คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #39 : บทที่ 35 : ท้องฟ้า ดวงจันทร์ และหัวใจ
บทที่ 35 : ท้องฟ้า ดวงจันทร์ และหัวใจ
แสงแดดที่ยามบ่ายแก่ ๆ ที่สาดส่องมา ทำให้ดวงตาของคนที่แหงนมองต้องรู้สึกตาพร่ามัวชั่วขณะ ความร้อนของอากาศยิ่งทำให้เหงื่อผุดพรายบนใบหน้าคมใส ฮั่นยกหลังมือขึ้นมาปาดเหงื่อที่ไหลข้างแก้ม ก่อนที่เขาจะก้าวฉับ ๆ ไปยังทางเข้าโรงพยาบาลเอกชนที่อยู่เบื้องหน้า
หลังจากกลับมาจากการไปออกค่ายอาสามาได้สองสามวัน เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าดวงตาของเขามีความผิดปกติ ตาของเขาออกแดง ๆ และมีอาการปวดตา เคืองตา น้ำตาไหลออกมาตอนที่ทำอาหาร และมักจะตามัว ๆ ตอนที่ขับรถ ซึ่งทำให้เขาไม่ค่อยจะกล้าขับรถไปทำงานมากในช่วงนี้ อาศัยออกไปพร้อมจ๋าเพื่อให้จ๋าขับรถไปให้
และวันนี้เขาก็ตัดสินใจมาหาหมอเพื่อตรวจเช็กความผิดปกติที่เกิดขึ้นนี้...
เขากลัวว่าอวัยวะที่สำคัญอย่างดวงตา...จะนำพาความทุกข์ทรมานบางอย่างมาให้เขาและคนที่เขารัก
“เป็นอะไรมาคะคุณอิสริยะ” พยาบาลสาวที่อยู่หน้าเคาน์เตอร์เอ่ยถามเขาด้วยใบหน้าที่ประดับด้วยรอยยิ้มหวาน
“ผมรู้สึกปวด ๆ ตาแล้วก็รู้สึกเหมือนว่าดวงตาจะมีปัญหาน่ะครับ”
“อ๋อ...ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวเชิญทางนี้ดีกว่าค่ะ” แล้วคนพูดก็เดินนำฮั่นไปยังทางเดินที่ทอดยาว ซึ่งถูกแบ่งเอาไว้เป็นห้อง ๆ เพื่อเป็นห้องตรวจรักษาโรค
‘ห้องตรวจตา’
-จักษุแพทย์อชิระ เวชธานีกุล-
“เดี๋ยวรอหน้าห้องก่อนนะคะ...” พูดจบ พยาบาลสาวก็เปิดประตูห้องพักด้านหน้าเข้าไป
“ครับ” ฮั่นรับคำก่อนที่เขาจะทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ด้านหน้าห้อง ข้าง ๆ เขามีชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งอยู่ก่อนแล้ว ผู้ชายคนนี้ใส่แว่นตาสีดำสนิท
“ตาเป็นอะไรมาหรอครับ ?”
จู่ ๆ ผู้ชายคนนี้ก็เอ่ยถามฮั่น คิ้วหนาขมวดนิดหน่อยก่อนจะเอ่ยตอบ
“เอ่อ...ผมรู้สึก ๆ ปวด ๆ ตาแล้วก็เคือง ๆ ตาน่ะครับ ไม่ทราบเหมือนกันว่าเป็นอะไร”
“อย่างนั้นหรอครับ ผมก็เป็นเหมือนกันครับ” พูดจบ ผู้ชายคนนั้นก็ถอดแว่นตาสีดำออก เผยให้เห็นดวงตากลมโตที่แดงก่ำ บริเวณตาขาวที่อยู่ใกล้กับตาดำมีลักษณะแดงเรื่อ ๆ จนดูน่าตกใจ
“ท่าทางคุณจะเป็นหนักเอาการนะครับ” ฮั่นว่า พลางทำหน้าสยองเล็กน้อยเมื่อเห็นลักษณะดวงตาของผู้ชายคนนี้
“ก็...เป็นมาหลายสัปดาห์แล้วครับ คิดว่าเป็นตาแดง หยอดยาเฉย ๆ ก็คงหาย แต่นี่ไม่หายสักที เลยต้องมาหาหมอให้หมอตรวจสักหน่อยว่ามันเป็นอะไร” ตอบก่อนจะหยิบแว่นตาสีดำใส่เหมือนเดิม
และก่อนที่บทสนทนาจะยืดยาวไปมากกว่านี้ พยาบาลสาวคนเดิมก็เปิดประตูห้องออกมา
“คุณอิสริยะค่ะ”
เมื่อพยาบาลสาวขานชื่อ ชายหนุ่มสองคนที่นั่งรออยู่ก็ลุกขึ้นยืนพร้อมกัน จากนั้นคนทั้งคู่ก็หันมามองหน้ากันด้วยความงุนงง
“เอ่อ...ชื่ออิสริยะเหมือนกันหรอคะ” แทนคำตอบ ศีรษะของชายหนุ่มที่ยืนอยู่ก็ผงกตอบรับในคำถาม
“เอ...งั้นใครมาก่อนกันคะ”
“ผมสิครับ” ผู้ชายที่ใส่แว่นดำเอ่ยพูด
“ถ้างั้นเชิญคุณก่อนเลยค่ะ” แล้วผู้ชายคนนั้นก็เดินตามพยาบาลสาวเข้าไป ฮั่นยกมือขึ้นมาเกาศีรษะเล็กน้อยด้วยความงงงวย
อะไรกันวะ...เขาไม่มีจัดคิวใบตรวจหรือไง ถึงได้ไม่รู้ว่าใครมาก่อนมาหลัง
ชื่อก็ดันมาเหมือนกันอีก แล้วทำไมคุณพยาบาลไม่อ่านนามสกุล
เดี๋ยวเหอะนะ...ถ้าสลับใบตรวจกันล่ะก็...โดนแน่คุณพยาบาล!
ร่างสูงเอ่ยคาดโทษคนเป็นพยาบาลในใจ ก่อนที่เขาจะกระแทกแผ่นหลังเข้ากับพนักเก้าอี้ด้วยความรู้สึกหงุดหงิดเล็ก ๆ
ไม่ถึง 15 นาที...ผู้ชายคนนั้นก็เดินออกมา ด้วยใบหน้าที่ง่อยกระรอก เหมือนจะตายแหล่มิตายแหล่
“เชิญคนต่อไปเลยค่ะ เดี๋ยวคุณนั่งรอตรงนี้สักครู่นะคะ รอผลตรวจจากห้องแล็บประมาณหนึ่งชั่วโมงค่ะ”
ฮั่นเดินตามพยาบาลสาวเข้าไปภายในห้องตรวจ
“เป็นอะไรมาครับ”
“ผมรู้สึกปวด ๆ ตาแล้วก็รู้สึกเคืองตาด้วยครับหมอ แถมยังมีน้ำตาไหลออกมาตอนที่ทำอาหาร และมักจะตามัว ๆ ตอนที่ขับรถด้วยครับ” ฮั่นอธิบายอาการของตัวเองให้คนเป็นหมอฟัง ก่อนที่บุรุษในชุดเสื้อกาวน์ตรงหน้า จะเขยิบเอาไฟฉายมาส่องที่ดวงตาของเขา พลางมองซ้ายมองขวาอย่างตรวจตรา
“อืม...ดูจากอาการเบื้องต้นที่คุณเล่าบวกกับสิ่งที่หมอพบในตอนนี้เข้าข่ายจะเป็นโรคม่านตาอักเสบครับ เดี๋ยวยังไงหมอขอให้คุณไปนอนที่เตียงนะครับ แล้วเดี๋ยวหมอจะขอเอาเนื้อเยื่อบริเวณดวงตาคุณไปตรวจนะครับ รอผลประมาณหนึ่งชั่วโมงก็จะทราบว่าคุณเป็นอะไร”
เมื่อฟังคนเป็นหมอพูดจบ ฮั่นก็ลุกไปนอนที่เตียง
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป...
