ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    「大天狗 の 花嫁」DAITENGU NO HANAYOME เจ้าสาวแห่งขุนเขา

    ลำดับตอนที่ #21 : ความรู้สึกจากใจจริง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 80
      8
      10 ก.ย. 61

     


               ไดกิรีบวิ่งตามรอยเท้าเข้าไปในป่าที่เหลือเพียงต้นไม้ไร้ใบจากความหนาวเย็นในฤดูเหมันต์ ชายหนุ่มวิ่งมาอย่างรวดเร็วจนกระทั่งสุดอาณาเขตของเขา ชายหนุ่มเอามือทาบลงบนกำแพงแก้วที่มีอักขระปรากฏอยู่ แต่รอยเท้าของอีกฝ่ายยังเป็นรอยเดินออกไปจากอาณาเขตของเขาแล้ว ไดกิมองด้วยความกระวนกระวายนัก เข้าไม่เข้าใจแม้แต่น้อยว่ามายุหายไปไหน เธอจะกลับมาอีกไหม หรือจากไปด้วยฝีมือของใคร ในหัวของเขาคิดเรื่องต่างๆมากมาย ก่อนเขาจะตัดสินใจในวินาทีนั้นใช้พลังวายุทั้งหมดเท่าที่เขามีเข้าปะทะกับกำแพงเบื้องหน้า เสียงลมร้องคำรามกึกก้องไปทั่วบริเวณ ปุยหิมะพัดปลิวว่อนไปทั่ว เขาตัดสินใจแล้วว่าเขาต้องออกไปให้ได้ แม้ว่าจะขัดคำสั่งของเซริวก็ตาม สายลมพายุเข้าปะทะกำแพงแก้วอย่างแรงแต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ทำให้มีรอยขีดข่วนแม้แต่น้อยแต่ตอนนี้เขาจะต้องพังทลายมันลงให้ได้ พลังนั้นเรียกให้การาสุเทนกุที่กำลังทำงานตามปกติหันขวับไปดูในทางเดียวกันหมด

    “ข้าคือไดเทนกุ... ข้าจะต้องมีพลังมากกว่านี้!!!”ไดกิคำรามออกมา

    “พลังที่แท้จริงของข้ามันมีมากกว่านี้อีก!!”ไดกิใช้พลังทั้งหมดที่เขามีปะทะกับกำแพงแก้วจนทุกอย่างแตกกระจายออกเป็นเสี่ยงๆจนเกิดเสียงดังสนั่น ชายหนุ่มยกมือขึ้นมาบังจากพลังนั้น ก่อนจะลดมือลงช้าๆเมื่อทุกสิ่งทุกอย่างสงบลง  เขามองภาพเบื้องหน้าอย่างตกตะลึง เมื่อเห็นว่ากำแพงเบื้องหน้าเกิดรอยร้าวและค่อยๆสลายหายไปช้าๆ

    ไม่อยากจะเชื่อ​ว่าข้าจะทำลายมันลงได้... แปลว่า ถ้าข้าได้พลังกลับมาทั้งหมดเมื่อไหร่ ข้าคงจะมีพลังทัดเทียมกับจตุรเทพได้แน่นอน..แ...แต่ว่าคราวนี้...

    ชายหนุ่มทรุดลงไปกับพื้นอย่างหมดแรง พลังที่เขามีก็ใช้เกือบทั้งหมด แต่ไม่เป็นไร...เขาจะค่อยเพิ่มพลังทีหลังก็ได้หลังจากตามมายุกลับมาแล้ว ร่างกำยำค่อยลุกขึ้นยืนและเดินไปตามทางที่มีรอยเท้าปรากฏไว้ตามทางอย่างทุลักทุเล เขาหายใจหอบด้วยความเหนื่อยล้า ความรู้สึกที่ใช้พลังจนหมดเช่นนี้ ปิศาจอย่างเขาสามารถตายได้ แต่ไม่ใช่กับชายหนุ่มอย่างแน่นอน ไดกิเดินลากเท้าไปตามทางจนกระทั่งเขาเห็นลำธารอยู่ที่ไกลๆ ร่างกำยำจึงรีบก้าวเดินต่อไปในทันที และเผชิญหน้ากับเทพีแห่งความงาม เขาชะงักไปสักพักก่อนจะส่ายหน้าเพื่อให้รู้สึกตัวไม่ให้ตกอยู่ในมนต์สะกดของอีกฝ่าย

    “เจ้าคงเป็นไดกิ เก่งกาจยิ่งนัก ทำลายอาณาเขตที่กักขังตนเองไว้อย่างไม่ใยดีเลยนะ”เธอยิ้มหวานออกมา

    “ท่านเบนไซเทนสินะขอรับ ข้าขอคำนับ”เขาคำนับอีกฝ่ายหนึ่ง และเข้าเรื่องในทันที

    “ท่านช่วยคืนมายุมาเถิดขอรับ”

    “มายุรึ? นางไม่ได้อยู่ที่นี่”เบนไซเทนกล่าวออกมา

    “ท่านเองก็ไม่ได้อยู่ตรงนี้ ข้ารู้ดีว่าท่านเป็นเพียงภาพลวงตา”ไดกิกอดอกตนเอง อีกฝ่ายเพียงยิ้มรับเช่นเคยเท่านั้น

