ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    「大天狗 の 花嫁」DAITENGU NO HANAYOME เจ้าสาวแห่งขุนเขา

    ลำดับตอนที่ #41 : ความโหดร้าย

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 41
      3
      10 ต.ค. 61


    เวลาผ่านไปจนกระทั่งต้นไม้ในป่าใหญ่พร้อมใจกันผลัดใบจนเป็นสีส้ม ร่างของเทพและปิศาจตนหนึ่งที่ยืนอยู่ด้านหน้าของบ้านไม้ นั้นเตรียมตัวเข้าไปในยามค่ำคืน พยัคฆ์ขาว หันมามองปิศาจไดเทนกุที่อยู่ด้านหลังโดยที่ทั้งสองไม่กล่าวอะไร โดยที่ไม่อาจทราบได้ว่าบ้านที่เงียบสงบนี้จะมีหญิงชรากับร่างหนึ่งที่กำลังนอนหลับอยู่ ก่อนดวงตาสีดำของหญิงสาวผู้ถักเปียจะลืมตาขึ้นมาด้วยสัญชาติญาณ เบียคโกะที่อยู่หน้าบ้าน ชักดาบออกมาจากฝักและพร้อมจะเปิดประตูเข้าไป

    เพราะเจ้า….ข้าต้องมาทำแบบนี้!!!”พยัคฆ์ขาวหันมาโวยวายเขาครั้งหนึ่ง แต่ไดกิเพียงยืนกอดอกของตนไว้โดยไม่กล่าวอะไร เบียคโกะจึงเปิดประตูเข้าไป และมองไปรอบๆก็ไม่พบใคร มีเพียงที่นอนที่ยับเท่านั้น ร่างนั้นสอดส่องไปทั่วว่ามีผู้ใดอยู่หรือไม่ โดยที่ไม่รู้ว่าดวงตาของหญิงสาวจ้องมองทั้งสองผ่านช่องประตูที่แง้มออกอย่างหวาดกลัว

    เบียคโกะเริ่มเปิดประตูไปเรื่อยๆ ด้วยสีหน้าที่วิตกกังวล ส่วนไดกิเองค่อยเข้ามาภายในบ้าน และมองไปรอบๆ และเหมือนจะมองมาที่หญิงสาวแอบอยู่ ฮิคาริเอามือปิดปากและถอยกรูดออกมาจากประตูอย่างห้ามตัวเองไม่ได้ และกอดหญิงชราที่อยู่ในห้องด้วยความหวาดกลัว

     

    หญิงสาวนอนสลบไสลอย่างไม่รู้สึกตัว นานเท่าไหร่ก็ไม่อาจทราบได้ ในที่สุดดวงตาสีน้ำตาลค่อยๆปรือตาขึ้นช้าๆอย่างหนักหน่วง มายุค่อยๆหันหน้าไปมองรอบๆ ที่ใบไม้นั้นเปลี่ยนเป็นสีส้มแสด เธอเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ ก่อนจะลุกขึ้นมาสำรวจตนเองท่ามกลางกองใบไม้ และเห็นหนอนแมลงวันเริ่มขึ้นตามตัวของเธอ

    ไม่นะ ออกไปๆ!!!”เธอปัดไปรอบๆตัว หนอนจำนวนมากก็ตกลงมา ให้ความรู้สึกสะอิดสะเอียนยิ่งนั้น ร่างกายของเธอเน่าลงอย่างมาก แขนทั้งสองข้างลีบเล็กแห้งกรังเหมือนกิ่งไม้ผุพังดูน่ากลัว  เธอตกใจจนร้องไห้โฮออกมา แต่ก็เช่นเดิมที่เธอไม่มีน้ำตาใดๆหลงเหลือแล้ว มายุจึงค่อยๆเดินไปตามทางในฤดูใบไม้ร่วง ไม่น่าเชื่อว่าเธอเองคงจะนอนสลบไปหลายเดือนอยู่ ร่างที่เริ่มบิดเบี้ยวค่อยๆใช้ไม่เท้าพยุงร่างของเธอไปตามทางเดินและร้องห่มร้องไห้ไปด้วยเหมือนเด็กที่หลงทาง ร่างบางเดินอย่างเชื่องช้าลงอย่างเห็นได้ชัด และยังรู้สึกขยะแขยงตนเองเป็นที่สุด มายุหยุดลงที่ริมบึงน้ำ และไม่รู้ว่าควรจะทำสิ่งใดต่อไป อยากจะอาบน้ำ แต่ร่างกายเธอคงเน่ากว่านี้แน่ๆ จึงทำได้เพียงนั่งอยู่ริมน้ำนั้น หญิงสาวชะโงกหน้าไปมองน้ำที่ใสสะอาดช้าๆ ก่อนจะเห็นใบหน้าของตนที่ซีดเซียวไม่เหลือความงามแต่อย่างใด แต่รอยดำนั้นขึ้นโผล่พ้นคอเสื้อขึ้นมาแล้ว จนมายุต้องหยิบผ้าขึ้นมาคลุมศีรษะของตนให้มิด

    ทำยังไงดีเนี่ย…”เธอนั่งกอดเข่าตนเองอยู่นาน ไม่รู้ว่าควรจะไปที่ไหนต่อดี

    ...ถ้าอาบน้ำแล้วเช็ดตัวดีๆ ก็น่าจะพอได้นะ…”มายุค่อยปลดโอบิออก

    โพล่ะ!!!”เสียงหนึ่งดังขึ้น หนอนกองใหญ่ตกลงบนพื้น หญิงสาวตกใจแทบจะสิ้นสติ เธอกรีดร้องลั่นออกมา หนอนคงเป็นสิ่งเดียวที่เธอกลัว มันซ่อนอยู่ในโอบิของเธอมานานหรือยังก็ไม่อาจทราบได้

