ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    「大天狗 の 花嫁」DAITENGU NO HANAYOME เจ้าสาวแห่งขุนเขา

    ลำดับตอนที่ #10 : ความหลัง ตอนต้น

    • อัปเดตล่าสุด 2 ก.ย. 61



    การาสุเทนกุนับหกชีวิตนั้นหยุดเดินลงกลางป่าเขาที่มีเพียงต้นไม้ขนาดใหญ่ที่ถูกล้อมลำต้นด้วยเชือกเส้นใหญ่ ชิเมะนาวะ อยู่ทุกต้น อันแสดงให้เห็นว่าพื้นที่โดยรอบนั้นเป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ และป้องกันไม่ให้สิ่งอัปมงคลย่างกรายเข้ามาได้ ชายหนุ่มเดินเข้าไปในป่าลึก ท่ามกลางความเงียบสงัดนั้น เขาได้ยินเสียงน้ำตกดังมาแต่ไกล เมื่อเดินอยู่สักพักเสียจนดวงตะวันค่อยโผล่พ้นขอบฟ้า ชายหนุ่มได้เดินมาจนถึงน้ำตกขนาดใหญ่ที่ตกมาจากหน้าผาด้านบน  และกลายเป็นลำธารสายใหญ่ ด้านหลังน้ำตกที่ใสประดุจแก้วมณีนั้น มีช่องหินขนาดใหญ่จนเหมือนห้องห้องหนึ่ง ไดกิรับเสื้อผ้าที่พับไว้อย่าเรียบร้อยมา และก้าวย่างไปที่น้ำตกนั้นก่อนจะวางผ้าไว้ที่โขดหินก้อนหนึ่ง ไดกิถอดเสื้อคลุมและยูกาตะของตนออกเสีย ผิวกายสีขาวของเขากระทบกับแสงแดด ร่างกำยำของไดกินั้นเดินลงไปในน้ำจนมิดครึ่งตัวและผ่านม่านน้ำตกเข้าไป  ชายหนุ่มกวักน้ำขึ้นมาลูบใบหน้าและเสยผมของตนขึ้นไปโดยไม่สะทกสะท้านกับความหนาวเย็น มีเพียงใบหน้าของอีกฝ่ายที่ดูครุ่นคิดตลอดเวลา

    เวลาผ่านไปสักพักร่างนั้นจึงเดินกลับออกมาและสวมเสื้อผ้าคาริกินุสีเงินอย่างทะมัดทะแมง ไม่นานนักชายหนุ่มก็สวมเสื้อผ้าจนเสร็จสิ้น ก่อนจะเสยผมให้เรียบร้อยและหยิบหมวกทรงสูงของขุนนางขึ้นมาสวม เป็นอันเสร็จสิ้น เขาเดินกลับเข้ามาที่ขบวนการาสุเทนกุยืนอยู่อย่างเป็นระเบียบ ก่อนจะเดินทางกลับไป แม้ระหว่างทางไดกิจะสงสัย แต่ก็ไม่ได้เอ่ยปากถามใคร แลคิดเพียงว่าหากได้พบกับเหล่าผู้อาวุโสแล้ว ก็จะได้รับคำตอบเสียเอง ทั้งเจ็ดเดินทางกลับตามทางเดินที่ตนผ่านเข้ามา หากแต่ชายหนุ่มนั้นนึกถึงแต่เรื่องเดิมที่เขากังวลมาตลอด และพยายามจะซ่อนความวิตกนั้นให้อยู่ภายในใจเท่านั้นเพราะเขารู้ตัวดีว่าเขายังไม่พร้อมที่จะทำพิธีนี้เท่าใดนัก

     

    ทางด้านหญิงสาวนั้นเธอกลับมาอยู่ที่จังหวัดไอชิอีกครั้งหนึ่ง ร่างบางสวมชุดสูทสีดำกับกางเกงขายาว เดินออกมาจากสถานีตำรวจอย่างมั่นใจหลังจากได้แจ้งความให้ดำเนินคดีกับชายกลุ่มหนึ่งที่ดักทำร้ายเธอ ดวงตาสีน้ำตาลเองคอยสาดส่องไปรอบๆ มองดูว่ามีสิ่งใดที่ผิดปกติหรือไม่ แต่ก็ไม่พบ เธอจึงถอนหายใจยาวจากความโล่งอก เพราะตอนนี้พวกชายฉกรรจ์คงคิดว่าเธอตายไปแล้ว แต่อีกไม่นานนักหรอก และมันคงต้องการตามล่าตัวของเธออีกครั้งหนึ่ง ก่อนจะนึกถึงบทสนทนากับพนักงานสอบสวนเมื่อครู่นี้

    คุณมายุ คิตะยามะ??”นายตำรวจคนหนึ่งกล่าวขึ้นด้วยความสงสัย และมองอีกฝ่ายตั้งแต่หัวจรดเท้าเหมือนจะไม่เชื่อเท่าใดนัก

    ค่ะ ดิฉันจะแจ้งความดำเนินคดีกับคนที่พยายามจะฆ่าฉันค่ะ

    ครับคุณคิตะยามะ เมื่อประมาณสองเดือนก่อน เมื่อทางเราได้รับแจ้งว่าคุณหายตัวไป ทางเราก็ได้พยายามสืบเสาะหาหลักฐานแล้วครับรวมถึงหลักฐานที่ได้จากกล้องวงจรปิดต่างๆ ที่พอจะทราบตัวผู้กระทำความผิดแล้ว และได้กระทำการตามขั้นตอนแล้ว สุดท้ายเนื่องจากความผิดดังกล่าวนั้นเป็นความผิดต่อแผ่นดิน ทางเราจึงได้ส่งสำนวนไปให้พนักงานอัยการเพื่อสั่งฟ้องต่อศาลแล้วครับ

    ถ้าเช่นนั้น ก็ต้องไปยื่นคำร้องต่อศาลขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมสินะเธอพึมพำกับตนเอง

    หากมีหลักฐานอะไรเพิ่มเติมสามารถส่งมอบที่ผมเลยได้นะครับตำรวจหนุ่มนั่งกดคอมพิวเตอร์เพื่อใส่ข้อมูลโดยที่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองเธอ…..

