คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #31 : ข้อเสนอที่มิอาจตอบรับได้
วันเวลาผ่านไปเนิ่นนาน นับแต่ละวันที่ผ่านพ้นไป
มายุยังรอคอยอย่างใจจดใจจ่อที่จะได้พบกับชายอันเป็นที่รัก
แม้ไม่มีใครรู้ว่าเขาจะกลับมาเมื่อไหร่ เวลาได้ผ่านนับสัปดาห์ ร่างบางยังคงเฝ้าคอยเขาอยู่ด้านหน้ากระท่อมหลังเก่าด้วยความหวัง เธออยากพบอีกฝ่ายหนึ่งเสียเหลือเกิน แต่ทุกคราก็มีเพียงยาต่างๆที่เหล่าการาสุเทนกุนำมาให้เธอ ดูเหมือนว่าไดกิจะตระเวณขอความช่วยเหลือจากทุกๆที่ที่เขาผ่าน แต่ก็ไม่มียาอะไรทำให้เธอรู้สึกว่าจะได้ผลดีขึ้นแต่อย่างใด เมื่อเห็นอีกฝ่ายพยายามถึงเพียงนี้แม้ในใจของเขาจะรู้ดีอยู่แล้วว่าทำเช่นไรคำสาปนั้นก็ไม่มีวันหาย ก็อดทำให้เธอรู้สึกผิดไม่ได้และอยากพูดคุยกับเขาตรงๆเสียที จนกระทั่ง
ในวันหนึ่ง ที่แสงตะวันสาดส่องลงมาในช่วงบ่ายปลายฤดูหนาว เธอก็ได้ยินเสียงเหล่าการาสุเทนกุที่ดีอกดีใจ หญิงสาวตะเกียกตะกายมารออยู่ด้านนอกกระท่อมอย่างใจจดใจจ่อเพื่อหวังว่าสามีของเธอจะกลับมา ก่อนจะเห็นไดกิค่อยๆบินลงมาและยืนประจันหน้ากับเธอ
“เจ้าไม่ควรออกมานะมายุ
เจ้าควรจะพักมากๆ”ฝ่ามือใหญ่ลูบศีรษะของเธออย่างเบามือ ดวงตาสีดำขลับของเขายังคงจ้องมองเธออย่างอ่อนโยนเช่นเดิม
“แต่ท่านไดกิ
ท่านบาดเจ็บนะคะ”มายุเหลือบไปเห็นแผลที่ข้อมือ ของอีกฝ่ายที่ถูกกรีดเป็นแนวขวาง
เธอรีบพาเขาเข้าไปรักษาในกระท่อม ชายหนุ่มเพียงมองไปรอบๆ ก็พบขวดยามากมายที่วางเอาไว้จนแทบจะไม่มีที่เดิน จากทั้งที่อากาเนะหามาให้ รวมถึงคนอื่นๆที่เขาขอวิธีแก้คำสาปไปด้วย
“แต่...อาการของเจ้ายังไม่ดีขึ้น...”ไดกิพึมพำขึ้น
พร้อมด้วยสีหน้าที่ดูเจ็บปวด
“ท่านไดกิดูแลตัวเองด้วยสิคะ
ดิฉันก็เป็นห่วงท่านเช่นกันนะคะ”มายุทำแผลให้อีกฝ่าย
แถมไดกิยังมีสีหน้าที่อิดโรยเสียอีก
“ท่านไดกิไปนอนพักที่คฤหาสน์เถอะค่ะ”มายุกุมมือเขาอย่างแผ่วเบา
“แล้วเจ้าล่ะ...ไม่ไปกับข้ารึ”ร่างบางส่ายหน้าช้าๆแทนคำตอบ
“ดิฉัน...คิดว่าการที่ดิฉันไปอยู่ในคฤหาสน์
อาจจะถือว่าเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจก็ได้ค่ะ ดิฉันไม่อยากไปทำรกหรือทำคฤหาสน์สกปรก
เพราะการาสุเทนกุก็มีงานและหน้าที่ต้องทำเยอะแล้วค่ะ”
“แล้วใครรังเกียจเจ้ารึ?”ชายหนุ่มรีบถามไถ่ขึ้นด้วยความเป็นห่วง
“อ...อ๋อ..ม...ไม่มีค่ะ
ดิฉันแค่กล่าวเผื่อไว้ก่อนค่ะ”มายุฝืนยิ้มออกมา เธอรู้ตัวดีว่า
สิ่งที่เธอเป็นอยู่ตอนนี้มันน่ารังเกียจขนาดไหน
ขนาดอากาเนะที่เคยดูแลเธออย่างใกล้ชิด ก็ยังเว้นระยะห่างขึ้น ไม่ใช่เพราะอากาเนะรังเกียจเธอแต่อย่างใด
