คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : ความหลัง ตอนปลาย
เด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านหน้าของห้องในคฤหาสน์ก็ถึงกับหน้าถอดสีนักกับภาพเบื้องหน้า
ที่ทั้งท่านพ่อท่านแม่นั้นได้ตายลงอย่างไม่คาดฝัน
น้ำตาของเขาไหลรินออกมาประดุจสายเลือด
อย่างไม่อาจห้ามได้ร่างกายที่รู้สึกเหมือนไร้เรี่ยวแรงจนลงไปนั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้นนั้นยังจับจ้องไปยังภาพเบื้องหน้า
เมื่อได้ฟังว่าท่านแม่ถูกมิวะวางยา มองไปรอบๆเขาก็ไม่พบตัวเธอแต่อย่างใด ด้วยความว้าวุ่นใจที่เขาเพียงคิดแค่ว่าขอให้เป็นการเข้าใจผิดเท่านั้น ร่างของเด็กหนุ่มก็รีบลุกขึ้นมา ทันทีเพื่อที่จะตามหาอีกฝ่ายให้พบและคาดคั้นให้จงได้
“นางอยู่ที่ไหน?!!”เขาถามอายุมุในทันที
“ถูกขังอยู่ในห้องเก็บของเจ้าค่ะ”ร่างนั้นเมื่อได้ฟังก็รีบวิ่งไปในทันใด เสียแต่ว่าเหล่าเทพก็คงไม่ยอมเป็นแน่แท้
“หยุดเสียก่อนไดกิ”เซริวกล่าวและเมื่อเด็กหนุ่มชะงัก เขาจึงกล่าวต่อ
“พวกข้ามิว่างมารอให้เจ้าจัดการเรื่องวุ่นวายนี่เสียหมดก่อนนะ ตอนนี้ไดอิจิได้ตายลงแล้ว เจ้าต้องขึ้นมาเป็นผู้นำแทน และรับผิดชอบเรื่องที่พ่อเจ้าลักพาตัวมิโกะมาเสีย”
“เจ้าจะต้องถูกลงทัณฑ์ ทั้งเจ้าและการาสุเทนกุทั้งหมดจะต้องถูกขังในพื้นที่ของเจ้าเสียให้สมกับสิ่งที่ทำลงไป พ่อของเจ้าลักพาตัวมิโกะผู้นั้นมา ทำให้เทพโอริวโกรธเป็นอย่างมาก พวกเจ้าทำให้ผู้คนในหมู่บ้านล้มตายจากภัยแล้ง ส่วนเรื่องไดอิจินั้น ตามธรรมเนียมแล้วยังไงท่านพ่อของเจ้าต้องถูกสำเร็จโทษอยู่ดีเพราะเป็นคนก่อสงคราม แต่ข้าเห็นว่าเขาจากไปแล้ว เจ้าเองก็ไม่ได้เป็นผู้นำ แต่เป็นเพียงขุนพล ข้าจะไม่ประหารเจ้า…”หญิงในชุดกิโมโนสีแดงสดกล่าวขึ้น
“และถูกริบพลังไปด้วย ให้เจ้าถูกลดขั้นจากไดเทนกุเหลือเพียงเทนกุเท่านั้น และต้องถูกตัดจากเหล่าไดเทนกุเสีย เจ้าที่ต้องขึ้นเป็นผู้นำคนใหม่จงกรีดเลือดสาบานเสียเดี๋ยวนี้”เซริวกล่าวต่อ ไม่ทันที่อีกฝ่ายจะตอบเช่นไร เขาก็จับมืออีกฝ่ายขึ้นมา แล้วใช้มีดกรีดลงไป เหล่าการาสุเทนกุต่างลุกฮือ เพราะไม่อาจปล่อยให้ใครมาทำร้ายไดกิได้ตามใจชอบ
“ไม่เป็นไร มันไม่เจ็บ…”เด็กหนุ่มกล่าวขึ้น เพื่อปรามลูกสมุนของเขา ยังไงเขาก็แพ้ แพ้ด้วยตัวของเขาเอง ความสามารถของเขาเอง ที่ไม่อาจต่อกรกับเหล่าเทพได้ ไดกิรู้ดีว่าตนเองทำให้คนอื่นต้องลำบากเพราะเขาขนาดไหน
“ณ ตอนนี้เจ้าได้เป็นผู้นำแล้ว ด้วยวาจาอันศักดิ์สิทธิ์ของข้า และข้าสาปแช่งพวกเจ้าให้ถูกขังอยู่ในที่แห่งนี้ ให้ผู้นำเจ้านั้นไม่มีพลังอำนาจใดที่จะต่อกรกับข้า และคอยรับใช้เหล่าเทพ จนกว่าจะเป็นที่พอใจ จากนี้ไปเจ้าจะกลายเป็นอสูรรับใช้ ขอให้สัตย์สาบานของข้านั้นมีผล ตั้งแต่บัดเดี๋ยวนี้”ฉับพลันกำแพงกระจกขนาดใหญ่ก็เข้าปกคลุมพื้นที่ดังกล่าว ไดกิที่จู่ๆก็รู้สึกเจ็บปวดจากพิษบาดแผลจากการที่ถูกฉกชิงพลังไปเกือบหมดก็ถึงกับจะล้มลง เสียเหล่าการาสุเทนกุรีบกรูกันเข้ามาประคองเขา ส่วนเทพทั้งสองเดินจากไป ฉับพลันร่างของเทพทั้งสองก็แปรเปลี่ยนเป็นมังกรฟ้า แลหงส์เพลิงก็ทะยานขึ้นฟ้าจนลับตา
