คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #18 : ดาบไม้
อากาเนะที่ถูกเรียกมายังที่ค่ายก็ได้ปรากฏตัวขึ้นเพราะอีกาตัวหนึ่งได้ตามให้เธอมาที่นี่ตามคำสั่งของเจ้านายของเธอ สำหรับพวกปิศาจเทนกุ การเดินทางมาที่แห่งนี้ ไม่ใช่เรื่องลำบากอะไร แต่ถ้าสำหรับมนุษย์แล้ว ก็คงจะเดินจนเกือบครึ่งวันอย่างแน่นอน ร่างแปลงของมนุษย์นั้นค่อยๆเดินเข้ามาพบมายุที่นั่งพักอยู่ในเพิงผ้าใบสีขาวผ่องอย่างเงียบเชียบ จนอีกฝ่ายถึงกับตกใจกับเส้นผมของเธอจนร้องกรี๊ดออกมา
“คุณอากาเนะ!!!”มายุสะดุ้งเมื่อหันไปพบพอดี ส่วนอีกฝ่ายก็ตกใจไม่แพ้กัน
“ผมของท่านมายุ ทำไมมันแหว่งขนาดนี้ล่ะคะ?!!”เธอรีบเข้ามาตรวจดูอย่างละเอียด เพราะอีกาที่ไดกิส่งให้ไปบอกข่าวเธอ ก็บอกเพียงว่าให้ช่วยมาตัดผมมายุเท่านั้น หญิงสาวจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นสักพัก ส่วนอากาเนะจะดูโมโหไดกิเป็นอย่างมาก
“ท่านไดกิทำเกินไปแล้ว ถ้าถูกท่านมายุขึ้นมาจะเป็นอย่างไร!!!”เธอโวยวายออกมา ก่อนจะกล่าวต่อ
“แต่ข้าตัดผมไม่เป็นนะเจ้าคะ ร่างแปลงของข้าเส้นผมจะไม่ยาวขึ้น ข้าก็เลยไม่เคยตัดเจ้าค่ะ แม้ว่าข้าจะเคยตัดผมให้ท่านมิวะ แต่ตอนนี้ผมของท่านมายุเองก็สั้นเกินไปที่จะตัดทรงผมแบบนั้นเจ้าค่ะ…”อากาเนะครุ่นคิด
“งั้นก็ไม่ต้องตัดให้เหมือนมิวะก็ได้ค่ะ ตอนนี้ดิฉันไม่ใช่มิวะนะคะ คุณอากาเนะพอจะแนะนำได้ไหมคะว่าจะตัดทรงไหน”อากาเนะมีทีท่าครุ่นคิด แต่สุดท้ายก็นึกไม่ออก
“นึกไม่ออกเลยเจ้าค่ะ”
“ถ้าแบบนี้ควรจะตัดผมให้สั้นไปเลยไหมคะ? สั้นให้เหมือนผู้ชายไปเลยค่ะ”มายุมองกระจกเบื้องหน้า
“ไม่ดีค่ะๆ ข้านึกไม่ออกจริงๆ”อากาเนะถึงกับส่ายหน้าเพราะไม่เคยเห็นใครตัดผมสั้นเช่นนั้น และเธอก็ไม่เคยเห็นผมซอยสั้นด้วย เลยนึกไม่ออกว่าจะสวยหรือไม่
“ตัดเลยค่ะคุณอากาเนะ ดิฉันต้องซ้อมดาบ ผมยาวมันไม่ถนัดค่ะ และตอนนี้ก็จะมีสงคราม ดิฉันจะมามัวแต่งตัวสวยไม่ได้ค่ะ”
“ค่ะท่านมายุ ถ้าเช่นนั้นข้าจะลองตัดในระดับประบ่าดูก่อนเจ้าค่ะ”กล่าวจบ
อากาเนะจึงลงมือตัดผมให้มายุในทันที เสียงกรรไกรที่ดังข้างหูเธอพร้อมกับความรู้สึกที่เส้นผมยาวของเธอร่วงหลานไปอยู่ที่พื้น ก็ทำให้เธอใจหายอยู่ไม่น้อย จนกระทั่งอีกฝ่ายกล่าวขึ้นด้วยความสงสัย
“ทำไมสีผมของท่านมายุจึงดูเข้มขึ้นกว่าแต่ก่อนล่ะเจ้าคะ”
“ดิฉันย้อมผมเองค่ะ ถ้าไม่ย้อมนานๆแล้วก็จะกลับไปเป็นสีดำเช่นเดิมค่ะ”
“เป็นเช่นนี้น่ะเองเจ้าค่ะ เหมือนที่พวกอีกาได้บอกไว้จริงๆ…”อากาเนะมองอย่างสนอกสนใจ
“คุณอากาเนะนี่ก็ทันสมัยเหมือนกันนะคะ ว่าแต่สีผมของพวกปิศาจก็มีหลากสีเหมือนกันนะคะ ปิศาจบางตัวก็มีผมสีขาว แบบนั้นถือว่าปกติใช่ไหมคะ”
"ใช่เจ้าค่ะ แต่หากเป็นร่างแปลงแล้วจะเนรมิตรให้มีสีผมหรือหน้าตาแบบไหนก็ได้ทั้งหมดค่ะ"
"เหมือนกับการศัลยกรรมเลยแฮะ"มายุพึมพำกับตนเอง และยิ้มออกมา ส่วนอากาเนะก็หัวเราะคิกคัก ก่อนมายุจะนึกสงสัยในเรื่องหนึ่งมาสักพักแล้วจึงถามอากาเนะกลับบ้าง
“แล้วทำไมคุณอากาเนะถึงต้องแปลงเป็นมนุษย์ล่ะคะ? เพราะว่าดิฉันก็รู้แล้วว่าทุกคนในนี้ไม่ใช่มนุษย์ ทำไมถึงไม่แปลงกายกลับล่ะคะ?”
