ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Ambition | Shawn Mendes FanFiction [END]

    ลำดับตอนที่ #19 : Chapter 19

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 411
      16
      24 ม.ค. 63


     
     
    Shawn
     
          ชอว์นจบทัวร์คอนเสิร์ตและอยู่แคนาดามาเกือบสองเดือน แทนที่การจิบแชมเปญและปาร์ตี้บนดาดฟ้าต้อนรับวันหยุดยาวเมื่อคืนนี้จะทำให้ร่างกายอ่อนล้าจนลุกไม่ขึ้น เขากลับนอนตาสว่างมองเพดานห้องตลอดสามชั่วโมงเต็ม ชายหนุ่มจำได้ว่านอนฟังเพลงที่ดังกึกก้องไม่หยุดจนกระทั่งเลยตีสอง ทว่าแม้ความเงียบจะเข้ามาเยือน ตาก็ยังคงสว่าง
     
          ทุกๆอย่างดำเนินไปตามปกติ เมื่อจบทัวร์คอนเสิร์ตชอว์นจะกลับแคนาดา พักผ่อน พบปะเพื่อนๆ เข้ายิมออกกำลังกาย หรือแม้แต่เข้าบาร์ที่มีหญิงสาวส่งมอบรอยยิ้มอยู่อีกฟากของโถงมากมายนับไม่ถ้วน
     
          ชอว์นเกือบหัวเราะกับช่วงเวลานั้น  กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ผู้หญิงอยากเข้าหานั้นเป็นเรื่องดี แต่นั่นมันก่อนที่เขาจะได้เริ่มทัวร์คอนเสิร์ตในยุโรป ก่อนที่นักข่าวสาวตัวสูงผมบลอนด์ในนิวยอร์กจะเข้ามาและควบคุมทุกความทรงจำในสมอง
     
          ข่าวเรื่องภาพหลุดเริ่มจางหายไปหลังจากใกล้วันปีใหม่ ชอว์นยอมรับว่ามันรวดเร็วกว่าที่คิด เตรียมใจไว้ว่าอาจพบรูปหลุดและใบหน้าของตัวเองมากมายในช่องข่าวสารรายวันของสแนปแชท หรือแม้แต่ใน E! และอีกมากมาย ทว่ามันปรากฏเรื่องของเขาเพียงแค่ไม่กี่วันเท่านั้น
     
          บางทีพระเจ้าอาจเห็นใจหลังจากเหตุการณ์เลวร้ายทั้งหมดที่เกิดขึ้น
     
          มีวันหนึ่งที่เจฟชะโงกหน้ามาระหว่างยกเวทในยิม แสดงความประหลาดใจเมื่อพบว่าในจอมือถือของชอว์นคือข่าวบันเทิง รวมไปถึงข่าวการเมือง มันไม่ใช่เพราะความบังเอิญอย่างที่เขาให้คำตอบเพื่อน มันคือความตั้งใจอย่างแท้จริงที่จะเปิดอ่านข่าวของสเตฟานี่ ลินเดน
     
          ข่าวบันเทิงจู่โจมเธอด้วยเรื่องความสัมพันธ์เก่ากับอเล็กซ์ เทอร์เนอร์  แน่นอน ถึงแม้เขาจะไม่ได้ฟังมันจากปากของสเตฟานี่ หญิงสาวที่แทบไม่เล่าเรื่องส่วนตัวให้ฟัง แต่เขาก็ค้นพบได้ด้วยตัวเองว่าเธอมีอดีตที่ไม่น่าจดจำนัก 
     
          ชอว์นยิ้มได้เมื่อพบว่าเธอยังไปได้สวยกับอาชีพ เขาเห็นเธอยืนบนถนนเพนซิลเวเนีย ฉากหลังเป็นทำเนียบขาว รายงานข่าวคล่องแคล่วอยู่ในหน้าจอทีวีและภาพนิ่งของข่าวผ่านเว็บไซต์
     
          ทุกคืนเข้ายังค้นพบอีกว่าตนสงสัยมากแค่ไหนว่าสเตฟานี่กำลังทำอะไร หรือทำมันกับใคร เขาพยายามกลบความคิดเหล่านั้นด้วยหญิงสาวแปลกหน้าที่แวะเวียนเข้ามา แต่มันไม่เป็นผล พยายามคิดว่าสาวๆน่าสนใจ แต่สุดท้ายกลับมองหาความอ่อนโยนและความใจกว้างของสเตฟานี่จากผู้หญิงเหล่านั้น
     
          เธอทำผิด ผิดร้ายแรงเกินกว่าจะให้อภัย เธอทรยศเขา นั่นคือสิ่งที่กล่อมตัวเองทุกคืนเพื่อข่มใจให้นอนหลับแทนที่จะเปิดมือถือเพื่อรอข้อความหรือสายเรียกเข้าจากเธอ
     
          เมื่อถึงเช้าวันใหม่ ชอว์นนั่งอยู่ในสตูดิโอฟังเพลงที่ยังไม่ได้เผยแพร่วนซ้ำแล้วซ้ำเล่า ภายในสตูดิโอมืดมากพอที่ผู้รอบคนกายจะไม่เห็นสีหน้าและอารมณ์ความรู้สึกของเขา นั่นจึงเป็นเรื่องดี จนกระทั่งแอนดรูว์กลับเข้ามาพร้อมแท็ปเล็ตที่จอสว่างแสบตา
     
          "สเตฟานี่เขียนบทความถึงเรา" แอนดรูว์ประกาศ
     
          ชอว์นจึงลุกขึ้นนั่งตัวตรงจากเก้าอี้ล้อหมุนทันที เขารู้ว่าสถานการณ์ต่อไปจะเป็นยังไง "ผมไม่อยากฟังหรือพูดเรื่องของเธอ ไม่กับใครทั้งนั้น"
     