    นั่นก็เลยเป็นเหตุที่มายุต้องออกมาเพื่อไปพบยื่นคำร้องต่อศาล ไหนจะต้องให้ข้อมูลเพิ่มอีก และมอบพยานหลักฐานในชั้นศาลเสียอีก เมื่อคิดแล้ว ก็พบว่ามันช่างยุ่งยากเสียเหลือเกิน หญิงสาวมองดูนาฬิกาข้อมือของตน ที่บ่งบอกถึงเวลาเช้าอยู่นั้น จึงตัดสินใจรีบเดินทางต่อในทันที หญิงสาวที่ไม่รู้ทางจึงต้องกลั้นใจยอมเรียกรถแท็กซี่ไปที่ศาลเขตนาโกย่า ในราคาที่แพงแสนแพง ร่างบางนั่งมองไปนอกรถไปเรื่อยๆ ภาพภายนอกช่างหน้าสนใจยิ่งนัก เรียกได้ว่าเธอมิเคยเข้ามาในตัวเมืองเลย แต่ภายในใจก็แอบนึกเรื่องอื่น และชวนสงสัยว่าเมื่อวานเธอถูกอีกฝ่ายปฏิเสธใช่หรือไม่ เพราะอีกฝ่ายดูเหมือนจะพูดด้วยความคะนองปาก แต่อีกมุมหนึ่งเขาคงไม่ได้ใส่ใจเธอขนาดนั้น มายุผลุบสายตาของตนลงและมองใบเมเปิ้ลสีแดงในมือของเธอ ไปตลอดทาง จนกระทั่ง คนขับจอดรถอย่างนิ่มนวล

    ถึงที่หมายแล้วครับ

    อ๋อ...ค่ะเธอรีบจ่ายเงินไป และลงจากรถ แต่ก็อดไม่ได้ที่รู้สึกเสียดายเงินยิ่งนักเพราะความไม่รู้ทางของเธอ หญิงสาวเห็นยอดปราสาทนาโกย่าอยู่ไกลลิบๆ ดูสวยงามเหลือเกิน จากนั้นจึงละสายตาและมองเข้าไปในตึกอาคารขนาดใหญ่ที่ดูน่าเกรงขาม เธอสูดหายใจลึก เพราะหลังจากนี้เธอต้องระวังตัวให้มากยิ่งขึ้น เธอจะตายไม่ได้ จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาเด็ดขาด ก่อนจะเดินเข้าไปในศาล เพียงไม่กี่นาทีนัก หญิงสาวก็เขียนคำร้องจนเสร็จสิ้น ซึ่งมิใช่เรื่องยากสำหรับเธอเลย ดวงตาสีน้ำตาลจับจ้องกระดาษเบื้องหน้าและตรวจทานอย่างดีก่อนจะยื่นให้พนักงานศาล

    เท่านี้ก็เพียงแค่รอแล้วก็มาตามนัดสินะ

     

    ขณะที่ชายหนุ่มกำลังเดินกลับไปที่คฤหาสน์ของตนนั้น ฉับพลัน ทั้งหมดก็รู้สึกถึงผู้บุกรุกที่เข้ามาในอาณาเขตของเขา และกำลังตรงมายังที่ที่เขาอยู่อย่างรวดเร็ว ไดกิยกมือห้ามการาสุเทนกุตนอื่นในขบวนของเขา และรู้ว่าอีกไม่นานนักเหล่าการาสุตนอื่นต้องรีบมาที่นี่อย่างแน่นอน ร่างกำยำจ้องมองไปที่พื้นที่ป่าเบื้องหน้าที่เงียบสงัด

    ใครกันมากวนเวลาพิธีอันศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้?”การาสุเทนกุตนหนึ่งกล่าวขึ้น

    ช่างเขา เขาเข้ามาเพียงคนเดียวเท่านั้น คงมิได้มาหาเรื่องหรอกเขากล่าวขึ้น ไม่นานนักหญิงสาวตัวสูงเรียว กับใบหน้าที่ขาวซีด ดวงตาสีเขียวมรกต และริมฝีปากสีแดงสดประดุจโลหิต กับกิโมโนสีดำขลับประดุจความมืดของท้องฟ้ายามรัตติกาล แต่เบื้องล่างของนางกลับเป็นงู เธอเลื้อยเข้ามาหาชายหนุ่มอย่างรวดเร็ว ก่อนจะชะงักไปชั่วครู่

    เจ้าเป็นใคร มาที่นี่เพราะเหตุใด?”ไดกิถามอีกฝ่าย

    ข้าคือคิโยะฮิเมะ ส่วนท่านคงเป็นท่านไดกิสินะเจ้าคะหญิงสาวแลบลิ้นยาวสองแฉกออกมา จนการาสุเทนกุถึงกับผงะเล็กน้อยกับพฤติกรรมที่ไม่น่าพึงประสงค์ดังกล่าว

    ถูกต้องเมื่อเขากล่าว อีกฝ่ายก็มีสายตาที่เป็นประกายประดุจพบเจอสิ่งที่เธอต้องการ

    คุโระเฮะบินั้นเป็นพี่ของข้า ข้าถูกท่านคุโระเฮียวส่งมาให้ถามท่านไดกิว่าอีกไม่นานสงครามจะเกิดขึ้น หากท่านร่วมมือกับพวกข้า และพวกข้าชนะในสงครามนี้ ท่านไดกิจะได้รับการแต่งตั้งให้มีฐานะเสมือนกับเทพองค์หนึ่งเลยนะเจ้าคะ รวมถึงเหล่าการาสุเทนกุด้วย…”ไดกิแทรกขึ้น

    ข้าเคยตอบไปแล้วว่าไม่สนใจเขากล่าวและกำลังจะเดินจากไป

    เดี๋ยวก่อนเจ้าค่ะคิโยะฮิเมะจะเลื้อยเข้ามาหา แต่ถูกการาสุเทนกุตนหนึ่งเดินเข้ามาขวางไว้ ดวงตาสีมรกตมองจิกที่อีกฝ่ายหนึ่ง ที่มาขัดขวางงานของเธอ

    ท่านไดกิจะไม่ เปลี่ยนใจเลยหรือเจ้าคะ?”

