คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : ความสัตย์จริง
ท่ามกลางความสว่างไสวของเปลวเทียนในตะเกียงที่วูบไหวไปมา ในยามค่ำคืน
หญิงสาวนั่งเบียดชิดกับชายหนุ่มผู้เป็นปิศาจเทนกุในห้องทำงานของเขา เสียจนหญิงสาวเองใจเต้นไม่เป็นจังหวะนัก เมื่อมองใบหน้าของอีกฝ่ายที่เกือบแนบชิดกับเธอ จนกระทั่ง
ปิศาจหนุ่มได้วางพู่กันเขียนงานของตนและออกคำสั่งขึ้นมา
“มานั่งบนตักของข้ามา”หญิงสาวถึงกับหัวใจแทบหยุดเต้นกับคำสั่งนั้น และพยายามขัดขืนสุดชีวิต แต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อเธอไม่สามารถควบคุมร่างกายของตนเองได้เลยเพราะพลังของปิศาจครึ่งคนครึ่งงูนาม คิโยะฮิเมะ
“ค่ะ”ร่างของมายุกล่าวขึ้น และรีบเขยิบมานั่งบนตักอีกฝ่าย
นังงูพิษ พอได้แล้วววว นี่มันร่างกายฉันนะ จะเอาไปนั่งตักใครตามใจชอบแบบนี้ได้ยังไงกัน ท่านไดกิเองก็เถอะ รู้ตัวสักทีสิว่านั่นไม่ใช่ฉัน และมาบอกให้ฉันไปนั่งตักไปได้ยังไงกัน!!
ชั่วแวบหนึ่งที่มายุควบคุมตัวเองได้ จึงพยายามลุกออก แต่ทว่ามือที่แข็งแกร่งได้โอบเอวและรั้งเธอไว้ ไม่ให้ดิ้นไปไหน เมื่อหญิงสาวตกอยู่ในความควบคุมของอีกฝ่ายเรียบร้อยแล้ว มือทั้งสองข้างของไดกินั้นก็เริ่มไต่ไปตามขอบโอบิของเธอ มายุมองอีกฝ่ายอย่างเพลิดเพลินยิ่งนัก
“ไ..ไม่นะ”มายุพยายามร้องออกมา แต่ก็เป็นเพียงเสียงกระซิบเท่านั้น ก่อนจะถูกคิโยะฮิเมะควบคุมร่างกายอีกครั้งหนึ่ง ใบหน้าของมายุปรากฏความดีใจอย่างยิ่งยวดที่ได้ใกล้ชิดกับคนที่เธอแอบรักถึงเพียงนี้แต่มือของชายหนุ่มกลับผละออก
“แค่นี้เองหรือเจ้าคะ”เสียงนั้นบ่งบอกถึงความเสียดาย ฉับพลันมือใหญ่จึงเชยคางอีกฝ่ายเข้ามาใกล้จนใบหน้าของเขากับเธอแนบชิดกัน จนหญิงทั้งสองต่างคิดถึงฉากต่อไปเรียบร้อยแล้ว มายุปิดตาลงช้าๆ และเผยอปากออกมาเล็กน้อย อย่างรอคอยจูบที่แสนหวาบหวามจากอีกฝ่าย ก่อนจะรู้สึกถึงน้ำร้อนที่ถูกกรอกเข้ามาในปาก จนลิ้นแทบจะพองหญิงสาวลืมตาโพลง ก็เห็นไดกิกำลังกรอกน้ำชาใส่ในปากเธอ จนสำลัก มือเรียวผลักอีกฝ่ายออก และหันไปไอไม่หยุด
“นี่อะไรกัน!?” เสียงหญิงสาวตวาดขึ้น ส่วนตัวมายุจริงๆนั้นก็รู้สึกร้อนจนปากแทบจะพอง
“น้ำชา แต่มีสมุนไพรที่…งูไม่ค่อยชอบเท่าไหร่”ชายหนุ่มทำหน้าตาไม่รู้ไม่ชี้ ก่อนคิโยะฮิเมะจะพยายามควักมีดสั้นออกมาจากโอบิแต่ก็หาไม่พบ
“คิดว่าข้าไม่รู้รึ ว่าเจ้าซ่อนอะไรไว้”ไดกิลุกขึ้นยืนในมือของเขาถือมีดสั้นที่ดึงออกมาจากโอบิของอีกฝ่ายหนึ่ง และมองเหยียดอีกฝ่ายหนึ่งอย่างขยะแขยง ส่วนคิโยะฮิเมะนั้น ก็มองตาขวาง
“ทำไมกัน!!”เธอกรีดร้องออกมาดังลั่นด้วยความไม่สบอารมณ์นัก
“เพราะว่าข้าเกลียดมนุษย์ ข้าไม่ได้ชอบมายุด้วย เหตุใดพวกเจ้าจึงคิดว่าข้านั้นจะโง่ถึงเพียงนั้นกัน แค่ข้าเห็นเจ้าครั้งแรกข้าก็ดูออกแล้วว่านั่นไม่ใช่นาง และจะเรื่องกิริยาหน้าไม่อายเช่นนี้อีก”คิโยะฮิเมะที่ได้ฟังก็เงียบลงก่อนร่างของมายุจะทรุดลงกับพื้น เหลือเพียงมายุเท่านั้น แต่เธอไม่มีแรงเหลือที่จะขยับตัวหรือพูดอะไรออกมา เธอทำได้เพียงฟังอีกฝ่ายต่อว่าเธอเท่านั้น
“และเจ้าเองก็ด้วยมายุ!!! ให้คนอื่นยืมร่างตัวเองมาฆ่าข้ารึ เจ้าพวกมนุษย์มันก็เหมือนกันหมด เจ้าเหมือนกับมิวะ นั่นทำให้ข้ายิ่งเกลียดเจ้าเข้าไปอีก หรือต้องให้ข้าบั่นคอเจ้าเสียล่ะ!!! เจ้าช่างโง่เสียจริง!!! มายุ
ข้าหลงนึกมาตั้งนานว่าเจ้าจะไม่เป็นเช่นนั้น แต่ข้าก็คิดผิด เจ้านั้นเหมือนกับนาง เหมือนกันเสียทุกอย่าง ทั้งหน้าตา
และนิสัย รู้ไหมว่าข้าเสียใจที่เจ้าจะฆ่าข้า และหลังจากนี้อย่าถามหาความไว้ใจของข้าได้อีก!!!”ร่างที่นอนนิ่งนั้นได้ยินทุกคำพูดที่เขาต่อว่าเธอแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้