    ไม่เอาาาานะ มันน่าขยะแขยงเกินไป!!!ร่างบางสติแตก แต่ยังไงก็ต้องเอาหนอนออกไปให้หมด หญิงสาวค่อยเปลื้องผ้าออก ร่างกายของเธอนั้นดำและแห้งกรัง ดูน่ากลัว เหมือนกิ่งไม้มากกว่าเรือนร่างของมนุษย์เสียอีก

    ฮือออ เหมือนศพที่ถูกสตาร์ฟ เอาไว้เลยมายุรับไม่ได้กับร่างกายของตน เธอปัดหนอนแมลงทั้งหมดออกจากตัว และใช้ผ้าชุบน้ำ เช็ดไปตามตัวของเธอจนทั่ว จนคิดว่าไม่น่าจะมีแมลงแล้ว และลงมือซักยูกาตะของตน ที่เลอะคราบน้ำเหลืองดูน่ากลัว

    ฮืออจะทำยังไงดี….”เธอรำพึงรำพันกับตนเอง พลางลงมือซักผ้าไปด้วย และค่อยนำมาตากไว้แถวๆต้นไม้ มายุถอนหายใจออกมา เธอลืมไปเลยว่าตอนนี้เธอไม่มีเสื้อผ้าตัวอื่นมาเปลี่ยนแต่อย่างใด จึงต้องนำผ้าคลุมมาคลุมตัวเอาไว้อย่างมิดชิด และรอให้ผ้าแห้งอย่างใจจดใจจ่อ เธอนั่งเช่นนั้นอยู่นาน

    ไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไปแล้ว….เจอเทพทั้งสององค์แล้ว แต่ก็ไม่มีใครช่วยฉันได้เลยหรอแต่ว่า อย่างน้อยเจอเทพอิซานากิแล้วก็ค่อยสบายใจขึ้นนิดหนึ่งนะเธอพึมพำกับตนเอง และดูข้อมือของตนที่มีเส้นด้ายสีขาวที่เริ่มเปื่อยลงที่ท่านไดกิได้เคยทำให้เธอไว้แล้ว

    ถ้าผนึกหายไป ท่านไดกิคงรู้ว่าฉันอยู่ไหนตั้งแต่ไกลเลยสินะมือบางลูบข้อมือของเธออย่างเบามือ

    ท่านไดกิดิฉันอยากเจอท่านเหลือเกินค่ะ…”

    หญิงสาวนั่งรอต่อไปพลางดูใบไม้เปลี่ยนสี นึกถึงวันแรกที่พบกับไดกิ ตอนนั้นเธอทั้งกลัวและบาดเจ็บหนัก แต่ก็มีเขาช่วยไว้ ชายหนุ่มผู้สวมหน้ากากสีแดงสดผู้นั้น ไม่มีใครคาดคิดว่าเขาจะได้มาเป็นสามีของเธอ

    นั่นสินะฉันกับท่านไดกิไม่ค่อยได้อยู่ด้วยกันเสียเท่าไหร่ เราห่างกันบ่อยมากกว่าอยู่ด้วยกันเสียอีก ฉันคิดแล้วว่าจะต้องอยู่กับท่านไดกิเท่านั้น แต่ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี ในเมื่อการเกิดเป็นมนุษย์ไม่ทำให้ฉันอยู่เคียงคู่กับเขาได้นานอยู่แล้ว จะเกิดเป็นมนุษย์อีกกี่รอบ ก็ยิ่งทำให้เขาเจ็บปวดเท่านั้น

     ดิฉันจะอยู่กับท่านไดกิแต่ต้องไม่ใช่สภาพนี้สิเธอครุ่นคิด และนึกถึงคำสาปที่อิซานากิสาปเธอ ก่อนหญิงสาวจะยิ้มออกมา

    เป็นไปอย่างที่คิดเลย…”หญิงสาวหวนนึกถึงเมื่อยามเธอเผชิญหน้ากับเทพแห่งการสร้าง มายุที่นั่งบนขอนไม้นั้นมองไปยังท้องฟ้าอันไกลแสนไกล

    ฉันควรกลับไปตั้งหลักที่บ้านคุณยายดีกว่า…”หญิงสาวนั่งคิดไปเรื่อยๆ ยังไงเธอก็ต้องกลับไปที่นั่น เพราะเมื่อไม่มีมาโคะโตะแล้ว มายุก็ตามหาของที่มีคำสาปอื่นๆไม่ได้อีก