แต่เพราะคำสาปอาจจะติดเธอหรือลูกๆของเธอได้ รวมทั้งร่างที่มีแต่จะค่อยๆเน่าลงอย่างช้าๆทุกวัน
ตอนนี้เธอก็มีแต่เชื้อโรคเต็มไปหมด จนไม่กล้าจะเดินไปไหนมาไหนไกลแล้ว
“ดิฉันแค่รู้สึกสะดวกใจที่จะอยู่ที่นี่มากกว่าค่ะ”เธอกลบเกลื่อน
“งั้นข้าจะอยู่ที่นี่ด้วย”ชายหนุ่มนั่งลงข้างๆเธอ
“จะดีหรือคะ ท่านไดกิ”มายุมองอีกฝ่ายอย่างตกตะลึง
“เจ้าก็เป็นเช่นนี้ตลอดเลย”ชายหนุ่มโอบเธอเอาไว้ และเหลือบดูเล็บของหญิงสาวที่เริ่มซีดลงอย่างเห็นได้ชัดจนเริ่มมีสีม่วง มือใหญ่จึงกุมมือเธอเอาไว้
“มือของเจ้าเย็นเฉียบ เจ้าหนาวหรือไม่ มายุ”เขามองใบหน้าของเธอ
“ไม่ค่ะ ดิฉันไม่รู้สึกอะไรทั้งนั้น
ทั้งร้อนหรือหนาว หรือความรู้สึกเจ็บปวด”มายุกุมมืออีกฝ่ายไว้ โดยตอนนี้เธอก็ไม่รู้สึกถึงสัมผัสของเขาอีกต่อไปแล้ว
แม้แต่ความอบอุ่นของชายหนุ่มก็ไม่อาจส่งมาถึงเธอแล้ว มายุมีสีหน้าที่เศร้าสลดลงเมื่อคิดเช่นนั้น ไดกิบีบมือเธอแน่น
เมื่อได้ยินคำตอบ
“ถ้าเช่นนั้นลองดื่มยานี่ก่อนสิ”เขาส่งขวดแก้วที่มียาน้ำสีแดงก่ำอยู่ด้านใน
มายุรับมาและเปิดขวดยาขึ้นมา แม้เธอจะทำดูเหมือนดมกลิ่นก็ตาม
แต่ก็ไม่ได้กลิ่นอะไรทั้งสิ้น
“เจ้ากล้าดมเลยรึ
ข้าคิดว่ายาชนิดนี้กลิ่นค่อนข้างแรงนะ”เขากล่าวขึ้น
นั่นทำให้มายุเพิ่งนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
“ท่านไดกิคะ”เธอหันมาเรียกชื่อของเขาในทันทีประดุจ เธอนึกบางสิ่งบางอย่างออก
“มีอะไรรึ?”ชายหนุ่มทำหน้าสงสัย
“ตัวดิฉันน่ะ...คงมีกลิ่นเน่าคละคลุ้งไปหมดแล้วใช่ไหมคะ”
“อะไรของเจ้าน่ะมายุ...”เขาลูบหัวเธอ
“ดิฉันนึกขึ้นมาได้ ว่าไม่กี่วันที่ผ่านมา
คนอื่นก็เริ่มออกห่างจากดิฉันมากขึ้นๆ แต่เพิ่งมานึกขึ้นได้เมื่อกี้นี้เอง
ที่ดิฉันเพิ่งรู้ตัวว่าไม่สามารถรับรู้กลิ่นใดๆได้อีก...ตอนนี้ตัวดิฉันคงเหม็นแล้วมีกลิ่นมากเลยใช่ไหมคะ”เธอถามขึ้น
ไดกิเพียงนิ่งเงียบลงไป แต่เขาก็ยังจับมือเธออยู่เช่นนั้น
“แล้วในขวดนี้
มีเลือดของท่านไดกิเป็นส่วนผสมด้วยสินะคะ”เธอก้มลงมองดูขวดแก้วเบื้องหน้า
ก่อนจะกล่าวต่อ
“ดิฉันดูบาดแผลพอจะรู้ได้บ้างว่า ท่านไดกิเฉือนข้อมือตนเอง...”หญิงสาวนิ่งเงียบไปเมื่อกล่าว คราวนี้เมื่อเธออยากร้องไห้
ร่างกายกลับไม่มีน้ำมาหล่อเลี้ยงมากพอให้ร้องไห้ออกมาแล้ว มันช่างทรมาณเสียจริง
“ท่านไดกิถึงกับยอมเจ็บตัวเพื่อดิฉัน
ทนกลิ่นเหม็นเน่าของดิฉัน....”มายุทำหน้าเหยเกเพราะกำลังร้องไห้
แต่ชายหนุ่มยังโอบเธอเอาไว้อยู่
“เพราะข้ารักเจ้ายังไงล่ะ