“แม้ว่าตอนที่ท่านมายุไม่อยู่ ดิฉันก็ยังคงแปลงเป็นมนุษย์อยู่ดีเจ้าค่ะ เพราะมนุษย์สวยกว่าพวกเราเยอะเลย และก็หลังจากช่วงที่ท่านมิวะออกจากที่นี่ไป ข้าเคยพยายามจะบอกท่านไดกิว่าท่านมิวะเคยบอกว่าท่านมิวะไม่ใช่คนที่วางยาท่านยูมิโกะ แต่ท่านไดกิไม่ยอมฟังข้าเลยเจ้าค่ะ ช่วงนั้นพวกเราทะเลาะกันหนักอยู่เจ้าค่ะ ข้าเลยบอกกับท่านไดกิว่า ถ้าไม่อยากให้มนุษย์อยู่ที่นี่ ข้าก็จะแปลงกายเช่นนี้ตลอดเพื่อเตือนให้ท่านทราบว่ายังไงก็เคยมีมนุษย์อยู่ในที่แห่งนี้เจ้าค่ะ”
“เป็นอย่างนี้นี่เอง”มายุหันหน้าไปให้อีกฝ่ายตัดหน้าม้าให้ ก่อนจะเสร็จสิ้น ทันใดนั้นร่างหนึ่งก็เข้ามาในเพิงโดยไม่ได้รับอนุญาต อากาเนะรีบหันขวับไปมองเพราะรู้ว่ามีใครบางคนที่ไม่ควรเข้ามาในที่แห่งนี้ ก่อนสุรเสียงที่น่าเกรงขามนั้นจะตะโกนขึ้น
“เจ้าอยู่ในนี้เองรึ มายุ
ข้าได้ยินเรื่องของเจ้า แล้ว
ขอข้าดูผมของเจ้าหน่อย” เจ้าของเสียงกล่าวขึ้น และทำให้มายุหันขวับไปมองก็พบว่าเป็นเทพมังกรฟ้า
“ท่านเซริวเจ้าคะ แล้วท่านไดกิล่ะเจ้าคะ”อากาเนะกล่าวถามขึ้น
เพราะที่นี่เป็นเพิงพัก คนนอกไม่ควรเข้ามาหากไม่ได้รับอนุญาต
“เขาก็ซ้อมกันอยู่ขางนอก ข้าไม่อยากรบกวนเขา เช่นนั้นข้าจะนั่งรอที่นี่เสีย และข้าก็มีธุระกับมายุด้วยที่ไม่อยากให้เจ้านายของเจ้ารู้”อากาเนะงุนงง แต่มายุเพียงห้ามไว้และเดินออกไปพบเขา
“ท่านเซริว สวัสดีค่ะ”เธอคำนับ และนั่งลงคุกเข่าที่พื้น ดวงตาสีเงินจ้องมองอีกฝ่ายก่อนจะเหยียดยิ้มออกมา
“เจ้าบ้านั่น ช่างลงโทษเจ้าได้โหดยิ่งนัก…แม้จะเป็นมนุษย์หรืออิสตรีก็ไม่เว้น”เซริวเข้าใจว่าชายหนุ่มตั้งใจลงโทษเธอเช่นนี้ เพราะเส้นผมนั้นเปรียบเสมือนศักดิ์ศรี และเป็นความสูงส่งของมนุษย์ เมื่อถูกลงโทษโดยการถูกตัดผมนั้น จึงเปรียบเสมือนว่าเป็นการถูกหยามศักดิ์ศรีและหมิ่นเกียรติอย่างร้ายแรง แต่สำหรับมายุที่เป็นคนสมัยใหม่ จึงไม่ได้สนใจเรื่องนี้มากเท่านัก เพียงสนใจแค่ว่า เธอเกือบจะได้รับบาดเจ็บเท่านั้น
“ค่ะ ท่านเซริว ดิฉันเป็นฝ่ายผิดเองค่ะ จะถูกลงโทษก็ไม่แปลกค่ะ”
“แต่วันนี้ ข้าจะมาบอกเจ้าว่าอีกสองวันเท่านั้น ที่พวกคุโระเฮียวจะมาถึง ข้าจึงนำของมามอบให้เจ้าก่อน
แต่ห้ามให้ไดกิรู้เป็นอันขาด”เขามอบห่อผ้าที่มีบางสิ่งอยู่ภายใน ที่ดูเหมือนจะเป็นดาบ
“คามินาริหรือคะ”เธอกล่าวขึ้นเบาๆ ก่อนอีกฝ่ายจะอมยิ้มออกมา
“มันขึ้นอยู่กับว่าเจ้าอยากให้มันเป็นอะไร…มันอาจจะเป็นกิ่งไม้ หรือเป็นดาบคามินาริก็ได้”เขากล่าวออกมาอย่างเป็นปริศนามอบให้เธอ แต่พอหญิงสาวกล่าวขอบคุณและจะรับมานั้นเขาก็ดึงกลับไปเสียก่อนเพราะนึกบางอย่างขึ้นได้
“ข้าขอเส้นผมของเจ้าเป็นการแลกเปลี่ยน”มังกรฟ้ากล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้มที่ดูชั่วร้าย
“เส้นผมหรือคะ?”มายุสงสัยเพราะไม่รู้ว่าเส้นผมของเธอมันจะไปมีประโยชน์อะไร
“เส้นผมนั้นมีจิตวิญญาณอยู่ ข้าเพียงขอแลกเปลี่ยนเท่านั้นจะได้หรือไม่ แค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ส่วนของที่ข้าให้นั้นเจ้าจงจำคำที่ข้ากล่าวไว้ให้ดี จงอยู่ข้างไดกิเมื่อยามเขาต้องเรียกใช้เจ้าเสมอ และจงกล้าหาญเชื่อมั่นในจิตใจของเจ้า ไม่ใช่ที่คมดาบ…”
“ค่ะ”มายุคำนับ ก่อนจะนำเส้นผมมามัดไว้เป็นระเบียบและแน่นหนา และนำปอยผมที่ดูดีที่สุดไปให้อีกฝ่ายหนึ่ง เซริวรับมาก่อนจะใส่ไว้ในห่อผ้าและใช้เชือกพันอีกทีหนึ่ง จึงค่อยเก็บไว้อย่างเรียบร้อย และส่งห่อผ้าให้เธอเป็นการสิ้นสุดการแลกเปลี่ยน มายุรับมาก่อนจะเดินไปเก็บ ไว้ที่ข้างฟูกนอน น่าแปลกที่อากาเนะกลับไม่รู้สึกอะไรเสียด้วยซ้ำถึงการมีอยู่ของดาบคามินาริ อีกฝ่ายมองเธอด้วยความสงสัย แต่ก็ไม่ได้กล่าวอะไรออกมา เมื่อหญิงสาวกลับออกมาก็ไม่พบชายผู้นั้นแล้ว
“ท่านมายุเจ้าคะ ท่านไดกิจะโกรธเอาได้นะเจ้าคะ”อากาเนะรีบกล่าวขึ้น
“แต่ท่านเซริวสั่ง ดิฉันควรจะทำอย่างไร”
“ข้าเองก็มิอาจทราบได้เจ้าค่ะ แต่ท่านมายุ…”
“ดิฉันทราบดีค่ะ ดิฉันจะไม่ทรยศท่านไดกิเด็ดขาดค่ะ”มายุรีบกล่าวขึ้น และจับมืออากาเนะไว้แน่น อีกฝ่ายเพียงถอนหายใจออกมาเพราะกังวลว่าเรื่องราวจะจบไม่สวย พอดีกับชายหนุ่มที่รีบก้าวเข้ามาในเต็นท์อย่างร้อนรน เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายได้เข้ามาเยือนถึงด้านใน อากาเนะที่เห็นจึงรีบขอตัวกลับเสียก่อน เพราะงานของเธอได้เรียบร้อยลงแล้ว และเธอไม่อยากจะถูกคาดคั้นเรื่องที่เซริวเข้ามาในเพิงที่พักเมื่อครู่นี้ด้วย
“มายุ เมื่อสักครู่เซริวมาที่นี่รึ? เจ้าด้วยอากาเนะจะรีบไปไหน!!!”อากาเนะชะงัก เมื่ออีกฝ่ายกล่าวด้วยความไม่สบอารมณ์เท่าใดนัก ก่อนจะคำนับเขา
