คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : ท่านอาจารย์
ชายหนุ่มค่อยๆยกเอามือออกจากหน้าผากของมายุอย่างเบามือ เมื่อได้เห็นเรื่องดังกล่าวทั้งหมด ก่อนมายุจะค่อยๆลืมตาขึ้นมาช้าๆ และต่องหรี่ตาลงเมื่อพบกับแสงสว่างจ้าเพราะเธอหลับตาไปนาน
และพบว่าตนเองอยู่ที่ลานกว้างที่ฝึกซ้อมไม่นานัก น้ำตาหยดใสรื้นอยู่ในดวงตาของเธอด้วยความสงสารมิวะอย่างจับใจ
ทั้งๆที่นางเป็นคนสวยแท้ๆ แต่กลับมีชีวิตที่รันทดอย่างไม่น่าเชื่อ
ก่อนความรู้สึกเวียนหัวจะทำให้ร่างบางทรมาณอย่างมาก
“เชื่อแล้วล่ะค่ะว่าการอ่านความคิด มันเป็นการทรมาณคนอย่างหนึ่ง เวียนหัวมากๆเลยค่ะ”เธอกล่าวด้วยเสียงอันแผ่วเบา ก่อนจะคลำให้ร่างของเธอลุกขึ้นยืนได้ก็นานนัก พอจะเดินเข้าร่างบางก็ดันอ่อนปวกเปียกทรุดลงไปนั่งกับพื้น
“ฮือออ จะอ้วกแล้ววว เวียนหัวมากเลย”ร่างนั้นมองไปที่ลานฝึกรอบๆ และวิงเวียนมากกว่าเดิม ความรู้สึกของเธอเหมือนถูกจับให้เล่นรถไฟเหาะตีลังกาสิบรอบติดๆกัน ภาพที่เธอเห็นนั้นหมุนไปมารอบๆอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ส่วนไดกินั้นก็เพียงนิ่งเงียบไป ก่อนจะนำห่อยาห่อเล็กๆออกมาแกะและส่งยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งให้เธอ
“ทานเสียสิ จะได้อาการดีขึ้น”เขาส่งยาเม็ดให้ มายุรับมาก่อนจะกินเข้าไป
“เหม็นเขียว…”เธอทำหน้าเหยเกออกมา แต่ก็ฝืนรับประทานจนหมด
“ไม่น่าเชื่อว่าเป็นเจ้าจริงๆ!!!?”ไดกิพึมพำกับตนเอง เขามองอีกฝ่ายอย่างบอกไม่ถูก
ตอนแรกเพียงนึกสงสัยเท่านั้น แต่ตอนนี้มายุเป็นมิวะมาก่อนจริงๆ
“อยากจะรับคำขอโทษจากข้าไหม…ที่ข้า..เข้าใจทุกอย่างพลาดไป” เขาถามอีกฝ่ายขึ้น และครุ่นคิดกับความรู้สึกของตนเอง
ตอนนี้เขาสงสารมิวะนัก ไม่น่าเชื่อว่าท่านแม่จะเป็นคนลงมือทำทุกอย่างด้วยตนเอง
“ดิฉันไม่ได้โกรธอะไรท่านไดกินะคะ ดิฉันแค่เห็นภาพเหตุการณ์ต่างๆเท่านั้น แต่ความรู้สึกต่างๆของมิวะไม่ได้รับมาด้วยค่ะ แต่ถ้าท่านไดกิอยากจะกล่าวอะไรก็กล่าวเถอะค่ะ คิดเสียว่าถ้ามิวะอยู่ตรงนี้ท่านจะกล่าวอะไรออกมา”
“งั้นข้าอยากขอโทษนาง ที่ตอนนั้นข้าวู่วามมากไปหน่อย ข้าทำร้ายเจ้าแม้จะต้องทำเพราะจำเป็น แต่ข้าก็ยังเจ็บปวดอยู่ดี
ถ้าข้ารู้ว่าเจ้ามีชีวิตที่ยากลำบากเช่นนี้...”เขาถอนหายใจออกมาด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด
“เรื่องอื่นๆท่านไม่ต้องขอโทษแล้วนะคะ ถ้าท่านไดกิรู้สึกผิดที่มิวะต้องออกไปเจอเรื่องราวต่างๆ เรื่องนั้นไม่ใช่ความผิดของท่านไดกิเลยค่ะ”
“และข้าต้องขอโทษเจ้าด้วยมายุ
ที่ข้าทำให้เจ้าป่วยจนหน้าซีดขนาดนี้”ชายหนุ่มกล่าวขึ้นมา และถอนหายใจยาว
“ถ้าเช่นนั้นข้าค่อยสบายใจขึ้นหน่อย”ชายหนุ่มพึมพำออกมา
“แต่ดิฉันก็อยากจะขอโทษท่านไดกิค่ะ ในเรื่องที่มิวะได้ทำลงไป ขอโทษจริงๆค่ะ ถ้าท่านไดกิไม่ยกโทษให้ก็ไม่เป็นไรนะคะ”มายุทำหน้าตาน่าสงสารใส่อีกฝ่าย
“ข้าต้องใช้เวลานานกว่าความโกรธของข้าจะหายไป และมันทำให้ข้าพบกับความจริงในที่สุด ว่ามันต่างจากที่ข้าเข้าใจมาตลอด…มายุข้าก็ต้องขอบคุณเจ้าที่ไม่คิดจะปิดบังเรื่องนี้กับข้า ตอนนี้ข้าไม่ได้เกลียดนางเท่าแต่ก่อนแล้ว กลับรู้สึกสงสารแลสังเวชนางเหลือเกิน”
“ถ้าดิฉันเป็นมิวะ ดิฉันคงกล่าวว่า หลังจากผ่านเวลามาเนิ่นนาน ข้าก็คิดได้ว่านั่นคือหน้าที่ของข้าท่านพี่ ข้าทำหน้าที่อย่างมีเกียรติแล้ว และข้าไม่เสียใจที่ชีวิตข้าเป็นเช่นนั้น”ชายหนุ่มได้ยินคำพูดที่แสนคุ้นเคยก็ยิ้มออกมา เมื่อได้ยินมายุกล่าวเช่นนั้นแม้จะบอกว่านางไม่รับรู้ความรู้สึกของมิวะ