    “คืนมายุให้ข้าเถิดขอรับ” ไดกิกล่าวออกมาด้วยความมั่นใจ

    “ทำไมต้องคืนให้เจ้าล่ะ มายุกับเจ้ารักกันรึ เจ้าช่างเป็นห่วงนางเหลือเกิน”ร่างงามเดินที่นั่งลงที่ก้อนหินอย่างสบายใจ ต่างจากอีกฝ่ายที่ไม่อยากจะปล่อยให้ร่างบางต้องทนอยู่ในอากาศที่หนาวเหน็บเช่นนี้ ทุกๆนาทีที่ผ่านไปเขายิ่งเป็นห่วงลูกศิษย์ของตนมากขึ้นกว่าเดิม

    “นางเป็นลูกศิษย์ของข้าขอรับ คืนนางให้ข้าเถิดขอรับ”ชายหนุ่มกล่าวด้วนความร้อนรน

    “นางจากไปแล้ว ไดกิ...”ดวงตาที่เป็นประกายของนางมองไดกิที่มีใบหน้าที่ถอดสีอย่างเห็นได้ชัด

    “นางไปไหน!!”ไดกิสาวเท้าเข้ามาคาดคั้นอีกฝ่ายในทันที

    “เจ้านี่กลัวการจากลากับมนุษย์เสียจริงนะ ไดกิ”

    “ม...มันแน่นอนอยู่แล้วขอรับ หากข้าจากลากับปิศาจด้วยกันอีกสิบปี ร้อยปี ข้าก็ยังกลับมาพบกันได้ แต่กลับมนุษย์มันไม่ใช่ บางทีแค่สิบปี มนุษย์ก็ตายลงได้แล้วขอรับ”เขายังคงกวาดตามองหาอีกฝ่ายแต่ก็ไม่พบ

    “เป็นห่วงเป็นใยนางจริงๆเลย เจ้ารักนางใช่หรือไม่”เบนไซเทนยังคงยิ้มหวานออกมา

    “ข..ข้าไม่ได้รักนางขอรับ”ไดกิสวนมาทันควัน ก่อนจะเริ่มเดินวนหามายุแต่ก็ไม่พบ

    นั่นสินะ...เจ้ากับนางเป็นอาจารย์กับลูกศิษย์มิใช่รึ ลูกศิษย์ของเจ้าที่แอบรักเจ้ามาโดยตลอด บางทีตอนนี้นางอาจจะ กำลังเลิกรักเจ้าแล้ว เจ้าควรจะยินดีสิที่นางจะได้กลายเป็นลูกศิษย์ของเจ้าอย่างแท้จริง ไม่มีเจตนาใดแอบแฝงอีกไดกิกลับมีสีหน้าที่ร้อนรนกับคำพูดของเบนไซเทน แต่นั่นยิ่งทำให้เธอดูมีความสุขนักก่อนจะกล่าวต่อ

    “ท่านหมายความว่าอย่างไร!!”ไดกิดูจะขุ่นเคืองเป็นอย่างมาก

    “ก็ นางรักเจ้า แต่เจ้าไม่รักนาง นางจะทนอยู่ที่นี่ทำไม นางคงเดินไปไหนไกลแล้วไดกิ จะมามัวหาอยู่ตรงนี้ทำไม”ชายหนุ่มแทบจะหันกลับไปเดินหามายุต่อในทันที แต่ร่างงามได้เรียกเขาไว้

    “เจ้าไม่ต้องตามแล้วไดกิ นางจากไปแล้ว นางยอมแพ้ที่จะรักเจ้าต่อไป นางกลับไปที่นางได้จากมาแล้ว”ชายหนุ่มหันขวับมามองอีกฝ่ายอย่างไม่สบอารมณ์นัก

    “ท่านรู้ว่านางอยู่ที่ไหน บอกข้ามาเถิดขอรับ ข้าจะยอมรับใช้ท่านเบนไซเทน ขอเพียงแค่ท่านบอกว่ามายุอยู่ที่ไหนเท่านั้นขอรับ”เขาคำนับอีกฝ่ายและอ้อนวอนขอร้องผู้ที่นั่งอยู่เบื้องหน้า

    “ยอมรับความรู้สึกตนเองก่อนเถิดไดกิ เจ้าให้ความมั่นใจแก่นางไม่ได้ เจ้าจะมาเรียกร้องอะไรจากนาง นั่นใช่ความผิดของนางรึ ที่ไม่เคยบอกรักเจ้าเลยเมื่อนานมาแล้ว ถึงคราวนี้เจ้าเลยแกล้งให้นางทนทุกข์บ้าง ข้าคิดว่านางรักเจ้า แต่เจ้าไม่เห็นใจนางบ้างเลย เจ้าไม่ได้รักนางแม้แต่น้อย ถ้าไม่ได้รักนางแล้วก็ยอมกลับไปเถิด ปล่อยให้นางอยู่กับข้าจะดีกว่า”ชายหนุ่มตัวแข็งทื่อเมื่อได้ฟัง เขาส่ายหน้าออกมาในทันที

    “อะไรกันไดกิ เจ้ามันไม่ยอมรับเลยรึว่าเจ้าจะรู้สึกเช่นไรกับนาง ยังไงนางก็ตกลงว่าจะเป็นสนมของข้าแล้วนะไดกิ”เธอเหยียดยิ้มออกมาอย่างมีเลศนัย

    “สนม?...นางไม่มีวันทำเช่นนั้นแน่นอนขอรับ”ไดกิมีสีหน้าที่ตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัด

    “เจ้าช่างมั่นใจเหลือเกินนะ...ซายูริพานางออกมาได้แล้ว”เมื่อสิ้นคำสั่ง หญิงสาวผู้มีเรือนผมสีทองเกล้าผม และประดับด้วยปิ่นปักผมอันใหญ่ ชุดกิโมโนที่เปิดไหล่จนเห็นเนินอก พร้อมกับโอบิที่ผูกเป็นโบว์อยู่ด้านหน้านั้นจึงประคองร่างบางออกมาต่อหน้าเขา มายุเองก็ถูกเปลี่ยนเสื้อและสวมชุดกิโมโนเหมือนดั่งซายูริที่ยืนอยู่ข้างเธอ จนไดกิถึงกับตะลึงไปชั่วขณะ

                    “นี่ยังไงล่ะ ถ้านางไม่ตกลงว่าจะเป็นสนม ข้าก็ไม่พานางไปแต่งตัวเช่นนี้หรอก”ร่างงามหัวเราะคิกคักออกมาเมื่อเห็นหน้าอีกฝ่าย

                    “ไม่จริงใช่ไหมมายุ...ไม่สิ...ข้าไม่เชื่อ ท่านเบนไซเทนท่านอย่ามาหลอกข้า!!!” เมื่อเห็นมายุปรากฏตัว เขาก็รับเข้าไปดึงเธอออกมาให้มาอยู่ที่เขาในทันที ซายูริจะเข้าไปแย่งคืน แต่ร่างงามยกมือขึ้นห้ามเอาไว้ ไดกิจับใบหน้าของหญิงสาวให้เงยหน้าขึ้นมามองเขา

    “มายุกลับกันเถอะ กลับไปที่คฤหาสน์กัน”เขาจ้องดวงตาสีน้ำตาลที่ดูนิ่งจนแปลกประหลาด  ก่อนเสียงกระแอมของเทพีจะดังขึ้น

    “ข้าร่ายมนต์เอาไว้ นางจะไม่ตื่นจนกว่าเจ้าจะบอกรักนาง”ก่อนเทพีกับซายูริที่เป็นปิศาจจิ้งจอกจะหัวเราะคิกคักออกมาอย่างสนุกสนาน

    “ไดกิ เจ้าอย่าได้โกรธเคืองข้า หากเจ้าไม่ชอบล่ะก็จงไปโทษเซริวเถิด เขาเป็นคนขอให้ข้าทำเช่นนี้” ชายหนุ่มชะงักไปชั่วขณะ เขาได้กลิ่นอันหอมหวานจากร่างกายของผู้ที่อยู่เบื้องหน้า และรู้ได้ทันทีว่านี่ก็เป็นแผนการของเทพแห่งความงาม ชายหนุ่มหันขวับมากล่าวกับเบนไซเทน

    “ท่านคิดจะทำอะไร ท่านจะเอาความรู้สึกของข้ามาเป็นของเล่นเช่นนี้ไม่ได้นะขอรับ!!!”แม้อีกฝ่ายจะเป็นถึงเทพ แต่เขาก็ตำหนิออกมาอย่างไม่เกรงกลัว เบนไซเทนถึงกับชักสีหน้า แต่เทพีแห่งความงามจะมาหมดสวยเพราะเรื่องเช่นนี้ไม่ได้

    “ข้าบอกแล้วว่าให้ไปกล่าวกับเซริวเถิด” เธอโยนให้เทพมังกรฟ้าที่เป็นต้นเหตุให้เธอต้องมาทำอะไรเช่นนี้

    “เช่นนั้นข้าไปก่อนดีกว่า ข้าเองก็พอใจแล้วที่ได้แกล้งเจ้าเพียงเท่านี้ ช่วยดูแลนางอย่างดีด้วย”เบนไซเทนตัดสินใจว่าจะไม่อยู่รบกวนคนทั้งสองต่อ สำหรับเธอแค่เห็นอีกฝ่ายทุกข์ร้อนใจที่หามายุไม่พบก็เพียงพอแล้ว

    “แต่ว่าข้าไม่พร้อมที่จะบอกรักนางตอนนี้”ไดกิสวนขึ้นทันควัน เขาถอนหายใจออกมาเมื่อมองร่างเบื้องหน้าเขาที่ยังไม่ได้สติดีนัก ดวงตาเรียวสีดำเต็มไปด้วยความเป็นห่วงต่อเธอที่อยู่เบื้องหน้า เขาเจ็บปวดแทนร่างบางที่ต้องมาพบเจออะไรเช่นนี้เพราะเขายิ่งนัก แต่ว่าเขาจะกล่าวออกไปไม่ได้ ไดกิจึงยอมรับในสิ่งที่ตนเองทำออกมาทั้งหมด

    “ข้าตัดสินใจแล้ว ว่าข้าจะเก็บนางเอาไว้ให้เป็นลูกศิษย์ ฐานะเช่นนั้น ข้าจะคอยดูแล และอยู่ไม่ห่างจากนางได้...ข้าไม่อยากเปลี่ยนให้เราอยู่ในฐานะคนรัก เพราะข้ากลัวความเจ็บปวดเหลือเกิน อายุขัยของข้ากับเจ้ามันมิใช่ห่างกันเพียงร้อยปี แต่สำหรับชั่วชีวิตของข้า อายุขัยของมนุษย์นั้นมีน้อยยิ่งนัก”เขาประคองใบหน้าของเธอด้วยความทะนุถนอม เบนไซเทนที่ได้ฟังจึงเงียบไปชั่วครู่และกล่าวออกมา

    “แต่เจ้ารักนาง ไดกิ... หากวันที่นางสิ้นอายุขัยมาถึง เจ้าอาจจะเสียใจที่ไม่เคยเปิดเผยความรู้สึกจริงๆที่มีต่อนางให้นางทราบได้เลย หากนางมีอายุที่สั้น ก็จงให้เวลาร่วมกันอย่างคุ้มค่าสิ เจ้าเห็นนางปวดใจ เจ้าเองก็ทุกข์ใจไปด้วย ยอมรับออกมาเถอะว่าเจ้ารู้สึกเช่นเดียวกันกับนาง”ไดกิเพียงยิ้มมุมปากออกมาเมื่อได้ฟังเท่านั้น

