คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #21 : ความรู้สึกจากใจจริง
ไดกิรีบวิ่งตามรอยเท้าเข้าไปในป่าที่เหลือเพียงต้นไม้ไร้ใบจากความหนาวเย็นในฤดูเหมันต์ ชายหนุ่มวิ่งมาอย่างรวดเร็วจนกระทั่งสุดอาณาเขตของเขา ชายหนุ่มเอามือทาบลงบนกำแพงแก้วที่มีอักขระปรากฏอยู่ แต่รอยเท้าของอีกฝ่ายยังเป็นรอยเดินออกไปจากอาณาเขตของเขาแล้ว ไดกิมองด้วยความกระวนกระวายนัก เข้าไม่เข้าใจแม้แต่น้อยว่ามายุหายไปไหน เธอจะกลับมาอีกไหม หรือจากไปด้วยฝีมือของใคร ในหัวของเขาคิดเรื่องต่างๆมากมาย ก่อนเขาจะตัดสินใจในวินาทีนั้นใช้พลังวายุทั้งหมดเท่าที่เขามีเข้าปะทะกับกำแพงเบื้องหน้า เสียงลมร้องคำรามกึกก้องไปทั่วบริเวณ ปุยหิมะพัดปลิวว่อนไปทั่ว เขาตัดสินใจแล้วว่าเขาต้องออกไปให้ได้ แม้ว่าจะขัดคำสั่งของเซริวก็ตาม สายลมพายุเข้าปะทะกำแพงแก้วอย่างแรงแต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ทำให้มีรอยขีดข่วนแม้แต่น้อยแต่ตอนนี้เขาจะต้องพังทลายมันลงให้ได้ พลังนั้นเรียกให้การาสุเทนกุที่กำลังทำงานตามปกติหันขวับไปดูในทางเดียวกันหมด
“ข้าคือไดเทนกุ...
ข้าจะต้องมีพลังมากกว่านี้!!!”ไดกิคำรามออกมา
“พลังที่แท้จริงของข้ามันมีมากกว่านี้อีก!!”ไดกิใช้พลังทั้งหมดที่เขามีปะทะกับกำแพงแก้วจนทุกอย่างแตกกระจายออกเป็นเสี่ยงๆจนเกิดเสียงดังสนั่น
ชายหนุ่มยกมือขึ้นมาบังจากพลังนั้น ก่อนจะลดมือลงช้าๆเมื่อทุกสิ่งทุกอย่างสงบลง เขามองภาพเบื้องหน้าอย่างตกตะลึง
เมื่อเห็นว่ากำแพงเบื้องหน้าเกิดรอยร้าวและค่อยๆสลายหายไปช้าๆ
ไม่อยากจะเชื่อว่าข้าจะทำลายมันลงได้... แปลว่า ถ้าข้าได้พลังกลับมาทั้งหมดเมื่อไหร่ ข้าคงจะมีพลังทัดเทียมกับจตุรเทพได้แน่นอน..แ...แต่ว่าคราวนี้...
ชายหนุ่มทรุดลงไปกับพื้นอย่างหมดแรง
พลังที่เขามีก็ใช้เกือบทั้งหมด
แต่ไม่เป็นไร...เขาจะค่อยเพิ่มพลังทีหลังก็ได้หลังจากตามมายุกลับมาแล้ว
ร่างกำยำค่อยลุกขึ้นยืนและเดินไปตามทางที่มีรอยเท้าปรากฏไว้ตามทางอย่างทุลักทุเล
เขาหายใจหอบด้วยความเหนื่อยล้า ความรู้สึกที่ใช้พลังจนหมดเช่นนี้
ปิศาจอย่างเขาสามารถตายได้ แต่ไม่ใช่กับชายหนุ่มอย่างแน่นอน
ไดกิเดินลากเท้าไปตามทางจนกระทั่งเขาเห็นลำธารอยู่ที่ไกลๆ
ร่างกำยำจึงรีบก้าวเดินต่อไปในทันที และเผชิญหน้ากับเทพีแห่งความงาม
เขาชะงักไปสักพักก่อนจะส่ายหน้าเพื่อให้รู้สึกตัวไม่ให้ตกอยู่ในมนต์สะกดของอีกฝ่าย
“เจ้าคงเป็นไดกิ เก่งกาจยิ่งนัก
ทำลายอาณาเขตที่กักขังตนเองไว้อย่างไม่ใยดีเลยนะ”เธอยิ้มหวานออกมา
“ท่านเบนไซเทนสินะขอรับ ข้าขอคำนับ”เขาคำนับอีกฝ่ายหนึ่ง
และเข้าเรื่องในทันที
“ท่านช่วยคืนมายุมาเถิดขอรับ”
“มายุรึ? นางไม่ได้อยู่ที่นี่”เบนไซเทนกล่าวออกมา
“ท่านเองก็ไม่ได้อยู่ตรงนี้ ข้ารู้ดีว่าท่านเป็นเพียงภาพลวงตา”ไดกิกอดอกตนเอง
อีกฝ่ายเพียงยิ้มรับเช่นเคยเท่านั้น
“คืนมายุให้ข้าเถิดขอรับ” ไดกิกล่าวออกมาด้วยความมั่นใจ
“ทำไมต้องคืนให้เจ้าล่ะ มายุกับเจ้ารักกันรึ
เจ้าช่างเป็นห่วงนางเหลือเกิน”ร่างงามเดินที่นั่งลงที่ก้อนหินอย่างสบายใจ
