คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #19 : วิชามาร
หญิงสาววิ่งลงมากลางสนามรบที่กำลังเกิดการปะทะกันที่เป็นลานดินกว้างราบเรียบอยู่กลางป่าไม้หนาทึบ ในยามฤดูหนาวมาเยือน พอดีกับเห็นการาสุเทนกุตนหนึ่งในชุดเกราะที่ได้รับบาดเจ็บ เพราะจำนวนของตนนั้นน้อยกว่า มายุรีบพุ่งเข้าไปหาอีกฝ่ายในทันทีอย่างรวดเร็ว เพราะหากปล่อยให้เขาตายลงต่อหน้า เธอคงรู้สึกผิดอย่างมาก ร่างนั้นล้มลงกับพื้นด้วยความเจ็บปวด ชั่ววินาทีที่ทวนใหญ่กำลังฟาดฟันลงมา มายุใช้ดาบไม้รับตรงปลายด้ามทวนพอดิบพอดี ไม่งั้นหากรับตรงใบดาบล่ะก็ดาบไม้ของเธอคงถูกฝ่าครึ่งเป็นท่อนฟืนแน่นอน แม้ว่าเธอจะคิดได้ว่าคมดาบอยู่ที่ใจ แต่กลับไม่มั่นใจกับความคิดนี้เสียเลย ไม่ว่ายังไงจะให้มั่นใจและเชื่อมั่นว่าดาบไม้เคนโด้เบื้องหน้าเธอจะเป็นดาบปราบปิศาจที่แหลมคมและทรงพลังได้นั้น มันดูจะไม่มีทางเป็นไปได้อย่างแน่นอน
ตอนนี้ฉันต้องเชื่อในสิ่งที่ตัวเองมีแล้วล่ะ เชื่อสิว่าฉันจะเชื่อใจดาบเล่มนี้ได้ ฉันต้องเชื่อ....
“ออกไป ถ้าไม่อยากตาย!!!”เธอรีบกล่าวขึ้นเมื่อนึกได้เช่นนั้นตอนนี้เธอจะหันหลังกลับไปไม่ได้แล้ว ด้วยใบหน้าที่ไร้ความหวาดกลัว และดวงตาที่เต็มไปด้วยความแน่วแน่
ฉันต้องเชื่อว่าฉันจะช่วยท่านไดกิได้ ฉันจะช่วยเขาทุกสิ่งทุกอย่าง เพราะเขาเคยช่วยชีวิตฉันเอาไว้หลายครั้งแล้ว ฉันมั่นใจว่าฉันจะทำตามอย่างที่ฉันสัญญาไว้กับตัวเองให้ได้ ฉันไม่ลังเลแล้วว่ายังไงก็จะออกไปช่วยท่านไดกิให้ได้ ฉันไม่เชื่อมั่นในดาบไม้เคนโด้เล่มนี้ แต่ฉันเชื่อ...ว่าตัวฉันเอง...ต่อให้ไม่มีดาบไม้เล่มนี้ก็จะต้องทำให้ท่านไดกิรอดกลับไปได้อย่างปลอดภัย
ก่อนดาบไม้เล่มนั้นจะเปลี่ยนรูปร่างเป็นดาบเก่าเล่มหนึ่ง ต่อหน้าต่อตาของเธอ มายุไม่รอช้าชักดาบออกมา อย่างไม่เกรงกลัวคนตรงหน้า
“ดาบคามินาริ!! อย่างที่เทพเซริวบอกจริงๆด้วย”มายุกล่าวและมีสีหน้าประหลาดใจนัก
ก่อนจะชี้ปลายดาบไปที่อีกฝ่ายหนึ่งในทันที
“ถ้าอยากเจ็บตัวนักก็เข้ามา”ปิศาจทั้งหลายเพียงแค่ได้ยินคำว่าคามินาริก็ถึงกับวิ่งหนีกันวุ่น มายุมีสีหน้าแปลกใจที่ปิศาจตนอื่นๆ ขยาดหวาดกลัวดาบเล่มนี้ถึงเพียงนี้ ไม่เห็นเหมือนกับไดกิที่ดูไม่เกรงกลัวเลย นี่คงเป็นบททดสอบที่มังกรฟ้าให้เธอมาแน่นอน
ปิศาจขี้กลัวกันขนาดนี้เลยหรอ ก็ดี...จะได้พูดง่ายๆหน่อย
มายุเก็บดาบเข้าฝักและค่อยๆ ประคองร่างนั้นไปด้านหลังของสนามรบ โลหิตสีแดงฉานไหลรินจากบาดแผลที่ลำตัว มายุมองอีกฝ่ายด้วยความเป็นห่วงนัก
“เจ้ามนุษย์นี่เอง ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้”ร่างนั้นถามขึ้น
“มาช่วยท่านไดกิค่ะ”เธอกล่าวสั้นๆ
“ใจกล้ายิ่งนัก ข้านับถือเจ้าจริงๆ”ร่างนั้นค่อยๆเซและนั่งลงกับพื้น พอดีกับ การาสุเทนกุที่มีหน้าที่เป็นแพทย์สนามนั้นจึงวิ่งมาช่วยประคองไป มายุเห็นร่างหลายร่างนอนร้องโอดโอยก็รู้สึกกลัวขึ้นมา นี่คือสงครามจริงๆสินะก่อนเธอจะหันไปถามการาสุเทนกุที่เธอช่วยเอาไว้
“ดิฉันขอหมวกเกราะ ได้ไหมคะ?”
“เอาไปสิ”ร่างนั้นถอดออกมาให้เธอ ก่อนจะกล่าวต่อ
“ไปช่วยท่านไดกิให้จงได้”
“ค่ะ”หญิงสาวรีบสวมหมวกเกราะอย่างรวดเร็ว เพราะไม่อยากเปิดเผยตัวออกไปว่าเป็นมนุษย์ เช่นนั้นเธอคงจะลำบากเสียเองหากถูกอีกฝ่ายจับได้ มายุไม่มีเวลามากนักเธอจึงลงมือวิ่งไปในสนามรบ และตามหาอีกฝ่ายให้พบ ให้เร็วที่สุด และไม่ลืมที่จะหยิบคันศรเงินและคันธนูไปด้วย เผื่อจะต้องใช้ และวิ่งหายเข้าไปในฝูงชนที่กำลังต่อสู้กันอย่างชุลมุน
ร่างของทั้งสามผู้สวมชุดเกราะนักรบนั้นยืนอยู่เบื้องหน้าชายหนุ่ม ที่เขามีอาการอ่อนแรงลงอย่างมาก ร่างของทั้งสามยืนอยู่เบื้องหน้าของเขาอย่างเย้ยหยันนัก ชายผู้เป็นเจ้าของดวงตาสีเหลืองอร่ามในชุดเกราะสีดำยิ้มออกมา ก่อนจะเข้ามาโจมตีอีกฝ่ายตรงๆ ปิศาจเทนกุเรียกพลังแห่งวายุต้านพลังของอีกฝ่ายไว้ จนเหมือนทั้งสองใช้พลังกันอย่างมาก แต่ฝ่ายที่เริ่มเซถอยหลังไปคือเจ้าของปีกสีดำ
“อะไรกัน ไดกิ!!!