          "ฉันรู้ๆ และฉันโทษนายไม่ได้ ยังไงก็ตาม ฉันเชื่อว่าคนอื่นๆอยากฟัง"
     
          "ฟังเรื่องที่เธอแต่งขึ้นเพื่อหลอกใช้เราน่ะเหรอ" เขาเริ่มถากถาง
     
          คราวนี้แอนดรูว์จึงหันมาจ้องหน้า "หยุด" เขาดัก "นายมีสิทธิ์โกรธ เสียใจ--"
     
          "ผมไม่ได้เสียใจ" ชอว์นตัดบท
     
          "แต่เธอเสียใจ" แอนดรูว์ใช้นิ้วขยับแว่นสายตาบนใบหน้า สีหน้าอ่อนลงจนเขาต้องเบือนหน้าหนี
     
          "โอ้ แน่นอน เธอควรจะเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไป"
     
          ผู้จัดการของเขาปล่อยเสียงถอนหายใจยาว "ฉันอาจคิดผิดที่มาพูดเรื่องนี้ในสตูดิโอ ดังนั้นนายควรออกไปข้างนอกแล้วอ่านมันด้วยตัวเอง แบบตัวคนเดียว"
     
          แอนดรูว์ยื่นแท็ปเล็ตเครื่องเล็กมาให้ คล้ายกับเตรียมพร้อมมาอย่างดี เตรียมพร้อมสำหรับการต่อต้านของเขา ชอว์นจึงเริ่มปล่อยเสียงหัวเราะแหบกร้าน
     
          "คุณกำลังล้อผมเล่นใช่มั้ย"
     
          "อ่านซะ เธอเขียนเกี่ยวกับนาย แต่ไม่ใช่ในแบบที่นายคิด"
     
          ความคิดที่ว่าสเตฟานี่เขียนเรื่องราวถึงเขาคล้ายไฟแผดเผาร่าง การขายรูปยังไม่พอสำหรับเธออีกหรือ? ชอว์นเดาได้ไม่ยากว่าเธออาจเขียนเรื่องราวส่วนตัวของเขา เรื่องที่เขาเคยเล่าให้เธอฟัง ความรู้สึกไม่มั่นใจและความหยาบคายที่เขามอบให้เธอในวันแรกและวันสุดท้ายที่พบกัน
     
          "ผมจะโยนมันทิ้งลงตึก"
     
          "แค่อ่านมัน ชอว์น อย่าทำตัวไร้สาระ ฉันรู้ว่าลึกๆนายอยากอ่าน ทีนี้จะไปได้รึยัง ฉันจะได้อ่านให้คนอื่นๆฟัง"
     
          ชอว์นพ่นลมหายใจออกจมูกดังลั่น นี่เป็นครั้งแรกที่ถูกไล่ออกจากสตูดิโอทั้งๆที่เขามีสิทธิ์จะอยู่ในนี้หลังจากพึ่งทำเพลงซิงเกิ้ลถัดไปเสร็จ ความดื้อด้านในตัวเป็นแรงผลักดันให้เดินเข้าไปในห้องอัดเสียงแทน นั่งลงบนพื้นใกล้เพดานที่มีไมโครโฟนห้อยต่ำลงมา
     
          เพราะไม่มีทางที่เขาจะออกไปข้างนอกในแสงสว่างเพื่อให้ผู้คนมองเห็นสีหน้าหรือแม้แต่ใต้ตาคล้ำโหลลึก
     
          ในขณะที่แอนดรูว์เริ่มอ่านบทความอยู่ที่อีกฟากของกระจกหนา สัญชาตญานของชอว์นบอกว่าควรจะโยนแท็ปเล็ตทิ้งไป แม้สเตฟานี่จะเขียนกล่าวชมด้วยคำพูดสวยหรู แต่มันไม่ได้เปลี่ยนความจริงที่ว่าเธอทรยศและหลอกใช้เขา
     
          อย่าแตะมัน อย่าเปิดหน้าจอ  คำพูดนั้นดังก้องในสมองระหว่างที่เขาเอื้อมมือไปหาแท็ปเล็ตอย่างลังเล จนสุดท้ายสายตาเลื่อนลงไปเกือบล่างสุดของบทความเพราะประโยคที่สะดุดตา
     
     
          ตลอดหลายเดือนที่่ฉันใช้เวลากับพวกเขา ฉันทำทั้งเรื่องที่ดีและแย่ที่สุดในชีวิต หนึ่งในนั้นคือการตกหลุมรัก
     
          เราต่างทำเรื่องสนุกสุดเหวี่ยง เรื่องราวดีๆที่น่าจดจำ ฉันได้เรียนรู้ทุกสิ่งรอบตัวใหม่เพราะพวกเขา ฉันตกอยู่ในความอบอุ่นและความรักที่พวกเขามีให้กัน รวมถึงมุขตลกหลังจบคอนเสิร์ต ฉันตกอยู่ในความรักที่เคยสั่งห้ามไม่ให้รู้สึกถึงมัน เพราะคิดว่าครั้งนี้จะต้องแตกต่าง และใช่ มันแตกต่างในทุกๆช่วงเวลา
     
        ทว่าฉันปฏิบัติกับมันไม่ถูกต้อง ฉันบังคับความรู้สึกเหมือนมันเป็นส่วนหนึ่งของเกม ปิดกั้นในสิ่งที่คิดมากพอที่จะทำร้ายจิตใจของใครสักคน มันจบลงที่ความสัมพันธ์ถูกทำลายลงเพราะความเชื่อใจที่มีไม่มากพอ
     