ต่างจากอีกฝ่ายที่ไม่อยากจะปล่อยให้ร่างบางต้องทนอยู่ในอากาศที่หนาวเหน็บเช่นนี้
ทุกๆนาทีที่ผ่านไปเขายิ่งเป็นห่วงลูกศิษย์ของตนมากขึ้นกว่าเดิม
“นางเป็นลูกศิษย์ของข้าขอรับ
คืนนางให้ข้าเถิดขอรับ”ชายหนุ่มกล่าวด้วนความร้อนรน
“นางจากไปแล้ว ไดกิ...”ดวงตาที่เป็นประกายของนางมองไดกิที่มีใบหน้าที่ถอดสีอย่างเห็นได้ชัด
“นางไปไหน!!”ไดกิสาวเท้าเข้ามาคาดคั้นอีกฝ่ายในทันที
“เจ้านี่กลัวการจากลากับมนุษย์เสียจริงนะ ไดกิ”
“ม...มันแน่นอนอยู่แล้วขอรับ
หากข้าจากลากับปิศาจด้วยกันอีกสิบปี ร้อยปี ข้าก็ยังกลับมาพบกันได้
แต่กลับมนุษย์มันไม่ใช่ บางทีแค่สิบปี มนุษย์ก็ตายลงได้แล้วขอรับ”เขายังคงกวาดตามองหาอีกฝ่ายแต่ก็ไม่พบ
“เป็นห่วงเป็นใยนางจริงๆเลย เจ้ารักนางใช่หรือไม่”เบนไซเทนยังคงยิ้มหวานออกมา
“ข..ข้าไม่ได้รักนางขอรับ”ไดกิสวนมาทันควัน ก่อนจะเริ่มเดินวนหามายุแต่ก็ไม่พบ
“นั่นสินะ...เจ้ากับนางเป็นอาจารย์กับลูกศิษย์มิใช่รึ
ลูกศิษย์ของเจ้าที่แอบรักเจ้ามาโดยตลอด บางทีตอนนี้นางอาจจะ กำลังเลิกรักเจ้าแล้ว
เจ้าควรจะยินดีสิที่นางจะได้กลายเป็นลูกศิษย์ของเจ้าอย่างแท้จริง
ไม่มีเจตนาใดแอบแฝงอีก”ไดกิกลับมีสีหน้าที่ร้อนรนกับคำพูดของเบนไซเทน
แต่นั่นยิ่งทำให้เธอดูมีความสุขนักก่อนจะกล่าวต่อ
“ท่านหมายความว่าอย่างไร!!”ไดกิดูจะขุ่นเคืองเป็นอย่างมาก
“ก็ นางรักเจ้า แต่เจ้าไม่รักนาง
นางจะทนอยู่ที่นี่ทำไม นางคงเดินไปไหนไกลแล้วไดกิ จะมามัวหาอยู่ตรงนี้ทำไม”ชายหนุ่มแทบจะหันกลับไปเดินหามายุต่อในทันที
แต่ร่างงามได้เรียกเขาไว้
“เจ้าไม่ต้องตามแล้วไดกิ นางจากไปแล้ว
นางยอมแพ้ที่จะรักเจ้าต่อไป นางกลับไปที่นางได้จากมาแล้ว”ชายหนุ่มหันขวับมามองอีกฝ่ายอย่างไม่สบอารมณ์นัก
“ท่านรู้ว่านางอยู่ที่ไหน บอกข้ามาเถิดขอรับ
ข้าจะยอมรับใช้ท่านเบนไซเทน ขอเพียงแค่ท่านบอกว่ามายุอยู่ที่ไหนเท่านั้นขอรับ”เขาคำนับอีกฝ่ายและอ้อนวอนขอร้องผู้ที่นั่งอยู่เบื้องหน้า
“ยอมรับความรู้สึกตนเองก่อนเถิดไดกิ
เจ้าให้ความมั่นใจแก่นางไม่ได้ เจ้าจะมาเรียกร้องอะไรจากนาง นั่นใช่ความผิดของนางรึ
ที่ไม่เคยบอกรักเจ้าเลยเมื่อนานมาแล้ว ถึงคราวนี้เจ้าเลยแกล้งให้นางทนทุกข์บ้าง
ข้าคิดว่านางรักเจ้า แต่เจ้าไม่เห็นใจนางบ้างเลย เจ้าไม่ได้รักนางแม้แต่น้อย
ถ้าไม่ได้รักนางแล้วก็ยอมกลับไปเถิด ปล่อยให้นางอยู่กับข้าจะดีกว่า”ชายหนุ่มตัวแข็งทื่อเมื่อได้ฟัง
เขาส่ายหน้าออกมาในทันที
“อะไรกันไดกิ
เจ้ามันไม่ยอมรับเลยรึว่าเจ้าจะรู้สึกเช่นไรกับนาง
ยังไงนางก็ตกลงว่าจะเป็นสนมของข้าแล้วนะไดกิ”เธอเหยียดยิ้มออกมาอย่างมีเลศนัย
“สนม?...นางไม่มีวันทำเช่นนั้นแน่นอนขอรับ”ไดกิมีสีหน้าที่ตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัด
“เจ้าช่างมั่นใจเหลือเกินนะ...ซายูริพานางออกมาได้แล้ว”เมื่อสิ้นคำสั่ง
หญิงสาวผู้มีเรือนผมสีทองเกล้าผม และประดับด้วยปิ่นปักผมอันใหญ่
ชุดกิโมโนที่เปิดไหล่จนเห็นเนินอก พร้อมกับโอบิที่ผูกเป็นโบว์อยู่ด้านหน้านั้นจึงประคองร่างบางออกมาต่อหน้าเขา