    ไม่แม้ข้าเองจะอยากเป็นเทพก็เถอะ แต่ดูยังไงพวกเจ้าก็ไม่ชนะเหล่าเทพหรอก เมื่อเห็นเช่นนั้นแล้วข้าก็ไม่จำเป็นที่จะต้องช่วยพวกเจ้า…”

    แต่ว่า…”คิโยะฮิเมะกำลังจะกล่าวขึ้น แต่ไดกิยกมือให้อีกฝ่ายหยุด

    ตอนนี้ข้าไม่ว่าง ข้ามีงานต้องทำ จะให้พวกเขามานั่งรอข้าคนเดียวไม่ได้เขาปฎิเสธ พูดจบแล้ว ทาโร่กับคาบูโตะก็มาพบพอดี

    คาบูโตะ ทาโร่ พานางออกไปเสียไดกิสั่ง

    ขอรับทั้งสองตอบกันอย่างพร้อมเพรียงกัน และเข้าไปกันหญิงในชุดกิโมโนสีดำ ออกไป แม้เธอจะมีสีหน้าไม่พอใจแต่ก็ถูกพาออกไปในที่สุด ขบวนดังกล่าวจึงค่อยเคลื่อนที่ต่อไป ชายหนุ่มนั้นเดินอย่างสำรวมจนในที่สุดเขาก็เดินไปถึงคฤหาสน์ในเวลาเกือบครึ่งชั่วโมง เมื่อนั้นเขาก็ถึงเวลาที่ต้องนั่งภาวนาต่อหน้าการาสุเทนกุทั้งเก้า ชายหนุ่มนั่งลงบนเบาะที่ตั้งกลางห้อง อย่างสำรวมก่อนหลับตาลงและเริ่มทำสมาธิ ทั่วทั้งบริเวณนั้นเงียบสงัด และชายหนุ่มต้องนั่งอยู่นิ่งๆจนกว่าพระอาทิตย์จะตกดิน เขาไม่สบายใจนิดหน่อยนักซึ่งเป็นส่วนสำคัญในพิธีที่เขาพยายามหลบเลี่ยงมาตลอดหลายร้อยปี ถึงเวลาที่เสียไปกับการนั่งสมาธินักเมื่อนึกถึงกองงานในห้องที่มีอยู่ท่วมศีรษะเขา ไม่นานนักชายหนุ่มก็นึกถึงเรื่องราวเก่าๆ เป็นเรื่องราวที่เขาพยายามจะลืมไปให้ได้ จนต้องยอมทำงานอย่างหนักเพื่อไม่ให้มีเวลาคำนึงถึงเรื่องนั้น และในความมืดนั้นหวนนึกถึงเรื่องราวเมื่อแปดร้อยกว่าปีก่อน

     

    เด็กหนุ่มผู้หนึ่งที่ดูเหมือนเด็กอายุสิบห้าปีนั้นสวมชุดนักพรตภูเขากำลังหยิบกิ่งไม้มาต่อสู้กับเหล่าการาสุเทนกุที่ขนาดตัวพอๆกับเขา อย่างสนุกสนาน ไม่ไกลนักชายผู้หนึ่งผู้มีปีกสีดำขนาดใหญ่ แลใบหน้าคล้ายกับไดกิ แต่เขามีหนวดเคราที่บ่งบอกถึงอายุกำลังนั่งห้อยขาอยู่ที่ระเบียง ข้างๆเขามีหญิงนางหนึ่งที่สวมชุดกิโมโนเรียบร้อย ผมยาวสีดำขลับของเธอยาวถึงกลางหลัง และกำลังนั่งพิงชายผู้นั้น ก่อนเขาจะมองที่เด็กหนุ่มอย่างมีความสุข

    เจ้าอยากได้ดาบรึ? ไดกิเขาถามขึ้น ไดกิคุกเข่าลง

    หาได้ไม่ขอรับ ดาบนั่นมีไว้ให้ไดเทนกุเท่านั้นขอรับชายผู้นั้นยิ้มออกมา เมื่อได้ยินคำตอบ

    แล้วเจ้าไม่ใช่ไดเทนกุรึ? ยังไงสักวัน เมื่อเวลามาถึง ดาบของข้าจะต้องตกทอดสู่เจ้าอยู่ดีปิศาจหนุ่มคำนับก่อนจะตอบกลับมา

    ข้าอยากให้ท่านพ่อเป็นผู้นำไปนานๆขอรับ ข้ามิได้ต้องการดาบแต่อย่างใดหรอกขอรับ

    เจ้านี่มันก็โตพอตัวแล้ว เจ้าจะต้องเตรียมใจเสีย หากวันใดที่ข้าไม่อยู่ เจ้าก็ต้องปกครองและดูแลเจ้าพวกการาสุเทนกุให้จงได้

    ขอรับยังไม่ทันที่ใครจะได้กล่าวสิ่งใดต่อ การาสุเทนกุสาวผู้เดินนวยนาดเข้ามาด้วยชุดกิโมโน ก่อนจะลงมาคุกเข่าและคำนับอีกฝ่ายหนึ่ง

    ท่านไดอิจิเจ้าคะ ซามูไรผู้นั้นได้เดินทางมาถึงแล้วเจ้าค่ะ”อายุมุกล่าวออกมาแล้วค้อมตัวอย่างสุภาพ

    ขอบใจเจ้ามาก อายุมุ ส่วนเจ้าไดกิก็มากับข้าเสียด้วยสิ...”ไดอิจิกวักมือเรียกบุตรชายของตน