“ท่านไดกิ พวกข้าจะอยู่ข้างท่านเอง”ยามะคาวะกล่าวขึ้น ก่อนร่างของเด็กหนุ่มจะสลบไปเพราะพิษบาดแผลทั้งหมดที่เขาได้รับ
“ไดกิ!!!”ทาโร่และสหายของเขาแทบจะเข้ามาด้วยความเป็นห่วง แต่ก็หยุดกึกเมื่อถูกยามะคาวะเตือน
“เจ้าไม่ต้องเข้ามา เดี๋ยวพวกข้าจะพาเขาไปพักเอง ส่วนพวกเจ้า…นับจากนี้ไดกิเป็นผู้นำของพวกเจ้าแล้ว ข้าจะให้พวกเจ้ารับใช้เขา และพวกเจ้าต้องให้เกียรติเขาในฐานะที่เขาเป็นหัวหน้าของพวกเรา”
“เ…เจ้าค่ะ”อากาเนะกล่าวด้วยความไม่คุ้นเคย
“ขอรับ”ทั้งสองคนที่เหลือรับคำสั่งอย่างดี ก่อนจะมองร่างที่บอบช้ำไปพักในห้องนอนของเขา
“อากาเนะ ข้าจะสอนการปรุงยาให้เจ้า ตามข้ามา
นับจากนี้เจ้าต้องรับหน้าที่คนรับใช้ของท่านไดกิเปรียบเสมือนที่ข้ากับท่านไดอิจิ และคอยจัดยาให้เขาหากเขาได้รับบาดเจ็บ”อายุมุกล่าว
อีกฝ่ายจึงทำได้เพียงเดินตามต้อยๆไป ส่วนทาโร่กับคาบูโตะที่เหลือกันอยู่สองคนนั้น ก็ถูกยามะคาวะเรียกตัวไป
“ท่านไดกิต้องมีลูกน้องคนสนิท แต่พวกเจ้าทั้งสองต่างสนิทกับเขาทั้งคู่ ดังนั้นข้าจะสอนให้เจ้าทั้งสองเป็นองครักษ์ และ
ความรู้ในการจัดทำเอกสารงานต่างๆเสีย แทนข้า”ยามะคาวะกล่าวขึ้น ทั้งสองนั้นมองหน้ากันเลิกลั่ก แต่ก็ตอบตกลง
ไดกิค่อยได้สติขึ้นมาในอีกสองวันให้หลัง ในห้องนอนของตน เด็กหนุ่มค่อยๆยันตัวขึ้นนั่ง ในห้องที่เงียบเชียบ ก่อนน้ำตาใสๆจะไหลอาบแก้ม เขาเองก็ไม่รู้จะทำเช่นไร ทำไมเหตุการณ์เลวร้ายถึงเกิดขึ้นกับเขาได้ ร่างกายที่เริ่มมีเรี่ยวแรงค่อยๆยันตัวลุกขึ้นและปาดน้ำตาของตนเสีย ดวงตาเรียวของเขาทั้งบ่งบอกถึงความเศร้าใจ ระคนกับสายตาที่เจ็บปวดและโกรธแค้น
“ท่านพ่อ ท่านแม่
เหตุใดจึงทิ้งข้าไป… หรือเป็นเพราะเจ้า…มิวะ…ทำไมกัน?”ร่างนั้นค่อยๆเดินออกไปที่หน้าประตู ก่อนจะพบกับอากาเนะที่นั่งเฝ้าอยู่หน้าห้อง
“พี่อากาเนะ”เขาเรียกอีกฝ่าย แต่เธอนั้นยังนั่งอยู่นิ่ง ไม่ขยับแต่อย่างใด แต่เมื่อเขาเรียกอีกรอบ อากาเนะก็รีบกระโดดและลุกขึ้นยืนในทันที
“พี่อากาเนะ เจ้าหลับอยู่รึ?”เขาถามขึ้น
“..เจ้าค่ะ ข้าเพลียไปหน่อย …และท่านไดกิเจ้าคะ อย่าได้เรียกข้าว่าพี่ อีกเลยเจ้าค่ะ เพราะท่านเป็นถึงผู้นำของเราเเล้ว”ชายหนุ่มยืนนิ่งไป ก่อนจะมีสีหน้าสลดลง
“เช่นนั้น ทั้งทาโร่และพี่คาบูโตะ ก็คงเป็นเช่นเดียวกับเจ้าสินะ….อากาเนะ”ดวงตาของเขาหรี่ลงด้วยความเจ็บปวดอีกครั้ง เพราะรู้แล้วว่าตอนนี้เหลือเพียงเขาเหลือตัวคนเดียวเท่านั้น และทุกคนต่างกันเขาให้ออกไป
“ท...ท่านไดกิ พวกข้าเป็นเพียงคนรับใช้ คงจะกลับไปเล่นสนุกกับท่านเช่นเดิมมิได้แล้วเจ้าค่ะ แต่พวกข้าจะคอยอยู่ข้างๆท่านไดกิเสมอ”อีกฝ่ายเพียงพยักหน้ารับทราบ พอดีกับยามะคาวะที่เดินขึ้นบันไดด้านข้างมาพบเขาพอดี
“ท่านไดกิ ขอรับ
ขอเชิญท่านไดกิเคารพหลุมศพของท่านไดอิจิกับท่านยูมิโกะขอรับ”เขาคำนับไดกิ เสียอีกฝ่ายทำตัวไม่ถูก