มายุเองก็ถูกเปลี่ยนเสื้อและสวมชุดกิโมโนเหมือนดั่งซายูริที่ยืนอยู่ข้างเธอ
จนไดกิถึงกับตะลึงไปชั่วขณะ
“นี่ยังไงล่ะ
ถ้านางไม่ตกลงว่าจะเป็นสนม ข้าก็ไม่พานางไปแต่งตัวเช่นนี้หรอก”ร่างงามหัวเราะคิกคักออกมาเมื่อเห็นหน้าอีกฝ่าย
“ไม่จริงใช่ไหมมายุ...ไม่สิ...ข้าไม่เชื่อ
ท่านเบนไซเทนท่านอย่ามาหลอกข้า!!!” เมื่อเห็นมายุปรากฏตัว เขาก็รับเข้าไปดึงเธอออกมาให้มาอยู่ที่เขาในทันที
ซายูริจะเข้าไปแย่งคืน แต่ร่างงามยกมือขึ้นห้ามเอาไว้
ไดกิจับใบหน้าของหญิงสาวให้เงยหน้าขึ้นมามองเขา
“มายุกลับกันเถอะ กลับไปที่คฤหาสน์กัน”เขาจ้องดวงตาสีน้ำตาลที่ดูนิ่งจนแปลกประหลาด ก่อนเสียงกระแอมของเทพีจะดังขึ้น
“ข้าร่ายมนต์เอาไว้ นางจะไม่ตื่นจนกว่าเจ้าจะบอกรักนาง”ก่อนเทพีกับซายูริที่เป็นปิศาจจิ้งจอกจะหัวเราะคิกคักออกมาอย่างสนุกสนาน
“ไดกิ เจ้าอย่าได้โกรธเคืองข้า
หากเจ้าไม่ชอบล่ะก็จงไปโทษเซริวเถิด เขาเป็นคนขอให้ข้าทำเช่นนี้” ชายหนุ่มชะงักไปชั่วขณะ
เขาได้กลิ่นอันหอมหวานจากร่างกายของผู้ที่อยู่เบื้องหน้า
และรู้ได้ทันทีว่านี่ก็เป็นแผนการของเทพแห่งความงาม ชายหนุ่มหันขวับมากล่าวกับเบนไซเทน
“ท่านคิดจะทำอะไร ท่านจะเอาความรู้สึกของข้ามาเป็นของเล่นเช่นนี้ไม่ได้นะขอรับ!!!”แม้อีกฝ่ายจะเป็นถึงเทพ
แต่เขาก็ตำหนิออกมาอย่างไม่เกรงกลัว เบนไซเทนถึงกับชักสีหน้า
แต่เทพีแห่งความงามจะมาหมดสวยเพราะเรื่องเช่นนี้ไม่ได้
“ข้าบอกแล้วว่าให้ไปกล่าวกับเซริวเถิด” เธอโยนให้เทพมังกรฟ้าที่เป็นต้นเหตุให้เธอต้องมาทำอะไรเช่นนี้
“เช่นนั้นข้าไปก่อนดีกว่า
ข้าเองก็พอใจแล้วที่ได้แกล้งเจ้าเพียงเท่านี้ ช่วยดูแลนางอย่างดีด้วย”เบนไซเทนตัดสินใจว่าจะไม่อยู่รบกวนคนทั้งสองต่อ สำหรับเธอแค่เห็นอีกฝ่ายทุกข์ร้อนใจที่หามายุไม่พบก็เพียงพอแล้ว
“แต่ว่าข้าไม่พร้อมที่จะบอกรักนางตอนนี้”ไดกิสวนขึ้นทันควัน
เขาถอนหายใจออกมาเมื่อมองร่างเบื้องหน้าเขาที่ยังไม่ได้สติดีนัก
ดวงตาเรียวสีดำเต็มไปด้วยความเป็นห่วงต่อเธอที่อยู่เบื้องหน้า
เขาเจ็บปวดแทนร่างบางที่ต้องมาพบเจออะไรเช่นนี้เพราะเขายิ่งนัก
แต่ว่าเขาจะกล่าวออกไปไม่ได้ ไดกิจึงยอมรับในสิ่งที่ตนเองทำออกมาทั้งหมด
“ข้าตัดสินใจแล้ว
ว่าข้าจะเก็บนางเอาไว้ให้เป็นลูกศิษย์ ฐานะเช่นนั้น ข้าจะคอยดูแล และอยู่ไม่ห่างจากนางได้...ข้าไม่อยากเปลี่ยนให้เราอยู่ในฐานะคนรัก
เพราะข้ากลัวความเจ็บปวดเหลือเกิน อายุขัยของข้ากับเจ้ามันมิใช่ห่างกันเพียงร้อยปี
แต่สำหรับชั่วชีวิตของข้า อายุขัยของมนุษย์นั้นมีน้อยยิ่งนัก”เขาประคองใบหน้าของเธอด้วยความทะนุถนอม
เบนไซเทนที่ได้ฟังจึงเงียบไปชั่วครู่และกล่าวออกมา
“แต่เจ้ารักนาง ไดกิ... หากวันที่นางสิ้นอายุขัยมาถึง
เจ้าอาจจะเสียใจที่ไม่เคยเปิดเผยความรู้สึกจริงๆที่มีต่อนางให้นางทราบได้เลย
หากนางมีอายุที่สั้น ก็จงให้เวลาร่วมกันอย่างคุ้มค่าสิ เจ้าเห็นนางปวดใจ
เจ้าเองก็ทุกข์ใจไปด้วย ยอมรับออกมาเถอะว่าเจ้ารู้สึกเช่นเดียวกันกับนาง”ไดกิเพียงยิ้มมุมปากออกมาเมื่อได้ฟังเท่านั้น
“แต่ท่านวางยาข้าเอาไว้ด้วยกลิ่นกำยานอันหอมหวาน