    สุดท้ายฉันก็ทำเพื่อตัวเอง…”ขณะที่มายุรำพึงรำพันนั้น ใบเมเปิ้ลก็ร่วงหล่นลงมาบนตักของเธอ หญิงสาวหยิบขึ้นมาดู และเงยหน้ามองทิวทัศน์รอบๆที่สวยงาม สีแดงส้มตัดกับสีของน้ำในบึงดูเงียบสงบ ร่างบางค่อยลุกขึ้นมาแต่งตัวให้เรียบร้อย และออกเดินทางต่อไปเรื่อยๆ ร่างที่เชื่องช้าอย่างมาก จนเธอดูไม่ต่างอะไรกับหญิงชราเสียเท่าใด ผ้าคลุมที่คอยปิดบังใบหน้าก็ต้องปกปิดให้มิดเพราะกลัวคนอื่นจะเห็นเธอในสภาพเช่นนี้ ร่างบางค่อยๆก้าวไปโดยใช้ไม้เท้ายันกับพื้น เธอต้องขอบคุณยามะคาวะอย่างมากที่มอบไม้เท้านี้ให้เธอ มายุเดินต่อไปเรื่อยๆ ไม่มั่นใจว่าที่นี่ถูกทางหรือไม่ เพราะต้นไม้ได้เปลี่ยนสีใบไปหมดแล้ว ต้นซากุระที่เคยออกดอกสวยงาม ก็แปรเป็นสีเขียวสลับกับใบไม้แห้ง จนทำให้เธอจำไม่ได้นักว่าเป็นทางที่ใช่หรือไม่ ตอนนี้เธอเดินกลับไปอย่างใช้ความรู้สึกของตนนำทางไปเท่านั้น ก่อนจะก้มหน้าก้มตาเดินต่อไปในป่า  จนกระทั่งตะวันตกดิน ท้องฟ้าด้านบนที่ไร้แสงดาวก็ยังทีดวงจันทร์สว่างสดใส ดวงตาสีน้ำตาลเข้มมองพระจันทร์ดวงโตบนท้องฟ้า

    ท่านไดกิคงจะเหมือนดวงจันทร์ แต่ฉันคงจะเป็นแค่ดวงดาวเท่านั้น….วันไหนที่ดวงจันทร์โผล่ออกมาส่องแสง วันนั้นดวงดาวจะถูกแสงสว่างบดบัง แต่ว่าวันไหนที่ไม่มีดวงจันทร์ จึงจะมองเห็นดวงดาวน้อยๆเต็มท้องฟ้าพวกเราสองคนจะมีวันที่จะได้อยู่ด้วยกันอีกไหมนะสีหน้าของเธอโศกเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัด

     

    ดิฉันอยากจะบอกท่านไดกิหลายอย่างเลย อยากจะขอโทษเขาที่ทำให้เดือดร้อนมาตลอด ไม่อยากให้เขาโทษตัวเองอีกต่อไปแล้ว ท่านไดกิเองก็คงทรมาณแน่ๆ…”เธอชำเลืองมองไปที่ข้างทาง ก่อนจะหัวใจแทบจะหยุดเต้นเพราะเพิ่งเห็นว่ามีคนนอนอยู่ใต้ต้นไม้ แต่ขณะนั้นเองมายุก็ค่อยๆเดินเข้าไปใกล้ และจำผมเปียที่เธอถักได้ทันที น่าแปลกที่ฮิคาริดูไม่ต่างจากที่มายุเห็นเธอครั้งสุดท้ายนัก มีแต่เธอที่ร่างกายเริ่มแปรเปลี่ยนไปมากเท่านั้น

    ฮิคาริจัง ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ…”เธอเรียกอีกฝ่าย อีกฝ่ายสะดุ้งตื่นด้วยความหวาดกลัว และเกือบกรี๊ดออกมาเมื่อเห็นร่างที่บิดเบี้ยวของมายุ โชคดีที่หญิงสาวเอามือปิดปากอีกฝ่ายเสียก่อน

    นี่ฉันเอง มายุฮิคาริยังดูตกใจอยู่แต่ก็ค่อยๆสงบลง เธอจึงคลายมือออก

    ท่านพี่!!”ร่างนั้นเข้ามากอดเธอแน่น และร้องไห้ออกมา

    เกิดอะไรขึ้นกัน…”มายุมองดูทางเบื้องหน้าที่ค่อนข้างจะห่างไกลจากบ้านไม้อยู่ ท่าทางเธอเองจะเดินมาไกลเช่นกัน

    มีคนเข้ามาในบ้าน คุณยายสั่งให้ข้าหนีออกมา ข้าจึงหนีออกมาและพยายามตามหาท่านพี่ ข้าจำได้ว่าตอนที่ท่านพี่ออกมา ท่านพี่เดินมาตามทางนี้ ข้าจึงเดินมา…”

    ใครเข้าบ้านกัน!!!”มายุถาม

    ไม่ทราบค่ะ มีคนผมขาวคนหนึ่ง และชายที่มีปีกอีกคนหนึ่งฮิคาริจังกล่าวด้วยความตื่นตระหนก

    ไดกิน่ะหรอมายุพึมพำออกมา และรีบลุกขึ้นยืน

    พาฉันกลับไปที่บ้านเลย!!!”เธอออกคำสั่ง ฮิคาริจังลุกขึ้นและจูงมือของมายุ นำไปตามทางเรื่อยๆ มายุที่ค้นพบว่าเธอช่างเชื่องช้าเหลือเกิน

    ท่านพี่ทำไมถึงเป็นเช่นนี้คะ?”อีกฝ่ายถามไถ่ขึ้น

    คำสาปจ้ะมายุหัวเราะแหะๆ ไม่รู้จะอธิบายอีกฝ่ายอย่างไร สักพักใหญ่ที่ทั้งสองเดินไปตามทางดิน นั้นฝนห่าใหญ่ก็เทลงมา มายุที่เดินลำบากแล้วก็ยิ่งต้องระวังลื่นอีก ทั้งสองเกาะเกี่ยวกันไม่ให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งล้มลง และค่อยก้าวไปตามทางเดิน แคบๆ ทั้งสองใช้เวลานานนับหลายชั่วโมงรีบกลับมาที่กระท่อมให้เร็วที่สุด เมื่อสายตาของทั้งสองเห็นบ้านไม้อยู่ไกลลิบ ก็รีบวิ่งเข้าไป และพบว่าประตูไม้ถูกเปิดออก มายุรีบมองไปรอบๆเมื่อพบว่าไม่เจอมีใครแล้วจึงรีบสาวเท้าเข้าไปในบ้านทันที