“ขอรับ”เขาตอบออกมาด้วยสีหน้าที่เหนื่อยล้ายิ่งนัก
“ท่านไดกิไม่ต้องสุภาพกับข้าหรอกขอรับ”การาสุเทนกุชรากล่าวขึ้น
“ท่านเป็นคนสนิทของท่านพ่อ ดังนั้นข้าจึงต้องให้เกียรติท่านขอรับ”
“เป็นพระคุณมากขอรับ”ผู้กล่าวคำนับเด็กหนุ่ม และพาเขาไปยังที่ฟากหนึ่งของหุบเขาหนึ่งที่เป็นสุสานของเหล่าเทนกุ ที่พื้นดินอันไกลลิบที่ทั้งสองบินอยู่กลางเวหานั้น เห็นพื้นดินที่เพิ่งถูกฝังกลบไม่นานนัก และมีดอกไม้วางไว้เต็มพื้นที่ ดวงตานั้นหรี่ลงด้วยความเจ็บปวด
“ท่านไดกิ ท่านจะร้องไห้ออกมาให้ผู้อื่นเห็นมิได้นะขอรับ”เสียงของผู้ที่พามากล่าวขึ้น
“ขอรับ…”เด็กหนุ่มค่อยลงมายืนนิ่งอยู่ที่พื้น และภายในใจขอให้เป็นเพียงฝันร้ายเท่านั้น
ข้าไม่อยากเป็น…ไม่อยากมาแทนท่านเลยท่านพ่อ…ทำไมท่านพ่อถึงรีบจากไปนัก
เด็กหนุ่มวนเวียนครุ่นคิดอย่างหนักก่อนจะ ค้อมตัวเคารพผืนดินเบื้องหน้าของเขา อยู่นานก่อนจะยืนอยู่ตรงนั้นนานหลายสิบนาที ก่อนจะสูดหายใจลึก และเดินจากมา พอดีกับทานากะที่มาบอกข่าวแก่ยามะคาวะ และทั้งสองเห็นว่าเรื่องนั้นเป็นเรื่องสำคัญ เขารอจนเด็กหนุ่มเดินออกมาด้วยดวงตาที่แดงก่ำ แต่ก็ไม่ได้ว่ากล่าวเช่นใดออกมา
“ท่านไดกิขอรับ… เรื่องของมิวะ ท่านจะทำเช่นไรขอรับ?”ทานากะถามขึ้น
“ข้า…ก็คงต้องทำตามกฎที่พวกท่านวางไว้”
“ถ้าเช่นนั้น ท่านไดเทนกุต้องเป็นผู้พิจารณาว่าจะลงโทษนางเช่นไรนะขอรับ เพราะการวางยาให้ท่านยูมิโกะและทำให้ท่านไดอิจิถึงแก่ความตายนั้น ต้องถูกประหารนะขอรับ”เขาชะงักไป เมื่อได้ฟัง
และใช้เวลาครุ่นคิดสักพักใหญ่
“ข…ข้าขอฟังเหตุผลนางของก่อน”
“ขอรับ!!”ทั้งสองบินหายไปบนท้องนภาในทันที ส่วนไดกินั้นจึงรีบตรงไปที่กระท่อมโบราณกลางป่าที่ไว้ตัดสินพิจารณาเรื่องราวต่างๆจนไปถึงการประหารด้วย พร้อมใจที่ว้าวุ่น เขาภาวนาขอให้เป็นแค่เรื่องเข้าใจผิดเท่านั้น ไดกิในวัยรุ่นนั้นรู้ตัวดีว่าเขาคงทนยอมรับความจริงไม่ไหวอย่างแน่นอน
ร่างบางที่เนื้อตัวมอมแมมและถูกใส่ตรวนนั้นถูกพามายังห้องห้องหนึ่ง ที่ไม่มีหน้าต่างใดๆ เด็กสาวมองไปรอบๆก็พบกับการาสุเทนกุอาวุโสทั้งเก้าตนนั่งอยู่รอบห้อง รวมถึงคู่หมั้นของเธอที่ยืนอยู่ตรงกลาง มิวะคุกเข่าลงที่พื้นก่อนจะคำนับอีกฝ่ายหนึ่ง
“ขอคารวะท่านไดกิเจ้าค่ะ”เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉยยิ่งนัก ดวงตาและใบหน้าที่งดงามนั้นก็มีสีหน้าประดุจร่างไร้วิญญาณที่ไร้ความรู้สึกใดๆ
“ข้ามีเรื่องที่จะถามเจ้า ก่อนที่ข้าจะลงโทษเจ้าเสีย ว่าเจ้าได้วางยาท่านแม่ของข้าใช่หรือไม่?”เด็กหนุ่มถามขึ้น ด้วยหัวใจที่เต้นระรัว
“ใช่เจ้าค่ะ”เธอเงยหน้าขึ้นมาตอบด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย ไดกิใจหายกับคำตอบดังกล่าว ทั้งๆที่เขาไว้ใจเธอเสียจนไม่เชื่อจากคำพูดของผู้อื่นเลยแท้ๆ เสียจนเขาเกือบจะยืนไม่อยู่ ความรู้สึกเจ็บปวดในอกของเขาก็แล่นเข้ามาเสียเหมือนหัวใจของเขาได้แตกสลายลง
“…เจ้า ทำไปทำไมกัน?”เขาถามขึ้นอย่างช้าๆ พร้อมกับกำหมัดแน่น แต่อีกฝ่ายหนึ่งไม่ตอบคำถามเขา