“ท..ท่านไดกิ..ขอโทษ..ษค่ะ”เสียงที่พยายามเปล่งออกมาก็หายไปกับอากาศธาตุ ก่อนสติของเธอจะดับวูบไปเพราะพิษของคุโระเฮะบิได้สลายไปทั้งหมดแล้ว เหลือเพียงความรู้สึกเจ็บปวดที่เธอได้รับเท่านั้น มายุตกอยู่ในห้วงภวังค์อย่างยาวนาน ไม่รู้ว่าผ่านไปกี่วัน จนเธอฟื้นคืนสติ หญิงสาวค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆ อย่างเศร้าสร้อยเพราะรู้ว่าตนเองได้ทำอะไรลงไป ก่อนจะพยายามยันตัวลุกขึ้นแต่ก็รู้สึกเจ็บปวดบาดแผลอยู่ไม่น้อยจนร้องโอดโอยออกมา รอยช้ำทั่วร่างของเธอเป็นสีม่วงอย่างน่ากลัวและดูน่าเกลียด ก่อนจะมองไปรอบๆห้องและพบว่าเธอนอนอยู่บนเตียง แต่ไม่ใช่ในห้องของเธอ แต่เป็นห้องของไดกิต่างหาก มายุรีบลุกมาสำรวจตัวเอง ซึ่งก็ยังพบว่าไม่มีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไป เมื่อนั้นประตูห้องได้เปิดขึ้นอย่างแรงก่อนปิศาจหนุ่มจะก้าวเข้ามาพบเธอ และรีบสาวเท้าเข้ามาอย่างรวดเร็ว จนมายุที่กลัวอีกฝ่ายก็ถอยกรูดไปจนติดผนัง
“มายุ…เจ้าฟื้นแล้ว?”เขาถามเธอ
“ค..ค่ะ”หญิงสาวก้มหน้าไม่กล้าสบตาอีกฝ่ายทั้งรู้สึกผิด
และรู้สึกอายที่ถูกเขาเปลี่ยนเสื้อให้เมื่อวันก่อน ก่อนจะถามขึ้น
“ท..ทำไมดิฉันถึงอยู่ที่นี่ได้คะ”เธอถามขึ้นด้วยตัวสั่นเทา
“ข้าพาเจ้ามาที่นี่เอง...” เขากล่าวออกมาด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย
“ค่ะ....ท่านไดกิคะ ดิฉันขอโทษค่ะ เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อตอนนั้นดิฉันควบคุมตนเองไม่ได้เลยค่ะ”มายุรีบกล่าวออกมาและทำหน้าสำนึกผิด
“เจ้าถูกทำร้ายเพราะข้า ใครเล่าจะไปคิดว่าคุโระเฮะบิจะเล่นวิธีสกปรกเช่นนี้ ข้าเองก็รู้สึกผิดอย่างที่ข้าได้บอกเจ้าไปตอนนั้น ข้ารู้ว่าเจ้าต้องได้ยินที่ข้ากล่าว"ชายหนุ่มผู้มีปีกสีดำขนาดใหญ่กอดอกตนเอง
“ท่านไดกิ...ทราบตั้งแต่แรกเลยหรือคะว่าไม่ใช่ดิฉัน"มายุถามอีกฝ่าย
"แน่ล่ะสิ เจ้าไม่มีทางยอมให้ข้าถอดเสื้อเจ้าหรอก แถมยังทำตัวหน้าไม่อายแบบนั้นด้วย"คำพูดนั้นทำให้ร่างบางตาเบิกโพลงด้วยความอาย ก่อนเธอจะก้มหน้ามุดไปอยู่ใต้ผ้าห่ม
"เอ...หรือว่าจริงๆข้าจะมองเจ้าผิดไปนะ บางทีเจ้าอาจจะเป็นเช่นนั้นอยู่แล้วก็ได้ แต่เจ้าไม่กล้าจะยอมรับมัน"เขาแสยะยิ้มออกมาอย่างยียวน
"ท่านไดกินี่ล่ะก็!!! ดิฉันไม่ทำแบบนั้นเด็ดขาดเลยค่ะ!!!"ร่างบางรีบกล่าวออกมา ก่อนไดกิจะเงียบลงสักพักหนึ่งและตัดสินใจพูดออกมา
“ข้าก็มีบางอย่างจะบอกเจ้า ว่าข้าขอโทษในคำพูดต่างๆของข้า เมื่อคืนข้าหงุดหงิดมากไปหน่อย”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ดิฉันทำผิดไปจริงๆค่ะท่านไดกิ"มายุทำหน้าสำนึกผิด
“แล้วเครื่องรางไม่ได้อยู่ที่เจ้ารึ?”เขาถามขึ้นอย่างคาดคั้น
“อยู่ค่ะ เพราะท่านไดกิให้ไว้ ดิฉันก็เลยเก็บไว้อย่างดี จนกระทั่งเมื่อวานนี้ ดิฉันให้เพื่อนของดิฉันไปตอนที่ ถูกคุโระเฮะบิกับคิโยะฮิเมะไล่ล่าค่ะ”ไดกิที่ได้ฟังก็ถึงกับถอนหายใจออกมา
“เจ้ายังเอาตัวเองไม่รอดเลย….”มายุนึกขึ้นได้ว่า ยูกิถูกคิโยะฮิเมะทำร้าย และดูจะร้อนรนอย่างมาก
“ท่านไดกิคะ ดิฉันต้องกลับไปแล้ว ไม่รู้เพื่อนฉันจะเป็นยังไงบ้าง”
“แล้วเจ้าไม่ห่วงข้าบ้างเลยรึ? เมื่อคืนเจ้ายังจะทำร้ายข้าอยู่หยกๆ จะกลับไปโดยไม่รับผิดชอบเลยรึ?”ไดกิกล่าวด้วยเสียงอันดังและกอดอกแน่น
“ขอโทษค่ะ ท่านไดกิ ดิฉัน..คงไม่ได้ทำร้ายท่านไดกิไปจริงๆใช่ไหมคะ”เธอตอบอย่างตะกุกตะกัก ก่อนจะลุกขึ้นมาดูอีกฝ่ายหนึ่ง
“ในที่สุดเจ้าก็ถาม แต่ข้าไม่เป็นอะไรหรอก”ดวงตาเรียวสีดำดูขุ่นเคืองมากนัก ที่อีกฝ่ายไม่ถามเขาบ้างเลยว่าปลอดภัยหรือไม่ หรือเห็นว่าเขาเป็นปิศาจคงไม่บาดเจ็บอะไรกันง่ายๆจึงไม่จำเป็นต้องถามไถ่
“ขอโทษค่ะท่านไดกิ”มายุรีบกล่าวออกมาและคำนับอีกฝ่าย
“ข้าไม่ได้อยากได้คำขอโทษ…”เสียงอันเย็นยะเยือกกล่าวขึ้น และปล่อยมือจากเธอก่อนจะหันหลังเดินกลับไปฉับพลันภาพความทรงจำของมายุได้ปรากฏขึ้น และเธอบอกกับตัวเองว่า คราวนี้จะไม่ยอมปล่อยให้เขาเดินจากไปทั้งๆอย่างนั้น
“ท่านพี่…”มายุพลั้งปาก กล่าวเช่นนั้นออกไป ก่อนจะเอามือปิดปากตนเองในทันที ไดกิหันกลับมามองและมีสีหน้าประหลาดใจนักที่อีกฝ่ายเรียกเขาเช่นนั้น มายุรีบลุกขึ้นมาจากเตียงและวิ่งไปหาเขาก่อนจะกล่าวออกมา
“ดิฉัน เองก็กลัวจะพลั้งมือทำร้ายท่านไดกิไป และพยายามจะเรียกสติของตนเองอยู่ตลอด ดิฉันขอโทษที่สุดท้ายก็ทำอะไรไม่ได้เลยค่ะ ดิฉันเองก็เป็นห่วงท่านไดกิมาตลอด และก็สำนึกบุญคุณของท่านไดกิมาตลอดเช่นกัน ฉะนั้นอย่าเดินจากดิฉันไปอย่างนี้อีกเลยค่ะ ดิฉันสำนึกผิดแล้วค่ะ” เธอก้มลงไปคำนับเขาที่พื้น
“อ..อะไรของเจ้า ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้!!!”เขาสั่ง มายุรีบลุกขึ้นในทันที ใบหน้าของชายหนุ่มยังมีความระแวงสงสัยในตัวอีกฝ่ายว่าทำไมถึงไม่เหมือนมายุที่รู้จัก