    ขอรับเด็กหนุ่มลุกขึ้นยืนและรีบตามไดเทนกุที่คอยเดินประคองหญิงที่ตนรักไปตามทางเดินอย่างช้าๆ เด็กน้อยเองก็เข้าไปช่วยประคองอีกข้างหนึ่งเช่นกัน ก่อนจะหันไปกล่าวลาเพื่อนเล่นของตน

    พี่อากาเนะ พี่คาบูโตะ ทาโร่ เดี๋ยวข้ากลับมาทีหลังนะ

    ได้ๆอากาเนะในร่างของการาสุเทนกุกล่าวขึ้น ก่อนทั้งสามจะหันไปวิ่งไล่กันเองต่อไป ส่วนไดอิจินั้นประคองหญิงชาวมนุษย์มาที่ห้องโถง และประคองนางให้นั่งอยู่บนบัลลังค์ที่มีความสูงต่ำกว่าบัลลังค์ด้านซ้ายของเธอนิดหน่อย

    ขอบคุณเจ้าค่ะร่างที่ผอมแห้งขอบคุณอีกฝ่ายหนึ่ง ก่อนไดอิจิจะขึ้นไปนั่งบนบัลลังค์เสีย ส่วนไดกิเดินไปนั่งที่พื้นด้านซ้ายสุด เขานึกแปลกใจว่าเหตุใดคราวนี้เขาจึงถูกเรียกให้มาพบกับซามูไรท่านนี้ด้วย ไม่นานนัก การาสุเทนกุได้พาชายในวัยกลางคนผู้หนึ่งที่สวมชุดกิโมโนอย่างสง่างามเข้ามา และเบื้องหลังของชายผู้นั้นก็มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ดูเรียบร้อย เดินตามเข้ามาด้วย แม้ว่าเธอจะดูประหลาดใจกับเทนกุและการาสุเทนกุนั้นแต่ก็ยังไม่แสดงอาการใดที่ดูเสียมารยาทออกมา

    ข้าขอสักการะ ท่านเทพแห่งภูเขาและพงไพรชายผู้นั้นคำนับอย่างนอบน้อมที่สุด

    เหตุใดวันนี้เจ้าจึงมาที่นี่เสียล่ะ?”ไดอิจิถามไถ่ขึ้น

    ข้าจะมากราบขอบคุณท่าน ที่มอบพลัง ให้แก่ข้าขอรับ ตอนนี้สงครามเกมเปย์ ได้จบลงแล้ว และท่านมินาโมโตะ โยชิสึเนะได้รับชัยชนะแล้ว ข้าที่เป็นเพียงซามูไรปลายแถว มิได้มีทรัพย์สินมากมายใดๆที่จะตอบแทนท่าน ข้าจึงอยากจะยกลูกสาวของข้า ที่มีนามว่ามิวะให้ท่านขอรับชายผู้นั้นกวักมือเรียกเด็กหญิงนามมิวะ ให้คลานเข้ามาหาเขา ก่อนเธอจะคำนับเสีย

    บุตรีของท่านช่างแสนรู้เสียจริงเจ้าค่ะยูมิโกะเอ่ยปากชม

    ขอบคุณเจ้ามาก แต่ข้านั้นมีเมียแล้ว และคิดจะมีเพียงคนเดียวเท่านั้น ดังนั้นข้าจึงคิดว่า ข้าจะหมั้นหมายให้นางแต่งกับไดกิ บุตรชายของข้าเสีย เมื่อนางอายุสิบเก้าปี

    ขอรับท่านพ่อเด็กหนุ่มคำนับอย่างนอบน้อม และมองเด็กสาวเบื้องหน้า

    ขอรับท่านไดกิ ส่วนเจ้า มิวะ เจ้าต้องอยู่ที่นี่ คอยดูแลท่านทั้งหลายด้วยนะ อย่าให้เป็นที่หม่นหมองของตระกูล”เขาออกปากสั่งบุตรีของตนเอง

    เจ้าค่ะ ท่านพ่อเสียงเล็กนั้นตอบกลับมา

    ถ้าเช่นนั้น ข้ามิอาจรบกวนท่านขอรับ ข้าจักต้องลาก่อนซามูไรผู้นั้นคำนับและออกไปจากห้องโถงเสีย เหลือเพียงมิวะที่มองอีกฝ่ายออกไป อย่างตาละห้อยและกำลังจะร้องไห้ออกมา

    เด็กน้อยมาหาข้ามา ไม่โศกเศร้าไปหนา ข้าจะดูแลเจ้าเฉกเช่นมารดาของเจ้าเองมารดาของไดกิเรียกเธอเข้าไปหา เด็กหญิงเดินเข้ามาอย่างว่าง่าย และคำนับอีกฝ่ายหนึ่ง มือเรียวค่อยๆเอื้อมมาลูบศีรษะของเธออย่างเอ็นดู

    ในที่นี้มีข้ากับเจ้าเป็นมนุษย์เท่านั้น หากเจ้ากลัวสิ่งใดก็มาหาข้าได้ทุกเมื่อ

    เจ้าค่ะเด็กหญิงคำนับ สักพักไดอิจิจึงกล่าวขึ้น

    ไดกิ เจ้าพานางไปเที่ยวเล่นเสียหน่อย แต่อย่าไปไกลนัก และจะเล่นอะไรก็ระมัดระวังเสียหน่อยเพราะนางเป็นมนุษย์และยังเด็กนัก

    ขอรับเขากล่าวด้วยความไม่แน่ใจ เพราะไม่เคยพบเจอเด็กผู้หญิงที่เป็นมนุษย์มาก่อน แต่ก็ลุกขึ้น และเดินเข้าไปหา จากนั้นจึงต้องลงนั่งคุกเข่าคุยกับอีกฝ่ายหนึ่งอย่าเก้ๆกังๆ