    คุณยายคะ?”เธอเรียกหาอีกฝ่าย และวิ่งหาไปทั่วบ้าน ก่อนจะเห็นร่างหนึ่งที่นอนจมกองเลือดสีดำอยู่ ทั้งสองรีบวิ่งตรงเข้าไปหาหญิงชรา ก่อนจะพบว่าอีกฝ่ายยังไม่ตาย ร่างนั้นค่อยๆหันมามองเธอ ดูเหมือนจะถูกแทงไปหนึ่งแผลเท่านั้น ฮิคาริประคองอีกฝ่ายขึ้นให้นอนบนตักของเธอ

    คุณยาย!!!”มายุร้องเรียกอีกฝ่ายหนึ่ง

    ยายไม่เป็นอะไรหรอกจ๊ะหญิงชรากล่าวออกมาด้วยเสียงที่สั่น

    “…มันไม่เจ็บสักนิดเดียวร่างนั้นเริ่มอ่อนแรง แม้จะถูกแทงไม่ถูกจุดสำคัญแต่ก็ถูกทิ้งไว้นานจนเลือดไหลออกมาจำนวนมากเกิน

    คุณยาย…”มายุกอดอีกฝ่าย มือที่แห้งเหี่ยวโอบกอดเธอช้าๆ

    เจ้าช่างเหมือน ท่านมิวะจริงๆ ไม่ว่าจะพบเจอเจ้ากี่ครั้งก็ทำให้ข้าหวนนึกถึงนาง…”ร่างที่นอนหงายกล่าวออกมา

    คุณยายคะ เดี๋ยวดิฉันจะห้ามเลือดนะคะมายุมองหาผ้าพันแผล

    ไม่ต้องหรอกมันคงถึงเวลาของข้าแล้วร่างของหญิงชราสั่นเทา หญิงสาวทั้งสองเองก็มีสีหน้าที่โศกเศร้าอย่างมาก

    ฮิคาริจัง….ไปกับมายุเสียเถิดเธอสั่งเสีย ฮิคาริได้แต่เพียงพยักหน้ารับเท่านั้น ก่อนร่างนั้นจะหันมาหามายุ

    เจ้ากลับมาตามสัญญาข้าทอผ้าให้เจ้าเสร็จแล้วล่ะข้าทำทุกอย่างที่ข้าทำได้แล้ว ข้าทำมันสำเร็จทั้งหมดอย่าเศร้าไปเลย ข้าไม่เสียใจอะไรหรอก…”ร่างนั้นหายใจรวยริน แต่มายุเองก็ถึงกับเอามือปิดหน้าแล้วร้องไห้ออกมา ฝ่ามือที่เหี่ยวย่นลูบหัวของเธอเบามือเหมือนจะปลอบใจ

    ดิฉันน่าจะมาเร็วกว่านี้มายุร้องไห้ออกมา

    ไม่หรอก มันไม่ใช่ความผิดของเจ้าเลยมายุ อย่าโทษตัวเอง…”

    ดิฉันน่าจะกลับมา ที่นี่ตั้งนานแล้ว...แต่ก็…”เธอสะอึกสะอื้น ร่างของหญิงชรายิ้มออกมา และค่อยเล่าเรื่องที่เธอเก็บงำมันมาตลอด

    ท่านมิวะช่างน่าสงสาร ทุกคนรู้ว่านางรักคนอื่นแต่ก็พูดออกมาไม่ได้ หวังว่าท่านมิวะจะให้อภัยข้าน้อยด้วยที่กล่าวเช่นนี้ แต่เมื่อมายุจังเป็นลูกหลานของนาง ข้าก็อยากจะเล่าให้ฟังท่านมิวะน่ะเป็นผู้หญิงที่สวยและงดงามด้วยกริยามารยาทสมกับเกิดในตระกูลที่สูงศักดิ์ แต่ว่านางกลับถูกพรากจากคนรัก และขังไว้ในกรงทองที่ไร้ทางออก ข้าน้อยทราบดีว่านางไม่ได้รักสามีของนาง รวมถึงบุตรีที่เกิดจากเขา แต่นางก็ยอมทำพิธีจิไก เพื่อตระกูลของสามีนาง ข้าที่ตอนนั้นเป็นเด็กสาว ชอบวาดฝันต่างๆนาๆและเคยคิดว่าท่านมิวะสบาย ไม่ต้องลำบากอะไร ก็มาเข้าใจเสียแต่ตอนนั้นว่าท่านมิวะต้องรักษาศักดิ์ศรีทั้งของครอบครัวของนาง และตระกูลสามีของนาง….ข้าเล่าเรื่องนี้เพราะอยากให้เจ้ารู้ว่าข้าคิดอย่างไรกับนาง มันเป็นความรู้สึกผิดในใจของข้ามาตลอดเวลาเกือบหนึ่งพันปี ที่ข้าเคยอิจฉานาง ตอนนั้นข้ามันโง่เขลานัก นึกว่าทุกสิ่งจะได้มาง่ายๆ นึกว่านางจะมีชีวิตที่มีความสุข…. หากย้อนเวลากลับไปได้ ข้าอยากจะเป็นข้ารับใช้แก่นางที่ดีกว่านี้แต่ก็สายไป ความผิดบาปที่มันเกิดขึ้นนั้น….ข้าเพิ่งมารู้ได้ตอนที่ยืนอยู่หน้าหลุมศพของนางนี่เอง