“ท..ท่านไดกิ..”ก่อนที่เธอจะกล่าวสิ่งใดสิ่งที่เธออยากบอกว่าตนเองเคยเป็นใคร อีกาสีดำตนหนึ่งก็บินมาเกาะที่ระเบียง ทำให้ชายหนุ่มผละจากเธอไป หานกสีดำตัวนั้น
“ท่านยามะคาวะส่งเจ้ามาล่ะสิ เจ้ามาได้ถูกเวลาพอดี…”
“กา กา กา
กา”นกกานั้นร้องขึ้น
“อะไรกัน…มายุน่ะหรอ? จะสู้กับผู้ชาย แถมยังทำอีกฝ่ายบาดเจ็บด้วย??หึ…ข้าล่ะเชื่อไม่ลง”เขาหันมามองเธอแบบไม่เชื่อนัก ก่อนจะหันกลับไป แต่มายุชิงถามขึ้น
“แล้วเพื่อนของฉันล่ะ ผู้หญิงผมสั้นๆ”
“กา กา กา”นกกาตัวนั้นกล่าว มายุจึงหันไปมองหน้าอีกฝ่ายอย่างอ้อนวอนให้ช่วยแปลให้เธอฟังให้หน่อย
“ปลอดภัยดี แต่ตอนนี้นางยังตกใจอยู่ เพราะเครื่องรางที่ข้าให้เจ้า แต่เจ้าเอาไปให้นางแท้ๆเลย…”ประโยคหลังไดกิกล่าวเติมขึ้นมาเอง
“แต่คุโระเฮะบิฆ่าคนและเจ้าเองก็ยิงคนจนได้รับบาดเจ็บ ตอนนี้เจ้าเลยกลายเป็นผู้ต้องสงสัยไปแล้ว”หญิงสาวหน้าซีดเมื่อได้ฟัง เมื่ออีกาตัวนั้นได้บินจากไป ไดกิก็หันมามองอีกฝ่าย
“เจ้าจะกลัวอะไร…ยังไงก็อยู่ที่นี่แล้วไม่มีใครเข้ามาพบได้ง่ายหรอก และเจ้าก็ไม่ได้เป็นคนทำ”เขากล่าวออกมาโดยไม่สนใจนัก
“แต่เพราะว่าดิฉันต้องกลับไปยังไงล่ะคะ คงไม่มีปิศาจตัวไหนยอมให้ตำรวจจับหรอกค่ะ…เห้อ
แล้วยังเรื่องยิงคนอีก คราวนี้ถ้าฉันแพ้คดีนะฉันต้องติดคุกหัวโตแน่เลย และถ้าคนที่ดิฉันยิง ตายอีก....อันนี้โทษประหารแน่นอน”เธอพึมพำกับตนเอง แต่ชายหนุ่มได้ยินทุกอย่าง จากนั้นหญิงสาวจึงก้มลงคำนับอีกฝ่าย
“ท่านไดกิอยากจะประหารดิฉันที่พยายามฆ่าท่านไดกิด้วยไหมคะ?...จ..จะประหารดิฉันก็ได้นะคะ เรื่องนี้มันไม่ใช่เรื่องที่จะให้อภัยกันได้ง่ายๆ ดิฉันเข้าใจดีค่ะ”เธอกล่าวออกมาด้วยความไม่แน่ใจนัก
“เหตุใดจึงกล่าวเช่นนี้กัน”
“ดิฉันไม่มีที่ไปแล้ว แต่ความผิดนี้ดิฉันทำผิดจริงๆฉะนั้น ดิฉันขอตายด้วยความผิดที่ดิฉันได้ทำลงไปค่ะ”เธอคำนับอยู่อย่างนั้น เขานิ่งอยู่สักพักใหญ่ก่อนจะถอนหายใจออกมา
“เจ้าไม่ได้ทำอะไรผิด นั่นคิโยะฮิเมะ ไม่ใช่เจ้า… มายุและข้าบอกเจ้าไปแล้ว ว่าห้ามเจ้าจากไปอีก เจ้าจงอยู่ที่นี่เสีย ที่นี่จะไม่มีใครทำร้ายเจ้า นอกจากเจ้าจะทำตัวเอง…”
“ขอบคุณท่านไดกิมากค่ะ”เธอค่อยๆลุกขึ้นมาช้าๆ รู้สึกทราบซึ้งบุญคุณของอีกฝ่ายมากนัก
“เจ้ารู้ไหมว่าอากาเนะมาขอให้ข้า สั่งอีกามาเล่าเรื่องของเจ้าทุกๆวัน ข้า....เอ่อ อากาเนะเป็นห่วงเจ้าจริงๆนะ”เขากล่าวออกมาและหันหลังให้เธอ
“ท่านไดกิมีพระคุณต่อดิฉันมากค่ะ”เธอคำนับอีกทีหนึ่ง แต่ก็อดสงสัยไม่ได้
หัวใจของเธอมันเต้นระรัวขนาดนั้นเพราะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นห่วงเธอเช่นนี้
“แล้วดิฉันจะอยู่ที่นี่ในฐานะอะไรหรือคะ ถ้าท่านไดกิจะให้ดิฉันอยู่…อีกนาน”แน่นอนว่ามาอยู่ที่นี่เธอคงไม่ได้มาอยู่ฟรีๆแน่นอน บางทีเธออาจจะต้องเป็นคนรับใช้ให้เขาก็เป็นได้
“แล้วเจ้าอยากอยู่ในฐานะอะไรล่ะ?”เขาถามขึ้น
“ได้ทุกอย่างเลยค่ะ แล้วแต่ท่านไดกิอยากจะให้เป็นค่ะ”เมื่อชายหนุ่มได้ฟังก็แสยะยิ้มออกมา
“แล้วเจ้าจะเสียใจที่กล่าวเช่นนี้”กล่าวจบเขาก็เดินออกจากห้องไป มายุชะโงกหน้าออกไปที่ระเบียงและเห็น ชายหนุ่มที่ยืนอยุ่ที่พื้นเบื้องล่าง ปีกสีดำก็สยายออกและทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าก่อนจะหายลับไป มายุได้เพียงมองตามไปเท่านั้น ไม่นานนักอากาเนะจึงเข้ามาและพบมายุที่ยืนมองบางสิ่งอยู่ที่ระเบียง ไม่ทันที่มายุได้ตั้งตัวนั้น อากาเนะก็รีบโผเข้ามากอดแน่น จนเธอเจ็บแผลฟกช้ำ
“ข้าเป็นห่วงแทบแย่ ดีที่ท่านไดกิยอมบากหน้าไปขออีกาจากท่านยามะคาวะ มาเพื่อให้ข้ารู้เรื่องของท่านมายุโดยเฉพาะเลย”อากาเนะกอดอีกฝ่ายหนึ่งอีกครั้ง แต่คราวนี้เธอกอดอย่างเบามือ และอากาเนะก็มองไปรอบๆห้องด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย
“เมื่อวานท่านไดกิพาท่านมายุไปนอนที่ห้อง แต่เมื่อเช้าข้ากลับเห็นว่าฟูกนอนของท่านมายุนั้นแทบจะไม่ยับเลย….หรือว่า??!!”อากาเนะมีสีหน้าตกใจสุดขีดเมื่อนึกถึงเรื่องราวเมื่อวานนี้ แถมหญิงเบื้องหน้าของเธอยังเปลี่ยนเสื้อไปเสียแล้ว
“ท่านมายุ นอนที่ห้องท่านไดกิ?