        ฉันรู้ว่าผู้คนพูดยังไงถึงชื่อของสเตฟานี่ ลินเดน แต่ฉันยังคงต่อต้านความคิดเหล่านั้น ตราบใดที่รู้ว่าสิ่งไหนคือสิ่งที่ถูกและผิด ตราบใดที่ฉันรู้ว่าความจริงคืออะไร และเป็นแบบไหน - มันไม่ใช่ว่าฉันจะปล่อยให้พวกเขาทำร้ายจนกว่าจะพอใจ แต่เป็นเพราะฉันเลือกที่จะไม่รู้สึกเจ็บปวดและหยิบมันมาเพื่อสร้างผลกระทบให้ชีวิต
     
        และไม่ใช่ความผิดของพวกเขาทั้งหมด ฉันผิดที่ปิดกั้นอารมณ์ความรู้สึกเพียงเพราะกลัวความเจ็บปวด ไม่รู้ตัวว่าในขณะเดียวกัน ไม่ใช่แค่ความเจ็บปวดเท่านั้นที่กั้นไว้ แต่รวมถึงความรัก กำแพงที่ฉันสร้างคือสิ่งที่ผลักคนรอบข้างให้ถอยห่างและจากไป
     
        มันเจ็บปวดเหมือนอยู่ในนรกรึเปล่า? ฉันคิดว่าใช่  ฉันคิดถึงเขาบ้างมั้ย? คิดถึงมากๆ  และถ้าสามารถย้อนเวลากลับไปเพื่อตกหลุมรักกับเขาอีกซ้ำแล้วซ้ำเล่า ฉันจะทำมันหรือไม่? แน่นอน
     
        เพราะหากรวมกับเรื่องราวทั้งหมดที่ฉันเขียนมาตั้งแต่ต้น สิ่งที่ดีที่สุดของความรักไม่ได้เกี่ยวกับการหัวเราะคิกคัก คำพูดจีบแสนหวานซึ้ง หรือแม้แต่จูบที่ยาวนาน
     
        สิ่งที่ดีที่สุดตามมาทีหลังเรื่องราวเหล่านั้น มันคือการที่อีกฝ่ายตระหนักได้ว่าคุณทำอาหารไม่ได้เรื่อง แต่ปล่อยให้คุณพยายามมัน การที่คุณเกลียดสถานการณ์ตึงเครียดแต่เต็มใจอ้าแขนรับเพราะไม่ต้องการให้เขาเผชิญมันเพียงคนเดียว
     
        หรือแม้แต่หัวเราะมุขตลกที่ไม่ได้เรื่อง เพียงเพื่อจะได้เห็นเขายิ้ม
     
        ความรัก รักที่แท้จริง นั่นคือสิ่งที่สำคัญ มันคือสิ่งที่คุณเต็มใจมอบให้ แม้ว่าเขาพยายามจะยื่นมันกลับคืนให้คุณ แต่คุณยังคงเต็มใจจะมอบให้ครั้งแล้วครั้งเล่า ขอแค่เพียงเขาขอ
     
     
         ชอว์นนั่งในความเงียบตลอดเวลาที่เหลือ ตัวหนังสือในจอกลายเป็นภาพพร่ามัว เสียงแอนดรูว์ที่ยังพูดกับผู้คนในสตูดิโอดังก้องแต่อื้ออึงฟังไม่เป็นภาษา เขาหันหน้าเขาหาไมโครโฟนเหนือศีรษะ หวังว่าสิ่งที่รัก เสียงเพลง และสตูดิโอที่นั่งอยู่จะพอปลอบใจได้
     
     

        
     
         มันกลายเป็นอีกคืนหนึ่งที่เขานอนมองเพดาน ครั้งนี้ไม่ใช่สามหรือสี่ชั่วโมง แต่เป็นหกชั่วโมงครึ่ง คิดเรื่องฟุ้งซ่านระหว่างความถูกต้องของเขากับสเตฟานี่
     
         เป็นเรื่องจริงที่ว่าเธอไม่ใช่ฝ่ายเดียวที่ทำผิด เขาเป็นหนึ่งเดียวที่จ้างปาปารัสซี่ในวันแรกที่ออสเตรีย วางแผนทุกอย่างให้รูปลงสื่อทั่วทุกแห่งเพียงเพื่อจะให้ผู้คนรู้ว่าเขากับเธอเป็นมากกว่าสิ่งที่เห็น
     
         เจฟเคยเตือนเรื่องนี้กับเขา การรอเวลาให้สเตฟานี่พร้อมและตัดสินใจด้วยตัวเองคือสิ่งที่ถูกต้อง ไม่ใช่ยัดเยียดทุกอย่างให้ ทั้งๆที่รู้ดีว่ามันอาจส่งผลกระทบกับอาชีพการงานของเธอ  แต่ในช่วงเวลาขณะนั้น ชอว์นเพียงแค่ต้องการให้สเตฟานี่เปิดใจ คิดว่าหากสื่อรับรู้ เธออาจยอมเปิดใจ ยอมอยู่ข้างกายเขาอย่างเปิดเผย
     
         พระเจ้าลงโทษกับความเห็นแก่ตัวนั้น และกรรมตามทันจนชอว์นวิ่งหนีไม่ทัน
     
         ชายหนุ่มตัดสินใจเหลือบมองนาฬิกาดิจิตอลข้างเตียง ความหวังสุดท้ายคือการโทรหาผู้เป็นพ่อในเวลาตีสามครึ่ง
     
         "ว่าไง" ชอว์นรีบดันตัวลุกขึ้น เสียงจากปลายสายงัวเงียคล้ายถูกปลุกกลางดึก - ซึ่งเป็นความจริง แม้เขาจะสั่งห้ามไม่ให้นิ้วกดโทรออกแล้วก็ตาม
     