ท่านถึงต้องใช้ยาเสน่ห์กับข้าเลยรึ ท่านเองก็คงกลัวว่าข้าจะปฏิเสธนางล่ะสิ…”เขายกมือขึ้นมาลูบศีรษะของมายุอย่างแผ่วเบา
“ข้าก็ไม่มั่นใจว่าเจ้าจะตอบรับรักนางหรือไม่ แต่ตอนนี้ข้ามั่นใจแล้ว...ซายูริกลับกันเถอะ
ส่วนเจ้า ไดกิ ข้าจะให้เวลาเจ้าตัดสินใจ
หากไม่รักนางก็จงปล่อยนางเอาไว้เพียงหนึ่งคืน นางจะตื่นขึ้นมาเองในยามเช้า และกลิ่นกำยานก็จะจางลงในยามรุ่งสางของวันถัดไป
เจ้ามิต้องทำอะไร ข้าจึงกล่าวได้เพียงเท่านี้”
“ถ้าข้าทำล่ะขอรับ”ไดกิถามขึ้นในทันที
อีกฝ่ายมีสีหน้าที่ประหลาดใจเพียงชั่วครู่ก่อนจะอธิบายออกมา
“ถ้าเจ้าบอกรักนาง นางจะตื่นมาพบเจ้าเสียตั้งแต่ตอนนี้ เจ้าจะหลงใหลนางเพราะกลิ่นกำยาน แต่ว่ายังไงกลิ่นนั้นก็จะจางหายไปในตอนรุ่งสางอยู่ดี”เธอยิ้มออกมาและสลายหายไปกลางอากาศ ส่วนซายูริก็กลายร่างกลับเป็นจิ้งจอกที่มีขนนุ่มสลวยและวิ่งจากไปอย่างรวดเร็ว ไดกิถอนหายใจออกมา
“ข้าต้องถูกเซริวต่อว่าอีกแน่ ที่พังกำแพงที่ผนึกข้าเอาไว้ภายในออกมาเช่นนี้”ไดกิพึมพำกับตนเอง
และหันไปมองมายุ อยู่สักพักแม้อยากจะอุ้มเธอกลับคฤหาสน์แต่ตอนนี้เขายังบาดเจ็บมากเกินไปที่จะอุ้มเธอขึ้นมาได้
“มีวิธีเดี๋ยวที่จะปลุกเจ้าให้ตื่นขึ้นในตอนนี้เสียด้วยสิ
แต่ไม่เป็นไรหรอกข้าอยู่ตรงนี้แล้ว เจ้าที่อยู่ในอ้อมกอดข้าคงจะหายหนาวขึ้นมาหน่อย”เขายิ้มมุมปากออกมาและโอบกอดร่างบางเอาไว้
ขณะเดียวกันเขาก็ครุ่นคิดเรื่องราวต่างๆมากมายที่เขาต้องยอมรับความรู้สึกของตนเองให้ได้
ไดกิจดจ้องใบหน้างามของอีกฝ่ายอยู่สักพักใหญ่ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจได้เสียที
ข้าต้องยอมรับความรู้สึกตนเองให้ได้ ข้าควรจะทำเช่นไรดี แต่ข้าได้ฟังในสิ่งที่ท่านเบนไซเทนได้กล่าวแล้ว ข้าก็ยิ่งรู้ตัวดีว่าข้าไม่อยากให้นางจากไปไหน ข้ารักนาง..ไม่น่าเชื่อแม้ว่านางจะเป็นมิวะ แต่ข้าก็ยังรักนาง ข้ามิสนใจทั้งนั้นว่าชาติที่แล้วเจ้าจะกลายเป็นของผู้ใด แต่ตอนนี้เจ้าช่วยเป็นของข้าเพียงคนเดียวเท่านั้นได้หรือไม่ ข้าไม่รู้ว่าเจ้าอยากจะจากไปจากที่นี่หรือไม่ แต่ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าออกไปที่โลกมนุษย์แล้ว เมื่อคิดเช่นนี้แล้ว ข้ามันช่างเห็นแก่ตัวนัก อยากจะพูดคุยกับนาง อยากได้ยินเสียงของนางตอนนี้เสียเหลือเกิน แม้ว่าข้าจะลุ่มหลงนางตามแผนของท่านเบนไซเทน ข้าก็ไม่สนแล้ว
“ตอนนี้เจ้าเหมือนกับดอกไม้พิษเสียจริง
สวยงามและก็ดึงดูดด้วยกลิ่นหอม แต่กลับมีพิษแฝงอยู่ ถ้าข้าสูดดมกำยานจากเจ้าไปมากๆ
ข้าคงควบคุมตนเองไม่ได้แน่ ส่วนข้าน่ะรึ? ก็คงเป็นคนโง่คนหนึ่งที่รู้ว่าดอกไม้สวยงามเช่นเจ้ามีพิษ
ก็ยังจะเด็ดมาเชยชม” มือใหญ่เชยคางให้มายุเงยหน้าขึ้นมามองเขา ตอนนี้เขามั่นใจแล้วว่าความรู้สึกที่มีต่อนางเป็นเช่นไร เขาอยากให้อีกฝ่ายตื่นขึ้นมาจับจ้องเขาเพียงแต่ผู้เดียวเท่านั้นจนแทบจะทนไม่ไหว
“ข้ารักเจ้าหมดหัวใจที่ข้ามี มายุ”ไดกิกล่าวออกมาต่อหน้าร่างบาง ความรู้สึกอยากครอบครองอีกฝ่ายไว้แต่เพียงผู้เดียวทะลักเข้ามาในจิตใจของเขาอย่างมิอาจหักห้ามใจได้ จึงก้มลงจุมพิตอีกฝ่ายหนึ่งในทันที