ท่านมายุรู้ตัวไหมว่าทำไมจึงไปอยู่บนเตียงท่านไดกิได้!!!”
“ก…ก็ ถ้าไม่ใช่คุณอากาเนะ ก็คงต้องเป็นท่านไดกิแหละที่อุ้มดิฉันขึ้นไปค่ะ”อากาเนะแทบจะร้องกรี๊ดออกมา และคิดเตลิดไปถึงเรื่องอื่นๆแล้ว เธอเดินไปเดินมาอย่างร้อนรน
“แล้วท่านไดกิไปไหนหรือคะ ปกติท่านไดกิทำงานอยู่แต่ในห้องทำงานไม่ใช่หรือคะ”มายุถามขึ้น และไม่สนใจท่าทางของอีกฝ่ายแต่อย่างใด
“ใช่แล้วเจ้าค่ะ แต่ตอนนี้เหล่าการาสุเทนกุอาวุโสยื่นมือเข้ามาช่วยท่านไดกิทำงานแล้ว งานของท่านจึงน้อยลง แต่ใช่ว่าท่านไดกิจะมีเวลาพักมากขึ้นนะเจ้าคะ ท่านไดกิยังต้องไปซ้อมรบ และฝึกฝนการต่อสู้ด้วยเจ้าค่ะ เพราะอีกไม่นานเจ้าพวกคุโระเฮียวต้องบุกมาอย่างแน่นอนเลยเจ้าค่ะ”อากาเนะเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ที่สำคัญกว่าก็พลอยลืมเรื่องที่ตนตกใจเมื่อครู่ไปเสียสนิท
“แค่ท่านไดกิไม่ได้เข้าร่วมกับพวกเขา เหตุใดจึงต้องมาบุกที่นี่ล่ะคะ? ทำไมไม่ไปทำสงครามโดยตรงกับเหล่าเทพเลย?”
“เพราะว่าพวกเราเองก็ไม่ได้มีค่านักสำหรับเหล่าเทพยังไงล่ะคะ เราแค่รับใช้เทพจนกว่าจะเป็นอิสระเท่านั้น หากเหล่าเทพถูกโจมตี ท่านไดกิจะต้องถูกเรียกไปช่วย แต่ถ้าหากพวกเราถูกโจมตีเสียเอง ท่านเทพไม่มีมาช่วยเราหรอกเจ้าค่ะ แล้วเจ้าคุโระเฮียวก็รู้ดีว่าหากท่านไดกิไปร่วมต่อสู้กับเหล่าเทพนั้น จะทำให้การชนะศึกยากขึ้น เพราะพวกเราเองก็ถือได้ว่าเป็นเทพแห่งการทำสงครามเช่นกันเจ้าค่ะ”อากาเนะกล่าววเยินยอเผ่าพันธุ์ของตนเอง
“แล้วคุณอากาเนะกลัวไหมคะ?”
“ไม่เลยเจ้าค่ะ”อากาเนะหันมายิ้มกว้าง ไร้ความกังวลใดๆ
“คุณอากาเนะคิดว่า ดิฉันควรจะเรียนศิลปะป้องกันตัวดีไหมคะ เพราะหลายครั้งแล้วที่ดิฉันรู้สึกว่าตัวเองเป็นตัวถ่วง ทำอะไรไม่ได้สักอย่างค่ะ”มายุมีสีหน้าที่ครุ่นคิด
“ไม่หรอกท่านมายุ มนุษย์ไม่สามารถสู้กับปิศาจหรือเทพได้หรอกเจ้าค่ะ แต่แท้จริงแล้วมนุษย์ฉลาดกว่าพวกเราเสียอีกนะเจ้าคะ”
“อย่างนั้นหรอ?”มายุสงสัย ก่อนจะกล่าวต่อ
“แล้วถ้าดิฉันฝึกไว้บ้างจะได้ไหม?”
“เรื่องนั้นท่านคงต้องขออนุญาตท่านไดกิเจ้าค่ะ”อากาเนะกล่าว ก่อนจะพาหญิงสาวกลับห้องของตนเพื่อพาไปทายา ในส่วนหนึ่งลึกๆแล้วมายุมีบางสิ่งที่อยากจะถามเธอ แต่ก็ไม่กล้าที่จะเอ่ยออกไป จนกระทั่งอากาเนะทายาให้เธอทั่วตัว เปลี่ยนเสื้อผ้า แต่ปากของเธอก็บ่นไดกิไม่หยุดที่ไม่ยอมทำตามคำสั่งเธอ เมื่อมายุนึกถึงเรื่องราวเมื่อคืนก็หน้าแดงขึ้นมาและซุกใบหน้าลงบนหมอนอยู่นาน ก่อนจะนึกบางอย่างขึ้นมาได้
“คุณอากาเนะ ฉันอยากเขียนจดหมายให้เพื่อนของดิฉันค่ะ เธอคงเป็นห่วงดิฉันมากที่ดิฉันหายไป ดิฉันจะฝากจดหมายให้อีกาตัวนั้นได้ไหมคะ?”