“เจ้าค่ะ ท่านเซริวไม่ได้มารอคุยธุระกับท่านหรือเจ้าคะ”
“ไม่ใช่…”เขามองไปรอบๆ แต่ก็นั่งลงเสียก่อนจะเทสาเกใส่จอกและดื่มหมดในรวดเดียว
“เขาขอปอยผมของท่านมายุไปเจ้าค่ะ”อากาเนะกล่าวขึ้น มายุหันขวับไปมองอากาเนะในทันที ไม่นึกว่าอีกฝ่ายจะกล่าวออกไปเช่นนั้น
"ปัง!!!"มือใหญ่จะตบลงโต๊ะอย่างแรงจนทั้งสองสะดุ้งด้วยความตกใจ
“เจ้าให้ไปทำไม!!!”ดวงตาสีดำขลับจ้องเขม็งมายังร่างบาง และดูจะโมโหมายุอย่างมาก
“ท่านเซริวขอ ดิฉันไม่เห็นว่ามันสำคัญ และทำอะไรก็ไม่ได้จึงให้ไปค่ะ”
“เส้นผมของมนุษย์มันทำอะไรได้มากกว่าที่เจ้ารู้นัก มายุ
โดยเฉพาะเส้นผมของหญิงพรหมจรรย์ ข้าจึงต้องเก็บผมของเจ้ามาจากลานประลองให้หมด แต่เจ้ากลับยกให้คนอื่นง่ายๆ”เขาตะคอกใส่เธอ
“แต่นี่มันเส้นผมของดิฉันค่ะ ดิฉันจะยกให้ใครมันก็เรื่องของดิฉัน…”มายุเองก็ตะคอกกลับบ้าง จึงอากาเนะต้องรีบกล่าวเตือน
“ท่านมายุคะ ใจเย็นเถอะค่ะ”มายุที่ได้ฟังจึงชะงักและไม่กล่าวสิ่งใดต่อ
“อากาเนะ เจ้ากลับไปเสีย” เมื่อไดกิออกคำสั่ง การาสุเทนกุรีบคำนับก่อนจะออกไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้มายุยืนประจันหน้าอีกฝ่ายเท่านั้น
“ข้า…”ไม่ทันที่เขาจะต่อว่าเธอต่อ
“ดิฉันขอโทษค่ะ เพราะดิฉันไม่ทราบว่าเส้นผมของดิฉันมันสำคัญขนาดนั้นค่ะ”มายุคำนับอีกฝ่าย และหวังให้เรื่องมันจบ แต่อีกฝ่ายลุกเดินขึ้นมาหา
“แล้วเจ้าให้ใครก็ไม่รู้เข้ามาในที่พักของเจ้า ได้เยี่ยงไรกัน!!
เจ้าไม่ระวังตัวเสียบ้างเลย เจ้าเป็นหญิงต้องระวังตัวจากบุรุษเสียบ้างสิ!!! แล้วยังมาคุยอะไรลับๆล่อๆแบบนี้อีก เจ้านี่ไม่สำนึกบ้างเลย!!!” ไดกิกล่าวออกมาด้วยความหัวเสียเป็นอย่างมาก ใส่มายุอย่างที่เขาไม่เคยเป็นมาก่อนจนหญิงสาวได้แต่นิ่งเงียบไปเพียงชั่วครู่นั้นด้วยความตกใจกลัว แต่ก็ยังเถียงอีกฝ่ายกลับ
“แล้วดิฉันต้องระวังตัวกับใครบ้างคะ? กับท่านไดกิด้วยไหมคะ?”ดวงตาเรียวฉายแววโกรธเคืองอีกครั้งหนึ่ง
“ข้าเป็นอาจารย์ของเจ้านะ!!!เจ้าเลิกยั่วโมโหข้าได้แล้ว”
"ดิฉันนอนอยู่ที่มุมห้องทุกวัน แม้จะมีม่านไม้ไผ่กั้นเอาไว้แต่มันก็ถือว่าเป็นห้องเดียวกับท่านไดกิ แล้วมาบอกว่าดิฉันไม่ระวังตัวจากบุรุษบ้าง แล้วดิฉันเลือกอะไรได้บ้าง...."มายุหยุดกล่าวออกมาในทันที เธอนึกขึ้นมาได้ว่าเธอไม่มีสิทธิเถียงอีกฝ่ายหนึ่งแม้แต่น้อย ยิ่งช่วงเวลานี้แล้วไดกิคงกำลังเคร่งเครียดเป็นแน่ เธอไม่อยากทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจเรื่องของเธออีก มายุสูดหายใจเข้าลึกๆและยอมรับว่าเธอทำพลาดไปจริงๆ
“ดิฉันขอโทษค่ะ ท่านไดกิ ดิฉันมันเป็นแค่ผู้มาอาศัยเท่านั้น ควรจะรู้ตัวว่าดิฉันไม่มีสิทธิ์จะเถียงท่านไดกิ ดิฉันขอโทษค่ะ ท่านไดกิช่วยให้อภัยดิฉันด้วยค่ะ”มายุเลิกเถียงอีกฝ่าย เธอคำนับก่อนจะเก็บเส้นผมของเธอให้เรียบร้อย และนำผ้ามาห่อไว้ ก่อนจะล้มตัวลงนอนบนที่นอนและไม่กล่าวสิ่งใดอีก ส่วนชายหนุ่มก็ดื่มสาเกไปเรื่อยๆจนหมดโดยไม่พูดจา ก่อนจะเดินเข้าไปหยิบห่อผ้าที่เก็บเส้นผมของหญิงสาวไว้ แล้วเดินออกไปโยนเข้าใส่กองไฟด้านหน้าเต๊นท์และยืนมองดูทุกสิ่งทุกอย่างเผาไหม้ไปจนหมดสิ้นเขามองเปลวเพลิงเบื้องหน้าอยู่นานสองนาน ควันสีดำที่พวยพุ่งไปบนท้องฟ้า ความหนาวเย็นเริ่มมาเยือนจนไอควันปรากฏขึ้นเมื่อชายหนุ่มหายใจเข้าออก ตอนนี้ใบหน้าของเขาดูเรียบเฉยจนมองไม่ออกว่าเขายังโมโหที่ต้องโต้เถียงกับกับอีกฝ่ายอยู่หรือไม่ จนมายุที่เตรียมตัวไปอาบน้ำ จึงถือกะละมังไม้ออกมาพร้อมกับเครื่องใช้ส่วนตัวรวมถึงเสื้อผ้า ทั้งสองหันมาพบกันพอดี จนเธอชะงัก ก่อนจะคำนับอีกฝ่ายและเดินออกไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด
“ให้ข้าไปด้วย”หญิงสาวถึงกับหยุดกึกและหันไปมองอีกฝ่าย
“ดิฉันไปอาบน้ำนะคะ!!”เธอรีบหันมาบอกและรีบสาวเท้าออกไปอย่างรวดเร็วโดยไม่รอคำตอบหรือคำอนุญาตของอีกฝ่าย ไดกิเองจึงรีบสาวเท้าไปติดๆ
“ข้าก็จะไปอาบ…เจ้าจะกลัวอะไรกัน ลำธารมันออกจะกว้าง ข้าแค่เดินไปอาบพร้อมกับเจ้าเท่านั้น”เขาเดินตามอีกฝ่ายทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ไปเรื่อยๆ จนหญิงสาวก้มหน้างุดด้วยความอายจนก้มหน้าก้มตาวิ่งจากไป ไดกิมองทรงผมอีกฝ่ายที่สั้นขึ้นมาก แถมเธอยังรวบผมหางม้าขึ้นไปอีกจนผมของเธอโชว์ท้ายทอยที่ขาวเนียน และทรงผมเธอตอนนี้ก็เหมือนทรงผมของผู้ชายเสียมากกว่าในความคิดของไดกิ และก็รีบก้าวยาวไปติดๆ จนมายุต้องหันมาเผชิญหน้ากับเขา
“ท่านไดกิ…หึงดิฉันหรือคะ?”มายุถามอีกฝ่ายเมื่อเธอสังเกตเขามาสักพักแล้ว เะอถามจี้จุดให้อีกฝ่ายเลิกเดินตามเธอเสียที
“หึง?
