Dear Dream
Dream (n.) – Imaginary events
seen while sleeping
กริ๊ง~ กริ๊ง~
เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้น ส่งผลให้คนที่นอนอยู่บนเตียงนั้นเริ่มขยับตัว มือหนายื่นออกมากดปิดนาฬิกาที่หัวเตียง ก่อนจะเหยียดตัวอีกครั้งเพื่อกระตุ้นให้ตนเองตื่นอย่างเต็มตา จากนั้นจึงเดินงัวเงียเข้าห้องน้ำไปทำธุระของตนเองโดยไม่รับรู้ถึงสายตาที่กำลังจ้องมองตนเองมาจากกำแพงห้อง ดวงตาของผมจับจ้องร่างสูงด้วยรอยยิ้มเป็นปกติทุกวันจากหน้าต่างบ้านของตนเอง บ้านที่มีหลังคาสีแดงสดตัดกับสีขาวของหิมะที่ไร้ซึ่งความเย็น ที่ที่ถูกล้อมไปด้วยกระจกสีใส ผมเรียกที่แห่งนี้ว่าบ้าน แต่เขาคนนั้นกลับเรียกบ้านของผมว่าลูกแก้วหิมะ
“ เออ ๆ กำลังไป ”
ผมได้แต่มองตามเขาอย่างเงียบ ๆ ทุกการเคลื่อนไหวนั้นเต็มไปด้วยความสง่างามและมั่นคง ความอบอุ่นที่แผ่กระจายออกมาจากรอบตัวของเขานั้น ทำให้ความอดทนของผมแทบจะสิ้นสุดลงกับการรอคอยที่เป็นไปไม่ได้นี้ ถ้าพระเจ้ามีอยู่ ท่านช่วยประทานพรให้ผมและเขาได้เจอกันด้วยเถิด ถึงแม้จะเป็นการเจอกันในฝันก็ตามที ได้โปรด
ดวงจันทร์เสี้ยวที่เคยสว่างสดใส บัดนี้กลับเต็มไปด้วยความว่างเปล่าและมืนมนหลังจากร่างที่คุ้นเคยลับตาไป กาลเวลาล่วงเลยไปอย่างช้า ๆ จนกระทั่งตะวันกำลังจะลาลับขอบฟ้า เพียงไม่นานเจ้าของห้องก็กลับมา ใบหน้าหล่อนั้นฉายความเหนื่อยล้าออกมาได้อย่างเด่นชัด ในมือของเขานั้นเต็มไปด้วยของมากมาย ไม่ว่าจะเป็นกระบอกใส่แบบ คีย์การ์ด อาหารเย็น ของคบเคี้ยวต่าง ๆ แต่สิ่งที่สะดุดตาที่สุดคงจะเป็นกล่องใบเล็กสีชมพูอ่อนนั่น
สายตาของผมจ้องมองกล่องใบน้อยที่วางอยู่บนโต๊ะด้วยความสงสัย ว่าสิ่งใดกันที่อยู่ภายในกล่องใบนั้น แต่ไม่นานสิ่งที่ค้างอยู่ในใจของผมก็ได้มลายหายไปหลังจากที่มือหนาหยิบกล่องขึ้นมาเปิดดู จี้รูปจันทร์เสี้ยวปรากฎขึ้นเมื่อฝากล่องถูกเปิดออก จี้นั้นช่างคล้ายกับของผมเหลือเกิน ถึงแม้ว่าจะคนละด้านก็ตามที เขาได้มาจากไหนกันนะ ผมถามกับตัวเองพรางยกนิ้วเรียวขึ้นมาลูบจี้ที่ห้อยอยู่อย่างแผ่วเบาจนหลับไป
หลังจากชายหนุ่มสะสางงานที่คั่งค้างอยู่จนเสร็จเรียบร้อยได้ไม่นานก็จัดการพาร่างของตนเองย้ายไปยังเตียงนอนสุดโปรด จัดตนเองให้อยู่ในในท่านอนที่สบายเพื่อเตรียมที่จะเข้าสู่ห่วงนิทรา แต่ยังมิวายที่จะคว้าจี้ที่เขาเพิ่งได้มาจากชายชราคนหนึ่งขณะเดินทางกลับห้องของตนเองในวันนี้ขึ้นมาพิจารณาอีกครั้งว่าทำไมชายชราผู้นั้นถึงได้ให้สิ่งนี้กับตนเองก่อนจะเผลอหลับไปพร้อมกับมัน
เพียงชั่วขณะจี้พระจันทร์เสี้ยวนั้นก็เปล่งแสงสว่างสีเหลืองนวลเฉกเช่นแสงของดวงจันทร์ขึ้นมา แสงที่เปล่งออกมานั้นอบอุ่นและอ่อนโยนราวกับกำลังปลอบโยนเด็กหนุ่มทั้งสองที่กำลังหลับไหลนั้นให้ตกอยู่ในห้วงแห่งนิทราอันแสนสวยงาม
.