    คุณยาย เรื่องมันผ่านไปแล้วนะคะ ท่านมิวะไม่ว่าอะไรท่านหรอกค่ะ….”มายุกุมมือเธอไว้

    ถ้าเจ้ากล่าวเช่นนั้นข้าก็ดีใจร่างนั้นค่อยๆหันไปมองฮิคาริ

    ฮิคาริจังขอบคุณที่คอยดูแลข้ามาตลอดร้อยกว่าปี ไม่ต้องห่วงไป ข้าต้องจากไปสักวันหนึ่งอยู่แล้ว…”

    ...ข้าไม่ควรทิ้งท่านไว้คนเดียว…”ฮิคาริร้องไห้ออกมา

    ไม่หรอกฮิคาริ ข้าสั่งเจ้าให้หนีไปเอง เจ้าอย่าโทษตนเองเลย ฮิคาริจังข้าเอ็นดูเจ้าเหมือนลูกสาวของข้าเอง ขอให้เจ้าอยู่รอดปลอดภัยเถิด

    ค่ะข้าจะดูแลตนเองอย่างดีเจ้าค่ะเธอสัญญากับหญิงชรา ก่อนร่างนั้นจะค่อยๆหลับตาลงก่อนจะสิ้นลมในที่สุด หญิงสาวทั้งสองร้องไห้ออกมา ไม่อยากจะเชื่อว่าไดกิจะมีส่วนรู้เห็นกับเรื่องนี้ มายุค่อยๆลุกขึ้นช้าๆ และเดินไปที่ประตูบ้านและมองไปที่ด้านนอกอยู่อย่างนั้นเป็นเวลาเนิ่นนาน ส่วนฮิคาริเองก็นั่งร้องไห้อยู่อย่างนั้น

    นี่เป็นฝีมือของท่านไดกิน่ะหรอหญิงสาวร้องห่มร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นว่าเขาฆ่าคน และคนคนนั้นก็เป็นคนใกล้ตัวของเธอเอง

     

    ทางด้านปิศาจเทนกุที่นั่งลงบนกิ่งไม้ของต้นไม้ใหญ่ กำลังเป่าขลุ่ยออกมาด้วยเสียงเพลงที่เศร้าสร้อย ในยามค่ำคืน เสียงนั้นกังวาลไปทั่วบริเวณอยู่นานหลายนาที เขาหลับตาลงเสียช้าๆและถอนหายใจออกมาด้วยความทุกข์ใจ ทำให้ผู้ที่อยู่เบื้องล่างต้นไม้กล่าวขึ้นด้วยความไม่พอใจ

    เพราะเจ้าคนเดียวเลย!!! ทำไมถึงไปบอกซุซาคุว่าทำงานคนเดียวไม่ไหวกัน ข้าเลยต้องมาช่วยงานของเจ้า!!!”เบียคโกะกล่าวขึ้น

    ก็ข้าทำไม่ไหวจริงๆนะ ท่านลองทำเองคนเดียวดูบ้างไหมล่ะไดกิตอบเขาด้วยสีหน้าที่เหนื่อยหน่าย

    เฮอะ ไม่มีทาง แค่ยายแก่นั่น ข้าก็รู้สึกพะอืดพะอมจะแย่ละเบียคโกะหน้าซีดเมื่อนึกถึง และโทษอีกฝ่ายหนึ่งต่อในทันที

    แต่เจ้าทำงานพลาด ข้าได้ข่าวว่าบ้านหลังนั้นเจ้าไม่ยอมเข้าไปตรวจให้ดี…. ไดกิเจ้ากำลังจะช่วยพวกมันรึ?”พยัคฆ์ขาวกล่าวขึ้น อย่างคาดคั้นอีกฝ่าย

    ไม่มีทาง!! ข้ากำจัดอมนุษย์ไปหลายร้อยตนแล้ว ทำไมจะละหญิงชราผู้นั้นไว้ล่ะร่างนั้นกล่าวขึ้น อีกฝ่ายเห็นด้วยกับคำพูดของเขาเมื่อได้ฟัง

    ข้าไม่อยากทำ….มันเหม็นชะมัด ร่างพวกอมนุษย์มันเหม็นขนาดนี้ เจ้าพวกนั้นทนกลิ่นตนเองได้อย่างไรกันชายผู้มีเรือนผมสีขาวกล่าวขึ้น

    อมนุษย์สูญเสียความรู้สึกไปตั้งแต่ถูกคำสาป พวกนั้นไม่ได้กลิ่นหรอกไดกิอธิบายจากสิ่งที่รู้จากมายุ เมื่อนึกถึงชื่อนี้ เขาก็ยิ่งกังวลนัก ไม่รู้ว่านางหายไปไหนกัน

    เจ้ารู้เรื่องพวกอมนุษย์อย่างดีเชียวนะ รู้มาจากนางรึ?”เบียคโกะหมายถึงมายุ เทพประจำทิศช่างพูดจี้จุดอีกฝ่าย เมื่อไดกิไม่ตอบ เขาก็เริ่มก่อกวนอีกฝ่าย

    เอาความรู้ที่ได้จากนางมา ฆ่าอมนุษย์คนอื่น เจ้ามันต้องจิตใจด้านชาขนาดไหนกัน

    ...พอเลย ท่านเบียคโกะ ข้าบังคับตัวเองได้เสียที่ไหนกัน…”ไดกิเริ่มไม่อยากสนทนากับอีกฝ่ายเท่าใดนัก