“เรื่องนั้นท่านมายุเองก็ต้องถามท่านไดกิเช่นกันเจ้าค่ะ”
“ดิฉันถามบ่อย จนท่านไดกิคงจะรำคาญแล้วล่ะค่ะ”เธอกล่าวขึ้น จนหญิงผมยาวสีดำหัวเราะออกมา
“ไม่หรอกเจ้าค่ะ ท่านไดกิน่าจะชอบเสียด้วยซ้ำเจ้าค่ะ”มายุแก้มแดงขึ้นมาอีกครั้ง แต่ก็นึกถึงคำพูดที่บอกว่าเกลียดเธอเมื่อคืนก่อนก็ทำให้เธอเงียบลง
เมื่อคืนไดกิพูดถึงใครนะ ฉันเหมือนใครที่ไดกิเคยรู้จัก ไม่สิเขาน่าจะเกลียดเธอเสียมากกว่า คงเป็นเหตุผลที่ไดกิไม่ชอบฉันสินะ…มิวะหรอ...ใช่แน่ๆเลย
“แย่จริงๆเลย ฉันชอบนายมาตั้งสองปีเลยนะ คิดว่าจะตัดใจได้แล้วเสียอีก แต่พอเจอหน้านาย…”มายุบ่นกับตนเอง
ฉันไม่อยากกลับไปนึกถึงเรื่องเก่าๆแล้ว ทำไมก่อนหน้านั้นฉันจึงอยากรู้ด้วยนะว่าฉันเป็นใครมาจากไหน แต่พอรู้แล้วกลับไม่รู้จะบอกเขาอย่างไรดี
“คุณอากาเนะคะ?”เธอเรียกอีกฝ่าย อากาเนะที่นั่งอยู่เป็นเพื่อนเธอ จึงหันมาตามเสียงเรียก
“คุณอากาเนะคะ…. คราวก่อนนั้น ท่านไดกิเคยถามดิฉันว่ารู้จักมิวะไหม คุณอากาเนะรู้หรือเปล่าว่าทำไมท่านไดกิถึงถามดิฉันอย่างนั้นคะ?”อีกฝ่ายเมื่อได้ยินก็ถึงกับนิ่งไปสักพักใหญ่
“เรื่องนั้น…”อากาเนะมีสีหน้าหนักใจนักเมื่อถูกถามเรื่องนั้น
“จะให้ดิฉันถามท่านไดกิเองหรอคะ?”มายุหันมามองอีกฝ่าย แต่เธอเพียงพยักหน้าตอบช้าๆเท่านั้น
“ท่านมายุเจ้าคะ ข้าต้องกลับไปดูแลเด็กๆแล้วเจ้าค่ะ”หญิงในชุดเฮอันโค้งช้าๆ ก่อนจะออกจากห้องไป มายุค่อยๆลุกขึ้นนั่ง รออีกฝ่ายกลับมา ระหว่างนั้นก็พยายามคิดว่าเธอสามารถช่วยไดกิเรื่องอะไรได้บ้าง แต่ก็นึกไม่ออกสักทีหนึ่ง
ฉันทำอะไรได้บ้างเนี่ย?? ทำอะไรก็ไม่ได้สักอย่าง
เมื่อยามเย็นมาถึง เงาของชายหนุ่มผู้หนึ่งที่อยู่กลางอากาศ ท่ามกลางท้องฟ้าสีแสดกับเหล่าการาสุเทนกุที่ติดตามมาเบื้องหลัง หญิงสาวที่นั่งคอยที่ระเบียงก็รีบลุกขึ้นมาต้อนรับอีกฝ่ายทันที ร่างของปิศาจเทนกุค่อยลงมาที่ด้านหน้าคฤหาสน์ หยาดเหงื่อของเขาไหลโทรมกายจนชุ่มไปหมด จากการฝึกฝนการต่อสู้ มายุได้เดินมายืนอยู่ใกล้ๆและมองอยู่ห่างๆเท่านั้น จนชายหนุ่มกล่าวขึ้นมาก่อน
“เจ้าคิดออกหรือยังว่าจะอยู่ที่นี่ในฐานะอะไร?”เขายิ้มอย่างยียวน
“ก็…
อืมม ดิฉันอยากให้ท่านไดกิเลือกให้ค่ะ”
“เจ้าไม่รู้หรือว่าเจ้าเก่งอะไร หรือถนัดอะไร?
แล้วข้าจะรู้ดีกว่าเจ้าได้อย่างไรกัน?”เขามีสีหน้าสงสัยนัก
“ที่จริงก็มีค่ะ…แต่คิดว่าคงนำมาใช้กับที่นี่ไม่ได้ค่ะ”มายุยอมรับออกมาความรู้ที่มีก็ใช้กับที่นี่ไม่ได้เลย
“เจ้าต้องมีสิ…แต่ระหว่างนั้นข้าจะไปอาบน้ำก่อน…”เขาผละออกจากเธอและกำลังจะเดินจากไป
“ดิฉันสามารถ ยิงธนูได้ค่ะ..”มายุกล่าวออกมาก่อนจะเอามือปิดปากตนเองแน่น
แย่ละเราเคยอยู่แค่ชมรมยิงธนูนะ แถมยิงไม่ค่อยแม่นอีกด้วย แบบนี้มันไม่ถือว่าถนัดหรอกนะ
“จริงรึ?
เจ้าดูไม่เหมือนคนที่จะสนใจเรื่องนี้เท่าไหร่”ไดกิเองก็ดูจะไม่ค่อยสนใจสักเท่าใดนัก
นั่นสินะ…มันไม่มีประโยชน์อะไรเลยนี่นา เราทำอะไรได้อีกเนี่ย ทำกับข้าวก็ไม่เก่ง แต่ถ้าทำความสะอาดก็คงได้แหละ
“ด..ดิฉันจะช่วยทำความสะอาดได้ค่ะ”
“ถ้าเจ้าลังเลนัก ข้าเลือกให้เจ้าเอง…”อีกฝ่ายกล่าวออกมาอย่างตัดรำคาญ
“เป็นลูกศิษย์ของข้าเสีย ข้าจะสอนเพลงดาบกับเทนกุซุโมะให้เจ้า เผื่อวันหลังเจ้าจะได้สู้กับใครเขาได้บ้าง”มายุมีสีหน้าดีใจนัก เพราะเป็นสิ่งที่เธอได้แต่หวังในใจอย่างลมๆแล้งๆว่าควรจะไปเรียนป้องกันตัวเองได้แล้ว แต่อากาเนะได้รีบกล่าวขึ้น
“ท่านไดกิจะสอนนางหรือเจ้าคะ?”
“ใช่แล้ว”เขายิ้มออกมาอย่างมีเลศนัย ก่อนจะรับถังไม้ขนาดเหมาะมือจากอากาเนะและบินออกไปอย่างรวดเร็วเพื่อไปอาบน้ำที่ลำธาร หญิงทั้งสองมองหน้ากันตาปริบๆ ก่อนอากาเนะจะรีบกล่าว
“ท่านมายุเจ้าคะ การฝึกนั้นหนักมากนะเจ้าคะ เสียจนการาสุเทนกุด้วยกันยังไม่ไหวเลยเจ้าค่ะ”
“แต่ว่ายังไงดิฉันก็ต้องพยายามค่ะ หากไม่ไหวจริงๆอย่างน้อยดิฉันก็ได้ลองแล้วค่ะ”
“ท่าน…มายุ ท่านไดกิแกล้งท่านชัดๆเลยเจ้าค่ะ”อากาเนะถึงกับเอามือกุมขมับ
“แกล้งยังไงหรือคะ?”