.
.
สภาพอากาศที่เย็นลงอย่างต่อเนื่องในช่วงเดือนธันวาคม ถนนทั้งสายถูกประดับด้วยไฟสีโทนอุ่น ร้านค้าต่าง ๆ เริ่มนำของตกแต่งสำหรับหรับเทศกาลคริสต์มาสออกจากกล่องเพื่อประดับตกแต่งร้านและต้นสนประดิษฐ์ประจำร้านของตนเอง คู่รักมากมายต่างเดินจับมือกับเผื่อคลายความหนาวเย็น ซึ่งบรรยากาศที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้จะถูกเก็บบันทึกลงในภาพความทรงที่สวยงามสำหรับเหล่าคู่รัก ผู้ที่ผ่านมาพบเห็น และตัวของผมเอง
“ อรุณสวัสดิ์ครับคุณ เมื่อคืนคุณหลับสบายดีไหม ”
เด็กหนุ่มที่ตัวเล็กกว่าผมเอ่ยทักทายพร้อมกับมอบรอยยิ้มอันสวยงามให้ รอยยิ้มนั้นสามารถทำให้เช้าอันแสนน่าเบื่อของผมนี้กลับมาสว่างสดใสได้อีกครั้งเปรียบเสมือนผมนั้นคือต้นไม้ที่เหี่ยวเฉา เขาคือน้ำและแสงสว่าง โดยต้นไม้นั้นจะกลับมามีชีวิตชีวาได้อีกครั้งหลังจากได้รับน้ำและแสงสว่างที่เพียงพอ
“ อรุณสวัสดิ์ครับ ”
ผมเอ่ยตอบคนตรงหน้าด้วยความเอ็นดู ก่อนที่ผมจะยื่นมือให้ นิ้วมือทั้งห้าของเราทั้งคู่สอดประสานกันแกว่งไปมาตามแรงเหวี่ยง ทางเดินที่เต็มไปด้วยผู้คนทั้งสองฝั่งถนนบัดนี้กลับเหลือเพียงแค่สองเรา ทุกสิ่งตอนนี้ดูสวยงามไปหมดจนผมกลัว กลัวว่าวันหนึ่งความทรงจำที่แสนสวยงามนี้จะย้อนกลับมาทำร้ายผมในคราที่เราสองคนนั้นไม่ได้อยู่เคียงข้างกัน แต่ผมเชื่อว่าเราคงไม่มีวันนั้นอย่างแน่นอน...
