คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : เสียงหัวใจ
ในห้องทำงานสีเหลี่ยมถูกปูด้วยเสื่อทาทามิห้องเดิมนั้น กลับมีข้าวของกระจัดกระจายไปทั่วบริเวณ ประดุจมีพายุได้พัดถล่มนั้น ร่างของทั้งสองล้มกลิ้งไปตามพื้นเสื่อทาทามิหลังจากที่ทั้งเขาและเธอได้รับบาดเจ็บจากอสรพิษคุโระเฮะบิ ชายหนุ่มที่อุ้มมายุอยู่กลางอากาศ ก็พาเธอพุ่งเข้ามาในห้องนี้ด้วยแรงเฮือกสุดท้ายของเขาได้พอดี มีเพียงมายุที่ค่อยๆลืมตาขึ้นมา ก่อนจะพยายามรีบลุกขึ้นยืนเพราะต้องการนำดาบปราบมารนั้นไปให้ไกลจากไดกิให้มากที่สุดเท่าที่เธอจะทำได้ ณ ตอนนี้ ร่างบางค่อยๆวางดาบเล่มนั้นลงที่มุมห้อง และคลานมาหาไดกิ
“ท่านไดกิคะ!!?”มายุเขย่าร่างอีกฝ่ายหนึ่ง แต่เสียงของเธอเหมือนจะไปไม่ถึงอีกฝ่ายเสียแล้ว หญิงสาวเริ่มใจไม่ดีเพราะไม่รู้ว่าเขาจะเป็นอะไรมากหรือไม่
“ท่านไดกิอย่าพึ่งเป็นอะไรนะคะ!!”ในตอนนี้สภาพห้องทำงานของไดกินั้นต่างกระจัดกระจายไม่เหลือความเป็นระเบียบเรียบร้อยใช่เดิม เหล่าการาสุที่รอคอยท่านไดกิกลับมาที่ชั้นล่างนั้นต่างตกใจกับเสียงดังประดุจกัมปนาท และวิ่งขึ้นมาดูที่ชั้นสองอย่างรวดเร็ว
“ว้าย!!
ท่านไดกิเจ้าคะ!!!”อากาเนะร้องเสียงหลงตกใจกับสภาพที่ยับเยินของคนทั้งสอง ส่วนคาบูโตะกับทาโร่ก็ตกใจไปตามๆกัน แต่เมื่อจะก้าวเข้าไปนั้น หญิงสาวก็ค่อยๆลุกขึ้นยืน
“ท่านไดกิ...”เธอกล่าวด้วยเสียงแผ่วเบาเพราะทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก อากาเนะบอกให้คนที่เหลือประคองชายหนุ่มไปที่ห้อง ส่วนเธอนั้นก็จะเข้ามาประคองมายุ
“อย่าเข้ามาตอนนี้นะคะ ดิฉันต้องนำดาบไปเก็บให้เรียบร้อยเสียก่อน”มายุพยายามพันผ้ากำมะหยี่ที่หาได้ในห้องไปอีกผืนหนึ่ง และติดยันต์ที่พอมีเหลืออยู่จนเรียบร้อย
“ท่านมายุเจ้าคะ ท่านมายุได้รับบาดเจ็บมากขนาดนี้ รีบไปรักษาเถิดเจ้าค่ะ”อากาเนะรบเร้าเธอ
“ไม่ได้ค่ะ ท่านไดกิเป็นห่วงมากว่าดาบคามินาริจะทำให้พวกคุณอากาเนะเป็นอันตรายค่ะ ขอให้ดิฉันจัดเก็บดาบนี้ให้เรียบร้อยก่อนค่ะ ดิฉันจะรีบทำให้เร็วที่สุดค่ะ”จู่ๆอากาเนะก็ถึงกับร้องไห้ออกมาเมื่อได้ฟัง หญิงสาวรีบวางดาบลงเมื่อมั่นใจว่าทำทุกอย่างให้ปลอดภัยแล้ว
“ท่านไดกิห่วงพวกเราอยู่ตลอดเวลา ข้าก็เลยเศร้าใจมาก ที่เหมือนพวกข้าจะไม่สามารถช่วยอะไรท่านไดกิได้เลย”อากาเนะโศกเศร้ากับสิ่งที่เกิดขึ้น มายุที่กำลังจะเดินเข้าไปปลอบนั้นกลับชะงักกับความเจ็บปวดของพิษที่ตนได้รับ จนทรุดลงไปนั่งกับพื้น อากาเนะเมื่อเห็นดังนั้นจึงรีบวิ่งเข้ามาประคองไว้
“ท่านมายุ”อากาเนะเรียกอีกฝ่ายหนึ่งแต่มายุไม่ได้ตอบอะไรกลับมา เธอกัดฟันเพราะความเจ็บปวดประดุจไฟที่แผดเผาที่แผลของเธอ ก่อนจะล้มลงไป หญิงสาวไม่มีแรงที่จะลุกขึ้นยืนแล้ว
“ท่านมายุ!!”อากาเนะร้องเสียงหลง ก่อนจะรีบอุ้มเธอไปที่ห้องนอน และรีบเตรียมยารักษาในทันที ไม่นานนัก
มายุที่นอนบนฟูกนอนจึงค่อยๆปิดเปลือกตาลงด้วยความเหนื่อยล้า
“อย่าหลับนะคะท่านมายุ!!”นั่นเป็นเสียงสุดท้ายที่เธอได้ยินก่อนจะหมดสติไป
ภายในห้วงภวังค์ในนิทรานั้น มายุสวมชุดของหญิงสูงศักดิ์ในสมัยก่อนนั้นเธอยืนอยู่เบื้องหน้าอาคารไม้ขนาดใหญ่นัก
ซึ่งก็คือศาลเจ้าโบราณ ที่ดูน่าเกรงขามรอบข้างมีต้นไม้ใหญ่มากมายให้ความร่มรื่น
ศาลเจ้าหรอ?