“ถ้าท่านไดกิจะสอนเทนกุซุโมะให้นั้น
มันค่อนข้างจะรุนแรงและอันตรายเกินไปสำหรับผู้หญิง และเพลงดาบนั้น ท่านมายุคงต้องมีพื้นฐานมาก่อนนะเจ้าคะ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ”มายุยิ้มรับและรีบเดินกลับเข้าห้องไปจนลืมว่าเธอยังมีเรื่องที่ไม่ได้ถามไดกิเสียสนิท ไม่นานนักอากาเนะจึงกล่าวลาและออกไปจากห้อง
ลูกศิษย์หรอ…ฟังดูดีนี่นา ต้องเรียกไดกิว่าอาจารย์ด้วยไหมนะ~
เธอนั่งหวีผมตนเองอยู่หน้ากระจกอยู่สักพักใหญ่พร้อมกับฮัมเพลงไปด้วย แต่ก็อดคิดไม่ได้เช่นกันว่าเธอคงถูกตำรวจตามตัวอย่างแน่นอน และคราวนี้เธอออกไปนอกอาณาเขตพื้นที่ของไดกิไม่ได้แน่ๆ เธอคงถูกขังอยู่ในนี้เป็นสิบๆปีแน่นอน หรือไม่อย่างนั้นถ้าเธอถูกฟ้องต่อศาลอาญาว่า ฆ่าคนตาย เธอคงถูกลูกน้องของเคสุเกะฆ่าระหว่างเดินทางไปที่ศาลแน่นอนเลย ตอนนี้เธอพลาดท่าจริงๆแล้ว ออกไปจากที่นี่มีแต่ตายกับตายอย่างเดียวเลย เธอครุ่นคิดกับตัวเองจนนั่งมองกระจกอยู่อย่างเงียบๆนับสิบนาที ด้วยใบหน้าที่เคร่งเครียดมากนัก ตอนนี้เธอจนมุมและแพ้ให้กับเคสุเกะจริงๆแล้ว เมื่อรู้สึกว่าตนเองช่างไร้หนทางก็อดที่จะเจ็บใจมิได้ และเฝ้าโทษตนเองอยู่เช่นนั้น กระทั่งเสียงเปิดประตูเรียกให้เธอหันไปมองผู้ที่เข้ามา
“มาอยู่ที่ห้องเองรึ? ข้าเรียกเจ้าหลายรอบ เจ้าไม่ได้ยินรึ?”เจ้าของดวงตาเรียวกล่าวขึ้น
“ขอโทษค่ะ ที่ดิฉันเหม่อลอยไปหน่อย”มายุยังนั่งมองกระจกเบื้องหน้าเธออยู่อย่างนั้น และถอนหายใจออกมาอย่างเคร่งเครียด
“ท่านไดกิคะ ดิฉันขอฝากจดหมายไปกับอีกา ให้เพื่อนของดิฉันได้ไหมคะ ฉันกลัวเธอจะเป็นห่วงค่ะ”มายุยื่นจดหมายให้เขา
“ตามใจเจ้า หากเจ้าต้องการเจ้าก็เขียนจดหมายและให้ทาโร่ฝากอีกาไปส่งอีกทีแล้วกัน”อีกฝ่ายยักไหล่ ส่วนมายุไม่หันมามองเขาเลย เธอเพียงยื่นหน้าเข้าไปใกล้กับกระจกมากขึ้นพร้อมกับหวีผมไปด้วยเท่านั้น
"ท่านไดกิคะ อาจจะดูเหมือนดิฉันเห็นแก่ตัว ที่รู้ว่าทุกๆคนตอนนี้น่าจะมีเรื่องที่หนักใจกัน แต่ดิฉันอยากขอคำปรึกษาจากท่านไดกิได้ไหมคะ"
"อยากปรึกษาข้าเรื่องอะไรรึ?"เขากอดอกของตน
"ดิฉัน...รู้สึกละอายค่ะ ทั้งๆที่ตนเองเชื่อมั่นมาตลอดว่าจะทำสิ่งที่ถูกต้อง และพยายามให้เจ้าเคสุเกะต้องรับโทษให้ได้ แต่เมื่อ...พอดิฉันทำผิดพลาดไป ดิฉันกลับหนีมาที่นี่ ดิฉันรู้สึกว่าดิฉันขี้ขลาดตาขาวจริงๆ ดิฉันควรจะยืนหยัดสู้และทำในสิ่งที่ถูกต้องแท้ๆ แต่กลับหลบหนีมาเองเสียอย่างนั้น ดิฉันไม่ต่างอะไรกับเจ้าเคสุเกะเลยค่ะ"เธอมีสีหน้าที่เคร่งเครียด
"ถ้าท่านไดกิเห็นว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระก็ขอโทษด้วยค่ะ"
"ไม่หรอก มันคือธรรมมดาของมนุษย์ เมื่อใดที่เจ้าเสียผลประโยชน์เจ้าจะไม่อยากทำสิ่งที่ถูกต้อง เจ้าจะคิดเช่นนั้นก็ได้มันไม่แปลกแต่อย่างใด แต่เจ้าจะทำเช่นนั้นหรือไม่ เจ้าต้องถามตนเอง"
"ดิฉันพร้อมที่จะต่อสู้ในชั้นศาลค่ะ แต่ว่าถ้าดิฉันออกไป ดิฉันคงถูกฆ่าตายแน่ๆค่ะ"
"ข้าก็ไม่คิดว่าเจ้าผิดแต่อย่างใด เจ้าป้องกันตัวไม่ใช่รึ และเจ้าก็ไม่ได้หนี เจ้าแค่ถูกคิโยะฮิเมะกับคุโระเฮะบิลักพาตัว อย่าโทษตัวเองเลย มันไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น"
"และท่านไดกิจะให้ดิฉันอยู่ที่นี่นานแค่ไหนคะ"เธอถามขึ้น
"ตลอดไปก็ย่อมได้ ถ้าเจ้าอยากอยู่ที่นี่"มายุรู้สึกตกตะลึงปนดีใจอย่างมากเมื่อได้ฟัง จนใบหน้าร้อนผ่าว
"ขอบคุณท่านไดกิมากค่ะ ดิฉันจะไม่ทำตัวเกะกะค่ะ"เธอคำนับ ก่อนจะมีเรื่องสำคัญไม่แพ้กันที่เธอนึกได้ว่าต้องบอกเขา มายุสุดหายใจเข้าลึกๆและตั้งสติอีกสักพักหนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจกล่าวออกมาในที่สุด
“ท่านไดกิคะ? ท่านไดกิเคยต่อว่าดิฉันว่านิสัยและหน้าเหมือนกับใครบางคนที่ท่านไดกิไม่ชอบ คนคนนั้นคือมิวะใช่หรือไม่คะ?”เสียงของอีกฝ่ายเงียบลงสักพัก ก่อนจะเดินเข้ามานั่งข้างเธอพร้อมกับกอดอกไว้แน่น มายุเองก็หายใจเข้าด้วยความกดดันนัก เธอต้องพูดเรื่องมิวะออกไปให้ได้ เพราะไม่อยากให้เขารู้เรื่องนี้จากคนอื่นเด็ดขาด