ริมฝีปากของนางช่างนุ่มนวล บอบบางและอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก
มือแข็งแกร่งกอดรัดเธอไว้แน่นหนา ไม่อยากปล่อยอีกฝ่ายให้จากไปไหนอีกแล้ว
จนกระทั่งมือเรียวดันเขาให้ออกมา
ร่างบางในอ้อนกอดของเขาตัวสั่นเทาด้วยความอายยิ่งนัก
เธอจำเรื่องราวใดๆไม่ได้แม้แต่น้อย จู่ๆก็ตื่นขึ้นมาเห็นเขากำลังจุมพิตเธออยู่อย่างนั้น
“ท...ท่านไดกิ”เธอกล่าวออกมาด้วยความตกตะลึง
“อะไรกัน ข้าถอนมนต์สะกดให้เจ้าเชียวนะ ทำไมถึงทำหน้าเหมือนเห็นผีเสียล่ะ
แต่ตอนนี้เขาถูกมนต์สะกดเองแล้วเจ้าต้องรับผิดชอบด้วย”เขาแสยะยิ้มออกมา
ก่อนจะค่อยๆคลายมือที่โอบกอดเธอไว้ออก หลังจากหยอกอีกฝ่ายจนพอใจแล้ว
“ท่านไดกิจูบดิฉัน!!!”มายุทำหน้าเหวอออกมาด้วยความตกใจ
หัวใจเธอแทบจะหยุดเต้นแล้ว
“ใช่ ข้าจูบเจ้าไปแล้ว”เขาตอบรับอย่างว่าง่าย ดวงตาสีดำจ้องมองอีกฝ่ายอย่างหยาดเยิ้มยิ่งนัก
“แ...แล้วนี่คือครั้งแรก? สินะ...”มายุพึมพำออกมา
“...”ชายหนุ่มมองอีกฝ่ายและไม่ตอบอะไรออกมา ก่อนจะจูงมือของเธอเดินไปตามทางเพื่อจะกลับไปที่คฤหาสน์
มายุมองมือที่เขาคอยจับมือเธอไว้ก็รู้สึกไม่ชินนัก ก่อนจะชักมือกลับ ไดกิหยุดเดินและหันกลับมามองร่างบางอย่างสงสัย
“ท่านไดกิ ทำเช่นนี้กับดิฉัน ทำไมหรือคะ”ดวงตาสีน้ำตาลจ้องมองเขาอย่างต้องการคำตอบ เธอไม่เข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นสักอย่าง ก่อนจะกล่าวต่อ
“ท่านไดกิทำอย่างนี้แล้ว
จะลบความทรงจำของดิฉันอีกไหมคะ”มายุกล่าวออกมา ไดกิชะงักไปชั่วครู่ก่อนจะหันมากล่าวกับเธอ
“ข้าเคยทำด้วยรึ?”เขากล่าวออกมาด้วยความรู้ฉงน
มายุชะงักไปก่อนใบหน้าของเธอจะแดงด้วยความอาย
“เราถูกท่านเบนไซเทนหลอกหรือเนี่ย”เธอพึมพำออกมา
และรู้สึกขายหน้าเป็นอย่างมาก เธอหลงเชื่อเทพีอย่างง่ายดายจนไม่น่าให้อภัยตนเอง
“เจ้าถูกนางหลอกเรื่องอะไรกัน”เขาหันมาถามเธออย่างคาดคั้นคำตอบ
จนมายุต้องรีบบอกปัดในทันที
“ไม่มีค่ะ มันเป็นเรื่องไม่เป็นเรื่องค่ะ”หญิงสาวส่ายหน้า
ก่อนมือใหญ่จะกดให้เธอพิงกับต้นไม้สูงใหญ่ขนาดที่สิบคนโอบก็ไม่มิด
ใบหน้าของชายหนุ่มขยับเข้ามาใกล้หญิงสาว จนเธอรู้สึกถึงลมหายใจของอีกฝ่าย
มายุตกตะลึงไปชั่วครู่
“กลิ่นกำยานของท่านเบนไซเทนช่างหอมยิ่งนัก
ข้าจะต้านทานไม่ไหวแล้ว เจ้าช่างงดงามเหลือเกินมายุ
ในชุดนี้แล้วเจ้าทำให้ข้าละสายตาออกไปจากเจ้าไม่ได้แม้แต่น้อย”เขายิ้มกริ่มออกมา
“แต่ว่า..ชุดนี้มันโป๊จะตาย
ท่านไดกิช่วยไปชมตอนที่ดิฉันสวมชุดธรรมดาๆไม่ได้หรือคะ”เธอพยายามยกมือขึ้นมาปิดหน้าอกของเธอ
“ท่านไดกิคะ...”มือกำยำเชยคางของเธอขึ้น
ก่อนไดกิจะก้มลงไปหอมแก้มอีกฝ่าย
“ท่านไดกิ!!”มายุหน้าแดงแป๊ดด้วยความอาย
เธอยังไม่พร้อมที่จะให้อีกฝ่ายทำตามใจชอบได้ขนาดนี้
“ข้ารักเจ้ามายุ ข้ารักเจ้าเหลือเกิน
ขอโทษที่ข้าไม่ยอมกล่าวความรู้สึกจริงๆของตนเองออกมาให้เจ้าได้รู้บ้าง
ข้าเอาแต่ปฏิเสธเจ้ามาตลอด แต่ข้าคิดได้แล้วว่าอยากจะใช้ชีวิตกับเจ้าอย่างคนรัก”มายุน้ำตารื้นขึ้นมาเมื่อได้ฟัง
จนอีกฝ่ายตกใจ