ไหนล่ะความโอ้อวด หยิ่งในศักดิ์ศรีของตนในตอนแรก มันหายไปไหนหมด!!!”คุโระเฮียวกล่าวออกมา แต่อีกฝ่ายกลับไม่ตอบสิ่งใด และยังคงใช้พลังที่ตนเหลือต้านไว้อยู่อย่างนั้น
“ถ้ารักษาไม่ดีพลังของเจ้าจะหมดลงไปเรื่อยๆ แค่ยื้อไว้
เราก็จะชนะแล้วขอรับ”คุโระโทะริกล่าวขึ้น ดวงตาและเส้นผมสีดำยาวจ้อง มีปีกสีดำขนาดใหญ่ด้านหลัง แต่ขาเหมือนกับขาของนก ทำให้ดูแตกต่างไปจากไดกินัก กล่าวขึ้น
ก่อนคุโระเฮะบิจะรีบพุ่งตรงมาด้วยใบดาบอาบยาพิษ ใส่ด้านข้าง
ไดกิที่รอจังหวะนี้จึงรีบเบี่ยงตัวหลบ และถอยไปด้านข้าง เพื่อหลบใบดาบนั้น ก่อนจะถูกพลังของเฮียวคุโระชนเข้าจนถอยไปไกล จนเขาล้มลงไปคุกเข่า หอบหายใจหนัก และไอออกมาเพราะแรงกระแทกนั้น ชายหนุ่มลุกขึ้นด้วยขาที่สั่นเทา ก่อนจะจับดาบให้มั่นอีกครั้งหนึ่ง
“เจ้าจะแพ้เสียแล้วรึ มันยังเร็วไปไหม ไดกิ”อีกฝ่ายหัวเราะออกมา
“พวกเจ้านี่… แม้ข้าจะไม่เหลือพลัง ข้าก็ต้องชนะพวกเจ้าให้ได้!!!!”คราวนี้ไดกิตรงเข้าฟาดฟันอีกฝ่าย คุโระโทะระออกมาขวางเขาไว้ ก่อนทั้งสองจะสู้กัน ไดกิฟาดฟันอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว อีกฝ่ายตั้งรับและสวนกลับโดยการใช้มีดแทงกลับ ไดกิเบี่ยงตัวหลบและหมุนตัวก่อนจะฟาดฟันดาบลงมาอีกครั้งด้วยแรงและกำลังทั้งหมด กระทั่งใบดาบอีกฝ่ายที่ตั้งรับหันหักกระเด็นไปไกล ใบมีดเฉือนเข้าที่แขนของคุโระโทะระจนขาดสะบั้น
“อ๊ากก!!”เจ้าของร่างนั้นร้องลั่นออกมาด้วยความเจ็บปวด
“เจ้ามันไร้ค่าเสียจริง”คุโระเฮียวว่ากล่าวอีกฝ่าย และไล่เขากลับไปเสีย ฉับพลันคุโระเฮะบิก็เข้ามาโจมตีต่อในทันที พร้อมกับสัตว์เทพเสือดำคุโระเฮียว ทั้งสองกระหน่ำเข้ามาโจมตี ไดกิรับใบดาบอย่างแม่นยำและสู้กลับไป ดาบดาบตวัดเข้าที่คุโระเฮียวแต่เขาเองก็เอี้ยวหลบได้ เมื่อไดกิเปิดช่องว่างเขาจึงแทงอีกฝ่ายกลับไปในทันที ฝ่ามือใหญ่จับใบมีดที่ชี้อยู่ที่อกของเขาทันพอดี แต่ก็ออกแรงยื้อยุดกันจนเลือดสีแดงสดไหลออกมาจนหยดลงพื้น พอดีกับที่ปิศาจงูเข้ามาใช้ดาบฟันเขาจากด้านหลัง พร้อมกับแผลที่เป็นทางยาวอย่างน่าหวาดกลัวเลือดสีแดงไหลทะลักออกมาจากบาดแผล คุโระเฮียวเองก็ออกแรงกดใบมีดลง และ ก่อนเทนกุหนุ่มจะลงนั่งคุกเข่าที่พื้น ด้วยมืออันสั่นเทาพร้อมด้วยพิษที่แล่นเข้าสู่ร่างกาย
“มันแพ้แล้วล่ะ ตัดคอมันเสีย”คุโระเฮียวสั่ง
“ขอรับ”
กล่าวจบ ฉันพลันลูกศรเงิน ก็พุ่งเข้าใส่ใบหน้าของเฮียวคุโระ เขาหันมาจับลูกศรนั้นอย่างแม่นยำ เมื่อนั้นชายหนุ่มจึง รีบผละออกจากอีกฝ่าย และกลับไปตั้งหลัก
“ลูกศรนี้…”คุโระเฮียวกับคุโระเฮะบิดูประหลาดใจนัก พร้อมกับร่างหนึ่งที่สวมชุดเกราะรีบวิ่งเข้ามาขวางทั้งสองกับไดกิเอาไว้ ใบหน้าของที่ถูกปกปิดด้วยหน้ากากของการาสุเทนกุนั้น ไดกิถึงกับรีบลุกขึ้นมาอย่างประหลาดใจ
“มายุ?!!”เขารู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายคือใคร
“อ๋อ มนุษย์คนนั้นน่ะเอง ข้านึกว่าเจ้าเป็นผู้ชายเสียอีกที่เจ้าตัดผมเช่นนี้”คุโระเฮะบิหัวเราะร่าออกมา เมื่อเห็นผมประบ่าที่ถูกมัดรวบไว้ ที่ดูเหมือนผมของบุรุษเมื่หลายร้อยปีก่อน
“เจ้านั่นเอง…มาที่นี่อยากถูกเจ้าคุโระเฮะบิจูบอีกรึ?”เขาหัวเราะร่า ส่วนไดกิที่ได้ฟังก็ได้แต่เพียงหันมามองเธอ
“ท่านไดกิ อยู่ด้านหลังไปนั่นแหละค่ะ”เธอกล่าวโดยไม่หันกลับมามองเขา
“อะไรของเจ้า!! นี่ไม่ใช่ธุระของเจ้ามายุ กลับไปเสีย”เขาตวาดออกมาแต่เสียงนั้นก็ไม่ทำให้เธอร้อนรนและว้าวุ่นใจแต่อย่างใด มายุคิดได้แล้วว่าเธอมาที่นี่ก็ไม่ได้จะมาต่อสู้กับอีกฝ่าย
“เป็นลูกศิษย์ก็ควรช่วยอาจารย์นะคะ”เธอกล่าว
“นี่เจ้ารับมนุษย์ผู้หญิงเป็นศิษย์รึ”ทั้งสองหัวเราะกันออกมา อย่างตลกขบขัน
