เด็กแนวเป็นตัวตนหรือคนอื่น
ประวัติเด็กแนว
ผู้เข้าชมรวม
468
ผู้เข้าชมเดือนนี้
3
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ปีที่ผ่านมากระแสแฟชั่นของวัยรุ่นไทยเปลี่ยนแปลงไปอีกเช่นทุก ๆ ปี ยิ่งเวลาล่วงหน้าขึ้นเท่าไหร่ แฟชั่นในยุคก่อน ๆ ก็ยิ่งน่าถวิลหา ทั้งเสื้อผ้าในแบบสมัยเก่าและแบบที่นำมาผสมกับสมัยใหม่ ตอนนี้เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายยิ่งแปลกแหวกแนวมากเท่าไหร่ก็ยิ่งน่าสนใจ ไม่ใช่เพียงแฟชั่นเสื้อผ้าที่ผ่านเข้ามาสร้างความแปลกใหม่ แต่ยังติดสอยห้อยตามแฟชั่นที่เรียกว่า “เด็กแนว” ตามมาด้วย
เด็กแนวหรือเด็กอินดี้ เป็นคำที่ถือว่าฮิตมากในช่วงนี้ไปทางไหนก็ได้ยินจนเริ่มชินหู แต่ยังไม่มีสำนักไหนบัญญัติความหมายจริงๆ ได้ เช่นเดียวกับศัพท์แสงวัยรุ่นคำอื่นๆ ที่ล้วนแต่มาไวแล้วก็ไปไว แต่ที่เข้าใจตรงกันคือว่าเด็กแนวใช้เรียกวัยรุ่นกลุ่ม ที่มีความเป็นตัวของตัวเองสูง แต่งตัว แปลกๆ แสดงออกอย่างโดดเด่นและสนใจในเรื่องต่างๆ แตกต่างหรือแหวกแนวไปจากคนอื่น
ในยุคแรกเด็กแนวจะเป็นกลุ่มวัยรุ่นที่แต่งตัวออกแนวศิลปะหรือแต่งเลียนแบบวงร็อกอังกฤษ แต่ที่ฮิตมากคือใส่เสื้อยืดพอดีตัวหรือซ้อนทับกัน 2 ตัวกับกางเกงยีนส์ที่ดูเปรอะเปื้อนนิดหน่อย ถ้าเปื้อนอุปกรณ์ศิลปะพวกสีพวกกาวยิ่งดี และมีความสนใจในเรื่องต่าง ๆ เช่น หนังสือ ภาพยนตร์ หรือเพลง แตกต่างจากคนอื่น (หรือที่เรียกว่าเฉพาะกลุ่ม)
ปัจจุบันเด็กแนวมีพัฒนาการเติบโตขึ้นจากเดิมมากไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มเครื่องประกอบของแฟชั่น มีแฟชั่นเด็กแนวแปลกใหม่เพิ่มขึ้นมา ทั้งแบบแฟชั่นญี่ปุ่น พั้งค์ และฮิพฮอพ หรือการเพิ่มจำนวนขึ้นของ กลุ่มคน จนน่าสงสัยว่าทำไมการเป็นเด็กแนวสามารถเป็นกันได้ง่ายๆ ขนาดนั้นการจะทำให้ตัวเองเปลี่ยนเป็นอีกแบบหนึ่งมันทำได้ในเวลาสั้นๆจริงหรือ?
การเดินทางเข้ามาของแฟชั่นการเป็นเด็กแนว ดูจะกลืนหายความเป็นตัวเองของวัยรุ่นผู้รักการเปลี่ยนแปลงปรับสีให้เข้ากับสภาพแวดล้อม จนเกิดคำถามมากมายว่าเด็กแนวคือตัวตนจริง ๆ หรือแค่เป็นแฟชั่นเพื่อให้การอยู่ในสังคมน่าสนใจที่สุดไม่ว่าจะในมุมมองของผู้ใหญ่ มุมมองระหว่างเด็กด้วยกันเองหรือในมุมที่เด็กแนวมองตัวเอง
ยังมีผู้ใหญ่หลายคนที่ไม่ค่อยเข้าใจคำว่าเด็กแนวเท่าไหร่นัก แต่สำหรับคนที่พอเข้าใจก็ได้แสดงความรู้สึกต่อการเปลี่ยนแปลงของวัยรุ่นในยุคนี้ อย่างเช่น ป้าร้านเช่าการ์ตูนย่านมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งที่ขอสงวนนาม เพราะกลัวเด็กมาว่า
“ป้าก็ไม่ค่อยรู้หรอกไอ้เด็กแนวเนี่ย แต่ว่าก็เห็นเด็กเขาพูดกันพยายามฟังให้รู้ว่าไอ้เด็กแนวเนี่ยมันเป็นเด็กอะไร ป้าก็ถามเด็กเขาก็บอกว่า ไอ้พวกทำตัวประหลาด เจ๋ง ๆ ไงป้า ป้าก็ถามว่าเจ๋งยังไง เขาก็บอกว่าทำแบบที่คนอื่นเขาไม่ทำ แล้วก็ว่าเราว่าโหไม่แนวเลยป้า ป้ายิ่งงงไปใหญ่ (แถมห้ามเราพูดต่อเดี๋ยวมีเรื่องกัน) ตอนนี้ก็เห็นนักศึกษาที่แต่งตัวทำผมเหมือนพวกนักร้องในทีวีก็เริ่มเข้าใจแล้ว แต่ป้าว่าเขาก็ไม่เห็นเสียหายตรงไหนนะก็เป็นเด็กดีกัน บางคนเรียนเก่งด้วย เพราะถ้าสนิทกันเขาจะเล่าเรื่องเรียนให้เราฟัง”