“ใช่…เจ้ารู้จักนางรึ?”เขาดูสงสัยนัก
“คิดว่าน่าจะรู้จักอย่างดีเลยค่ะ แต่ท่านไม่ชอบนางใช่ไหมคะ?”มายุหันมามองอีกฝ่าย
“ข้ารักนาง….และก็เกลียดนางเป็นที่สุด
เป็นผู้หญิงที่ดูไม่มีพิษสงแต่ลับหลังทำเรื่องราวให้ข้าเจ็บแสบนัก”ไดกิกัดฟันพูดออกมา มายุเองก็ถึงกับชะงักไป กับคำตอบ
และคอยฟังเรื่องที่เขาจะเล่าต่อ
“ข้าไม่มีวันให้อภัยนาง...”เขากล่าวออกมาสั้นๆ
นี่นะหรือใบหน้าที่คล้ายกับคนที่ไดกิทั้งรักทั้งเกลียดเสียขนาดนั้น...แล้ว จะบอกเขาต่อดีไหมเนี่ย ดูเหมือนจะเกลียดขนาดนั้นแล้ว ถ้าบอกไปแล้วเขารับไม่ได้ล่ะ ฉันไม่ต้องออกจากที่นี่ กลับไปอยู่ในเมืองแบบหลบๆซ่อนๆหรือ ถ้าต้องกลับไปล่ะก็คงโดนตำรวจจับเลยหรอ หรือไม่ก็ถูกอุ้มฆ่าแน่ๆเลย
“ข้ารู้ว่าเจ้าชอบข้า แต่ข้าอยากให้เจ้าตัดใจเสีย ข้าไม่ชอบมนุษย์ก็เพราะนาง หากเจ้าไม่พอใจก็จงโทษนางเสีย”
“ท...ท่านไดกิ”เธอรู้สึกหน้าชาเป็นอย่างมาก ก็คนที่เขากำลังต่อว่าก็คือเธอที่นั่งอยู่ตรงนี้
และกำลังคิดว่าบางทีเธอคงเป็นลูกหลานของมิวะอีกทีก็ได้
หากใบหน้าของเธอมันคล้ายคลึงกับนางนัก
“ท่านไดกิคะ...ดิฉันมีเรื่องจะบอกท่านไดกิค่ะ เรื่องนี้สำคัญมาก ช่วยรับฟังหน่อยได้ไหมคะ”หญิงสาวกลืนน้ำลายเอื๊อก แม้ไม่รู้จะกล่าวออกมาอย่างไร
ให้เขาไม่เกลียดเธอเพิ่มขึ้น แต่มายุก็ต้องบอกออกไป
ถ้าเขารับไม่ได้ก็ให้รับไม่ได้เสียแต่ตอนนี้ ดีกว่าให้เธอปิดบังเขาเอาไว้จนไดกิต้องมารู้เองทีหลัง แบบนั้นมันไม่ต่างจากระเบิดเวลาที่รอวันปะทุเลย
“มีอะไรก็กล่าวมา”เขานั่งลงข้างๆเธอ พร้อมกับนั่งกอดอก
มายุที่เห็นภาษากายก็พอรู้แล้วว่าอีกฝ่ายคงไม่ยอมรับเธอแน่นอน
แต่เธอก็ต้องทำต่อไปให้ถึงที่สุด
“ดิฉันได้ไปที่มิยะมาแล้วค่ะ”มายุกล่าวออกมาโดยหลบตาอีกฝ่าย
“แล้วเจอสิ่งที่เจ้าตามหาในฝันไหม?”มายุพยักหน้ารับช้าๆ ไม่น่าเชื่อว่าเขายังจำสิ่งที่เธอเคยเล่าได้อยู่ ก่อนจะเล่าต่อ
“ดิ..ดิฉัน
คิดว่า...ว่าดิฉันมีความทรงจำของมิวะค่ะ”ไดกิถลึงตาใส่เธอเมื่อได้ยิน มือกำยำจับบ่าของเธอแน่น ให้หญิงสาวหันมามองตน
“เจ้ากำลังจะบอกว่าเจ้าเคยเป็นมิวะรึ!!! ไม่จริง!!....นี่เจ้าพูดจริงรึ ช่วยบอกข้าทีว่าเจ้าล้อข้าเล่น...ข้ารับไม่ได้!!”ไดกิผุดลุกขึ้นยืนและเดินสาวเท้าไปที่ประตูอย่างรวดเร็ว
ก่อนจะหยุดอยู่อย่างนั้น
จนมายุได้ยินเสียงลมพัดอย่างโหยหวนดังมาจากด้านนอกคฤหาสน์จากพลังของเขา ความรู้สึกที่ยากจะอธิบายนักทำให้ไดกินั้นไม่ทราบได้เลยเขาต้องรู้สึกอย่างไรกับเรื่องนี้
“ท...ท่านไดกิคะ ดิฉันขอโทษค่ะ ดิฉัน....”มายุรู้ตัวดีว่านี่มันหนักหนาสาหัสยิ่งกว่าการพยายามให้เขายอมเปิดใจกับมนุษย์เสียอีก
ร่างบางคำนับแทบเท้าอีกฝ่ายหนึ่งอยู่อย่างนั้น ชายหนุ่มไม่แม้แต่จะหันมามองเธอ
แต่เขายังคงยืนอยู่อย่างนั้นเหมือนกำลังต่อสู้กับความคิดตนเอง
“ดิฉันผิดไปแล้วจริงๆค่ะท่านไดกิ...แต่ว่า ท่านแม่ของท่านไดกิเป็นคนวางแผนทั้งหมดค่ะ ดิฉันรู้ว่ามันฟังดูแย่ แต่ดิฉันขอพูดในฐานะที่ดิฉันเป็นมายุ ที่รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนั้น ดิฉันจะบอกว่า มิวะ ไม่ได้ทำอะไรผิดเลยค่ะ เธอยังเยาว์นัก และไม่รู้ว่าตนเองกำลังถูกหลอกใช้จากคนที่เธอนับถือว่าเป็นแม่”ชายหนุ่มหันขวับมามองอีกฝ่ายอย่างยากจะบอกว่าเขารู้สึกอย่างไร มือนั้นสั่นเทาและกำหมัดแน่น
“มันจะมีประโยชน์อะไร ใครจะฆ่าใครข้าไม่สนแล้ว ยังไงเจ้ามันก็มีส่วนผิด ทั้งท่านแม่!! ทั้งเจ้า!! สุดท้ายแล้วพวกเจ้าก็เป็นมนุษย์ที่คอยก่อเรื่องอยู่วันยันค่ำ อยู่ดี ข้าเกลียดพวกมนุษย์เป็นที่สุด และเพราะพวกเจ้าทั้งสอง ท่านพ่อของข้าก็พลอยจากข้าไปด้วย จะให้ข้ายกโทษให้เจ้าง่ายๆอย่างนั้นรึ? เหมือนเรื่องที่ผ่านๆมา? มายุเจ้าไม่ควรบอกข้าเช่นนี้”ไดกิรีบเปิดประตูออกไปจากห้อง มายุได้แต่ตะโกนไล่หลังเท่านั้น
"ดิฉันไม่อยากให้ท่านไดกิมารู้ทีหลังค่ะ ท่านไดกิคะ!!!"เธอนั่งซึมอยู่อย่างนั้น
ท่านไดกิคะ ดิฉันขอโทษจริงๆค่ะ
เรื่องนี้ดิฉันจะแก้ไขยังไงดี ท่านไดกิคงเกลียดดิฉันจริงๆแล้ว คราวนี้ไม่มีที่ให้ไปแล้ว