“ถ้าเช่นนั้นช่วยบอกดิฉันได้ไหมคะ ว่าลูกศรเงิน ท่านได้มายังไง”มายุทิ้งลูกศรเงินกับธนูไปด้านหลัง ของเธอ
“ท่านไดกิใช้ธนูนี้เถอะค่ะ ระหว่างนั้นดิฉันจะไปคุยกับสองคนนั้นเอง”เธอหันมากระซิบ
“เจ้าบ้าไปแล้วรึ?”ชายหนุ่มตะคอกกลับมา แต่อีกฝ่ายเดินเข้าไปหาสองคนนั้นอย่างไม่เกรงกลัว
“ดาบเก่าๆอันนั้น จะทำอะไรพวกข้าได้กัน”คุโระเฮียวกล่าว แต่มายุเพียงยิ้มออกมาด้วยความใจเย็นเท่านั้น จนอีกฝ่ายรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เธอเพียงตั้งรับและรอสวนกลับหากอีกฝ่ายต้องการจะทำร้ายเธอ แม้ในใจของเธอกลับเต็มไปด้วยความกลัวยิ่งนัก แต่เธอต้องมีสมาธิไว้ และคอยย้ำกับตนเองในใจ
“ท่านลืมไปแล้วหรือ ว่าสิ่งนี้ท่านเฝ้าคอยตามหามานาน ท่านเรียกดาบนี้ว่าเป็นเพียงดาบเก่าๆได้อย่างไรกัน
ท่านจำไม่ได้หรือว่าเคยสั่งให้คุโระเฮะบิมาตามหาดาบเล่มนี้”เธอยิ้มออกมาอย่างยียวน มายุเริ่มการหลอกล่ออีกฝ่ายหนึ่ง
เป็นวิชามารที่ทนายอย่างเธอไม่ควรทำในศาลนัก
“น...นี่คือ!?...คามินาริ”ทั้งสองดูตกตะลึงนักเมื่อเห็นดาบนั้น หญิงสาวแสยะยิ้มออกมา เพียงอีกฝ่ายกล่าวชื่อคมดาบเล่มนั้นออกมา ปิศาจที่อยู่รอบข้างก็รีบถอยห่างออกไปในทันที
“นั่นสินะคะ
ตอนนี้มันยังอยู่ในฝัก หากท่านไม่อยากกลายเป็นฝุ่นผงเสียตรงนี้ ก็ถอยกลับไปเสีย
อย่าให้ดิฉันได้ชักดาบออกมาจากฝักเลย ไม่เช่นนั้นท่านทั้งสองจะได้สิ้นชื่อกันเสียตรงนี้แหละค่ะ”เธอกล่าวออกมาด้วยสายตาที่แน่วแน่ ไร้แววแห่งการโกหกแต่อย่างใด
ต้องทำให้แนบเนียนที่สุด
อย่าให้ถูกจับได้...คิดเสียว่าเรากำลังถือคามินาริอยู่จริงๆก็แล้วกัน
....ตอนนี้เรากำลังคือดาบคามินาริ ดาบคามินาริ...
“ไม่จริงน่า...ของแบบนั้นเจ้าเก็บไว้กับตนเองรึ? เจ้าบ้าไปแล้ว ไดกิ”คุโระเฮียวกล่าวออกมาและมองปิศาจเทนกุ
“เจ้าของดาบนี้คือดิฉันค่ะ
ช่วยหันมาพูดกับดิฉันดีกว่านะคะ หรือจะลองให้ดิฉันชักดาบออกมาตรงนี้เสียเลยก็ได้
แต่คุณคงไม่มีชีวิตอยู่ทันจะรู้คำตอบนะคะ”เธอกล่าวขึ้น แต่ก่อนจะกล่าวต่อ
มือเรียวบางจับฝักดาบไว้และทำท่าจะชักใบดาบออกมา และทำให้ร่างทั้งสองที่อยู่เบื้องหน้าชะงักไป
“ดิฉันพอมีความรู้เรื่องการต่อสู้บ้าง
แต่ไม่ถือกับเก่งหรอค่ะ แต่ดิฉันมีดาบนี้ ก็ไม่ต้องกลัวพวกท่านแล้ว”ริมฝีปากอวบอิ่มของเธอยิ้มเหยียดออกมาอย่างใจเย็นนัก
“ไม่จริงน่า เจ้าโกหก มันจะอยู่ที่เจ้าได้อย่างไร
อยู่ที่มนุษย์ผู้หญิงอย่างเจ้าเนี่ยนะ”คุโระเฮียวกล่าว
และหันไปมองผู้ที่ยืนอยู่ข้างๆตน
"ทำไมดิฉันจะครอบครองดาบไว้ไม่ได้...ในเมื่อท่านเซริวเอามาให้ดิฉันเอง เขาคงจะไม่อยากเก็บไว้เองกระมังเพราะเขาใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้ แต่สำหรับดิฉันแล้ว การใช้ดาบคามินาริเล่มนี้คงไม่เป็นปัญหาอะไร"มายุกล่าวออกมา ก่อนจะกล่าวต่อ
“คุโระเฮะบิเคยเห็นดาบนั้นแล้ว
บอกไปสิว่ามันเหมือนกับที่คุณเคยเห็นไหม”คุโระเฮียวถามขึ้น
ดวงตาสีน้ำตาลของร่างบางมองเขม็งไปยังอีกฝ่าย
ก่อนจะชายตาไปมองปิศาจรอบๆที่เริ่มมีสีหน้าหวาดกลัวนักจนล่าถอยไป คุโระเฮะบิเองก็ไม่เคยเห็นดาบคามินาริจริงๆ
เพียงเคยเห็นตอนที่ถูกผ้ากำมะหยี่พันเรียบร้อยแล้วเท่านั้น
ร่างบางที่เห็นอีกฝ่ายมีท่าทางไม่แน่ใจนักก็แสยะยิ้มออกมา
“อะไรกัน
อย่าบอกนะว่าคุณไม่เคยเห็นดาบคามินาริ น่าประหลาดใจจริงๆนะ เอ...ได้รับหน้าที่มา
แต่ดาบจริงๆยังไม่เคยเห็นเนี่ยนะ
ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมวันนั้นท่านไดกิถึงแย่งดาบคืนมาได้ง่ายๆ”มายุกล่าวออกมาเพื่อกดดันเขา
คุโระเฮียวเองก็มองอีกฝ่ายอย่างคาดคั้นคำตอบ
“ไม่ต้องมายั่วโมโหข้า!!!"
"อย่าร้อนตัวสิคะ..."