         "ว่างไปดื่มกับผมมั้ย"
     
         "ชอว์น?" คนปลายสายขึ้นเสียงสูง "ที่ไหน เดี๋ยวฉันจะไปเดี๋ยวนี้"
     
      
     
     
         ชอว์นนั่งอยู่บนเก้าอี้เหล็กไม่คงที่ในสวนสาธารณะใกล้ตัวเมือง บรรยากาศชวนให้นึกถึงเซ็นทรัลพาร์กท่ามกลางตึกระฟ้าสว่างจ้า  เขารีบกัดริมฝีปากเพื่อไล่ความคิดของนิวยอร์ก เพราะรู้ดีว่ากระบวนการความคิดกำลังจะเริ่มทรยศ
     
         ชายวัยกลางคนเดินมาพร้อมเสื้อโค้ตตัวหนา เกล็ดหิมะตกลงบนไหล่สองข้าง มานูเอล เมนเดสสวมแว่นสายตาเช่นทุกครั้งก่อนจะเดินมานั่งลงตรงข้ามกับเขา
     
         "แกไม่ได้นัดมาที่นี่เพื่อแค่จะนั่งจิบกาแฟใช่มั้ย" มานูเอลถามพลางรับแก้วกาแฟกระดาษมาจากลูกชาย
     
         "ผมแค่นอนไม่หลับ และคิดว่าทุกครั้งพ่อนอนดึก"
     
         "เดี๋ยวนี้เวลาที่แกมีอะไร แอนดรูว์คือคนแรกที่แกเรียกหา รวมถึงเพื่อนๆของแก แต่แล้วแกก็โทรหาฉันในเวลาตีสาม ถามว่าอยากจะดื่มอะไรมั้ย"
     
         "ผมอยากเจอพ่อ"
     
         "ใช่เรื่องผู้หญิงรึเปล่า" มานูเอลเงยหน้าจากถ้วยกาแฟ
     
         ชอว์นจึงเผลอหยุดชะงักทันที พ่อของเขารู้เรื่องสเตฟานี่ได้อย่างไร เขารู้ว่าไม่มีใครในทีมเอ่ยถึงการทะเลาะวิวาทอีกตั้งแต่ในวันนั้น ชอว์นรู้ดีว่าพ่อกับแม่ต้องการคำอธิบาย แต่ทั้งสองไม่เคยถาม
     
         คำตอบค่อยๆปรากฏและตอบกลับความคิดในสมองของเขาทีละนิด "แอนดรูว์บอกพ่อ"
     
         "ใช่ เขาบอกว่าแกไม่เคยมองผู้หญิงคนไหนแบบที่มองสเตฟานี่ และวันคริสต์มาส แกพาเธอมาที่บ้าน ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่คาเรนจะจดบันทึกไว้ในสมุด"
     
         "ผมไม่สนว่าแอนดรูว์จะบอกพ่อยังไง แต่ผมไม่เหมือนพ่อไม่ว่าจะในเรื่องไหนๆ โดยเฉพาะเรื่องนี้"
     
         มานูเอลแอบเหลือบสายตามองชายแปลกหน้าที่เดินผ่านโต๊ะของทั้งคู่ แต่ชอว์นรู้ว่าในเวลาตีสามยากที่จะพบเจอปาปารัสซี่หรือผู้คนที่ตะโกนกรีดร้องเรียกชื่อเขา โดยเฉพาะตอนที่ร่างอยู่ใต้เสื้อโค้ตหลวมโคร่งกับเส้นผมที่ยุ่งเหยิง
     
         ครอบครัวของเขาเคยมีความสุขดี จนกระทั่งมานูเอลตัดสินใจว่ามีภรรยาเพียงคนเดียวนั้นไม่พอ การนอกใจเกิดขึ้นและจบลงเร็วพอๆกับตอนที่ชอว์นจับได้ และสาเหตุที่แม่ของเขาเปลี่ยนไป รวมถึงการที่เธอปฏิบัติกับสเตฟานี่ในคืนวันคริสต์มาส ชอว์นคิดว่าลึกๆเขาอยากจะโทษมานูเอล
     
         มานูเอลยกแก้วกาแฟขึ้นดื่มอีกครั้ง ของเหลวสีน้ำตาลกระเด็นหกเลอะโต๊ะไหลลงบนพื้น ชายผู้นี้กำลังประหม่า และเขาไม่เคยเห็นพ่อประหม่า "เชื่อฉันเถอะ ฉันประสบกับเรื่องยากลำบากเพราะการนอกใจมาแล้ว ถ้าฉันย้อนเวลากลับไปได้ ฉันก็อยากจะกลับไปแก้ไข"
     
         "พ่อทำให้แม่เปลี่ยนไป"
     
         ชอว์นแทบไม่เชื่อในน้ำเสียงแข็งกระด้างขณะที่พูด  ที่ผ่านมาเขาไม่เคยพูดเรื่องนี้กับพ่อ หรือกับใครทั้งนั้นตั้งแต่ที่เรื่องเกิดขึ้น
     
         "ไม่มีวันไหนที่ผ่านไปแล้วฉันไม่คิดถึงมัน และฉันยังสูญเสียแกกับอาลีย่าห์ไปเพราะเรื่องนี้"
     
         "ผมรู้ว่าพ่อจะโทษเรื่องสุขภาพกับอาการป่วยที่ไม่มีอยู่จริงของพ่อ ผมไม่อยากได้ยินมันตอนนี้" เขาโบกมือพัดกลางอากาศหนาวเหน็บในแคนาดา
     