ไม่น่าเลยมายุ
ชายหนุ่มเดินออกมานอกห้องของเธอและปิดประตูในทันที
เขายังมีสีหน้าที่ตกตะลึงยิ่งนักจนหน้าถอดสี
และค่อยหลับตาลงช้าๆหายใจเข้าออกเพื่อควบคุมอารมณ์ของตนเองให้ได้ แต่กับเขาแล้ว
เรื่องนี้ช่างหนักหนาสาหัสยิ่งนัก จิตใจของเขามันถูกบีบคั้นในช่วงหนึ่งอีกครั้ง
และหวนคำนึงถึงยามนั้น
“ข้า...ชอบเจ้า มายุ ทำไมกัน?”ไดกิพึมพำออกมา และมีสีหน้าที่เจ็บปวดอย่างมาก
อิสตรีคนเดียวที่เขาไม่อาจให้อภัยได้กลับกลายเป็นเธอเสียนี่
นี่มันเรื่องอะไรกัน
ทำไมโชคชะตาเล่นตลกอย่างนี้ มายุ หรือมิวะ ข้าไม่อาจเชื่อใจนางได้อีกต่อไปแล้ว
ข้าจะต้องลบความทรงจำของนางเสีย ให้นางออกไปจากที่นี่
ร่างกำยำรีบสาวเท้าเดินกลับไปที่ห้องนอนของอีกฝ่าย
และเปิดประตูเข้าไปในทันที ร่างบางกำลังปาดน้ำตาของตนเองอยู่อย่างนั้น และดูตกตะลึงเมื่ออีกฝ่ายเข้ามาเห็นเธอร้องไห้อยู่พอดิบพอดี ชายหนุ่มชะงักไปสักพักหนึ่ง เขามองเห็นมายุ
ไม่ใช่มิวะแต่อย่างใด
“เจ้าก็โศกเศร้าอย่างนั้นรึ?”คำถามนั้นไม่ต้องการคำตอบ และมองอีกฝ่ายอย่างพิจารณา
“ข้าน่ะถูกพวกมนุษย์ที่ข้าเคยรู้จัก
ทอดทิ้งไปเสียหมด... และข้าก็ถูกลืมในไม่ช้า
เจ้าเองก็คงเหมือนคนอื่นๆ สองปีมานี้ไม่เคยคิดจะกลับมาหาข้าเลย เจ้าคงลืมข้าไปเสียแล้วสิ”เขากล่าวออกมาอย่างประชดประชัน
“ไม่ใช่นะคะท่านไดกิ
ดิฉันไม่เคยลืมบุญคุณของท่านเลยค่ะ ดิฉันอยากกลับมาที่นี่ตลอด แต่ดิฉันมีหน้าที่ที่ดิฉันจะทิ้งมาไม่ได้”
“ข้าจะล้างความทรงจำของเจ้ามายุ
จากนี้ไปถือว่าเราไม่รู้จักกันอีก”มือใหญ่เอื้อมมาหาร่างบาง
หญิงสาวถอยหลังกรูดจนไปติดกำแพง พร้อมกับส่ายหน้าออกมา
น้ำตาหยาดใสๆไหลอาบแก้มของเธอ
“ท่านไดกิอย่าทำแบบนี้เลยค่ะ จะไล่ดิฉันออกไปจากที่นี่ก็ได้
แต่ดิฉันอยากจำท่านไดกิให้ได้”เธออ้อนวอนชายหนุ่ม
“เจ้าจะจดจำข้าไปทำไมกัน?”เขายังเดินเข้าไปหาเธอร่างบางจึงรีบตะกายผ่านฟูกนอนไปอีกฝั่งหนึ่งของห้องในทันที
“ดิฉันไม่อยากลืมท่านไดกินี่คะ
ความทรงจำของดิฉันกับท่านไดกิมันมีค่านะคะ ดิฉันชอบท่านไดกิมากขนาดไหนท่านไดกิก็ทราบดีนะคะ”หญิงสาวกล่าวความในใจออกมาในที่สุด
“แม้ว่าเราจะไม่ได้อยู่ด้วยกันตลอด
แต่ว่า ดิฉันก็ยังชอบท่านอยู่
สองปีที่ผ่านมาดิฉันก็ยังรู้สึกกับท่านเช่นเดิม”ตอนนี้เธอไม่รู้จะหลบอีกฝ่ายไปแห่งใดได้อีกแล้ว
“สองปีมันช่างน้อยนัก
ข้ารู้จักมิวะมาสิบกว่าปี นางยังลืมข้าเลย ไปแต่งงานใหม่หลังจากที่นางออกไปจากที่นี่ได้ไม่นานนัก”ชายหนุ่มเดินเข้ามา
ด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย แต่ดวงตาของเขานั้นเต็มไปด้วยความเศร้าเมื่อนึกถึงมิวะ
“มิวะไม่ได้ลืมท่าน ท่านไดกิ" ร่างบางยืนนิ่งจนเขาเดินเข้ามาประชิดเธอ
“ไม่เอานะคะ ดิฉันเองก็ไม่อยากลืมท่านไดกิ”มือใหญ่จับที่ศีรษะของเธอ ดวงตาสีน้ำตาลมองเข้าไปดวงตาสีดำขลับของเขา ก่อนจะต้องยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น
"ดิฉันคิดว่าที่ได้พบท่านไดกิ หรือเวลาที่อยู่ที่นี่ ดิฉันเหมือนฝันไป ทำให้ดิฉันเหมือนตัดขาดจากโลกในความจริงแม้ท่านไดกิจะชอบพูดจาเย้ยหยันดิฉันก็ตาม แต่ท่านไดกิก็ไม่ได้เป็นปิศาจ สำหรับดิฉันแล้วท่านไดกิเปรียบเสมือนกับเทพเทวดามากกว่าที่คอยปกป้องฉัน ดิฉันไม่เคยเห็นท่านเป็นปิศาจน่ากลัวเลยสักครั้งเดียว ถ้าจะให้ลืมเรื่องราวของที่นี่ไปทั้งหมด ลืมท่านไดกิ ลืมอากาเนะ ลืมทุกคน ทุกสิ่งทุกอย่างที่นี่ มันช่างน่าเศร้าเหลือเกินค่ะ"ทั้งสองมองหน้ากันเมื่อได้ฟังอยู่อย่างนั้นสักพักหนึ่ง ไดกิเองก็คงกำลังตัดสินใจอยู่ว่าจะทำเช่นไรดี
"ชอบข้าอย่างนั้นรึ... อย่าทำให้ข้าต้องลำบากใจนักสิ"เขาดูมีสีหน้าผิดหวังนักเมื่อได้ฟัง และถอนหายใจออกมา ก่อนมายุจะล้มลงและสลบไสลในทันทีจากพลังอำนาจของเทนกุผู้นี้ มายุรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังอกหักอยู่อย่างนั้น ก่อนภาพทุกอย่างจะมืดลงในที่สุด ร่างบางก็เข้าสู่ห้วงนิทราจากพลังของอีกฝ่ายหนึ่งในทันที
ความคิดเห็น