แต่เขาเชื่อว่ามายุต้องเข้าใจมิวะได้เป็นอย่างดีแน่นอน
“เจ้ากล้าหาญมากในการทำหน้าที่ จนกระทั่งชั่วชีวิตของเจ้า”มือใหญ่ลูบหัวอีกฝ่ายอย่างเอ็นดู มายุที่เห็นก็เข้าใจได้ว่าเขาอยากจะกล่าวกับมิวะ ไม่ใช่เธอ
“แต่ว่าดิฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมท่านแม่ของท่านไดกิถึงทำเช่นนั้นลงไป
โดยเฉพาะต้องเป็นวันที่ท่านไดกิต้องออกไปรบด้วย”
“ข้าเองก็ไม่อาจทราบได้
บางทีวันนั้นทุกคนกำลังง่วนอยู่กับการรบกระมัง เลยมีคนเฝ้าท่านแม่เหลืออยู่แค่อายุมุกับมิวะเท่านั้น”ร่างบางพยักหน้ารับทราบ
“ท่านไดกิคะ ท่านไดกิจะให้ดิฉันซ้อมอะไรอีกไหมคะ”มายุรีบลุกขึ้นยืน
“เจ้าไปตักน้ำมาอีกรอบเสียสิ”
“ค่ะ”เธอเดินจากไปอีกครั้งหนึ่ง อย่างว่าง่าย คราวนี้ไดกิแอบตามอีกฝ่ายไปอยู่ห่างๆ เพราะยังไงมายุก็คงยกไม่ไหวอย่างแน่นอน หญิงสาวเดินไปตามทางพร้อมกับถังน้ำ เธอรู้ตัวดีว่ากล้ามเนื้อทุกส่วนของเธอมันปวดล้าอย่างมากแต่เมื่อเธอได้พักแล้วก็น่าจะพอยกไหว จนกระทั่งเธอเดินต่อมาเรื่อยๆ ในใจก็แอบชื่นชมมิวะไม่น้อยเลยที่เธอกล้าหาญนัก หากเป็นมายุตอนนี้เธอคงไม่กล้าทำ พิธีจิไก
อย่างแน่นอน แต่ถ้าท่านไดกิไม่ได้เกลียดมิวะแล้ว เธอจะพอมีหวังหรือไม่ ที่เขาจะชอบเธอ
ทำไมเราจึงหวังลมๆแล้งกันนะ เอ…หรือจริงๆแล้วเราจะนับถือเขาแบบผู้มีพระคุณเหมือนกับที่มิวะเคยอธิษฐานกัน...ไม่สิฉันต้องถามตัวเองว่าทำไมถึงชอบเขากันนะ
ฉันแค่รู้สึกว่าเขาไว้ใจได้ก็เท่านั้นเอง...
มายุเดินต่อไปเรื่อยๆเสียงย่ำใบไม้ของเธอดังก้องไปทั่วบริเวณ จนกระทั่งเธอเดินไปเจอลำธารเสียที หญิงสาวค่อยๆแบกถังน้ำเข้าไปใกล้อย่างทุลักทุเล พื้นน้ำที่มีกรวดหินจำนวนมาก ทำให้มายุเดินบนรองเท้าเกี๊ยะอย่างลำบาก จนเธอต้องถอดรองเท้าก่อนจะเดินลงไป
“โอ๊ย เจ็บๆๆๆ”เธอรีบเดินกลับไปที่รองเกี๊ยะเพราะข้างใต้มีกรวดที่แหลมคมคอยตำเท้าของเธอมายุจึงต้องสวมรองเท้าเกี๊ยะอีกครั้งก่อนจะลองเดินลงน้ำอีกครั้งหนึ่ง แต่ด้วยความที่ร่างกายของเธอล้าจนรู้สึกหนักไปเสียหมดจึงล้มกลิ้ง เนื้อตัวเปียกปอน มายุรีบลุกขึ้นมาด้วยความหนาวสั่นเพราะความเหน็บหนาวของฤดูใบไม้ร่วง
“อะไรของเจ้า มาอู้งานรึ?”มายุรีบเงยหน้าขึ้นมาตามเสียงเรียก ก็พบชายหนุ่มกำลังบินอยู่กลางอากาศ ก่อนจะร่อนลงมาที่พื้น
“เป…เปล่าค่ะ แค่ล้มค่ะ”มายุสั่นหงึกๆด้วยความหนาว และค่อยๆลุกขึ้น
“รีบลุกขึ้นเสีย!!!”เขาสั่ง มายุรีบเดินออกมาแต่ทว่าคนเบื้องหน้ากลับผลักเธอจนล้มกลิ้งอีกครั้ง
“อะไรของท่าน!!?”เธอถามขึ้นด้วยความงงงวย
“ลุกขึ้นให้ได้ จนกว่าเจ้าจะทำให้ข้าเห็นว่าเจ้าพยายาม”มายุลุกขึ้นมาอีกครั้ง และพยายามจะเดินขึ้นฝั่งอีกครั้ง ก่อนจะถูกผลักอีกรอบ แต่คราวนี้มายุคว้าแขนอีกฝ่ายไว้ แต่ก็ถูกเหวี่ยงลงน้ำอีกครั้ง หญิงสาวหอบหายใจอย่างเหน็ดเหนื่อยอยู่สักพัก ก่อนจะรีบวิ่งฉีกไปทางด้านซ้ายด้วยพลังทั้งหมดที่ที่ยังมีเหลือ แต่ชุดที่เปียกน้ำก็หนักเกินทน จนไดกิตามมาทัน น่าแปลกที่ใบหน้าเขาดูจะสนุกกับการสอนเช่นนี้ เหมือนกำลังล่าเหยื่ออยู่ มายุหลับมือกำยำที่พยายามจะคว้าเธอไว้ ว่าแล้วเธอก็รีบหันหลังกับไปขึ้นที่อีกฝั่งหนึ่งดีกว่า มายุเดินลุยน้ำไปเรื่อยๆจนกระทั่งถูกอีกฝ่ายคว้าตัวเธอไว้กลางลำธารนั้นจากด้านหลัง
“เจ้าจะหนีข้ารึ?”