          มานูเอลจึงเริ่มเอนหลังพิงเก้าอี้ ถอนหายใจและกอดร่างตัวเองกันความหนาว "แล้วแกอยากได้ยินอะไร ฉันดีใจที่แกติดต่อมานะ แต่ตกลงเรามาอยู่ที่นี่กันทำไม ลูกชาย"
     
          ชอว์นเริ่มจ้องมองพ่อของตนเป็นเวลายาวนาน สังเกตุได้ถึงความคล้ายคลึงบนใบหน้าของทั้งสอง และรวมถึงอาลีย่าห์  ไม่แน่ใจว่าทำไมถึงโทรหามานูเอล บางทีอาจเพราะต้องการให้ใครสักคนรับฟังความเซื่องซึมในจิตใจของเขา
     
          "ผมไม่รู้"
     
          "แกอาจไม่อยากอยู่ในชีวิตของฉันอีก แต่แกก็ยังคงเป็นลูกชายแท้ๆของฉัน และไหนๆเราก็มาอยู่กันที่นี่แล้ว มีบางอย่างที่ฉันอยากจะบอก บางอย่างที่ควรจะพูดมาตั้งนานแล้ว" ชายตรงหน้าจิบกาแฟอีกหน ราวกับกำลังพยายามรวบรวมความกล้า "ฉันรักแม่ของแก และฉันทำให้เธอเสียใจครั้งแล้วครั้งเล่า ฉันไม่มีข้อแก้ตัวสำหรับเรื่องนั้น แต่นี่คือข่าวดี"
     
         ลมเย็นพัดมาพร้อมกับคำถามที่ปรากฏขึ้นในหัวสมองของชอว์น เขาจ้องมองพ่อเพื่อรอคำตอบที่เรียกว่า ดี จากปากของมานูเอล เมนเดส
     
          "แกไม่ใช่ฉัน ฉันไม่เคยคิดด้วยซ้ำว่าเรื่องจะเป็นยังไงถ้าถูกจับได้ว่านอกใจ ไม่เคยคิดว่าจะหนีเอาตัวรอดแบบไหน หรือทำอะไรต่อ - และฉันรู้ว่าเรื่องระหว่างแกกับสเตฟานี่มีมากกว่าแค่ในข่าวที่เห็น ฉันเป็นพ่อแก และรู้ว่าแกเลือกที่จะไปจากเธอ เพราะกลัวจะทำให้เธอเสียใจ ใช่รึเปล่า"
     
          "เธอขายรูปของผม" เขาบอก หวังว่าจะย้อนในสิ่งที่พ่อพูดได้อย่างคล่องแคล่ว แต่ทว่าทำไม่ได้ "ผมแค่หลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่ยากลำบากก็แค่นั้น ผมไม่ใช่คนดี"
     
          "ไม่ แกไม่ได้เป็นคนดี แต่นิสัยชั่วๆก็ไม่ได้ส่งผ่านทางพันธุกรรมเหมือนกัน แกอาจมีตาเหมือนฉัน เส้นผมเหมือนฉัน - และไม่เป็นไร ไม่ต้องขอบคุณสำหรับเรื่องนั้น - ยังไงก็ตาม สิ่งเหล่านั้นคือสิ่งที่ทำให้แกประสบความสำเร็จกับผู้หญิง แต่ฉันรู้ว่าแกมีจิตใจเหมือนแม่"
     
          ชอว์นแค่นหัวเราะอย่างประชดประชัน "อะไรที่ทำให้พ่อคิดแบบนั้น"
     
          "แกอยู่ข้างๆคาเรนกับอาลีย่าห์ อยู่ข้างพวกเธอตอนที่พวกเธอต้องการ ทั้งๆที่คนส่วนใหญ่ในวัยเดียวกันไม่สนใจอะไรนอกจากตัวเอง - แกไม่เคยนอกใจสเตฟานี่ใช่รึเปล่า"
     
          "ไม่ ไม่เคย แต่มันไม่ง่ายขนาดนั้น ความสัมพันธ์ของเรารวมอยู่ในความไม่ซื่อตรง"
     
          "หมายถึงไม่ซื่อตรงต่อกันและกัน"
     
          "ใช่" ชอว์นเม้มริมฝีปากยอมรับ "เรื่องความรู้สึก ผมรู้ว่าผมกับเธอไม่ได้จริงใจกันมากพอ ไม่ซื่อตรงพอที่จะพูดว่าตัวเองรู้สึกยังไง" เขายักไหล่
     
          "ดังนั้นมันก็ง่ายที่จะนอกใจ ถ้าเธอไม่รู้ว่าแกรู้สึกยังไงจริงๆ แกก็มีโอกาสเยอะแยะ แต่ก็อย่างที่เห็น แกไม่ได้ทำ ชอว์น แกไม่ใช่ฉัน แกเป็นผู้ชายที่ดีกว่าฉัน"
     
          "ผมไม่แน่ใจว่าผมจะเชื่อพ่อดีมั้ย"
     
          "ไม่จำเป็นต้องเชื่อ แต่ความจริงก็คือแกจะเสียใจไปตลอดทั้งชีวิตถ้าปล่อยให้ความผิดพลาดควบคุมชีวิตที่เหลือ - แล้วแคร์สเตฟานี่รึเปล่า"
     
          "ผมรักเธอ"
     
          ชอว์นเม้มริมฝีปากอีกรอบ พึ่งรู้ตัวว่าการปล่อยคำพูดนั้นระหว่างนึกถึงสเตฟานี่ง่ายดายแค่ไหน  แม้จะฝืนบอกตัวเองหน้ากระจกว่าชีวิตยังอีกยาวไกล เพราะอายุยังไม่ถึงยี่สิบห้าด้วยซ้ำ แต่การปล่อยสเตฟานี่ไปนั้นยากพอๆกับการเกลี้ยกล่อมตัวเองให้ยอมแพ้จากเธอ
     
