ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    「大天狗 の 花嫁」DAITENGU NO HANAYOME เจ้าสาวแห่งขุนเขา

    ลำดับตอนที่ #9 : พิธีกรรม

    • อัปเดตล่าสุด 15 ต.ค. 61



    มายุขึ้นไปนั่งบนรถเก๋งญี่ปุ่นสี่ประตูสีเงิน ที่เพื่อนสาวขับรถมารับเธอที่อีกฝ่ายหนึ่งถึงกับขับรถข้ามจังหวัดมาในทันทีและตื่นเต้นตกใจและสงสัยที่มายุหายไปอย่างเป็นปริศนามานานนับเกือบสามเดือน ซึ่งจู่ๆเธอก็กลับมา โดยปลอดภัยดี แต่ก่อนที่มายุจะได้กล่าวอะไรนั้น ยูกิก็ชิงถามขึ้นมาก่อนด้วยความเป็นห่วง

    มายุเธอหายไปไหนมา ทุกคนนึกว่าเธอตายไปแล้ว!!?”ยูกิถามขึ้นพร้อมกับขับรถออกไปตามถนนเส้นเล็กที่ตัดผ่านภูเขาท้องถนนที่เลี้ยวคดไปมานั้นทำให้เธอต้องจดจ่อกับเส้นทาง แต่ก็หันมามองชุดยูกาตะอย่างสงสัย

    บนเขาน่ะ…”มายุยังหันกลับไปมองภูเขาลูกนั้น และหยุดลงสักพักหนึ่งก่อนจะกล่าวต่อ

    มีบ้านคนอยู่น่ะแถวนั้นพอดีน่ะ และเขารู้จักเส้นทางในป่าดี เลยช่วยฉันหนีจากพวกลูกสมุนของ เจ้า เคสุเกะ น่ะสิ

    หรอ!!?? ไม่น่าเชื่อ แล้วเธอได้รับบาดเจ็บไหมเนี่ย”ดวงตาสีดำมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างเป็นห่วง

    ก็ถูกไล่ยิงน่ะมายุควักห่อผ้าที่มีกระสุนนัดหนึ่งที่เปื้อนเลือดออกมา

    “…ฉันถูกยิงเข้าที่หลัง

    “ให้ตายสิ!!...น่ากลัวจริงๆ แต่เธออาการดีขึ้นแล้วใช่ไหม เธอดูไม่เป็นอะไรเลยยูกิทั้งมองทางสลับกับผู้ที่นั่งด้านข้างคนขับ

    ก็หายแล้วล่ะ ยูกิไม่ต้องห่วงนะ”เธอยิ้มออกมาให้อีกฝ่ายโล่งใจ

    แต่เธอรู้ไหมว่า ไม่มีใครรู้ว่าเธอหายไปไหนเลย แม้แต่กล้องวงจรปิดก็ถูกทำลายหมด พวกมันไม่กลัวกฎหมายบ้างรึไง?”ยูกิสาธยายออกมาด้วยความขุ่นเคือง ก่อนยูกิจะกล่าวออกมา

    แล้วก็เรื่องใบอนุญาตว่าความของเธอน่ะ..”

    ฉันรู้แล้ว ฉันไม่ได้ไปในวันที่กรรมการเขาจะสอบฉันใช่ไหมล่ะ ยังไงก็ต้องถูกเพิกถอนใบอนุญาตแล้ว…”มายุพูดขึ้น และมองไปทางอื่น และถามต่อ

    แล้วผู้หญิงคนนั้น เธอตายแล้วใช่ไหม?”มายุมีแววตาที่ดูสลดลงเมื่อนึกถึงเรื่องราวต่างๆ เรื่องนั้นมีคนต้องสังเวยไปกี่ชีวิตกันจึงจะมีความยุติธรรมเกิดขึ้นมาได้

    ใช่เธอถูกสันนิฐานว่าฆ่าตัวตาย แต่ว่าผลชันสูตรอื่นยังไม่ออก ก็เลยไม่รู้ว่าจะเธอฆ่าตัวตายจริงหรือไม่

    ถ้ามันเป็นเพราะฉันล่ะ…”มายุก้มหน้าและนึกโทษตัวเอง ว่าหากเธอฆ่าตัวตายจริงๆล่ะ เพราะว่าไม่มีใครให้ความยุติธรรมกับเธอได้แล้ว

    มายุ มันไม่ใช่ความผิดเธอนะ เธอพยายามแล้วนะ

    ขอบใจนะ

    แล้วเธอจะทำยังไงต่อ?”ยูกิถามขึ้น และกำลังคิดว่ามายุน่าจะหนีไปหลบอยู่ต่างจังหวัด หรือไม่ก็ต่างประเทศเพื่อจะหลบอีกฝ่ายหนึ่งพ้นได้

    ยังไงเจ้าเคสุเกะก็ต้องโดนโทษอะไรบ้างแหละ”ร่างบางกล่าวออกมาด้วยสายตาที่แน่วแน่

    นี่เธอยังไม่เลิกความคิดนี้อีกหรอ?”อีกฝ่ายถลึงตาใส่มายุ แทบจะขึ้นเสียงใส่มายุ

    เจ้านั่นทำชีวิตฉันพัง ฉันก็ต้องทำให้ชีวิตมันพังได้…”มายุหันกลับมาบอกยูกิด้วยความมั่นใจ

    ถ้าอย่างนั้นเธอจะทำอะไร ฟ้องอาญา? ฟ้องแพ่ง? ฟ้องศาลผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง?”