พยาบาลสาวคนเดิม ก็มาพร้อมกับกระดาษสีขาวสองแผ่นในมือ สายตาของคนมองนั้นลุ้นจนเรียกได้ว่าถ้าเขามีสลากกินแบ่งรัฐบาลอยู่ในมือกับผลตรวจนั้น...เขาว่าเขาลุ้นผลตรวจมากกว่าลุ้นสลากกินแบ่งรัฐบาลเสียอีก
“เดี๋ยวเชิญคุณก่อนเลยค่ะ” ผู้ชายที่ใส่แว่นตาดำเป็นผู้ที่ถูกเชิญให้เข้าไปฟังผลก่อน และไม่ถึงสิบนาที ผู้ชายคนนั้นก็ออกมาด้วยรอยยิ้มที่ระบายเต็มดวงหน้า
“ผมไม่ได้เป็นอะไร หมอบอกว่าผมเป็นแค่โรคตาแดงธรรมดา ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ผมพักผ่อนน้อย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นหมอก็ขอเอาผลตรวจนั้นไปตรวจให้ละเอียดอีกครั้ง อีกอาทิตย์หนึ่งค่อยมาฟังผล เฮ้อ...ผมโล่งใจจังเลย ขอให้คุณได้รับข่าวดีเหมือนผมนะครับ” แล้วคนพูดก็ยิ้มให้กับคนที่ยืนฟัง ก่อนที่เขาจะเดินฮัมเพลงออกไปอย่างอารมณ์ดี
หวังว่าเขาคงจะได้รับข่าวดีเหมือนกับคนที่เพิ่งจะเดินออกไปนะ...
ไหน ๆ ก็ชื่อเหมือนกัน ก็ขอให้โชคดีเหมือนกันก็แล้วกัน
“เชิญคุณเลยค่ะ”
ฮั่นลุกขึ้น แล้วเดินเข้าไปในห้องตรวจ ใบหน้านิ่งของคนเป็นหมอทำให้ฮั่นใจคอไม่ดี
“คุณมีอาการแบบนี้มานานแค่ไหนแล้วครับ”
“ก็ประมาณสัก 2-3 อาทิตย์ได้แล้วครับ”
“หมอมีเรื่องจะต้องแจ้งให้คุณทราบนะครับ คือ...คุณเป็นโรคม่านตาอักเสบครับ แต่อย่าเพิ่งตกใจไปนะครับ คุณเพิ่งจะเป็นแค่เริ่มต้นเท่านั้น...”
“โรคม่านตาอักเสบ ?” เมื่อได้ฟังคำตอบของหมอ ฮั่นก็ใจหล่นวูบทันที
นี่เขา...กำลังได้ฟัง ‘ข่าวร้าย’ ใช่ไหม...?
“ครับ...โรคม่านตาอักเสบ อาจมีสาเหตุจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส เชื้อรา หรือพยาธิ หรืออาจ
เกิดจากปฏิกิริยาภูมิแพ้ หรือออโตอิมมูน (autoimmune) สาเหตุอาจมีได้หลายอย่าง เช่น อาจเกิดจากการลุกลามของโรคติดเชื้อภายนอกลูกตา เช่น แผลที่กระจกตา กระจกตาอักเสบ เยื่อตาขาวอักเสบ เนื่องจากการกระทบกระเทือน เช่น ถูกแรงกระแทกที่บริเวณกระบอกตา อาจพบร่วมกับโรคอื่น ๆ เช่น วัณโรค ซิฟิลิส โรคเรื้อน สมองอักเสบ ไซนัสอักเสบ ปวดข้อรูมาตอยด์ บางครั้งอาจไม่พบสาเหตุชัดเจนก็ได้...ซึ่งในอาการของคุณหมอก็ยังไม่สามารถที่จะระบุได้ว่าเกิดจากอะไร คงต้องนำผลตรวจไปตรวจให้ละเอียดอีกครั้งครับ”
คำอธิบายยืดยาวจากคนเป็นหมอ ทำให้คนฟังถึงกับพูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ...สมองของฮั่นในตอนนี้คล้ายจะคิดอะไรไม่ออก
“แล้วผมจะตาบอดไหมครับ...”
ในสมองของคนถามตอนนี้มีแต่คำว่า ‘ตาบอด’ ลอยเต็มไปหมด ความกังวลที่ถีบตัวสูงทำให้ร่างสูงรู้สึกอึดอัดในหัวใจ
หวังว่าคำตอบของคนตรงหน้า...จะไม่ทำให้เขาต้อง ‘รู้สึกอะไร’ ไปมากกว่านี้นะ!
“ในกรณีของคุณที่หมอตรวจพบรวมทั้งอาการที่คุณเล่าให้ผมฟังมีอาการปวดตา เคืองตา น้ำตาไหล ตามัว ซึ่งอาจมีอาการเพียงเล็กน้อยจนถึงปานกลาง อาการอาจเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน หรือค่อยเป็นค่อยไปก็ได้ โดยมากมักจะเป็นเพียงข้างเดียว บางคนอาจรู้สึกปวดมากเมื่ออยู่ที่แจ้ง แต่จะดีขึ้นเมื่ออยู่ในที่ร่ม บางคนอาจมีอาการเพียงเล็กน้อยจนไม่รู้สึกว่ามีอาการเลยก็ได้อาการอาจเป็นอยู่เพียงไม่กี่วันถึงหลายสัปดาห์ เมื่อหายแล้ว อาจกำเริบได้ใหม่ ในรายที่เป็นเรื้อรัง อาจเป็นอยู่นานเป็นแรมเดือนแรมปี ในรายที่เป็นรุนแรง ถ้าไม่ได้รับการรักษา อาจทำให้มีเม็ดเลือดขาว (หนอง) ที่เกิดจากการอักเสบไปอุดกั้นทางระบายของน้ำเลี้ยงลูกตา ทำให้กลายเป็นต้อหินได้ หรือไม่อาจมีการยึดติดกันของม่านตากับแก้วตา ทำให้เกิดต้อหินได้เช่นกัน ในรายที่เป็นนาน ๆ อาจทำให้เป็นต้อกระจกและสุดท้าย...อาจจะทำให้ ‘ตาบอด’ ได้ในที่สุดครับ”
คำอธิบายที่ยาว (กว่าเดิม) คล้ายจะไม่ได้เข้าสมองของคนฟังเท่ากับคำว่า ‘ตาบอด’ ในประโยคสุดท้าย
เขามีโอกาสที่จะตาบอดได้....เขามีโอกาส...