“ดิฉันแค่หาวิธีใหม่เท่านั้นค่ะ หากเราทำอะไรเดิมๆผลมันก็จะเหมือนเดิมนี่คะ”สายตาเขาดูดุขึ้นเมื่อเธอกล่าว แต่ว่ามือของเขาที่สัมผัสผิวที่เย็นเฉียบของเธอ
“ตัวเจ้าเย็นมากแล้ว ขึ้นจากน้ำเสียก่อนดีกว่า มิเช่นนั้นจะไม่สบายเอา แล้วจะไปเป็นภาระให้อากาเนะอีก”เขาปล่อยให้เธอเดินขึ้นมาเอง มายุกำลังก้าวแต่ก็หยุดขึ้น ฉับพลันความเจ็บปวดก็แล่นขึ้นมาจนใบหน้าเหยเก ไดกิที่หันมามองจึงถามขึ้น
“เจ้าเป็นตะคริวรึ? งั้นข้าจะอุ้มเจ้ากลับคฤหาสน์”มายุประหลาดใจ เพราะตั้งแต่เธอกลับมา ไดกิแทบจะให้เธอเดินไปไหนมาไหนเองตลอด จึงพยักหน้าตอบรับ ไดกิจึงโอบร่างของเธอและพาบินขึ้นไปบนท้องฟ้า
“หนาวๆๆ”มายุพยายามขดตัวให้เล็กที่สุดเพราะปะทะเข้ากับลมหนาว จนหน้าของเธอแทบจะมุดเข้าไปในอกของชายหนุ่ม
“มนุษย์นี่อ่อนแอต่อสภาพอากาศจริงๆ”เขากล่าวขึ้น
“ค่ะ ท่านอาจารย์”มายุกล่าวขึ้นมา ดวงตานั้นดูประหลาดใจนิดหน่อย
“ข้าชอบให้เจ้าเรียกแบบนี้ หรือจะเรียกข้าว่าอาจารย์ไดกิดีล่ะ”มายุหัวเราะคิกคัก กับความไม่ถ่อมตัวเสียเลย
“ค่ะ งั้นท่านอาจารย์ไดกิ เลยไหมคะ”ชายหนุ่มหัวเราะในลำคอ
“การที่ข้าได้คุยกับเจ้า ก็สนุกดี..”มายุมองหน้าอีกฝ่ายก่อนจะยิ้มอย่างดีใจ
“แต่เจ้าต้องตั้งใจฝึกมากขึ้นอีก ในวันพรุ่งนี้…”
“ค่ะ ท่านไดกิคะ อย่าหาว่าดิฉันยุ่งไม่เข้าเรื่องเลยนะคะ แต่ตอนที่ท่านไดกิเถียงกับอายุมุ
เธอต้องการจะบอกว่าไม่ให้ท่านรักมนุษย์อย่างนั้นหรือคะ?”
“ก็ใช่…”เสียงของเขาฟังดูจริงจัง
“ท่านไดกิน่าสงสารจังนะคะ”มายุกล่าวออกมา
“เจ้า…เจ้าบอกว่าข้าน่าสงสาร?”ไดกิมีสีหน้าฉงน และดูจะโมโหเมื่ออีกฝ่ายที่กล่าวเป็นเพียงมนุษย์
“ดิฉันหมายถึงว่า พวกเขาสามารถสั่งท่านไดกิในเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับการทำงานของท่านเลย ถ้าเช่นนั้นหากมีอะไรที่ขัดใจพวกเขา ก็คงสั่งท่านไดกิอีกสินะคะ”
“ก็ประมาณนั้น แท้จริงแล้วนางห้ามมิให้ข้าสาบานกับมนุษย์อย่างที่ท่านพ่อกับท่านแม่ของข้าเคยสาบานไว้ว่า หากจะตายก็ต้องตายพร้อมกัน ตอนนั้นข้าก็เข้าใจเหตุผลของพวกเขานะ ซึ่งตอนนั้นข้าก็ตกลงว่าจะสาบานกับเหล่าการาสุเทนกุเสีย เพื่อให้พวกเขาสบายใจ แต่พอเจ้ากลับมา เขาก็ชอบเข้ามายุ่งกับชีวิตข้า และจู่ๆก็ยกเรื่องที่ห้ามข้ารักกับมนุษย์ขึ้นมา ทั้งๆที่ข้าไม่ได้ทำเช่นนั้น และในวันนี้นางยังขอเรื่องอื่นอีกคือให้เจ้าออกไป ข้าไม่น่าหลงกลนางเลยเหตุใดจึงได้คืบเอาศอกเช่นนี้กัน ข้าล่ะคิดว่าต่อไปนี้จะไม่ฟังนางแล้ว” มายุฟังไดกิบ่นและเข้าใจว่าเขาเองก็ต้องกล่าวปรามเธอไปในทีเช่นกัน
“ค่ะ ถ้าเช่นนั้นดิฉันเองก็จะนับถือท่านไดกิในฐานะอาจารย์ก็คงไม่เป็นไรสินะคะ”
“ใช่ ถ้าไม่เช่นนั้น
เจ้าก็จะอยู่ที่นี่ไม่ได้...ที่ข้ารับเจ้าก็ก็เพราะอยากให้เจ้าปกป้องตัวเองให้ได้บ้างก็เท่านั้น
ข้ามิได้อยู่ช่วยเจ้าไปเสียทุกทีหรอก”
“ขอบคุณท่านไดกิมากค่ะ”เธอกล่าวออกมา อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้เกลียดเธอ
“แต่ในวันนี้ เจ้ายังต้องฝึกเพิ่ม ในวันรุ่งขึ้นข้าฝากเจ้าให้เดินไปตักน้ำจากลำธารเช่นเดิมให้ครบสามครั้งให้ได้ หากยังทำไม่ได้ข้าก็ต้องฝากให้เจ้าทำให้จนได้ ให้ข้าเห็นความพยายามของเจ้า จากนั้นข้า