“มิยะเจ้าคะ ข้าจะต้องไปแล้วเจ้าค่ะ เวลาของข้านั้นคงมาถึงแล้ว หากในวันหนึ่งที่ข้าได้กลับมาที่นี่ ขอให้ข้าคำนึงถึงเรื่องราวต่างๆที่ข้ามีความสุข และหากโชคชะตาของข้าทำให้พบกับท่านพี่อีกครั้ง ขอให้ข้าภักดีและซื่อสัตย์ต่อท่านอย่างที่ข้าจะพึงทำได้” หญิงคนหนึ่งกล่าวขึ้น ด้วยความตั้งใจที่แน่วแน่
“ท่านพี่หรอ?”คำพูดที่เหมือนจะติดอยู่ที่ปลายริมฝีปากเธอ แต่คิดยังไงก็คิดไม่ออกเสียว่า ท่านพี่คือใคร ฉับพลันมายุรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังขาดอากาศหายใจร่างกายหนักอึ้งประดุจถูกหินทับไว้ ภาพในฝันของเธอแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงฉานของโลหิต ทั้งตัวของเธอชุ่มไปด้วยเลือดที่ไหลออกมาจากแผลที่คอของตนเองจนนองอย่างน่าสยดสยอง มายุ ตระหนกตกใจกับภาพที่เห็นเป็นอย่างมาก และในที่สุด เธอที่รู้สึกว่าค่อยขยับตัวได้บ้างจึงใช้แรงทั้งหมดที่มีในการลุกขึ้นนั่งให้ได้...
ร่างบางสะดุ้งตกใจตื่นอย่างแรงจนลุกขึ้นมานั่งบนฟูกนอนในห้องนอนในคฤหาสน์ที่แสนเก่าแก่ที่ตกแต่งอย่างสวยงามแห่งเดิม จนอากาเนะที่นั่งเฝ้าอยู่ข้างๆถึงกับผงะเสียด้วยซ้ำ
“ท่านมายุ!! ท่านทำให้ข้าตกใจ!!”อากาเนะเอามือทาบอกของตน
“ขอโทษค่ะ”มายุที่หายใจแรง
ใบหน้าของเธอดูซีดเซียวกล่าวออกมา ก็เพิ่งจะเคยเห็นปิศาจตกใจมนุษย์เป็นครั้งแรกนี่แหละ ก่อนหญิงสาวจะมองไปรอบๆห้องที่มีแต่ขวดยาเต็มไปหมด รวมถึงยาที่หมดไปแล้วอีกหลายขวดด้วย อากาเนะเองคงจะดูแลเธอตลอดจนไม่ได้ออกจากห้องเลย เธอก้มมามองชุดตัวเองก็พบว่าอากาเนะเปลี่ยนชุดให้แล้ว
“ท่านมายุอาการหนักมากเลยรู้ไหมเจ้าคะ แล้วจู่ๆก็ตื่นขึ้นมาเฉยๆแบบนี้” อากาเนะกล่าวขึ้น
“แล้วท่านไดกิล่ะคะ”เธอถามหาเขาในทันที เพราะเป็นห่วงอีกฝ่ายหนึ่ง
โดยไม่สนใจว่าตนเองเจ็บหนักขนาดไหน เพราะเห็นว่าตนเองตื่นขึ้นมาได้แล้ว ก็คงไม่เป็นอะไรมากนัก
“ท่านไดกิไม่ได้บาดเจ็บอะไรเจ้าค่ะ ท่านไดกิแค่ถูกพลังของดาบเล่นงานเท่านั้นเจ้าค่ะ ท่านมายุสิเจ้าคะ!! ตัวเองอาการหนักแท้ๆ กลับถามถึงคนอื่นก่อน ข้าเป็นห่วงท่านแทบแย่!!”จู่ๆอากาเนะก็เข้ามา กอดเธอ มายุเพียงสงสัยว่าไดกิที่อาการดูแย่กว่าเธอมากนั้นกลับไม่เป็นอะไรเลยได้อย่างไร เธอเห็นว่าเขากระอักเลือดด้วยซ้ำไป
“งั้นดิฉันเป็นอะไรบ้างคะ?”