“เจ้าทำไปทำไมกัน มิวะ
เจ้าตอบข้าสิ!!!!!”เขาตะโกนลั่น
เป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่ตะคอกใส่ร่างบางตรงหน้า
คนที่เขาถะนุถนอมเธอมาตลอดกลับตอบแทนเขาเช่นนี้หรือ
“...ท่านพี่กรุณาประหารข้าเถอะเจ้าค่ะ”เธอคำนับ
เมื่อนั้นการาสุเทนกุอาวุโสตนหนึ่งได้กล่าวขึ้น
“ท่านไดกิ ท่านถามไปนางก็ไม่ตอบหรอกขอรับ พวกข้าพยายามถามมาแล้ว”แต่ทว่าดูเหมือนผู้ที่อยู่เบื้องหน้ามิได้สนใจ
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้ากำลังกล่าวอะไรอยู่!!!”ไดกิตะคอกกลับหญิงสาวเบื้องหน้า
“ข้าทราบดีเจ้าค่ะ… ข้าเป็นคนนำดอกไม้พิษนั้นให้ท่านแม่เองกับมือเจ้าค่ะ….แต่ข้ามิได้ตั้งใจ เจ้าค่ะ...”มิวะร้องห่มร้องไห้ออกมา แต่อายุมุรีบกล่าวขึ้น
“แต่ท่านไดกิเจ้าคะ เศษดอกอะเซะโบะที่ข้าพบนั้นอยู่ในถ้วยชาเจ้าค่ะ แปลว่าท่านยูมิโกะได้ดื่มเข้าไปเจ้าค่ะ”
“แล้วเจ้าเป็นคนใส่ดอกอะเซะโบะลงไปในถ้วยชารึ?”เขาพยายามคาดคั้นให้ถึงที่สุด หญิงสาวค่อยๆเงยหน้าขึ้นมาสบตาอีกฝ่าย
หลังจากที่เธอนั่งนิ่งอยู่สักพัก
“เจ้าค่ะ”
ทั้งห้องเงียบกริบลงเมื่อได้ยินคำตอบ พอดีกับทานากะที่ได้กล่าวขึ้น
“ท่านไดกิขอรับ…หากท่านไม่มีอะไรสงสัยคาใจแล้ว ก็ต้องลงโทษนางเสียขอรับ ยังไงก็ต้องลงโทษนางเท่านั้นขอรับ”เขาส่งมอบดาบคาตานะให้เทนกุ เด็กหนุ่มรับมา ชักดาบออกจากฝัก และชี้ไปทางเธอ ด้วยมืออันสั่นเทา
ข้าทำไม่ได้ ข้าทำไม่ได้!!....
“หากท่านไดกิไม่ทำ ท่านจะเสียการปกครองนะขอรับ กรุณาตัดสินโทษที่นางควรจะได้รับด้วยขอรับ”เสียงยามะคาวะกล่าวขึ้น แต่ไดกิกลับลังเล เขา…มีหน้าที่ลงโทษเธอเท่านั้น ก่อนจะปักดาบลงไปกับพื้นไม้ จนดาบนั้นตั้งอยู่กับพื้น
“เจ้ารู้ไหมว่าทำข้าเสียใจขนาดไหน…”เขากล่าวชั่วแวบหนึ่งที่ดวงตาของเขาบ่งบอกถึงความเจ็บปวดแสนคณานับ ก่อนจะก้มลงไปกระชากร่างของอีกฝ่ายให้ลุกขึ้น ร่างบางถูกกระชากจนตัวลอย ก่อนจะถูกฝ่ามือของไดกิตบเข้าที่ใบหน้าอย่างจัง จนร่างนั้นล้มลงไปที่พื้นอีกครั้ง รอยแดงบนแก้มปรากฏเห็นชัดด้วยผิวขาวนวลของอีกฝ่าย ดวงตาสีดำจับจ้องเขม็งไปที่อีกฝ่ายที่ทำร้ายเธอ ก่อนเลือดกำเดาจะไหลออกมาจากทางจมูกจนหยดลงกระทบพื้น
“นั่นมิใช่โทษที่นางควรได้รับนะขอรับ นางฆ่าท่านไดอิจิ กฎนั้นได้บอกไว้ชัดแล้วว่าใครฆ่าผู้นำของเรา ต้องถูกประหารนะขอรับ”ทานากะท้วงขึ้น แต่ก็ถูกอีกฝ่ายขัดขึ้น
“เจ้าอาจฆ่าท่านแม่ข้า แต่มิได้ฆ่าท่านพ่อของข้า ท่านพ่อตายเพราะคำสาบาน...ไม่ได้เกี่ยวกับเจ้าแม้แต่น้อย ฉะนั้นข้าจักโบยเจ้า แลพาไปประจานเสีย จากนั้นก็เนรเทศเจ้าออกจากดินแดนนี้และอย่าได้กลับมาอีก”
“แต่ว่า...”ทานากะตกตะลึง
“พวกท่านก็อย่าลืม เรื่องนี้แท้จริงแล้ว…เป็นเรื่องของมนุษย์ นางแค่ฆ่ามนุษย์อีกคนที่อยู่ในอาณาเขตศักดิ์สิทธิ์นี้เท่านั้น มิได้เกี่ยวอะไรกับพวกเราเลย ที่ข้าลงโทษนาง ถือว่ารุนแรงเกินจากกฎที่พวกท่านวางเสียอีก”ดวงตาสีดำขลับกล่าวออกมาเหมือนไร้จิตวิญญาณ