เจ้าพูดอะไรข้าไม่เข้าใจ”ปิศาจเทนกุกล่าวและรีบเดินนำหน้าเธอไปอย่างรวดเร็ว จนอีกฝ่ายต้องรีบตามไป เบื้องหน้าของทั้งสองเป็นลำธารขนาดใหญ่มีโขดหินขนาดใหญ่มากมายนัก มายุจึงรีบกล่าวขึ้น
"เป็นห่วงยังไงล่ะคะ แต่ก็ช่างเถอะค่ะ ดิฉันคงทำผิดเอง ขอโทษค่ะท่านไดกิ และก็ปล่อยให้ดิฉันไปอาบน้ำได้แล้วล่ะค่ะ"
"ตลกเสียจริงมนุษย์อย่างเจ้าน่ะรึจะมาอาบน้ำในลำธาร ในฤดูนี้ เจ้าจะเป็นหวัดเสียเปล่า ข้าล่ะอยากจะดูเสียเหลือเกินว่าเจ้าจะอาบน้ำด้วยน้ำที่เย็นยะเยือกเช่นนี้ได้หรือไม่"เธอกล่าวออกมาอย่างเย้ยหยัน คงลืมไปชั่วขณะว่าไม่ควรพูดเช่นนี้กับอีกฝ่ายหนึ่ง
"ท่านไดกินี่ทะลึ่งชะมัด ดิฉันจะอาบน้ำ ยังจะมาบอกว่าจะรอดูอีกหรอเนี่ย"เธอตวาดแว๊ดขึ้นมา ใบหน้าแดงก่ำทั้งอายทั้งโกรธอีกฝ่ายหนึ่ง และเหมือนอีกฝ่ายจะเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ามายุก็ยังเป็นผู้หญิงอยู่
"งั้นดิฉันไม่อาบแล้ว"เธอเดินสวนไป แต่ถูกอีกฝ่ายจับแขนเอาไว้
"ไหนๆก็มาแล้ว มาขัดหลังให้ข้าเสียดีๆ"เขาตีเนียนลากอีกฝ่ายไปที่ริมลำธารยามฤดูหนาว ท้องฟ้าสีหม่นคงทำให้หิมะตกในอีกไม่ช้าแน่
“ขัดหลัง??"ร่างบางขนลุกขนชันเมื่อได้ฟัง ยิ่งนึกภาพแล้วก็ยิ่งไม่อยากเชื่อหูตนเองว่าเขาจะสั่งเธอเช่นนี้
"ไหนล่ะ เจ้าเป็นศิษย์ของข้ามิใช่รึ? หรือเจ้าจะไม่ทำ?"เขากล่าวออกมาอย่างยียวน จนอีกฝ่ายยอมแพ้ในที่สุด
"ก็ได้ค่ะแต่ท่านไดกิอาบน้ำแล้วก็รีบกลับนะคะ ดิฉันจะได้อาบน้ำได้อย่างสบายใจต่อ”มายุออกอุบายไล่อีกฝ่ายกลับไปที่เพิงพักเร็วๆ
“ได้..”เขาถอดเสื้อออก เหลือเพียงกางเกงฮากามะเท่านั้น มายุถึงกับตาค้างกับซิทแพคของอีกฝ่าย ก่อนจะรีบหันไปมองทางอื่นเสีย ด้วยใบหน้าที่แดงแป๊ด ก่อนจะรับเสื้อนั้นมาพับเก็บให้เรียบร้อยอย่างปราณีต ก่อนจะมองกลับไปอีกทีชายหนุ่มก็ลงไปนั่งแช่อยู่ในน้ำแล้ว
“เข้ามาสิ มายุ”
เหอะ ไอ้คำพูดเชื้อเชิญแบบนี้มันคืออะไรกัน ท่านไดกินี่นะ ฉันไม่เห็นจะเข้าใจสักอย่างเลย
หญิงสาวเดินเข้าไปนั่งลงที่ริมลำธารด้านหลังเขาก่อนจะวักน้ำขึ้นมารดที่แผ่นหลังกว้างของเขา มือเรียวบางลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลังของเขา จนฮากามะของเธอก็พลอยเปียกไปด้วยจนตนเองหนาวสั่น หากเธอลงไปอาบน้ำเองคงไม่เป็นตะคริวเลยหรือ
“ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะกล้าขนาดนี้ ข้าคงต้องประเมินเจ้าใหม่แล้ว ตอนแรกข้าคิดว่าจะหยอกเจ้าเล่นๆเท่านั้น”เขาหัวเราะในลำคอ และนั่นทำให้มายุถึงกับหน้าตึงขึ้นมา
เวรกรรม...ดันหลงกลไปได้ ท่านไดกิกำลังแกล้งฉันอยุ่สินะ ที่ฉันเถียงท่านไดกิไป...ตอนนี้เถียงไม่ออกเลยเนี่ย
“ถ้าเรื่องนี้คงไม่ดีเท่าไหร่นะคะ”มายุขัดแผ่นหลังให้อีกฝ่ายต่อไปพยายามจะไม่คิดฟุ้งซ่านใดๆ เมื่อเธอต้องจดจ่อกับคำสั่ง ก็พอทำให้มายุลดความโกรธลงได้บ้าง
“ข้าไม่ได้หึงเจ้า ข้าแค่ไม่ไว้ใจเซริว แต่ก่อนเขาจะมาหาข้าเรื่องธุระเท่านั้น แต่ช่วงนี้กลับมาพบเจ้าเท่านั้นจะข้ามหน้าข้ามตาข้าเกินไปแล้ว”ในที่สุดเขาก็กล่าวออกมา
“ถ้าเช่นนั้นดิฉันก็ต้องขอโทษด้วยค่ะ”หญิงสาวกล่าวด้วยความเจียมตัว แต่เธอก็ยังคิดว่าไดกิกำลังหึงเธออยู่ดี
แม้ว่าเขาจะอ้างอย่างไรก็ตาม
ก่อนจะขัดถูหลังของเขาต่อไปโดยที่ไม่มีใครกล่าวสิ่งใดออกมาอีก
ณ วิหารขนาดใหญ่ที่ดูสวยงามตระการตาด้วยหยกนั้นสูงลิบลิ่วจนดูน่าอัศจรรย์ใจนัก ตั้งอยู่บนยอดภูเขาที่ปกคลุมไปด้วยเมฆหมอกดูลึกลับน่าค้นหา ขณะนั้นเองร่างของมังกรฟ้าคำนับอีกฝ่ายที่นั่งอยู่บนบัลลังค์ แต่มีเพียงม่านนั้นกั้นอยู่จึงไม่อาจเห็นได้ว่าคือผู้ใด
“เซริว
ข้าเคยบอกเจ้าไปว่าหากเจ้าต้องการสิ่งใดตอบทานจากการที่มารับใช้ข้า ก็จงบอกมาเสีย
ที่เจ้ามาครานี้ก็คงมีสิ่งที่ข้าจะช่วยเจ้าได้ใช่หรือไม่”
“ขอรับ”เจ้าของดวงตาเรียวสีเงินกล่าวออกมา
“ท่านเบนไซเทนขอรับ ข้านำเส้นผมของมนุษย์ผู้หนึ่งมาให้ขอรับ”ดวงตาสีเงินเป็นประกายเมื่อกล่าวออกมา
“ให้ข้าดูเสียหน่อย”มือเรียวยื่นออกมานอกฉากกั้น ชายหนุ่มค่อยวางห่อผ้าชิ้นเล็กลงบนฝ่ามือของอีกฝ่าย เพียงเธอสัมผัส แสงสว่างเรืองรองก็ปรากฏออกมา
“ช่างน่าสนใจ แล้วเจ้าต้องการให้ข้าทำสิ่งใดกัน?”