ไม่นะ!
“แต่อย่างที่หมอบอกครับว่าคุณอย่าเพิ่งตกใจไป เพราะว่าอาการของคุณยังเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น ซึ่งมันยังสามารถรักษาให้หายได้ครับ และจริง ๆ แล้วการตรวจนี้ก็ยังไม่ละเอียดมากพอด้วย คงต้องรอผลตรวจในอีกหนึ่งอาทิตย์ข้างหน้าครับ ยังไงเดี๋ยววันนี้หมอจะให้ยาหยอดตากับคุณไปก่อนนะครับ แต่ถ้าคุณรู้สึกว่าอาการมันเป็นหนักมาก คุณก็สามารถมาที่โรงพยาบาลได้ทันทีนะครับ”
คำพูดของคนเป็นหมอไม่ได้ลอยเข้าไปในโสตประสาทของคนฟังอีกแล้ว เพราะตอนนี้สติของฮั่นได้หลุดลอยไปพร้อมกับคำว่าเขาอาจจะมีโอกาสที่จะตาบอดได้...
แม้ว่าอาการที่เกิดขึ้นของเขาจะเพิ่งเริ่มต้น แต่...ใจของเขามันก็ ‘เสีย’ ไปแล้ว!
เขาอาจจะตาบอด !!!!!!
รู้สึกเหมือนวิญญาณหลุดออกจากร่างยังไงไม่รู้...
ก๊อกก๊อก...
แกงส้มเปิดประตูออกมาด้วยสภาพที่บ่งบอกมากว่าเจ้าตัวเพิ่งจะลุกจากที่นอน เพราะสภาพผมที่ยุ่งเหยิงบวกกับเสื้อยืดสีขาวและกางเกงผ้ายืดตัวยาวสีเทาที่ยับยู่ยี่
“อ้าวพี่ฮั่น...ไม่ไปทำงานหรอครับ...”
ฮั่นไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเขามายืนอยู่ที่หน้าห้องของคนตรงหน้าได้อย่างไร เขารู้แต่ว่าตอนนี้คนที่เขาคิดถึงและอยากเจอมากที่สุดคือคน ๆ นี้...
หมับ!
ฮั่นรวบตัวคนตรงหน้าเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดอย่างแรง พลางซบหน้าไปที่บ่าของคนที่อยู่ในอ้อมกอด
“เกิดอะไรขึ้นเนี่ยพี่ฮั่น !?!”
แทนคำตอบ ความชื้นบริเวณบ่าก็ทำให้คนถามต้องรีบดันตัวร่างสูงให้ออกห่างจากตัว ดวงตาเรียวตี่ของคนเป็นพี่มีน้ำใสคลอหน่วย ริมฝีปากที่เม้มเข้าหากันเพื่อกลั้นก้อนสะอื้น ทำให้คนมองใจกระตุก
เกิดอะไรกับพี่ฮั่น!
“ผมถามว่าเกิดอะไรขึ้นครับ” เสียงเข้มทำให้คนที่กลั้นเสียงร้องไห้ ต้องรวบตัวคนถามให้เข้ามาอยู่ในอ้อมกอดอีกครั้ง พลางอู้อี้ตอบ
“ขอเวลาพี่ห้านาทีนะแกง...แค่ห้านาทีเท่านั้น...แล้วพี่จะบอกว่าพี่เป็นอะไร...”
เมื่อได้ยินคำร้องขอบวกกับแรงสะอื้นเบา ๆ ทำให้แกงส้มไม่ถามอะไรต่อ แต่เขาเลือกที่จะยืนเงียบ ๆ แล้วใช้สองแขนโอบรอบตัวคนที่กอดเขา พลางใช้มือข้างหนึ่งลูบไปมาที่แผ่นหลังกว้าง
ไม่ว่าพี่ฮั่นจะเจอกับเรื่องอะไรมา...เขาว่ามันคือ ‘เรื่องที่ร้ายแรงมาก’
เพราะเขาไม่เคยเห็นน้ำตาของพี่ฮั่น...
น้ำตาลูกผู้ชายตัวโต...ที่เป็นคนที่เขารักมากที่สุด...ทำให้เขารู้สึกอยากจะร้องไห้ตาม...
ความเจ็บปวดจากดวงตาคู่นั้นที่มองสบมาเมื่อสักครู่ ทำให้เขาสัมผัสได้ว่าคนที่กอดเขาอยู่เจ็บปวดแค่ไหน...
เพราะหัวใจของเราสองคน ‘สื่อ’ ถึงกันได้เสมอ
“ตกลงว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ครับพี่ฮั่น” เมื่อเวลาผ่านไป แกงส้มกับฮั่นก็เข้ามานั่งที่โซฟาภายในห้องรับแขก ร่างสูงที่นั่งเอามือกุมขมับตัวเองทำให้คนที่เดินมาหย่อนก้นนั่งตามหลังอดไม่ได้ที่จะใช้มือโอบไปที่ไหล่กว้างพลางออกแรงดันให้ศีรษะใหญ่มาพิงที่ไหล่ของตน
“พี่กำลังจะตาบอดครับ...” คำพูดแผ่วเบาเพียงไม่กี่คำทำให้หัวใจคนฟังกระตุกวูบ
พี่ฮั่นเนี่ยนะ...กำลังจะตาบอด!!
“หมายความว่ายังไงครับที่ว่าพี่กำลังจะตาบอด”
“ก็...2-3 อาทิตย์ที่ผ่านมาพี่รู้สึกเหมือนตามัว ๆ เคืองตา ปวดตาแล้วก็รู้สึกว่าตาตัวเองไม่ค่อยปกติ พี่ก็เลยตัดสินใจไปหาหมอมาเมื่อตอนบ่าย แล้วหมอบอกว่า...พี่เป็นโรคม่านตาอักเสบ ซึ่งโรคนี้ถ้าไม่รักษาให้ดี ก็มีโอกาสที่จะตาบอดได้ แต่ก็ต้องรอดูผลตรวจอย่างละเอียดก่อน ไปฟังผลในอีกอาทิตย์นึงข้างหน้า...” ฮั่นว่า พลางรู้สึกเหมือนดวงตาของเขาจะมีน้ำใสไหลซึมอีกครั้ง
บ้าเอ๊ย...ร้องไห้อีกแล้วไอ้ฮั่น...
เขาไม่อยากจะอ่อนแอแบบนี้เลย...แต่ความรู้สึกกังวลที่ก่อตัวในหัวใจก็ทำให้เขาอ่อนแอจนได้!