“ท่านมายุ มีแผลที่ถูกกัดเจ้าค่ะและพิษนั้นทำให้มนุษย์ มีแผลไหม้และทำให้ผิวหนังมีเลือดออกไม่หยุดเลยเจ้าค่ะ ตอนแรกที่ข้ารักษาท่านนะเจ้าคะ ผ้าสิบผืนก็ซับได้ไม่หมด ท่านมายุได้รับพิษเข้าไปก็ถึงกับหยุดหายใจไปบางทีเลยเจ้าค่ะ ข้าก็เลยต้องอยู่ดูท่านตลอดหนึ่งอาทิตย์เต็มๆเลยเจ้าค่ะ ดีที่ลูกๆของดิฉันคอยเป็นลูกมือให้ แต่ตอนนี้พวกแกคงนอนพักอยู่เจ้าค่ะ”
“ขนาดนั้นเลยหรือเนี่ย”เธอพึมพำกับตนเอง
“ขอบคุณคุณอากาเนะมากเลยค่ะ และก็ลูกๆของคุณอากาเนะด้วยนะคะ”เธอคำนับ
“ท่านมายุเจ้าคะ…ดิฉันมีเรื่องอยากถามเจ้าค่ะ”
“ค่ะ”มายุกล่าวออกมา จะถามคำถามใดมา
เธอก็พร้อมตอบเสียทั้งหมด
“ท่านมายุเห็นใบหน้าของท่านไดกิแล้วใช่ไหมคะ?” หญิงสาวถึงกับตกใจกับคำถามนั้น ถ้าเป็นคำถามนี้ขอเลี่ยงไม่ตอบจะได้หรือไม่
“ท...ทำไมคิดอย่างนั้นคะ”มายุตีหน้าซื่อถามอีกฝ่ายกลับ
“ท่านไดกิเหมือนจะได้รับพิษเช่นเดียวกับท่านมายุเจ้าค่ะ แต่ท่านไดกิไม่ให้ข้าช่วยรักษา และยังกลืนเข้าไปด้วย”
“แล้วกลืนลงไป จะไม่เป็นไรหรอคะ?”เธอยังถามต่อ แต่ถ้าให้ตอบก็ไม่รู้ว่าจะตอบยังไงให้อีกฝ่ายไม่เข้าใจผิดไปเสียก่อน
“ก็ไม่ค่อยสบายเจ้าค่ะ”อากาเนะตอบออกมา แบบนี้เธอคงไม่ต้องการคำตอบเสียแล้ว
แต่หญิงรับใช้ก็ไม่มีทีท่าไม่พอใจอย่างไร
“ถ้างั้น ขอให้ดิฉันไปเยี่ยมได้ไหมคะ”มายุถามขึ้นบ้าง
“ข้าคิดว่าท่านไดกิควรจะมาเยี่ยมท่านมายุเสียมากกว่านะเจ้าคะ”อากาเนะไม่มีทางพาคนที่ป่วยหนักอย่างเธอไปหาอีกฝ่ายแน่นอน
“แล้วท่านไดกิมาเยี่ยมบ้างไหมคะ?”เธอคอยฟังอย่างตื่นเต้น ไม่รู้ทำไมเธอถึงอยากรู้คำตอบเช่นนี้
“ก็มาบ้าง..บางวันเจ้าค่ะ...”การาสุเทนกุเริ่มสงสัยในความรู้สึกของอีกฝ่ายที่มีให้เจ้านายของเธอ
แต่ก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ คงจะดีเสียอีก เธออยากให้เขาพบกับมนุษย์มานานหลายร้อยปีแล้ว
“ถ้าเช่นนั้นคงใกล้เวลาที่ดิฉันควรจะกลับแล้วสินะคะ”ร่างบางกล่าวออกมา
“ท่านมายุอยู่รักษาตัวก่อนสักวันสองวันเถอะเจ้าค่ะ ให้หายดีแล้วแน่ๆ”อากาเนะพยายามเกลี้ยกล่อมอีกฝ่าย
“เดี๋ยวให้ดิฉันถามท่านไดกิดีกว่า ถ้าท่านอยากให้พักอยู่ที่นี่อีกสักหน่อย ดิฉันก็จะอยู่ค่ะ แต่ถ้าไม่ดิฉันจะรีบกลับในทันทีเลยค่ะ”อากาเนะถึงกับเงียบไปสักพัก
"ท่านมายุอยู่ที่ห้องเถิดค่ะ ข้าจะไปตามท่านไดกิ"อากาเนะกล่าวออกมา
"ดิฉันไม่เป็นไรแล้วค่ะ จริงๆนะคะ"มายุพยายามจะลุกขึ้นจนอีกฝ่ายต้องยอมแพ้ อากาเนะจึงค่อยๆประคองมายุ และพาเธอออกมาด้านนอกห้อง ก่อนจะเดินผ่านทางเดิน จนถึงห้องที่มีทาโร่ยืนอยู่ด้านหน้าห้อง
“เจ้าพานางมาทำไม?”เสียงนั้นกระซิบถามอากาเนะ
“นางอยากมาเยี่ยมไข้ท่านไดกิ”ทาโร่เหมือนอยากจะกล่าวสิ่งใดต่อสักอย่างแต่ก็ถูกอากาเนะ ขัดจังหวะเอาไว้
“เจ้าไม่เห็นรึว่านางเชื่อใจได้ ให้นางเข้าไปเสีย”
“หน้าที่ของข้าคือห้ามคนอื่นเข้ามาในห้อง เจ้าจะทำอย่างนี้ไม่ได้!!”ทาโร่ตำหนิอีกฝ่าย
แม้ว่าเธอจะอายุมากกว่าเขาสักหน่อย แต่แบบนี้ก็ต้องกล่าวตักเตือนกันเสียบ้าง
“เชื่อข้าเถอะทาโร่ ถ้าท่านไดกิไม่อยากพบนางล่ะก็ ข้าจะยอมโดนลงโทษ”อากาเนะยื่นหน้ามาใกล้แล้วกล่าวออกมาด้วยเสียงต่ำ
เหมือนจะข่มขู่อีกฝ่ายหนึ่ง แต่เขาก็หากลัวไม่