"....ข้าเคยเห็นดาบนั้น”ปิศาจงูรีบกล่าวออกมา นั้นเองก็ไม่ต้องการให้ตนเองดูแย่นักจึงกล่าวออกมาในทันควัน
“ใช่
นี่คือดาบคามินาริขอรับ”เขากล่าวออกมา ร่างบางยิ่งยิ้มเยาะนักกับคำตอบ
เมื่อนั้นเหล่าปิศาจรอบข้างก็ถึงกับวิ่งกันหางจุกตูดหนีไปในทันทีด้วยความหวาดกลัวดาบคามินาริในทันทีเมื่อได้ยินคำตอบ
“ใครใช้ให้พวกแกหนีวะ!!
กลับมานี่ เรายังมีโอกาสชนะ”คุโระเฮียวกล่าว แต่ไม่มีใครหยุดฟังเขาแล้ว จนชายในชุดเกราะสีดำถึงกับหน้าเสีย
“นี่คือผลของการปกครองคนด้วยความกลัวค่ะ เขาจะทิ้งท่านไปเมื่อมีบางอย่างที่น่ากลัวกว่าปรากฏตัวขึ้น”มายุกล่าวออกมา
เราจะพูดออกไปทำไมกันนะ นี่ไม่ใช่คำแถลงปิดคดีนะ โถ่เอ๊ย....จะพูดให้ซึ้งกินใจทำไมกัน
ดูอย่างไรตอนนี้ ทัพของอีกฝ่ายก็เสียขบวนไปมากแล้ว
ยิ่งปิศาจฝั่งนั้นยิ่งถอยไปเรื่อยๆ คนอื่นๆก็ยิ่งถอยตามเพราะกลัวตายนัก คุโระเฮียวกัดฟันกรอดด้วยความโมโหนัก แต่เขายังดึงดันแล้วพยายามจะสาวเท้าก้าวเข้ามาทำร้ายปิศาจเทนกุ เพียงแค่เขาจัดการมันที่อยู่เบื้องหน้าเขาได้เท่านั้น การต่อสู้กับเหล่าเทพจะง่ายกว่านี้ แต่ร่างบางรีบก้าวมาขวางเขาเอาไว้อย่างทันท่วงที
"จะดึงดันไปทำไมคะ การรบมันต้องมีกำลังพล ตอนนี้ท่านไม่เหลือกำลังพลแล้วก็ถอยกลับไปสิคะ"ดวงตาสีอำพันมองเธออย่างขุ่นเคืองยิ่งนัก
"ข้ายังไม่แพ้!!"
"ท่านรบอยู่นะคะ ไม่ได้ประลองกัน กำลังพลไม่เหลือแล้วก็ถอยเถิดค่ะ ไม่เช่นนั้นดิฉันจะใช้ดาบในมือนี่ทำร้ายท่านอย่างแน่นอน เมื่อถึงตอนนั้นแม้ท่านจะไม่ตายแต่ก็จะไม่เหลือใครพาท่านกลับไปที่ค่ายแล้วนะคะ"ร่างบางยิ้มออกมาเมื่อเห็นปิศาจถอยทัพไปเกือบหมดแล้ว
“ถอยทัพเสีย!!!”สุดท้ายปิศาจคุโระเฮียวจึงต้องกล่าวออกมาด้วยความขัดใจเป็นที่สุด มายุจึงหันหลังกลับ และในช่วงเวลานั้น
คุโระเฮะบิจึงรีบชักดาบออกมาและตรงเข้ามาทำร้ายอีกฝ่ายในทันที
“มายุ!!”ไดกิตะโดนเรียกอีกฝ่ายหนึ่งในทันทีเมื่อเห็น
ปิศาจงูพยายามจะปาดาบอาบยาพิษใส่เธอ
“ฉึก!!”ลูกศรเงินปักทะลุร่างของคุโระเฮะบิในพริบตาในทันที
ร่างนั้นทรุดลงในทันที ด้วยฝีมือของไดกิที่ตัดสินใจยิงลูกศรใส่อสรพิษอย่างไม่ลังเล มายุรีบมายืนข้างๆปิศาจเทนกุและมองทั้งสอง
ดวงตาสีน้ำตาลแม้จะมีแววตกใจอยู่บ้าง แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่เหนือความคาดหมายของเธอนัก
เป็นอย่างที่คิดเป๊ะเลย...แต่ชีวิตนี้ขอไม่ทำอีกแล้วนะ
แม้ว่าฉันจะเชื่อว่าไดกิจะปกป้องฉันได้ แต่แบบนี้มันอันตรายเกินไปจริงๆ...
“คุโระเฮียวสั่งถอยทัพแล้ว
เจ้ายังมีหน้าขัดคำสั่งของเขา และยังทำร้ายมนุษย์ตอนหันหลังอีกหรอ
ถ้าข้าเป็นคุโระเฮียวคงต้องกำจัดเจ้าเสีย
คนอย่างเจ้าข้าล่ะกลัวการทรยศหักหลังมากที่สุด”คราวนี้ไดกิกล่าวออกมา
ชายผู้มีเรือนผมสีดำ ผู้มีดวงตาสีอำพัน มองร่างผมขาวอย่างโกรธเคืองนักที่ขัดคำสั่งเขา
“ถอยทัพซะ!!”เสียงของคุโระเฮียวนั้นกล่าวขึ้นด้วยสุรเสียงที่แข็งกร้าวอีกทีหนึ่ง ก่อนเจ้าปิศาจอสรพิษจะรีบลุกและเดินจากไปด้วยอาการบาดเจ็บ จนลับสายตา
มายุหันไปกอดชายหนุ่มอย่างอดเป็นห่วงไม่ได้
ปิศาจต่างๆถอยทัพอย่างรวดเร็ว ร่างของทั้งสองมองอีกฝ่ายถอยทัพไปในที่สุด
ด้วยความโล่งอกนัก
“นึกว่าจะไม่ทันแล้วค่ะ”เธอร้องไห้ออกมาเพราะใจเสีย ไดกิถอดหน้ากากของอีกฝ่ายออกมาถือไว้ และโอบเธอไว้แนบกาย ด้วยร่างอันอ่อนแรง
“เจ้าทำข้าหัวใจแทบวาย...ไม่รู้รึว่าข้าเป็นห่วงเจ้ามากขนาดไหน”เขากล่าวก่อนจะเซถลาไปเพราะพลังที่ใกล้จะหมด มายุรีบเข้าไปพยุงเขาไว้ ไม่นานนัก คาบูโตะและทาโร่มาพาเขากลับไปอีกที ส่วนมายุยังยืนอยู่ที่แห่งนั้น และมองดาบของเธอ มายุจับสองมือให้จนแน่น ก่อนจะปักลงกับพื้นอย่างนั้น
“ดันถูกท่านเซริวหลอกเสียแล้วสิ หรือเห็นว่าเราโกหกได้หน้าตายกันนะ ไม่รู้หรือยังไงกันว่าทนายที่ดีต้องไม่โกหก”แต่เธอกลับยิ้มออกมาที่อย่างน้อยเธอก็พอใจกับผลงานที่เธอทำ ก่อนจะเดินจากไป ก่อนดาบคามินารินั้นจะกลายเป็นเพียงกิ่งไม้ธรรมดาเท่านั้น
การแก้ปัญหาได้โดยไม่ต้องใช้กำลัง นี่มันดีจริงๆ คำที่เคยบอกว่ามนุษย์มีความฉลาดมากกว่าปิศาจและเทพนั้นอาจจะจริงก็ได้ แต่ถ้าฉลาดในทางนี้คงไม่ดีเท่าไหร่มั้ง
ร่างของชายหนุ่มนอนคว่ำหน้าอยู่บนที่นอน โดยที่มีหญิงสาวคอยดูแลทายาให้เหมือนเดิม ที่แผ่นหลังของเขามีรอยถูกฟันเป็นรอยเฉียงเป็นทางยาวนัก