จะพาเจ้าไปในทุกๆที่ที่ข้าไป”
“ค่ะท่านไดกิ ดิฉันจะพยายาม”เธอกล่าวด้วยความดีใจ ที่อย่างน้อยเธอก็สามารถอยู่ในฐานะที่น่าจะช่วยไดกิได้บ้างไม่มากก็น้อย ไม่นานนักทั้งสองก็มาถึงที่หมาย ขณะที่มายุมาถึงก็ปวดกล้ามเนื้อไปเสียทั้งตัว กระทั่งอากาเนะกำลังจะพาเธอไปทายา แต่ไดกิห้ามเอาไว้
“ข้าจะทายาให้นางเอง ส่วนเจ้าไปเปลี่ยนเสื้อเสียเถอะ และมาหาที่ห้องของข้า ข้าจะทายาให้เจ้า”
“ห๊ะ???”มายุกับอากาเนะประสานเสียงพร้อมกัน
“ไม่นะท่านไดกิ ให้คุณอากาเนะทายาให้ดิฉันจะดีกว่านะคะ”มายุรีบวิ่งไปหลบข้างหลังอีกฝ่าย
“นั่นสิเจ้าคะท่านไดกิ”เธอรีบกล่าว
“นางเป็นศิษย์ของข้า ข้ามีสิทธิเด็ดขาดในตัวนางที่จะสั่งอะไรก็ได้”
“ข้าเข้าใจเจ้าค่ะ แต่นางเป็นผู้หญิงบางอย่างมันก็ไม่เหมาะเจ้าค่ะ หรือท่าน...อยากทำพิธีชูโดะ….ข้าล่ะกะไว้แล้ว ท่านไดกินี่ร้ายยิ่งนักเจ้าค่ะ”อากาเนะยืนกอดอกตนเอง และพูดทุกสิ่งที่เธอคิดออกมา การาสุเทนกุที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าห้องถึงกับหูผึ่งกับคำพูดนั้น
“ช…ชูโดะ”มายุดูงงงวยกับพิธีดังกล่าวนัก เธอไม่รู้ว่ามันคือพิธีอะไรและทำไมทุกคนถึงทำหน้าตื่นตกใจขนาดนั้น
“เจ้านี่ทำให้ไก่ตื่นได้เก่งเสียจริงนะ อากาเนะ”เขายิ้มเหยียดออกมาอย่างมีเลศนัย ก่อนจะหุบยิ้มลง
“ไปเปลี่ยนเสื้อ และตามข้ามา…”เขากล่าว มายุจึงหายเข้าไปในห้องของตน
และเปลี่ยนเสื้อเสียให้เสร็จสรรพเปลี่ยนชุดที่เปียกปอนเป็นชุดยูกาตะและรีบออกมาเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายรอนาน
และเดินไปหาเขา แต่ถูกอากาเนะกันเอาไว้ไม่ให้ไป
“อย่าไปเจ้าค่ะ…”อากาเนะเองก็รั้งอีกฝ่ายไว้อย่างสุดความสามารถ จนมายุได้แต่ยืนนิ่งไม่รู้จะไปทางไหน
“อากาเนะ!! นั่นท่านไดกินะ ท่านไม่ทำอะไรเช่นนั้นให้พวกการาสุเทนกุอาวุโสเขาเคลือบแคลงใจหรอก”ทาโร่กล่าวขึ้น
“แล้วเจ้ายังเถียงท่านไดกิอีก เจ้าบ้าไปแล้ว!!!”คาบูโตะกล่าวออกมา จนอากาเนะเองต้องยอมล่าถอยไปและยื่นผ้าพับให้หญิงสาว ในที่สุด
ส่วนชายหนุ่มคราวนี้ก็กวักมือเรียกเธอเสียอีกทีหนึ่ง
“เข้ามาที่ห้องข้า…”มายุกลั้นใจเดินเข้าไปในห้องนอนใหญ่ของไดกิตามคำสั่งยังไงครั้งหนึ่งที่เธอเข้ามาแล้ว ครั้งนี้คงไม่ต่างจากเดิมนักแต่ทำไมถึงอยากให้เธอเข้ามาในห้องกันนะ ชายหนุ่มนั่งลงที่ปลายเตียง และมองทางนอกหน้าต่าง เธอจึงค่อยๆเดินออกมาจนถึงปลายเตียง พอดีกับเขาที่มองมาที่เธอและเรียกให้เข้ามาใกล้
“ครั้งนี้ข้าทายาให้เจ้าเป็นตัวอย่าง ครั้งหน้าเจ้าต้องทายาให้ข้าล่ะ”
“ค่ะ งานปรนนิบัติท่านอาจารย์สินะคะ”
“แล้วเจ้าจะหวังวิชาความรู้จากข้าอย่างเดียวรึ? เจ้าก็ต้องปรนนิบัติข้ากลับด้วย”ไดกิกอดอกของตนเอง เธอกลับมองเห็นชายแก่ในตัวเขา เหมือนปรมาจารย์ในหนังกำลังภายในที่อยู่บนยอดเขาอย่างใดอย่างนั้น ก็อดที่จะกลั้นหัวเราะออกมาไม่ได้
“ค่ะ”มายุกล่าวออกมา
ถ้าแค่ทายาคลายกล้ามเนื้อให้เขา คงไม่ยากเกินความสามารถเธอหรอก
งานเบ๊ส่วนตัวนี่นา ท่านไดกิไม่มีใครคอยนวดให้หรือยังไงกันนะ?