    ถูกต้อง”ร่างที่สวมยูกาตะพยักหน้ารับ และอธิบายต่อ

    แล้วชาวบ้านคนอื่นก็อาจจะยังฟ้องอีก…”

    เธอคิดว่าจะเป็นอย่างนั้นหรอและเธอก็ไม่ใช่ทนายแล้วนะ”ยูกิค้านอีกฝ่ายหนึ่งสุดชีวิต

    ก็ต้องลองดูก่อนยูกิฉันขอชาร์ตมือถือแปปนึงนะหญิงสาวนำสายชาร์ตมาต่อในรถ และสักพักเมื่อโทรศัพท์เปิดขึ้นได้ มายุจึงโทรหา เบอร์โทรของชาวบ้านที่เธอจดบันทึกไว้ออกมา เธอคุยกับอีกฝ่ายอยู่สักพักและเปลี่ยนหมายเลขไปเรื่อยๆ มายุพูดกับคนนับสิบคนแต่ก็มีคำตอบไม่ต่างกันนัก จนเธอจะวางสายสุกท้ายที่เธอโทรไป ด้วยสีหน้าที่ผิดหวัง

    เป็นไงล่ะ…”อีกฝ่ายถามเพราะรู้คำตอบของคนปลายสายอยู่แล้ว

    ก็เขาบอกว่าเขากลัวเจ้าเคสุเกะ แล้วก็เชื่อว่าหญิงคนนั้นถูกฆาตกรรมอำพราง

    แล้วทีนี้เธอจะทำอย่างไรต่อ?”

    ฉันก็ฟ้องมันยังไงล่ะ มันจะฆ่าฉันนะ!!”มายุมีสีหน้าที่หงุดหงิดนัก เธออยากเอาชนะอีกฝ่ายหนึ่งจริงๆ

    เธอคงได้หายไปอีกรอบแน่ๆเลยมายุ เพราะโทษมันหนักกว่าเรื่องการปล่อยน้ำเสียอยู่หลายขุมเลยนะ ไอ้ข้อหาพยายามฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อนเนี่ย!!!

    ฉันก็คิดแบบนั้นแหละยูกิ…”เธอถอนหายใจออกมา

    ถ้างั้นอย่าทำเลยมายุ ที่เธอรอดมาได้ก็ปาฎิหารย์แล้ว

    “…แต่ฉันทนไม่ได้ ยูกิ ถ้าจะปล่อยให้มันยังคงลอยนวล อย่างนี้เราจะมีกฎหมายไว้ทำไม หากยังมีคนที่อยู่นอกเหนือกฎหมายได้ ฉะนั้นฉันต้องทำ

    งั้นฉันจะคอยเอาใจช่วยนะยูกิยอมแพ้อีกฝ่ายและขับรถต่อไป เพื่อจะพามายุไปส่งที่บ้านของเธอ ระหว่างนั้นยูกิเองก็ยังมีสีหน้ากังวลมากนัก เพราะเป็นห่วง อีกฝ่ายหนึ่ง เสียงจนถอนหายใจเฮือกใหญ่

    เฮ้อออออออออ

    เธอไม่รอดแน่ๆ พอเถอะน่ามายุ ไม่มีใบอนุญาตว่าความ แต่เธอยังทำงานอื่นได้นะ อย่างฉันยังไงล่ะ อย่างน้อยก็เห็นแก่ที่ฉันเป็นห่วงหน่อยก็ดีนะ”ยูกิไม่สามารถสงบจิตสงบใจได้ที่อีกฝ่ายยังคงดึงดันไม่เลิก

    ฉันก็กลัวแหละยูกิ แต่ฉันตัดสินใจแล้วนี่นา

    แล้วเธอป้องตัวเองได้บ้างไหมล่ะมายุส่ายหน้าก่อนจะกล่าวต่อ

    “ยิงธนูพอได้บ้างเพราะเคยอยู่ชมรมยิงธนูตอนมัธยม ถ้าคล้ายๆกันก็คงถือว่ายิงปืนเป็นได้แหละ”มายุมีสีหน้าครุ่นคิดนัก

    ปืน?? กฏหมายญี่ปุ่นเขาไม่ให้เธอครอบครองปืนง่ายๆหรอกนะ”ยูกิกล่าวออกมาโดยที่ตนเองยังมองเส้นทางเบื้องหน้าอยู่

    แต่ก็นั่นแหละฉันไม่มีปืนหรอกมายุตอบเสียงอ่อย พอคิดดูดีๆแล้ว เธอก็ป้องกันตัวไม่เป็นเลย

    แต่ว่าแม้ว่ากฏหมาย จะควบคุมให้คนธรรมดาใช้ปืนไรเฟิลกับลูกซองล่าสัตว์ก็เถอะ แต่ว่า ไอ้พวกที่ยิงฉันมันใช้ปืนลูกโม่ น่าแปลกดีไหมล่ะ? มันต้องเป็นปืนเถื่อนแน่ๆเลยมายุอธิบายออกมายืดยาว

    ฉันว่าเรื่องนี้ไม่ธรรมดาแล้วล่ะ ขนาดพวกยากูซ่ายังไม่อยากพกปืนกันเลยนะ…”

