คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #68 : 10 ขวบ : อำลาหลังงานเลี้ยงล่ะ
“งั้นตัวข้าขอกลับก่อนนะ”
ในขณะที่งานเลี้ยงกำลังจะจบลง องค์ชายรอยด์ก็ขอตัวกลับก่อนที่งานเลี้ยงจะเลิกเสียอีก ถึงแม้จะมี
ท่าทางเหมือนยังไม่อยากจะกลับก็เถอะ แต่พอเห็นคุณทหารองครักษ์พูดขึ้นก็ทำหน้าเคร่งเครียดก่อน
ที่จะกลับมาปั้นยิ้มอีกครั้งและพูดเช่นนั้นตอบฉัน
อันที่จริงหมอนี่จะอยู่หรือไม่อยู่ก็ไม่ใช่เรื่องของฉันอยู่แล้วล่ะนะ
“ดิฉันรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่พระองค์ทรงมีพระกรุณามายังงานเลี้ยงของหม่อมฉัน หม่อมฉันขออวยพร
ให้พระองค์ทรงเดินทางกลับโดยสวัสดิภาพค่ะ”
ฉันจึงยิ้มรับและเอ่ยคำลาแบบไม่เก็บอาการเลยสักนิด
ไปดีมาดีแล้วก็ไม่ต้องกลับมาอีกนะคะ โฮะๆๆๆๆ
ดูเหมือนหนึ่งในองครักษ์จะมาพูดอะไรกับท่านพ่อด้วย แต่ว่าคงไม่เกี่ยวกับฉันจึงขอไม่สนใจ และใช้ช่วง
เวลาที่เหลือกับกลุ่มเพื่อนคนอื่นๆต่อ
งานเลี้ยงของฉันใกล้ถึงจุดไคล์แมกซ์แล้ว หลังจากที่กล่าวเปิดงานไป อาหารที่ถูกจัดเอาไว้เต็มจานก็เริ่ม
พล่องจนเหลือน้อยเต็มทีแล้ว หลังจากนี้
พอได้พูดคุยกันนิดหน่อย ต่างคนก็จะต่างแยกย้ายกันไป
คนใดที่อยู่ใกล้ก็จะกลับเลย ส่วนคนที่อยู่ไกล ทางคฤหาสน์ควินมาร์กก็เปิดที่พักรับรองให้คืนหนึ่งก่อนที่
จะส่งกลับในวันพรุ่งนี้
แล้ว......ใครจะอยู่กับฉันบ้างนะ
“ดิฉันจะกลับเลยน่ะค่ะ”
เนทิเลียยกมือคนแรก คงเพราะว่า ถ้าหากนับจากทุกคนแล้ว โบสถ์ส่วนกลางนั้นอยู่ห่างจากคฤหาสน์
ควินมาร์กเพียงแค่ไม่กี่อึดใจเท่านั้น
“ถ้าเช่นนั้นทางนี้ขอค้างกับท่านเอลิเชียนะคะ!!!”
อมาเรียยกมือขึ้นอย่างร่าเริง แน่นอนว่าถึงแม้อาณาเขตลูน่าจะไม่ได้ไกลนัก แต่ถ้าเป็นอมาเรียคงไม่พลาด
โอกาสนี้แน่ๆ ถึงยังไงก็เถอะ ฉันก็ดีใจนะ
คิดว่าคืนนี้คงมีเรื่องอะไรให้คุยกันมากมายเลยล่ะ
“ถ้าเช่นนั้นขอค้างด้วยแล้วกันนะเจ้าคะ....”
ถัดมาคือท่านมาเรียริส ดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะเหนื่อยมากน่าดู สาเหตุคงมาจากคนที่เกาะอยู่หลังกระโปรง
ของเธอนี่แหละ
“แล้วท่านมาม่อนล่ะ?”
“ผมจะนอนกับท่านพี่!!!”
อื้อ ยังคงซิสค่อนรุนแรงเช่นเคย ถ้าขืนโตไปแบบนี้จะกลายเป็นคนประหลาดๆแบบท่านพี่หรือเปล่านะ
แบบนั้นไม่ดีแน่.....
“ไม่ได้นะคะท่านมาม่อน
ท่านมาเรียริสจะต้องนอนกับพวกฉัน ผู้ชายห้ามนะคะ!”