“เจ้าจะร้องไห้รึ ข้ากล่าวอะไรผิดไป..”ไดกิมีสีหน้าตกตะลึงเมื่อเห็นคนตรงหน้าเริ่มร้องไห้ออกมา
“ไม่ใช่ค่ะ ดิฉันดีใจที่สุดเลยค่ะ”เธอกอดเขาอย่างเบามือ
อย่างมีความสุข
“อย่ากอดข้าตอนนี้... ข้าสูดกำยานของเบนไซเทนมา
ฤทธิ์มันคงจะหายตอนรุ่งสางของวันรุ่งขึ้น
หรือถ้าเจ้าอยากให้ข้ามอบความรักให้เจ้ามากกว่านี้ก็ย่อมได้”เขายิ้มกริ่มออกมา
มายุจึงรีบคลายกอดอีกฝ่ายในทันที
“ข...เข้าใจแล้วค่ะ”เธอตอบรับโดยดีและเดินทิ้งระยะห่างกับเขา พอดีกับทาโร่ที่รีบวิ่งมาหา แต่ไดกิก็ดึงร่างบางให้หลบอยู่ด้านหลังเขาทันที
การาสุเทนกุเบื้องหน้าคำนับชายหนุ่มก่อนจะกล่าวออกมา
“ท่านไดกิขอรับ ท่านเซริวมาขอพบขอรับ”ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาในทันที
คงไม่พ้นเรื่องที่เขาทำลายกำแพงอักขระอย่างแน่นอน
“กลับไปบอกให้เขารอข้าสักประเดี๋ยว”
“ขอรับ”ทาโร่รับคำสั่งและบินทะยานขึ้นไปบนฟ้า
จนลับตาไป ก่อนชายหนุ่มจะโอบมายุเอาไว้
“ข้าต้องพาเจ้ากลับไปที่ห้อง
ตอนนี้เจ้าคงหนาวล่ะสิ ข้าจะโอบไหล่เจ้าเอาไว้เผื่อว่าเจ้าจะอบอุ่นขึ้นมาบ้าง
และข้า...ก็ไม่อยากให้ใครมามองเจ้าด้วย”มายุที่ถูกโอบรู้สึกถึงความรู้สึกอบอุ่นจากอีกฝ่าย
ความอบอุ่นนั้นทำให้เธอรู้สึกมีความสุขอย่างมาก
“ข้าขอฟังบ้างสิ ว่าเจ้ารักข้าหรือไม่”ไดกิหันมามองเธอ
“รักค่ะ ดิฉันรักท่านไดกิค่ะ”มายุกล่าวออกมาด้วยความเขินอาย
ไดกิยิ้มกริ่มออกมาเมื่อได้ฟังคำตอบ
“เจ้าตอบได้ดีมาก ข้าอยากจะตบรางวัลให้เจ้าอย่างงาม
เอาเป็น...นายหญิงของเหล่าการาสุเทนกุดีไหม”
“อ...อย่างนั้นเลยหรือคะ...ดิฉันจะเหมาะสมหรือคะ?"
"ไม่มีใครเหมาะสมไปมากกว่าเจ้าแล้วมายุ"
"ค..ค่ะ ถ้าเพื่อท่านไดกิแล้วดิฉันจะพยายามเป็นนายหญิงที่ดีให้ได้นะคะ”มายุเอามือขึ้นมาปิดหน้าด้วยความเขินอาย ทั้งสองเดินไปตามทุ่งหิมะและทิ้งรอยเท้าไว้สองรอยที่เดินเคียงข้างกันไป
ภายในห้องทำงานทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสที่เต็มไปด้วยหนังสือและกองม้วนกระดาษ เสื่อทาทามิที่ถูกปูเต็มพื้นที่ห้อง ชายหนุ่มที่กลับมาก็ลงมือเขียนงานเอกสาร
บนโต๊ะทำงานไปด้วยขณะที่ฟังเซริวที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับโต๊ะทำงานของเขา กล่าวชื่นชมที่เขาต่อสู้
กับคุโระเฮียวได้อย่างยอดเยี่ยม แทบจะไม่มีใครเชื่อว่าคุโระเฮียวจะถอยทัพกลับไปง่ายๆเช่นนั้นได้
“เหล่าเทพพอใจกับงานที่เจ้าทำนัก
และเจ้าก็สู้จนทัพอีกฝ่ายล่าถอยไป ดังนั้น เหล่าเทพจะมอบ
พลังอำนาจคืนให้เจ้าเสียทั้งหมด”ไดกิถึงกับหยุดเขียนงานเอกสารลงในทันที
“จริงหรือขอรับ!!”เขามีสีหน้าที่พึงพอใจนัก
หากเป็นเช่นนี้เขาคงกลับมาทำให้เหล่าเทนกุยิ่งใหญ่ได้เฉกเช่นอดีต
จนอดยิ้มออกมาไม่ได้ ส่วนเซริวก็ยิ้มเหยียดตอบเขา แม้จะไม่ค่อยถูกใจนักที่เทพีแห่งความงามจะแกล้งไดกิเพียงเท่านี้ก็ตาม "ไฉนคนถูกแกล้งถึงดูมีความสุขนัก เขาเองก็มิเข้าใจแต่อย่างใด ก่อนจะหาเรื่องว่ากล่าวอีกฝ่าย
“แล้วเจ้ายังทำลายกำแพงที่กันอาณาเขตของเจ้าออกเสียอีก
เจ้าทำเช่นนั้น ชีวิตเจ้าจะลำบาก พวกข้าไม่มีทางยอมเด็ดขาด!!”