ให้เขาฆ่านางเองกับมือ เขาก็ไม่กล้าพอ
และเสียงในจิตใจของเขาก็ร้องบอกว่าตนเองช่างขี้ขลาดมากเพียงใด
ข้ามันขี้ขลาด จะฆ่าเจ้าข้ายังทำไม่ได้ จนถึงขนาดที่ข้าต้องยอมตัดขาดจากท่านแม่ เพื่อให้เจ้ารอดพ้นไป... สุดท้ายข้ามันก็รักษาอะไรไว้ไม่ได้เลย ข้ารักเจ้าหรือข้าเกลียดเจ้ากันแน่นะ ข้ามิอาจรู้ได้เลย เมื่อเจ้ากลับออกไปแล้ว อย่าได้บังอาจให้ข้าเห็นหน้าเจ้าอีก
“ท่านมองได้ขาดและชัดเจนมากขอรับ”ยามะคาวะกล่าวและคำนับ เหล่าเทนกุตนอื่นจึงคำนับตาม ส่วนชายหนุ่มเพียงยืนหันหลังให้เธอ และถอนหายใจยาวครั้งหนึ่ง ก่อนจะรีบเดินออกไปโดยไม่ไม่หันกลับมามองเธอ ไดกิรีบทะยานไปถึงห้องนอนของตนโดยเร็วเสียจนอากาเนะถึงกับตกใจแต่เขารีบวิ่งผ่านไปโดยไม่ตอบอะไร ก่อนจะขังตัวเองไว้ภายใน และทรุดลงนั่งหลังบานประตูเลื่อนและร้องไห้ออกมา ไม่มีใครรู้ว่าเขาจะเศร้าเสียใจมากแค่ไหนที่ต้องพบเจอเรื่องราวต่างๆมากมายในไม่กี่วันมานี้ มันช่างเกินกว่าที่เขาจะรับไหวแล้ว ก่อนจะมองที่ฝ่ามือของตนที่มีหยาดโลหิตติดอยู่ น้ำตาหยดใสๆก็พรั่งพรูออกมา
ข้า…เหลืออยู่ตัวคนเดียวแล้ว เหตุใดหน้าที่ที่ข้าได้รับมานั้นช่างทรมาณยิ่งนัก…
พวกมนุษย์เป็นเช่นนี้กันหมดหรือไม่นะ เหตุใดเจ้าจึงมีจิตใจที่เหี้ยมโหดเช่นนี้ มิวะ…ทั้งๆที่ข้าก็รักเจ้ามากแท้ๆ นี่หรือการที่เจ้าตอบแทนข้า…ข้าไม่เคยอยากจะทำร้ายเจ้า แต่เจ้าบังคับให้ข้าต้องทำ…ข้าเกลียดพวกมนุษย์เสียจริง ทำไมจึงทำในสิ่งที่โง่เง่าเช่นนี้ไปได้
ร่างนั้นครุ่นคิดสักพักใหญ่จนกระทั่งเขาเพลีย เพราะบาดแผลที่ยังไม่หายดีนัก
จึงหลับลงไปพร้อมกับน้ำตาที่หยดลงบนพื้นเสื่อทาทามิ
“ท่านไดกิขอรับ ได้เวลาแล้วขอรับ”เสียงชายชราเรียกเขาให้ตื่นภวังค์ ไดกิลืมตาขึ้นมาด้วยเม็ดเหงื่อที่ผุดพรายขึ้นมาที่ใบหน้า ดวงตาของเขากระทบกับแสงเทียนสลัวๆในห้อง จนต้องใช้เวลาปรับสายตาสักพัก ก็พบเหล่าการาสุเทนกุอาวุโสที่นั่งอยู่ แต่แววตาของชายหนุ่มนั้นยังปนความเศร้ายิ่งนัก
ข้าถูกจองจำด้วยภาระหน้าที่นี้…ข้าเข้าใจดีแล้ว
“ท่านไดกิขอรับ ท่านได้คำนึงถึงเรื่องราวของท่านที่ผ่านมา รวมถึงความทรงจำที่ทุกข์ทรมานที่สุดแล้ว และพวกข้าได้รับรู้เรื่องราวเหล่านั้นอย่างแจ่มแจ้งแล้ว ขอให้ท่านไดกิกล่าววาจาสาบานนั้นตามพวกข้าเถิดขอรับ”ดวงตาเรียวสีดำปิดลงและถอนหายใจออกมาที่หลุดจากเรื่องราวที่เขาได้พบเจอได้
“ขอรับ”เขาคำนับ จากนั้นผู้อาวุโสสูงสุดจึงกล่าวขึ้น
“ข้า ในนามของผู้นำแห่งเทพารักษ์แห่งพงไพรและคีรี จะขอสาบาน…”
“ข้า ในนามของผู้นำแห่งเทพารักษ์แห่งพงไพรและคีรี จะขอสาบาน...”เขากล่าวตาม
“นามของข้าคือ ไดกิ
เป็นไดเทนกุผู้อยู่เหนือการาสุเทนกุทั้งปวง ข้าขอสาบานว่าข้าจักมีชีวิตเพื่อการเป็นไดเทนกุและปกครองเหล่าการาสุเทนกุเท่านั้น หากได้สัตย์สาบานเช่นนี้แล้ว ขอให้คำสาบานอื่นเป็นอันไร้ผลไปสิ้น”ไดกิกล่าวตามอย่างคล่องแคล่วโดยไร้ความกังวลใดๆ เพราะเขาก็ทำงานเพื่อการาสุเทนกุอยู่แล้ว เมื่อเขากล่าวจบ คำสาบานนั้นก็ผูกพันธ์ต่อตัวเขา ส่วนการาสุเทนกุทั้งเก้าได้กล่าวขึ้นอย่างพร้อมเพรียงกัน
