ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เป็นเกมจีบหนุ่มแล้วไง? ข้าขอเล่นแบบเกม Action RPG แล้วกัน!

    ลำดับตอนที่ #76 : 10 ขวบ : ความคิดที่แท้จริงของผู้คนแห่งเกาะล่ะ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 285
      23
      25 ส.ค. 63

    อือ~


    ฉันได้ยินเสียงจักจั่น เสียงจักจั่นล่องลอยมาตามไอเย็น บ่งบอกถึงเวลาที่ล่วงเลยมาถึงช่วงเวลากลางคืน แต่ถึงกระนั้น ณ มุมหนึ่งยังรู้สึกถึงความอบอุ่น


    ฉันเคยรู้สึกถึงความอบอุ่นแบบนี้จากที่ไหนกันนะ?


    ไออุ่นที่แสนสบายจากปล่องไฟ ในยามหน้าหนาว ณ ตอนนั้น ฉันกับท่านพี่เดวิดได้นอนล้อมรอบปล่องไฟอย่างเสียมารยาท แต่ถึงกระนั้น ท่านพ่อและท่านแม่ก็ยังยิ้มให้กับภาพของเหตุการณ์ในครั้งนั้น


    ความอบอุ่นของครอบครัวที่แสนจะโหยหา


    “ท่านแม่คะ......”


    “หุหุหุ ฉันไม่ใช่ท่านแม่ของหนูหรอกนะ” 


    แต่แล้ว ความฝันนั้นก็หายไป ฉันถูกปลุกตื่นจากเสียงหนึ่งที่ไม่คุ้นเคย ดังนั้นฉันจึงลืมตาขึ้น ภาพที่อยู่ตรงหน้าคือเพดานที่ไม่คุ้นเคย ที่นี่ที่ไหนกันนะ? แล้วเสียงเมื่อกี้


    วูบ


    ในขณะที่คิด ร่างๆหนึ่งก็โน้มตัวเข้ามาหา หน้าอกอันใหญ่ยักษ์ที่ไม่รู้ที่มา ไหลลงมากดทับหน้าท้องของฉันที่นอนอยู่และใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยก็ปรากฏ ใบหน้าของหญิงสาวที่งดงามและอ่อนโยน ถ้าหากใบหน้าที่ฉันเห็นนี้คือรูปปั้นล่ะก็ คงจะเป็นรูปปั้นของพระแม่องค์ใดสักองค์แน่....


    เพียงแต่ว่า


    “คะ....ใครกัน!!!”


    ฉันรีบลุกทันที รู้สึกเหมือนกับว่าเมื่อครู่นี้นอนบนสิ่งที่อ่อนนุ่มและหอมละมุน ถ้าจะพูดให้ถูกคือ ฉันได้นอนลงบนตักของผู้หญิงลึกลับคนนั้น 


    “แหมๆ~ เพิ่งนอนไปแค่ไม่กี่ชั่วโมงเอง นอนต่ออีกหน่อยก็ได้นะจ๊ะ”


    เธอพูดพลางยิ้มร่า ส่วนฉันนั้นก็เริ่มถอยตัวออกห่าง ในสถานการณ์ที่แปลกประหลาดเช่นนี้ ทั้งหมู่บ้านที่ไม่ต้อนรับผู้คน ทั้งสถานการณ์ที่โดนตามล่า และคนแปลกหน้าที่จู่ๆพาพวกเราเข้ามาในที่แห่งนี้ ดูยังไงก็น่าสงสัย


    เธอคือใคร เธอคิดจะทำอะไร แล้วอาเจนโต้กับเจ้าหญิงอาเรียอยู่ที่ไหน?


    คิดดังนั้นจึงหันซ้ายขวา และเมื่อทำเช่นนั้น


    “คุณหนูทั้งสองนอนอยู่ที่มุมห้องฝั่งตรงนั้นน่ะจ๊ะ”


    เธอชี้ตามสายตาของฉัน และเมื่อมองไปยังจุดที่ชี้ไป ก็พบกับอาเจนโต้และเจ้าหญิงอาเรียที่กำลังนอนหลับอย่างสบายอยู่บนเตียงที่ดูเหมือนจะนุ่มน่าดู


    ผู้หญิงคนนี้พาพวกเขาทั้งสองขึ้นไปนอนงั้นหรือ? สองคนนั้นลมหายใจปกติ ดูจากท่านอนแล้วไม่มีอะไรผิดปกติเช่นกัน ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้ทำอะไรแปลกๆกับทั้งสองคนนั้น แล้ว...สิ่งที่เธอต้องการจะทำคืออะไรกันล่ะ?


    “คุณ...คิดจะทำอะไรกับพวกเรากันแน่คะ?”


    พอถามไปเช่นนั้นเธอก็หลับตา พลางยิ้มออกมา


    “อะไรกัน? แค่ผู้ใหญ่ที่อยากจะช่วยเด็กอย่างเธอ แปลกงั้นเหรอจ๊ะ?”