    “แต่ท่านวางยาข้าเอาไว้ด้วยกลิ่นกำยานอันหอมหวาน ท่านถึงต้องใช้ยาเสน่ห์กับข้าเลยรึ ท่านเองก็คงกลัวว่าข้าจะปฏิเสธนางล่ะสิ”เขายกมือขึ้นมาลูบศีรษะของมายุอย่างแผ่วเบา

    “ข้าก็ไม่มั่นใจว่าเจ้าจะตอบรับรักนางหรือไม่ แต่ตอนนี้ข้ามั่นใจแล้ว...ซายูริกลับกันเถอะ ส่วนเจ้า ไดกิ ข้าจะให้เวลาเจ้าตัดสินใจ หากไม่รักนางก็จงปล่อยนางเอาไว้เพียงหนึ่งคืน นางจะตื่นขึ้นมาเองในยามเช้า  และกลิ่นกำยานก็จะจางลงในยามรุ่งสางของวันถัดไป เจ้ามิต้องทำอะไร ข้าจึงกล่าวได้เพียงเท่านี้”

    “ถ้าข้าทำล่ะขอรับ”ไดกิถามขึ้นในทันที อีกฝ่ายมีสีหน้าที่ประหลาดใจเพียงชั่วครู่ก่อนจะอธิบายออกมา

    “ถ้าเจ้าบอกรักนาง นางจะตื่นมาพบเจ้าเสียตั้งแต่ตอนนี้ เจ้าจะหลงใหลนางเพราะกลิ่นกำยาน  แต่ว่ายังไงกลิ่นนั้นก็จะจางหายไปในตอนรุ่งสางอยู่ดี”เธอยิ้มออกมาและสลายหายไปกลางอากาศ ส่วนซายูริก็กลายร่างกลับเป็นจิ้งจอกที่มีขนนุ่มสลวยและวิ่งจากไปอย่างรวดเร็ว ไดกิถอนหายใจออกมา

    “ข้าต้องถูกเซริวต่อว่าอีกแน่ ที่พังกำแพงที่ผนึกข้าเอาไว้ภายในออกมาเช่นนี้”ไดกิพึมพำกับตนเอง และหันไปมองมายุ อยู่สักพักแม้อยากจะอุ้มเธอกลับคฤหาสน์แต่ตอนนี้เขายังบาดเจ็บมากเกินไปที่จะอุ้มเธอขึ้นมาได้

    “มีวิธีเดี๋ยวที่จะปลุกเจ้าให้ตื่นขึ้นในตอนนี้เสียด้วยสิ แต่ไม่เป็นไรหรอกข้าอยู่ตรงนี้แล้ว เจ้าที่อยู่ในอ้อมกอดข้าคงจะหายหนาวขึ้นมาหน่อย”เขายิ้มมุมปากออกมาและโอบกอดร่างบางเอาไว้ ขณะเดียวกันเขาก็ครุ่นคิดเรื่องราวต่างๆมากมายที่เขาต้องยอมรับความรู้สึกของตนเองให้ได้ ไดกิจดจ้องใบหน้างามของอีกฝ่ายอยู่สักพักใหญ่​ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจได้เสียที

    ข้าต้องยอมรับความรู้สึกตนเองให้ได้ ข้าควรจะทำเช่นไรดี แต่ข้าได้ฟังในสิ่งที่ท่านเบนไซเทนได้กล่าวแล้ว ข้าก็ยิ่งรู้ตัวดีว่าข้าไม่อยากให้นางจากไปไหน ข้ารักนาง..ไม่น่าเชื่อแม้ว่านางจะเป็นมิวะ แต่ข้าก็ยังรักนาง ข้ามิสนใจทั้งนั้นว่าชาติที่แล้วเจ้าจะกลายเป็นของผู้ใด แต่ตอนนี้เจ้าช่วยเป็นของข้าเพียงคนเดียวเท่านั้นได้หรือไม่ ข้าไม่รู้ว่าเจ้าอยากจะจากไปจากที่นี่หรือไม่ แต่ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าออกไปที่โลกมนุษย์แล้ว เมื่อคิดเช่นนี้แล้ว ข้ามันช่างเห็นแก่ตัวนัก อยากจะพูดคุยกับนาง อยากได้ยินเสียงของนางตอนนี้เสียเหลือเกิน แม้ว่าข้าจะลุ่มหลงนางตามแผนของท่านเบนไซเทน ข้าก็ไม่สนแล้ว

    “ตอนนี้เจ้าเหมือนกับดอกไม้พิษเสียจริง สวยงามและก็ดึงดูดด้วยกลิ่นหอม แต่กลับมีพิษแฝงอยู่ ถ้าข้าสูดดมกำยานจากเจ้าไปมากๆ ข้าคงควบคุมตนเองไม่ได้แน่ ส่วนข้าน่ะรึ? ก็คงเป็นคนโง่คนหนึ่งที่รู้ว่าดอกไม้สวยงามเช่นเจ้ามีพิษ ก็ยังจะเด็ดมาเชยชม” มือใหญ่เชยคางให้มายุเงยหน้าขึ้นมามองเขา ตอนนี้เขามั่นใจแล้วว่าความรู้สึกที่มีต่อนางเป็นเช่นไร เขาอยากให้อีกฝ่ายตื่นขึ้นมาจับจ้องเขาเพียงแต่ผู้เดียวเท่านั้นจนแทบจะทนไม่ไหว