          "งั้นก็ไปบอกเธอซะ" มานูเอลว่า
     
          และความเจ็บปวดก็เริ่มทุบเข้าที่หน้าอก ชอว์นจำใบหน้าของสเตฟานี่ตอนที่เขาเดินจากไปและกระแทกประตูปิดใส่หน้าเธอได้ คำพูดของเขาร้ายแรงเกินไป
     
          "ผมทำให้เธอเสียใจ ถึงผมจะไม่ได้นอกใจ แต่ผมก็ทำให้เธอเสียใจพอๆกัน"
     
          "งั้นก็บอกเธอว่าแกเสียใจและจะไม่ทำอีก"
     
          "ผมคิดว่ามันสายไปแล้ว"
     
          "จะคิดอย่างนั้นก็ได้ แต่ตลอดชีวิตที่เหลือแกอาจจะสงสัยไปตลอด สงสัยว่ามันสายเกินไป หรือควรจะไปหาคำตอบตั้งแต่แรก ด้วยความพยายามกับความทะเยอทะยานของแก ฉันแปลกใจที่แกไม่คิดอยากได้คำตอบกับเรื่องนี้ แกเป็นคนที่ต้องการคำตอบมาตลอด"
     
          ชอว์นจมลงไปกับคำพูดของมานูเอล - แน่นอน เขาต้องการคำตอบ ต้องการมาตลอด ต้องการจะโอบกอดสเตฟานี่ อยากซื่อตรงเปิดเผยทุกความรู้สึก  เขาจำครั้งแรกที่เธอเล่าเรื่องแฟนหนุ่มในวอลสรีตได้ ใบหน้าที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตา เสียงสั่นไหวคล้ายกับเป็นครั้งแรกที่เธอตัดสินใจพูด
     
          บางอย่างกระตุกวาบขึ้นในสมองของเขา  ครั้งนั้นคือครั้งแรกที่สเตฟานี่ตัดสินใจพูดมัน ครั้งแรกที่เธอพูดถึงปัญหาของเธอและเปิดเผยความรู้สึก
     
          ชอว์นตาสว่าง ตระหนักได้ว่ามัวแต่หมกมุ่นกับการหวังว่าเธอจะเล่าเรื่องในอดีตให้ฟัง อดีตแสนไร้สาระ โดยมองข้ามสิ่งสำคัญที่ว่าเธอกำลังเปิดใจเรื่องในชีวิตปัจจุบันกับเขา
     
          ปัจจุบันที่สำคัญกว่าทุกสิ่งในอดีต
     
          มันไม่ใช่ว่าเธอไม่เปิดใจ แต่เขากำลังปิดใจเพราะไม่ได้ฟังในสิ่งที่ต้องการได้ยิน
     
          "ขอบคุณนะพ่อ" ชอว์นโพล่งขึ้น
     
          มานูเอลจึงเริ่มคลี่ยิ้มกว้างตอบ ในขณะเดียวกันลูกชายเขารีบลุกขึ้น "ชอว์น แกจะไม่อยู่ต่อเหรอ"
     
          "ผมขอโทษครับ แต่ผมมีบางสิ่งที่ต้องทำ"
     
          "นั่นฟังดูเป็นความคิดที่ชาญฉลาด โชคดีแล้วกัน" อีกฝ่ายพยักหน้า
     
          ก่อนที่ชอว์นจะเดินจากไป เขาเดินไปแตะไหล่ผู้เป็นพ่อ ไม่รู้สึกสบายใจมากพอจะมอบอ้อมกอดให้ในตอนนี้ แต่นี่คือสิ่งที่สามารถทำได้ "พ่อ ถ้าอยากโทรหา ก็โทรมาได้นะ ผมสัญญาว่าจะรับโทรศัพท์"
     
          "ขอบใจ มันมีความหมายกับฉันมากๆ ลูกชาย" เสียงมานูเอลสั่นเครือ แต่เขาปกปิดความรู้สึกโดยการยกกาแฟขึ้นจิบ
     
          ชอว์นก้าวขาออกวิ่ง พลังงานในร่างกายเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆขณะที่วิ่งไปบนริมทางเท้า มือเปิดมือถือเลื่อนหารายชื่อของแอนดรูว์ ไม่นานนักก็โทรเรียกทั้งทีมให้ตื่นต้อนรับเช้าวันใหม่ตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้น
     
       
     
     
          คนแรกที่ชอว์นหวังจะเห็นคือแอนดรูว์ ทว่าคนที่เขาพบไม่ใช่แอนดรูว์ ไม่เฉียดรูปร่างของแอนดรูว์แม้แต่น้อย คนตรงหน้าเป็นชายตัวสูงผอม เส้นผมหยิกสีเข้ม ชอว์นจำได้ในวินาทีแรกที่อีกฝ่ายหันมา
     
          เจย์ อัลวาโรไม่เคยเป็นคนที่เขาชอบ และชอว์นรู้มาตลอดว่าเจย์ไม่ได้รู้สึกต่างกัน ทั้งคู่ทำดีต่อกันเมื่อถึงคราวที่ต้องทำหน้าที่ของตัวเองเท่านั้น
     
          แต่นี่ไม่ใช่เวลางาน ไม่มีหน้าที่อะไรให้ทำทั้งนั้น
     
          "คุณมาทำอะไรที่นี่" ชอว์นเริ่มถาม ไม่ได้ซ่อนเสียงหงุดหงิดไว้ในใจ
     
          "พวกเขาบอกว่าคุณจะมาที่นี่"
     