ข้าจะทำทุกทางให้เจ้าหายแน่นอน มายุ”หญิงสาวตัวสั่นเทาเพราะความโศกเศร้า
ก่อนจะดื่มยาในขวดจนหมด แต่เธอก็ไม่รู้สึกว่าจะเกิดผลที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม
“ดิฉันเองก็จะต้องพยายามเพื่อท่านไดกิเช่นกัน”มายุพึมพำกับตัวเอง
“แล้วมีใครที่ถูกสาปเช่นนี้เหมือนดิฉันไหมคะ”ไดกิชะงักไปชั่วครู่
ก่อนจะหรี่ตาลง
“ดูเหมือนว่าช่วงสามร้อยปีนี้
ท่านอิซานามิจะสาปสิ่งของหลายอย่าง ก็เลยมีมนุษย์ถูกคำสาปคล้ายๆเจ้า เต็มไปหมด
แต่ส่วนมากแล้วพวกนั้นจะเป็นโจรที่ชอบปล้นของจากศาลเจ้าเสียมากกว่า...พวกนั้นเลยไม่ได้ความเห็นใจจากใคร ทั้งมนุษย์และก็ปิศาจ”
“อย่างนั้นหรือคะ...”มายุมีสีหน้าเป็นกังวลก่อนจะถามไถ่ต่อ
“ท่านไดกิคะ
แล้ว คำว่าอมนุษย์...ท่านไดกิคิดว่าคืออะไรหรือคะ
แล้วปิศาจตนอื่นรู้สึกอย่างไรกับอมนุษย์หรือคะ”เธอถามอีกฝ่าย
“เจ้ารู้เรื่องอมนุษย์มาได้ยังไง”เขาถามขึ้นด้วยสีหน้าที่ประหลาดใจ
“แค่เคยได้ยินคำนี้มาก่อนค่ะ
ก็เลยสงสัยค่ะ”หญิงสาวกลบเกลื่อน ถ้าบอกไปตรงๆ อากาเนะกับอายุมุคงจะถูกไดกิว่าเป็นแน่
“อมนุษย์
คือสิ่งที่ไม่ใช่ทั้งคนและปิศาจ อมนุษย์จะอยู่กึ่งกลางของทั้งสองสิ่ง ส่วนมากปิศาจและเทพจะรังเกียจอมนุษย์
เพราะไม่ใช่ทั้งสิ่งใดสิ่งหนึ่ง....”ชายหนุ่มตอบสั้นๆและเลี่ยงการตอบโดยใช้ความรู้สึกตนเอง
แต่เท่านี้ก็ชัดเจนพอแล้วว่าเธอกำลังเป็นอะไรและทุกคนกำลังคิดเช่นไรกับเธอ ทั้งสองจึงนั่งอยู่เงียบๆเท่านั้น จนกระทั่งไดกิ นึกอะไรบางอย่างที่ดูเหมือนจะสำคัญขึ้นมาได้
“ตอนนี้เจ้าเริ่มมีพลังปิศาจที่มากจากคำสาป
ข้าสัมผัสได้อ่อนๆแล้ว ให้ข้าผนึกไอปิศาจเสียมายุ”หญิงสาวพยักหน้าแทนคำตอบ
เทนกุหนุ่มจึงกุมมือด้านขวาของเธอและนำเส้นด้ายสีขาวมาผูกที่ข้อมือของเธอไว้
มายุดูเส้นด้ายนั้นอย่างพิจารณา
“ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป
ดิฉันคงจะต้องน่าตาน่าเกลียดมากกว่านี้แน่ๆ จะทำยังไงดี...”ร่างบางพึมพำออกมา
ถ้าเธอหน้าตาน่าเกลียด มายุคงรับตัวเองไม่ได้แน่
“พูดอะไรแบบนั้นล่ะ
เจ้าต้องหายแน่นอน ข้าจะรักษาเจ้าให้ได้”เสียงทุ้มกล่าวขึ้นด้วยความมั่นใจ แต่มายุยังคงนั่งและครุ่นคิดอยู่เช่นเดิม
ท่านไดกิก็รู้อยู่แท้ๆเลยว่า
คำสาปนี้ไม่มีวันหาย และฉันควรจะทำยังไงดี ถ้าเวลาผ่านไปมากกว่านี้
ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น ฉันไม่อยากให้ท่านไดกิเห็นสภาพของฉันที่แย่ลงไปทุกวันหรอกนะ
ฉันจะทำยังไงดี แต่ก็ไม่อยากทำลายความหวังของท่านไดกิเลย...
“อย่ากังวลไปสิ มายุ
ยังไงก็ต้องมีทางแก้ไขแน่นอน”เขาลุกขึ้นยืน ก่อนจะเดินไปที่ประตูไม้ที่ผุพัง
“มายุ
ข้าจะไปหาวิธีช่วยเจ้าต่อ ข้าจะรีบกลับมาให้เร็วที่สุด”
“ค..ค่ะ”เธอตอบออกมาด้วยเสียงที่แผ่วเบา
ก่อนจะมองแผ่นหลังของอีกฝ่ายจากไป ก่อนเธอจะฟุบลงกับพื้นด้วยความโศกเศร้าเสียใจ
แต่ก็ไม่สามารถร้องไห้ออกมาได้ แม้แต่จะบอกกล่าวออกไปตรงๆว่าให้เขาถอดใจเธอก็ไม่อาจทำได้ คนป่วยอย่างเธอยังไม่เชื่อมั่นว่าตนเองจะหาย แล้วท่านไดกิที่ยอมลำบากถึงเพียงนี้เพื่อเธอล่ะ
ท่านไดกิเชื่อมั่นในตัวฉัน ฉันก็ต้องหายให้ได้...ดิฉันจะอยู่สู้หน้าท่านไดกิ ได้ถึงเมื่อไหร่กัน สักวันหนึ่งฉันก็จะกลายเป็นสัตว์ประหลาดน่าตาน่ากลัว เป็นซากศพเดินได้ แบบนั้นไม่เอาหรอกนะ.... ทั้งๆที่ตอนนี้ฉันอยากจะอยู่กับท่านไดกิแท้ๆ แต่เวลานั้นมันใกล้หมดลงแล้ว โดยที่เราแทบจะไม่ได้อยู่ด้วยกันเลย...ฉันไม่อยากให้ท่านไดกิมาเห็นฉันค่อยๆเน่าเปื่อยมีสภาพน่าขยะแขยงหรอกนะ...
“ทำไมโชคชะตาต้องเป็นเช่นนี้
ฉันแค่รักเขาอยากจะอยู่กับเขาอย่างสงบสุข
มันยากขนาดนี้เลยหรอ”ฝ่ามือเรียวบางทุบลงที่พื้นกระดาน หลายครั้ง
แต่เธอกลับไม่รู้สึกเจ็บปวดเลยสักนิด
จนกระทั่งเสียงหนึ่งเรียกชื่อของเธอขึ้นจนทำให้เธอชะงักและเงยหน้าขึ้นมามองหญิงผู้สวมชุดเฮอัน
“ท่านมายุ!!”ร่างนั้นตกใจ
และรีบเข้ามาดูฝ่ามือเธอที่มีแต่รอยเขียวช้ำ อย่างเป็นห่วง
“คุณอากาเนะ...”อากาเนะ
ค่อยล่าถอยออกไปจนเว้นระยะห่างไว้บ้าง
“ข้าขอโทษท่านมายุ
ที่ข้าต้องอยู่ห่างท่านมิใช่ว่าข้ารังเกียจท่านนะเจ้าคะ”เธอคำนับ
“ไม่เป็นไรหรอก คุณอากาเนะ ดิฉันเข้าใจดีค่ะ”
“ว่าแต่
ทำไมท่านมายุถึงทำร้ายตนเองเช่นนี้เจ้าคะ”เธอมองด้วยความเป็นห่วงอย่างยิ่ง
ก่อนจะทายาที่ฝ่ามือของเธอ และพันผ้าพันแผลให้
“ดิฉันคิดว่า...
ดิฉันอยากให้ท่านไดกิเลิกหาวิธีแก้คำสาปได้แล้วค่ะ ท่านไดกิเหนื่อยมามากพอแล้ว
แต่เมื่อเห็นเขาตั้งใจขนาดนั้น ดิฉันก็ไม่กล้าพูดออกไป ทำลายความหวังของเขา
แต่ตอนนี้ดิฉันอยากอยู่กับท่านไดกิมากกว่า ก่อนที่ดิฉันจะกลายเป็นตัวอะไรก็ไม่รู้
เพราะดิฉันกลัว ดิฉันไม่รู้ว่าร่างกายของฉันมันจะเป็นอะไรต่อไปอีก
ถ้าเป็นแบบนั้นแล้ว ดิฉันคงไม่กล้าให้ท่านไดกิเห็นดิฉันสภาพนั้นหรอกค่ะ”มายุกล่าวออกมา
“ข้าสงสารท่านมายุเหลือเกิน”ผู้กล่าวมีสีหน้าที่โศกเศร้าอย่างเห็นได้ชัด
“ดิฉันเองก็อยากจะพอแล้ว…ท่านไดกิถึงกับต้องกรีดเลือดกรีดเนื้อออกมาเช่นนั้น เพื่อดิฉัน…แม้ว่าต่อหน้าเขาแล้ว ดิฉันจะทำเป็นไม่รู้สึกอะไรก็เถอะ แต่ว่า…เห็นท่านไดกิต้องเจ็บตัวเพราะดิฉัน ฉันก็รู้สึกเจ็บใจตัวเองเช่นกันค่ะ ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป ดิฉันคงไม่ยอมให้อภัยตัวเองแน่ๆ…”หญิงสาวหรี่ตาลงด้วยความเจ็บปวด
“ท่านไดกิยอมบาดเจ็บเพื่อท่าน…”อากาเนะพึมพำกับตนเอง
“คุณอากาเนะจะกล่าวอะไรหรอคะ”เจ้าของดวงตาสีน้ำตาลถามขึ้น
“ให้ข้าพูดตรงๆนะ ข้าในฐานะที่เป็นข้ารับใช้ของท่านไดกิ ข้าย่อมไม่พอใจที่รู้ว่าท่านไดกิได้รับบาดเจ็บ…จากมนุษย์ ท่านไดกิยอมทำขนาดนี้ก็เพราะว่าท่านมายุสำคัญกับท่านไดกิมาก…เรื่องนี้ข้าพูดยาก ความรู้สึกของข้าตอนนี้ก็สับสนไปหมด ใจหนึ่งข้าก็อยากบอกให้ท่านมายุต้องเข้มแข็งและมีกำลังใจเอาไว้ แต่ถ้าพูดเช่นนั้น ก็เหมือนว่าข้าไม่เข้าใจความรู้สึกของท่านมายุเลยสักนิดเดียวว่าท่านเจ็บปวดทรมาณขนาดไหน แต่ถ้าจะบอกให้ท่านไดกิล้มเลิกเสีย ข้าก็ไม่อาจทำได้ ท่านไดกิคงไม่ยอมตามที่ข้ากล่าว…ข้าเองก็ไม่อยากเห็นเขาเจ็บตัวอีก ข้าทนไม่ได้…ฉะนั้นท่านมายุ ข้าอยากให้เรื่องนี้มันจบเสียที….”หญิงสาวผมยาวสีดำหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาซับน้ำตา ส่วนมายุก็รอฟังอีกฝ่ายกล่าวต่ออย่างใจจดใจจ่อ
“แต่ถ้าถามความรู้สึกของข้าตอนนี้ ท่านไดกิมีความสำคัญยิ่งกว่าชีวิตของข้า หรือแม้แต่ท่านมายุ ข้าจึงอยากให้ท่านมายุออกไปจากที่นี่…”การาสุเทนกุร้องห่มร้องไห้ออกมา
“ฮือออ ข้าพูดออกไปแล้ว ข้าขอโทษนะท่านมายุ”มายุชะงักไปเมื่อได้ฟัง
นึกไม่ถึงว่าอากาเนะจะกล่าวเช่นนี้ออกมา
“ไม่หรอก… คุณอากาเนะไม่ได้ผิด คุณดูแลรับใช้ท่านไดกิมานานเกือบพันปีแล้ว ท่านไดกิสำคัญกับคุณมาก ดิฉันเข้าใจ และนี่เป็นหน้าที่ของคุณด้วย…ดิฉันทราบมาตลอด ว่าดิฉันเป็นเพียงมนุษย์คนหนึ่ง ถึงยังไงไม่นานดิฉันก็ต้องตายอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเทียบกันยังไงท่านไดกิก็ยังสำคัญกว่าดิฉัน และดิฉันก็คิดเช่นเดียวกับคุณอากาเนะค่ะ ดังนั้นคุณอากาเนะถือว่าเป็นคนที่เข้าใจดิฉันนะคะ ดังนั้นอย่าร้องไห้เลยค่ะ”มายุพยายามเข้มแข็งเอาไว้และปลอบอีกฝ่าย แต่สีหน้าของเธอก็ปนด้วยความเจ็บปวดไม่น้อย ที่เธอกำลังกลายเป็นคนที่ทำให้ชายหนุ่มเจ็บตัวเช่นนี้
ไดเทนกุหนุ่มผู้มีเรือนผมสีดำขลับ กลับถูกเรียกให้กลับมาพบเหล่าจตุรเทพที่คฤหาสน์ในทันที ร่างกำยำรีบสาวเท้าก้าวเข้ามาในห้องทำงานทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส ที่เต็มไปด้วยข้าวของต่างๆมากมาย รวมถึงเป็นที่ปรุงยาสมุนไพรด้วย ก็กำลังยืนประจัญหน้ากับชายที่ดูน่าเกรงขามทั้งสองเบื้องหน้าของเขา ด้วยสีหน้าที่ดูตกใจ และกำลังโมโหสุดขีดที่อีกฝ่ายบังอาจเข้ามาในห้องนี้ก่อนได้รับอนุญาต ภายในห้องทำงานของเขานั้นที่เต็มไปด้วยขวดยามากมาย ก็เปรียบเสมือนหลักฐานมัดตัว ให้เขาดิ้นไม่หลุดจากสิ่งที่เขากำลังกระทำอยู่ ชายหนุ่มหันไปมองหญิงผู้สวมกิโมโนสีแดงที่ยืนกอดอกพิงผนังอยู่ที่มุมห้องอย่างต้องการคำตอบ เจ้าของดวงตาสีแดงก่ำเองก็มีสีหน้าครุ่นคิด
“ท่านซุซาคุ เหตุใดกัน?”ชายหนุ่มถามไถ่ขึ้น พยายามคาดคั้นอีกฝ่ายอย่างต้องการคำตอบ ว่าเหตุใด เทพประจำทิศตะวันตกกับทิศเหนือถึงได้มาอยู่ที่นี่ด้วย และรับรู้ได้ทันทีว่าเรื่องนี้ไม่ชอบมาพากลแล้ว แต่ก็ไม่อยากจะคิดว่าคนที่ตนเห็นเป็นเสมือนพี่สาวจะเป็นผู้นำสองคนนั้นมาด้วยตนเอง
“ข้าไม่ใช่คนที่คิดแผนนี้หรอกนะ ข้าตอบเจ้าไม่ได้ มันเป็นคำสั่งจากเบื้องบน…”วิหกเพลิงกล่าวออกมา
“เบื้องบน? เบื้องบนของท่านนี่คือใครกัน เทพหรือเทพีองค์ไหน หรือท่านโอริว..”ไดกิไม่สบอารมณ์นักเมื่อได้ฟัง เขารู้ว่าเบื้องบนต้องการจะทำอะไร แต่ทำไมถึงต้องมาหาเขาด้วยเรื่องอมนุษย์เช่นนี้
“หุบปากเสีย ปากพล่อยไปเจ้าจะเดือดร้อนเสียยิ่งกว่าตอนนี้…”ซุซาคุตะคอกกลับ ก่อนจะกล่าวต่อ
“นี่เป็นคำสั่งของเทพอิซานากิ เทพโอริวได้รับบัญชามาอีกทีหนึ่ง ท่านเทพโอริวมีหน้าที่เพียงถ่ายทอดคำบัญชาเท่านั้น พอดีกับที่เจ้าไปขอยาไถ่ถอนคำสาปของท่านอิซานามิ…”เธอกล่าวถึงเทพมังกรทอง ก่อน
“นี่จึงเป็นหลักฐานมัดตัวเจ้า ขวดยาพวกนี้เป็นยาที่เคยนำมาทดลองรักษาคำสาปของท่านอิซานามิด้วยกันทั้งสิ้น ฉะนั้น เจ้ากำลังคิดทดลองอะไรไม่เข้าท่าอยู่เสียล่ะสิ…และไหนล่ะ มนุษย์ผู้ถูกคำสาป ข้าจะได้กวาดล้างตามคำบัญชาของท่านเทพอิซานากิ”
“ท่านเก็นบุจะมากล่าวหาข้าเช่นนี้มิได้…”ชายหนุ่มเถียงกลับ
“เจ้าจะไม่ยอมรับรึ หรือจะให้พยัคฆ์ขาวเบียคโกะผู้นี้ลงทัณฑ์ดีล่ะ”ชายอีกคนเอื้อมมือไปจับดาบที่สะพายอยู่ที่เอว
“ไดกิเจ้ายอมเสีย ไม่เช่นนั้นข้าจะลงโทษเจ้า ด้วยวาจาสิทธิ์ของข้า…”วิหกเพลิงกล่าวออกมา
“ข้าเป็นไดเทนกุแล้ว ข้าไม่จำเป็นจะต้องกลัวคำขู่ของพวกท่าน”ชายหนุ่มตวาดใส่
“ไอ้ปิศาจจอมหยิ่งผยองนี่….”เก็นบุสบถออกมา
“งั้นเล่นมันเลย แล้วค่อยถามไถ่ทีหลัง”เบียคโกะกล่าวพร้อมกับกำลังจะชัดดาบออกมาจากฝัก ก่อนมือเรียวทั้งสองข้างจะวางไว้บนบ่าของคนทั้งสองอย่างทันท่วงที
“หยุดก่อน ให้ข้ากล่าวกับเขาเอง…”คราวนี้ซุซาคุเดินไปด้านหน้าของคนทั้งสองและยืนประจันหน้ากับไดกิ
“ทำไมท่านถึงทำเช่นนี้”ชายหนุ่มตัดพ้ออีกฝ่ายหนึ่ง ไดกิเคยได้ยินว่าเหล่าเทพต้องการจะกำจัดอมนุษย์ แต่ว่านึกไม่ถึงว่าคนที่ไปบอกเรื่องราวทั้งหมดให้โอริวทราบจะเป็นซุซาคุ เพียงแต่ตอนที่เขาไปนั้นเพื่อถามไถ่หาที่ตั้งวิหารของอิซานากิเท่านั้น เช่นนั้นคงไม่มีใครที่จะบอกเล่าเรื่องราวแก่เทพโอริวฟังได้นอกจากวิหกเพลิง และสิ่งที่แย่ยิ่งกว่าการทีเหล่าเทพมาที่นี่เพื่อตามหาตัวนางก็เป็นการที่มาชักจูงเขาให้เป็นคนฆ่าอมนุษย์เสียเองนี่แหละ
“ข้าทำหน้าที่ของข้า มันเป็นคำบัญชา…”เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ และกล่าวต่อ
“ในเวลาที่ผ่านมา ที่ท่านอิซานามิได้สาปผู้คนไปมากมาย และนั่นเริ่มทำให้การมีอยู่ของอมนุษย์มีมากขึ้นเรื่อยๆ จนความสมดุลเริ่มพังทลายลงด้วยอมนุษย์ที่ไม่ได้เกิดมาตามวิถีธรรมชาติ ท่านอิซานากิย่อมไม่พอใจเป็นธรรมดาที่ถูกสิ่งที่ท่านมิได้สร้างขึ้นจะมาบ่อนทำลายภิภพนี้ เมื่ออมนุษย์มีมากขึ้นก็สมควรจะถูกปลดปล่อยให้พ้นจากความทรมาณ…”
“ฆ่าน่ะหรอ…คือการปลดปล่อย ท่านซุซาคุ ท่านก็รู้ว่าข้าทำไม่ได้!!!”ไดกิโวยวายออกมา เขาไม่ใช่ปิศาจบ้าเลือดฆ่าคนไปทั่วแม้พวกนั้นจะเป็นอมนุษย์ไปแล้ว แต่ก็ถือว่าเคยเป็นคนมาก่อน
“แต่เจ้าต้องทำไดกิ บอกมาว่านางอยู่ไหน!!! ข้าจะมอบพลังที่เหนือยิ่งกว่าไดเทนกุตนอื่นๆให้!!!”ซุซาคุกล่าวออกมา หากเป็นความต้องการของเหล่าเทพแล้วไม่ว่าจะยังไงเธอก็พร้อมจะทำตามทุกเมื่อ
“ไม่!!...ข้าไม่บอก!! ไม่มีวัน!! และข้าก็ไม่ต้องการพลังอะไรทั้งนั้น พวกท่านกลับไปเสีย!!!”ไดกิไล่เทพประจำทิศทั้งสามกลับในทันที