    “ข้ารักเจ้าหมดหัวใจที่ข้ามี มายุ”ไดกิกล่าวออกมาต่อหน้าร่างบาง ความรู้สึกอยากครอบครองอีกฝ่ายไว้แต่เพียงผู้เดียวทะลักเข้ามาในจิตใจของเขาอย่างมิอาจหักห้ามใจได้ จึงก้มลงจุมพิตอีกฝ่ายหนึ่งในทันที ริมฝีปากของนางช่างนุ่มนวล บอบบางและอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก มือแข็งแกร่งกอดรัดเธอไว้แน่นหนา ไม่อยากปล่อยอีกฝ่ายให้จากไปไหนอีกแล้ว จนกระทั่งมือเรียวดันเขาให้ออกมา ร่างบางในอ้อนกอดของเขาตัวสั่นเทาด้วยความอายยิ่งนัก เธอจำเรื่องราวใดๆไม่ได้แม้แต่น้อย จู่ๆก็ตื่นขึ้นมาเห็นเขากำลังจุมพิตเธออยู่อย่างนั้น

    “ท...ท่านไดกิ”เธอกล่าวออกมาด้วยความตกตะลึง

    “อะไรกัน ข้าถอนมนต์สะกดให้เจ้าเชียวนะ ทำไมถึงทำหน้าเหมือนเห็นผีเสียล่ะ แต่ตอนนี้เขาถูกมนต์สะกดเองแล้วเจ้าต้องรับผิดชอบด้วย”เขาแสยะยิ้มออกมา ก่อนจะค่อยๆคลายมือที่โอบกอดเธอไว้ออก หลังจากหยอกอีกฝ่ายจนพอใจแล้ว

    “ท่านไดกิจูบดิฉัน!!!”มายุทำหน้าเหวอออกมาด้วยความตกใจ หัวใจเธอแทบจะหยุดเต้นแล้ว

    “ใช่ ข้าจูบเจ้าไปแล้ว”เขาตอบรับอย่างว่าง่าย ดวงตาสีดำจ้องมองอีกฝ่ายอย่างหยาดเยิ้มยิ่งนัก

    “แ...แล้วนี่คือครั้งแรก? สินะ...”มายุพึมพำออกมา

    “...”ชายหนุ่มมองอีกฝ่ายและไม่ตอบอะไรออกมา ก่อนจะจูงมือของเธอเดินไปตามทางเพื่อจะกลับไปที่คฤหาสน์ มายุมองมือที่เขาคอยจับมือเธอไว้ก็รู้สึกไม่ชินนัก ก่อนจะชักมือกลับ ไดกิหยุดเดินและหันกลับมามองร่างบางอย่างสงสัย

    “ท่านไดกิ ทำเช่นนี้กับดิฉัน ทำไมหรือคะ”ดวงตาสีน้ำตาลจ้องมองเขาอย่างต้องการคำตอบ เธอไม่เข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นสักอย่าง ก่อนจะกล่าวต่อ

    “ท่านไดกิทำอย่างนี้แล้ว จะลบความทรงจำของดิฉันอีกไหมคะ”มายุกล่าวออกมา ไดกิชะงักไปชั่วครู่ก่อนจะหันมากล่าวกับเธอ

    “ข้าเคยทำด้วยรึ?”เขากล่าวออกมาด้วยความรู้ฉงน มายุชะงักไปก่อนใบหน้าของเธอจะแดงด้วยความอาย

    “เราถูกท่านเบนไซเทนหลอกหรือเนี่ย”เธอพึมพำออกมา และรู้สึกขายหน้าเป็นอย่างมาก เธอหลงเชื่อเทพีอย่างง่ายดายจนไม่น่าให้อภัยตนเอง

    “เจ้าถูกนางหลอกเรื่องอะไรกัน”เขาหันมาถามเธออย่างคาดคั้นคำตอบ จนมายุต้องรีบบอกปัดในทันที

    “ไม่มีค่ะ มันเป็นเรื่องไม่เป็นเรื่องค่ะ”หญิงสาวส่ายหน้า ก่อนมือใหญ่จะกดให้เธอพิงกับต้นไม้สูงใหญ่ขนาดที่สิบคนโอบก็ไม่มิด ใบหน้าของชายหนุ่มขยับเข้ามาใกล้หญิงสาว จนเธอรู้สึกถึงลมหายใจของอีกฝ่าย มายุตกตะลึงไปชั่วครู่

    “กลิ่นกำยานของท่านเบนไซเทนช่างหอมยิ่งนัก ข้าจะต้านทานไม่ไหวแล้ว เจ้าช่างงดงามเหลือเกินมายุ ในชุดนี้แล้วเจ้าทำให้ข้าละสายตาออกไปจากเจ้าไม่ได้แม้แต่น้อย”เขายิ้มกริ่มออกมา

    “แต่ว่า..ชุดนี้มันโป๊จะตาย ท่านไดกิช่วยไปชมตอนที่ดิฉันสวมชุดธรรมดาๆไม่ได้หรือคะ”เธอพยายามยกมือขึ้นมาปิดหน้าอกของเธอ

    “ท่านไดกิคะ...”มือกำยำเชยคางของเธอขึ้น ก่อนไดกิจะก้มลงไปหอมแก้มอีกฝ่าย

    “ท่านไดกิ!!”มายุหน้าแดงแป๊ดด้วยความอาย เธอยังไม่พร้อมที่จะให้อีกฝ่ายทำตามใจชอบได้ขนาดนี้