หากเขาตาบอด...เขาจะไม่มีโอกาสได้เห็นรอยยิ้มของแกงส้ม
หากเขาตาบอด...เขาจะไม่มีโอกาสได้สบตากับแกงส้ม
หากเขาตาบอด...เขาจะไม่มีโอกาสได้ทำของอร่อย ๆ ให้กับแกงส้ม
หากเขาตาบอด...เขาจะดูแลแกงส้มได้ยังไง
และหากเขาตาบอด...เขาจะทำใหแกงส้มมีความสุขต่อไปได้อย่างไร
หากเขาตาบอด...
“โธ่พี่ฮั่น...พี่ก็อย่าเพิ่งคิดมากสิครับ ยังไง ๆ ก็รอผลตรวจให้ละเอียดก่อนดีกว่า...พี่อาจจะไม่ถึงขั้นตาบอดก็ได้...” แกงส้มว่า พลางจับมือฮั่นขึ้นมาแล้วบีบเบา ๆ เป็นเชิงให้กำลังใจร่างสูงที่พิงไหล่เขาอยู่
“แต่แกง...ถ้าหากพี่ต้องตาบอดจริง ๆ ล่ะ”
“ก็ไม่เป็นไรครับ เพราะว่าผมจะเป็น ‘ตา’ ให้พี่เอง...ไม่ว่าพี่จะเดินไปไหน ผมก็จะจับมือพี่แล้วพาพี่ไป...” แกงส้มว่า พลางดันศีรษะที่พิงไหล่เขาออก แล้วใช้สองมือประคองใบหน้าคมให้หันมาสบตาเขา
“แม้ว่าพี่อาจจะไม่สามารถดูแลแกงได้...”
“ผมจะเป็นคนดูแลพี่เอง...”
“แม้ว่าพี่อาจจะไม่สามารถทำของอร่อย ๆ ให้แกงกินได้อีก...”
“ผมก็จะเป็นคนทำของอร่อยพวกนั้นให้พี่กินเอง...”
“แม้ว่าพี่อาจจะไม่สามารถทำให้แกง...”
“ไม่ต้องพูดอะไรแล้วพี่ฮั่น...ถ้าพี่จะต้องตาบอดจริง ๆ ผมจะทำทุกอย่างที่พี่ไม่สามารถทำให้ผมได้ด้วยตัวของผมเอง และผมจะทำสิ่ง ๆ นั้นให้กับพี่ด้วย...”
แกงส้มพูดด้วยน้ำเสียงที่ยืนยันหนักแน่น ก่อนจะปล่อยมือที่ประคองใบหน้าออก พลางขยับเข้าไปจนหน้าผากของเขาแตะสัมผัสกับหน้าผากของคนเป็นพี่
“แกงจะเลิกกับพี่ก็ได้นะ...”
“ไม่มีทางพี่ฮั่น! ผมจะไม่มีวันเลิกกับพี่ เพียงเพราะพี่ตาบอด...ต่อให้พี่เป็นมากกว่านี้ ผมก็จะไม่เลิกกับพี่ แม้ว่าพี่จะเป็นเจ้าชายนิทราที่ไม่สามารถฟื้นขึ้นมาพูดคุยกับผมได้ ผมก็จะไม่เลิกกับพี่...ผมจะไม่ ‘ทิ้ง’ พี่...ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม พี่ก็ห้ามทิ้งผม...เราต้องก้าวไปด้วยกันครับ”
เมื่อแกงส้มพูดจบ เขาเลื่อนใบหน้าออก เผยให้เห็นสายตาที่จริงใจและจริงจังจนคนมองสบตาอย่างฮั่นรู้สึกว่าหัวใจของเขาตอนนี้มีแต่ความรู้สึกทีดีลอยกระจายเต็มหัวใจ
ทำไมแกงส้มถึงเป็นคนรักที่ดีขนาดนี้...
เขารักคนไม่ผิดจริง ๆ
“พี่ขอบคุณนะแกง...ไม่รู้ว่าจะพูดคำไหนให้ดีมากกว่าคำนี้...ฮึก...พี่รักแกงนะ...รักมาก...รักจนรู้สึกว่าถ้าหากวันหนึ่งพี่ไม่สามารถที่จะมองเห็นหน้าคนที่พี่รักได้...พี่คงแทบขาดใจ...ฮึก...แกงครับ...ขอบคุณที่เกิดมาบนโลกใบนี้...ขอบคุณที่เกิดมาให้พี่รักนะครับ...” พูดจบ ดวงตาคมก็มีน้ำตาไหลออกมาเป็นทางยาว
ฮั่นรู้สึกตื้นตันจนไม่สามารถพูดอะไรต่อได้อีก...
เขา...พูดอะไรไม่ออกแล้วจริง ๆ...
มัน ‘ซึ้งใจ’ จนพูดอะไรไม่ออก...
“ผมต่างหากที่ต้องขอบคุณพี่...ขอบคุณที่ดีกับผมมาโดยตลอด...ถ้าหากวันหนึ่งพี่ดูแลผมไม่ได้ ผมจะเป็นคนดูแลพี่เอง สัญญากับผมนะว่าไม่ว่าพี่จะต้องตาบอดหรือไม่...แต่พี่จะไม่บอกให้ผมเลิกกับพี่อีก” แกงส้มว่าพลางยื่นนิ้วก้อยออกมา ฮั่นก็ยิ้มออกมาทั้งน้ำตา ก่อนที่เขาจะยื่นนิ้วก้อยของตัวเองไปเกี่ยวกับนิ้วของคนตรงหน้า
“พี่จะไม่พูดคำนั้นอีกครับ พี่สัญญา...”
“ดีมากครับ...ถ้างั้นเริ่มต้นตั้งแต่ตอนนี้เลย...ท่าทางพี่คงหิว เดี๋ยวผมไปทำของอร่อย ๆ มาให้กินนะ” พูดจบ แกงส้มก็ทำท่าจะลุกไปทำอย่างที่พูด ฮั่นรีบรั้งแขนแกงส้มไว้
“หน้าพี่เหมือนคนหิวหรอ ?”
“ไม่เหมือนคนหิวฮะ แต่เหมือนคนจะตาย เพราะฉะนั้น...ต้องกินของอร่อย ๆ ฝีมือผม พี่จะได้ยิ้มได้”
“ไม่ยักรู้ว่า...แกงทำของอร่อย ๆ กับเค้าได้ด้วย เห็นปกติร้องขอของอร่อยจากพี่ตลอด...โอ๊ย!” พูดจบ ฮั่นก็โดนแกงส้มมองด้วยสายตาเคือง ใบหน้าหวานที่ย่นจมูกใส่เขามาพร้อมกับฝ่าเท้าที่วาดมาเตะที่แข้ง
“ไม่รู้จักฝีมือเชฟแกงซะแล้ว เดี๋ยวพี่นั่งรออยู่ตรงนี้นะ ไม่เกิน 15 นาที พี่ได้กินของอร่อยแน่ ๆ” พูดจบ คนพูดก็เดินดุ่ม ๆ หายเข้าไปในห้องครัว ทิ้งให้ร่างสูงมองตามแผ่นหลังบางไปด้วยรอยยิ้ม
น้ำตาของเขาเหือดแห้งไปพร้อมกับคำพูดของแกงส้ม...คำพูดที่ทำให้หัวใจเต็มเปี่ยมไปด้วยความซาบซึ้ง
เขาคิดถูกจริง ๆ ที่เลือกมาหาแกงส้มเป็นคนแรก...