เพียงแต่ไม่อยากต่อความยาวสาวความยืดนัก
“เจ้าพูดเองนะ”ทาโร่กล่าว ก่อนจะพยักเพยิดให้อีกฝ่ายเข้าไปในห้อง อากาเนะเปิดประตูเลื่อนให้มายุก่อนจะปิดประตูเสีย ในห้องนอนขนาดใหญ่นั้น มีการกั้นฉากอย่างเรียบร้อย ตรงกลางห้องมีเตียงนอน และกางม่านอย่างดีเพื่อไม่ให้เห็นใบหน้าของผู้ที่กำลังนอนพักอยู่ อากาเนะค่อยๆคุกเข่าไปที่เตียง
“ท่านไดกิเจ้าคะ ท่านมายุจะมาพบค่ะ”
เมื่อไดกิได้ยินจึงยกมือเพื่ออนุญาต
“ค่ะท่านไดกิ ข้าจะกางม่านไม้ไผ่กั้นเอาไว้ให้ และบอกให้นางนั่งอยู่ในที่ที่ท่านอนุญาตค่ะ”อากาเนะกล่าว ก่อนจะกางม่านไม้ไผ่อย่างรวดเร็ว และเชิญมายุมานั่งลงที่ข้างเตียง กว่าที่เธอจะหันไปอีกทีอากาเนะก็ออกไปจากห้องแล้ว มายุที่มองดูร่างอีกฝ่ายที่นอนซมผ่านม่านไม้ไผ่ก็ถึงกับตกใจ
“ท่านไดกิ!! ไหนอากาเนะบอกว่าท่านไม่เป็นอะไรมากนี่คะ”ร่างบางเห็นใบหน้าที่ซีดเซียวของอีกฝ่ายหนึ่งก็ตกใจนัก
“ข้าแค่เจ็บคอเฉยๆ เจ้าต่างหากล่ะที่นอนสลบไปเป็นอาทิตย์”เสียงนั้นตอบมาอย่างแหบแห้ง
“แต่ว่าท่านควรจะให้อากาเนะรักษาให้นะคะ”มายุกล่าวขึ้น
“เจ้าต้องการนางมากกว่าข้า ข้าเองก็ทานยาอยู่เช่นกัน ไม่ต้องห่วงข้า”
ก่อนร่างนั้นจะค่อยๆลุกขึ้นนั่งอย่างช้าๆ และพยายามจะหยิบหน้ากากเทนกุขึ้นมาสวม แต่กลับกลายเป็นปัดหน้ากากตกลงมาตรงหน้าของมายุ หญิงสาวก้มลงเก็บขึ้นมา และยังเห็นรอยเลือดติดอยู่
“และอาการไอเป็นเลือด แท้จริงก็มาจากพิษของคุโระเฮะบิหรือคะ?”
“ใช่ ตอนนั้นข้าแค่ไม่เหลือพลังมากเท่าใดนัก พิษก็เลยมีผลกับข้าไปด้วย”มายุจึงเข้าไปในม่านกั้น ก่อนจะคุกเข่าข้างเตียงและคืนหน้ากากกับผู้ที่อยู่เบื้องหน้า โดยที่เธอก้มหน้าไม่อาจมองใบหน้าของอีกฝ่ายได้ ฝ่ามือใหญ่เอื้อมมือมาลูบศีรษะของเธออย่างเบามือ จนเธอตกตะลึงไปชั่วขณะที่เขาทำเช่นนี้
“ไม่ต้องหลบหน้าข้าหรอก ที่จริงอากาเนะก็คงรู้แล้วล่ะ เรื่องที่เจ้าเห็นหน้าข้า”
“หรอคะ?”ดวงตากลมโตสีน้ำตาลมองอีกฝ่ายอย่างประหลาดใจ
“นางเก่งจะตายไป เพียงแค่มองก็รู้แล้ว”เมื่อนึกถึงความสามารถของคนรับใช้ของตน ไดกิก็อดยิ้มออกมาไม่ได้
“ถ้าเช่นนั้น ท่านไดกิต้องลบความทรงจำของดิฉันไหมคะ?”เธอถามด้วยสีหน้าที่กังวล
“ข้าเชื่อว่าอากาเนะจะไม่บอกใคร”มายุเงยหน้ามองดวงตาของอีกฝ่ายหนึ่ง เหมือนอยากจะถามถึงเหตุผลของเขา แต่อีกฝ่ายยิ้มออกมาเท่านั้น
“เจ้าปลอดภัยก็ดีแล้ว มายุ
ข้าต้องคิดใหม่แล้วล่ะหากข้าจะบอกว่ามนุษย์นั้นอ่อนแอ”เขายิ้มออกมา และดูจะชื่นชมหญิงตัวเล็กๆอย่างเธอ
“เพราะว่าท่านช่วยดิฉันไว้ต่างหากค่ะ ดิฉันจึงปลอดภัย”
มายุพูดขึ้น
“ตอนที่ข้ารู้ว่าเจ้าหยุดหายใจ ข้าตกใจแทบแย่”ชายหนุ่มหยิบน้ำชาขึ้นมาดื่มเพื่อช่วยให้คล่องคอมากขึ้น แต่ก่อนที่จะได้กล่าวอะไร อากาเนะได้เคาะประตูห้องเสียก่อน
“เข้ามาได้”ไดกิสั่งอีกฝ่ายหนึ่ง ปิศาจสาวจึงยกกล่องข้าวขึ้นมาสองกล่อง มายุที่จะรีบคลานไปอยู่ข้างนอกม่านนั้นกลับถูกมือที่แข็งแรงจับข้อมือเธอไว้ไม่ให้ไปไหน อากาเนะก้มหน้าก้มตาเพราะกลัวกับข้าวสองชุดที่นำมาให้ ไดกิกับมายุหกเลอะเทอะนั้นเมื่อเงยหน้าขึ้นมาก็จึงจะชะงักกับภาพเบื้องหน้า จนเกือบทำชามซุปมิโซะหก การาสุเทนกุที่เห็นดังนั้นจึงวางกล่องข้าวไว้เสียตรงนั้น