“ข้าแค่ไม่ชอบขี้หน้าปิศาจเทนกุตนนั้นนักขอรับ และตอนนี้เขากำลังซ้ำรอยเดิมกับบิดาของเขา
ดังนั้นท่านช่วยตักเตือนเขาหน่อยได้ไหมขอรับ เอาให้ไดกิถึงกับเข็ดขลาบไปเลยขอรับ”
“เจ้าจะให้ข้ารังแกคนอื่นรึ? เช่นนั้นข้าขอคิดดูก่อนเสียแล้วกันว่าจะสั่งสอนเขาอย่างไร แต่เมื่อข้ารับปากเจ้าข้าก็ต้องทำตามที่เจ้าบอกอย่างแน่นอน”เสียงนั้นกล่าวขึ้น เมื่อร่างนั้นสัมผัสเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนก็คลี่ยิ้มออกมาอย่างมีเลศนัย ช่างเป็นเส้นผมที่มีเรื่องราวน่าสนใจมากมายยิ่งนัก
มายุขัดหลังให้ปิศาจเทนกุอยู่สักพักหนึ่ง
ท่ามกลางลำธารที่แสนหนาวเย็นนักจนเธอสั่นเทาด้วยความหนาว
แต่ชายหนุ่มกลับไม่รู้สึกหนาวแต่อย่างใด จนมายุริมฝีปากซีดลงอย่างเห็นได้ชัด
“เจ้าจะขัดหลังข้าอีกนานไหม มาอาบให้ข้าด้านหน้าบ้างสิ”เสียงที่น่าเกรงขามนั้นสั่งขึ้น ร่างบางจึงเดินอ้อมไปด้านหน้า เมื่อคิดว่าจะต้องสัมผัสแผงอกของอีกฝ่ายก็ยิ่งหน้าแดงมากกว่าเดิมจนเหมือนคนเมา
“ถ..ถ…ถ้าดิฉันอาบให้ท่านไดกิแล้ว ท่านไดกิก็รีบกลับไปพักผ่อนนะคะ”ไม่รู้เพราะน้ำที่เย็นจัดจากหน้าหนาว หรือเธอลนลานกับสิ่งตรงหน้าเสียจนไม่มีสมาธิก็กล่าวขึ้น เพื่อจะไล่อีกฝ่ายให้กลับไป แล้วเธอจะได้อาบน้ำ ไดกิยิ้มออกมาแต่เขาไม่ได้กล่าวอะไร จนมายุเริ่มกวักน้ำขึ้นมาและใช้มือลูบไล้ไปทั่วเพื่อล้างเหงื่อและฝุ่นจากลานประลองให้หมด มือใหญ่เอื้อมขึ้นมาสัมผัสที่ผมของหญิงสาวอย่างเบามือ
“ตอนที่เราประลองกันท่านไดกิโกรธดิฉันสินะคะ”มายุกล่าวออกมาและพยายามไม่ให้อีกฝ่ายเห็นว่าเธอเขินอายมากขนาดไหนที่กำลังลูบหน้าอกของเขาอยู่
หากปกติลูกศิษย์ที่เป็นผู้ชายล่ะ ก็ต้องทำแบบนี้ด้วยใช่ไหมนะ...นึกภาพไม่ออกเลยแฮะ
“ข้าภูมิใจในตัวเจ้ามาก เจ้าเก่งกว่าที่ข้าคิด มันยิ่งทำให้ข้าสนุกขึ้นไปเรื่อยๆที่ได้สู้กับเจ้า จนข้าลืมตัวไปหน่อยเผลอใช้พลังกับเจ้าไป…เรื่องนี้ข้าผิดเอง”ไดกิกล่าวออกมาและยอมรับผิดทั้งหมด มายุหันขวับขึ้นมามองหน้าอีกฝ่ายทันทีเมื่อได้ยินเช่นนั้น
“ดิฉันดีใจนะคะที่ท่านไดกิชมดิฉันแบบนี้”มายุยิ้มออกมา
“เจ้านี่ รู้สึกเช่นไรก็บอกออกมาเสียหมด ไม่มีปิดบังเสียจริง ไม่ถูกใจก็เถียงข้าเสียอย่างนั้น ไม่มีใครเคยบอกรึว่าเถียงผู้ใหญ่มันไม่ดี”จากชมกลายเป็นตำหนิเสียอย่างงั้น แต่เขาก็ยิ้มมุมปากออกมา
“ถ้าเช่นนั้นดิฉันก็คงลืมตัวไปเหมือนกันค่ะ ชอบนึกว่ากำลังทำงานอยู่ตลอดเลยค่ะ”มายุกล่าวออกมา
“เจ้าก็เป็นแบบนี้แหละ”คราวนี้เขายิ้มออก คงจะต้องยอมรับจริงๆ ว่าถ้าเรื่องเถียงกันเธอสู้ตายแน่นอน หญิงสาวกระเถิบเข้ามาใกล้เพราะเริ่มไม่ถนัดที่เธอต้องเอื้อมมืออยู่ห่างๆเพราะเขินในตอนแรก รวมถึงมีบางอย่างที่อยากจะคุยกับเขา แต่ไม่มั่นใจว่าเขากลัวคนอื่นได้ยินหรือไม่
“ท่านไดกิคะ อีกไม่กี่วันท่านก็ต้องสู้กับพวกคุโระเฮียวแล้ว ยังไงก็ขอให้ปลอดภัยนะคะ”มายุเองก็มีสีหน้าที่เป็นกังวลนัก ยิ่งกว่าอีกฝ่ายหนึ่งเสียอีก
“ข้าไม่เป็นไรอยู่แล้ว และไม่ได้หวาดกลัวแต่อย่างใด เจ้าไม่ต้องกังวลไป ข้าจะให้พวกมันรับรู้ว่าอย่ามายุ่งกับเทนกุ”
“ค่ะท่านไดกิ”มายุรู้สึกว่าความหยิ่งยโสโอหังของเขาอาจทำให้ไดกิประมาทเกินไป และอยากจะเตือนอีกฝ่าย แต่ไม่รู้จะกล่าวเช่นไร
“ดิฉันเป็นห่วงนะคะ”เธอกล่าวออกมาสั้นๆ และจับกุมมือของเขาที่อยู่ใต้น้ำ ชายหนุ่มนิ่งเงียบและมองหน้าเธออย่างประหลาดใจ ก่อนมายุจะลุกออกไป เพราะถือว่าอาบน้ำให้อีกฝ่ายเสร็จแล้ว
“ท่านไดกิกลับไปพักผ่อนเถอะค่ะ”
“ใครบอกว่าข้าจะไปกัน มาให้ข้าอาบน้ำให้เจ้าบ้างสิ”หญิงสาวรีบวิ่งขึ้นจากน้ำทันทีแต่อีกฝ่ายดันจับมือของเธอไว้แทน
“ไม่เอาค่ะ ดิฉันอาบเองได้!!!”มายุที่อยู่ในท่าคุกเข่าและพยายามจะสะบัดมืออีกฝ่ายออก เมื่อไดกิเห็นว่าเขาหยอกเธอจนพอใจแล้วจึงด้วยสีหน้าที่จริงจัง