    ยูกิล่ะก็ มันไม่ธรรมดามาตั้งแต่รุ่นพี่ที่สำนักงานทนายความหายตัวไปแล้วล่ะยูกิที่ได้ฟังก็นึกขึ้นมาได้ ถึงข่าวดังเมื่อสามเดือนที่ผ่านมา

    มายุ เมื่อสัปดาห์ที่แล้วน่ะ มีคนพบศพรุ่นพี่ของเธอแล้วล่ะ ที่กองขยะ ได้ยินว่าถูกหั่นศพด้วย….มายุ เธอยอมแพ้เถอะ ถือว่าฉันขอร้องล่ะถ้าไม่ติดว่าขับรถ ยูกิคงจะยกมือขึ้นไหว้ขอร้องอีกฝ่ายหนึ่งแล้ว

    ไม่หรอกฉันเชื่อว่าฉันจะไม่เป็นไรมายุหยิบใบโมมิจิขึ้นมาพิจารณาและภาวนา

    ขอให้ฉันปลอดภัยด้วยเถอะยังไงก็อยากจะไปพบเขาอีกครั้งหนึ่ง

    ส่วนยูกิที่เห็นว่าคงห้ามอีกฝ่ายไม่ได้จริงๆจึงเงียบลง และก็ภาวนาในใจเช่นกันว่าขอให้เพื่อนของเธอปลอดภัยจากภยันตรายต่างๆนาๆด้วยเถิด อย่าให้ตายตั้งแต่อายุยังน้อยๆเช่นนี้เลย หากเป็นไปได้ก็ขอให้เธอยอมไปทำงานอย่างอื่นแทน และมีคนอื่นจัดการเคสุเกะ ใครก็ได้ที่จะไม่ใช่มายุเด็ดขาด อย่าให้เพื่อนของเธอต้องกลายเป็นบุคคลสาบสูญเลย

     

    อีกทางด้านหนึ่งของภูเขาลูกนั้นกลางป่าเขาลำเนาไพรในฤดูใบไม้ร่วงใบไม้แห้งที่ทับถมกันบนพื้น กับพายุฝนที่มาผิดฤดูทำให้อากาศรอบข้างนั้นหนาวสั่น ร่างของคนทั้งสองต่างเดินกลับด้วยความเปียกปอน เพราะพายุที่โหมกระหน่ำเสียจนมองไม่เห็นทางเบื้องหน้า ทัศนวิสัยนั้นแทบจะเป็นศูนย์ ไม่นานนักเสียงเรียกหาชายหนุ่มก็ดังขึ้น ร่างสองร่างที่บินอยู่บนอาศัยอย่างทุลักทุเลด้วยแรงลมจนเกือบจะทรงตัวไม่ได้ ก็ได้กล่าวขึ้น

    ท่านไดกิขอรับ!!”คาบูโตะกับทาโร่ ทั้งสองต่างกล่าวเรียกแทบจะพร้อมเพรียงกัน ก่อนจะลงมาคุกเข่าต่อผู้อยู่เบื้องหน้าของตน

    ท่านไดกิขอรับ เหล่าการาสุเทนกุอาวุโสบอกว่าท่านจะทำพิธีรับตำแหน่งผู้ปกครองหรือขอรับ?”ทาโร่กล่าวขึ้น

    ใช่เขากล่าวขึ้น อากาเนะมีสีหน้าตกใจกับคำตอบนั้น เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญที่ควรประกาศในที่ประชุมใหญ่ รวมถึงให้การาสุเทนกุทุกตนได้ทราบ แต่เธอไม่รู้

    ทำไมหรือเจ้าคะ ทำไมข้าไม่เห็นจะรู้เรื่อง?!!”อากาเนะมองสลับทั้งสองฝ่าย

    ข้ารับปากไว้แล้ว ยังไงข้าก็ต้องทำ แม้ข้าจะเห็นว่าพิธีนี้มันเสียเวลาเปล่าก็ตามเขาเดินต่อไปเรื่อยๆ จนผ่านลูกสมุนคนสนิทของเขาทั้งสองไป

    แต่ว่าท่าน…”คาบูโตะกล่าวขึ้น พร้อมกับเดินตามอีกฝ่าย ก่อนจะกล่าวต่อ

    ท่านเป็นคนที่ตั้งใจทำงานนะขอรับ คิดเสียว่าเป็นสิ่งที่พวกข้าอยากมอบให้ท่านก็แล้วกันขอรับ”

    “…นั่นสิขอรับ…”คราวนี้ทาโร่เสริม

    ข้าคิดว่าตนเองไม่เหมาะสมกับการเป็นผู้ปกครองสักนิดเลย ข้ามัวแต่ทำงานของเซริว มิเคยได้ปกครองดูแลพวกเจ้าจริงๆเลยสักครั้ง จะให้ข้ามีสีหน้ายินดีที่ได้รับตำแหน่งทั้งที่ข้าทำตัวแบบนี้มันก็กระไรอยู่ และก็...ข้ามันอ่อนแอจะตายไป ข้าผ่านพิธีกรรมในการรับตำแหน่งไม่ได้แน่ พวกเจ้าก็รู้ว่าข้ามีเรื่องอะไรให้กังวลใจอยู่ตลอดนานนับหลายร้อยปีเขาอธิบายออกมา