    เจ้า….มิวะ มากับข้าเสีย ข้าจะพาเจ้าไปเดินเล่นเขายื่นมือมาให้ ส่วนเด็กน้อยก็ค่อยๆเอื้อมมือมาจับอย่างลังเล

    มิวะ ต่อไปเจ้าเรียกไดกิว่าท่านพี่นะไดอิจิกล่าวขึ้น

    เจ้าค่ะเมื่อกล่าวจบเด็กหนุ่มก็ค่อยๆเดินพานางออกไปเสียข้างนอก ตามทางเดิน มือของเขาจับอีกฝ่ายไว้อย่างเบามือเสียยิ่งกว่าจับแก้ว

    เจ้าอายุเท่าไหร่รึ?”เขาถาม

    หกขวบเจ้าค่ะ

    หกขวบ?...เอตอนนั้นข้าน่าจะเด็กกว่าเจ้าอีกนะเขาพึมพำกับตนเอง เพราะปิศาจอย่างเขานั้นเจริญเติบโตช้ากว่ามนุษย์เป็นไหนๆ เมื่อคิดไปเรื่อยๆก็ยิ่งสับสน ไดกิจึงเลิกคิดเสียจนกระทั่งการาสุเทนกุทั้งสามที่วิ่งอยู่ตามระเบียงและมาพบเข้าพอดี ทั้งสามถึงกับตกตะลึงไปชั่วขณะเพราะไม่เคยพบเด็กหญิงมาก่อน

    นั่นลิงรึ?”ทาโร่กล่าวขึ้น จนถูกอากาเนะตบหัวเข้าอย่างจัง

    นั่นมนุษย์ย่ะ แกนี้มันทึ่มจริงอากาเนะแผดเสียงใส่ จนไดกิต้องเอามือปิดหูมิวะไม่ให้เธอได้ยินคำพูดที่ไม่สุภาพนัก

    แล้วนางมาทำไม?”คาบูโตะถามขึ้น

    เอ่อก็นางเป็นคู่หมายของข้าปิศาจเทนกุอธิบาย

    คู่หมาย?”อากาเนะกล่าวขึ้น และรีบหันไปหาสหายทั้งสองที่อยู่ด้านหลัง

    คืออะไรหรอ?”คาบูโตะที่ได้ยินก็ถึงกับถอนหายใจออกมา

    นางจะมาเป็นเจ้าสาวของไดกิอย่างไรล่ะเขาอธิบาย ทำให้อีกสองคนพยักหน้าด้วยความเข้าใจ

    ..นี่ใครหรือเจ้าคะ ท่านพี่เด็กหญิงถามขึ้น

    อ๋อนี่สหายของข้าเอง มีพี่คาบูโตะ ทาโร่ และพี่อากาเนะไดกิอธิบายให้ฟัง

    พี่คาบูโตะ พี่ทาโร่ พี่อากาเนะเธอชี้นิ้วและเรียกอีกครั้งหนึ่ง ทุกคนต่างยิ้มออกมาเพราะความน่ารักของอีกฝ่าย ไม่นานนักมิวะก็สนิทกับทุกคน และเธอก็ยังพยายามช่วยงานบ้านงานครัวต่างๆจนทุกคนก็อดเอ็นดูไม่ได้ เด็กที่ร้องไห้ในวันแรกที่มาถึงที่นี่ก็ไม่มีแล้ว มีเพียงเด็กหญิงที่มีความสุขคนหนึ่ง ทว่าภาพนั้นกลับมืดมิดลงไปอีกครั้งหนึ่ง ไดกิที่นั่งสมาธิกลับรู้สึกกระสับกระส่ายเสียจนเหงื่อตกก่อนภาพเหตุการณ์หนึ่งจะเกิดขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง

    ข้าไม่อยากนึกถึงนางอีกแล้ว

     

    ภาพเบื้องหน้าของเขาปรากฏขึ้นที่ศาลเจ้ามิยะที่พลุกพล่านไปด้วยคนมากมายด้วยงานพิธีเต้นรำบุกาคุชินจิ ทุกคนต่างสวมเสื้อผ้าในสมันเฮอัน ไดกิในตอนนั้นแปลงกายเป็นมนุษย์เสียและเดินจับมือเด็กสาวแน่น ดวงตาสีดำขลับต่างสบตากัน ชายหนุ่มยิ้มออกมาอย่างมีความสุข ส่วนมิวะที่เติบโตกันจนเป็นหญิงสาวที่สวยงามจนทุกคนต้องเหลียวมอง เพียงหลบตาเขาไปทางอื่นเท่านั้น

    ท่านพี่เจ้าคะ ท่านพ่อท่านแม่จะว่าท่านพี่นะเจ้าคะ หนีออกมาแบบนี้มิวะกล่าวขึ้นตอนนี้เธอโตขึ้นเป็นเด็กสาววัยแรกรุ่นแล้ว

    ข้าอยากมาเที่ยวกับเจ้าบ้าง มิวะ ข้ารู้ว่าข้าควรทำอะไร ไม่ควรทำอะไรดี เจ้าอย่ากังวลไปเขายิ้มระรื่นอย่างมีความสุข

    เจ้าค่ะเธอกล่าวออกมา

    มิวะข้าอยากอยู่ดูการแสดงกับเจ้าเขาพาเธอเดินไปที่ลานประรำพิธีสีแดง ไม่นานนักการเต้นรำก็เริ่มขึ้นโดยนักบวชและเหล่ามิโกะดูสวยงาม นักบวชสวมชุดสีเขียวมะกอก ส่วนมิโกะสวมชุดสีแดง ด้านหลังของชุดนั้นทำเหมือนปีกและหางของนกดูสวยงาม ทั้งสองยืนดูจนการเต้นรำนั้นจบลง จากนั้นเด็กหนุ่มจึงเดินพาเธอไปตามทางเดินในเมืองไปเรื่อยๆ จนกระทั่ง มิวะ จ้องมองที่ปิ่นปักผมที่ขายอยู่ตามร้านค้า