“พวกข้า ในนามของเหล่าการาสุเทนกุ ในอาณัติของท่านไดเทนกุผู้ยิ่งใหญ่นามไดกิ พวกข้าข้อสาบานว่าจะทำงานและปฏิบัติหน้าที่ ทุกอย่างเพื่อสนับสนุนท่านไดกิ และให้พวกข้าคอยคานอำนาจของกันและกัน ประดุจหยินและหยาง สิ่งใดที่ท่านไดกิได้กระทำการงานเพื่อส่วนรวมนั้น โดยหน้าที่ที่ได้รับมาอีกที หรือปัญหาอื่นใด พวกข้าจักขอสาบานว่าพวกข้าจะช่วยเหลือท่านไดกิอย่างเต็มความสามารถ และเรื่องใดที่ท่านไดกิมีประสงค์จะทำการใดๆ เราก็จะทำการอย่างไม่ชักช้า เพื่อให้เหล่าการาสุเทนกุและท่านไดกิกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง”ชายหนุ่มนิ่งฟังต่อ
“พวกข้านั้นเปรียบเสมือนเงาของท่านไดกิ ท่านไดกิไม่จำเป็นต้องลำบากเพื่อพวกเราอยู่ฝ่ายเดียวหรอกขอรับ งานสำคัญของท่านคือมีชีวิตอยู่เป็นผู้นำของเรา ในวันที่ท่านไดกิได้กลับมาจากถ้ำศักสิทธิ์ และสิ้นสติลงที่ห้องทำงานของท่านนั้น พวกข้าเองก็กระวนกระวายใจเป็นอย่างมาก เพราะมนุษย์ผู้นั้นได้กล่าวกับอากาเนะ พวกข้าจึงได้เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าท่านเป็นห่วงพวกการาสุเทนกุ ที่แม้ว่าจะเป็นเพียงลูกสมุนของท่านมากขนาดไหน และต่อไปนี้พวกข้าจะเข้ามาช่วยท่านบ้างท่านไดกิ ”
“มายุ….น่ะหรอ”เขาพึมพำออกมา ไม่รู้มาก่อนว่าเธอจะบอกอากาเนะเช่นนั้น
“ท่านไดกิอย่าแบกรับหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้คนเดียวเลยขอรับ ให้พวกข้าแบ่งเบาภาระของท่านเสียบ้าง งานที่เหล่าเทพโยนให้ท่านทำ กรุณายกให้พวกข้าเถิดขอรับ”การาสุเทนกุทั้งเก้าคำนับอย่างพร้อมเพรียงกัน ไดกินิ่งไป
เพราะคุ้นชินกับการทำงานเช่นนี้มาหลายร้อยปีแล้ว และก็รู้สึกว่าการทำงานเช่นนี้เองก็ถือเป็นการช่วยให้พวกเขากลับมายิ่งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง แม้งานดังกล่าวจะไม่ใช่งานของเขาเลยก็ตาม
“ท่านไดกิ ให้พวกข้าทำงานเอกสารที่ได้รับมาเสียเถิดเจ้าค่ะ ส่วนตัวท่านเองมีหน้าที่เป็นถึงผู้นำ ท่านก็ควรมาปกครองเหล่าการาสุเทนกุได้แล้วเจ้าค่ะ แล้วยิ่งช่วงนี้ คุโระเฮียวอาจจะทำสงครามกับพวกเราได้ ดังนั้นถึงเวลาที่ท่านไดกิต้องเตรียมตัวแล้วเจ้าค่ะ”อายุมุกล่าว
ชายหนุ่มถอนหายใจออกมา แต่ก็รู้สึกโล่งอกที่อย่างน้อยอีกฝ่ายได้เข้าใจจุดประสงค์ของเขาแล้ว
ไดกิเดินออกมาจากห้องหลังจากพิธีสิ้นสุดลงอย่างสมบูรณ์ โดยทั้งหมดดื่มสาเกคนละจอก และพบกับสหายทั้งสามของเขาที่แอบดูอยู่ที่ร่องของประตูเลื่อน ด้วยความอยากรู้อยากเห็น ชายหนุ่มเดินเข้าไปข้างๆ จึงสะกิดเรียก เมื่อคาบูโตะหันขวับมา ก็ร้องเสียงหลงเสียจนการาสุเทนกุอีกสองตนนั้นแตกตื่น
“พวกเจ้ามาทำอะไร?”เขาถามขึ้น
“แอบดูท่านไดกิตอนกำลังทำพิธีขอรับ”ทาโร่กล่าวอย่างซื่อๆ
“ทาโร่ เขาไม่ให้คนนอกมอง เดี๋ยวพวกเราก็โดนกันหมดหรอก”อากาเนะกล่าวขึ้น
“แล้วตอนที่ข้านั่งกำลังภาวนา เจ้าก็ดูรึ?”