“ข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้นเจ้าค่ะ”เธอรีบวิ่งเอามือปิดหน้าออกไปด้านนอกในทันที
“ท่านไดกิทำเช่นนี้ทำไมคะ”มายุพยายามสบัดมือออก
“นางจงใจ มีหรือที่จะให้เจ้ามานั่งคนเดียวในห้องนี้ตอนที่ข้าป่วย นางอยากเห็นนักไม่ใช่รึ ก็ให้นางเห็นไปสิ นางไม่เอาไปบอกใครอื่นหรอก” ไดกิแสยะยิ้มออกมา เหมือนจะรู้สึกสนุกที่ได้แกล้งคนสนิทของเขาไปในที ดังนั้นกลายเป็นว่ามายุต้องเป็นคนจัดสำรับข้าวให้ได้กิ และนำมาวางไว้ข้างเตียงแทน และไม่เข้าใจว่าทำไมอากาเนะถึงอยากให้เป็นแบบนี้ไปได้
“ข้ายังทานข้าวได้ไม่มากนัก เจ้าทานเสียก่อนเถอะ ไม่ได้ทานข้าวมาหลายวันแล้ว”
“ค่ะ”
มายุลงมือทานกับข้าว ที่มุมห้องเพื่อที่จะไม่ให้กลิ่นนั้นรบกวนอีกฝ่ายเธอไม่เคยรู้สึกหิวมากขนาดนี้มาก่อนเลยในชีวิตคงเพราะไม่ได้ทานข้าวมาหลายวันแน่นอน
การสนทนาของทั้งสองจึงจบลง สักพักใหญ่ไดกิที่นอนมองเพดานนั้นจึงถามขึ้น คำถามของเขาเปรียบเสมือนคำถามลอยๆเสียมากกว่าต้องการคำตอบ
“เจ้ารู้จักมิวะด้วยหรือ”
“คะ?”มายุที่เคี้ยวอาหารอยู่จึงต้องรีบกลืนเสียเพื่อจะตอบคำตอบของอีกฝ่าย
“มิวะ…”เขากล่าวออกมาสั้นๆ
“ดิฉันไม่รู้จักหรอกค่ะ แต่ท่านไดกิเคยเรียกชื่อนั้น”หญิงสาวลงมือทานข้าวต่อเพราะหิวเป็นอย่างมาก
“อย่างนั้นหรือ? ตอนนั้นข้าคงไม่มีสติล่ะสิ”เขากล่าวออกมาด้วยเสียงที่แผ่วเบา
“ก็ประมาณนั้นค่ะ”หญิงสาวตอบเพราะมันเป็นคำพูดสุดท้ายก่อนเขาจะหมดสติไป
“นั่นสินะ…เรื่องมันนานแล้วนี่นา เจ้าไม่รู้จักก็คงไม่แปลก”ชายหนุ่มพูดกับตนเอง แต่ทว่าคำถามนี้กลับทำให้มายุนึกอะไรบางอย่างได้
“แล้วท่านไดกิรู้จัก มิยะ
ไหมคะ?”
“มิยะหรือ? เป็นศาลเจ้าอายุเกือบสองพันปี มีมาก่อนที่ข้าจะเกิดเสียอีก แต่ตอนนี้ข้าไม่คิดว่าจะยังอยู่ เพราะได้ยินว่าถูกทำลายจากสงครามไปแล้ว”ไดกิกล่าวออกมาก่อนจะถอนหายใจยาวเมื่อนึกถึงที่แห่งนั้น
“เช่นนั้นหรือคะ”มายุดูจะครุ่นคิดถึงบางอย่าง และมีสีหน้าที่ดูเสียดายยิ่งนัก
“แล้วท่านพอรู้ไหมคะว่าอยู่ที่ไหน”เธอถามเขากลับ
“นครนาโกย่า”มายุพยักหน้ารับเมื่อได้ฟัง
เธอเก็บงำความสงสัยไว้ไม่ไหวแล้ว
ฝันแบบนี้มันบ่อยเกินไปจนทำลายชีวิตอันปกติสุขของเธอ
“แปลว่าฉัน ควรจะแวะไปที่นั่นบ้างสินะ”เธอพึมพำกับตนเอง
“แล้วท่านเคยไปไหมคะ?”เธอถามอีกฝ่ายต่อ
“ข้าเคย….ไปตอนเทศกาลบุกาคุชินจิ ตอนนั้นข้ายังเด็กนัก เลยปลอมตัวเป็นมนุษย์เพื่อไปเที่ยวกับ...”ฉับพลันเสียงนั้นได้เงียบลง จนกลายเป็นความเงียบ
“มายุ เจ้าถามข้าทำไมกัน?”ดวงตาเรียวยาวมองอีกฝ่ายหนึ่ง
“พอดีว่าดิฉัน...ฝันถึงค่ะ อาจจะฟังดูแปลกๆค่ะ
แต่ตั้งแต่มาที่จังหวัดไอชิแล้วก็มักจะฝันถึงชื่อนี้ค่ะ”เธอกล่าวออกมาตรงๆ เพราะการเจอปิศาจมันประหลาดกว่าการเล่าความฝันที่เธอพบเจอเป็นไหนๆ
“ฝันถึงหรือ ช่างประหลาดสิ้นดีมีคนบอกให้เจ้าไปที่นั่นรึ?”เขาดูไม่ค่อยใส่ใจนัก หรือเขาคงไม่ค่อยอยากกล่าวถึงที่นั่นมากนักก็เป็นได้
“ก็ประมาณนั้นค่ะ”
“หวังว่าจะไม่ใช่เพราะปิศาจตนใดอีกนะ”คำพูดนั้นทำให้มายุนึกขึ้นมาได้
“นั่นสิคะ บางทีอาจจะเพราะโดนอะมาโนะจาคุตนนั้นหลอกก็ได้ค่ะ”ไดกิที่ได้ฟังนั้นก็ตอบกลับมา