มายุนึกในใจแต่เธอเองก็ต้องเข้าใจว่า มันคือธรรมเนียมปฏิบัติที่เธอจะไม่มีทางเจอแบบนี้ได้ที่ไหนอีกแล้ว ไดกิถลกแขนเสื้อของอีกฝ่ายขึ้นก่อนจะนำสมุนไพรหลายชนิดออกมาและตำให้ละเอียด ก่อนจะนำมาพอกไว้บนแขนที่เรียวเล็ก มายุตั้งใจดูอย่างน่าสนใจ แม้ว่าเธอจะเห็นและกินยาสมุนไพรมาหลายครั้ง แต่เธอไม่เคยเห็นวิธีการทำแต่อย่างใด
“พวกท่านปรุงยาได้เก่งจังเลยนะคะ”เธอกล่าวชื่นชมอีกฝ่าย แน่นอนว่าสำหรับหญิงสาวสมัยใหม่การที่ถูกจับแขนเช่นนี้ก็คงไม่คิดอะไรมาก ต่างจากอากาเนะนักที่ได้แต่แอบมองอยู่ที่ช่องประตูด้วยความตกตะลึงจนคาบูโตะต้องไล่เธอออกไป
“พวกข้าอยู่ในป่าเขา ก็ต้องรู้เรื่องสมุนไพรเป็นอย่างดี ในที่นี้ไม่มีต้นไม้หรือต้นหญ้าใดที่พวกข้าไม่รู้จัก”
“ค่ะ ดิฉันเชื่อท่านอาจารย์ค่ะ”ไดกิยิ้มออกมาอย่างพอใจ ดูเหมือนว่าเขาจะชอบให้เธอเรียกเขาเช่นนี้ เมื่อเธอพอกจนถึงเวลาสักพักหนึ่งจึงล้างออก และเธอก็นำยามที่เหลือมาพอกที่แขนอีกข้างหนึ่ง
“หายปวดเร็วอยู่เหมือนกันนะคะ”เธอกล่าว
และพลิกดูแขนของเธอไปมา
“เจ้าเองก็ต้องพักกล้ามเนื้อเสียบ้าง ไม่งั้นต่อให้ยาดีแค่ไหน มันก็ไม่ได้ผลหรอก”
“ค่ะ ท่านอาจารย์ไดกิ”ก่อนเขาจะเงียบไปสักครู่หนึ่ง
“ที่จริงในคืนก่อนนั้นข้าสงสัยนัก
เจ้าอยากจดจำข้าเสียขนาดนั้นเพราะเหตุใดกัน
เจ้าเห็นว่าข้าสำคัญกับชีวิตเจ้าขนาดนั้นเลยรึ มายุ...เจ้าบอกว่าชอบข้า มันจริงรึ?”ในที่สุดชายหนุ่มก็ถามไถ่ขึ้นมาบ้างในสิ่งที่เขากังวลนัก
“ค...ค่ะ”มายุหลบตาอีกฝ่าย เพราะเธอกล่าวเช่นนั้นจริง และรู้สึกอายนัก จนแทบอยากจะมุดดินหนี
“ข้ามิได้ชอบเจ้า มายุ
มิใช่เรื่องที่เจ้าคือมิวะ แต่เจ้าเป็นมนุษย์
ข้ายังยืนยันว่าข้าตอบรับความรู้สึกของเจ้าไม่ได้”ไดกิกล่าวออกมา มายุได้แต่นิ่งอึ้งไปสักพัก
และกล่าวออกมาด้วยใบหน้าที่ไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไร
“ค่ะ ขอบคุณท่านไดกินะคะ ที่ท่านบอกมาตรงๆ”คราวนี้เธอยิ้มออกมาได้ แม้จะถูกเขาปฏิเสธก็ตาม ก่อนจะกล่าวต่อ
“คนทุกคนก็อยากให้เวลาของเรากับคนรักนั้นเดินไปพร้อมๆกันค่ะ ดิฉันเองก็อยากจะได้เช่นนั้น ไม่ว่าจะเติบโตไปพร้อมกัน แก่ลงไปพร้อมๆกัน ถ้าเป็นแบบที่ท่านไดกิกล่าว ก็คงเศร้ามากแน่ๆค่ะ ถ้าเป็นหนังสือ ก็คงเป็นแนวโศกนาฎกรรม… ดิฉันดีใจที่ท่านไดกิไม่ได้รังเกียจดิฉัน
และยังรับดิฉันมาเป็นลูกศิษย์เสียอีก แม้ว่าการที่ดิฉันเป็นมนุษย์นั้นมันจะเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้
แต่ก็ดีแล้วที่ท่านไม่เกลียดดิฉัน เช่นเดียวกับเกลียดมนุษย์คนอื่นๆ”มายุ คลี่ยิ้มออกมา
“เจ้าคิดเช่นนั้นจริงรึ? ถ้าเจ้าเป็นปิศาจก็คงดี ข้าคงชอบเจ้าไปนานแล้ว”ชายหนุ่มรำพึงออกมา โดยที่หญิงสาวไม่ได้ยินแต่อย่างใด
“ดิฉันเข้าใจดีค่ะ แต่ว่าท่านอาจารย์ไดกิ ถ้าดิฉันที่เป็นลูกศิษย์ ตายก่อนท่าน
ท่านจะโศกเศร้าถึงขนาดนี้ไหมคะ ยังไงดิฉันก็เป็นศิษย์คนแรกของท่านเลยนะ”มายุถามขึ้น
และเธอก็นั่งคุกเข่าลงที่พื้น ดวงตาเรียวมองหญิงสาวชั่วแวบหนึ่งก่อนจะกล่าวขึ้นมา
“ข้าก็สนิทกับเจ้าพอดู ก็ต้องมีการโศกเศร้าเป็นธรรมดา…”
“ค่ะท่านอาจารย์”มายุฟังดูก็รู้สึกดีใจ ที่ได้รับรู้ความคิดและความรู้สึกของอีกฝ่ายจริงๆเสียที ก่อนเธอนึกขึ้นได้ว่าเธอพอกสมุนไพรไว้นานแล้ว จึงรีบล้างออก