ถึงแม้หลายคนยังปฏิเสธการถูกเรียกว่าเป็นเด็กแนวเพราะคิด ว่าการเป็นตัวของตัวเองแบบนี้ไม่ได้ปรุงแต่งหรือเปลี่ยนแปลงอะไร เช่นเดียวกับ คุณสินีนาฏ สุวรรณ์ สาวเก่งพนักงานฟรีแลนซ์ ทำหน้าที่รีพอร์ตและผู้ช่วยผู้จัดการกองถ่ายภาพยนตร์ ของบริษัทผลิตภาพยนตร์ชื่อดังแห่งหนึ่ง
“มีหลายคนบอกว่าเราเป็นเด็กแนว แต่เราคิดว่าตัวเองไม่เป็น เวลามีคนว่าก็ไม่รำคาญไม่โกรธ ขำๆ นะ แต่ว่าไม่ชอบ เพราะไม่ว่าอะไรก็เด็กแนว ๆ ความจริงเราแค่อยากทำแบบนี้อยากแต่งตัวอะไรก็แต่งแล้วแต่วันว่าวันนี้อยากแต่งแบบไหน เราไม่ได้แต่งแบบเดิมๆ ตลอด บางวันใส่กางเกงบางวันใส่กระโปรงแบบผู้หญิงคนอื่นทั่วๆไป เราเด็กสุดในทีมงาน และแต่งตัวจัดอยากใส่อะไรก็ใส่ พี่เค้าคงอยากทำแบบนี้แต่ทำไม่ได้แก่แล้วก็เลยแซวเรา
ในความรู้สึกเราเด็กแนวก็เป็นวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งที่กล้าแสดงออก เขาคิดอยากจะทำอะไรก็ทำเหมือนเป็นการปลดปล่อย ไม่กลัวว่าใครจะว่าอะไร มีความมั่นใจในตัวเอง แต่บางคนก็ตามแฟชั่นนักร้อง ถ้าบอกว่าเป็นเด็กแนวเป็นการเปลี่ยนตัวเองไหม มันเป็นบางคนมากกว่า บางคนอาจจะเปลี่ยนตามแบบคนอื่นๆ แต่คิดว่าถึงจะเปลี่ยนการแต่งตัวหรือการแสดงออกได้ แต่ความรู้สึกตัวเราจะรู้เองว่ามันไม่ใช่ เพราะแค่แต่งตัว ประหลาดๆ แล้วจะเป็นเด็กแนวได้นะ แต่ละคนก็อาจจะมีแนวของตัวเองแต่มันชัดเจนขึ้นมาด้วยเรื่องแฟชั่น”
แต่หลายคนก็ยอมรับตามตรงว่าเป็นเด็กแนว และคิดว่าไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนกับการแต่งตัวหรือประพฤติตัวแบบนี้ เช่นวัยรุ่นกลุ่มนี้ที่ถูกเพ่งเล็งบ่อยทั้งจากสื่อและผู้ใหญ่ จึงไม่ขอเปิดเผยชื่อเพราะกลัวปัญหาจะเกิดขึ้นซ้ำอีก
“ผมคิดว่ากลุ่มเรากลางๆ นะไม่แนวมากเราแนวในแบบของเราคือเป็นแนวเราเอง และคิดว่าเทรนด์เด็กแนวเนี่ยมันมาทีหลังการแต่งตัวของเรานะ เราไม่ได้เปลี่ยนตามอะไร แต่เด็กแนวหรือไม่แนวมันขึ้นอยู่กับกลุ่มที่ทำขึ้นมาว่าต้องเป็นแนวพั้งค์ต้องเป็นแนวฮิพฮอพ จริงแล้วของพวกนี้มันขึ้นอยู่ที่ว่า คุณรู้จักสถานที่ รู้จักกาลเทศะคุณก็น่าจะแบ่งแยกได้ว่าอะไรสมควรไม่สมควร และคุณใช้เวลาว่างให้ถูกต้อง
ไม่ใช่ว่าคุณจะแนวอย่างเดียวเอาสนุกไปวันๆ แล้วคุณจะไม่เรียนหนังสือ คุณก็ต้องเรียนหนังสืออยู่ดีคุณต้องรู้จักแบ่งเวลาหน้าที่ลง อย่างกลุ่มของเราก็เรียนหนังสือกันทุกคน บางคนมีปัญหาในการเรียน กิจกรรมของเราก็ทำให้ปัญหาเบาบางลง ควบคุมตัวเองให้ดีที่สุดไม่เดือดร้อนคนอื่นทำแต่เรื่องที่ดี อย่างกลุ่มเราก็เล่นกีฬา ออกกำลังกาย”
ยุคสมัยเปลี่ยนไปเรื่องราวผู้คนก็ผันแปรตามเป็นธรรมดา วัยรุ่นก็เป็นอีกวัยที่เปลี่ยนแปลงค่อนข้างเร็ว แต่การแต่งตัวแบบไหน ประพฤติตัวอย่างไร คงไม่ทำให้ใครเสียหาย หรือสร้างปัญหาอะไรมากมาย ถ้าภายในจิตใจและจิตสำนึกของเด็กไทยยังเป็นคนดี ไม่ได้มุ่งสร้างความเดือดร้อนให้สังคมหรือเปลี่ยนไปในทางที่เสื่อมถอยลง อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ยังเป็นกำลังสำคัญของชาติต่อไปได้ตามแนวของตัวเอง.
ผลงานอื่นๆ ของ แม่มดพั้งค์ ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ แม่มดพั้งค์
ความคิดเห็น