    “ข้ารักเจ้ามายุ ข้ารักเจ้าเหลือเกิน ขอโทษที่ข้าไม่ยอมกล่าวความรู้สึกจริงๆของตนเองออกมาให้เจ้าได้รู้บ้าง ข้าเอาแต่ปฏิเสธเจ้ามาตลอด แต่ข้าคิดได้แล้วว่าอยากจะใช้ชีวิตกับเจ้าอย่างคนรัก”มายุน้ำตารื้นขึ้นมาเมื่อได้ฟัง จนอีกฝ่ายตกใจ

    “เจ้าจะร้องไห้รึ ข้ากล่าวอะไรผิดไป..”ไดกิมีสีหน้าตกตะลึงเมื่อเห็นคนตรงหน้าเริ่มร้องไห้ออกมา

    “ไม่ใช่ค่ะ ดิฉันดีใจที่สุดเลยค่ะ”เธอกอดเขาอย่างเบามือ อย่างมีความสุข

    “อย่ากอดข้าตอนนี้... ข้าสูดกำยานของเบนไซเทนมา ฤทธิ์มันคงจะหายตอนรุ่งสางของวันรุ่งขึ้น หรือถ้าเจ้าอยากให้ข้ามอบความรักให้เจ้ามากกว่านี้ก็ย่อมได้”เขายิ้มกริ่มออกมา มายุจึงรีบคลายกอดอีกฝ่ายในทันที

    “ข...เข้าใจแล้วค่ะ”เธอตอบรับโดยดีและเดินทิ้งระยะห่างกับเขา พอดีกับทาโร่ที่รีบวิ่งมาหา แต่ไดกิก็ดึงร่างบางให้หลบอยู่ด้านหลังเขาทันที การาสุเทนกุเบื้องหน้าคำนับชายหนุ่มก่อนจะกล่าวออกมา

    “ท่านไดกิขอรับ ท่านเซริวมาขอพบขอรับ”ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาในทันที คงไม่พ้นเรื่องที่เขาทำลายกำแพงอักขระอย่างแน่นอน

    “กลับไปบอกให้เขารอข้าสักประเดี๋ยว”

    “ขอรับ”ทาโร่รับคำสั่งและบินทะยานขึ้นไปบนฟ้า จนลับตาไป ก่อนชายหนุ่มจะโอบมายุเอาไว้

    “ข้าต้องพาเจ้ากลับไปที่ห้อง ตอนนี้เจ้าคงหนาวล่ะสิ ข้าจะโอบไหล่เจ้าเอาไว้เผื่อว่าเจ้าจะอบอุ่นขึ้นมาบ้าง และข้า...ก็ไม่อยากให้ใครมามองเจ้าด้วย”มายุที่ถูกโอบรู้สึกถึงความรู้สึกอบอุ่นจากอีกฝ่าย ความอบอุ่นนั้นทำให้เธอรู้สึกมีความสุขอย่างมาก

    “ข้าขอฟังบ้างสิ ว่าเจ้ารักข้าหรือไม่”ไดกิหันมามองเธอ

    “รักค่ะ ดิฉันรักท่านไดกิค่ะ”มายุกล่าวออกมาด้วยความเขินอาย ไดกิยิ้มกริ่มออกมาเมื่อได้ฟังคำตอบ

    “เจ้าตอบได้ดีมาก ข้าอยากจะตบรางวัลให้เจ้าอย่างงาม เอาเป็น...นายหญิงของเหล่าการาสุเทนกุดีไหม”

    “อ...อย่างนั้นเลยหรือคะ...ดิฉันจะเหมาะสมหรือคะ?"

    "ไม่มีใครเหมาะสมไปมากกว่าเจ้าแล้วมายุ"

    "ค..ค่ะ ถ้าเพื่อท่านไดกิแล้วดิฉันจะพยายามเป็นนายหญิงที่ดีให้ได้นะคะ”มายุเอามือขึ้นมาปิดหน้าด้วยความเขินอาย ทั้งสองเดินไปตามทุ่งหิมะและทิ้งรอยเท้าไว้สองรอยที่เดินเคียงข้างกันไป

     

    ภายในห้องทำงานทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสที่เต็มไปด้วยหนังสือและกองม้วนกระดาษ  เสื่อทาทามิที่ถูกปูเต็มพื้นที่ห้อง  ชายหนุ่มที่กลับมาก็ลงมือเขียนงานเอกสาร บนโต๊ะทำงานไปด้วยขณะที่ฟังเซริวที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับโต๊ะทำงานของเขา กล่าวชื่นชมที่เขาต่อสู้ กับคุโระเฮียวได้อย่างยอดเยี่ยม แทบจะไม่มีใครเชื่อว่าคุโระเฮียวจะถอยทัพกลับไปง่ายๆเช่นนั้นได้

    เหล่าเทพพอใจกับงานที่เจ้าทำนัก และเจ้าก็สู้จนทัพอีกฝ่ายล่าถอยไป ดังนั้น เหล่าเทพจะมอบ พลังอำนาจคืนให้เจ้าเสียทั้งหมดไดกิถึงกับหยุดเขียนงานเอกสารลงในทันที

    จริงหรือขอรับ!!เขามีสีหน้าที่พึงพอใจนัก หากเป็นเช่นนี้เขาคงกลับมาทำให้เหล่าเทนกุยิ่งใหญ่ได้เฉกเช่นอดีต จนอดยิ้มออกมาไม่ได้ ส่วนเซริวก็ยิ้มเหยียดตอบเขา แม้จะไม่ค่อยถูกใจนักที่เทพีแห่งความงามจะแกล้งไดกิเพียงเท่านี้ก็ตาม "ไฉนคนถูกแกล้งถึงดูมีความสุขนัก เขาเองก็มิเข้าใจแต่อย่างใด ก่อนจะหาเรื่องว่ากล่าวอีกฝ่าย

    แล้วเจ้ายังทำลายกำแพงที่กันอาณาเขตของเจ้าออกเสียอีก เจ้าทำเช่นนั้น ชีวิตเจ้าจะลำบาก พวกข้าไม่มีทางยอมเด็ดขาด!!