เพราะคำพูดของคนที่เป็นดั่งหัวใจทำให้เขารู้สึกดีขึ้นมาจริง ๆ
หากเขาไม่สามารถดูแลแกงส้มได้อีกต่อไป เขาก็จะไม่มีวันทิ้งแกงส้มไปไหน...และเขาก็จะไม่ให้แกงส้มเป็นคนดูแลเขาอย่างที่เจ้าตัวพูดด้วย
เพราะเขาจะดูแลแกงส้มให้ได้ แม้ต้องอยู่ในโลกมืดก็ตาม!
“เป็นไงครับ...” กลิ่นหอมของไข่เจียวสีเหลืองนวลที่โปะอยู่บนข้าวสวยสีขาวก็ทำให้คนมองต้องยิ้มออกมาตามรอยยิ้มที่กว้างที่วาดด้วยซอสสีส้มบนไข่เจียว
“น่ากิน...แต่ไม่รู้ว่าจะกินได้ไหม โอ๊ย...” พูดยังไม่ทันจบประโยค มือบางก็ฟาดมาที่ต้นแขนคนพูด
“รีบ ๆ ตักกินเลยพี่ฮั่น ไม่ต้องมาทำลีลาพูดมาก เดี๋ยวก่อนผมไปทำงาน ผมจะพาพี่ไปที่ ๆ หนึ่งก่อน”
“หืม ? ที่ไหนครับ” ฮั่นถามพลางตักข้าวและไข่เจียวเข้าปากคำใหญ่ ก่อนจะเคี้ยวตุ้ย ๆ แล้วยกนิ้วโป้งขึ้นมาเป็นเชิงบอกให้คนทำรู้ว่า...
มัน ‘อร่อยมาก’!
“บอกตอนนี้ก็ไม่สนุกสิครับ รอให้พี่กินข้าวให้อิ่มก่อนดีกว่า” แกงส้มว่าพลางนั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้ามฮั่น แล้วช้อนที่มีข้าวตักมาพูนก็ถูกยื่นมาตรงหน้าคนที่เพิ่งนั่งลง
“หือ...?”
“กินด้วยกันสิครับ”
“ไม่เป็นไรพี่ฮั่น ผมยังไม่ค่อยหิว”
“กินนะ...พี่ป้อน...เผื่อพี่มองไม่เห็นพี่ป้อนแกงไม่ได้ พี่จะได้ไม่ต้องเสียใจที่ไม่เคยได้ป้อนข้าวแกงไงครับ” คำพูดของฮั่น ทำให้คนฟังถึงกับสะอึกไปเล็กน้อย
“พี่ฮั่นอ่ะ! ผลตรวจอย่างเป็นทางการมันยังไม่ออกเลย อย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้ได้ไหมครับ”
“แต่พี่ก็มีสิทธิ์ที่จะกลัวและกังวลไปก่อนไม่ใช่หรอ”
“ผมไม่ห้ามนะครับที่พี่จะกลัวและกังวล แต่ตราบใดที่ผลมันยังไม่ยืนยันแน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์ พี่ก็ไม่มีสิทธิ์เอาความรู้สึกพวกนี้มาทำให้พี่ใช้ชีวิตไม่เป็นสุขแบบนี้ครับ...คนเราไม่มีใครรู้หรอกครับว่าพรุ่งนี้จะเป็นยังไง เราจะมีชีวิตถึงวันพรุ่งนี้ไหม เรามีแค่วันนี้...แค่เวลาตอนนี้...แค่นี้ก็พอแล้วครับ...”
พูดจบ แกงส้มก็งับข้าวที่ยื่นค้างอยู่ตรงหน้า แล้วยกยิ้มหวานขึ้นมา เมื่อพบว่ารสชาดข้าวไข่เจียวที่แสนจะธรรมดาของเขาอร่อยพอตัวเหมือนกัน
อาหารธรรมดา...แต่ได้กินกับคนพิเศษ...มันก็คือ ‘อาหารพิเศษ’ นะ
“ขอโทษนะครับที่พี่คิดมาก”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมเข้าใจว่าคนแก่แล้วก็ต้องคิดมากเป็นธรรมดา”
“ฮื้อ...อยู่ดี ๆ มาว่าพี่แก่ เดี๋ยวเถอะ!” ฮั่นว่าก่อนที่เขาจะย่นจมูกใส่คนที่ว่าเขาแก่ แกงส้มเห็นดังนั้นก็หัวเราะออกมา
“ก็พี่แก่กว่าผมจริง ๆ นี่นา หรือพี่จะเถียงว่าไม่จริง ?” ถามพลางทำตาดุ
“ไม่เถียงคร้าบบบบบ ใครจะกล้าเถียงคุณแฟน...’ดุ’ ซะขนาดนี้”
“ดีมากครับ รีบ ๆ กินเลย”
“คร้าบ ๆ ๆ”
รับคำเสร็จ ฮั่นก็ตักข้าวเข้าปากไปอีกคำใหญ่ รอยยิ้มที่เกลื่อนกระจายบนใบหน้าหวาน ทำให้คนมองรู้สึกอุ่นในหัวใจ
แค่เพียงเขายังเห็นรอยยิ้มของคน ๆ นี้...แค่นี้เขาก็มีความสุขแล้ว
แม้วันหนึ่งเขาอาจจะไม่ได้เห็นรอยยิ้มนี้อีก...แต่รอยยิ้มของแกงส้มก็แจ่มกระจ่างชัดในหัวใจของเขาเสมอ
ขอให้ปาฏิหาริย์มีจริง!
“ค่อย ๆ เดินพี่ฮั่น ระวัง ๆ” แกงส้มเอ่ยพูดพลางประคองคนที่เขาเอาผ้าผูกขึ้นบันไดด้วยความทุลักทุเล เนื่องจากฮั่นเป็นคนร่างใหญ่ และเขาก็ค่อนข้างจะบอบบางกว่า ทำให้การประคองกันเดินขึ้นบันไดเป็นไปด้วยความลำบากที่ยากจะหาที่เปรียบ
“โอเค...ถึงแล้วครับ เปิดตาได้...”