“เจ้าค่ะ/ขอรับ”ทั้งสามยิ้มแหยๆ
“พวกข้าไม่รู้ว่านั่นทำให้ท่านไดกิอยู่อย่างโดดเดี่ยวมาตลอดเจ้าค่ะ ท่านไดกินั้นเปรียบเสมือนน้องชายข้า พวกข้าจะยังอยู่เคียงข้างท่านไดกิเสมอเจ้าค่ะ”อากาเนะกล่าว
“พวกเจ้าก็ยังเป็นสหายของข้าอยู่เสมอ…”
“พวกข้าเป็นอยู่เสมอมาขอรับ”คาบูโตะกล่าวขึ้น ปิศาจหนุ่มถอนหายใจออกมา เหมือนยกภูเขาออกจากอก แต่ก็ยังมีบางเรื่องที่เขายังคงมีบางอย่างติดค้างในใจ
“พวกเจ้าคงรู้เรื่องของข้าหมดแล้วสิ?รวมทั้งความรู้สึกของข้า”
“ใช่แล้วขอรับ หากท่านไดกิเห็นสิ่งใด ข้าก็เห็นสิ่งนั้นเช่นเดียวกับท่านขอรับ”ทั้งสามนั่งก้มหน้า แล้วนิ่งไป
“ข้ารักมิวะ รักนางมาก
ทะนุถนอมนางมาตลอด แต่…
นางเลือกเอง”ทั้งสามมีสีหน้าเศร้าสร้อย และขยับเข้ามานั่งข้างๆเขา
“ข้าไม่เคยรู้มาก่อนเลยท่านไดกิ แต่ถึงกระนั้น…หากท่านจะให้อภัยข้า ข้าขอให้ท่านไดกิฟังข้าแทนได้หรือไม่เจ้าคะ?” อีกฝ่ายพยักหน้าแทนคำตอบ อากาเนะจึงเริ่มเล่าเรื่องที่ไดกิอาจไม่ทราบมาก่อน
“ระหว่างที่ท่านไดกิยังสลบไสลเพราะอาการบาดเจ็บจากการสู้รบ ข้าก็ได้เข้าไปพบท่านมิวะ ท่านมิวะ…ยอมรับผิดทุกอย่าง แต่นางบอกกับข้า ไม่ให้ข้าบอกท่านไดกิ นางได้เล่าว่า ท่านยูมิโกะนั้นเป็นคนบอกนางให้นำดอกไม้อะเซะโบะมาให้ท่านเองเจ้าค่ะ และท่านยูมิโกะก็เป็นคนนำดอกไม้นั้นหย่อนลงถ้วยชาเองก่อนจะดื่มเข้าไป”ดวงตาสีดำขลับเบิกโพลงด้วยความตกใจ แต่ชั่ววินาทีก็หรี่ลงเช่นเดิม และทำเหมือนไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น
“คำพูดของนาง…ข้าจะเชื่อได้รึ?”เขาพึมพำกับตนเอง ก่อนจะถามขึ้น
“แล้วเหตุใด นางจึงไม่บอกข้า แต่บอกเจ้าล่ะ”
“ข้าเองก็ไม่ทราบเจ้าค่ะ”
“ถ้าเช่นนั้นก็อย่าเชื่อคำพูดของนางนัก… ข้าทำให้นางดีที่สุดแล้ว ข้าตบนางไปครั้งเดียวนางคงไม่เป็นไรหรอก”เขาเหม่อมองท้องฟ้าด้านบนที่ดวงดาวระยิบระยับ
“ข้าเองก็ทั้งรักนางและเกลียดนางมาก จนบอกไม่ได้ว่ารู้สึกอย่างใดมากกว่ากัน แต่ข้าคงพอแล้วกับมนุษย์ ยังไงก็คงเหมือนกับท่านพ่อท่านแม่ของข้าอย่างแน่นอน สุดท้ายความรักของปิศาจกับมนุษย์นั้นมันไม่มีทางสมหวัง และฝ่ายที่มีช่วงชีวิตที่ยาวนานกว่าก็ยิ่งทรมาณ….”ไดกิถอนหายใจออกมา และกล่าวต่อ
“ข้า…เองก็เศร้าใจ แม้ว่าตั้งแต่ข้าเติบโตขึ้นมา ท่านแม่ก็สุขภาพไม่ดีมาตลอด ทำให้ข้าไม่ค่อยสนิทกับนางนัก แต่ที่ข้าเจ็บปวดคือ คนที่ฆ่านางกลับเป็นคนที่ข้าไว้ใจนัก เป็นคนที่ท่านแม่ถือนางเป็นลูกสาวคนหนึ่ง เหตุใดนางจึงจิตใจอำมหิตนัก หรือแท้จริงแล้วมนุษย์ที่ข้าเคยคิดว่าช่างคล้ายกับข้ายิ่งนัก นั้นไม่ใช่เลย…
มนุษย์นั้นอ่อนแอ ก็กลับทำความเลวได้ยิ่งใหญ่นัก”ความเงียบเข้าปกคลุมทั่งบริเวณ สหายทั้งสามของเขาก็เงียบลงเช่นกัน เพราะเป็นเช่นดังที่ไดกิกล่าวจริงๆ แต่อากาเนะก็กล่าวขึ้นมา
“ท่านไดกิ คิดว่ามายุจะเป็นเช่นนั้นไหมเจ้าคะ?”การาสุเทนกุอีกสองตนก็ถึงกับหูผึ่งรอคำตอบของอีกฝ่ายอย่างใจจดใจจ่อ ชายหนุ่มครุ่นคิดอยู่สักพักใหญ่
“ข้ารึ?....”ปีศาจหนุ่มหวนนึกถึง เรื่องราวต่างๆที่ผ่านมา เสียงเจื้อยแจ้วคอยถามของอีกฝ่ายด้วยความสงสัย จนเธอเหมือนเด็กตัวเล็กๆที่คอยอยากรู้อยากเห็น รวมถึงที่เธอถูกจับเป็นตัวประกันของคุโระเฮะบิ แต่กลับไม่มีความหวาดกลัวใดๆในดวงตากลมโตของเธอ