ผมและเขาเลือกที่จะเดินเข้าร้านเล็ก ๆ ที่ขายของสำหรับตกแต่งตรงหัวมุมของถนน ภายในร้านถูกตกแต่งไปด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้ซึ่งเข้ากันดีกับไฟที่ส้มของร้าน กลิ่นของไม้ และกลิ่นหอมของน้ำมันระเหยนั้นทำให้บรรยากาศภายในร้านแห่งนี้ดูอบอุ่นมากยิ่งขึ้น
“ คุณเห็นลูกบอลหิมะลูกนั้นไหม? ”
ผมหันไปตามเสียงเรียกของอีกคน แล้วจึงก้าวขาเดินอย่างรวดเร็วไปยังตำแหน่งที่ว่างข้ากายกายของคนที่เป็นเจ้าของหัวใจผม หลังจากนั้นสายตาผมก็ไล่ไปตามตำแหน่งที่นิ้วชี้เรียวชี้ไปซึ่งสิ่งที่คนข้างกายผมชี้ให้ดูนั้นคือลูกแก้วหิมะสีขาว
“ เห็นสิ คุณอยากได้เหรอครับ? ”
คนตัวเล็กกว่าผมส่ายหน้าเบา ๆ ผมลดระยะห่างระหว่างผมและลูกบอลหิมะลูกนั้น จนสามารถสังเกตเห็นได้ว่าภายในลูกบอลหิมะลูกนี้นั้นถูกตกแต่งด้วยหิมะปลอม ต้นไม้ บ้านที่มีหลังคาสีแดง และตุ๊กตาเด็กผู้ชายขนาดเล็กที่มีใบหน้าคล้ายคลึงกับคนที่ชี้ให้ผมดูนั้นนั่งอยู่ตรงริมหน้าต่าง ที่คอของเด็กผู้ชายนั้นหอยบางสิ่งที่ผมคุ้นเคย ผมจ้องมองมันสักพักก่อนจะละสายตาไป
“ นี่คือบ้านผมเองแหละ ”
คนตัวเล็กกว่าเอ่ยขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มอบอุ่นราวกับแสงจากดวงอาทิตย์ในยามที่อากาศหนาวเย็นก่อนที่จะละความสนใจลูกบอลหิมะนี้ไป เราสองคนได้เลือกซื้อของคนละอย่างแล้วแลกกัน ซึ่งผมได้ให้กำไลข้อมือสีเงินเรียบ ตรงกลางมีรูปดวงจันทรืเสี้ยวสลักไว้กับเขา ส่วนเจ้าของดวงตายิ้มนั้นได้ให้สร้อยข้อมือสายหนังสีน้ำตาลประดับด้วยจี้รูปดวงจันทร์เสี้ยวสีเงินกับผม
“ ผมรักคุณนะคุณดวงใจของผม ”
คนตัวเล็กกว่าเอ่ยบอกกับผมด้วยรอยยิ้ม ผิดกับน้ำเสียงที่เอ่ยออกมานั้นกลับสั่นคลอ ผมรั้งเอวของคนตรงหน้าของผมให้เข้ามาใกล้ชิดกันยิ่งขึ้น เราสองคนกอดกันแน่นพอที่จะสามารถรับรู้ถึงเสียงหัวใจของกันและกัน ผมรับรู้ได้ถึงความชื้นของเสื้อที่ไหล่ของผม ร่างในอ้อมกอดนั้นไหวสั่นเล็กน้อย ผมกระชับอ้อมกอดให้แน่นยิ่งขึ้นราวกับนี่คือการกอดครั้งสุดท้ายของผมและคุณความสุขของผม
.
.
.
ผมได้แต่เฝ้ามองเขาผู้เป็นที่รักของผมที่กำลังหลับไหลดั่งเช่นเคย แต่ต่างออกไปตรงครั้งนี้น้ำสีใสได้ไหลรินลงอาบแก้มของเขาเนื่องจากความทรมาน ทรมานที่เป็นผู้รับรู้เรื่องราวทั้งหมดเพียงฝ่ายเดียว แต่ในความทรมานนั้นก็ยังคงมีความสุข สุขที่ครั้งหนึ่งผมและเขาเราเคยรักกัน ขอบคุณพระเจ้าที่ประทานพระอันแสนวิเศษนี้ให้กับผม ขอบคุณที่ทำให้พรของผมนั้นเป็นจริง
.
.
.