“แล้วคิดบ้างหรือไม่ว่าข้าก็เป็นห่วงเจ้า แน่นอนว่าตอนที่ข้าออกไปรบนั้น หากเกิดอะไรขึ้นกับเจ้า ข้าคงกลับมาไม่ทันการ ดังนั้นมายุ
อย่าให้เกิดเรื่องใดๆกับเจ้าเป็นอันขาด ข้าจะปล่อยเจ้าไว้ที่คฤหาสน์คงจะดีที่สุด จะปล่อยให้เจ้าอยู่ที่นี่ข้าก็กังวล”
“ไม่ต้องกังวลไปนะคะ คราวนี้ดิฉันจะไม่ปล่อยให้เกิดเรื่องเหมือนคราวที่แล้วค่ะ แต่ดิฉันเพียงขออยู่ที่นี่กับท่านอาจารย์ได้ไหมคะ ให้มีคนอยู่คอยปรนนิบัติท่าน ส่วนเรื่องที่ท่านกังวลว่าจะพาดิฉันมาลำบากไหม นั่นไม่สำคัญเลยค่ะ ท่านไดกิไม่ต้องห่วงดิฉันค่ะ เพราะท่านมีเรื่องอื่นๆอีกมากที่ต้องห่วงและให้ความสำคัญมากกว่าดิฉันค่ะ”ชั่วแวบหนึ่งที่หญิงสาวมองเห็นดวงตาของชายหนุ่มที่บอกความรู้สึกทุกอย่าง เป็นดวงตาดวงเดียวกับที่เขาเคยมีให้มิวะเมื่อนานมาแล้ว ก่อนชายหนุ่มจะผละออกจากเธอ
“ข้าขอโทษแล้วกันที่อารมณ์เสียใส่เจ้าไป”ไดกิกล่าวออกมา
“ไม่เป็นไรค่ะ
ดิฉันก็ขอโทษท่านไดกิที่เถียงท่าน ทั้งๆที่ท่านเป็นห่วงดิฉัน”เธอคำนับให้เขา
“เจ้ากลับไปที่ค่ายเสีย น้ำในนี้มันเย็นเกินกว่าที่มนุษย์อย่างเจ้าจะอาบได้ เดี๋ยวข้าจะไปสั่งให้การาสุเทนกุไปต้มน้ำมาให้” หญิงสาวคำนับอีกฝ่าย ก่อนจะเดินกลับไปอย่างว่าง่าย
“เป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน”มายุพึมพำออกมา เพราะน้ำในลำธารมันช่างหนาวเสียเหลือเกิน
เมื่อยามเที่ยงคืนผ่านพ้นไปไม่นาน ที่ความมืดมิดปกคลุมไปทั่วทุกที่ มีเพียงคบไฟที่สว่างไสวให้แสงสว่างอยู่บ้าง การาสุเทนกุยังคงจัดเวรยามเดินลาดตระเวณอย่างขยันขันแข็งนัก ทว่าที่ฟูกนอนของชายหนุ่มกลับว่างเปล่าและยังไม่มีร่องรอยการนอนแต่อย่างใด อาจกล่าวได้ว่าตั้งแต่มาที่นี่ ชายหนุ่มยังไม่ได้ล้มตัวลงนอนเลยสักครั้ง มีเพียงเพิงขนาดใหญ่อีกแห่งหนึ่งเท่านั้น ที่ยังมีเสียงพูดคุยกัน ไดกิเองนั้นก็กำลังวางแผนการตั้งรับจากอีกฝ่ายร่วมกับการาสุเทนกุทั้งเก้า ซึ่งเขาไม่ถนัดเท่ากับการเป็นฝ่ายบุกไปเสียเอง จึงต้องคิดคำนึงแผนต่างๆอย่างรอบคอบจนกระทั่งเวลาผ่านไปจนพระอาทิตย์ใกล้ตกดินของอีกวันหนึ่ง หญิงสาวนั่งรออีกฝ่ายแต่ก็ไม่มีวี่แววแต่อย่างใด จนเมื่อเธอได้ยินเสียงคำสั่งของคาบูโตะกับทาโร่ตะโกนให้ทุกคนตั้งทัพ ก็ยิ่งใจหาย ถึงขนาดนึกถึงตอนที่เธอเป็นมิวะ ว่าทำไมเธอจึงผ่านเวลาที่แสนกดดันนี้ไปได้
"ท่านไดกิขอรับ ท่านจะให้ข้าคอยเป็นแม่ทัพอยู่ด้านหลังจริงๆรึขอรับ"เสียงการาสุอาวุโสนามมุราคาวะกล่าวขึ้นด้วยความร้อนรนนัก แม้ทุกสิ่งทุกอย่างจะถูกตกลงกันในที่ประชุมแล้วแต่เจ้าของเสียงนั้นยังไม่อยากเชื่อหูตนเองเท่าไร
"ใช่ เจ้าเก่งกาจการรบและการทำสงครามมากที่สุดจากการาสุเทนกุอาวุโสทั้งเก้าตน ข้ามิได้กังวลว่าข้าที่เป็นผู้นำจะไม่ได้มีหน้าที่เป็นแม่ทัพอยู่เบื้องหลัง ข้าเป็นคนที่มีพละกำลังมากที่สุดที่จะไปต่อกรกับ สามคนนั้น ข้าเหมาะสมที่สุดแล้วกับการเป็นขุนพลเข้าต่อสู้กับอีกฝ่าย ข้าเชื่อว่าเจ้าจะมองแผนการณ์รบได้อย่างทะลุปรุโปร่ง จงมั่นใจในตนเองเถิด"
ร่างบางที่นิ่งฟังบทสนทนาที่เล็ดลอดเข้ามาให้เธอได้ยินนั้นทำให้มายุนั่งไม่ติด เพราะแปลว่าชายหนุ่มต้องออกไปอยู่กลางสนามรบ มายุค่อยๆแง้มมองข้างนอกก็พอดีกับร่างของชายหนุ่มที่สวมชุดเกราะที่ดูหน้าเกรงขามพร้อมกับหน้ากากเทนกุสีแดงที่น่าตาน่ากลัวในแบบที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน
“ขอให้ท่านไดกิมีชัยค่ะ”เธอคำนับ ตอนนี้เธอทำอะไรไม่ได้แล้ว นอกจากจะเชื่อใจและมั่นใจในฝีมือของเขา