          "แต่ผมไม่ได้นัดคุณ"
     
          เจย์สอดสองมือเข้ากระเป๋ากางเกงยีีนส์ เขาปล่อยลมหายใจ ควันสีขาวลอยคลุ้งกลางอากาศ "แต่แอนดรูว์โทรหาผม"
     
          ใช่ - ชอว์นน่าจะรู้ เขาเคยตกลงกับแอนดรูว์ว่าอาจมีอารมณ์นั่งทำเพลงและให้สัมภาษณ์กับนักข่าวสำหรับสารคดีในเร็วๆนี้ ซึ่งการนัดหมายมาที่สตูดิโอนั้นอาจทำให้ผู้จัดการของเขาเข้าใจผิด
     
          การเดาครั้งนี้ผิดพลาด และเป็นสิ่งสุดท้ายที่ตอนนี้ชอว์นต้องการจะให้เกิดขึ้น
     
          ชายหนุ่มขยับตัว เศษหิมะบนพื้นดังขัดเสียงหงุดหงิดของเขา "ผมแค่นัดทีมมาประชุม ขอโทษที่ทำให้คุณต้องตื่นกลางดึก แต่ผมไม่มีธุระอะไรกับคุณ กลับไปเถอะ"
     
          "คุณจะปล่อยมันใช่รึเปล่า" เจย์ถามเสียงเข้ม คิ้วหนานั้นขมวดเกร็งขณะที่จ้องมองมา
     
          ชอว์นเผลอกลั้นหายใจ เขาค่อนข้างมั่นใจว่าตัวเองไม่ได้ใช้หมึกปากกาเขียนบนหน้าผากว่ามีแผนจะทำอะไรต่อ "ขอโทษที ผมไม่รู้ว่าคุณพูดเรื่องอะไร"
     
          "ผมรู้ว่าคุณจะทำ นี่เป็นโอกาสเหมาะ หลังจากที่เธอเขียนบทความถึงคุณ คุณเลยคิดแบบเด็กๆงี่เง่าว่าการทำแบบนั้นจะทำให้จบปัญหาทุกอย่างได้"
     
          "มิสเตอร์อัลวาโร คุณไม่รู้เรื่องอะไรของผม" 
     
          "คุณทำร้ายสเตฟานี่มามากพอแล้ว คุณควรจะปล่อยเธอไป"
     
          ชอว์นกัดฟัน "แล้วยังไง คุณจะทำอะไร เท่าที่ผมเห็น คุณถนัดแต่ซ่อนอยู่ในเงามืดตลอดเวลาที่ผ่านมา"
     
          "ผมอยู่ข้างเธอมาตลอด ตั้งแต่ที่เธอยังไม่รู้จักคุณ"
     
          ความรู้สึกผิดตบเข้าที่หน้าชอว์น ความโกรธคือสิ่งที่เริ่มก่อตัว แต่เขาไม่ได้ปล่อยให้มันออกมาเพื่อสนองความต้องการของชายตรงหน้า
     
          "ผมทำทุกอย่างเพื่อให้เธอออกไปจากความวุ่นวายที่คุณสร้างขึ้น และผมจะไม่ยอมให้คุณเข้าไปวุ่นวายกับเธออีก"
     
          "สเตฟานี่โตมากพอที่จะไม่ต้องการความช่วยเหลือบ้าๆจากคุณ คุณไม่มีสิทธิ์พูดอะไรแทนเธอทั้งนั้น"
     
          "ผมมีสิทธิ์ และหลังจากงานยุ่งเหยิงที่ผมทำกับคุณจบลง ผมจะกลับนิวยอร์ก บอกกับเธอว่าผมรักเธอ"
     
          ชอว์นไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เขารู้สึกถึงความตึงเครียดและโมโหจัดไหลผ่านทั่วร่าง ส่งผ่านไปที่กล้ามเนื้อ เขากำมือแน่น กำปั้นชนเข้าที่โหนกแก้มของเจย์ก่อนที่สมองจะรับรู้ถึงการเคลื่อนไหวรวดเร็วนั้น
     
          เจย์เกือบจะเซล้มลง แต่ความสูงและความแข็งแรงทรงตัวให้เขายังยืนอยู่บนพื้น
     
          "คุณทำลายโอกาสของตัวเองตั้งแต่แรก! ไม่กล้าสารภาพกับเธอด้วยซ้ำว่ารู้สึกยังไง!" ชอว์นร้องคำรามขณะที่ตัวโน้มเอียงไปตามแรงหมัด
     
          รอยยิ้มที่ค่อยๆปรากฏขึ้นบนใบหน้าเจย์ทำให้ชอว์นตั้งตัวไม่ทัน ปฏิกิริยานั้นเกินกว่าที่คาด "คุณก็ไม่ต่างจากผม ว่ามั้ย"
     
          ผมทำทุกอย่างเพื่อให้เธอออกไปจากความวุ่นวายที่คุณสร้างขึ้น
     
         "แกรู้มาตลอด" ชอว์นกัดฟันแน่น ความโกรธพุ่งทะลุถึงขีดจำกัดที่ตั้งไว้ "เรื่องรูปนั่น แกเป็นคนเอาลง"
     
         "ผมไม่ได้เป็นคนปล่อยรูป แต่คนอื่นๆทำ ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพวกเขาจัดการยังไง เมื่อผมไม่รู้วิธีการ มันก็ไม่ได้หมายความว่าผมมีส่วนเกี่ยวข้อง"
     
         "แล้วสเตฟานี่ เธอเกี่ยวอะไรด้วย!" เขาตะโกน วิ่งเข้าไปหาชายตัวผอมสูงแล้วกำปกเสื้ออีกฝ่ายไว้แน่น หิมะบนพื้นเลอะทั่วรองเท้าบู้ตของเขา "แกกล้าดียังไงถึงทำแบบนั้น!"
     