“นางรู้สึกอย่างไรก็พูดอย่างนั้น แต่บางอย่างที่นางไม่ได้พูดออกมาก็ไม่ได้เป็นปัญหาอะไรมากนัก นางกล้าถามและกล้าตอบ อย่างตอนที่นางถูกคมเขี้ยวของคุโระเฮะบินั้น นางเอาแต่บอกว่าให้ข้าเลือกดาบคามินาริเสีย… บางทีข้าก็รู้สึกว่านางเข้าใจข้า แต่ว่า
ข้าไม่อยากให้ราคามากนัก ถ้าข้าถูกหลอกอีก ข้าคงกลายเป็นคนเขลาเบาปัญญาอย่างแน่นอน”
“ข้าเคยถามนางเช่นกันว่ากลัวปิศาจหรือไม่ นางตอบว่าทีแรกก็กลัว แต่ข้ากับท่านไดกิมิได้ทำร้ายนาง นางจึงค่อยวางใจได้ นางก็ไม่ต่างจากท่านไดกิในบางทีหรอกเจ้าค่ะ เพราะนางก็ไม่คุ้นเคยกับท่านมากนัก แต่ถ้าจะให้ข้าตอบว่านางมีจุดประสงค์อื่นหรือไม่ ข้าก็ตอบไม่ได้เจ้าค่ะ”
“ท่านไดกิชอบนางหรือไม่เจ้าคะ?”อากาเนะถามขึ้น ก่อนจะถูกคาบูโตะเอื้อมมือมาปิดปากเสียอีกครั้งหนึ่ง
“ข้า…ไม่แน่ใจ แต่ข้าไม่อยากชอบนางเลย อากาเนะ
ข้าเหนื่อยเหลือเกิน ถ้านางไม่ใช่มนุษย์ก็คงดี เหตุใดมิให้นางเป็นปิศาจเช่นเดียวกับข้า ข้าคงไม่ลำบากใจเช่นนี้หรอก”
“ข้าจึงบอกให้ท่านไดกิ ต่อสู้กับตนเองอย่างไรล่ะ”เสียงชายแก่ดังขึ้นจากด้านหลังโดยไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ไม่ทันไร
การาสุเทนกุทั้งสามก็ลงไปคุกเข่าอยู่ที่สวนด้านล่าง
“ท่านยามะคาวะ พ..พวกข้า พวกข้ามิได้ตีตนเสมอท่านไดกินะขอรับ”คาบูโตะกล่าวขึ้น พร้อมกับคนอื่นๆที่คำนับ
“เจ้าเองก็ใจเย็นซะ ข้าไม่ได้มาเพื่อว่าพวกเจ้า ข้าแค่จะมาคุยกับท่านไดกิ ว่าท่านกลัวว่าคนรอบตัวของท่านจะตายลงและจากท่านไปสินะขอรับ ท่านจึงกันตัวเองออกมาคนเดียว แบบนี้ก็ไม่ดีกับท่านเช่นกันนะขอรับ เราต้องเข้าใจว่า ทุกสิ่งมี เกิด
แก่ เจ็บ
ตาย ท่านแม่ของท่านเองก็เช่นกันนางอายุร้อยกว่าปี เป็นเวลาที่ยาวนานมากสำหรับมนุษย์ ข้าเองก็มิอาจรู้ได้ว่าในใจของท่านไดกิเองแล้ว ลึกๆจะโทษท่านยูมิโกะหรือไม่ แต่นางพยายามเพื่อที่จะอยู่ดูเจ้าเติบโตอย่างเต็มที่แล้ว เจ้าอย่าได้กลัวในสิ่งที่ยังไงก็ต้องเกิดขึ้นเลยขอรับ มันเป็นเรื่องธรรมชาติ พวกเราปิศาจเองก็เช่นกัน ท่านไดกิตอนนั้นยังเยาว์นัก อาจจะไม่ได้นึกถึงเรื่องนี้ ครั้นเมื่อพบเจอกับการลาจาก ท่านไดกิจึงยังทำใจไม่ได้”
“คงเป็นดั่งที่ท่านยามะคาวะ กล่าวขอรับ..ข้าเองนึกโทษท่านแม่อยู่เช่นกัน ว่าเหตุใดจึงต้องมาเสียไปในเวลานั้น โดยที่ไม่ได้สนใจเลยว่าสำหรับมนุษย์แล้ว ท่านแม่ถือว่าอายุยืนอย่างมากและไม่มีใครสามารถห้ามความตายได้ ส่วนท่านพ่อของข้านั้นข้าไม่เคยคิดเลยว่าท่านพ่อที่เป็นไดเทนกุผู้มีพลังมหาศาลจะ จากไปเพราะคำสาบานต่อท่านแม่…. ถึงตอนนี้ข้าก็ยังไม่ค่อยอยากจะพูดถึงท่านยูมิโกะนัก แต่ก็ไม่เท่ามิวะที่ข้าไม่อยากแม้แต่จะกล่าวชื่อนางออกมา หากแม้ที่อากาเนะกล่าวกับข้านั้นจะเป็นจริงก็ตาม”
“พวกข้าล่ะสงสารท่านไดกิเสียเหลือเกินเจ้าค่ะ”อากาเนะร้องไห้ออกมาอีกครั้งหนึ่ง และถูกคาบูโตะปลอบ
“ท่านไดกิพยายามมาบ้างแล้ว ข้าก็ดีใจ
เพราะการจะสู้และชนะใจตนเองนั้นมิได้สู้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น และถึงจะเห็นผล แต่ท่านต้องพยายามอยู่ตลอดขอรับ”
“ขอบคุณท่านยามะคาวะมากขอรับที่สั่งสอนข้ามาตลอด”
“อย่าได้ขอบคุณข้าน้อยผู้ต่ำต้อยเลยขอรับ”เขาค่อยๆโค้งคำนับ ก่อนจะเดินจากไป ปล่อยให้ชายหนุ่มได้ครุ่นคิด เรื่องของตนได้ต่อไป ดวงตาของเขาจ้องมองขึ้นไปบนฟ้าอยู่อย่างนั้น
และนึกถึงเรื่องราวมากมายที่ผ่านมาในชีวิตของเขาหลายพันกว่าปี
ความคิดเห็น