"ข้าจะต้องไปเป็นขุนพล คอยเป็นกำลังใจให้เหล่าการาสุเทนกุ ต้องไปอยู่ด้านหน้าของทัพ ส่วนตำแหน่งบัญชาการ ข้าให้เป็นหน้าที่ของมุราคาวะ การาสุเทนกุอาวุโสที่จะอยู่ด้านหลังสุด เจ้าเองก็ดูแลรักษาตนเองเป็นอย่างดีด้วย ข้าต้องไปแล้ว"ดวงตาสีดำจ้องมองเธอผ่านหน้ากากนั้นก่อนจะเดินจากไป หลังจากนั้นมายุได้เพียงภาวนาเท่านั้นไม่ให้มีสิ่งใดเกิดขึ้น และเธอก็ต้องอยู่ภายในเพิงที่พักเท่านั้น หญิงสาวกระวนกระวายอยู่นานเธอเดินไปรอบๆอยู่ตลอดเช่นนั้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
จนกระทั่งเวลาผ่านไปเรื่อยๆจนเกือบจะครบวัน เสียงเจี๊ยวจ๊าวด้านนอกก็ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ มายุที่นั่งหลับด้วยความเพลียอยู่จึงตื่นขึ้นในทันที ดูเหมือนว่าทัพของเขาจะกลับมาแล้วทว่าภาพเบื้องหน้าที่เธอเห็นนั้นคือคาบูโตะ ที่ประคองไดกิเข้ามาอย่างร้อนรนและดูตื่นตกใจอย่างมาก
“มายุ ท่านไดกิถูกลูกศรเงิน ได้รับบาดเจ็บ!!”หญิงสาวก็วิ่งไปประคองชายหนุ่มไปนอนที่ฟูกนอน ลูกศรเงินดังกล่าวนั้นปักอยู่ที่ปีกสีดำขลับของเขา ส่วนไดกิเองก็ไม่ได้ร้องหรือแสดงสีหน้าเจ็บปวดใดๆออกมา
“ข้าไม่เป็นไร เจ้าเลิกรนเสียทีคาบูโตะ ไม่เช่นนั้นเจ้าจะถูกลูกศรเกี่ยวผิวของเจ้าไปด้วย”เขาเตือนการาสุเทนกุ
“แต่มันร้ายแรงกับปิศาจมากนะขอรับ.. มายุเจ้าเอาลูกศรออกให้หน่อย”สิ้นเสียงคำสั่งมายุ ก็ตรงเข้าไปหาไดกิ และหักก้านธนูส่วนหัวทิ้งก่อนจะค่อยนำปลายธนูออกมา อย่างรวดเร็ว
“แต่พลังของข้ามันหายไปเร็วมาก!! คงเป็นแผนเจ้าพวกนั้น”ชายหนุ่มลุกขึ้นยืน และพยายามจะออกไป แต่มายุรั้งเอาไว้
“ตอนนี้ท่านพักก่อน ให้ทาโร่กับคาบูโตะไปแทนท่าน สักครู่หนึ่งอย่างน้อยให้เลือดของท่านหยุดไหลก่อน”มายุสั่งอีกฝ่าย ไดกิจึงนั่งลงพัก สภาพของเขาดูไม่มีบาดแผลใดนอกจากลูกธนูนั้น
“ข้าไม่ใช่ผู้ที่หลบอยู่หลังคนอื่น
ข้าสู้กับคุโระเฮะบิ คุโระโทะริ
และคุโระเฮียว พร้อมกันที่เดียวสามคน แต่ว่าข้าดันประมาท เปิดช่องว่างทางด้านหลังของข้า จึงถูกอสูรที่คอยหลบอยู่ตามต้นไม้ยิงธนูใส่...ไม่นึกเลยว่าจะใช้วิธีเช่นนี้เล่นงานข้า ข้าประมาทเกินไปจริงๆ” มายุตรวจดูลูกศรเงินที่ดูคุ้นตานัก ก่อนจะนึกบางอย่างขึ้นมาได้ว่าเธอเคยเห็นลูกศรนี้มาแล้ว
“ท่านไดกิ เดี๋ยวดิฉันจะทายาให้นะคะ”มายุหยิบขวดยามาแล้วค่อยบรรจงทาลงไปที่ปีกของอีกฝ่าย
“หัวลูกศรมันเป็นเงินคงทำให้แผลของข้าหายช้า”
“ท่านไดกิระวังตัวด้วยนะคะ ถ้าท่านไดกิเป็นอะไรขึ้นมา พวกการาสุเทนกุคงทนไม่ได้แน่ๆค่ะ”มายุกล่าวก่อนจะออกไปจากเต็นท์ เบื้องหน้าของเธอนั้นยังมีเสียงสู้รบดังแว่วๆมาแต่ไกล ร่างสูงใหญ่เดินออกมาจากเพิงที่พัก มาติดๆ
“เจ้ากลับไปอยู่ข้างใน ข้าคงต้องไปจริงๆแล้ว”ร่างนั้นกางปีกบินออกไป แต่มายุก็ยังเห็นได้ว่าเขายังบาดเจ็บอยู่ ในมือของเธอกำลูกศรเงินไว้ และมองดูที่ด้ามไม้ที่สลักชื่อตระกูล
“เจ้าพวกนั้นไปได้มาจากไหนกัน”หญิงสาวจึงเข้าไปในเพิงอีกครั้งก่อนจะหยิบห่อผ้ากำมะหยี่ที่เทพเซริวนำมาให้ มายุค่อยๆคลี่ผ้าออกช้าๆ จนพบกับดาบคามินาริ มายุหยิบขึ้นมาพิจารณาดูช้าๆ ก็พบว่าคงเป็นดาบเล่มนี้จริงแต่น่าประหลาดที่ไม่มีใครรู้ถึงพลังของดาบเลย มายุไม่มีเวลาสงสัย เธอรีบออกไปก่อนจะคว้าชุดเกราะมาได้จึงรีบแต่งตัวอย่างไม่ลังเลและออกเดินทางเข้าไปในป่าทึบที่ติดกับสนามรบในทันที เธอต้องจัดการปิศาจที่คอยดักทำร้ายชายหนุ่มให้ได้
เธอนึกอยู่ในใจลูกธนูนั้นไม่ใช่ของใครนอกจากเป็นของซามูไรสามีของมิวะที่เคยใช้ยิงคาบูโตะ แต่เพราะเหตุใดจึงมาอยู่กับปิศาจเหล่านี้ได้ เธอเองก็ไม่อาจทราบและไม่ต้องจะทราบด้วย แต่รู้เพียงว่าต้องหาลูกศรที่เหลือให้พบตามจำนวนที่มันเคยมีอยู่ หญิงสาวสอดส่องอย่างระแวดระวังไปทุกทิศทาง แสงอาทิตย์เมื่อยามบ่ายคล้อยทำให้เธอยังเห็นเส้นทางได้สะดวกนัก แต่หากเสียเวลาไปอีกสักนิดเธอคงจะเป็นฝ่ายลำบากเสียเอง เธอเดินลัดเลาะและมองสมรภูมิรบอยู่ห่างๆนักและเห็นการต่อสู้ที่ชุลมุลวุ่นวาย เพียงแต่เธอมองเห็นไม่ชัดเจนนั้นจึงไม่อาจบอกได้ว่าใครเป็นใคร แต่เธอก็ยังเดินต่อไป