และดูเหมือนเขาคงจะบินไม่ได้อีกสักพัก แต่ก็ยังโชคดีอยู่บ้างที่ปีกของเขาไม่ได้รับบาดเจ็บมากนักนอกจากถูกคันศร หญิงสาวมองดูการาสุเทนกุตนอื่นเย็บแผลให้เขาสดๆ แต่ชายหนุ่มไม่มีสีหน้าเจ็บปวดแต่อย่างใดเขามองมาทางเธอเท่านั้น จนกระทั่งถูกผ้าพันแผลอย่างเรียบร้อย ชายหนุ่มค่อยๆลุกขึ้นนั่งช้าๆอย่างยากลำบากก่อนมายุจะลงไปนั่งคำนับที่พื้น
“ขอโทษค่ะที่ไม่ทำตามคำสั่ง”เธอกล่าวด้วยใบหน้าที่รู้สึกผิด
“เจ้าขึ้นมานั่งเสีย”เขาวางมือลงที่ปลายฟูกนอนข้างๆเขาและกล่าวต่อ
“ข้ามีเรื่องต้องคุยกับเจ้า”ไดกิกล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง มายุนั่งลงอย่างว่าง่าย
“ทั้งๆที่ข้าก็บอกไปแล้วว่าข้าเป็นห่วงเจ้าขนาดไหน ก็ยังไปที่นั่นเสียให้ได้ เจ้าบอกข้าสิว่าทำไมกัน?”เขามองเธอด้วยความสงสัยนัก
“ดิฉันก็เป็นห่วงท่านไดกิเช่นกันค่ะ และก็คิดว่ามีดาบคามินาริแล้วก็คงไม่เป็นไรค่ะ”มายุยิ้มแหยๆออกมา
“แล้วดาบนั่นเจ้าได้มาจากไหน?มันไม่ใช่คามินาริสักหน่อย เซริวให้เจ้ามาจริงๆรึ?”เขากอดอกและถามเธอขึ้น
“ด...ดูออกง่ายขนาดนั้นเลยหรอว่ามันไม่ใช่”มายุพึมพำกับตนเอง แต่อีกฝ่ายได้ยิน
“ถ้าคนอื่นอาจไม่รู้ แต่ข้าดูออกข้ามีความรู้เรื่องตีดาบนะ และก็ถ้าเป็นดาบคามินาริจริง เจ้าคุโระเฮะบิคงกลายเป็นผงไปแล้ว…”
“ท่านไดกิจะรู้เรื่องหลายเรื่องดีเกินไปแล้วค่ะ”ตั้งแต่กล่าวมามายุยังนึกไม่ออกว่าเขาไม่เก่งเรื่องใดบ้าง
“ไม่หรอก ข้าก็มีเรื่องหลายเรื่องที่ข้าไม่ถนัด… และก็อย่าลืมเล่ามาสิว่าได้ดาบเล่มนั้นมาอย่างไร”
“ท่านเซริวให้ค่ะ”ดวงตานั้นเบิกโพลงด้วยความสงสัยปนตกใจเมื่อได้ยินคำตอบ
“เจ้านั่น...คิดอะไรอยู่”เขาครุ่นคิด
ส่วนมายุก็นั่งทำหน้าสำนึกผิดไปเรื่อยๆ พร้อมกับทำใจโดนอีกฝ่ายต่อว่าเรื่องที่เธอปิดบังไดกิไว้ เพราะเขาสั่ง ก่อนร่างใหญ่จะโอบเธอไว้ ทำให้เธอตกใจนัก
“ข้าเป็นห่วงเจ้ามากมายุ ตอนที่ข้ารู้ว่านั่นคือเจ้า และข้าไม่เหลือเรี่ยวแรงใดที่จะปกป้องเจ้าได้มันทรมาณยิ่งนัก หากเจ้าตายขึ้นมาต่อหน้าข้า… ข้าคงต้องโทษตัวเองไปจนวันตายแน่นอน”เขากล่าวออกมา หญิงสาวหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ตอนนี้เธอรู้ตัวแล้วว่าเธอรู้สึกับเขามากขึ้นกว่าเดิมอีก ใบหน้าของเธอร้อนผ่าวและทำตัวไม่ถูกนัก ไม่อยากจะเชื่อว่าเธอจะปล่อยให้ความรู้สึกในใจของตนเติบโตขึ้นมาได้ถึงเพียงนี้
“ถ้าท่านไดกิเองไม่กลับมา ดิฉันก็คงทนไม่ได้เช่นกันค่ะ”มายุหลบตาอีกฝ่ายหนึ่ง
และรู้ตัวว่าเธอกำลังจะกล่าวความรู้สึกที่มากกว่าลูกศิษย์ที่มีให้อาจารย์
แต่ชายหนุ่มเองนั้นก็เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้มองว่าเธอเป็นลูกศิษย์ของเขาอยู่
และทำให้มายุสับสนนัก ทั้งที่เขาบอกว่าไม่ชอบ แต่ทำไมกัน มายุถึงรู้สึกได้ว่าเขาอ่อนโยนและเป็นห่วงเป็นใยเธอมากมายถึงเพียงนี้ แบบนี้เขาเองก็คิดเช่นเดียวกับเธอด้วยใช่หรือไม่
“ข้าไม่เคยเห็นเจ้าทำตัวไม่เกรงกลัวใครขนาดนี้เลย ใจกล้ายิ่งนัก”มายุหัวเราะออกมาเมื่อได้ฟัง
“ดิฉันชอบนึกว่ากำลังทำงานอยู่ค่ะ แต่ว่าวิธีการที่ใช้ไปเมื่อครู่นี้มันเป็นวิธีที่ไม่ดีนักค่ะ
สุดท้ายดิฉันก็เป็นทนายเลว โกหกพกลม กลับผิดเป็นถูก
เกือบไปแล้วไหมล่ะถ้าถูกจับได้นี่ตายอย่างเดียวเลย”เธอถอนหายใจออกมา
“เวลาเจ้าทำงานก็คงน่ากลัวเช่นนี้สินะ”เขายิ้มออกมา ก่อนจะกล่าวต่อ
“ข้าเองก็ไม่เคยรับรู้เลยว่าเจ้าจะเด็ดเดี่ยวได้เพียงนี้ แต่ยังไงก็ตาม ขอบคุณเจ้ามากที่ช่วยชีวิตข้า ข้าประทับใจในตัวเจ้า มายุ”เขายิ้มออกมา อีกฝ่ายชะงักไปเมื่อได้ฟังและยิ้มออกมาอย่างมีความสุขอย่างห้ามไม่ได้ ก่อนจะมีสีหน้าสลดลง
“แต่การโกหกมันมีค่าตอบแทนนะคะ”มายุพึมพำออกมา คำตอบแทนที่ว่านั้นอาจหมายถึง การที่ท่านอาจารย์ของเธอก็คงแอบหวาดระแวงในตัวของเธอเช่นกัน มายุนั่งคิดอยู่เนิ่นานนักก่อนฝ่ามือใหญ่จะลูบไล้ไปที่ริมฝีปากของอีกฝ่าย แต่เขาก็ไม่ได้กล่าวสิ่งใดออกมาและยื่นใบหน้าเข้ามาใกล้ มายุถึงกับตัวแข็งทื่อที่อีกฝ่ายทำเช่นนั้น ทำไมชายหนุ่มถึงชอบทำให้ใจของเธอหวั่นไหวกันนะ แต่มายุก็รีบปฏิเสธและเข้าใจว่าเขาคงสงสัยเรื่องจูบแรกของเธอที่ ปิศาจงูเป็นคนช่วงชิงมันไป
“เอ่อ...ท่านไดกิแปลกใจหรือคะที่คุโระเฮะบิ…”เขาปล่อยมือออกจากเธอเพราะนึกขึ้นมาได้ ว่าไม่ควรจะแตะต้องอีกฝ่ายมากมัก
“ทำไม?