เลยลองพูดแกล้งดู ถึงแม้จะไม่ได้นอนด้วยกันจริงๆก็เถอะ แต่ถ้าเกลี้ยกล่อมให้เจ้าเด็กนี่แยกจากพี่สาว
มาได้บ้างนิดหน่อย
ก็คงจะปรับเปลี่ยนนิสัยได้
มาเรียริสเองพอได้ยินก็หันมองมาทางนี้ทันที อ๊ะ ลืมถามความคิดเห็นเธอไปเลย ขืนไม่พอใจเข้าฉันเละ
แน่เลย~
“อื้อ
ก็อย่างที่ว่าแหละมาม่อน เดี๋ยวดิฉันจะขอนอนร่วมกับพวกท่านเอลิเชียนะเจ้าคะ”
ท่าทางจะเหนื่อยจริงๆแฮะ
ยอมเล่นตามบทละครอย่างว่าง่ายเชียว ส่วนทางซิสค่อนน้อยนั้น
“มะ...ไม่เอา
ไม่เอา ผมไม่เอา จะนอนกับท่านพี่ ยัยแม่มด ล่อลวงท่านพี่สินะ ปล่อยท่านพี่นะ!!!!”
“มาม่อน
อย่าดื้อนะเจ้าคะ!!”
และแล้ว มาเรียริสก็ตะโกนลั่น คงจะสุดทนแล้วจริงๆล่ะมั๊ง อย่างแรกเลยคือเด็กคนนี้เป็นลูกของผู้หญิงที่
มาแทนแม่ของเธอ ถ้าหากเป็นท่านมาเรียริสในเกมคงไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นแน่ๆ การที่ยอมให้มาม่อน
มาอยู่ใกล้ตัวและให้เด็กคนนี้หลงใหลในตัวเธอได้ถึงขนาดนี้แล้ว ตัวเธอเองคงจะเปลี่ยนไปในทางที่อ่อนโยน
น่าดูเลยทีเดียว
แง~
แต่เรื่องนั้นก็ส่วนเรื่องนั้น
เจ้าซิสค่อนเริ่มร้องไห้ออกมาแล้ว
งุบ!!
แต่แล้ว ในไม่นานเสียงนั้นก็หยุดลง ไม่ได้หยุดลงด้วยตัวเอง แต่หยุดลงด้วยมือของท่านพี่เดวิดที่ปิดปาก
ของมาม่อนเอาไว้
“ฮึบซะ
ถ้าขืนยังขี้แยแบบนี้เดี๋ยวพี่สาวจะหนักใจเอานะ!”
ท่านพี่เดวิดพูดขึ้นก่อนที่จะเอามือข้างหนึ่งปาดน้ำตาให้กับมาม่อน ในเวลาแบบนี้บางทีท่านพี่ก็พึ่งพา
ได้เหมือนกันน้า
“เอาล่ะ หยุดร้องไห้แล้วใช่ไหม ดีล่ะ คืนนี้ให้พี่สาวพักผ่อนนะ กลับกัน เดี๋ยวพี่ชายจะคอยฟังเรื่องราว
ของพี่สาวมาม่อนเอง ตกลงไหม?”
“อะ...อื้อ
ท่านพี่สาวสุดยอดไปเลย มาม่อนจะเล่าให้พี่ชายฟังเอง”
ขอโทษค่ะ ฉันพูดผิดเองแหละ ฉันไม่น่าปล่อยให้ซิสค่อนมาอยู่ด้วยกันกับเจ้าพ่อซิสค่อนเลย เด็กคนนี้
คงตกสู่เหวนรกแบบกู่ไม่กลับแล้วสินะ...ขอโทษล่วงหน้านะคะ ท่านมาเรียริส
“แล้ว...ท่านอาเรียล่ะคะ
คืนนี้จะค้างด้วยกันไหม?”
“อยากค้างค่ะ!!!”
ท่านอาเรียที่เริ่มหายเศร้าจากการที่ถูกฉันปฏิเสธไปตอบกลับอย่างแข็งขัน แต่ว่าในขณะเดียวกันอาเจนโต้
ก็เอามือมาบังไว้
“ก็...อยากจะเป็นเช่นนั้นอยู่หรอกนะ
แต่คงเป็นไปไม่ได้หรอก”
เขาว่าอย่างนั้นพลางทำสีหน้าไม่สบายใจนิดหน่อย เกิดอะไรขึ้นกันนะ? รู้สึกว่าหมู่นี้อาเจนโต้ไม่ค่อยร่าเริงเลย
มีเรื่องเหนื่อยใจอะไรหรือเปล่านะ?