    “แต่ท่านเบนไซเทนบอกว่าท่านอยู่เบื้องหลัง ที่ทำให้นางต้องมากลั่นแกล้ง ก่อกวนข้า ท่านจะไปบอกคนอื่นอย่างไรขอรับว่าท่านเป็นต้นเหตุให้ข้าทำลายกำแพง...โดยเฉพาะข้าที่ได้พลังเพียงบางส่วนกลับมาเท่านั้นก็สามารถทำลายมันลงได้อย่างง่ายดาย ข้าคิดว่าถ้าท่านกล่าวออกไปจะเป็นความผิดของท่านมากกว่าข้านะขอรับ”ชายหนุ่มแสยะยิ้มออกมา เมื่ออีกฝ่ายไม่อาจโต้เถียงได้ เซริวก็รีบลุกออกไป และกลายร่างเป็นมังกรก่อนจะทะยานขึ้นฟ้าไป ส่วนไดกินั้นก็ถอนหายใจออกมา ก่อนเขาจะได้ยินเสียงเรียกของทาโร่อยู่ด้านหน้าห้อง

    “ท่านไดกิขอรับ พวกการาสุเทนกุอาวุโสจะนัดประชุมเรื่องคุโระเฮียวขอรับ”

    “ข้าจะไปเดี๋ยวนี้...”ไดกิกล่าวออกมา กลับมาที่นี่ก็มีเรื่องมากมายในทันที เขาเองก็อยากจะไปอยู่กับหญิงสาวที่เขารักบ้าง มิใช่ต้องมาทำงานอยู่คนเดียวเช่นนี้ ไดกิลุกขึ้นและเดินออกจากห้องไป ไม่ว่ายังไง เขาก็ต้องมีหน้าที่ที่สำคัญยิ่งรอเขาอยู่

    จากนั้นเวลาได้ผ่านไปอย่างเนิ่นนานจนกระทั่งตกดึกไดกิถึงเพิ่งจะประชุมกันเสร็จสิ้นเสียที เขาเดินขึ้นมาและหยุดลงที่หน้าห้องของหญิงสาว ดวงตาเรียวสีดำจ้องมองเหมือนจะชั่งใจอยู่สักพัก ก่อนเขาจะตัดสินใจเดินจากไปในที่สุด คงเพราะฤทธิ์ของกำยานที่ค่อยจางลงทำให้เขาเองก็ค่อยบังคับหักห้ามใจตนเองไว้ได้บ้างแล้ว ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาด้วยสีหน้าที่หนักใจนัก เขารู้สึกตัวแล้วว่าวันนี้เขาได้ทำอะไรลงไปบ้าง และไม่รู้ว่าจะเอาหน้าของตนไปพบเจอหญิงสาวในวันพรุ่งนี้ได้อย่างไร จากเรื่องที่เขาได้ทำและได้กล่าวออกไปเพราะฤทธิ์ของกำยาน

     

    ร่างบางเปลี่ยนเสื้อกลับเป็นชุดกิโมโนจนเรียบร้อยแล้ว จึงมองไปรอบๆห้องนอนของตนที่แสนคุ้นเคยนัก เหมือนกำลังร้อนใจอย่างยิ่ง มายุทั้งหน้าแดงด้วยความเขินอายนักเธอดีใจที่เขาตอบรับความรู้สึกของเธอสักทีหนึ่งจนมายุล้มตัวลงนอนกลิ้งอยู่บนเตียงอย่างมีความสุขยิ่งนัก ต่างกับเธอเมื่อเช้านี้ ไม่รู้ว่าเทพีแห่งความงามกล่าวสิ่งใดกับเขา ทำให้ชายหนุ่มถึงบอกความรู้สึกของเขาที่มีต่อเธอได้ มายุลุกขึ้นยืนและเดินออกไปตรงระเบียง มองขึ้นไปบนท้องฟ้ายามค่ำคืนที่สวยงามระยิบระยับมากมาย และมองอยู่อย่างนั้นพร้อมกับอมยิ้มไปด้วย ก่อนจะฮัมเพลงออกมา อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

    มีความสุขจัง ท่านไดกิก็รู้สึกเช่นเดียวกับฉันด้วย หุบยิ้มไม่ได้แล้วเนี่ยมือเรียวบางจับใบหน้าของตนเอง และยังรู้สึกว่าเธอมีความสุขจนเหมือนกับฝันไปเสียจริงๆ

    แต่ว่า...ไม่นึกว่าเขาจะพูดคำว่ารักออกมาเลยนี่สิ เขินจริงๆ!!หญิงสาวบิดตัวไปมาเมื่อนึกถึงคำบอกรักของเขา และยังรู้สึกว่าตนเองไม่อยากล้มตัวลงนอน เพราะกลัวว่าตื่นมาอีกทีจะเพียงแค่ฝันไป

    การมีความรักนี่ดีจริงๆ ฉันรู้เหมือนเหมือนกับว่ากลายเป็นวัยรุ่นอีกครั้งหนึ่งเลยนะเนี่ย

    ร่างบางยืนมองดวงที่สุกสกาวบนท้องฟ้าอย่างเพลิดเพลิน นัก แต่จะนึกถึงชายหนุ่มขึ้นมา ไม่รู้ว่าทำไมเขาจึงรุกเธอหนักขนาดนั้น หรือเป็นเพราะกำยานกันนะ

    ...อย่าบอกนะว่า ที่ท่านไดกิบอกรักฉัน ก็เพราะผลของกำยาน...แบบนั้นไม่ดีแน่ ถ้าเขาไม่ได้คิดกับฉันแบบนั้นล่ะ ถ้าพรุ่งนี้เขาทำแบบเดิมกับฉันล่ะ ฉันจะทำยังไงดีเนี่ย ดันฟังคำบอกรัก และไม่ได้เผื่อใจไว้บ้างเลยทำยังไงดี!!! แบบนี้ฉันต้องเศร้าใจไปคนเดียวแน่ๆ!!!

    มายุถอนหายใจด้วยสีหน้าที่เศร้าสลดลงนัก เธอไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไป ถ้าเขากลายเป็นปิศาจที่ไม่ยอมเปิดใจให้เธอเหมือนเดิมล่ะ ครั้งนี้เขาคงเลิกคุยกับเธออย่างแน่นอนเลย หญิงสาวกุมขมับตนเอง ไม่รู้จะทำเช่นไรดี เธอควรจะเผื่อใจเมื่อพบเขาในวันรุ่งขึ้นด้วย หญิงสาวชาวมนุษย์นั่งลงที่มุมห้องและกอดเข่าของตน ใบหน้าที่มีความสุขเมื่อครู่กับมีสีหน้าที่เครียดอย่างเห็นได้ชัด เพราะไม่รู้จะทำเช่นไรต่อไปดี จนเวลาผ่านไปเนิ่นนานร่างบางที่นั่งกอดเข่าของตนก็เริ่มสัปหงกด้วยความง่วงนอกจากอาการป่วยที่ยังไม่หายดีนัก ร่างกายของเธอก็ถึงคราวที่ต้องพักบ้าง

    ง่วงแล้ว...ขอให้วันนี้ไม่ใช่แค่ฝันไปเถอะ...ไม่อยากหลับเลย

    ดวงตาสีน้ำตาลปิดลงช้าๆ เธอเข้าสู่ห้วงนิทราทั้งๆที่นอนอยู่ตรงมุมห้อง อยู่นานเท่านานจนแสงอาทิตย์ค่อยๆขึ้นมาที่ขอบฟ้า และสาดลงมาในห้อง กระทบกับร่างบางที่นอนหลับไม่รู้เรื่อง แต่ด้วยความแสบตาทำให้เธอตื่นขึ้นมาในไม่ช้านัก และมองไปรอบๆห้องอย่างงุนงง ก่อนจะนึกถึงสาเหตุที่เธอมานอนอยู่ที่มุมห้องได้ จึงค่อยๆลุกขึ้นยืน พร้อมกับความปวดเมื่อยนักเพราะไม่ได้นอนบนที่นอน มายุเดินออกไปดูดวงอาทิตย์ที่กลมโต ในฤดูใบไม้ผลินั้น ช่างสวยงามยิ่งนัก เหมือนกับภาพวาด มายุยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น ด้วยความที่ไม่รู้จะทำตัวอย่างไรเมื่อพบเธอเขา และเมื่อวานเขายังรุกเธอหนักอีกด้วย จนเธอกลัวขึ้นมา หวังว่าชายหนุ่มจะไม่ทำเช่นนั้นกับเธออีกนะ เธอถอนหายใจออกมาอย่างไรก็ต้องพบกับความจริงอยู่วันยันค่ำ เธอจึงเตรียมแต่งตัวให้เรียบร้อย และออกไปพบกับชายหนุ่มเพื่อดูแลเขาจนบาดแผลของเขาหายสนิทแน่ๆ

    หลังจากที่เตรียมตัวเรียบร้อยแล้ว มายุเดินไปตามทางเดินไม้ที่ทำขึ้นมาอย่างประณีต ไปที่ห้องทำงานของชายหนุ่มและเธอก็คิดไม่ผิดจริงๆที่เขานั่งทำงานเอกสารอยู่ที่นี่ ทั้งๆที่เขายังไม่หายดีนัก ร่างบางเพียงค้อมตัวและเข้าไปในห้องทำงานทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส และนั่งลงใกล้ๆเขา โดยที่ไม่มีใครกล่าวสิ่งใดออกมาอยู่สักพักใหญ่ จนบรรยากาศเริ่มมาคุ มายุที่ยอมแพ้จึงต้องกล่าวออกมา

    ท่านไดกิไม่พักให้หายดีก่อนหรือคะ ท่านไดกิไม่น่ารีบลุกขึ้นมาทำงานเช่นนี้เลยค่ะมายุกล่าวออกมา และดูท่าทีของอีกฝ่ายหนึ่ง ที่ยังก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่อย่างนั้น เขาหันมามองเธอแต่มิได้กล่าวสิ่งใดออกมา ก่อนจะหันกลับไปทำงานเช่นเดิม เสียจนมายุเริ่มรู้สึกอึดอัด บางทีเรื่องเมื่อวานคงเป็นแค่กำยานของเบนไซเทนสินะ หญิงสาวได้เพียงถอนหายใจออกมาเท่านั้น หากเป็นเช่นนั้นเธอคงต้องปวดใจอย่างมากแน่นอน

     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×