เจ้าจะเล่ารึ? ตลอดมาเจ้ายังไม่ได้บอกข้าเลย”เขาหลบหน้าหญิงสาวและกล่าวออกมาอย่างยียวน จนมายุหมั่นไส้อีกฝ่ายนัก อยากจะตีแผลของเขาสักทีหนึ่ง แต่เธอต้องใจเย็นลงเสีย
“มันน่าเล่าหรือคะ จูบกับคนที่ไม่ได้รัก น่าขยะแขยงจะตายไป...”เธอกล่าวสั้นๆ และเดินมานั่งอีกฟากจะได้มองหน้าอีกฝ่าย
“ท่านไดกิเก่งมากเลยนะคะ ถ้าไม่โดนลูกไม้สกปรกๆ ท่านไดกิคงจัดการพวกนั้นได้ไม่ยากค่ะ”เธอชมเขาออกมาจากหัวใจ
“อย่างนั้นหรือ”เขามีสีหน้าประหลาดใจเมื่อถูกชม
“ค่ะที่จริงท่านไดกิก็ชนะได้นะคะ ท่านไดกิยังจัดการคุโระโทะริกับคุโระเฮะบิได้เลยค่ะ ดิฉันไม่ได้ทำอะไรเลยด้วยซ้ำ”
“เจ้าชมข้ามากไปแล้ว มายุ
เจ้าเองมาช่วยข้าทันเวลาพอดีไม่เช่นนั้นข้าคงบาดเจ็บมากกว่านี้ แต่คราวหลังอย่าทำเช่นนี้อีกเด็ดขาด”ฝ่ามือใหญ่ลูบศีรษะของเธอ
“ค่ะ ท่านไดกินอนพักเถอะค่ะ ถ้าต้องการอะไรก็เรียกใช้ดิฉันได้ทุกเมื่อเลยค่ะ”เธอคำนับอีกฝ่าย และประคองเขาให้ลงนอน
“ข้าต้องลงโทษเจ้าเสียบ้างมายุ จงอยู่ตรงนี้จนกว่าข้าจะตื่น
ข้าไม่ไว้ใจเจ้า เดี๋ยวเจ้าจะเดินหายไปไหนอีก นั่งอยู่ตรงนี้!!”มายุจึงนั่งลงข้างฟูกและอยู่อย่างนั้นเรื่อยไป ไม่นานนักไดกิก็หลับตาลงช้าๆ ก่อนจะหายใจอย่างสม่ำเสมอ มายุได้แต่นั่งดูอีกฝ่ายที่หลับตาพริ้มอยู่อย่างนั้น จนเธอเองก็เริ่มง่วงนอนบ้างแล้วถึงขนาดกับสัปหงก จึงนอนฟุบหลับไปข้างๆฟูกที่นอนของปิศาจเทนกุ โดยที่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเพียงหลับตาเท่านั้น ดวงตาสีดำลืมตามาพบลูกศิษย์ของตนที่นอนหลับนั้นจึงไม่ได้ว่าอะไร
ตลอดเวลาที่ข้าไม่อยู่ เจ้าเองก็นอนไม่หลับหรือ
เขาพึมพำกับตนเอง ก่อนจะกระเถิบมาใกล้อีกฝ่ายหนึ่งอย่างเชื่องช้าเพราะอาการบาดเจ็บ เพียงเท่านี้ร่างกายของเขายังแทบจะขยับไม่ไหวเลย
ตอนนั้นข้านึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะออกไปที่นั่น ตอนนั้นข้าเองก็รู้ตัวดีแล้วว่าคงจะไม่รอดกลับไปอย่างแน่นอน ถ้าข้าไม่รอด..เจ้าล่ะจะเป็นเช่นไรกัน ทำไมข้าถึงกลัวตายเช่นนี้กัน ทั้งที่ข้าไม่เคยเป็นมาก่อน…ถ้าเจ้ายังมีจิตใจที่เด็ดเดี่ยวเช่นนี้ เจ้าจะทำพิธีจิไกอีกครั้งหรือไม่ หรือเจ้าเพียงจะหนีหายไป กลับไปในที่ที่เจ้าจากมาเท่านั้น บางทีเจ้าอาจจะถูกพวกนั้นจับตัวไป ไม่ว่าทางไหนข้าก็ไม่อยากให้มันเกิดขึ้นทั้งนั้น ข้าจะตายไม่ได้เด็ดขาด
มายุกุมมืออีกฝ่ายไว้แน่นและนั่นทำให้เขาตื่นจากห้วงความคิดของตนและหันมามองเธอ มายุที่หลับๆตื่นๆเป็นพักๆเพราะกังวลเรื่องบาดแผลของท่านอาจารย์จึงต้องตื่นขึ้นมาดูอาการเขา เมื่อพบว่าไดกิกำลังตื่นอยู่และมีสีหน้าที่ไม่ค่อยสู้ดีนักเธอจึงเป็นห่วงเขา
“ท่านไดกิคงจะเจ็บน่าดูสินะคะ บาดแผลลึกขนาดนั้น ถ้าท่านไดกิระบายมันออกมาบ้างความเจ็บปวดก็อาจจะลดลงนะคะ” ไดกิเป็นฝ่ายจับมือเรียวของเธอแทนและบีบไว้แน่น แต่เขาก็ไม่ได้ร้องโอดโอยออกมาแต่อย่างใด จนกระทั่งเขาเหงื่อตกเพราะปวดร้าวความทรมาณจากบาดแผล แต่ก็พยายามจะไม่แสดงออกทางสีหน้าให้มายุเป็นห่วงนัก
“ท่านไดกิคะ ให้ดิฉันทำยาให้นะคะ ดูเหมือนดาบของคุโระเฮะบิต้องอาบยาพิษมาแน่เลยค่ะ”มายุจะลุกขึ้น
“อ..อย่า..ไป”เขาไม่ยอมปล่อยมือจากเธอ