    นั่นสินะแปลว่าถ้าเจ้าเจอนาง เจ้าจะทำยังไงล่ะพยัคฆ์ขาวถามขึ้น โดยไม่สนใจว่าอีกฝ่ายอยากจะตอบหรือไม่

    ข้าไม่เคยคิดเรื่องนั้นเลยและข้าไม่อยากจะคิดชายผู้มีเรือนผมสีดำมองไปยังท้องฟ้าในยามค่ำคืน อย่างเหนื่อยหน่าย เขาค่อยๆหลับตาลงช้าๆและทำสมาธิ เทพประจำทิศยังคงพูดคุยกับเขา แต่ไดกิไม่ตอบคำถามใดๆทั้งสิ้นจนอีกฝ่ายยอมแพ้ไปเอง จนกระทั่งเวลาผ่านไปหลายชั่วจนเสียงกรนของผู้ที่นอนอยู่ใต้ต้นไม้ดังขึ้น ดวงตาสีดำจึงลืมตาขึ้น เขาบินขึ้นไปบนท้องฟ้าที่กว้างใหญ่ และอยู่บนท้องฟ้าเนิ่นนาน

    ข้าพร้อมที่จะตายลงพร้อมเจ้า มายุข้าไม่อยากมีชีวิตโดยไม่มีเจ้า แค่นี้ข้าก็ทรมาณมากพอแล้ว อย่าให้ข้าทรมาณไปมากกว่านี้เลยเขากล่าวกับดวงจันทร์กลมโต

    เจ้าคงจะรู้เรื่องของข้าแล้วเจ้าจะเกลียดข้าไหม?”เขาพึมพำออกมา และนึกถึงเรื่องราวที่บ้านไม้นั้น เมื่อยามหญิงชราล้มลงบนพื้น พร้อมกับโลหิตสีดำ ปลายดาบที่แหลมคมของไดกิที่เป็นคนแทงนางเองกับมือ เพราะเสือขาวกลับยืนนิ่งที่มุมห้องด้วยความตระหนก สุดท้ายแล้วก็เป็นเขาที่จัดการกับนาง หญิงชราไม่ร้องโอดครวญแต่อย่างใด เพียงแต่ยิ้มออกมา

    ข้าจะได้ไปพบท่านมิวะแล้ว…”เธอยิ้มออกมา ไดกิที่กำลังจะเงื้อมือแทงก็หยุดชะงัก เมื่อได้ยิน

    ไม่ฆ่านางล่ะ?”ร่างที่ยืนอยู่มุมห้องกล่าวขึ้น

    ไม่เดี๋ยวนางก็ตายแล้ว ถ้าเจ้าไม่อยากดูก็ออกไปรอด้านนอก!!!”เทพประจำทิศถูกปิศาจไล่ก็ถึงกับหน้าเสีย แต่ก็เดินออกไป

    อย่าไปบอกใครล่ะ ว่าข้าไม่กล้าลงมือเบียคโกะพูดไล่หลัง และทิ้งทั้งสองไว้ภายในบ้าน ไดกิเก็บดาบเข้าฝัก

    มายุล่ะ นางเคยอยู่ที่นี่กับทานูกิใช่ไหม?”ชายหนุ่มถามขึ้น

    ใช่ แต่นางไปจากที่นี่นานแล้ว….”หญิงชรากล่าว

    เหตุใดจึงถามถึงนางล่ะพ่อหนุ่มหญิงชราดวงตาเบิกโพลงเมื่อนึกถึงหญิงสาว ก่อนจะกล่าวต่อ

    พ่อหนุ่มคือคนรักของนาง?”ไดกิเพียงพยักหน้าเท่านั้น หญิงชราเหยียดยิ้มออกมา เมื่อได้ยินดั่งนั้น

    นางเหมือนท่านมิวะเสียจริง ท่านมิวะก็เคยมีคนรักเป็นเทนกุไม่น่าเชื่อว่าข้าที่อยู่มาหนึ่งพันปีจะเพิ่งพบว่าเทนกุจริงๆน่าตาเป็นเช่นไรหญิงชรากล่าวออกมา และค่อยๆชี้มือไปที่ถุงผ้าที่วางอยู่ที่มุมห้อง

    นั่นของนาง….นางอยากให้ท่านเป็นของต่างหน้าไดกิลุกขึ้นมาดูที่มุมห้องและหยิบห่อผ้าขึ้นมา แต่ก็วางลงไว้ที่เดิม

    ข้ารับไว้ไม่ได้ข้ากำลังจะฆ่าเจ้า ทำไมเจ้าถึงไม่โกรธแค้นข้าเลยชายหนุ่มถามไถ่ขึ้น

    ข้าอยู่มานานเกินไปแล้ว บางทีที่พ่อหนุ่มมาจบชีวิตข้า ก็ดีเหมือนกัน…”ร่างนั้นนอนลงนิ่งๆ ไดกิมองร่างที่นอนอยู่ และเดินจากไปทั้งๆเช่นนั้น แม้ว่าการฆ่าอีกฝ่ายในทันทีจะทำให้หญิงชราไม่ต้องทุกข์ทรมาณแต่ตอนนี้เขาเองก็ไม่เหลือความกล้าพอที่จะจบเรื่องทุกอย่างด้วยมือของตนเอง ในที่สุดชายหนุ่มก็ออกไปจากบ้านและหายไปกับความมืดมิดยามรัตติกาล

     