“แต่ท่านเบนไซเทนบอกว่าท่านอยู่เบื้องหลัง ที่ทำให้นางต้องมากลั่นแกล้ง
ก่อกวนข้า ท่านจะไปบอกคนอื่นอย่างไรขอรับว่าท่านเป็นต้นเหตุให้ข้าทำลายกำแพง...โดยเฉพาะข้าที่ได้พลังเพียงบางส่วนกลับมาเท่านั้นก็สามารถทำลายมันลงได้อย่างง่ายดาย
ข้าคิดว่าถ้าท่านกล่าวออกไปจะเป็นความผิดของท่านมากกว่าข้านะขอรับ”ชายหนุ่มแสยะยิ้มออกมา
เมื่ออีกฝ่ายไม่อาจโต้เถียงได้ เซริวก็รีบลุกออกไป
และกลายร่างเป็นมังกรก่อนจะทะยานขึ้นฟ้าไป ส่วนไดกินั้นก็ถอนหายใจออกมา ก่อนเขาจะได้ยินเสียงเรียกของทาโร่อยู่ด้านหน้าห้อง
“ท่านไดกิขอรับ
พวกการาสุเทนกุอาวุโสจะนัดประชุมเรื่องคุโระเฮียวขอรับ”
“ข้าจะไปเดี๋ยวนี้...”ไดกิกล่าวออกมา กลับมาที่นี่ก็มีเรื่องมากมายในทันที
เขาเองก็อยากจะไปอยู่กับหญิงสาวที่เขารักบ้าง มิใช่ต้องมาทำงานอยู่คนเดียวเช่นนี้
ไดกิลุกขึ้นและเดินออกจากห้องไป ไม่ว่ายังไง
เขาก็ต้องมีหน้าที่ที่สำคัญยิ่งรอเขาอยู่
จากนั้นเวลาได้ผ่านไปอย่างเนิ่นนานจนกระทั่งตกดึกไดกิถึงเพิ่งจะประชุมกันเสร็จสิ้นเสียที
เขาเดินขึ้นมาและหยุดลงที่หน้าห้องของหญิงสาว
ดวงตาเรียวสีดำจ้องมองเหมือนจะชั่งใจอยู่สักพัก ก่อนเขาจะตัดสินใจเดินจากไปในที่สุด
คงเพราะฤทธิ์ของกำยานที่ค่อยจางลงทำให้เขาเองก็ค่อยบังคับหักห้ามใจตนเองไว้ได้บ้างแล้ว
ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาด้วยสีหน้าที่หนักใจนัก เขารู้สึกตัวแล้วว่าวันนี้เขาได้ทำอะไรลงไปบ้าง
และไม่รู้ว่าจะเอาหน้าของตนไปพบเจอหญิงสาวในวันพรุ่งนี้ได้อย่างไร จากเรื่องที่เขาได้ทำและได้กล่าวออกไปเพราะฤทธิ์ของกำยาน
ร่างบางเปลี่ยนเสื้อกลับเป็นชุดกิโมโนจนเรียบร้อยแล้ว
จึงมองไปรอบๆห้องนอนของตนที่แสนคุ้นเคยนัก เหมือนกำลังร้อนใจอย่างยิ่ง
มายุทั้งหน้าแดงด้วยความเขินอายนักเธอดีใจที่เขาตอบรับความรู้สึกของเธอสักทีหนึ่งจนมายุล้มตัวลงนอนกลิ้งอยู่บนเตียงอย่างมีความสุขยิ่งนัก
ต่างกับเธอเมื่อเช้านี้ ไม่รู้ว่าเทพีแห่งความงามกล่าวสิ่งใดกับเขา
ทำให้ชายหนุ่มถึงบอกความรู้สึกของเขาที่มีต่อเธอได้
มายุลุกขึ้นยืนและเดินออกไปตรงระเบียง
มองขึ้นไปบนท้องฟ้ายามค่ำคืนที่สวยงามระยิบระยับมากมาย
และมองอยู่อย่างนั้นพร้อมกับอมยิ้มไปด้วย ก่อนจะฮัมเพลงออกมา
อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“มีความสุขจัง
ท่านไดกิก็รู้สึกเช่นเดียวกับฉันด้วย หุบยิ้มไม่ได้แล้วเนี่ย”มือเรียวบางจับใบหน้าของตนเอง
และยังรู้สึกว่าเธอมีความสุขจนเหมือนกับฝันไปเสียจริงๆ
“แต่ว่า...ไม่นึกว่าเขาจะพูดคำว่ารักออกมาเลยนี่สิ
เขินจริงๆ!!”หญิงสาวบิดตัวไปมาเมื่อนึกถึงคำบอกรักของเขา
และยังรู้สึกว่าตนเองไม่อยากล้มตัวลงนอน เพราะกลัวว่าตื่นมาอีกทีจะเพียงแค่ฝันไป
การมีความรักนี่ดีจริงๆ
ฉันรู้เหมือนเหมือนกับว่ากลายเป็นวัยรุ่นอีกครั้งหนึ่งเลยนะเนี่ย
ร่างบางยืนมองดวงที่สุกสกาวบนท้องฟ้าอย่างเพลิดเพลิน
นัก แต่จะนึกถึงชายหนุ่มขึ้นมา ไม่รู้ว่าทำไมเขาจึงรุกเธอหนักขนาดนั้น
หรือเป็นเพราะกำยานกันนะ
...อย่าบอกนะว่า ที่ท่านไดกิบอกรักฉัน
ก็เพราะผลของกำยาน...แบบนั้นไม่ดีแน่ ถ้าเขาไม่ได้คิดกับฉันแบบนั้นล่ะ
ถ้าพรุ่งนี้เขาทำแบบเดิมกับฉันล่ะ ฉันจะทำยังไงดีเนี่ย ดันฟังคำบอกรัก
และไม่ได้เผื่อใจไว้บ้างเลยทำยังไงดี!!! แบบนี้ฉันต้องเศร้าใจไปคนเดียวแน่ๆ!!!