    ไม่ใช่อย่างนั้นนะท่านไดกิเจ้าคะ ท่านไดกิทำงานอยู่ในห้องทำงานเกือบตลอดทั้งวัน มีเวลานอนพักก็ไม่เท่าไหร่ ข้ารู้สึกว่าเรื่องนี้มันไม่ถูกต้องเลยเจ้าค่ะ แถมท่านไดกิยังทำงานหนักเพื่อจะให้พวกเรามีอิสระอีกครั้ง ท่านไดกิไม่มีทางเป็นผู้นำที่แย่หรอกนะคะ พวกข้าต้องยินดีเสียอีกที่มีท่านคอยทำงานหนักขนาดนี้ ส่วนพิธีกรรม..พวกข้าไม่รู้จะช่วยท่านไดกิอย่างไรดีเจ้าค่ะ แต่คิดว่าท่านไดกิต้องผ่านพ้นไปได้แน่เจ้าค่ะอากาเนะกล่าว ก่อนจะกล่าวต่อ

     แต่ก่อนข้าคอยปกป้องเขามาตลอดประดุจน้องชายของข้า แต่ตอนนี้เขากลับปกป้องดูแลเราทั้งหมดช่างน่าภาคภูมิใจยิ่งนักเพียงแต่ไดกิยังมีสีหน้าที่เรียบเฉยนัก

    แล้วพวกเจ้ารู้ไหมว่าพิธีเริ่มขึ้นเมื่อใดเขาถามไถ่ขึ้น ด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยยินดีนัก แล้วรู้สึกได้ว่าต้องมีอะไรอยู่เบื้องหลังพิธีนี้อย่างแน่นอน

    ข้าไม่ทราบขอรับ แต่คงจะจัดให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ขอรับคาบูโตะกล่าวขึ้น

     

    เมื่อเขากลับมาที่คฤหาสน์โบราณหลังใหญ่ก็พบว่าทุกคนต่างมารอพบเขาอยู่แล้วอยุ่ในห้องโถงใหญ่ทางปีกขวาของคฤหาสน์ ด้วยความที่ไดกิรู้สึกไม่อยากให้เหล่าผู้อาวุโสรอนาน เขาจึงเข้ามานั่งทั้งที่ที่ตัวยังคงเปียกปอนด้วยน้ำฝนก่อนจะคำนับผู้ที่อยู่เบื้องหน้าทั้งเก้า การาสุอาวุโสทั้งหลายจ้องมองเขา ก่อนยามะคาวะจะกล่าวออกมาในทันที

    “พวกข้าได้ตกลงกันแล้วท่านไดกิ ด้วยเสียงส่วนใหญ่นั้น เห็นว่าท่านไดกิต้องเข้าร่วมพิธีเข้าสู่ตำแหน่งผู้ปกครอง อย่างเป็นทางการได้แล้ว  และพิธีจะเริ่มขึ้น ในวันพรุ่งนี้ขอรับ”

    “วันพรุ่งนี้เลยรึขอรับ?!”ไดกิกล่าวด้วยความสงสัยระคนกับตกใจกับคำตอบที่ได้รับเขายังไม่ทันได้ตั้งตัวเลย ที่ในขณะนี้เขาได้นั่งคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าการาสุเทนกุอาวุโสนับเก้าชีวิต ที่นั่งเรียงตามลำดับชั้น และผู้ที่นั่งอยู่สูงที่สุดคือท่านยามะคาวะ  ในห้องโถงขนาดใหญ่ในคฤหาสน์

    ใช่แล้ว ท่านไดกิ แท้จริงพวกเราอยากให้ท่านเข้าทำพิธีนี้มาตั้งนานแล้ว แต่ไม่มีโอกาสเลยสักที แต่ในวันนี้ถือเป็นโอกาสอันดียามะคาวะได้กล่าวขึ้น

    โอกาสอันดีหรือขอรับ?”ชายหนุ่มประหลาดใจนัก  และยิ่งสงสัยว่าจะมีบางสิ่งแอบแฝงอยู่ ยิ่งเป็นวันนี้หรือพรุ่งนี้แล้ว คงไม่พ้นมีเรื่องมนุษย์เข้ามาเกี่ยวข้องแน่นอน

    ใช่แล้วแต่ก่อนอื่นข้าก็ต้องขออภัยที่พวกเราเข้ามานั่งในคฤหาสน์ของท่านโดยไม่ได้รับอนุญาตเสียก่อนยามะคาวะค่อยๆคำนับ ส่วนไดกิเองก็คำนับอีกฝ่ายกลับอย่างนอบน้อม

    พวกข้าคิดดูแล้ว ท่านไดกิเองก็โตขึ้นมากทีเดียว ตั้งแต่ท่านมารับตำแหน่งแทนท่านไดอิจิจากตอนนั้น…”อีกฝ่ายยังนิ่งเงียบ รอฟังอายุมุกล่าวออกมา

    ข้าดีใจที่ในที่สุดท่านก็ยอมใจอ่อนตกปากรับคำว่าจะเข้าร่วมพิธีจนได้เจ้าค่ะ

    พวกท่านมีอะไรแอบแฝงนอกจากการจัดพิธีนี้หรือไม่ขอรับ เหตุใดต้องรีบจัด? เหตุใดต้องมาจัดในช่วงนี้ ที่เพิ่งจะมีมนุษย์เข้ามาในอาณาเขตของข้า”ชายหนุ่มมองหาคำตอบจากผู้อาวุโสทั้งเก้าตนอย่างสงสัยและคาดคั้นอีกฝ่ายหนึ่ง