    เจ้าอยากได้รึ?”เขาถามขึ้น

    เปล่าเจ้าค่ะเธอรีบหันหน้าหนีไปอีกทางหนึ่ง

    ไม่เป็นไรหรอก เจ้าบอกข้าเถอะไดกิเซ้าซี้อีกฝ่ายหนึ่ง

    ไม่ค่ะมิวะส่ายหน้าช้าๆ เมื่อนั้นชายหนุ่มจึงเดินเข้าไปซื้อปิ่นปักผมอันหนึ่งที่ทำด้วยเงินเป็นลายดอกไม้สวยงามออกมา โดยที่อีกฝ่ายไม่ทันทักท้วง และเดินกลับมา

    ท่านพี่ไม่ต้องซื้อให้ข้าหรอกเจ้าค่ะเธอรีบกล่าว ก่อนจะถูกอีกฝ่ายพาไปเดินเล่น จนกระทั่งมาถึงที่ริมแม่น้ำ ที่ไม่ค่อยมีใครนัก

    ท่านพี่ ข้าทำให้ท่านพี่ต้องเสียเงิน…”มิวะกล่าวออกมาด้วยความรู้สึกผิด

    ข้าซื้อเป็นของแทนใจให้เจ้า มิวะข้ารักเจ้านะดวงเนตรสีดำของนางเบิกกว้าง กับคำพูด ก่อนจะเงียบลงและก้มหน้าหลบอีกฝ่าย ก่อนเอามือเรียวขึ้นมาปิดปากที่อวบอิ่มของเธอ

    ….ค่ะอีกฝ่ายตอบเพียงสั้นๆ โดยไม่มองหน้าไดกิเลย ส่วนอีกฝ่ายก็อยากจะฟังความรู้สึกของเธอเช่นกัน

    ข้าจะกล่าวเช่นนั้นกับท่านไดกิ ในวันแต่งงานเจ้าค่ะ....”มิวะพูดด้วยเสียงอันเบา ใบหน้าของเธอเองแดงแป๊ดเหมือนกับคนเมา ก่อนจะเอามือปิดหน้าด้วยความอาย

    ข้าจะรอฟังคำนั้น…”เด็กหนุ่มกล่าว และยิ้มออกมา

    นางไม่ได้รักข้าหรอกข้าไม่อยากคิดถึงเรื่องเก่าๆแล้ว นางไปแต่งงานกับคนอื่นที่เหมาะสมมากกว่าข้า เขาเป็นมนุษย์เฉกเช่นเดียวกับนาง และมียศถาบรรดาศักดิ์ นางไม่ต้องลำบากอะไร ไม่ต้องมาทนอยู่ในป่าเขาแห่งนี้ที่ทุรกันดาร

    เสียงนั้นก้องอยู่ในหัวของเขา แต่ภาพนั้นก็เล่าเรื่องราวต่อไป เพราะบททดสอบทางจิตใจของพิธีกรรม ทำให้เขานึกถึงเรื่องที่ขมขื่นเช่นนี้

    ท่านต้องอดทนและเอาชนะมันให้ได้เสียงยามะคาวะดังขึ้นเพื่อเตือนสติเขา ก่อนภาพต่างๆจะพรั่งพรูออกมามากมาย

    ท่านเห็นเรื่องนี้ได้ด้วยใจจริง อย่าใช้อคติ…”

    เมื่อนั้นภาพในอดีตก็ปรากฏต่อหน้าเขา ยามค่ำคืนหนึ่งที่แสนเงียบสงัดคฤหาสน์ในป่าใหญ่นั้นมีแสงเทียนสว่างไสว หนุ่มสาวคู่หนึ่งยืนอยู่ที่ระเบียงทางเดินที่คุ้นเคย เขาเกาะกุมมือของหญิงสาวเบื้องหน้าไว้ด้วยความทะนุถนอม แม้ภายในใจเขาจะว้นวุ่นนักแต่ก็พยายามจะกลบเกลื่อน และทำเป็นไม่สนใจนัก เพราะท่านพ่อของเขาได้สั่งให้เขาไปเป็นขุนพล อยู่คอยรับมือเหล่าเทพ ที่จะมารุกรานความสงบสุขของพวกเขาสิ้นเพราะว่าการที่ท่านแม่ที่เป็นมนุษย์มาอยู่ในที่แห่งนี้ เหล่าเทพเองก็ไม่พอใจนักจึงเกิดสงครามกัน ดังนั้นไดกิจึงจำเป็นต้องไปอยู่ที่ค่ายเสีย

    ข้าจะต้องไปแล้ว มิวะ ฝากเจ้าดูแลท่านแม่ด้วยไดกิกังวลเกี่ยวกับท่านแม่ของตนอย่างมากเพราะช่วงนี้เหมือนร่างกายของนางจะทรุดลงเรื่อยๆจนล้มป่วยลงเมื่อวันก่อน และเหล่าเทพเจ้าก็โผล่มาเหมือนรู้จังหวะกันดี

    เจ้าค่ะท่านพี่ ขอให้ท่านพี่ปลอดภัยเจ้าค่ะเธอตกปากรับคำอย่างดี

    ท่านพ่อ…”ชายหนุ่มนึกอยากจะเรียกอีกฝ่ายหนึ่ง แล้วถามไถ่ว่าจะเดินทางเมื่อไหร่ แต่ก็ไม่ได้เข้าไปถามเหตุเพราะท่านแม่กำลังป่วยอยู่