กริ๊ง~ กริ๊ง~
เสียงนาฬิกาปลุกที่ดังขึ้นนั้นบ่งบอกถึงเช้าวันใหม่ ผมลืมตาขึ้นหลังจากที่เอื้อมมือไปปิดนาฬิกาเรียบร้อยแล้ว ทุกอย่างคือฝันไป มันช่างเป็นฝันที่เหมือนจริงเหลือเกิน ผู้ชายในฝันคนนั้นคือใครกัน ผมพยายามพยุงร่างที่ยังไม่ตื่นเต็มที่ของตนเองนั้นไปยังห้องน้ำเพื่อทำธุระประจำวันอย่างเช่นเคย
เพียงไม่นานผมก็จัดการกิจวัตรประจำวันจนเสร็จ ในระหว่างที่ผมกำลังใส่รองเท้าเตรียมตัวจะออกจากห้องอยู่นั้น สายตาของผมก็ไปสะดุดกับบางสิ่งครอบฐานของลูกบอลหิมะสีขาวคุ้นตานั้นไว้ ดวงตาของผมร้อนผ่าวเมื่อได้พบกับสิ่งที่ทำให้หัวใจของผมนั้นสั่นไหวอีกครั้ง กำไลสลักสีเงินที่ผมมอบให้กับคุณความสุขของผมเมื่อคืน
ภาพแห่งความสุขย้อนกลับมาเล่าเรื่องใหม่อีกครั้งในหัวของผม ภาพของชายหนุ่มผู้ที่เป็นเจ้าของดวงตาพระจันทร์เสี้ยว ภาพของเราสองคนที่เดินจับมือกันบนถนนที่เต็มไปด้วยแสงไฟระยิบระยับ ภาพของรอยยิ้มอันสวยงามและเสียงหัวเราะที่เรามอบให้แก่กัน...
ผมจมอยู่ในห่วงความคิดได้ไม่นานเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ฉุดผมออกมาเจอกับโลกของความเป็นจริงอีกครั้ง โทรศัพท์ในมือของปรากฏชื่อของเพื่อนสนิท ก่อนที่สายตาของผมจะเลื่อนขึ้นไปดูเวลาที่ด้านบนของจอ เวลาที่แสดงนั้นบ่งบอกว่าถ้าผมยังไม่ออกจากห้องตอนนี้ จะทำให้ผมอาจจะโดนอาจารย์สุดโหดเช็คชื่อขาดได้ ผมละความคิดทั้งหมดก่อนจะรีบออกจากห้องไป
.
.
.
“ ที่นี่มีกุหลาบสีดำขายไหมครับ? ”
“ ไม่มีหรอกจ้ะพ่อหนุ่ม ”
“ เหรอครับ งั้นผมขอซื้อกุหลาบขาวหนึ่งดอกครับ ”
“ นี่จ้ะ ขอบคุณมากนะจ๊ะ ”
วันนี้หลังเลิกคลาสแทนที่ผมจะตรงดิ่งกับห้องอย่างที่ทำเป็นประจำผมกลับตามหาดอกกุหลาบสีดำอยู่หลายร้าน แต่ก็ไม่มีร้านไหนที่จะมีดอกกุหลาบสีดำขาย จนผมต้องตัดใจโดยการซื้อดอกกุหลาบสีขาวแล้วนำกลับมาแช่ในน้ำที่ผสมกับสีดำไว้ที่ห้องอยู่หลายชั่วโมง ก่อนที่จะนำดอกกุหลาบที่ขาวที่ตอนนี้กลีบของมันเปลี่ยนเป็นสีดำตามสีของน้ำที่ดูดไป ไปวางไหวบนชั้นคู่กับลูกแก้วหิมะ
ดอกกุหลาบสีดำที่ผมทำขึ้นดอกนี้นั้นสื่อได้ถึง...
‘ ความรักนิรันดร์ ความรักที่ไม่มีอยู่จริง ดังเช่นความรักของผมที่เกิดขึ้นกับเขา ผู้ที่เป็นดั่งสายลม มองไม่เห็น แต่สามารถรับรู้การมีอยู่ได้... ’
— END —
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย