ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    「大天狗 の 花嫁」DAITENGU NO HANAYOME เจ้าสาวแห่งขุนเขา

    ลำดับตอนที่ #20 : หลุมพราง

    • อัปเดตล่าสุด 9 ก.ย. 61



    กลางพายุหิมะที่ใกล้จะเข้ามาพัดโหมกระหน่ำนั้น อากาศภายในเพิงผ้าใบสีขาวที่ตั้งอยู่กลางลานโล่งไม่มีสิ่งใดขวางทางลมได้ทำให้ลมพายุเข้าปะทะเพิงที่ตั้งตระหง่านอยู่อย่างจังจนเพิงผ้าใบโงนเงนไปมา เสียงลมที่หวีดหวิวฟังดูน่าหวาดกลัว ในที่เอาไว้พักนั้นเย็นเฉียบและหนาวเหน็บ ร่างบางนั่งอยู่ข้างชายหนุ่ม ก่อนไดกิจะตัดสินใจกล่าวเรื่องสำคัญออกมาเมื่อเห็นว่ามีแค่เขากับเธอเหลืออยู่ในเพิงแห่งนี้เท่านั้น และเรื่องนั้นสำคัญมาก แม้ว่าจะทำให้หญิงสาวเสียใจแต่เขาก็ต้องกล่าวออกมากับร่างบางที่นั่งข้างๆเขา

    มายุ ข้าต้องกล่าวเรื่องหนึ่งออกมา เจ้าไม่ได้รู้สึกนับถือข้าแบบอาจารย์กับลูกศิษย์หรือ? เจ้ารู้สึกกับข้าเช่นไรกันแน่ มายุมายุนิ่งอึ้งไปกับคำถามของอีกฝ่ายใบหน้าเธอแดงแป๊ดด้วยความอายยิ่งนักที่ถูกถามเช่นนั้น และไม่รู้ว่าหากเธอตอบไปอีกฝ่ายจะยอมตอบรับความรู้สึกของเธอได้หรือเปล่า

    เจ้ารักข้าขนาดนั้นเลยรึ?”ดวงตาเรียวสีดำขลับหันมาจ้องมองเธอเหมือนอยากจะคาดคั้นคำตอบ มายุที่ได้ฟังนั้นก็ถึงกับมือไม้อ่อนจนถ้วยยาตกกระทบลงพื้น หญิงสาวรีบก้มลงไปเก็บแต่ถูกฝ่ามือใหญ่นั้นคว้าเอาไว้ 

    ...ท่านไดกิมายุตกใจ กับการกระทำของอีกฝ่าย รวมถึงคำถามที่เขาถามเธอออกมาเช่นนี้จนเธอทำตัวไม่ถูก

    ตอบข้ามาสิมายุ เจ้ารักข้ามากขนาดนั้นเลยรึ?   เจ้าไม่ได้คิดกับข้าอย่างอาจารย์เลยรึ? ถึงขนาดที่เจ้าต้องออกไปช่วยข้าถึงกลางสนามรบ เจ้าไปช่วยข้าในฐานะอะไร”ชายหนุ่มถามขึ้นเพราะต้องการจะทราบคำตอบของอีกฝ่าย

    “ด...ดิฉันไม่ทราบค่ะ รู้ตัวอีกทีก็วิ่งออกไปแล้วในสนามรบแล้วค่ะ...รู้แค่เพียงว่าดิฉันไม่อยากให้ท่านไดกิได้รับอันตรายก็เท่านั้นค่ะ"เธอตอบออกมาอย่างตะกุกตะกัก

    "แล้วคำถามอื่นที่ข้าถามไปล่ะ"ดวงตาเรียวสีดำจ้องมองอีกฝ่ายเขม็ง มายุมองหน้าไดกิชั่วครู่ ยังไงเธอก็ต้องตอบออกไป

    โดนปฏิเสธแน่นอนเลย...แต่ว่าครั้งนี้ มันไม่ใช่ความรู้สึกชอบเสียแล้วสิ แต่ฉันต้องตอบไป ฉันเคยบอกท่านไดกิไปแล้วว่าจะไม่ปิดบังอะไร ฉันต้องพูดแม้ว่ามันจะเจ็บ แต่มันคือความจริง ที่ฉันต้องยอมรับ

    "ร...รักค่ะ ดิฉันรักท่านไดกิมาก แม้ว่าท่านไดกิอาจไม่รักฉันเลยก็ตาม… และก็ไม่ได้รักท่านแบบอาจารย์กับลูกศิษย์ด้วย ที่จริง...ดิฉันไม่เคยรักท่านไดกิแบบนั้นเลยสักครั้งเดียว”ร่างบางหน้าแดงด้วยความอาย ที่ถูกคาดคั้นเช่นนั้น เธอหลงรักเขาไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แม้ว่ามายุไม่อยากให้เขาทราบ โดยเฉพาะตอนนี้นัก เธอรับรู้ได้ทันทีจากสีหน้าของเขาที่ฉายแววผิดหวังในตัวของเธอนัก ร่างบางจึงก้มหน้าลงด้วยความรู้สึกผิดยิ่งนักเธอเห็นคำตอบในอนาคตไปเรียบร้อยแล้วจากแววตาของเขา

    ข้าบอกเจ้าไปแล้วถึงเหตุผลของข้า มายุ เจ้าลืมไปแล้วรึ?สีหน้าเขาดูจริงจังและดูเหมือนต้องการจะดุเธออยู่เนืองๆ ร่างบางทำหน้าสำนึกผิดที่เธอไปหลงรักเขาสียได้ แต่มันแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว

    ดิฉันก็รักท่านอยู่ดีค่ะหญิงสาวน้ำตาซึมออกมาเมื่อมองหน้าของเขา เธอรู้ว่าเขาคงปฏิเสธเธออย่างแน่นอน ไม่ว่าจะสองปีก่อน หรือตอนนี้มันไม่เคยมีอะไรเปลี่ยนแปลงได้เลย แม้ว่าเธอจะพยายามตัดใจแล้วก็ตาม มิหนำซ้ำเธอยังปล่อยให้ความรู้สึกของเธอมันเติบโตขึ้นมายิ่งกว่าคำว่าชอบเสียอีก

    ฉันมั่นใจแล้ว ฉันพูดออกไปแล้ว ก็ยิ่งมั่นใจว่าฉันรู้สึกรักท่านไดกิจริงๆ ทำไมกันนะ...แต่ตอนนี้มันห้ามอะไรไม่ได้แล้ว ฉันดีใจที่ท่านไดกิคอยสั่งสอนฉันมาตลอด ฉันดีใจที่ได้อยู่ใกล้เขาคอยดูแลเขา มีเพียงฉันคนเดียวเท่านั้นที่ได้ใกล้ชิดเขามากขนาดนี้...จนฉันลืมไปว่าฉันเป็นเพียงลูกศิษย์ของเขา ทั้งๆที่ท่านไดกิเหมือนจะเปิดใจแล้วแท้ๆ แต่ว่าเพราะว่าฉันเป็นลูกศิษย์ของเขาอย่างนั้นหรือ

    ร่างบางตกอยู่ในห้วงภวังค์ของตน เพราะกำลังครุ่นคิดและทบทวนความรู้สึกที่เธอมีต่อชายหนุ่มเบื้องหน้า สำหรับเธอแล้ว การชอบปิศาจก็เป็นเรื่องเหนือความคาดหมายของเธออยู่ดี แต่สำหรับเธอมันไม่มีอะไรให้หวาดกลัวคนตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย มนุษย์กับปิศาจเราแตกต่างกันขนาดนั้นจริงๆหรือ ก่อนเสียงของไดกิจะเรียกให้เธอได้สติและเงยหน้าขึ้นมามองเขา

    ข้าไม่ได้เกลียดเจ้ามายุ แต่เจ้ารู้เหตุผลของข้าแล้วนี่ เจ้ามันรู้ทุกอย่างแล้ว ทำไมยังดึงดันนักน้ำเสียงของเขาแข็งกร้าวนัก และถอนหายใจออกมาด้วยความผิดหวัง ไดกิเองก็ผลุบตาลงไปมองที่อื่น เขาไม่อยากแม้แต่จะมองคนที่นั่งอยู่ข้างหน้าตนเองเสียด้วยซ้ำ

    ดิฉันเข้าใจดีค่ะ และก็ขอโทษท่านไดกิด้วยค่ะ”เธอกล่าวและหลบตาอีกฝ่าย ก่อนจะกล่าวออกมา

     ท่านไม่จำเป็นต้องรักดิฉันหรอกท่านไดกิ ให้ดิฉันรู้สึกแบบนี้กับท่านฝ่ายเดียวก็พอค่ะ...แต่อย่าห้ามไม้ให้รักท่านไดกิเลยนะคะ...ดิฉันแค่อยากอยู่ข้างๆท่านไดกิเท่านั้นค่ะชายหนุ่มไม่กล่าวสิ่งใดออกมาเมื่อได้ฟังคำขอร้องของอีกฝ่าย เขานั่งนิ่งอยู่เช่นนั้นเหมือนไม่ได้ยินอีกฝ่ายหนึ่ง

    “ดิฉันยอมรับใช้ท่านไดกิทุกอย่างค่ะ ถ้าจะทำให้ดิฉันติดตามท่านไดกิไปได้ทุกที่ แม้ว่าท่านไดกิคงไม่เคยเห็นดิฉันเป็นผู้หญิงคนหนึ่งเลยก็ตาม แต่ดิฉันก็ยังรู้สึกว่าอยากจะคอยดูแลปรนนิบัติท่านไดกิต่อไปแบบนี้เรื่อยๆ”

    แล้วเหตุใดกันมายุ เจ้ารู้หรือไม่ว่าที่เจ้าพูดมันหมายความว่ายังไง...การที่เจ้ายอมพลีชีพตนเองในสนามรบ มันไม่ช่วยให้ข้ารักเจ้ามากขึ้นหรอกนะ หรือเจ้าทำเช่นนั้นเพราะในใจหนึ่งก็หวังให้ข้าตอบรับรักเจ้ารึ?”เขากล่าวออกมา มายุรู้สึกชาไปทั้งตัวเมื่อได้ฟัง และนั่นทำให้มายุถามใจตนเองดู เธอเงียบลงไปสักพักหนึ่ง

    ท่านไดกิพูดถูกแล้วค่ะ... แม้ว่าแท้จริงแล้วตอนนั้นดิฉันต้องการจะช่วยท่านไดกิเท่านั้น แต่ก็แอบหวังลึกๆว่าท่านไดกิจะหันมารักดิฉันบ้างจากการที่ดิฉันช่วยท่านไดกิ ดิฉันหวังว่าท่านไดกิจะเห็นว่าดิฉันรักท่านไดกิมากเพียงใดและเข้าใจความรุ้สึกของดิฉันสักทีหนึ่ง”แค่เพียงกล่าวออกมา มายุก็รู้สึกว่าตนเองไร้ค่ามากเพียงใด ใบหน้าของเธอมีแววเศร้าใจที่ดันกล่าวประโยคนี้ออกไป ไม่ต่างจากสีหน้าของอีกฝ่ายหนึ่ง

    แต่ข้าจะรักเจ้าไม่ได้!! ทำไมถึงดึงดันนัก เจ้าต้องการให้ข้ารักตอบเจ้ามากขนาดนั้นเลยรึ!! ถึงขนาดที่ยอมเสี่ยงชีวิตมาช่วยข้า เจ้าทำเหมือนตนเองเป็นสิ่งของที่จะพังลงเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่มีใครสนใจเจ้าอย่างนั้นรึ? ได้สติเสียทีสิมายุ!!!”ไดกิเขย่าตัวของเธออย่างแรง แต่อีกฝ่ายเพียงก้มหน้างุดเท่านั้น เพราะความอาย เธอไม่อยากถูกคำพูดนั้นซ้ำเติมไปเรื่อยๆอย่างไม่มีที่สิ้นสุดแล้ว

    ข้ารักเจ้าไม่ได้ เจ้าช่วยกลับไปเป็นลูกศิษย์ของข้าเหมือนเดิมเถิด อย่าให้ข้าต้องลำบากใจเช่นนี้เลย”ไดกิกล่าวออกมา

    "ทำไมล่ะคะ ทั้งๆที่ดิฉันคิดว่าท่านเองก็น่าจะรู้สึกแบบเดียวกับดิฉัน แต่ทำไม เพราะว่าการที่ดิฉันเป็นมนุษย์มันสำคัญขนาดนั้นเลยหรอคะ....แล้วท่านยังลำบากใจอีก...ดิฉันมันแย่ขนาดนั้นเลยหรอคะ"น้ำตาหยดใสๆไหลอาบแก้มนวลของเธอ

    "เจ้ามิได้แย่หรือทำสิ่งใดผิด ข้าไม่ได้รังเกียจเจ้า แต่ข้าไม่อยากจะรักมนุษย์"

    "แต่ท่านยังรักมิวะได้เลย..."มายุผลุบตาลงต่ำด้วยความโศกเศร้า ทำไมเขาถึงรักมิวะ แต่ไม่รักเธอ ทั้งๆที่มิวะก็เป็นมนุษย์ หรือเขายังรักมิวะและเห็นเธอว่าละม้ายคล้ายคลึงกับมิวะกัน ถึงได้ทำกับเธอเช่นนี้

    "ตอนนั้นข้ายังเด็ก...ยังไม่รู้ว่าการลาจากเป็นเช่นไร และเจ้าจะกล่าวถึงนางออกมาทำไม ตลกเสียจริง...ตอนเจ้าเป็นมิวะ เจ้าไม่ยอมบอกรักข้าแม้แต่ครั้งเดียว แต่ตอนนี้เจ้าอยากจะให้ข้ายอมรับความรู้สึกของเจ้าบ้างรึ เจ้านั่นแหละไม่สนใจความรู้สึกของข้าบ้างแม้แต่น้อย เจ้าอยากจะให้ข้าพร่ำบอกรักเจ้า โดยที่เจ้าใช้ความรู้สึกตนเองเป็นที่ตั้ง เจ้าทั้งไม่อยากจะบอกรักข้า หรืออยากจะยัดเยียดให้ข้ารับความรู้สึกนั้น โดยไม่สนใจว่าข้าจะรู้สึกเช่นไร เจ้าเคยสงสารข้าบ้างหรือไม่"ไดกิกล่าวออกมาตรงๆ มายุนิ่งงันไปเพราะเป็นอย่างที่อีกฝ่ายว่าไว้จริงๆ ตอนนี้เธอเองก็ไม่เหลือความกล้าใดที่จะบอกรักเขาแล้ว 

    "ขอโทษค่ะท่านไดกิ ดิฉันไม่เคยทราบมาก่อนเลย ขอบคุณที่ทำให้ดิฉันตาสว่างนะคะ"เธอเพิ่งจะรู้ตัวว่าตนเองทำผิดมหันต์ไป ร่างบางหลับตาลงช้าๆเธอสำนึกผิดในทุกสิ่งที่ได้ทำลงไปแล้ว แท้จริงแล้วตัวเธอเองนี่แหละที่ทำให้ชายหนุ่มไม่ยอมรับเธอ

    "ดิฉันขอโทษค่ะ"เธอคำนับอีกฝ่ายหนึ่ง ร่างกายของเธอมันสั่นเทิ้มไปทั้งตัว เมื่อรู้ว่าตนเองเป็นฝ่ายผิดมาตลอด แม้อยากจะปฏิเสธว่ามิวะไม่ใช่เธอแต่ก็ไม่อาจทำได้

    "ยกโทษให้ดิฉันได้ไหมคะ ดิฉันไม่ขอให้ท่านไดกิรักดิฉันแล้ว แต่ดิฉันขอที่จะอยู่ข้างๆท่านไดกิได้ไหมคะ"แค่กล่าวออกมาร่างบางก็สะอึกสะอื้นอย่างห้ามไม่ได้

    "เจ้าสงสารข้ารึ? ที่เจ้าร้องไห้...เจ้าร้องไห้เพราะสงสารข้า หรือเพราะตัวเจ้าเองถูกข้าปฏิเสธกันล่ะ"คำพูดนั้นทิ่มแทงเธออย่างไม่ใยดี มายุถึงกับเงยหน้าขึ้นมามองเขาด้วยความตกตะลึงก่อนจะผลุบตาลง

    "ทั้งสองอย่างค่ะ ขอโทษท่านไดกินะคะ ที่ดิฉันเห็นแก่ตัวเช่นนี้ ดิฉันเข้าใจทุกอย่างแล้วค่ะ ตลอดหลายร้อยปีที่ผ่านมา ดิฉันทำผิดไปค่ะ ดิฉันช่างโง่เขลา และไม่เข้าใจความรู้สึกของคนอื่น พอพูดออกมาแล้ว ดิฉันก็แย่จริงๆค่ะ ดิฉันจะไม่รบกวนท่านไดกิแล้วค่ะ"เธอลุกไปนั่งลงที่ฟูกนอนของตนเองตรงมุมห้องและนั่งนิ่งอยู่อย่างนั้น เธอจมอยู่กับความคิดตนเองอยู่นานสองนาน ทั้งเรื่องที่เธอทำร้ายความรู้สึกเขาเอาไว้ ทั้งเรื่องที่เธอเป็นมนุษย์บางทีเธอก็ไม่คู่ควรกับเขาเสียเลย ยิ่งเมื่อนึกถึงคำที่มิวะได้ตั้งมั่นว่า จะซื่อสัตย์และตอบแทนบุญคุณท่านพี่ของเธอแล้ว มายุก็พอเข้าใจได้ว่า มิวะเองก็คงรู้เช่นกันว่าหากพบเจอไดกิอีกรอบหนึ่ง เขาต้องไม่รักเธอแน่นอน

    บางทีเพราะว่าฉันเอง ที่คิดวาดฝันไปมากมาย...ฉันเคยทำผิดต่อท่านไดกิจริงๆด้วย ฉันต้องยอมรับความจริงแล้วล่ะ แต่ว่าหลังจากนี้ต่อไปฉันควรจะทำยังไงดี ฉันไม่มีหน้าจะอยู่ที่นี่ต่อแล้วล่ะ


    ชายหนุ่มมองเธออยู่ห่างๆ ดวงตาสีดำขลับของเขาจับจ้องร่างที่นิ่งงันอยู่ที่มุมห้อง เขาเพียงถอนหายใจยาวออกมา และล้มตัวลงนอนบนฟูกในทันที แม้ทั้งสองจะไม่มีใครเข้าสู่ห้วงนิทราแต่ก็ไม่มีใครพูดคุยกันจนบรรยากาศเริ่มอึดอัดมากขึ้นเรื่อยๆ มายุเข้าใจในสิ่งที่เขากล่าว การตัดใจจากเขามันยากยิ่งกว่าการใช้เหตุผลนี่ล่ะสิ ร่างบางทำหน้าอย่างบอกไม่ถูกนัก เธอจะต้องไม่ร้องไห้ออกมาอีก มายุฟุบลงบนฟูกนอนของตนจนหลับไปในที่สุด ไดกิเองก็นอนคิดเรื่องราวต่างๆอยู่เช่นนั้น คราวนี้เขาใจร้ายกับอีกฝ่ายมากเกินไปจริงๆ

    "ข้ามันเป็นปิศาจจะให้ทำอย่างไรได้"เขาพึมพำออกมา แต่ในใจกลับร้อนรุ่มจนไม่อาจนอนพักได้ เมื่อเวลาผ่านไปสักพักไดกิจึงยันตัวลุกขึ้นนั่งอีกคราด้วยสีหน้าที่กังวล

    "ข้าล่ะ ไม่เข้าใจตนเองเสียจริง นางไม่เคยสนใจความรู้สึกข้า แต่ว่ามายุ ถ้านางไม่ใช่มิวะก็คงดี ข้าต้องยอมรับให้ได้ว่าแม้ว่ามายุจะเคยเป็นมิวะ แต่ก็ไม่ใช่มิวะแล้วในตอนนี้ มีเพียงมายุเท่านั้นที่คอยอยู่เคียงข้างข้าในตอนนี้ แต่นางอยู่เคียงข้างข้าได้ไม่นานหรอก นางก็จะแก่ตายไปในไม่ช้า ข้าจะทำเช่นไรดี"ไดกิถอนหายใจยาวออกมา เขาเองก็เฝ้าถามความรู้สึกที่มีต่ออีกฝ่ายอยู่ตลอดเวลา แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่พบทางออกเสียทีประหนึ่งเขาหลงอยู่ในเขาวงกต

    "แต่ข้ากล่าวออกไปแล้ว เจ้าดูโศกเศร้ายิ่งนัก ข้าตอบรับความรู้สึกเจ้าไว้ไม่ได้หรอก ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม คนที่เจ็บปวดก็คือข้าเท่านั้น ทำไมเจ้าถึงต้องเป็นมนุษย์ด้วยนะ" ไดกิค่อยๆยันตัวลุกขึ้นยืนช้าๆ และเดินและพยายามเกาะเกี่ยวของต่างๆเพื่อพยุงให้ตนเองเดินไปถึงฟูกนอนที่ร่างบางกำลังนิทราอยู่ ไดกิมองร่างที่นอนคุดคู้อยู่ด้วยความเงียบงัน ก่อนจะนั่งลงข้างๆเธอ

    "เจ้าอย่าพึ่งตื่นขึ้นมาในตอนนี้เลย มายุ"มือใหญ่จับแก้มนวลที่เปียกโชกไปด้วยหยาดน้ำตา มายุที่นอนหลับตาแต่ใบหน้าของเธอก็บ่งบอกได้ว่าคงกำลังฝันร้ายเป็นแน่ มือใหญ่ลูบศีรษะเธออย่างเบามือ

    "มายุ ข้า....เจ้า"ไดกิก้มลงไปกระซิบที่ข้างหูของร่างบาง ก่อนจะยันตัวลุกขึ้นนั่งอย่างเดิม ใบหน้าของเขาแดงระเรื่อเมื่อคิดว่าตนเองบอกความรู้สึกที่มีต่ออีกฝ่ายออกไปแล้ว และเมื่อร่างบางมีสีหน้าที่ดูดีขึ้นบ้างเขาก็ยิ้มออกมา

    "ข้ารู้สึกเช่นนี้กับเจ้ามานานแล้ว แต่ข้าจะตอบรับความรู้สึกของเจ้าไม่ได้ และข้าไม่อยากให้เจ้าเข้าใจว่าข้าปฏิเสธออกไปเพราะว่าไม่ได้รู้สึกเช่นเดียวกับเจ้า"ไดกินั่งไปชั่วครู่ก่อนเขาจะก้มหน้าเข้ามาใกล้เธอ

    "ข้าจะยอมเจ้าสักหนหนึ่งก็ได้ ข้าจะจูบเจ้าเป็นรางวัลตอบแทน ที่เจ้าได้มาช่วยชีวิตข้า แต่แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้น ถ้าเจ้ารักข้า...เจ้าคงไม่ขยะแขยงข้าใช่หรือไม่กล่าวชายหนุ่มค่อยๆก้มลงมา มือกำยำจับใบหน้าของอีกฝ่ายอย่างเบามือ ก่อนลมหายใจของเขาจะทำให้ร่างบางรู้สึกตัวขึ้นมา ดวงตาสีน้ำตาลลืมตาขึ้นมาพอดีกับริมฝีปากของทั้งสองฝ่ายสัมผัสกันอย่างแผ่วเบา

    นี่คือรสชาติของความรักสินะ ขมเสียจริง....แต่ก็มีความสุขนัก....แม้ว่าท่านไดกิจะจะไม่ได้รักฉันเลยแม้แต่นิดเดียว แต่ว่าทำไมกัน...


    มายุสะดุ้งตื่นขึ้นมาบนฟูกนอนในทันที ด้วยเหงื่อที่ผุดพรายบนใบหน้า แน่นอนว่าท่านอาจารย์ของเธอที่นั่งพักอยู่บนฟูกใหญ่อีกฟากของห้องเองก็หันมามองอีกฝ่ายอย่างสงสัย ดวงตาสีน้ำตาลตกตะลึงไปชั่วครู่ก่อนจะรู้ตัวว่าตนเองฝันไป จึงรีบล้มตัวลงนอนต่อในทันที มายุไม่เข้าใจตนเองเลยว่าทำไมเธอถึงฝันเรื่องเช่นนี้ได้ โดยที่เพิ่งถูกอีกฝ่ายปฏิเสธออกมาหยกๆ  และพยายามข่มตาหลับแต่ก็มิอาจทำได้แล้ว เธอเพียงพลิกตัวไปมาอย่างร้อนรนนัก จิตใจของเธอมันว้าวุ่นเสียยิ่งกว่าอะไรดี ดวงตาสีน้ำตาลค่อยเหลือบดูชายหนุ่ม ที่กำลังนอนพัก ก่อนร่างบางจะนึกขึ้นได้ว่าถึงเวลาที่จะต้องนำยาสมุนไพรมาให้อีกฝ่ายหนึ่งรับประทานแล้ว จึงลุกขึ้นไปเตรียมข้าวของในทันที แต่ทำไมหัวใจของเธอมันถึงเต้นโครมครามเช่นนี้ และไม่ค่อยรู้สึกโศกเศร้าเหมือนตอนแรกแล้ว คงเพราะเธอได้นอนพักบ้างแม้จะฝันถึงเรื่องราวที่แปลกประหลาดก็เถอะ

                    “ท่านไดกิคะ ทานยาค่ะ”เธอกล่าวสั้นๆ และส่งถ้วยยาให้เขา ชายหนุ่มรับมาก่อนจะดื่มเข้าไปจนหมดถ้วยไนเวลาไม่นานนัก ก่อนมายุจะค่อยๆทายาที่แผลของอีกฝ่ายหนึ่ง 

                    “ขอบคุณ ที่เจ้าคอยดูแลข้าเช่นนี้”เขากล่าวออกมาเพื่อขอบคุณที่เธอดูแลเขา

                    “ค่ะ”ร่างบางหยิบถาดยาไปเก็บ และทำความสะอาดให้เรียบร้อยและพยายามทำตัวให้เป็นปกติ

                   "เจ้าฝันร้ายรึ จู่ๆก็สะดุ้งตื่นเช่นนั้น"ไดกิถามออกมา ด้วยสีหน้าที่เรียบเฉยก่อนจะมองไปทางอื่น มายุชะงักไปชั่วครู่

                   ท่านไดกิอย่าทำตัวมีพิรุธสิ ฉันยิ่งสับสนอยู่ว่ามันเรื่องจริงหรือเปล่า แต่คงไม่หรอกมั้ง...อย่าหวาดระแวงไปเองสิ

                   "ค...ค่ะ"มายุตอบอย่างตะกุกตะกัก ถ้าหากอีกฝ่ายรู้ว่าเธอฝันว่าอะไร คงถูกไล่ออกไปจากที่นี่เป็นแน่ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกอึดอัดเช่นนี้ และไม่รู้จะแก้ปัญหาอย่างไรดี แต่จู่ๆไดกิก็วางมือบนหน้าผากของเธอ หญิงสาวมีสายตาที่ดูแปลกใจกับสิ่งที่เขาทำนัก

    "เจ้าเองก็ไม่ค่อยสบาย... ข้าจะให้เจ้ากลับไปพักที่คฤหาสน์ก่อนดีกว่า ให้การาสุเทนกุตนอื่นที่ยังอยู่ที่นี่รักษาข้าไปก่อน ส่วนเจ้าจงกลับไปพร้อมกับทาโร่กับคาบูโตะ"มายุมองหน้าอีกฝ่ายอย่างประหลาดใจ แต่ในที่สุดเธอก็เพียงหันหลังกลับเท่านั้น

    "ค่ะ ท่านไดกิ"มายุลงมือเก็บข้าวเก็บของและเดินออกจากเพิงในทันที เหลือเพียงเขาที่ยังอยู่ที่ตรงนี้เท่านั้น ก่อนไดกิจะนั่งลงและมีสีหน้าเคร่งเครียดนัก 

                    ข้ารู้สึกกับเจ้าอย่างไรกัน ทั้งๆที่ข้าไม่ต้องสนใจความรู้สึกของเจ้าก็ได้ แต่ทำไมกันข้าถึงรู้สึกผิดเช่นนี้  ข้ามิเข้าใจตนเองเสียจริง ทั้งๆที่ข้าเกลียดมนุษย์และนางคือมิวะ ที่ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ไม่อาจรักนางได้ แต่ทำไมวันนี้ ข้ากลับนึกโทษตัวเองอยู่อย่างนี้ ทำไมเห็นนางโศกเศร้าแล้วข้าก็พลอยเศร้าสลดใจไปด้วย ข้าจะทำเช่นไรดี

                   

    มายุเดินทางกลับไปที่คฤหาสน์พร้อมกับการาสุเทนกุทั้งสองในทันที ทั้งสามเดินไปตามทางเพราะมายุไม่มีทางยอมให้ปิศาจทั้งสองอุ้มเธอไปอย่างแน่นอน ส่วนอีกฝ่ายก็ได้รับคำสั่งให้พามายุกลับไปด้วยกัน เมื่อเป็นเช่นนั้นก็กลายเป็นทั้งสามต้องเดินไปตามทางที่ทอดยาวท่ามกลางทุ่งหิมะที่ทำให้ทุกอย่างเป็นสีขาวโพลนไปหมด ไม่นานนักอากาเนะก็รีบปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้าของเธอด้วยความเป็นห่วง

    "ท่านมายุ เป็นเช่นไรบ้างเจ้าคะ"หญิงในชุดเฮอันจับมือทั้งสองข้างที่เย็นเฉียบไว้แน่นด้วยความเป็นห่วง ยิ่งเห็นมายุหน้าซีดและไม่สบายนักก็ยิ่งเป็นห่วงได้อย่างชัดเจน

    "ดิฉันไม่เป็นอะไรค่ะ"เธอตอบในทันที 

    "ไม่เป็นไรยังไงเจ้าคะ ท่านมายุตัวร้อนจะแย่แล้วเจ้าค่ะ"อากาเนะดูจะร้อนรน

    "ดิฉันไม่เป็นไรจริงๆค่ะ...แค่เมื่อวานดิฉันคุยกับท่านไดกิแล้วค่ะ แล้วท่านไดกิก็ปฏิเสธดิฉันเรียบร้อยแล้วค่ะ คุณอากาเนะ"มายุกล่าวออกมาด้วยเสียงที่เลื่อนลอย หากเธอสนใจความรู้สึกตนเองในตอนนี้ คงไม่พ้นร้องไห้ออกมาอีกรอบแน่นอน การาสุเทนกุทั้งสามเงียบลงเมื่อได้ฟัง

    "ดิฉันอาจจะกลับแล้วล่ะค่ะ ดิฉันกลับไปเป็นลูกศิษย์ของท่านไดกิเหมือนเดิมไม่ได้แล้วค่ะ...พวกเรามองหน้ากันไม่ติดแล้วค่ะ"มายุคลี่ยิ้มออกมาเพื่อให้อีกฝ่ายสบายใจขึ้นนิดหน่อยก็ยังดี เธอไม่อยากให้ใครมาทำหน้าเคร่งเครียดใส่เธอนัก เพราะมายุเป็นแค่มนุษย์เท่านั้นและจะเป็นเพียงมนุษย์ที่เคยอยู่ที่นี่แล้ว

    "ไม่เอาสิคะ ท่านมายุ ท่านลองคุยกับท่านไดกิก่อนเถอะค่ะ แล้วท่านมายุจะออกไปอย่างไรมีคนรอทำร้ายท่านมายุอยู่นะคะ"

    "ดิฉันไม่สนแล้วล่ะค่ะ ถึงตอนนั้นฉันก็ตายแค่นั้นแหละค่ะ ดิฉันทำทุกสิ่งทุกอย่างสำเร็จแล้ว ในโลกมนุษย์ มีคนรับไม้ต่อที่จะเล่นงานพวกเคสุเกะแล้วก็คือพวกอัยการ ตอนนี้ดิฉันเองก็สงสัยว่าจะอยู่ที่นี่ไปทำไม เมื่อมองหน้าท่านไดกิไม่ติดแล้วก็ออกไปดีกว่า ดิฉันสบายใจกว่าค่ะ"ร่างบางเดินไปตามทางอย่างไร้อารมณ์ความรู้สึกใดๆ โดยมีการาสุเทนกุอีกสามตนตามไปไม่ห่าง

    "อย่างน้อย...กลับไปที่คฤหาสน์ก่อนเถอะค่ะ ไปพักก่อนนะเจ้าคะ แล้วค่อยตัดสินใจอีกที"อากาเนะจูงมือมายุไปตามทาง 


    หลายวันต่อมามายุที่อาการดีขึ้นมากแล้วจึงลงมาเดินเล่นที่ลานหน้าคฤหาสน์ ตอนนี้ชายหนุ่มยังไม่กลับมา ที่คฤหาสน์แห่งนี้เขาอาจจะใช้เวลาอีกสักวันสองวัน จึงจะเรียกได้ว่าตอนนี้เธอว่างและไม่มีหน้าที่ใดๆแล้ว จากวันนั้นมายุก็ค่อยดูดีขึ้นมาหน่อย  ร่างบางมองดูปุยหิมะสีขาวบนพื้น ดูเป็นสีขาวสะอาดตายิ่งนัก และเมื่อยามฤดูหนาวเช่นนี้มาเยือน เธอมักจะนึกถึงเพื่อนของเธอเสมอเมื่อเห็นหิมะ นั่นคือยูกิ นั่นเอง แม้ว่ายูกิจะดูเป็นคนเย็นชาเหมือนหิมะก็ตาม แต่เธอกลับกล้าหาญและเข้มแข็งมากนัก เหมาะกับคำพ้องเสียงว่ายูกิพอดี นับว่าเป็นคนที่เหมาะกับหิมะมากที่สุดเท่าที่เธอเคยเห็นมา

    ยูกิ ฉันคิดถึงแกจัง ถ้าแกรู้ว่าฉันมีปัญหาเรื่องความรัก แกคงจะบ่นฉันแน่ๆเลยมายุพูดขึ้นมาลอยๆด้วยความเหน็ดเหนื่อย

    "เขาไม่รักฉันเลยยูกิ ทั้งหมดนั้นฉันคิดไปเองว่าเราสนิทกันมากกว่าใครๆ เขาดูเปิดใจให้ฉัน จนฉันแอบคิดเข้าข้างตัวเองไป"ดวงตาสีน้ำตาลสะท้อนเกล็ดน้ำแข็งที่ตกมาจากฟากฟ้า  ก่อนจะได้ยินเสียงคนพูดขึ้นจากทางด้านหลัง เป็นเสียงของหญิงสาวแต่เธอไม่คุ้นเคยว่าเสียงนั้นจะเป็นของคนที่เธอรู้จัก

    สาวงามอย่างเจ้ายังต้องกังวลกับความรักด้วยหรอ?”มายุหันขวับไปมองก่อนจะพบกับร่างงาม ยืนอยู่ด้านหลังเธอตั้งแต่เมื่อไหร่หรือมาจากไหนก็ไม่รู้และอยู่กลางลานกว้างหน้าคฤหาสน์ด้วย แต่ที่สะกดหญิงชาวมนุษย์ไว้ได้คือใบหน้าที่แสนงดงามเกินกว่าจะหาสิ่งใดมาเปรียบ ร่างงามสวมชุดโบราณที่ดูพริ้วไหวไปตามแรงลมนั้น งดงามไม่มีที่ติประดุจเทพธิดา จนมายุถึงกับยืนนิ่งไป จนอีกฝ่ายเป็นคนที่ทักเธอขึ้น

    "เจ้ามีนามว่ามายุใช่หรือไม่"หญิงเบื้องหน้าถามขึ้น

    "ค่ะ ดิฉันคือมายุค่ะ"มายุตอบออกมาในทันที อีกฝ่ายยิ้มออกมาเมื่อได้ฟัง แน่นอนว่ามนุษย์ที่เห็นความงามของนางต้องตกอยู่ในมนต์สะกดทุกคน รวมถึงหญิงสาวตรงหน้าด้วย

    "ข้าคือเทพีแห่งความงาม นามเบนไซเทน เป็นหนึ่งในเทพแห่งโชคลาภทั้งแปด ข้าอยากมาพบเจ้าเหลือเกิน เจ้าช่างน่าสงสารยิ่งนัก โดยเฉพาะเทนกุตนนั้นไม่รักเจ้าเลยแม้แต่น้อย"

    "ค่ะ ท่านเบนไซเทน เขาไม่รักดิฉันเลย..."มายุมีสีหน้าเศร้าสลดลงเมื่อนึกถึงเขา

    "อย่าเศร้าไป หญิงสาวเวลาร้องไห้ มันชวนหดหู่และไม่งดงาม"เบนไซเทนยกมือขึ้นมาปาดน้ำตาของอีกฝ่าย และยิ้มออกมาด้วยใบหน้าที่อ่อนโยน

    "มายุ ถ้าเช่นนั้นข้ามีเรื่องอยากจะถามไถ่เจ้า ข้าช่วยเจ้าได้นะ ให้เทนกุผู้นั้นยอมแสดงความรักที่มีต่อเจ้าออกมา จงตามข้ามาเถิด"มายุพยักหน้ารับและเดินตามไปอย่างว่าง่ายไปตามทางเรื่อยๆจนเข้าป่าไปในที่สุด


    ทางด้านชายหนุ่มเองก็ยังคงนอนพักรักษาตัวอยู่ในห้องนอนใหญ่ของคฤหาสน์ เขาแอบกลับมาที่นี่เมื่อกลางดึกเพราะอยากจะหลีกเลี่ยงการพบหน้ากันของอีกฝ่าย ไดกิไม่รู้จะทำเช่นไร ทำไมเขาถึงลืมบทสนทนาที่ควรกล่าวกับเธอไปทั้งหมดทั้งมวล จนต้องมายั่งพักรักษาอยู่อย่างเงียบๆในห้อง จนกระทั่งอากาเนะได้นำยามาให้นายท่านของตนและมองไปรอบๆอย่างฉงน

    "ท่านมายุไม่ได้อยู่ที่นี่หรือเจ้าคะ"อากาเนะสงสัยเพราะเธอไม่เห็นอีกฝ่ายมาสักพักแล้ว ไดกิที่ได้ฟังก็ค่อยๆยันตัวลุก จนอีกฝ่ายต้องเข้ามาห้ามไว้

    "ท่านไดกิพักก่อนเถอะค่ะ ท่านมายุคงอยู่แถวนี้แหละค่ะ"อากาเนะกล่าว

    "ไม่...ให้ข้าไปหานาง ข้ารู้สึกว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากลนัก"ชายหนุ่มยันตัวลุกขึ้นและเดินไปตามทางเดินที่ทอดยาว เขาร้องเรียกร่างบางแต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับกลับมาแต่อย่างใดจนกระทั่งไดกิเริ่มกระวนกระวายอย่างเห็นได้ชัด เขามิรู้จะทำเช่นไรดี มายุได้หายไปแล้ว โดยที่เขาไม่อาจรู้เลยว่านางหายไปนานหรือยังหรือหายไปที่ไหน มีใครพาตัวเธอไปหรือเพียงอยากจะออกไปจากที่นี่ ชายหนุ่มเริ่มวิ่งไปตามทางเดินอย่างร้อนรน

    "มายุ เจ้าอยู่ไหน!!"

    "มายุ ถ้าได้ยินที่ข้าเรียกก็ตอบข้าที"ไดกิมองหาโดยรอบคฤหาสน์ก่อนจะวิ่งออกไปด้านนอกทั้งๆที่ตนเองก็สวมเพียงชุดยูกาตะที่ไม่สามารถกันความหนาวได้เลยแม้แต่น้อย

    "ท่านไดกิเจ้าคะ กลับไปพักเถิดเจ้าค่ะ เดี๋ยวให้ข้า ให้คาบูโตะ ออกไปตามก็ได้เจ้าค่ะ"อากาเนะรีบวิ่งตามมาติดๆในทันที

    "ไม่ได้!! ข้าเป็นต้นเหตุ ถ้านางหายไปก็หายไปเพราะข้า ข้าจะออกไปตามหานาง"ชายหนุ่มรีบวิ่งออกไปในทันที เขาวิ่งผ่านลานกว้างด้านหน้าคฤหาสน์ เหลียวซ้ายแลขวาก็ยังไม่เห็นมายุแต่อย่างใดจนรู้สึกวิตกกังวลเป็นอย่างมาก เขาไม่น่าปล่อยให้มายุอยู่คนเดียวเลย ไดกิรีบตรงไปยังกระท่อมไม้ของเหล่าการาสุเทนกุด้วยความร้อนรน เหล่าการาสุเทนกุที่เห็นไดกิวิ่งมาก็รีบคำนับในทันที

    "ท่านไดกิมีปัญหาอะไรรึขอรับ"

    "เจ้าเห็นมนุษย์ ที่ชอบอยู่ใกล้ข้าหรือไม่ เจ้าเห็นหรือไม่ว่านางไปทางไหน"ไดกิถามออกมา  อีกฝ่ายที่ได้ฟังก็สามารถตอบได้ในทันที เพราะในที่นี้มีมนุษย์อยู่เพียงคนเดียว

    "ข้าเห็นนางเดินเข้าไปในป่า คนเดียวขอรับ"

    "คนเดียว?"เขาครุ่นคิดและไม่เข้าใจว่าทำไมมายุถึงเดินไปที่นั่นคนเดียว ก่อนจะขอบคุณการาสุเทนกุเบื้องหน้าและรีบวิ่งไปตามทางอย่างรวดเร็ว


    มายุเดินตามเทพีแห่งความงามไปเรื่อยๆ จนเข้าไปในป่าลึกท่านกลางฤดูหนาวที่เต็มไปด้วยทุ่งหิมะ มายุทิ้งรอยเท้าเอาไว้ตามทาง ก่อนร่างบางจะมาหยุดอยู่ที่ริมลำธารที่ทอดยาวที่ดูไม่คุ้นตา เมื่อเบนไซเทนปรบมือหนึ่งทีมายุถึงจะรู้สึกตัวและพบว่าตนเองนั้นอยู่ที่แห่งไหนในป่าก็ไม่อาจทราบได้ ร่างบางหันซ้ายหันขวาอย่างหวาดกลัวโดยเฉพาะหญิงงามที่ยืนอยู่เบื้องหน้าของเธอ

    "ท่านเบนไซเทนคะ พาดิฉันมาที่นี่ทำไมคะ"มายุรีบกล่าวออกมา

    "ข้าจะช่วยให้ความรักของเจ้าสมหวัง อีกนัยหนึ่ง...ข้าจะต้องทรมาณเทนกุตนนั้นที่หาเจ้าไม่พบ"เทพีแห่งความงามยิ้มออกมาอย่างอ่อนหวาน แต่ก็ไม่ทำให้มายุสบายใจขึ้นนัก

    "ทำไมท่านต้องทำเช่นนี้คะ"

    "เซริวขอให้ข้าทำ ข้าคิดหนักอยู่เช่นกันว่าปิศาจเทนกุจะมีจุดอ่อนอยู่ที่ไหนบ้างจนมาพบกับเจ้า หากเจ้าไม่พอใจก็จงไปต่อว่าเซริวเถิด"เบนไซเทนกล่าวออกมา หญิงสาวยิ่งมีสีหน้าที่หวาดระแวงมากกว่าเดิมหากเป็นเช่นนี้แล้วเธอคงกลายเป็นตัวล่ออย่างแน่นอน

    "ดิฉันหรือคะเป็นจุดอ่อนของท่านไดกิ ท่านเบนไซเทนคงจะคาดหวังในตัวดิฉันสูงไปกระมัง"เธอกล่าวออกมา

    "ไม่หรอก ข้าดูไม่ผิดเลยแม้แต่น้อย ข้ารับรู้ชีวิตของเจ้าผ่านปอยผมที่ถูกตัดออกมา ข้ามองเห็นไปถึงจิตวิญญาณของเจ้า ความคิดของเจ้า การรับรู้ของเจ้า ข้ารับรู้เรื่องราวของเจ้ากับเทนกุตนนั้นแล้ว รวมถึงจุมพิตยามเจ้านิทราด้วย"

    "ห๊ะ!!!!"มายุเอามือปิดปากตนเอง เธอนึกว่านั่นคือความฝันเสียอีก ใบหน้าของเธอแดงแป๊ดประดุจลูกตำลึงก็มิปาน

    "เจ้าอาจมิรู้ตัว แต่ไดกิลบความทรงจำของเจ้าออกไป เพราะเขาไม่อยากให้เจ้ารับรู้ว่าเขารู้สึกเช่นไรกับเจ้า"เทพีแห่งความงามกล่าวออกมา

    ฉันน่าจะเชื่อท่านไดกิตั้งแต่แรก ไม่น่าเอาปอยผมไปให้เซริวเลย แล้วดูสิ ตอนนี้ท่านเบนไซเทนรู้ทุกสิ่งทุกอย่างหมดแล้ว ช่างน่าอายเหลือเกิน

    "แ...แต่ว่า ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ทำไมท่านไดกิต้องไม่ให้ดิฉันรู้ด้วยล่ะคะว่าเขารู้สึกอย่างไรกับดิฉัน"มายุถามออกมาด้วยความร้อนรน

    "เพราะว่าเจ้าชอบทิ้งเขาเอาไว้เบื้องหลัง เจ้าชอบเก็บงำความรู้สึกตนเองมาตั้งไหนแต่ไรแล้ว เจ้าน่าจะรู้ดีนะ เทนกุตนนั้นพยายามจะบอกเจ้าอยู่เสมอว่าเขาพบเจออะไรมา เขาเคยบอกเจ้าว่า 'ข้ากังวลว่าหากไม่ถามเจ้าก่อนว่าเจ้ารู้สึกอย่างไร แล้วข้าจะต้องมานั่งเสียใจภายหลัง' หรือ 'ข้าไม่รู้ว่าเขาคิดเห็นอย่างไร เมื่อข้าถามเขาก็มักจะบอกว่าดีไปเสียหมด...สุดท้ายก็มีข้าเองที่คิดไปเช่นนั้นคนเดียว' ไม่รู้ว่าเจ้าจะยังจำได้หรือไม่ แต่นั่นบอกได้ว่า เพราะว่าเจ้าในชาติที่แล้วไม่ยอมพูดความจริงกับเขาอย่างไรล่ะ เจ้ารักเขาแต่ไม่เคยบอกเขาตรงๆเลย จนเขาคิดว่าเจ้าไม่ได้รักเขา จนเขาตัดใจไปในที่สุด ถึงวันนี้เจ้ากลับมาและบอกรักเขา เทนกุตนนั้นต้องหนักใจเป็นธรรมดาอยู่แล้ว แม้เจ้าจะบอกว่าหญิงผู้นั้นไม่ใช่เจ้า แต่สุดท้ายเจ้าก็เป็นวิญญาณดวงเดียวกัน ปิศาจและเทพอย่างเราที่มีชีวิตยาวนานก็เห็นว่าเจ้าคือคนๆเดียวกัน"มายุนิ่งฟังไป

    "ดิฉันต้องทำยังไงคะ ดิฉันต้องชดใช้อย่างไร เขาถึงจะพอใจ"มายุกำหมัดแน่น

    "ไม่ต้องชดใช้อะไรทั้งนั้น เจ้าขอโทษไปแล้วตอนนี้มันเป็นเพียงสิ่งเดียวที่เจ้าทำได้ แต่เพราะเทนกุตนนั้นช่างปากแข็งเสียเหลือเกิน นี่จึงเป็นหน้าที่ของข้าทำให้เขาพูดออกมาให้ได้"

    "แล้วท่านจะทำอย่างไรคะ"มายุถามอีกฝ่าย ก่อนทั้งสองจะได้ยินเสียงหนึ่งที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ มายุหันกลับไปมองทางต้นเสียงนั้น ก่อนจะหันกลับมามองเทพีแห่งความงาม แต่ก็ต้องตกตะลึงกับรอยยิ้มที่ดูเต็มไปด้วยเลศนัย 

    "เวลาที่จะต้องทรมาณเขามาถึงแล้วล่ะ ข้าดีใจที่ได้พูดคุยกับเจ้านะ ข้าสัญญาว่าจะช่วยเจ้าแน่นอน แต่ตอนนี้เจ้าต้องหลับไปก่อน"เมื่อสิ้นเสียงของร่างงาม หญิงสาวก็เข้าสู่ห้วงนิทราในทันที ก่อนจะถูกอีกฝ่ายอุ่มเอาไว้ เธอมีรอยยิ้มที่อ่อนหวานแต่กลับดูน่ากลัวในเวลาเดียวกัน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×