“เจ้าโกรธข้าหรือไม่ ในคืนนั้นเจ้าร้องไห้เพราะหวาดกลัวข้า…”
“ตอนแรกก็เศร้าค่ะ แต่ไม่เคยรู้สึกกลัวท่านไดกิเลย
เพราะท่านไดกิใจดีกับดิฉันมาตลอด ดิฉันติดหนี้ท่านไดกิไว้มากเหลือเกิน”มายุหัวเราะแฮะๆกลบเกลื่อน ก่อนจะไม่มีใครกล่าวสิ่งใดต่อจนบรรยากาศเริ่มอึดอัด
“ข้าไม่ได้ตั้งใจ ข้าขอโทษ”ไดกิกล่าวขึ้นแม้จะเหมือนพึมพำ แต่เธอได้ยินชัดเจน
“ไม่ต้องขอโทษหรอกค่ะ”มายุรีบกล่าวขึ้นเพราะลนลานทำตัวไม่ถูก ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องคุย
“ท่านไดกิจะให้ดิฉันนวดให้ไหม เอ๊ย…ทายาให้ไหมคะ”มายุลนลานเสียจนพูดผิดพูดถูก เธอไม่น่านึกในใจเลยว่าไดกิอยากจะโดนนวดบ้างไหม มายุจึงแทบจะหันหน้าหนี
“ก็ดี…แต่ข้าไม่ถึงกับปวดจนถึงกับต้องทายา งั้นเจ้ามานวดให้ข้าสิ”มือใหญ่ตบลงบนเตียงเบาๆ ให้เธอขึ้นมา แต่มายุไม่กล้าขึ้น
โอ็ย
ไม่น่าพูดผิดเลย
เธอยืนอยู่อย่างนั้นพร้อมกับกุมขมับ แต่สุดท้ายเธอก็ต้องขึ้นไปนั่งบนเตียงในที่สุด ยังไงเธอก็เป็นคนเสนอเขาเองก็ต้องรับผิดชอบกับคำพูดตนเองไปด้วย
“นวดหลังนะคะ”มายุคลานไปนั่งด้านหลังของอีกฝ่าย และใช้สองมือบีบนวด
“นวดเบาไป ข้าแทบจะไม่รู้สึก”มายุชะงักไป แต่ก่อนที่จะนวดต่อ อีกฝ่ายจึงถอดเสื้อออกและปล่อยให้เสื้อนั้นหย่อนลงมากลางหลัง เป็นครั้งแรกที่มายุเห็นแผ่นหลังที่ผิวขาวเผือกและกล้ามเนื้อที่ดูเหมือนเขาฝึกการต่อสู้มายาวนาน
โอยยยยย ทั้งๆที่รู้ว่าฉันชอบเขา
ก็ยังทำแบบนี้เนี่ยนะ
ไม่ได้ๆเขาเป็นอาจารย์นะ
และก็...ปฏิเสธความรู้สึกของฉันไปเรียบร้อยแล้วด้วย ช่างมันเถอะ
กลับไปที่ห้องแล้วค่อยคิดก็แล้วกัน ตอนนี้ต้องดูแลไดกิก่อน
ทำไมท่านไดกิต้องทำให้ฉันสับสนแบบนี้ด้วยนะ
“นวดบ่าให้ข้าก็พอ นวดแรงๆล่ะ”มายุค่อยใช้มือสัมผัสไปที่บ่าที่เปลือยเปล่าและนวดช้าๆ เธอใช้หัวแม่มือกดลงไปที่กึ่งกลางสะบัก แต่การนวดบ่าที่ดูจะง่ายก็กลับไม่ง่ายนัก เมื่อปีกนกสีดำอันใหญ่ของเขามันขวางไปเสียหมด แถมเมื่อเธอนวดไปสักพักปีกนั้นก็เริ่มกางขึ้นนิดหน่อย เหมือนจะบอกว่าเจ้าของร่างนั้นรู้สึกสบายกับการที่เธอนวดนักมายุนวดอยู่สักพักใหญ่จนกระทั่งเธอนั้นเริ่มรู้สึกล้า
“พอแค่นี้ก่อน”ชายหนุ่มกล่าวขึ้น และค่อยสวมเสื้อผ้าให้เรียบร้อยอีกครั้ง ก่อนจะกล่าวต่อ
“เจ้าก็นวดได้ดี ใช้ได้นี่”เขายิ้มมุมปาก
“ขอบคุณค่ะ”มายุกล่าวก่อนจะหันไปมองปีกขนาดใหญ่ที่จะขยับนิดหน่อยเวลาเธอนวดให้เขา
“แค่ใช้ได้เองหรือคะ? ตอนดิฉันนวด
ท่านไดกิแทบจะกางปีกอยู่แล้วค่ะ”เธอหัวเราะคิกคัก ส่วนอีกฝ่ายเพียงถอนหายใจยาวออกมา ก่อนหญิงสาวจะลองเอื้อมมือไปจับปีกใหญ่นั้นด้วยความอยากรู้อยากเห็น ร่างของชายหนุ่มสะดุ้งนิดหน่อย ก่อนจะหันขวับมามองเธอเพียงชั่วครู่ด้วยสายตาที่ดุและหันกลับไป
“เจ้าทำอะไรน่ะ!!”เขาถามขึ้น
“ก็ แค่อยากรู้ว่าปีกเป็นยังไงค่ะ เพราะปีกท่านไดกิสวยมากเลยค่ะ ละสายตาไม่ได้เลยค่ะ”พูดจบมายุก็ยังลูบปีกนั้นเบามือ
“…เจ้านี่นะ…”ใบหน้าของไดกินั้นแดงแป๊ดเมื่อได้ยินอีกฝ่ายชม
“ไม่เคยมีใครจับปีกของข้ามาก่อน รวมถึงชมด้วย…”
“ทำไมล่ะคะ”เธอถามขึ้น
“ทุกคนในที่นี้ก็มีปีกด้วยกันทั้งหมดมันเลยไม่ใช่สิ่งวิเศษอะไร มีแต่เจ้าที่คงจะสนใจไม่น้อยเลยล่ะสิ และปีกนี้ถือว่าเป็นของสงวนของข้านะ เจ้าจะมาจับง่ายๆแบบนี้ไม่ได้!!”