     เมื่อท่านได้พามนุษย์นั้นเข้ามา พวกข้าจึงกังวลนัก เพราะเช่นนั้นท่านไดกิ จะต้องสาบานต่อหน้าพวกข้าเจ้าค่ะ ว่าจะมีชีวิตอยู่เพื่อปกครองการาสุเทนกุ อย่างที่ท่านไดกิได้ตกปากรับคำกับข้าและทานากะไปเจ้าค่ะ …”เธอกล่าว

    “ท่านกลัวข้าจะทำสิ่งใดกัน ข้ามิเข้าใจ”ไดกิงุนงงยิ่งนัก ก่อนจะกล่าวออกมาให้อีกฝ่ายได้เข้าใจและคลายข้อสงสัย

    พวกท่านคิดว่าข้าจะสามารถรักมนุษย์ได้อีกรึ หลังจากที่ข้าพบเจอมาตลอดเวลาที่ผ่านมามันเกินกว่าข้าจะยอมรับได้  มนุษย์นั้นอ่อนแอ คิดถึงแต่ตนเองเท่านั้น ข้าไม่ไปหลงรักนางผู้นั้นเสียหรอก ยังไงเสียมนุษย์ก็ย่อมต้องคู่กับมนุษย์  ปิศาจอย่างข้าก็ต้องมี 

    แต่ข้ากลับไม่เห็นด้วยยามะคาวะค่อยๆลุกขึ้นยืนและเดินช้าๆเข้ามาหาอีกฝ่าย แต่เขาก็ต้องยอมรับกับเสียงส่วนมาก

    ท่านเป็นถึงกับไดเทนกุนะ แม้ท่านจะคิดว่าไม่ใช่มาตลอดเวลาที่ผ่านมา แต่ข้ารู้ดีว่าท่านไดกิสามารถเป็นไดเทนกุที่น่านับถือได้ หากท่านจะเป็นผู้ที่ยิ่งใหญ่ ท่านต้องต่อสู้กับบาดแผลของท่าน หากมันทำให้ท่านรอดชีวิตมาได้ มันจะทำให้เจ้าแกร่งขึ้น บาดแผลที่ท่านไดกิเคยพบเจอนั้นมันเจ็บปวดและทุกข์ทรมาณมากคำพูดนั้นถึงกับทำให้ท่านไดกิได้ครุ่นคิด

    บาดแผลนั้นไม่จำเป็นต้องเป็นบาดแผลจากการสู้รบแลอาวุธ แต่รวมถึงบาดแผลภายในจิตใจของท่านด้วย เรื่องความรัก เจ้าจะรักกับใครก็ได้ พวกข้าไม่มีสิทธิไปห้ามท่านก่อนจะกล่าวต่อ

    ข้ามิคิดว่าหญิงนางนั้น จะเป็นอย่างที่ท่านไดกิกล่าว นางนั้นอ่อนแอจริงหรือ? หรือเห็นแก่ตนเอง? ท่านลองตรองดู ข้ามิได้ห้ามไม่ให้ท่านเกลียดนาง แต่ท่านจะมีอคติจนสายตามืดบอดไม่ได้ร่างของผู้อาวุโสค่อยๆเดินกลับไปที่ที่นั่งของตนพอๆกับอายุมุที่รีบกล่าวแทรกขึ้นมา

    ท่านยามะคาวะ?! เหตุใดจึงกล่าวเช่นนั้น!?”

    ข้ากล่าวมิได้หมายถึงแต่เจ้าไดกิเสียแต่คนเดียวหรอก ใครจะรับก็รับไปอายุมุถึงกับเงียบลง และไม่รู้จะถกเถียงอย่างไรต่อไปดี

    ท่านยามะคาวะ แต่พวกเรายังเกรงกลัวมนุษย์ยิ่งนัก  ขนาดมิวะที่พวกเราเชื่อใจนักหนา ก็ยังฆ่าท่านไดอิจิ กับท่านยูมิโกะได้ลงคอ จะเชื่อใจนางได้รึทานากะกล่าวขึ้น

    ช่างปะไรพวกเจ้าเกรงกลัวหรือไม่นั้น พรุ่งนี้ท่านไดกิยังไงก็ต้องเข้าพิธีอยู่ดี แต่ที่ข้ากล่าวนั้นข้าหมายถึงว่าเจ้าอย่าไปยุ่งกับไดกิมากนักเลย จะให้เขาเป็นหุ่นเชิดของพวกเจ้ารึ? ที่ท่านไดกิเรียกพวกเจ้าว่าท่านก็ดีแค่ไหนแล้ว ท่านไดกิเป็นถึงไดเทนกุ แต่ยังเห็นว่าพวกเจ้าคอยสั่งสอนการงานต่างๆ จึงให้ความนับถือ พวกเจ้าเองก็น่าจะรู้ตัวดีว่าตนนั้นควรอยู่ในฐานะไหน…”ท่านผู้อาวุโสกล่าวขึ้น

    ท่านยามะคาวะขอรับ...”เสียงของการาสุเทนกุตนหนึ่งกระซิบเรียกให้อีกฝ่ายรู้ตัวว่าตนยังมีบอกอย่างสำคัญยิ่งกว่าการมานั่งเถียงกันเองชายชราจึงวกกลับมากล่าวเรื่องธุระของตน