เมื่อเดินมาจนถึงดาดฟ้า แกงส้มก็ปล่อยให้ร่างสูงที่เขาประคองมาเป็นอิสระ ฮั่นรีบดึงผ้าที่ผูกตาเขาออก พลางหันมองไปรอบ ๆ ตัว
ดาดฟ้าที่กว้างมีแป้นบาสตั้งอยู่สองฝั่ง และมีม้านั่งไม้ที่เหมือนชิงช้าตั้งอยู่ใกล้กับขอบตึก รอบ ๆ ดาดฟ้ามีต้นโมกปลูกอยู่นับสิบกระถางตั้งเรียงรายดูสวยงามและให้ความรู้สึกที่เป็นธรรมชาติมาก เหมือนอยู่ในสวนสาธารณะย่อม ๆ เลย
“พี่ไม่ยักกะรู้นะว่าที่คอนโดเรามีดาดฟ้าสวย ๆ แบบนี้ด้วย”
“โหยพี่ฮั่น! พี่อยู่คอนโดนี้ก่อนผมนะ ไม่รู้ได้ยังไง ผมเพิ่งมาอยู่ยังรู้เลย...จริง ๆ ที่รู้ เพราะว่าพี่จ๋าเคยบอกกับผมว่าเค้าอยากจะพาผมมาที่นี่อ่ะครับ ผมก็เลยลองขึ้นมาดู แล้วปรากฏว่ามันสวยอย่างที่จ๋าพูด ผมก็เลยอยากจะพาพี่มาครับ”
แล้วคนพูดก็จับมือคนที่ยืนมองเขาให้เดินไปนั่งที่ม้านั่งไม้ เมื่อนั่งเรียบร้อยแล้ว แกงส้มก็แกว่งชิงช้าเบา ๆ
“พี่รู้ไหมพี่ฮั่นว่าจริง ๆ แล้ว...ที่นี่ก็มีดาวเกลื่อนฟ้าและเห็นชัดเหมือนที่ดอยเอื้อมดาวนะครับ”
“หืม ? ที่นี่อ่ะนะ”
“ใช่ครับที่นี่ ไม่เชื่อพี่มาดูสิ...” แล้วแกงส้มก็ลุกขึ้นยืน แล้วเดินไปยืนใกล้กับขอบตึกที่สูงพอดีอก ฮั่นลุกเดินไปยืนข้าง ๆ พลางขมวดคิ้วหนาด้วยความงุนงงปนสงสัย
“ไม่เห็นจะมีเลยแกง...มีแต่ตึก...ตึก...แล้วก็ตึก”
“ก็แสงไฟจากตึกพวกนี้ไงครับ พี่ลองนึกดูดี ๆ สิ ดาวที่ลอยเกลื่อนฟ้าที่ดอยเอื้อมดาวก็ส่องแสงสว่างกระจายแบบนี้....แสงไฟจากตึกสูงที่นี่ก็เหมือนกัน...แม้จะไม่ใช่แสงจากธรรมชาติแต่มันก็ทำให้เรารู้สึกได้ว่า...มันตัดกับสีดำของความมืดมิดในยามค่ำคืนได้นะครับ...ดาวที่นี่อาจไม่สวยงามเหมือนที่โน่น แต่ถ้าเราใช้สายตาที่มองจากหัวใจ ผมว่ามันก็สวยไม่ต่างกันนะ หรือจะพูดให้ถูก...มันสวยกันคนละแบบ”
คำพูดของแกงส้ม ทำให้ฮั่นมองแสงไฟจากตึกสูงตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่แปลกใหม่กว่าเดิม
เขาว่าเขาเป็นโรแมนติกนะ...
แต่แกงส้มโรแมนติกกว่าเขามาก...เพราะน้องมองอะไรได้ ‘ลึกซึ้ง’ จริง ๆ
“ก็ถูกของแกงนะ เพิ่งรู้ว่าแฟนพี่โรแมนติกไม่เบา”
“แน่นอนสิครับ...” พูดจบ คนพูดก็ถอยหลังกลับมานั่งที่เดิม ตามมาด้วยร่างสูงที่นั่งข้าง ๆ
แรงไกวชิงช้าที่เป็นจังหวะเดียวกันมาพร้อมกับสายลมเย็นที่พัดเอื่อยรอบกาย ความเงียบที่โอบกระจายรอบตัว ทำให้คนสองคนได้ใช้เวลาปล่อยใจให้ซึมซับไปกับความรูสึกต่าง ๆ ที่พวกเขาสองคนมีให้กัน แล้วจู่ ๆ แกงส้มก็เป็นคนเอ่ยทำลายความเงียบนั้นขึ้นมา
“ที่นี่มีดวงดาวแล้ว งั้นผมให้พี่เป็นท้องฟ้านะ”
“หือ...พี่เป็นท้องฟ้า แล้วแกงเป็นอะไรครับ” ถามพลางหันมามองเสี้ยวใบหน้าด้านข้างของคนพูด ใบหวานที่กำลังระบายรอยยิ้มพราว ทำให้คนมองอดที่จะยิ้มตามไม่ได้
“ผมก็เป็นดวงจันทร์ไงครับ”
“แล้วทำไมพี่ถึงได้เป็นท้องฟ้า แล้วแกงถึงเป็นดวงจันทร์ครับ”
“ก็เพราะว่า...ตลอดเวลาที่ผ่านมา ผมเป็นเหมือนดวงจันทร์ที่มีความหมายในยามรัตติกาล ซึ่งในค่ำคืนถ้าดวงจันทร์ไม่คู่กับดวงดาวก็ต้องคู่กับท้องฟ้า ซึ่งผมคิดว่า...ผมคู่กับท้องฟ้าดีกว่า เพราะท้องฟ้าเป็นที่พำนักพักพิงให้ผมได้เสมอ และพี่ก็เป็นคน ๆ นั้น...พี่เป็นท้องฟ้าให้กับผม และผมอยากจะบอกกับพี่ว่า...ในยามที่ท้องฟ้าอย่างพี่ส่องสว่างและ ‘มองเห็น’ ได้ชัดในตอนกลางวัน ผมจะหลบมุมมองและดูแลพี่อยู่ไกล ๆ แต่ยามใดที่ท้องฟ้ามืดมิดและ ‘มองไม่เห็น’ อะไร ผมจะออกมายืนเคียงข้างพี่...และไม่ว่าจะสว่างหรือมืด แต่ผมจะไม่ไปไหน ผมจะอยู่ใกล้ ๆ กับท้องฟ้าอย่างพี่ตลอดไปครับ”
เมื่อประโยคยาวประโยคนี้ถูกแกงส้มพูดจบ คนพูดก็หันใบหน้ามามองคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เขา ดวงตากลมโตหวานเชื่อมที่มองมา ทำให้คนถูกมองรู้สึกเหมือนจะละลาย
สายตาหวานที่แสดงออกถึงความรักล้นหัวใจ...เรียกใบหน้าคมให้ขยับยื่นไปใกล้ใบหน้าหวาน ก่อนที่ฮั่นจะมอบสัมผัสที่อ่อนโยนนุ่มละมุน
ริมฝีปากสวยที่ไล่แตะไปรอบกลีบปากบางอย่างแผ่วเบาเรียกอัตราการเต้นของหัวใจสองดวงให้เต้นไหวไปกับความรู้สึกดี ๆ จากสัมผัสนี้ จากนั้นฮั่นก็เลื่อนริมฝีปากของเขาขึ้นไปที่พวงแก้มขาวก่อนจะกดจูบหนัก ๆ ไปที่แก้มนั้นอย่างรักใคร่ พลางเลื่อนปลายจมูกโด่งขึ้นไปแตะกับปลายจมูกเชิดรั้น แล้วจากนั้น ริมฝีปากสวยของคนหน้าคมก็จบสัมผัสหวานนี้ที่หน้าผากมน
“ท้องฟ้าอย่างพี่ก็จะไม่มีวันทิ้งให้ดวงจันทร์อย่างแกงต้องอยู่เพียงลำพังครับ พี่จะอยู่เคียงข้างกับแกงตลอดไป แม้ว่าวันหนึ่งหากพี่จะไม่สามารถดูแลดวงจันทร์ที่เป็นดั่งดวงใจได้เหมือนเดิม แต่พี่ก็จะอยู่กับแกง จะไม่มีวันทิ้งแกง...เพราะพี่ไม่วันทิ้งหัวใจของตัวเองได้...ไม่มีวัน...”