“ค..ค่ะ!!!
ดิฉันขอโทษค่ะ”มายุรีบปล่อยมือออก เมื่อได้ยิน
“ช่างมันเถอะ…ถ้าอยากจะจับเล่นก็จับไปเสีย อย่าทำขนนกข้าหลุดออกมาก็แล้วกัน”มายุมองขนนกสีดำขนาดใหญ่ อย่างพิศวง
ดูเหมือนจะเป็นขนนกสีดำขลับเหมือนขนของอีกาอันใหญ่ที่สุดเท่าที่เธอเคยเห็นมา
“สวยจังเลย ถ้าเรามีปีกบ้างก็คงจะดี”
“ไม่ยักรู้ว่าเจ้าอยากเป็นปิศาจ”เขากล่าวอย่างติดตลก
“ชีวิตของมนุษย์มันน่าเบื่อค่ะ เราต้องทำอะไรให้เหมือนกับคนอื่น ไม่เช่นนั้นก็จะถูกมองว่าแปลกประหลาด แต่อยู่ที่นี่แล้วดิฉันเหมือนได้มาผจญภัยเจอแต่สิ่งใหม่ๆน่าสนใจ”มายุนึกถึงสังคมที่เธอเคยอยู่ เป็นสังคมของญี่ปุ่นโดยแท้ ที่ทุกคนคาดหวังให้เราต้องทำอะไรแบบคนอื่น ตามคนอื่นตลอด โดยเฉพาะอาชีพของเธอนั้น ยิ่งต้องมีแบบแผนนัก
“ทุกๆที่มันก็ต้องมีแบบแผนธรรมเนียมของตัวเองทั้งนั้นแหละ ที่นี่ก็เช่นกัน เพียงแต่เจ้าอาจจะยังไม่รู้นัก”
“ค่ะ ท่านอาจารย์”เธอกล่าวออกมา แต่ก็มีสีหน้าที่เศร้าสลดลงอย่างเห็นได้ชัด
เมื่อยังไงเธอก็เป็นได้แค่มนุษย์เท่านั้น และรู้ว่าอีกฝ่ายโดดเดี่ยวขนาดไหน
เขาคงไม่ต้องการที่จะมีความรู้สึกพิเศษกับมนุษย์ ที่อ่อนแอและจากเขาไปได้ทุกเมื่อหรอก
หลังจากตั้งแต่วันนั้น หญิงสาวก็ยังคงฝึกทุกวัน แม้ว่าจะปวดตามตัวก็ตามที แต่เธอก็ยังไม่สามารถไปตักน้ำรอบที่สามได้สักทีหนึ่ง และในตอนเย็นไดกิที่กลับมาจากการซ้อมดาบ เขาก็จะมาดูความก้าวหน้าของเธอทุกครั้ง ชายหนุ่มคอยเฝ้ามองเธออยู่ห่างๆ เพียงไม่กี่ก้าวที่เธอเดินมาใกล้เป้าหมายกว่าเดิมนั้น เขาก็ดูจะมีสีหน้าพอใจนัก และไม่กี่วันต่อมา มายุก็ทำสำเร็จก่อนที่เธอจะลงไปนั่งอย่างเหนื่อยหอบและตั้งถังน้ำไว้ให้อาจารย์ของเธอมาตรวจดูและเดินกลับไปพักที่คฤหาสน์ ทว่าเธอก็พบกับเทพเซริวอย่างพอดิบพอดี
“สวัสดีค่ะ ท่านเทพเซริว”มายุคำนับอย่างนอบน้อม อีกฝ่ายที่เดินมาดูต้นไม้ต้นหนึ่งในสวนของคฤหาสน์นั้นหันมามองเธอ ด้วยสายตาที่เย็นชา
“เจ้ายังอยู่ที่นี่อีกรึ เจ้าชื่อมายุใช่ไหม?