    “ไม่แปลกหรอกค่ะ แต่หมู่บ้านแห่งนี้ไม่ต้อนรับพวกเรานี่นา”


    ตั้งแต่ที่ปิดประตูใส่ ทำเป็นไม่เห็นว่ามีคนอยู่ข้างนอก รวมถึงคนที่พยายามจะฆ่าพวกเรา ดูยังไงก็ไม่ต้อนรับชัดๆ ถึงแม้ว่าเธอคนนี้จะมาอยู่ในป่าอย่างโดดเดี่ยวก็เถอะ แต่ก็ยังไว้ใจไม่ได้หรอกนะว่าเธอจะไม่ใช่พวกเดียวกับพวกนั้น


    พอพูดเช่นนั้น เธอก็ทำหน้าเศร้านิดหน่อย


    “อยากฟังเรื่องเล่าอะไรสักหน่อยไหม?”


    แล้วเธอก็เริ่มเล่าออกมา


    ที่เกาะแห่งนี้นั้นเมื่อไม่นานมานี้ถูกเฝ้าระวังจากทหารเป็นพิเศษ สาเหตุหนึ่งเพราะว่าทางราชวังมีโครงการลับในการลักลอบ ลักพาตัวเจ้าชายและเจ้าหญิงจากอาณาจักรอื่นมาเป็นตัวประกัน


    ฟังเช่นนั้นฉันก็ตั้งการ์ดอีกครั้ง


    “สรุปว่าคุณรู้อยู่แล้วสินะว่าพวกเราเป็นใคร!!!!!


    ถ้าเกาะแห่งนี้รู้เป้าหมายของอาณาจักรแล้ว แสดงว่าเรื่องของพวกเราก็รู้ด้วยเช่นกัน ฉันรวบรวมพลังไว้ที่มือเพื่อที่จะต่อกรและหลบหนีได้ทุกเมื่อ แต่ทันใดนั้นเธอก็ส่ายหัว


    “ใช่ ฉันรู้ พวกเรารู้ แต่...ไม่ใช่หรอกนะ พวกเราไม่ได้ต้องการจะส่งพวกเธอไปให้เขาหรอกนะ”


    “หมายความว่ายังไงกันคะ.....”


    “พวกหนูรู้จักประวัติของเกาะนี้หรือเปล่าจ๊ะ?”


    ประวัติงั้นเหรอ? ถ้าเป็นเรื่องของเกาะเมเทแห่งนี้ ฉันศึกษาเรื่องราวมาหมดทุกอย่างแล้วล่ะนะ

    คิดดังนั้นจึงพยักหน้า 


    “แหม~ ช่างเป็นเด็กที่หมั่นศึกษาหาความรู้ดีนะคะ เก่งมากจ๊ะ เก่งมาก ถ้าเช่นนั้นคงรู้เรื่องเกี่ยวกับ ความสามารถของเผ่าปีศาจสินะจ๊ะ”


    เอ๋? ปีศาจ อะไรนะ?


    “ใช่จ๊ะ ชาวบ้านทุกคนยกเว้นฉันเป็นเผ่าปีศาจจ๊ะ ทุกคนเป็นปีศาจชั้นล่างที่มีความสามารถด้านการค้นหาที่สูง ดังนั้นพวกของอาณาจักร จึงใช้งานพวกเขาเพื่อที่จะตามล่าหาเหยื่อ หรือก็คือพวกเธอไงล่ะจ๊ะ”


    ในขณะที่กำลังตามความคิดไม่ทัน คุณคนนี้ดูเหมือนว่าจะสรุปไปว่าฉันเข้าใจแล้ว และอธิบายเรื่องที่น่าตกใจขึ้นมาหนึ่งอย่าง จะบอกว่าชาวบ้านทุกคนที่เจอก่อนหน้านั้นเป็นเผ่าปีศาจงั้นรึ


    “ถ้าเช่นนั้นที่ชาวบ้านไม่ต้อนรับพวกฉันเพราะว่าพวกเขาที่เป็นเผ่าปีศาจไม่ต้อนรับมนุษย์งั้นหรือ แต่ว่าพวกเขาน่าจะตามล่าฉันอยู่นี่นา ทำไมถึงไล่พวกเราออกมาล่ะ?”


    ถ้าคำนึงตามคำที่เธอกล่าวล่ะก็ ทหารต้องมาที่แห่งนี้และคอยให้ชาวบ้านสอดส่องพวกเราเป็นแน่ เพราะฉะนั้นถึงแม้จะเป็นมนุษย์ที่เผ่าปีศาจรังเกียจ แต่ถ้าหลอกล่อพวกเราเอาไว้ และรอให้ทหารมาจับ อะไรมันก็น่าจะง่ายกว่านี้ไม่ใช่หรือ?