แล้วฮั่นก็โอบคนตรงหน้าให้เข้ามาอยู่ในอ้อมกอด ความอบอุ่นที่แผ่จากร่างหนาทำให้ร่างที่บางกว่ารู้สึกได้ถึงความอุ่นนี้...สองมือของแกงส้มโอบรอบเอวคนเป็นพี่ ใบหน้าหวานฝังใบหน้าไปที่ไหล่หนาจนแก้มยู่ ความแน่นของอ้อมกอด ทำให้คนสองคนรับรู้ได้ถึงเสียงหัวใจที่เต้นดังของพวกเขา
ไม่ว่าจะต้องเจอกับเรื่องราวที่ทำให้หัวใจต้องปวดร้าวสักเพียงใด แต่คนที่รักกันย่อมไม่มีวันทิ้งกันไปไหน เพราะความรักที่ผูกหัวใจคนสองคนไว้ จะทำให้คนที่รักพร้อมที่จะก้าวผ่านเรื่องราวเหล่านั้นไปด้วยกัน...
อุปสรรคอาจมีไว้เพื่อพิสูจน์หัวใจที่คงมั่น
เรื่องราวที่เปลี่ยนผันตลอดเวลาก็เช่นเดียวกัน...
ถึง ดวงจันทร์ของพี่
ในค่ำคืนนี้แกงคงกำลังจัดรายการอยู่ พี่ก็อยากจะบอกกับแกงว่า...ตอนที่พี่กำลังเขียนจดหมายฉบับนี้พี่ก็กำลังฟังที่แกงจัดรายการอยู่นะครับ
แน่ะ ๆ รู้นะว่ายิ้มน่ะ...
จริง ๆ พี่ฟังแกงจัดรายการทุกวันแหล่ะครับ เพราะ...
เพราะไอ้จ๋ามันเปิดน่ะสิ! ฮ่า ๆ ๆ ๆ
โอ๋ ๆ ๆ ก๊อกแก๊ก ๆ ๆ...พี่ล้อเล่นนะครับ...จริง ๆ เพราะพี่ต้องการจะฟังเสียง ‘คนรัก’ ของพี่ต่างหาก
ฟังจากตัวจริง ฟังจากในโทรศัพท์ ก็ไม่เหมือนกับฟังในวิทยุนะ!!!
แต่ไม่ว่าจะฟังจากทางไหน ทุกเสียงของแกงก็หวานเสมอครับ...ก็แฟนพี่ ‘เสียงหวาน’ นี่นา~
ไม่ใช่แค่เสียงที่หวานนะ แต่คำพูดก็หวาน ความคิดก็หวาน หน้าก็หวาน ริมฝีปากก็หวาน...
โอ๊ะ!
เค้าเผลอพูดอะไรออกไปเนี่ย...ก็...เวลาที่เขาจูบตัว...ตัวทำให้เขารู้สึก ‘หวาน’ แบบนั้นจริง ๆ นี่นา
ขอบคุณนะครับที่ทำให้พี่รู้สึกดีและอบอุ่นในหัวใจได้ขนาดนี้...
ตอนแรกพี่คิดจะขอแกงเลิกนะครับ เพราะพี่รู้สึกว่า...พี่คงไม่สามารถที่จะดูแลแกงต่อไปได้อีก
พี่อยากปล่อยให้แกงได้ไปเจอกับคนที่ดูแลแกงได้ แต่คำพูดของแกงที่มาพร้อมกับความรู้สึกที่แสดงออกทางสายตา ก็ทำให้พี่ไม่สามารถที่จะทิ้งแกงไปไหนได้อีกแล้ว...
ต่อให้พี่จะไม่สามารถดูแลได้อีกต่อไป พี่ก็จะให้แกงดูแล...
ไม่สิ...ถึงพี่จะดูแลแกงไม่ได้ แต่พี่ก็จะยังยืนยันที่จะดูแลแกงต่อไป
(งงไหมครับ...ไม่ต้องงงนะ)
เพราะไม่ว่าอย่างไร...พี่ก็อยากจะเป็นคนที่ดูแลแกงตลอดไป
เพราะแกง...คือ ‘หัวใจของพี่’...
ถ้าพี่ไม่ดูแลหัวใจตัวเอง แล้วใครจะดูแลล่ะครับ ^^
ขอบคุณที่เกิดมาบนโลกใบนี้นะครับ ขอบคุณจริง ๆ
พี่รักแกงที่สุด...’สุดดวงใจ’ ของพี่...
จาก ท้องฟ้าของแกง
ปล. กรุณาอย่าอ้วกกับสำนวนที่เหมือนจะย้อนวัยไปสักนิด...เพราะความรักที่ล้นจิต ทำให้พี่คิดคำพูดพวกนี้มาได้...ก่อนจบจดหมายฉบับนี้...พี่ก็มีกลอนสั้น ๆ มาฝากแกงด้วยนะครับ...ลองอ่านดูนะ...
“...หากหัวใจมีไว้เพื่อรักใคร
หัวใจฉันก็มีไว้เพื่อรักเธอ
หากความรักมีไว้เพื่อใครเสมอ
ความรักฉันก็มีไว้เพื่อเธอ..คนเดียว....”
--สั้น ๆ แต่ ‘ได้ใจ’ ใช่ไหมครับ...--
แล้วจดหมายฉบับนั้นก็จบลงที่คนเขียนมีรอยยิ้มระบายเต็มใบหน้าคม แสงไฟจากโคมไฟบนโต๊ะเขียนหนังสือที่ส่องสว่างทำให้คนเขียนเห็นทุกตัวอักษรที่เขาเขียนอย่างชัดเจน...
เขารักในการเขียนจดหมาย...และรักคนที่เขาเขียนจดหมายถึง
รักเสมอ...และตลอดไป...
“...ขอบคุณที่เกิดมาเพื่อให้พี่รักนะแกง...” พึมพำกับตัวเองเบา ๆ ฮั่นก็แตะริมฝีปากของตัวเองกับจดหมายที่อยู่ในมือ
ต่อให้วันพรุ่งนี้จะต้องเกิดอะไรขึ้น...แต่วันนี้...เวลานี้...เขาพร้อมแล้วที่จะก้าวเดินไปเจอกับวันพรุ่งนี้ที่ยังมาไม่ถึง...
แม้จะต้องเจอกับเรื่องอะไรก็ตาม...เขาจะไม่หวั่นไหวอีกต่อไปแล้ว...