ข้าได้ข่าวว่าไดกิรับเจ้าเป็นศิษย์ ไม่อยากจะเชื่อว่าเขาจะเสียเวลาซ้อมมาสอนมนุษย์เช่นนี้”
“ค่ะ ดิฉันผิดเองค่ะที่ขอให้ท่านไดกิสอนให้ แต่ท่านอาจารย์ก็ยังไปซ้อมอยู่นะคะเขาไม่ยอมสละเวลาที่ท่านมอบหมายให้ไปทำอย่างอื่นเสียเปล่าหรอกค่ะ”มายุคำนับ
“พูดได้ดี…แต่เจ้าจะไปสู้กับพวกปิศาจพวกนั้นรึ? เหตุใดไดกิจึงต้องฝึกเจ้าให้ต่อสู้เป็นด้วย”ร่างที่สวมคาริกินุสีน้ำเงินหันมาถาม
“ไม่ค่ะ แต่ดิฉันกลัวถูกปิศาจและมนุษย์ทำร้าย จึงขอให้ท่านไดกิช่วยกรุณาสอนให้ป้องกันตัวเป็นค่ะ”
“เหตุใดผู้หญิงอย่างเจ้าถึงต้องเรียนป้องกันตัว? ข้าล่ะไม่เข้าใจ แต่ก็เอาเถอะ…ไดกิจะสอนเพลงดาบให้เจ้าด้วยรึ?”
“ค่ะ ถ้าดิฉันมีความพยายามมากพอ”
“บางทีเจ้าอาจจะช่วยไดกิ ตอนสู้กับพวกคุโระเฮียวได้…ในเมื่อเจ้าเป็นคนที่จับดาบคามินาริด้วยมือของตนเอง รู้ไหมว่าเหล่าเทพต่างประหลาดใจมากที่เจ้าไดกิสามารถนำดาบนั้นมาให้ข้าได้…ตอนนั้นข้าชะล่าใจไปหน่อย เลยเผลอกล่าวไปว่าจะมอบพลังของเขาคืน…แต่เพราะเจ้า!!”เซริวมีทีท่าไม่สบอารมณ์เท่าใดนัก เพราะอยากจะหาคนที่ต้องคอยทำงานเอกสารให้เขาอีกนาน เขาครุ่นคิดบางอย่างสักพัก และเหมือนจะคิดอะไรออก
“สงครามใกล้เข้ามาแล้ว แม้พวกข้าจะไม่ได้ส่งทัพเสริมมาช่วยไดกิก็ตาม แต่เจ้าจะทำให้เขาชนะศึกนี้ได้แน่ ยังไงเสียเทนกุก็เป็นปิศาจที่ต่อสู้ได้อย่างยอดเยี่ยมเสมอ คงเป็นจะทำความเสียหายให้ทัพของคุโระเฮียว และคุโระโทะริได้มากเช่นกัน”
“ดิฉันหรือคะ?”มายุสงสัย
“ใช่…ไว้ข้าจะบอกเจ้าทีหลังเมื่อเจ้าพร้อมแล้วกัน ตอนนี้ก็ตั้งใจฝึกซ้อมเสียล่ะ”
“ค่ะ ท่านเซริว”มายุคำนับอีกครั้งหนึ่ง ก่อนที่เธอจะถามอีกฝ่ายขึ้นด้วยความสงสัย
“ท่านเซริวคะ…คือว่าทำไมท่านเซริวถึงพูดกับดิฉันที่เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาเท่านั้น ดีกว่าพูดกับท่านไดกิเสียอีกคะ”อีกฝ่ายเหยียดยิ้มออกมาเมื่อได้ฟัง
“มนุษย์มักจะขี้สงสัยอยู่ร่ำไปสินะ แต่ข้าจะบอกให้เจ้ารู้ก็ได้ว่าสาเหตุที่ข้าพูดดีกับเจ้า เพราะ
หนึ่ง เจ้าเป็นอิสตรีที่สวย และสอง
ข้าไม่ชอบไดกิ เจ้านั่นปากดีมาตั้งแต่เด็ก ข้ายังจำได้เมื่อข้าเคยสู้กับเขา เจ้านั่นชอบพูดจาโอ้อวดยิ่งนัก จนน่าหมั่นไส้ ว่าวาจาของเจ้านั่นไม่ได้สนใจว่าข้าเป็นถึงเทพผู้ยิ่งใหญ่ มีอำนาจเหนือกว่าปิศาจกึ่งเทพอย่างไดกิเลย และยังทำเกล็ดที่สวยงามของข้านั้นหลุดไปอีก เป็นนิสัยเสียของเทนกุของแท้เลย เจ้าอยู่ที่นี่ เจ้าเองก็ต้องเคยโดนบ้าง ใช่ไหม?”มายุที่ได้ฟังก็เพียงพยักหน้าช้าๆ
เพราะไม่รู้จะตอบอย่างไร
“แต่ตอนนี้เขาโตขึ้น ค่อยมีความคิดมากขึ้นเสียหน่อย ไม่ใช่นั้นข้าคงส่งซุซาคุมาแทนข้าแล้ว”เซริวกล่าวถึงวิหกเพลิงที่สง่างาม
“ค่ะ ท่านเซริว”เธอคำนับอีกรอบ
“ข้าล่ะแสนจะหมั่นไส้ไดกิ คอยดูนะถ้าข้ามีโอกาส ข้าจะเอาคืนให้สาสม”เซริวหันไปพึมพำกับตนเองก่อนจะเด็ดใบไม้ในสวนทิ้งเป็นว่าเล่น
“นอกจากท่านเซริวแล้ว เทพคนอื่นก็ไม่ชอบท่านไดกิหรือคะ”
“ทุกคนก็หมั่นไส้ไดกิกันหมดแหละ ไม่เว้นแต่อิซานามิ เทพีแห่งความตายก็ตาม คงมีแต่ซุซาคุเท่านั้นกระมังที่เอ็นดูเขายิ่งนัก…”มายุดวงตาเบิกโพลงด้วยความสงสัยและตกตะลึงกับคำพูดดังกล่าวของเทพมังกรฟ้าและรอคอยให้เทพประจำทิศตะวันออกเล่าเรื่องราวให้เธอฟัง
ความคิดเห็น