มายุถอนหายใจด้วยสีหน้าที่เศร้าสลดลงนัก
เธอไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไป ถ้าเขากลายเป็นปิศาจที่ไม่ยอมเปิดใจให้เธอเหมือนเดิมล่ะ
ครั้งนี้เขาคงเลิกคุยกับเธออย่างแน่นอนเลย หญิงสาวกุมขมับตนเอง ไม่รู้จะทำเช่นไรดี
เธอควรจะเผื่อใจเมื่อพบเขาในวันรุ่งขึ้นด้วย
หญิงสาวชาวมนุษย์นั่งลงที่มุมห้องและกอดเข่าของตน
ใบหน้าที่มีความสุขเมื่อครู่กับมีสีหน้าที่เครียดอย่างเห็นได้ชัด เพราะไม่รู้จะทำเช่นไรต่อไปดี
จนเวลาผ่านไปเนิ่นนานร่างบางที่นั่งกอดเข่าของตนก็เริ่มสัปหงกด้วยความง่วงนอกจากอาการป่วยที่ยังไม่หายดีนัก ร่างกายของเธอก็ถึงคราวที่ต้องพักบ้าง
ง่วงแล้ว...ขอให้วันนี้ไม่ใช่แค่ฝันไปเถอะ...ไม่อยากหลับเลย
ดวงตาสีน้ำตาลปิดลงช้าๆ
เธอเข้าสู่ห้วงนิทราทั้งๆที่นอนอยู่ตรงมุมห้อง
อยู่นานเท่านานจนแสงอาทิตย์ค่อยๆขึ้นมาที่ขอบฟ้า และสาดลงมาในห้อง
กระทบกับร่างบางที่นอนหลับไม่รู้เรื่อง
แต่ด้วยความแสบตาทำให้เธอตื่นขึ้นมาในไม่ช้านัก และมองไปรอบๆห้องอย่างงุนงง
ก่อนจะนึกถึงสาเหตุที่เธอมานอนอยู่ที่มุมห้องได้ จึงค่อยๆลุกขึ้นยืน
พร้อมกับความปวดเมื่อยนักเพราะไม่ได้นอนบนที่นอน
มายุเดินออกไปดูดวงอาทิตย์ที่กลมโต ในฤดูใบไม้ผลินั้น ช่างสวยงามยิ่งนัก
เหมือนกับภาพวาด มายุยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น
ด้วยความที่ไม่รู้จะทำตัวอย่างไรเมื่อพบเธอเขา และเมื่อวานเขายังรุกเธอหนักอีกด้วย
จนเธอกลัวขึ้นมา หวังว่าชายหนุ่มจะไม่ทำเช่นนั้นกับเธออีกนะ
เธอถอนหายใจออกมาอย่างไรก็ต้องพบกับความจริงอยู่วันยันค่ำ เธอจึงเตรียมแต่งตัวให้เรียบร้อย
และออกไปพบกับชายหนุ่มเพื่อดูแลเขาจนบาดแผลของเขาหายสนิทแน่ๆ
หลังจากที่เตรียมตัวเรียบร้อยแล้ว
มายุเดินไปตามทางเดินไม้ที่ทำขึ้นมาอย่างประณีต
ไปที่ห้องทำงานของชายหนุ่มและเธอก็คิดไม่ผิดจริงๆที่เขานั่งทำงานเอกสารอยู่ที่นี่
ทั้งๆที่เขายังไม่หายดีนัก ร่างบางเพียงค้อมตัวและเข้าไปในห้องทำงานทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส
และนั่งลงใกล้ๆเขา โดยที่ไม่มีใครกล่าวสิ่งใดออกมาอยู่สักพักใหญ่
จนบรรยากาศเริ่มมาคุ มายุที่ยอมแพ้จึงต้องกล่าวออกมา
“ท่านไดกิไม่พักให้หายดีก่อนหรือคะ
ท่านไดกิไม่น่ารีบลุกขึ้นมาทำงานเช่นนี้เลยค่ะ”มายุกล่าวออกมา
และดูท่าทีของอีกฝ่ายหนึ่ง ที่ยังก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่อย่างนั้น
เขาหันมามองเธอแต่มิได้กล่าวสิ่งใดออกมา ก่อนจะหันกลับไปทำงานเช่นเดิม
เสียจนมายุเริ่มรู้สึกอึดอัด บางทีเรื่องเมื่อวานคงเป็นแค่กำยานของเบนไซเทนสินะ
หญิงสาวได้เพียงถอนหายใจออกมาเท่านั้น หากเป็นเช่นนั้นเธอคงต้องปวดใจอย่างมากแน่นอน
ความคิดเห็น