    ท่านไดกิเอง ในวันพรุ่งนี้ท่านจะต้องเตรียมตัวและจิตใจให้พร้อมเสียก่อน ท่านจะต้องล้างตัวก่อนจะเข้าพิธีในช่วงก่อนพระอาทิตย์ขึ้นและห้ามทานอาหารใดๆทั้งสิ้น และนั่งภาวนาในห้องจนกระทั่งดวงอาทิตย์ตกดิน และเมื่อยามดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า ท่านต้องนั่งบนบัลลังค์ และกล่าวคำสาบานเสีย จากนั้นท่านจะต้องดื่มสาเกหนึ่งจอกนั้นที่พวกข้าเตรียมไว้ให้เป็นอันจบพิธี

    ฟังดูง่ายกว่าที่คิดนะขอรับเขากล่าวขึ้น

    แต่สิ่งที่ยากสุดคือจิตใจที่แน่วแน่ของท่าน ที่มีความตั้งใจจะทำให้คำสัตย์สาบานของท่านนั้นเป็นจริงยามะคาวะกล่าวขึ้น เมื่อกล่าวจบแล้ว ผู้ชรานั้นได้บอกให้การาสุเทนกุตนอื่นๆไปคุยกันต่อที่ศาลาไม้กลางป่า จะได้ไม่รบกวนไดกิ การาสุเทนกุทั้งเก้าคำนับไดเทนกุหนุ่มก่อนจะรีบออกจากห้องโถงนั้นไปเสียจนหมด ส่วนทุกคนนั้นเมื่อทราบถึงข่าวคราวเรื่องพิธีในวันพรุ่งนี้แล้วก็ต่างเตรียมการอย่างวุ่นวาย เสียชายหนุ่มจะเรียกใช้ใครมิได้เลย เมื่อเขานึกขึ้นได้นั้น ฝนฟ้าคะนองด้านนอกได้หยุดตกไปเสียแล้ว หยาดฝนที่ตกช่วงใกล้ฤดูหนาวนั้นคงจะแปลกตายิ่งนัก แต่ว่าเขารู้ดีว่าเมื่อครู่นั้น หยาดพิรุณได้เกิดมาจากพลังของเขา แล้วเหตุใดเขาจึงควบคุมพลังเช่นนั้นมิได้เล่า ตั้งแต่เมื่อเขาได้คุยกับหญิงสาว จนไปถึงลมพายุฝนที่เขาเกือบจะทำร้ายผู้อาวุโสทั้งสองอีกต่างหาก เหตุใดเรื่องเช่นนี้จึงไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ชายหนุ่มสงสัย หรือพลังที่ได้รับกลับคืนมานั้น ช่างยิ่งใหญ่และรุนแรงกว่าที่เขาคาดไว้นัก ปิศาจหนุ่มที่เปียกปอนนั้นได้เดินขึ้นไปบนห้อง และจัดแจงเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เปียกโชกเสีย และในใจของเขาได้นึกถึงคำพูดของการาสุเทนกุผู้ถือไม้เท้าที่เขาได้สนทนาไปเมื่อครู่

    พวกท่านคิดว่าข้าจะสามารถรักมนุษย์ได้อีกรึ หลังจากที่ข้าพบเจอมาตลอดเวลาที่ผ่านมามันเกินกว่าข้าจะยอมรับได้  มนุษย์นั้นอ่อนแอ คิดถึงแต่ตนเองเท่านั้น ข้าไม่ไปรักนางผู้นั้นเสียหรอก ยังไงเสียมนุษย์ก็ย่อมต้องคู่กับมนุษย์  ปิศาจอย่างข้าก็ต้องมีชายหนุ่มเมื่อเปลี่ยนเสื้อเรียบร้อยแล้วจึงค่อยหย่อนตัวนั่งที่ปลายเตียงของตน แลครุ่นคิดต่อ

    ข้ามิได้ชอบเจ้าเลย มายุ ทั้งที่เจ้าก็รู้ตัวเองดีว่าจะไม่กลับมาที่นี่อีก ใยจึงพยายามมาพูดคุยกับข้านัก เหมือนจะสงสัยและอยากรู้ไปเสียทุกเรื่อง จนบางครั้งข้าก็คิดว่าเจ้าใส่ใจข้า  เจ้าวางแผนจะทำอะไรกันและยังกล่าวว่าจะไม่กลับมาเสียที่นี่อีก แต่ข้าก็รู้ดี มนุษย์อย่างเจ้าไม่นานก็หลงลืมเรื่องนี้เสีย ไม่เหมือนพวกข้าที่มีอายุยาวนานกว่าเจ้านัก และในบางทีเจ้าก็คล้ายกับนางผู้นั้นเลย ทั้งหน้าตาและคำพูดบางคำ นั่นทำให้ ข้ารู้สึกขยะแขยงเจ้าไปในที ทั้งที่นางนั่นเป็นคนทำให้ท่านพ่อท่านแม่ของข้าตายแท้ๆ

    แล้วข้าจะทำใจให้ชอบมนุษย์ ได้เยี่ยงไรล่ะ ข้าเสียทุกคนไปเพราะนางคนเดียว…”ไดกิพึมพำกับตนเอง