“พลังข้า..มันเพียงใกล้จะหมดเท่านั้น แผล..แผลที่ข้าถูกคันศร..”ไดกิหน้าซีดลงและหายใจแรงขึ้น จนมายุต้องรีบสลัดมือของเขาออกเพื่อไปตามการาสุเทนกุตนอื่น ไม่นานนักการาสุเทนกุก็วุ่นวายกันเสียยกใหญ่ และพยายามจะรักษาอีกฝ่ายอย่างเต็มที่ มายุยืนดูอยู่ก็ถึงกับใจเสีย รู้สึกทรมาณแทนอีกฝ่ายจนน้ำตาแทบจะไหลออกมา ไม่นานนักร่างนั้นก็สงบลงเพราะหมดสติไป คงเพราะว่าอาการบาดเจ็บจากการที่ถูกพลังของคุโระเฮียวเข้าไปด้วย จากนั้นไม่นานอากาเนะก็รีบวิ่งเข้ามาด้วยเพราะคาบูโตะไปตามนางมา หญิงในชุดเฮอันถึงกับมีสีหน้าตกใจ กับบาดแผลเบื้องหน้านัก ก่อนเธอจะคอยดูแลอาการอีกฝ่ายอย่างใกล้ชิด จากนั้นจึงต้องทายาเฉพาะที่พอจะแก้อาการจากการถูกคันศรเงินได้ และนั่งเฝ้ารออีกฝ่ายตื่นขึ้นอย่างกังวลนัก
“ท่านมายุปลอดภัยดีนะเจ้าคะ”
“ดิฉันไม่เป็นอะไรค่ะ”เธอตอบด้วยน้ำเสียงที่เศร้าสร้อย
“บาดแผลจากคันศรนั้นเล็กแต่อันตรายมากค่ะ การาสุเทนกุตนอื่นอาจไม่รู้ดีนัก แต่ข้าเคยเห็นคาบูโตะมาแล้ว เขาเองก็เกือบเอาตัวเองไม่รอดเช่นกันค่ะถึงขนาดกับเกลียดมนุษย์จนถึงทุกวันนี้เจ้าค่ะ”
“ข้าเป็นห่วงท่านไดกิเหลือเกิน เป็นห่วงท่านมายุด้วย ที่ออกไปช่วยท่านไดกิ”อากาเนะคำนับอีกฝ่าย แต่มายุไม่รับและรีบให้เธอลุกขึ้นมา
“ไม่หรอก คุณอากาเนะ”เธอพยายามบอกปัด และเดินไปนั่งข้างๆร่างที่หมดสติไปด้วยดวงตาที่ดูโศกเศร้านัก อากาเนะเพียงมองเธออยู่ห่างๆเท่านั้น และสะอึกสะอื้นกับภาพเบื้องหน้าของเธอ
“ท่านมายุทำทุกอย่างเพื่อท่านไดกิแท้ๆเลย”
“ท่านไดกิมีพระคุณต่อดิฉันนี่คะ ดิฉันต้องภักดีและซื่อสัตย์กับเขา”ดวงตาของเธอยังคงมองอีกฝ่ายอยู่อย่างนั้น
“ท่านมายุคิดกับท่านไดกิเฉกเช่นอาจารย์กับลูกศิษย์จริงหรือคะ? ข้าเศร้าใจที่ท่านไดกิปฏิเสธท่านมายุมาตลอด”มายุเพียงยิ้มออกมาแม้จะดูเป็นการฝืนยิ้มก็ตาม ก่อนตนเองจะส่ายหน้าแทนคำตอบ
“คุณอากาเนะ ความรักของเรามีได้หลายรูปแบบ ดิฉันไม่เกี่ยงหรอกว่าจะต้องรักกันแบบชายหนุ่มกับหญิงสาวเท่านั้น ขอให้ดิฉันได้รักท่านไดกิก็เพียงพอแล้ว ที่ท่านไดกิรักดิฉันเป็นศิษย์ ดิฉันก็ดีใจมากแล้วค่ะ....แต่ว่าดิฉันรู้ตัวดีว่าไม่ได้คิดกับเขาอย่างนั้น
ดิฉันอยากเป็นมากกว่าลูกศิษย์ของเขามาตลอด...ตั้งแต่ก่อนที่จะได้เป้นลูกศิษย์ของเขาอีกค่ะ”หญิงสาวนั่งนิ่งไป จนอากาเนะต้องเข้ามาปลอบใจอีกฝ่าย
“ท่านไดกิ เป็นอาจารย์ที่ดีค่ะ คุณอากาเนะ
แต่เหมือนบางทีดิฉันก็รู้สึกได้ว่าบางอย่างไม่ใช่การกระทำที่อาจารย์จะมีต่อศิษย์ แต่ดิฉัน…ดิฉันเองก็ไม่กล้าหวังให้เราเป็นอะไรที่มากกว่านั้นค่ะ ท่านไดกิคงปฏิเสธดิฉันแน่ๆค่ะ”
“ท่านมายุช่างน่าสงสารนัก แต่ท่านไดกิคงมีเหตุผลของเขา”
“เขาบอกดิฉันแล้วค่ะ ว่าเพราะว่าดิฉันเป็นมนุษย์ มีอายุขัยที่สั้น ถ้าดิฉันตาย เขาคงจะรับไม่ได้…แต่ยังไงดิฉันก็แก้ไขเรื่องที่ดิฉันเป็นมนุษย์ไม่ได้ค่ะ คุณอากาเนะ
ดิฉันจะทำเช่นไรดี หรือดิฉันต้องตายเสียก่อนแล้วไปเกิดเป็นปิศาจ ท่านไดกิถึงจะรับรักของดิฉันได้หรือคะ”มายุพยายามไม่ใส่ใจความรู้สึกของตนในตอนนี้มากนัก ร้องไห้ไปก็ไม่ทำให้อีกฝ่ายรักเธอมากขึ้นหรอก
“ท่านมายุอย่าพูดเช่นนั้นเลยค่ะ ท่านมายุต้องพยายามไปเรื่อยๆค่ะ ดิฉันว่าสักวันท่านไดกิน่าจะใจอ่อนค่ะ”มายุส่ายหน้าช้าๆเมื่อได้ฟัง
“คุณอากาเนะ…ดิฉันเหนื่อยเหลือเกินค่ะ”มายุลงเขยิบเข้าไปใกล้ ร่างที่นอนอยู่บนฟูกอย่างไม่ได้สติ และเธอก็นั่งนิ่งอยู่เช่นนั้นจนอากาเนะคำนับจะออกไปจากเพิงที่พัก
“ยังไงข้าก็ฝากท่านมายุคอยดูแลท่านไดกิด้วยนะเจ้าคะ บางที…ท่านมายุต้องดูการกระทำของเขามากกว่าคำพูดนะคะ”เธอคำนับก่อนจะออกไปเพื่อตระเตรียมยาให้ท่านไดกิ มายุที่พออยู่คนเดียวแล้วจึงถอนหายใจออกมา