“เป็นไปได้เพราะอะมาโนะจาคุนั้น สามารถก่อกวนจิตใจของมนุษย์ได้ ดังนั้นเจ้ามิต้องกังวลไปหรอก และไม่ต้องไปใส่ใจกับความฝันนั้นเสีย”
“ค่ะ”มายุกล่าวก่อนจะบอกกล่าวในสิ่งที่เธอคิดมาตั้งแต่นำดาบคามินาริกลับมาแล้ว
“ท่านไดกิคะ ดิฉันทำหน้าที่ที่ท่านไดกิมอบให้เสร็จสิ้นแล้ว จึงคิดได้ว่าดิฉันควรจะกลับไปได้แล้วค่ะท่านไดกิ ฉันก็เลยจะมาลาท่านไดกิค่ะ”เธอกล่าว
“ข้าเข้าใจว่าวันหนึ่งเจ้าก็ต้องไป แต่ที่ข้าเคยถามไว้ ว่าจะพาเจ้าไปยังที่ที่หนึ่งก่อนกลับ เจ้ายังไม่ได้ให้คำตอบข้าเลย”
“แล้วแต่ที่ท่านไดกิจะกรุณาเลยค่ะ”ชายหนุ่มขมวดคิ้วเมื่อได้ฟังคำตอบ
“ถ้าเช่นนั้นข้าจะพาเจ้าไปเสียตอนนี้”เขาลุกขึ้นนั่งในทันที
“ท่านไดกิยังไม่สบายอยู่นะคะ”มายุกล่าวออกมาด้วยความประหลาดใจ
“ข้าเพียงแค่เจ็บคอเท่านั้น ไม่ได้เป็นอะไรมากมาย”กล่าวจบชายหนุ่มผู้สวมชุดยูกาตะสีน้ำเงินเข้มลุกขึ้นจากที่นอน และสวมหน้ากากเทนกุให้เรียบร้อย และอุ้มมายุขึ้นจนตัวของเธอลอยละลิ่วและพาเดินไปที่ระเบียงของห้อง ก่อนจะบินขึ้นไปบนท้องฟ้า
“ท่านไดกิ ไม่ให้เวลาดิฉันเตรียมใจเลยหรือคะ”มายุโวยวายลั่น ส่วนอากาเนะที่อยู่ด้านล่างนั้นถึงกับเอามือทาบอกในทันที และพยายามจะวิ่งออกไปดู
“ท่านไดกิต้องการจะทำอะไรกันแน่!!”เธอแทบจะตะโกนไล่หลังเขา
มายุแอบนึกเข้าข้างตัวเองว่าไดกิก็อาจจะชอบเธอ แต่ก็ต้องสลัดความคิดนั้นทิ้งไปเสียเพราะ ในใจลึกๆ
เหมือนหญิงสาวจะรู้ตัวดีว่ายังไงก็ไม่มีทางใช่เธอเด็ดขาด แต่หากเธอลองถามไป เขาคงจะปล่อยเธอลงเสียตอนนี้เลยก็ได้ มายุครุ่นคิดอย่างหนักว่าเธอรู้สึกเช่นไร กับเขากันแน่ แต่ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่มีทางออกเหมือนกับเธอหลงอยู่ในเขาวงกต ไม่รู้ว่านานเท่าใดที่เธอเงียบไป จนอีกฝ่ายถามขึ้น
“ทำไมคราวนี้ไม่ถามคำถามกับข้าเสียล่ะ เหมือนที่เจ้าทำเป็นปกติ”ชายหนุ่มรุ้สึกสงสัยยิ่งนัก
“ดิฉันทำแบบนั้นหรือคะ”เธอเองก็รู้สึกงงงวยในความอยากรู้ของเธอเหมือนกัน
“ใช่ เจ้าไม่รู้ตัวเลยรึว่าตลอดเวลา เจ้ามักจะมีเรื่องถามข้าอยู่เสมอ”
“ถ้าทำให้ท่านไดกิรำคาญก็ขอโทษด้วยค่ะ”เธอกล่าวอย่างสำนึกผิด
“ไม่ใช่หรอก ข้าไม่ค่อยมีใครพูดด้วยหรอก”
“แต่ว่าท่านก็มีพวกการาสุเทนกุนี่คะ”
“ใช่ แต่ตั้งแต่ข้าได้ตำแหน่งนี้ เหล่าการาสุเทนกุเองก็คุยกับข้าน้อยลง คงเพราะเห็นว่าข้าเป็นหัวหน้า ทุกคนจึงเริ่มทิ้งระยะห่างกับข้ามากขึ้น เรื่องไหนที่เคยคุยกันได้ แต่ตอนนี้เขากลับไม่กล้าคุยกับข้า…”น้ำเสียงนั้นมีความเดียวดายที่ซ่อนอยู่ จนเธอรู้สึกเศร้าใจไปด้วย
“ที่จริงก็คือทุกๆคนแหละ ที่ข้ารู้จัก บางทีเขาชอบหรือไม่ชอบอะไรก็ไม่กล้าบอกข้า ไม่ว่าข้าจะสั่งให้ทำอะไร เขาก็จะทำตาม แม้ว่าข้าจะลองถามแต่เขาก็จะบ่ายเบี่ยงอยู่เสมอ... จนกระทั่งข้าเองก็คิดว่าแท้จริงแล้ว เขารู้สึกกับข้า เหมือนกับข้ารู้สึกกับเขาหรือเปล่า แต่กับเจ้านั้นไม่ใช่รวมถึงคนอื่นๆในสมัยนี้อาจเป็นเช่นเจ้าด้วย เจ้ากล้าขอ
กล้าต่อรองกับข้า เจ้าบอกกับข้าว่าชอบหรือไม่ชอบอะไร นั่นเป็นสิ่งที่ทำให้เจ้าต่างจากทุกคนในที่นี้ แต่ก็อย่างว่าแหละ พวกข้ามันก็แค่พวกที่หลงยุคสมัยเท่านั้น”