    แต่สิ่งหนึ่งที่เจ้าต่างจากนาง คือเจ้ากล้าถามข้า กล้าบอกข้าในเรื่องต่างๆ และฟังข้าในเรื่องต่างๆ มิใช่ฟังแล้วก็ผ่านเลยไปแบบนางและนั่นเป็นสิ่งที่ข้าเรียกหาจากนางไม่ได้เลย... แต่คราวนี้เจ้าก็ผิดคำสัญญาจนได้ เพียงก้าวเดียวที่เจ้าก้าวออกไปจากอาณาเขตข้า เจ้าก็กลับคำเสียแล้ว และเช่นนี้จะให้ข้าเชื่อเจ้าได้เช่นไรกัน

    ไดกิเพียงมองออกไปนอกระเบียงเท่านั้นอยู่นานสองนานเท่านั้น และยังคงครุ่นคิดเรื่องราวต่างๆต่อไป แต่ทว่าไม่ว่าจะยังไงเขาก็ต้องคิดถึงมนุษย์นั้นเสียจนได้ จนชายหนุ่มถอนหายใจยาวออกมาแม้จะเข้าใจสาเหตุที่อีกฝ่ายจะไม่กลับมาก็ตาม แต่นั่นก็เป็นสิ่งหนึ่งที่เขาไม่เคยอยากจะคิดถึงเรื่องนั้น

    แต่ถ้าให้คิดว่าเจ้าจะออกไปตายข้าเองก็ไม่รู้ว่าควรจะคิดเช่นไรที่ทำให้ข้าพอจะสบายใจได้บ้างร่าของเขาล้มนอนลงบนเตียง เขาเองก็ควรจะนอนเสียตอนนี้เพราะพรุ่งนี้มีพิธีสำคัญรออยู่ แม้ว่าเขาจะยังไม่ง่วงก็ตาม แต่จิตใจที่ว้าวุ่นเช่นนี้เขาเองก็ไม่มีสมาธิที่จะทำงานเช่นกัน ดวงตาสีดำขลับจ้องมองฝ้าเพดานอยู่เสียนาน และพลิกตัวไปมาเพราะไม่อาจทนนอนในสภาพนี้ได้

    แบบนี้จะเหมือนว่าข้าไล่นางหรือเปล่านะ ถ้านางเป็นอะไรขึ้นมา ก็เพราะข้าแท้ๆเลย หวังว่ายันต์ที่ข้ามอบให้จะพอปัดเป่าภยันตรายได้บ้าง

    ไดกินั่งคิดนอนคิดอยู่นานเสียจนไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ทั้งลุกขึ้นนั่ง เดินไปมารอบๆห้อง รวมถึงลงไปนอนบนเตียงของเขาแต่ก็ไม่สามารถสงบใจได้ เมื่อคิดว่าหากอีกฝ่ายจะเป็นเช่นไร หากเธอตาย….เหมือนแม่ของเขา ที่จากไปอย่างไม่ทันตั้งตัว เขาก็คงรับไม่ได้อย่างแน่นอน ยิ่งเขาไม่รั้งเธอไว้แล้วด้วย นี่คือบาปของเขาที่จะติดตามตัวเขาไปอีกนานจนวันสุดท้ายของชีวิต ชายหนุ่มเองมัวแต่คิดเรื่องอีกฝ่ายจนมิได้สนใจ งานพิธีในวันรุ่งขึ้นเลย จนกระทั่งเขารู้ตัวอีกทีก็ได้ยินเสียงนกร้องด้านนอกเสียแล้ว ไม่นานนักเสียงของหญิงเรือนผมสีดำก็ดังขึ้นที่หน้าห้อง

    ท่านไดกิเจ้าคะ ถึงเวลาที่ท่านต้องไปอาบน้ำที่ด้านหลังม่านน้ำตกแล้วเจ้าค่ะ

    เดี๋ยวข้าจะตามไป อากาเนะ

    มิได้เจ้าค่ะ ท่านไดกิควรจะออกมาตอนนี้เลยเจ้าค่ะชายหนุ่มค่อยสวมเสื้อคลุมและเดินไปที่ระเบียง ก่อนจะพบว่า เหล่าการาสุเทนกุตนอื่นๆในหมู่บ้านออกมายืนรอด้วยความอยากรู้และจับกลุ่มคุยกัน  

    งานพิธีนี้มันสำคัญขนาดนั้นเลยรึ ข้าไม่นึกว่าทุกคนจะตื่นตาตื่นใจขนาดนี้

    ชายหนุ่มจึงเปิดประตูห้องไป และพบกับอากาเนะที่นั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้น

    ท่านไดกิตามข้ามานะเจ้าคะเธอเดินนำเขาลงไปที่ด้านล่าง และนำเขาไปยังประตูใหญ่ของคฤหาสน์ ที่มีขบวนการาสุเทนกุรอเขาอยู่ มีการาสุเทนกุตนหนึ่งคอยกางร่มไว้ให้ และอีกตนหนึ่งด้านหลังสุดถือเสื้อผ้าที่พับอย่างเรียบร้อยของท่านไดกิ  และยังมีการาสุเทนกุสองคู่ที่ถือดอกไม้อยู่หน้าขบวน ไดกิที่เห็นถึงกับหันกลับมาถามอากาเนะ

    พิธีนี้ ปกติจะไม่จัดยิ่งใหญ่ขนาดนี้ไม่ใช่รึ แต่แบบนี้มันเหมือน…”