    เช่นนั้นข้าควรต้องไปแล้วเขากล่าวลา ก่อนจะค่อยปล่อยมือนวลของอีกฝ่ายและบินหายไปในความมืด แต่ทว่าเรื่องคาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อจนเวลาเช้า ท่านไดอิจิก็ยังไม่โผล่มา จนการาสุเทนกุต่างเริ่มสงสัย และถามไถ่ถึงคำสั่งของเขา ไดกิยังคงยืนยันว่าจะต้องสู้เพราะท่านไดอิจิได้สั่งลงมา แต่ในใจของเด็กหนุ่มก็เต็มไปด้วยความกังวลอย่างยิ่ง ไม่นานนัก ท้องฟ้าก็ทมึนลงด้วยเงา ของการเคลื่อนทัพของจำนวนอีกฝั่งหนึ่งที่มาเต็มท้องฟ้าภาพของกองทัพขนาดมหึมา ที่เตรียมบุกเข้ามาได้ทุกเมื่อ เบื้องหน้านั้นมีเทพมังกรฟ้า อยู่ไกลลิบ ด้านข้างของเขามีวิหกเพลิง เทพประจำทิศใต้ นามซุซาคุ ที่นำทัพมากดดันผู้ที่เบื้องหน้า ส่วนทางด้านของเขามีการาสุเทนกุจำนวนมากที่ถืออาวุธ เพียงแต่เบื้องหน้านั้นมีเด็กหนุ่มที่ถือดาบขนาดใหญ่อันเกินตัวอยู่เพียงคนเดียว เมื่ออีกฝ่ายเห็นก็โมโหขึ้นมา

    อะไรของพวกเจ้า ดูถูกพวกข้าถึงเพียงนี้เลยรึ!! เด็กน้อยเจ้าหลีกทางไปเสีย ข้าไม่อยากทำเจ้าร้องไห้เซริวกล่าวขึ้นด้วยความเย้ยหยัน

    ไม่!!! ข้ามาที่นี่ เพราะข้ามีหน้าที่เป็นขุนพลเขาตอบกลับไป

    เขาส่งลูกตัวเองมาตายชัดๆหงส์เพลิงกล่าวขึ้น ยิ่งทำให้ไดกิผงะไปชั่วครู่ เพราะเขาเองแม้จะเรียนการสงครามมา แต่ก็ไม่เคยทำสงครามที่แท้จริง ไดกิรู้สึกถึงเม็ดเหงื่อที่ผุดพรายบนใบหน้าของตน แต่จะให้ถอยก็มิอาจถอยไปได้ ยกเว้นท่านไดอิจิจะมาออกคำสั่งเท่านั้น

    เจ้าชื่อไดกิสินะข้ามิไม่ได้มีปัญหากับเจ้า แต่ไดอิจิต้องได้รับโทษ เขาลักพาตัวมิโกะผู้ถูกเลือกให้ถูกบูชายัญ แก่เทพแห่งความสมดุล นามว่าโอริว  จนกระทั่งทำให้ชาวบ้านล้มตายจากความแห้งแล้งเป็นจำนวนมาก และการกระทำของพ่อเจ้ายังเป็นการหยามเกียรติของเทพอย่างไม่น่าให้อภัยหงส์เพลิงกล่าว

    เจ้าเด็กนั่นไม่ฟังหรอกเซริวกล่าวขึ้นและมองเหยียดอีกฝ่ายหนึ่ง

    แค่เอามาถ่วงเวลารึ? งั้นลองไว้ชีวิตเขาก่อนเซริว เจ้าไปเสียทั้งสองพยักหน้า ก่อนเซริวจะพุ่งตรงเข้ามาข้าไดกิ เด็กหนุ่มเองก็เข้าไปฟาดฟันอีกฝ่ายด้วยดาบ แต่เซริวหลบได้ และเป็นฝ่ายไล่เขา แทน ไดกิฟาดฟันดาบในอากาศ ก่อให้เกิดลมพายุลูกใหญ่ พัดเข้าหาอีกฝ่าย เพียงเซริวคำราม ลมนั้นก็หายไป แต่ไดกิยังตรงเข้าไปต่อสู้อยู่ ดาบที่กระทบกับเกร็ดสีเงินนั้น ทำให้เพียงเกล็ดบางส่วนหลุดออกมา

    เจ้าเด็กบ้าเอ๊ย!!”เทพมังกรฟ้าคำรามด้วยความโกรธ และแผ่รัศมีไปรอบๆ จนเหล่าการาสุเทนกุกระเด็นไปคนละทิศคนละทาง ส่วนชายหนุ่มยังทนแรงกระแทกไว้ได้ แต่ก็บาดเจ็บไม่น้อย เมื่อนั้นร่างของมังกรฟ้าก็พุ่งเข้าหาเขาโดยตรง ปิศาจเทนกุที่พยายามฝืนแรงและเรียกลมเข้าปะทะนั้น กลับฝืนแรงเทพเซริวได้อย่างไม่น่าเชื่อ แต่หลังจากที่ดึงดันกันอยู่นานนัก เทพก็เป็นฝ่ายชนะ เขาพุ่งชนไดกิจนร่างนั้นตกลงไปกระแทกพื้นเสียฝุ่นควันคละคลุ้งไปทั่วจนมองไม่เห็น วิหกเพลิงซุซาคุกลายร่างเป็นหญิงสาวสวมกิโมสีแดงสดรีบเดินไปดูผล เมื่อควันจากหายไป ก็พบเซริวในร่างมนุษย์ใช้เท้าเหยียบอีกฝ่ายเพื่อกดเขาลงกับพื้นเพื่อไม่ให้ลุกขึ้นมาได้

    ทำได้ดีมาก เซริวซุซาคุกล่าว เทพมังกรฟ้าจึง คว้าคอเสื้อเด็กหนุ่มก่อนจะลากไปตามทางจนไม่เหลือสภาพที่ดูเย่อหยิ่งก่อนหน้า จนเนื้อตัวถลอกปอกเปิกไปหมด

    ข้าจับขุนพลพวกเจ้าแล้ว แม่ทัพพวกเจ้าก็ยังไม่มาประจำตำแหน่ง เลิกสู้กันก่อนเสีย คิดว่าพวกเจ้ากำลังเล่นตลกอะไรกันอยู่ถึงดูถูกข้าเพียงนี้!!!”เสียงที่น่าเกรงขามดังก้องไปทั่วบริเวณ จนการต่อสู้หยุดลง