เพราะเขามีคนที่พร้อมจะอยู่เคียงข้างเขาอย่างไม่เกรงกลัวต่อสิ่งใดแล้ว...
ต่อให้ต้องตาบอดจริง ๆ เขาก็ไม่กลัว!!!!
ถีง ท้องฟ้าของผม
อะแฮ่ม ๆ ๆ ผมรู้นะว่าเดี๋ยวพี่จะต้องเขียนจดหมายมาหาผม
เพราะว่าวันนี้ผมทำตัวแสนดีและน่ารักเกินจะบรรยาย...
พี่ไม่ต้องขอบคุณผมหรอกนะ ที่ผมแสนดีและน่ารักกับพี่ขนาดนี้
เพราะพี่...คือคนสำคัญที่สุดสำหรับผม
ต่อให้พี่จะต้องตาบอดอย่างที่เป็นกังวลและกลัวจริง ๆ ผมก็ยังยืนยันนะครับว่า...
ผมจะเป็น ‘ดวงตา’ ให้พี่ ยามที่พี่อยากจะมอง
ผมจะเป็น ‘มือ’ ให้พี่ ยามที่พี่อยากจะจับ
ผมจะเป็น ‘คนนำทาง’ ให้พี่ ยามที่พี่อยากจะไปไหน
ผมจะเป็น ‘ทุก ๆ อย่าง’ ให้พี่ ยามที่พี่ต้องการ
ถึงพี่จะมองไม่เห็นรอยยิ้มของผม
ถึงพี่จะมองไม่เห็นสายตาของผม
ถึงพี่จะมองไม่เห็นอะไรเลย...
แต่พี่ก็จะยังเห็น ‘ความรัก’ ที่ผมมีให้พี่ในทุก ๆ วันครับ
ผมรักพี่นะพี่ฮั่น...รักจนบรรยายทั้งวันก็ไม่หมด...
พี่ดูแลผมมาเยอะแล้ว ถ้าถึงวันหนึ่งผมจะต้องเป็นฝ่ายดูแลพี่บ้าง...มันก็ดีนะครับ
หรือถ้าจะพูดให้ถูก...เราก็ดูแลกันและกันมาโดยตลอดอยู่แล้ว...
ดูแลกันและกันแบบนี้ไปเรื่อย ๆ นะครับ
ห้ามพูดว่าจะให้ผมเลิกกับพี่อีก...มันจะไม่มีวันนั้น!
ผมเป็นแฟนพี่...พี่เป็นแฟนผม...เราเป็นแฟนกันและกัน...
เราเป็น ‘ของกันและกัน’
จำไว้นะครับคุณแฟน!!!!
><
ผมรักพี่นะครับ
จาก ดวงจันทร์ของพี่
ปล. อย่าอ่านจดหมายผมแล้วยิ้มกว้างจนปากฉีกไปถึงใบหูล่ะครับ ผมขี้เกียจต้องมานั่งเย็บปากให้พี่...ฮ่า ๆ ๆ ๆ ดีใจที่ได้มีพี่อยู่ในทุก ๆ วันของชีวิตนะครับ...
รอยยิ้มหวานที่แต่งแต้มบนใบหน้าของแกงส้ม ทำให้เจ้าตัวรู้ว่า...ทุกครั้งที่เขาได้เขียนจดหมายถึงคนที่อยู่ไกล มันทำให้เขารู้สึกว่าหัวใจของเขามีแต่ความรู้สึกดี ๆ ลอยเต็มไปหมด
ไม่มีใครทำให้เขาเป็นได้ขนาดนี้เท่าพี่ฮั่น...
เพราะฉะนั้นเขาจะไม่มีทิ้งคน ๆ นี้ไปไหนเป็นอันขาด!
เขารักของเขานะ...
ต่อให้พี่ฮั่นจะต้องตาบอดจริง ๆ แต่เขาก็จะไม่ทิ้งคนตาบอดคนนี้
เพราะตาบอดคนนี้...คือ ‘คนที่เขารัก’...
เพราะเลือกแล้วว่าจะรัก...ก็จะรักแบบนี้ตลอดไป
เพราะเลือกแล้วว่าให้ทั้งหัวใจ...ก็จะเลือกที่จะไม่จากไปไหน...
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม!
“ผมรักพี่นะพี่ฮั่น...” พูดจบ มือบางก็ยกขึ้นมาแตะที่ริมฝีปากของตัวเอง พลางนึกไปถึงจูบที่แสนหวานบนดาดฟ้า
แตะมือไปทุกที่...ที่ริมฝีปากของพี่ฮั่นแตะ...
อ่า...รู้สึกดีจัง...
ยามใดที่หัวใจรู้สึกเหนื่อยล้าเหมือนไม่มีใคร โปรดคิดถึงคนที่รัก...อย่าคิดว่าคนที่รักจะไม่พร้อมรับฟังเรื่องราวที่แสนเศร้าของเรา...เพราะเมื่อเขาเลือกแล้วว่าเราคือคนที่รัก...เขาก็พร้อมที่จะรับฟังทุกเรื่องราวของเรา ไม่ว่าเรื่องราวเหล่านั้นจะเศร้าแค่ไหนก็ตาม...
เพราะรัก...จึงพร้อมที่จะอยู่ด้วยกันในวันที่สุขและเศร้า...
//มาแล้วจ้า...ดราม่าเบา ๆ ที่มีความหวานมาเสิร์ฟพอให้หัวใจหายหน่วง (หรือเปล่า ?) อย่า...อย่าเพิ่งงอนเค้านะเออ...โปรดรออ่านตอนต่อไป...แล้วจะรู้ ‘อะไร’ เพิ่มมากขึ้น...^^
ตอนที่ 35 แล้วอ่ะ...อีกแค่ 5 ตอนเอง...ฟิคเรื่องนี้ก็จะจบแล้ว...โหย...ใจหายเนอะ ><
แต่...แต่เค้ามีฟิคเรื่องใหม่มานำเสนอน้า~~
คนละเรื่องกะเรื่องหลอนซ่อนรักค่ะ...ฮ่า ๆ ๆ เป็นเรื่องแนวคล้าย ๆ เรื่องนี้เลย...
หวานเบา ๆ เรื่อย ๆ แนวครอบครัว ๆ อบอุ่น ๆ ...เหมาะสำหรับคนที่ชอบอ่านเรื่องนี้...
ถ้าอัพทัน คนอ่านที่รักลองไปตามอ่านดูนะคะ (จะเขียนหลังเรื่องนี้จบค่ะ) ^^~
เอาเป็นว่า...ดูแลรักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ อย่าป่วยแบบเค้าล่ะ (ป่วยอีกแล้ว ในรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ของปีนี้ เป็นปีที่เค้าป่วยบ่อยจริง ๆ) ฮ่า ๆ ๆ
รักทุกคนนะคะ ขอบคุณที่ตามอ่านกันมาตลอด...กอดกันๆ ๆๆ >.<~
*~~ โปรดติดตามตอนต่อไปเด้อค่า ~~ *
ความคิดเห็น