“ท่านไดกิ…”มายุเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งแล้ว ตลอดเวลาที่ผ่านมาไดกิเองก็ต้องการที่จะมีคนที่คอยพูดคุย และเสนอความคิดเห็นบ้างสินะ
“ยิ่งในวันนั้น ที่ข้ากับเจ้าบาดเจ็บกลับมา เจ้ายังคอยช่วยคิดหาวิธีต่างๆเป็นทางออกให้ข้า แต่กับคนอื่นนั้นไม่ใช่ เพียงข้าสั่ง เขาก็จะอยู่ที่นั่นไปเรื่อยๆ แม้ว่าจะไม่เข้าใจจุดประสงค์ที่ข้าสั่งก็ตาม”หญิงสาวพยักหน้า นึกถึงตอนที่เธอบอกกับอากาเนะว่า ไดกิสั่งให้นำดาบไปไว้ไกลๆจากเหล่าการาสุเทนกุ เพื่อจะไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ อากาเนะถึงกับร้องไห้ออกมา เพราะอาจจะไม่เคยรู้มาก่อนว่าคนที่อยู่เบื้องหน้าของเธอเป็นห่วงพวกเขาขนาดไหน
“ท่านไดกิเป็นผู้นำที่ดีนะคะ ท่านไดกิเป็นห่วงคนในบังคับบัญชาของตนเอง และพยายามจะให้พวกเขาปลอดภัย”
“นี่ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ข้าได้รับจากเจ้าเหมือนกัน” เมื่อกล่าวจบ ก็พอดีกับที่ไดกิร่อนลงที่กลางป่าในหุบเขา มายุเห็นภาพเบื้องหน้าคือน้ำตกที่ไหลเอื่อยๆจากลำธารเส้นเล็ก แอ่งน้ำเบื้องล่างนั้นใสประดุจกระจกได้ก็มิปานจนเห็นก้นสระ ต้นไม้เมเปิ้ลรอบๆเป็นสีแดงสดใสไปทั่วบริเวณตัดกับพื้นดินสีน้ำตาลเข้ม รวมถึงต้นแปะก๊วยที่มีใบสีเหลืองอร่ามดูน่าชม จนมายุต้องตกตะลึงกับความงามตรงหน้า มีก้อนหินก้อนใหญ่อยู่รอบๆ แม้ที่ตรงนี้จะไม่ใหญ่มากนัก แต่ก็สวยงามเหลือเกิน
“สวยมากเลยค่ะ ท่านไดกิได้มาบ่อยๆไหมคะ”เธอมองภาพเบื้องหน้าอย่างไม่อาจละสายตาได้
“ไม่หรอก ข้าทำงานอยู่ในห้องทำงานเสียเป็นส่วนใหญ่ แต่ตอนนี้ที่ข้าไม่สบายจึงให้คาบูโตะทำงานเอกสารแทนข้าสลับกับทาโร่ไปเรื่อยๆ”
“แล้วดาบคามินาริล่ะคะ”
“เทพเซริวมารับไปตั้งแต่วันแรกๆแล้ว และเขาจึงคืนพลังให้แก่ข้า ดังนั้นข้าจึงฟื้นตัวเร็วกว่าที่ข้าคิดไว้มาก เป็นเพราะเจ้าช่วยข้าไว้แท้ๆ ข้าจึงอยากพาเจ้ามาที่นี่เพื่อเป็นการตอบแทนที่ข้าได้พลังคืนมามากมายขนาดนี้”
“ขอบคุณเจ้ามาก”เขากล่าว
มายุยิ้มรับและเดินเข้าไปที่น้ำตก หญิงสาวลงมาแช่เท้าในน้ำตกที่ใสสะอาด น้ำนั้นก็เย็นเฉียบเสียจนเธอต้องรีบเอาเท้าขึ้นมาจากน้ำในทันที
“ที่นี่สวยเหมือนกับภาพวาดเลย...ไม่สิเทพนิยายเลยต่างหากค่ะ ท่านไดกิ”
“สวยขนาดนั้นเลยรึ”
“ค่ะ โดยเฉพาะที่นี่ไม่มีคน ถ้าที่ไหนสวยงามมากมายเพียงใดแต่มีคนไปเยอะ พื้นที่นั้นก็จะดูไม่สวยอยู่ดีค่ะ”หญิงสาวนึกถึงหุบเขาโครังเคที่เธอเคยไป
แต่แค่การเดินทางไปก็มีผู้คนมากมายแล้ว ไม่อยากจะคิดเลยว่าหากไปถึงที่นั่น
คนจะมากมายขนาดไหน
“ถ้ามีแค่ข้ากับเจ้าคงไม่ถือว่าคนเยอะเกินไปสินะ”ชายหนุ่มถอดหน้ากากสีแดงออก ใบหน้าเรียวของเขาดูงามประดุจภาพวาด จนอีกฝ่ายต้องมองอย่างละสายตาไม่ได้
“ท่านไดกิ หากท่านเป็นมนุษย์ท่านคงจะได้เป็นดาราแน่นอนเลยค่ะ”เธอชมเขาออกมาเสียดื้อๆ จนไดกิเองก็มีสีหน้าสงสัยยิ่งนักเมื่อถูกชม
“ดารา?”เขามองหน้าเธอด้วยความงุนงง
“พระเอกละคร อะไรแบบนั้นน่ะค่ะ”มายุพยายามอธิบายให้เข้าใจง่ายที่สุด
“ขนาดนั้นเลยรึ?”เขายิ้มออกมา ดวงตาสีดำขลับจับจ้องอีกฝ่ายหนึ่ง
“แต่ข้ากลับคิดว่า ข้าเหมาะกับใบหน้าที่ดูดุดันมากกว่า เหมือนนักรบ”