ตอนนี้ฉันอายุ
10 ขวบ มั่นใจได้เลยว่าตอน 10 ขวบจะต้องมีอีเว้นท์อะไรเกิดขึ้นแน่ๆ
แต่ฉันยังคงนึกถึงมันไม่ออก
“ทำไมล่ะ มีเรื่องอะไรไม่สบายใจเหรอ? ถ้าหากเหนื่อยก็พักสักคืนหนึ่งสิ ฉันไม่ว่าอะไรหรอกนะ อีกอย่างเป็น
เจ้าชายกับเจ้าหญิงเดินทางไกลๆในตอนกลางคืนมันอันตรายไม่ใช่เหรอ?”
จะบอกว่าไม่มีเรื่องของการปลงพระชนก็ไม่ถูกนัก เพราะว่าโลกในยุคนี้มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นบ่อยๆ
อย่างเช่นเรื่องการชิงบรรลังค์อะไรแบบนี้ ถึงแม้ว่าเจ้าชายรอยด์ไม่น่าจะสั่งสังหารน้องชายตัวเองก็เถอะ
แต่ถ้าฝ่ายสนับสนุนเจ้าชายรอยด์เกิดลงมือขึ้นมามันก็อีกเรื่องหนึ่ง เพราะเรื่องผลประโยชน์มันไม่เข้าใคร
ออกใครนี่นะ.....
“อือ
มันก็อันตรายอยู่หรอก แต่ว่านะ....ท่านพี่เขากลับก่อนน่ะ”
“เจ้าชายรอยด์กลับก่อนแล้วมันทำไมเหรอ?”
“สัญญาณไม่ดีน่ะสิ ถ้าหากท่านพี่กลับก่อนล่ะก็ แสดงว่าอยู่ต่อต้องเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นแน่ แล้วยิ่งถ้ามีมือ
สังหารบุกเข้ามาล่ะก็
การที่ชั้นมาพักอยู่ที่นี่ก็เท่ากับเป็นอันตรายกับคนส่วนมากด้วย”
“พี่คะ....”
พอเห็นอาเจนโต้พูดอย่างขมขื่นเช่นนั้นเจ้าหญิงอาเรียก็จับมือแน่น ส่วนฉันก็ได้แต่มองอย่างเป็นห่วง
แต่ถึงอย่างนั้นก็คงจะช่วยอะไรไม่ได้มากกว่านี้แล้ว
“ดีล่ะ!
ถ้าอย่างนั้น ส่งท้าย เรามาฉลองกันจนถึงที่สุดดีกว่า!”
อาหารเหลือน้อยแล้ว ทุกอย่างใกล้จะหมดเต็มที จนถึงวินาทีสุดท้ายพวกเราสนุกสนานกับมันจนถึงที่สุด
อย่างน้อยตัวฉันเองก็รู้สึกเช่นนั้น จนกระทั่งงานเลี้ยงได้จบลง หรือจะให้บอกก็คือ
ใกล้จะปิดตัวลงต่างหาก
ถึงตรงนี้ฉันขึ้นไปกล่าวขอบคุณแขกทั้งหมดที่มางาน
และกล่าวลาแขกที่ตัดสินใจจะเดินทางกลับบ้าน
และเมื่อเสร็จสิ้นภารกิจฉันก็ส่งหน้าที่ให้ท่านพ่อต่อ
นอกจากอาเจนโต้ที่ดูเคร่งเครียดตลอดเวลาแล้ว ท่านพ่อก็มีสีหน้าเฉกเช่นเดียวกัน ฉันตึงเฝ้ามองท่านพ่อ
ที่ไม่ได้พูดอะไรมากตั้งแต่ที่งานเลี้ยงวันเกิดของฉันได้ถูกจัดขึ้น
และประโยคแรกที่ท่านพ่อของฉันพูดขึ้นก็คือ....
“องค์ชายอาเจนโต้และองค์หญิงอาเรีย....ถูกตั้งเป็นเป้าหมายในการลอบปลงพระชน....”
ในงานเลี้ยงวันเกิดอายุ 10 ปีของฉัน จู่ๆท่านพ่อก็ทิ้งละเบิดลูกใหญ่ลงมากลางงาน ทำเอาความทรงจำของฉัน
ส่วนหนึ่งผุดขึ้นมา
***
ความคิดเห็น