“แม้คำพูดและการกระทำของไดกินั้นดูจะเป็นห่วงฉันเสียเหลือเกิน แต่ความรู้สึกของท่านไดกิต่อฉันจริงๆแล้วเป็นเช่นไรกันนะ” มือเรียวบางลูบใบหน้าของอีกฝ่าย
“หากดิฉันแบ่งความเจ็บปวดมาจากท่านไดกิสักครึ่งหนึ่งได้ก็ดี”หญิงสาวนั่งมองอยู่เช่นนั้น และใช้มือเรียวเล็กลูบไล้ที่เส้นผมของอีกฝ่าย และหยิบผ้ามาเช็ดเหงื่อที่ผุดพรายบนใบหน้าของชายหนุ่ม และคอยจับมือเขาไว้เช่นนั้นจนกระทั่งเธอหลับไปโดยไม่รู้ตัวอีกครั้งหนึ่งแต่คราวนี้เธอถึงกับหลับลึกและไม่ได้ยินเสียงใดๆอีก
กระทั่งเวลาผ่านไปจนกลางดึกที่หนาวเย็นนั้น ปลุกเธอให้ตื่นขึ้นมาจากความหนาวเย็นที่กัดกินเข้าไปจนปวดไปถึงกระดูก มายุที่ได้พักบ้าง อาการจึงเริ่มดีขึ้น ก่อนจะรีบวางมือไปบนร่างของไดกิ ที่ยังไม่ตื่นขึ้นจากอาการบาดเจ็บ ก่อนที่เธอจะพยายามคลุมผ้าห่มให้เขาได้รับความอบอุ่น และลุกขึ้นไปจัดเตรียมน้ำชา หากอีกฝ่ายตื่นขึ้นมาจะได้มีอะไรอุ่นๆทาน มายุเองก็เข้าไปในพื้นที่ของเธอ และจึงค่อยๆเช็ดตัวและ เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นกิโมโนที่อากาเนะเพิ่งจะนำมาให้ อย่างน้อยก็ช่วยให้เธออบอุ่นมากขึ้น เมื่อเก็บของเรียบร้อยเธอจึงออกมาเฝ้าร่างที่นอนหลับสนิท จนกระทั่งอากาเนะถือถาดยามาให้เสียอีกครั้ง พร้อมกับหิมะที่เต็มตัวไปเสียหมด เวลานี้คงเข้าฤดูหนาวอย่างแท้จริงเสียแล้วกระมัง
“ตื่นแล้วหรือเจ้าคะ?”
“ค...ค่ะ”อากาเนะวางถาดยาลงอย่างเบามือ และสอนวิธีการใช้แต่ละอย่าง อย่างละเอียด จนมายุเข้าใจแจ่มแจ้ง และคอยถามไถ่ทันทีหากเธอไม่เข้าใจสิ่งใด
“ท่านมายุเจ้าคะ พายุหิมะจะเข้านะเจ้าคะ ข้าต้องกลับไปดูแลลูกเจ้าค่ะ ฝากท่านมายุดูแลท่านไดกิด้วยนะเจ้าคะ หากพายุหิมะสงบลงเมื่อใดข้าจะรีบกลับมาเจ้าค่ะ”อากาเนะคำนับ
“เดินทางปลอดภัยนะคะ”เธอกล่าวกับอีกฝ่ายก่อนเธอจะเดินออกไปจากเพิง
ไม่นานนักพายุหิมะก็ถล่มลงมา
มายุรีบเดินไปก่อเตาไฟให้ความอบอุ่น ที่อยู่กลางห้องในทันที และรู้สึกว่า เพียงผ้าใบก็ไม่พอให้อากาศที่นี่อบอุ่นนัก หญิงสาวนั่งลงข้างๆชายหนุ่ม เพราะยังไงเธอก็ยังถูกทำโทษอยู่ดี หากเขาตื่นมาไม่พบเธอ มายุคงถูกทำโทษไม่จบไม่สิ้นเสียที เธอไม่รู้ว่าสำหรับปิศาจอย่างเขาจะรู้สึกหนาวสั่นไหม เธอจึงรีบทายาให้ไดกิอีกครั้งหนึ่งตามที่อากาเนะได้บอกเธอเอาไว้ และนำถาดยาไปวางไว้ ไม่ห่างจากเตาไฟนัก และค่อยปลุกชายหนุ่มขึ้นมาเพื่อทานยา
“ท่านไดกิคะ ท่านไดกิคะ
ทานยาค่ะ”เธอเขย่าร่างนั้นให้รู้สึกตัว ไดกิลืมตาตื่นขึ้นมาและดูเหมือนจะประหลาดใจที่เขาอยู่ที่แห่งนี้ แต่สักพัก
ไดกิก็จำได้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา
“ทานยาค่ะท่านไดกิ”ชายหนุ่มจึงค่อยๆลุกขึ้นนั่งช้าๆ ก่อนมายุจะส่งถ้วยยาให้แต่ชายหนุ่มนิ่งเสีย
“ป้อนให้ข้าสิมายุ ถ้าไม่เช่นนั้นข้าจักไม่กินยา”ดวงตาเรียวสีดำจับจ้องอีกฝ่าย เขากล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ มายุไม่อยากต่อปากต่อคำกับเขาจึงนั่งลงข้างๆและค่อยป้อนยาให้ จนหมดถ้วยในรวดเร็ว จนมายุถึงกับประหลาดใจนักเพราะยาที่ขมจนเธอต้องเบือนหน้าหนี อีกฝ่ายกลับดื่มได้อย่างไม่สะทกสะท้าน ก่อนมือใหญ่จะกุมมือของเธอไว้ และกำลังตัดสินใจว่าจะกล่าวออกมาบางสิ่งที่สำคัญอย่างมากที่เขาเองก็รับรู้มาตลอดแต่เขาต้องทำให้เรื่องราวต่างๆมันชัดเจนได้สักทีหนึ่ง ถึงแม่เรื่องนั้นอาจทำให้หญิงสาวเบื้องหน้าต้องเสียใจก็ตามที
ความคิดเห็น