“อันนั้นคงจะเป็นสมัยที่ซามูไรเรืองอำนาจสินะคะ”เธอครุ่นคิด
แต่ก็ถูกของเขาเพราะไดกินั้นต้องเป็นผู้นำ เป็นปิศาจให้คนยำเกรง
หญิงสาวค่อยๆแช่เท้าลงในน้ำอีกสักครั้งหนึ่ง ดูเหมือนว่าเธอจะรู้สึกหนาวน้อยลงแล้วและครุ่นคิดได้ว่าเธอยังไม่ได้ทำบางอย่างที่สำคัญยิ่งนัก
จะว่าไปเรานอนสลบไปตั้งหนึ่งอาทิตย์ แปลว่าเราไม่ได้อาบน้ำมาเจ็ดวันเลยหรอ!!!! อี๋
น่าอายชะมัด
มายุถึงกับทำหน้าเจื่อนเมื่อนึกถึงระยะเวลาที่เธออาบน้ำครั้งสุดท้าย โดยที่ไม่รู้ว่าอากาเนะเปลี่ยนเสื้อให้เธอครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่
“เอ่อ...ท่านไดกิคะ ระหว่างที่ดิฉันยังหลับอยู่ ท่านไดกิได้มาเยี่ยมบ้างไหมคะ”อีกฝ่ายหันไปมองทางอื่นก่อนจะตอบ
“ก็...ทุกวัน ทำไมรึ?”มายุมีสีหน้าประหลาดใจเมื่อได้ฟัง ทั้งแอบดีใจ
แต่ก็สงสัยว่าทำไมอากาเนะถึงกล่าวว่าเขาไปเยี่ยมเธอเพียงบางวันเท่านั้นหรือเขาแอบมาเยี่ยมเธอตอนอากาเนะไม่อยู่กัน
“ดิฉันจะถามว่าเสื้อตัวนี้ดิฉันใส่มาตั้งแต่วันไหนหรือคะ?”
“ก็เมื่อวานนี้...”มายุถึงกับถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความโล่งอก นึกว่าจะกลิ่นเหมือนปลาตากแห้งซะแล้ว หญิงสาวลงไปยืนอยู่ในน้ำสองมือจับชายยูตากะไว้เพื่อไม่ให้เปียกและเดินเล่นไปมา โดยที่ไม่รู้ว่าไดกิเหลือบมองต้นขาของอีกฝ่าย ก่อนจะกระแอมขึ้นมาดังๆ
“ถ้าเจ้าอยากเล่นน้ำก็บอก ข้าจะได้ไปอยู่ที่อื่นก่อน…”เขามองไปทางอื่น มายุถึงกับสงสัย เล่นน้ำคนเดียวไม่น่าจะเล่นได้นะ เมื่อหญิงสาวดูจะไม่ค่อยเข้าใจสิ่งที่เขาจะสื่อนัก ปิศาจเทนกุจึงกล่าวออกมา
“...และก็เจ้าดึงยูกาตะขึ้นมาสูงเกินไปแล้ว”หญิงสาวหันขวับที่ดูชายยูกาตะที่ตนถืออยู่
เอ..
สูงกว่าเข่าแค่นิดเดียวเองนะ….อ๋อ….เมื่อพันปีที่แล้วแบบนี้คงถือว่าโป๊แล้วสินะ เดินเล่นอยู่เฉยๆก็ถือว่าอ่อยซะงั้น
หญิงสาวจึงค่อยขึ้นจากน้ำและหย่อนชายยูกาตะลง เธอไม่อยากรบกวนสายตาอีกฝ่ายมากนัก
แต่ก็รู้สึกขำปนประหลาดใจกับท่าทางของอีกฝ่ายที่ดูจะเป็นสุภาพบุรุษมากกว่าผู้ชายหลายๆคนที่เธอรู้จักนัก
“ท่านไดกิ คงไม่เคยเห็นผู้หญิงสมัยนี้แต่งตัวกันนะคะ”มายุอดกลั้นขำไม่ได้และหัวเราะคิกคักออกมา
“อะไรของเจ้า?”เขามีสีหน้าสงสัยนัก
“เปล่าค่ะ…” มายุทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ หากไดกิมาเห็นว่าผู้หญิงบางคนใส่กางเกงสั้นครึ่งก้น คงไม่หัวใจวายไปก่อนหรือ และแอบหันไปหัวเราะคิกคักอย่างสนุกสนาน ชายหนุ่มมองเธอแล้วถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกนัก
“ดูเหมือนเจ้าจะอาการดีขึ้นแล้ว ข้ารู้สึกผิดนะที่ทำให้เจ้าบาดเจ็บเจียนตายขนาดนั้น แท้จริงแล้ว ข้าอยากให้เจ้าอยู่ต่อให้นานกว่านี้สักหน่อย”ชายหนุ่มกล่าวออกมา ทำให้มายุดูมีความสุขและดีใจมากที่เขากล่าวออกมาเช่นนั้น จนหัวใจของเธอเต้นแรงจนผิดปกติ
แบบนี้ไม่ปกติแล้วนะมายุ หัวใจของฉันทำไมมันต้องเต้นแรงบ่อยๆกับปิศาจอย่างเขาด้วยล่ะเนี่ย หรือจริงๆแล้วฉันจะเผลอตัวไปชอบเขาตั้งแต่ตอนไหนกันนะ...ไม่นะ คงจะแค่ปลื้มเฉยๆล่ะมั้ง...แต่ทำไมฉันต้องเขินขนาดนี้ด้วย มนุษย์อย่างฉันจะชอบปิศาจที่เกลียดมนุษย์เช่นนี้น่ะหรือ
ความคิดเห็น