         "สเตฟไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น แต่ตราบใดที่เธอไปจากคุณได้ มันก็มากพอแล้ว เธอไม่คู่ควรกับคุณ และผมไม่รู้สึกผิดสักนิด ให้เธอเสียใจตอนนี้ก็ดีกว่าตอนที่ทุกอย่างยากจะแก้ไปมากกว่านี้"
     
         เจย์รีบใช้มือทั้งสองผลักชอว์นให้ถอยห่าง และแรงของเขามีมหาศาลอย่างน่าเหลือเชื่อในรูปร่างนั้น
     
         "คุณทำให้เธอมีความสุขไม่ได้ แต่ผมทำได้"
     
         "สเตฟานี่เลือกเองได้ แกไม่มีสิทธิ์เลือกให้เธอ" ชอว์นหอบหายใจถี่ "แกไม่ได้รักเธอด้วยซ้ำ"
     
         เจย์ก้าวเข้ามา และเพียงแค่ก้าวเดียวก็ถึงตัวชอว์น มือข้างหนึ่งกำหมัดแน่นเตรียมพร้อมจะอัดใส่หน้าของเขาคืน ชอว์นแค่หวังว่าตนจะพอมีเวลาสักเสี้ยววินาทีเล็กๆเพื่อหลบมัน
     
         "หยุดเดี๋ยวนี้!"
     
         เสียงตะโกนดังกึกก้องเรียกร้องความสนใจทั้งคู่ฉับพลัน
     
         ชอว์นหันไปเห็นแอนดรูว์และทีมงานกว่าสิบชีวิตที่กำลังวิ่งเข้ามา ใบหน้าแดงเถือกของผู้จัดการร่างเล็กที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนทำให้ชอว์นคลายสีหน้าโกรธลงได้อย่างง่ายดาย เช่นเดียวกับเจย์ที่รีบคลายหมัด
     
         "ผมรู้ว่าผมผิด แต่ตอนนี้ผมจะปล่อยเพลง" ชอว์นรีบพูดขัดประโยคที่แอนดรูว์กำลังจะอ้าปากพูด และมันทำให้ทุกคนพูดอะไรต่อไม่ออก ไม่แม้กระทั่งคำต่อว่า
     
         "คุณปล่อยเพลงไม่ได้" เจย์ตะโกนย้อน
     
         "ผมจะปล่อย และจะไม่มีใครหน้าไหนมาขวางได้" เขาคำราม
     
         ชายหนุ่มรีบวิ่งเข้าไปในสตูดิโอ คิดถี่ถ้วนดีแล้วตลอดครึ่งชั่วโมงที่ผ่านมา ค่ายเพลงต้องการให้ออกเพลงสุดท้ายก่อนปีใหม่ เพราะหวังกอบโกยรายได้ในช่วงวันหยุดยาว ซึ่งหากโชคดีอาจกอบโกยยาวไปจนถึงซัมเมอร์ ในทีแรกเขาเห็นค้าน แต่ตอนนี้ไม่อีกต่อไป
     
         "เดี๋ยว ชอว์น นายแน่ใจแล้วใช่มั้ย" เสียงของใครสักคนดังตามมาจากทางข้างหลัง
     
         โอ้ แน่นอน ชอว์นมั่นใจยิ่งกว่าตอนที่ขึ้นไปบนเวทีคอนเสิร์ต มั่นใจยิ่งกว่าตอนเดินบนพรมแดงในงานประกาศรางวัล  There's nothing holdin' me back คืองานชิ้นสำคัญที่เขาแต่งให้สเตฟานี่ ลินเดน และเขารู้ว่าเธอสมควรได้รับมัน
      
     
       
    LANY - Good girls
    You could break me overnight but there's no one like us
     
     
     
    Talk
     
    ทุกคนอาจจะสงสัยว่าทำไมเจย์ทำแบบนั้นนะ5555 แต่ความรักทำให้เราทำอะไรได้หลายอย่างค่ะ บางทีอาจกลายเป็นการเห็นแก่ตัวไปด้วย คำที่ว่า ความรักทำให้คนตาบอด บางทีก็เป็นเรื่องจริงนะ555 ต้องคิดให้ดีค่ะว่าความรักนั้นเป็นรักที่เรามอบให้เขา หรือเรากำลังตอบสนองความต้องการของตัวเองกันแน่นะคะ
     
    -ขออนุญาตแก้วันเวลาที่ชอว์นปล่อยเพลงให้สอดคล้องกับเรื่องนิดนึง
     
    -Good girls ของ Lany บรรยายความสัมพันธ์ตอนนี้ของชอว์นกับสเตฟได้ดีมากๆๆ ลองฟังกันนะ วงนี้ก็จะมาไทยในเร็วๆนี้ด้วยย ใครได้ไปอย่าลืมมาแชร์กันนะคะ55
     
    อีกนิดดดเดียวฟิคนี้ก็จะจบอย่างเป็นทางการแล้ววว รีดเดอร์คิดเห็นยังไงแวะมาคุยกันได้นะจ้ะะะ อย่าอินมากแต่มองหาบทเรียนเรื่องราวดีๆในตอนนี้กันดีกว่าเนอะ555 เราอุส่าห์เขียนยาวมากตอนนี้
    จบแฮปปี้ค่ะไม่ต้องห่วง ท่ามกลางความโหดร้ายในตัวเรายังมีความหวานชื่นซ่อนอยู่555555555 ขอบคุณที่อ่านกันนะคะฮือออ
     
     
     
    (c) Chess theme

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×