    ท่านไดกิเจ้าคะ อย่าถามให้มากความเลยเจ้าค่ะ เพราะข้าก็ไม่รู้เช่นกันเจ้าค่ะอากาเนะรีบกล่าว ไดกิที่มิได้คำตอบจึงต้องทำตามพิธีไปเสียก่อน

    ท่านต้องเดินไปนะเจ้าคะอากาเนะย้ำกับเขาอีกทีหนึ่ง ชายหนุ่มเพียงพยักหน้า และออกเดินเสีย ไม่นานนัก ทั้งคาบูโตะกับทาโร่ที่กระหืดระหอบออกมาก็มาหยุดอยู่เบื้องหน้าหญิงผู้สวมชุดเฮอันเสีย

    ท่านไดกิไปแล้วรึ?”ทาโร่รีบกล่าว

    ใช่แล้ว

    และทำไมเจ้าไม่รีบปลุกข้า ทั้งๆที่ข้านอนอยู่ข้างๆเจ้าแท้ๆคาบูโตะรีบโวยวายขึ้น

    ก็พวกเจ้าไม่มีหน้าที่ใดในพิธีนี้เลยนะ แล้วเจ้า!! คาบูโตะ ทิ้งลูกๆไว้ที่กระท่อมอีกแล้วรึ?”อากาเนะแผดเสียงใส่

    ไม่ๆๆๆ ข้าฝากเด็กๆไว้กับท่านป้าข้างบ้านแล้วว!!!”คาบูโตะรีบตอบ

    อ๋อ...งั้นรึ  ก็แล้วไปอากาเนะหันหลังกลับไปมองยังท้ายขบวนนั้น พอดีกับอายุมุที่เดินตามหาทั้งสามอยู่อย่างพอดิบพอดี

    พวกเจ้าอยู่ที่นี่เสียเองข้ากำลังสงสัยว่าคนสนิทอย่างพวกเจ้าจะไปสุมหัวกันอยู่ที่ไหน

    ท่านอายุมุขอรับ ทำไมถึงต้องมาจัดงานในเร็ววันเช่นนี้ขอรับทาโร่ถามขึ้น

    ก็พิธีเข้ารับตำแหน่งเป็นผู้ปกครองอย่างเป็นทางการยังไงล่ะ เจ้าสงสัยอะไรรึ?”เธอตอบด้วยเสียงที่ยียวน ก่อนจะกล่าวต่อ

    เพราะว่าพวกข้านั้นสำนึกในการทำหน้าที่ของไดกิมาตลอด…”

    “???”ทั้งสามคนต่างงุนงง

    พวกเจ้าลืมไปแล้วรึว่าท่านไดกิยังไม่ได้เข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการมาจะหนึ่งพันปีแล้ว  พวกข้าเหล่าการาสุเทนกุเองก็ต้องให้สัตย์สาบานว่าจะจงรักภักดีต่อท่านไดกิ และคอยช่วยเหลือท่านไดกิในภายภาคหน้าตลอดไป พวกข้าแม้จะไม่ได้มาพบท่านไดกิทุกวันแต่ก็รู้ดีว่าท่านไดกิทำงานหนักขนาดไหน ถึงกับว่าท่านไดกินอนเพียงวันละสองชั่วโมงมาตลอดเกือบจะห้าร้อยปี พวกข้าก็รู้ดี ดังนั้นมิใช่ท่านไดกิเพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะต้องแบกภาระนี้ แต่ก็เป็นหน้าที่ของเหล่าผู้อาวุโสด้วย ที่จะต้องมาช่วยแบ่งเบาภาระท่านไดกิทั้งสามร้องอ๋อ พร้อมกันอย่างมิได้นัดหมาย เกือบลืมไปแล้วว่าเขายังไม่ได้รับตำแหน่งผู้นำอย่างเป็นทางการ เพราะช่วงที่ท่านไดกิขึ้นมาเป็นผู้ปกครองของการาสุเทนกุนั้นก็มีเรื่องลำบากมากมาย จนทุกคนเกือบจะหลงลืมไปหมดแล้ว

    ท่านไดกิบ่ายเบี่ยงมาตลอด ตลอดห้าร้อยปี พวกข้าถามไถ่ตลอด แต่เขาคิดว่าเป็นหน้าที่เขาเท่านั้นที่ต้องแบกภาระที่เกิดขึ้น และเขาก็เป็นพวกไม่ชอบพิธีรีตองอยู่แล้วด้วย จึงปฏิเสธพวกข้าอยู่ร่ำไปและโชคดีที่นางมนุษย์ผู้นั้นได้เข้ามา นางเป็นตัวที่ทำให้แผนของพวกเราสำเร็จอายุมุหัวเราะอย่างชอบใจ เมื่อนึกถึงแผนการอันล้ำลึกของตน

    ...งั้นแปลว่าแท้จริงแล้วท่านก็ไม่ได้เกลียดมนุษย์หรือเจ้าคะ?”อากาเนะถาม เพราะนางเป็นการาสุเทนกุที่กล้าออกปากเลยว่าไม่ชอบมนุษย์เท่าใดนัก

    เปล่า ข้าเกลียดมนุษย์ แต่เรื่องนี้ต้องขอบคุณนาง...”กล่าวจบนางก็เดินอย่างนวยนาดจากทั้งสามตนไป จนที่เหลืออยู่ยืนมองตาปริบๆอย่างงุนงง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×