล้วสมองของหัวขโมยก็เริ่มคิดหาทางหนีทีไล่อย่างรีบด่วน…….

      เอาวะทำใจดีสู้เสือหน่อยเป็นไร  ทีมันยังมาแอบดูเราบ่อยๆ   ขอดูมันคืนบ้างมันคงไม่ว่าหรอก……แล้วปากหมาๆ ของเจ้าหล่อนก็เริ่มทำงานทันที…..

      “แกเก่งเหมือนกันนี่หว่าไอ้คิล    แหมวิชาจีบสาวของแกเนี่ยใช้ได้เลยนะ  จุ๊จุ๊จุ๊  ไม่ต้องพึ่งฉันก็ได้รับจูบจากสาวงามมาซะด้วย”   เจ้าหญิงสองแผ่นดินที่ไม่เคยทำตัวสมหญิงเอ่ยขึ้นอย่างอารมณ์ดี   หัวเราะก๊ากๆ หวังจะกลบเกลื่อนความผิดที่ก่อไว้   แถมมันยังไม่มีทีท่าจะสำนึกว่าความหายนะกำลังมาเยือน    มันกลับเดินเข้าไปตบไหล่เพื่อนดังป้าบๆ ซะนี่….

      คิลกระตุกรอยยิ้มเหี้..ยมเกรียม  หักนิ้วดังกร๊อบๆ  สัญชาติญาณของหัวขโมยรับรู้ได้ทันทีว่าอารมณ์ของคนตรงหน้ากำลังจะปะทุในไม่กี่อึดใจนี้แล้ว    เจ้าตัวยุ่งค่อยๆ หันหลังแล้วรีบใส่ตี..นหมาโกยอย่างสุดชีวิต!!!

          คิลก็ไม่รอช้าเช่นกันถึงเท้าหัวขโมยจะไวแค่ไหน   แต่นักฆ่าอย่างเขาก็ใช่ย่อยซะเมื่อไหร่     เมื่อมีเหยื่อมารนหาที่ถึงตรงหน้า   สุนัขจิ้งจอกมีหรือจะปล่อยเหยื่ออันโอชะไป   ทั้งคู่วิ่งไล่กวดกันไปจนรอบป้อมอัศวิน    เป็นที่ครื้นเครงของผู้พบเห็น จนถึงกับตั้งโต๊ะพนันกันว่าหัวขโมยจะโดนนักฆ่าตื้บหรือมันจะรอดมือพญามัจจุราชไปได้    

      ….คาโลมองภาพเฟรินที่กำลังหนีเจ้านักฆ่าบ้าเลือดก็ส่ายหัวอย่างเอือมระอา………  

      ……จนมันเป็นผู้หญิงเต็มตัวแล้วก็ยังวิ่งไล่เตะอย่างกับเด็กผู้ชาย………………..

      …..แต่เขาไม่คิดช่วยมันหรอก    ให้มันโดนซะบ้างเผื่อจะได้หายซ่าไปบ้าง……..

      ……..เอาไว้คืนนี้ค่อยตามไปรักษาแผลให้มันทีหลัง………..

      ………คืนนี้แหละ…………………

      ………..หึหึ……………….

      รอยยิ้มที่ฉาบไว้ด้วยความเจ้าเล่ห์ปรากฎขึ้นบนใบหน้าเจ้าชายรูปงามแห่งคาโนวาลแวบนึง   คงไม่มีใครทันสังเกตุเห็นหรอกว่าแววตาสีฟ้าสวยมันมีประกายแปลกๆ  ที่ถ้าเจ้าหญิงหัวขโมยล่วงรู้อาจจะต้องขนลุกขนพองไปเลยก็ได้…..

      เสียงเอะอะเฮฮายังดังมาจากผู้ชมทั้งหลายที่มาร่วมเชียร์    ภาพคู่หูคู่ฮาแห่งป้อมอัศวินที่วิ่งไล่ฟัดกันด้วยความรักปานจะกระอักเลือดตายมีอยู่ให้เห็นเสมอในป้อมอัศวินแห่งนี้       ป้อมที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและรอยยิ้มเสมอ   ป้อมที่เต็มไปด้วยมิตรภาพ   แม้ว่าการแสดงความรักนั้นจะออกแนวโหดไปหน่อย    แต่พวกเขาก็ยังเป็นเพื่อนรักกันตลอดไป…………..

      …………………………………………………………………………………………………………

      สาส์นจากผู้เขียน :

      ตอนตำนานรักดอกทานตะวันเนี่ย   เราเอาเค้าโครงเรื่องมาจากตำนานกรีกเทพแห่งดวงอาทิตย์  ก็คือเทพฟีบัส  อพอลโลนั่นเองแหละ   คราวที่แล้วเราแต่งเรื่องของเฟรินกะคาโลไปแล้ว   คราวนี้เราก็เลยลองเอาเรื่องของคิลกะเรนอนมาบ้าง   แต่ส่วนใหญ่มันจะเป็นคิลคุยกะโรมากกว่า 5555     ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้ก็ไม่รู้สิ5555  

      ส่วนเรื่องดอกทานตะวันน่ะ  แม้ตำนานของมันจะเศร้าไปหน่อยแต่เราว่านะ  ดอกทานตะวันก็มีความหมายดีๆ ของมันแฝงไว้อยู่เหมือนกัน   มันเหมือนกับความมั่นคง  ความสดใสร่าเริง  อะไรทำนองเนี้ยอ่ะ

      แล้วก็ต้องขอขอบคุณผู้อ่านทุกๆ ท่านที่แวะเวียนเข้ามาอ่านผลงานของเรานะ  ขอบคุณมากๆ   ส่วนเรื่องจะแต่งเรื่องยาวคงต้องขอคิดดูก่อน    เพราะแค่แต่งเรื่องสั้น ก็คิดจนแทบกระอัก แล้วอ่ะ   อีกอย่างกลัวมุขแป๊ก  แต่ถ้าเป็นเรื่องสั้นมีแน่นอน   ตอนนี้กำลังเล็งอยู่ว่าจะเขียนเรื่องของใครต่อไปดี…..

      ****************************************************************

      ผลงานอื่นๆ ของ la plume

      เรื่องสั้น

      1.  ฟิคหัวขโมยแห่งบารามอส ตอน Dream?
      2.  ฟิคหัวขโมยแห่งบารามอส ตอน ตำนานรักดอกทานตะวัน


      เรื่องยาว

      1.   ฟิคหัวขโมยแห่งบารามอส ตอน เรื่องสนุกๆ ของเฟริน
      2.   Amdis


      หมวดความรู้ (ข้อมูล+ตำนานของสัตว์วิเศษในตำนาน)

      1. ว่ากันด้วยเรื่องของมังกร
      2. ยูนิคอร์น Unicorn
      3. ตำนานนกฟีนิกซ์
      4. ฮิปโปกริฟ-กริฟฟิน
      5. แพนโดรา-Pandora Box
      6. เพกาซัส-Pegasus

      *** ลงเรื่องครั้งแรกวันที่ 10/11/48
      *** แก้ไขเมื่อวันที่ 8/1/48

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×