    ร่างบางทรุดลงนั่งที่ขอบประตูด้วยความโศกเศร้าเสียใจจนเหมือนเธอกำลังจะขาดใจตายเสียตรงนั้น ทำไมเรื่องแบบนี้ถึงเกิดขึ้นได้กันนะ ฮิคาริเดินไปหยิบถุงผ้ามาให้หญิงสาวและสวมกอดเธอ ก่อนทั้งคู่จะร้องไห้ออกมาอีกครั้งหนึ่ง จนรุ่งสางมาถึงทั้งสองที่นั่งซบกันทั้งคืนจึงค่อยๆลุกยืนขึ้นช้าๆ

    มายุถือถุงผ้าและดูผ้าพันคอสีขาวสะอาดที่พับอยู่ภายใน ก่อนจะเก็บไว้กับตัว ตอนนี้เธอต้องทำงานต่อไปให้สำเร็จเท่านั้น มายุกับฮิคาริออกจากบ้านทั้งๆที่ยังไม่มีจุดหมายปลายทางทั้งสองเดินออกมาโดยไม่มีใครกล่าวสิ่งใด นานนับชั่วโมงจนตะวันอยู่ตรงกลางศีรษะ บอกว่าถึงเวลาเที่ยงวัน ทั้งสองที่มีใบหน้าที่เซื่องซึมก็เดินต่อไปตามทางเรื่อยๆลงไปทางใต้

    ผ้าพันคอนี้เขาสมควรจะได้รับมันไหมนะ

    ตอนนี้หญิงสาวเจ็บปวดไปยังส่วนลึกของหัวใจ เธอรู้ว่าเขาทำอะไร และพยายามจะเข้าใจมาตลอด แต่เมื่อเกิดขึ้นจริงแล้ว มายุก็ได้แต่ถามตนเองว่าชายหนุ่มได้ยั้งมือบ้างหรือไม่ เธอรับไม่ได้กับสิ่งที่เขาทำ แม้เขาจะไม่ได้อยากทำก็ตาม นั่นคือสิ่งที่เธอคำนึงอยู่ตลอดเวลา ความเจ็บปวดนี้มันเสียดแทงหัวใจของเธอ ภาพที่ชายหนุ่มที่แสนจะใจดี กำลังจะหายไปแล้ว จากความทรงจำ บางทีไดกิคนนั้นอาจไม่มีวันกลับมาแล้วก็ได้ แต่ว่ามายุเลือกแล้วว่าจะอยู่ข้างเขา แม้เบื้องหน้าของเธอจะมีเพียงความตายเท่านั้น

     ฉันต้องหยุดเขา….

    ทั้งสองเดินต่อไปเรื่อยๆ ฮิคาริเองก็ดูโศกเศร้าในเรื่องที่เกิดขึ้น วันนี้เธอยังไม่พูดไม่จาออกมาแม้แต่นิดเดียว และเดินก้มหน้าอยู่อย่างนั้น

    เราจะไปไหนกันดี?”มายุกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย ด้วยความเหนื่อยล้า

    ไปที่หมู่บ้านทางใต้ไหมคะ ดิฉันเคยพักที่นั่นก่อนจะมาอยู่ที่บ้านไม้ ตอนนั้นมีคนเยอะแยะไปหมด ฮิคาริกล่าว มายุที่ไม่รู้ว่าจะไปทางไหนจึงตกลงอย่างว่าง่าย

    "ได้สิ แต่ฮิคาริจัง ยังอยากเดินทางไปกับฉันไหม ถ้าไม่ล่ะก็ ฉันจะพาเธอไปส่งที่นั่นและเดินทางต่อ"ฮิคาริเองก็ยังลังเลนัก แต่สุดท้ายก็พยักหน้ารับ ทั้งสองออกเดินทางไปเรื่อยๆ หญิงสาวทั้งสองเดินไปด้วยกันตลอดทาง

    ท่านมาโคะโตะ ไปไหนหรือคะ?”สาวผู้ถักผมเปียถามขึ้น เมื่อไม่เห็นอีกฝ่ายตั้งแต่มายุกลับมา

    เขาเจอเจ้านายของเขาแล้ว ก็เลยแยกทางกันจ๊ะมายุกล่าว แม้เธอจะไม่เข้าใจว่าทำไมที่เขาจะจากไป ก็ช่วยพาเธอไปหลบในที่ที่ดีกว่านี้ก่อนก็ไม่ได้ ปล่อยให้เธอนอนอยู่กลางแจ้งเสียเป็นเดือนๆ

    อย่างนั้นหรือคะ? แล้วท่านพี่เหงาไหม?”ฮิคาริถามขึ้น

    คงจะเหงานิดหน่อย เขาไปโดยไม่ลาน่ะมายุไม่กล่าวรายละเอียดอะไรมาก

    อย่างนั้นหรอคะฮิคาริกล่าวออกมา และถามต่อ

    ข้าเองก็เป็นห่วงท่านพี่ เพราะไม่รู้ว่าจะกลับมาเมื่อไหร่แต่ก็เชื่อว่าท่านพี่ต้องกลับมาอย่างแน่นอนเจ้าค่ะฮิคาริกล่าวขึ้น

    จ๊ะ ว่าแต่พวกเราก็เพิ่งจะรู้จักกัน ทำไมฮิคาริจังถึงเรียกฉันว่าท่านพี่ล่ะหมายถึง ทำไมถึงเชื่อใจฉัน?”มายุถามอีกฝ่ายเพราะเธอเองก็สงสัย