เป้าหมายคือไดกิ แม้ว่าเขาจะแยกตัวออกมาจากสมรภูมิก็ยังถูกดักยิงได้อยู่ดี แปลว่า ปิศาจที่คอยยิงนั้นต้องอยู่ในป่านี่แหละ ที่จะเป็นที่พรางตัวชั้นดี และอาจจะต้องคอยดูเป้าหมายอยู่ตลอดเวลาในที่ที่มองได้สะดวก ถ้าเรากำจัดมันได้ท่านไดกิคงได้เปรียบมากขึ้น แต่ตอนแรกต้องหาพื้นที่ที่เหมาะสมเสียก่อน
หญิงสาวเดินไปเรื่อยๆและมองหาทำเลที่ดีที่เหมาะแก่การสอดแนมอยู่นาน สมรภูมิรบช่างกว้างใหญ่นัก และยังไม่รู้ด้วยว่าจะมีอสูรกี่ตนที่ดักซุ่มอยู่ในป่าแห่งนี้ มายุเดินมาเรื่อยๆด้วยมือที่จับดาบไว้แน่นด้วยความรู้สึกลังเลว่าหากเผชิญหน้าอีกฝ่ายจะสู้เขายังไงดี
คิดถูกหรือเปล่าเนี่ยเรา ออกมาข้างนอกแบบนี้มันหาเรื่องใส่ตัวชัดๆ ตอนนี้ไม่มีแผนอะไรอยู่ในใจเลย ทะเล่อทะล่าออกมาโดยไม่คิดอะไรอย่างกับคนโง่เสียอย่างนั้น มายุ...ใจเย็นๆเราต้องคิดแผนให้ออกนะ ตอนนี้ยังพอมีเวลาอยู่บ้าง
ร่างบางพบกับทางเดินเล็กเลาะผ่านหินก้อนใหญ่ไปทางสมรภูมิ และดูเหมือนว่าหากเป็นที่นี่จะมองเห็นได้ชัดนักเพราะเห็นได้จากตรงกลางสนามรบ หญิงสาวค่อยๆเดินเข้าไปตามทางนั้นที่ลาดชัน และก็เห็นทัศนียภาพของสมรภูมิอย่างเด่นชัด มายุเหลือบเห็นอสูรตนหนึ่งกำลังง้างคันศรนั้นใส่สมรภูมิ อย่างตั้งอกตั้งใจ ก่อนจะปล่อยคันศรนั้นออกไปร่างบางรีบเบี่ยงตัวมาหลบอยู่หลังก้อนหินนั้น ด้วยความตกใจ ก่อนจะสบโอกาสเมื่ออีกฝ่ายนั้นกำลังเตรียมเล็งคันสรไปที่ไดกิอีกครั้งด้วยสีหน้าที่หงุดหงิดและไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมาก เธอค่อยๆเดินไปใกล้ๆ ช้าๆด้วยเสียงอันเบาที่สุด
“อะไรวะ!!หลบได้อีกแล้ว ไอ้เทนกุตนนี้นี่!!
กูโดนคุโระเฮียวฆ่าแน่”เขาสบถออกมา
ก่อนจะเหลือบมาสิ่งที่เคลื่อนไหวมาหาเขาทันทีแต่ก็ไม่ทันการณ์ให้ ปิศาจตนนั้นป้องกันตัวแล้ว ใบดาบตวัดเข้าใส่เขาแล้วและถูกฟาดลงมาที่ลำคอก่อนร่างนั้นจะแน่นิ่งไป มายุหยิบธนูและคันศรออกมานับจำนวนดูทั้งหมดที่เหลืออยู่ ก็โล่งใจเพราะไม่ขาดไม่เกินจากจำนวนนี้มากนัก แต่หญิงสาวนึกสงสัยเหตุใดจึงไม่มีเลือดออกมาจากอสูรตนนั้น รวมถึงอสูรตนนั้นเองก็ไม่ได้มีอาการที่ถูกดาบคามินาริดูดพลังไป เธอจึงก้มลงมอง ก่อนจะพบว่าหญิงสาวนั้นถือดาบไม้เคนโด้มาตลอด
“อะไรกัน?!
เมื่อกี้ยังเป็นดาบคามินาริอยู่เลยนี่นา”มายุตกใจจนแทบจะปล่อยดาบทิ้งจากมือ ก่อนจะก็นึกขึ้นได้จึงมองไปรอบๆ ก็พบว่าไม่มีอสูรตนอื่นอยู่อีกแล้วและมองไปยังสมรภูมิด้านหน้า พบว่าเหล่าการาสุเทนกุนั้นมีน้อยกว่ามาก แต่ก็มีฝีมือจนเหล่าอสูรนั้นต้องเป็นฝ่ายที่ถอยทัพ เธอเห็นไดกิอยู่ที่กลางสมรภูมิกำลังสู้กับทั้งสามคน ไม่มีใครพลาดท่าใคร แต่ไดกิกลับอ่อนแรงลงเพราะบาดแผลของคันศรเงิน จนถึงตอนนี้อีกฝ่ายเริ่มดูจะได้เปรียบมากกว่า มายุเริ่มร้อนรนเมื่อเห็นดังนั้นเธอจึงรีบลงไปที่สนามรบอย่างไม่ลังเล เธอนึกถึงคำพูดชวนฉงนของเซริวและคิดว่าเขาคงให้กิ่งไม้ธรรมดาๆที่มีเวทมนต์กิ๊กก็อกบางอย่างคล้ายการแสดงมายากลแก่เธอเป็นแน่ แม้จะดูเป็นเรื่องที่โง่มากก็ตามที่มายุจะลงไปช่วยไดกิ ส่วนหนึ่งในใจลึกๆก็รู้ว่าเป็นบททดสอบที่เซริวมอบหมายให้มา และเธอจะต้องให้ดาบไม้ในมือของเธอกลับมาเป็นคาบคามินาริได้ เพื่อช่วยชายผู้เป็นอาจารย์ของเธอ
“มันขึ้นอยู่กับว่าเจ้าอยากให้มันเป็นอะไร…”
มายุเริ่มเข้าใจสิ่งที่เขากล่าวขึ้น
คล้ายๆกับกระบี่อยู่ที่ใจสินะ ตายแน่ๆๆๆ เห็นชัดๆว่ามันเป็นดาบไม้ หรือเผินๆอาจจะเป็นแค่กิ่งไม่ด้วยซ้ำ แล้วจะต้องเชื่อมั่นในตัวเองขนาดไหนมันจะกลายเป็นดาบคามินาริกันล่ะ
ความคิดเห็น