    ถ้าพวกเจ้าขัดขืนข้าจะฆ่าเจ้าเด็กอวดดีนี่เสียเซริวกล่าวขึ้น ทำให้เหล่าการาสุเทนกุต้องลดอาวุธลงในทันที ส่วนไดกินั้นมีบาดแผลเต็มตัว แม้จะไม่เจ็บมากนัก แต่เขากับจุกเสียไม่สามารถขยับตัวได้ ร่างนั้นถูกลากเป็นทางยาวมา จนกระทั่งเทพทั้งสองมาถึงคฤหาสน์ และค่อยโยนเขาลงที่พื้นอย่างไม่ใยดี ร่างนั้นค่อยๆลุกขึ้นมาช้าๆ พอๆกับการาสุเทนกุตนอื่นๆ ในคฤหาสน์นั้นวิ่งมาพร้อมอาวุธ

    ข้าต้องการคุยกับไดอิจิ เจ้าจงนำไปเสีย ไม่เช่นนั้นข้าจะฆ่าพวกเจ้าทุกคนที่อยู่ตรงนี้ซะ”เด็กหนุ่มยกมือขึ้นห้ามการาสุเทนกุไว้ และพยายามเดินไปที่ห้องๆหนึ่ง เขาเองก็ต้องการคำตอบเช่นกันว่าทำไมท่านพ่อของตนไม่ไปที่ค่าย ที่อายุมุนั่งเฝ้าหน้าห้องด้วยสีหน้าไม่ค่อยดีนัก เมื่อเห็นไดกิกับเทพทั้งสองเดินมา ก็ลุกขึ้นมาขวางไว้

    ...ท่านไดกิเจ้าคะ ตอนนี้ไม่เหมาะเจ้าค่ะเธอรีบลุกมาห้าม แต่ปลายดาบคาตานะของเซริวชี้มาที่อีกฝ่ายจนเธอต้องล่าถอย

    เจ้าเปิดประตู...”เซริวกล่าว ก่อนจะนึกสงสัยว่าเหตุใดเขาจึงไม่รู้สึกถึงพลังของไดอิจิตั้งแต่มาที่นี่แล้ว ไดกิค่อยๆเลื่อนประตูโชวจิ ก่อนจะตกตะลึงกับภาพเบื้องหน้าในห้องนอนห้องใหญ่ ภาพเบื้องหน้าของเขาคือร่างของมารดาที่นอนสิ้นใจบนฟูกนอน และด้านข้างของเธอนั้นคือไดอิจิที่ทำพิธีเซ็ปปุกุตนเอง ดาบสั้นนั้นยังปักเข้าอยู่ที่หน้าท้องพร้อมกับกองเลือดขนาดใหญ่บนพื้นห้อง เด็กหนุ่มทรุดตัวลงนั่งอย่างไร้เรี่ยวแรง ร่างกายของเขานั้นมีแต่แผลที่บอบช้ำจนทั่วแต่ทว่ากลับไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดใดๆ นอกจากความรู้สึกเจ็บปวดในอก ที่ราวกับหัวใจของเขาได้แตกสลายไป รวมถึงเทพมังกรฟ้า และวิหกเพลิงที่อยู่เบื้องหลังที่ถึงกับผงะไปตามๆกัน

    อะไรกัน!!”เสียงวิหกเพลิงถามขึ้น

    เจ้าจะสงสัยอะไร ก็แค่รู้อยู่แล้วว่าจะแพ้สงครามนี้ก็เลยชิงฆ่าตัวตายไปเสียก่อนเซริวกล่าวแล้วถึงกับเบือนหน้าหนี ยิ่งเมื่อเห็นไดกิที่กำลังตกตะลึงก็ยิ่งชวนจะทนให้ดูเสียไม่ได้ เพราะความสมเพชและสังเวช

    ...จริงรึ?”ไดกิค่อยๆกล่าวขึ้นมา เหมือนผู้ที่มิได้สตินัก

    เขาส่งเจ้าออกไปรบคนเดียว เจ้าไม่สงสัยเลยรึ คงหวังให้เจ้าถูกฆ่าตายไปด้วยกระมัง แต่เจ้ากลับรอดมาได้จนมาเห็นภาพนี้”เซริวกอดอกตนเอง

    ไม….ไม่จริง!!”เขานำมือทั้งสองมาปิดหูตนเอง และกรีดร้องออกมา

    เป็นไปไม่ได้!!!!!…”

    ช่างน่าสงสารเสียจริงเด็กน้อย…”วิหกเพลิงกล่าวขึ้น ร่างบางสวมกิโมโนสีแดงนั้นดูเศร้าสร้อย แต่ทว่าอายุมุได้เดินเข้ามาและกล่าวขึ้น

    มิใช่เจ้าค่ะ….เพราะท่านยูมิโกะถูกวางยา ท่านไดอิจิจึงต้องเซ็ปปุกุ ตามคำสาบานที่เคยมอบให้นาง ว่าหากจะตายก็ต้องตายพร้อมกันเจ้าค่ะ

    ...ว่าไงนะ?ถ้าเช่นนั้นใครเป็นคนทำ?!!”ไดกิถามขึ้นด้วยความโมโหและเจ็บใจยิ่งนัก

    ข้าพบเศษดอกไม้อะเซะโบะ ในห้องของท่านยูมิโกะ ดอกไม้นั้นเป็นดอกไม้พิษเจ้าค่ะ และคนที่พบนางเป็นคนสุดท้ายคือ มิวะเจ้าค่ะ”คำพูดนั้นทำให้ไดกิถึงกับตกตะลึง ความเจ็บปวดนั้นแล่นเข้ามากลางอกของตน เขาไม่มีทางเชื่อว่ามิวะจะเป็นคนทำอย่างแน่นอน เขาต้องไปตามหามิวะให้เจอจงได้ ไม่ว่าอย่างไรก็ตามเขาอยากได้ยินคำตอบจากปากเธอ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×