    เพราะว่าท่านพี่ ช่วยคนอื่นและก็ใจดีด้วยค่ะ ดังนั้นท่านพี่ต้องเป็นคนดีแน่นอนค่ะมายุหยุดเดินในทันทีเมื่อได้ฟัง หญิงสาวผู้ถักเปียหันมาอย่างสงสัย

    วันหลังเธอต้องระวังนะ คนดีหรือไม่ดีมันดูยากกว่าที่เธอคิดนะมายุเอ็ดอีกฝ่ายหนึ่ง ก่อนจะกล่าวต่อ

    ที่จริงบางทีอาจจะไม่มีคำว่าคนดีหรือคนเลวอยู่เลยก็ได้ ทุกคนก็เหมือนกันหมด ฮิคาริจังเองก็ต้องระวังตัวด้วย อย่าไว้ใจใครเด็ดขาดล่ะมายุเตือนอีกฝ่าย ดูเหมือนการที่อีกฝ่ายเป็นมิโกะมาก่อนนั้น คงจะอยู่แต่ในศาลเจ้า ไม่ได้ออกไปพบโลกภายนอกสักเท่าไหร่นัก

    ค่ะ ท่านพี่ แต่ดิฉันรู้สึกได้ว่าท่านพี่เป็นคนดีจริงๆนะคะเธอยังยิ้มให้มายุและรีบนำทางต่อ

    เธอนี่ล่ะก็…”มายุพึมพำออกมา และเดินตามไป

    และทำไมฮิคาริจังถึงออกมาจากที่นั่นแหละคราวนี้มายุถามขึ้น

    ก็เพราะว่าคนที่ถ้ำนั้นมีแต่พวกเห็นแก่ตัวค่ะ พวกนั้นมีแต่คนที่คอยแย่งชิงให้ตัวเองมีชีวิตรอดเท่านั้น ข้าอยู่ไปสักพักก็รู้ว่าที่นี่ไม่ใช่ที่ที่ข้าจะค้นหาความสงบได้ ก็เลยออกมาเจ้าค่ะ

    อย่างนั้นสินะที่บ้านไม้นี่ก็ดูสงบสุขจริงๆแหละเธอกล่าวออกมา และถามฮิคาริจังต่อ

    แล้วอีกนานไหมกว่าเราจะไปถึง?”

    ก็ถือว่าไกลมากเลยนะคะ ต้องใช้เวลาหลายเดือนกว่าจะไปถึงร่างบางเดินนำมายุ หญิงสาวเองก็พยายามจะเดินตามอีกฝ่ายไปติดๆเพราะไม่อยากเสียเวลาไปมากกว่านี้แล้ว ร่างของทั้งสองเดินผ่านป่าเมเปิ้ล ที่เงียบสงบ ช่างเป็นภาพที่ดูสวยงามเสียจริง จนมายุละสายตาไม่ได้ ก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องต่างออกมาให้ฮิคาริฟัง

    ฉันเจอสามีของฉันตอนใบไม้ร่วงนี่แหละเห็นแล้วก็นึกถึงคืนนั้นที่เขามาช่วยชีวิตของฉันเอาไว้อีกฝ่ายเงียบไม่มีคำตอบใดๆ เพียงแต่คอยฟังเธออยู่เงียบๆเท่านั้น

    เขาเป็นปิศาจที่สง่างามมากและน่าเกรงขาม แต่ก็มีจิตใจที่ดี ฉันไม่อยากให้เขาสูญเสียตัวตนไปเพราะฉัน ที่เป็นแบบนี้ ฉะนั้นแล้วแม้ว่าเขาจะฆ่าฉัน ฉันก็จะยังอยากจะอยู่ใกล้ๆเขาเสมอ…”

    ดีจังเลยนะคะฮิคาริกล่าวออกมา โดยที่ไม่หันมามองเธอ  เธอมองไปยังทางเบื้องหน้าเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างก่อนจะกล่าวออกมา

    ท่านพี่รัก ปิศาจตนนั้นถึงขนาดว่ายอมสละชีวิต ท่านพี่คงรักเขามากแน่ๆ…”

    เขาเป็นผู้ที่มีพระคุณกับฉันมาก ช่วยชีวิตของฉันไว้กี่รอบก็ไม่รู้ ฉันที่เป็นภริยาของเขาก็ต้องทำตัวเป็นเกราะกำบังให้เขาบ้าง ฉันจะเป็นฝ่ายรับอยากเดียวไม่ได้ ฉันต้องให้เขาคืนด้วย ฉันรักเขาทั้งหมดที่ฉันจะมีให้ได้ นั่นจะทำให้ฉันไม่เสียใจภายหลังดวงตาสีน้ำตาลมองไปบนฟ้าอย่างสดใสเมื่อนึกถึงชายหนุ่ม เธอพยายามไม่พูดเรื่องในตอนนี้ออกมา เพราะเธอรับไม่ได้

    ข้าเองก็อยากจะมีบ้างจัง คนที่ข้าจะทำเช่นนั้นให้ฮิคาริพึมพำออกมา และตั้งใจฟังอีกฝ่ายกล่าวต่อ

    ฮิคาริจังเองก็จะเจอเข้าสักวันหนึ่งนะมายุกล่าวออกมา ฮิคาริถึงกับหน้าแดง ไม่นึกว่าอีกฝ่ายจะได้ยินที่เธอพูด ก่อนทั้งสองจะเดินต่อไปเรื่อยๆโดยไม่หยุดพัก เพราะหนทางข้างหน้ายังอีกยาวไกล

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×