    พอถามไปเช่นนั้นเธอก็ทำหน้าเศร้า พลางเอามือประสานกันด้วยท่าทางที่ไม่สบายใจเล็กน้อย


    “พวกหนูคิดว่าทุกคนที่นี่เป็นคนใจร้ายแบบนั้นหรือจ๊ะ?”


    ก็แหม....โดนไล่ฆ่ามานี่คะ...


    “ค่ะ ไม่ใช่หรือคะ?”


    “แล้วหนูลองคิดดูบ้างหรือยังจ๊ะ ว่าทำไมชาวบ้านถึงไม่ออกมาพบหนู ทำไมถึงซ่อนตัวไม่สนใจ ไม่พบเห็น หรือมีบางคนที่ไล่หนูมายังที่แห่งนี้”


    “เพราะรังเกียจมนุษย์ไม่ใช่หรือคะ?”


    “หนูเองก็พูดเองนี่นา ว่าถ้าหากยอมฝืนตัวเองเสียหน่อยและหลอกล่อพวกหนูเอาไว้ น่าจะทำภารกิจตามที่ทหารไหว้วานมาได้จนสำเร็จน่ะ?”


    “เอ๋ แล้ว ถ้าเช่นนั้นมันอย่างไรกันแน่ล่ะคะ?”


    “ที่พวกเขาไม่ยอมพบหน้าพวกเธอ ก็เพราะถ้าไม่เห็น ก็แจ้งกับทหารไม่ได้ยังไงล่ะจ๊ะ...”


    พูดดังนั้นพลางหลับตาลง ส่วนฉันนั้น.....เป็นแบบนั้นเองงั้นหรือ? จะบอกว่าชาวบ้านจงใจเมินพวกเรา เพราะว่าถ้าไม่สนใจตั้งแต่แรก ก็เท่ากับว่าไม่เห็นพวกเรา แบบนั้นสินะ


    สำหรับเผ่าปีศาจนั้น การโกหกถือว่าเป็นการเสียเกียรติอย่างยิ่งยวด ดังนั้น วิธีการนี้จึงเป็นวิธีช่วยพวกเราที่ดีวิธีหนึ่ง แต่ถึงอย่างนั้น


    “แต่ถ้าหาก ทหารจับได้ขึ้นมาล่ะก็ พวกคุณจะต้องซวยตามไปด้วยไม่ใช่หรือคะ? ถ้าหากเป็นปีศาจชั้นล่างล่ะก็ ไม่น่าจะต่อกรทหารได้นะคะ แบบนั้นจะดีแล้วจริงๆหรือคะ?”


    “ไม่ต้องห่วงหรอกจ๊ะ เธอจำได้ไหม ผู้ชายคนที่ไล่พวกเธอมายังป่าแห่งนี้”


    “คุณผู้ใหญ่บ้านหรือคะ?”


    จำได้อย่างไม่ลืมเลยล่ะ เพราะเขาเป็นคนเดียวที่โต้ตอบกับพวกเรา คนที่ทำให้เราจนมุมอย่างไม่เคยมีมาก่อน


    “ใช่แล้วล่ะ ท่านผู้ใหญ่บ้านน่ะนะ ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป จะไม่ยอมปล่อยให้พวกนั้นทำตามอำเภอใจอีกแล้วล่ะจ๊ะ ถึงแม้พวกเราจะอ่อนแอก็ตาม แต่มันถึงเวลาแล้วที่พวกเราจะลุกขึ้นสู้บ้าง เพื่อตอบแทนในการกดขี่ข่มเหงที่พวกมันเคยทำเอาไว้ พวกหนูเองก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้พวกเราตัดสินใจได้นะ เพราะถึงแม้พวกเขาจะเป็นเผ่าปีศาจที่เป็นที่หวาดกลัว แต่จะให้ทำร้ายเด็กเล็กอย่างพวกเธอน่ะ พวกเราไม่มีวันทำเช่นนั้นแน่ ”  


    พูดดังนั้นด้วยแววตาระยิบระยิบอย่างมั่นใจ จะบอกว่าผู้ใหญ่บ้านคนนั้นจะกลายเป็น ผู้นำกำลังรบเพื่อต่อสู้กับเหล่าทหารอย่างนั้นหรือ?  


    “มั่นใจน่าดูเลยนะคะ ไว้ใจขนาดนั้นเลยหรือคะ?”


    สำหรับตัวฉันเองคงไว้ใจคนที่เกือบจะฆ่าตัวเองไม่ไหว แต่ประโยคถัดไปนั้นได้เปลี่ยนแปลงความคิดฉันอย่างไม่ทันคาดคิด


    “นั่นสินะ.....ไว้ใจอยู่แล้วสิจ๊ะ ก็คนที่บอกให้ฉันมาช่วยพวกหนูก็คือเขา.....สามีขอฉันเองนี่นา หุหุ....”


    “.........คะ?” 


    นั่นคือข้อมูลที่ฉันแทบจะไม่เชื่อหูตัวเองเลยทีเดียว...  

    ***

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×