“ไม่เช่นนั้นข้าจะต้องลงทัณฑ์เจ้า จะกลับไปเป็นเทนกุเหมือนเดิมหรือไม่”เก็นบุขู่อีกฝ่าย
“ลงทัณฑ์มาเลยขอรับ ยังไงข้าก็ไม่ให้ความร่วมมือท่านแน่นอน”ชายหนุ่มยืนกอดอก
“ถ้าเช่นนั้นจะเอาอย่างนี้ดีไหม มาปลดปล่อยพวกอมนุษย์ให้หมด แล้วข้าจะขอร้องต่อท่านอิซานากิเอง ว่าให้ช่วยมายุ เจ้าว่ายังไง…นี่เป็นโอกาสเดียวนะที่เจ้าจะได้พบเทพที่ระดับเดียวกับเทพอิซานามิ และอาจช่วยนางไว้ได้ ถ้าเช่นนั้นข้าจะเป็นคนพาเจ้าไปหาเขาในทันที ข้าคิดว่าเทพแห่งการกำเนิดอย่างเขา คงมีเมตตามากพอที่จะช่วยมายุได้”
เมื่อไดกิได้ยินก็ถึงกับชะงักไปชั่วครู่ร่างสูงระหงกล่าวออกมา
“เป็นไปไม่ได้…แต่ว่า…”ชายหนุ่มรู้ดีว่าการพบเจอเทพอิซานากิที่ไร้การติดต่อไปนานหลายปีแล้วเป็นเรื่องยากเพียงใด
แต่เขาก็ยังมีหวังอยู่
“จะไม่ลองดูหน่อยรึ ไดกิ…”ซุซาคุกล่าวขึ้น เพื่อชักจูงอีกฝ่ายให้ได้ เพราะนอกจากเขาก็คงไม่มีใครยอมรับงานเช่นนี้แน่นอน
“….”ชายหนุ่มครุ่นคิดอยู่สักพัก
“ให้นางได้รักษาในตอนนี้…. แล้วข้าจะช่วย ทุกสิ่งทุกอย่าง”ชายหนุ่มตกลงในที่สุด ซุซาคุพยักหน้ารับเมื่อได้ฟัง
“งั้นพาพวกข้าไปพบนางสิ”สาวในชุดกิโมโนสีแดงพยักเพยิด ก่อนชายหนุ่มจะรีบเดินนำไป ตามด้วยเธอติดๆ ทิ้งไว้เพียงชายสองคนที่มองอยู่ห่างๆเท่านั้น
“แต่เราได้รับบัญชา…ว่าไม่ให้เว้นชีวิตใครก็ตามนะ”เก็นบุกล่าวออกมาด้วยเสียงแผ่วเบาประดุจเสียงกระซิบ
“เรื่องนั้นซุซาคุน่าจะขอไว้ได้ล่ะมั้ง”เบียคโกะตอบอีกฝ่าย และเดินตามไปอย่างสบายใจเฉิบ แต่ถูกมือใหญ่จับเข้าที่บ่า
“ไม่มีทาง… หากพบตัวนางก็ต้องฆ่าทิ้งเสีย ซุซาคุเพียงแค่พยายามต่อรองกับเทนกุนั่นเท่านั้น
เพราะนางสนิทกับมันยังไงล่ะ ทั้งที่พวกเราเองก็จัดการพวกอมนุษย์ได้อยู่แล้ว ลองคิดดูสิ มันไม่มีความจำเป็นเลยที่ต้องให้เจ้าปิศาจจมูกยาวมาช่วยงานเรา”
“น...นั่นสิ เจ้านี้มันรู้ทันคนเลยจริงๆ”เบียคโกะกล่าว กำดาบที่เหน็บอยู่ที่เอวไว้แน่น และเดินตามไปอย่างห่างๆ ในระหว่างนั้นทั้งสองก็เฝ้ามองอย่างระแวดระวัง แต่เมื่อนึกถึงอมนุษย์ก็อดขนลุกขนพองไม่ได้ ไม่แปลกใจที่เหล่าเทพไม่มีใครยอมทำงานเช่นนี้ จะมีเพียงเทนกุเบื้องหน้าเสียกระมังที่จะสามารถทำงานให้สำเร็จได้ และด้วยตำแหน่งอันต่ำต้อยของเขานั้นยังไงก็ไม่อาจขัดคำสั่งเหล่าเทพได้อย่างแน่นอน
ทั้งสี่เดินออกมาจากคฤหาสน์
ก่อนเทนกุหนุ่มผู้เดินนำจะหยุดกึก จนเทพประจำทิศทั้งสามหยุดลงไปตามๆกัน ก่อนชายหนุ่มจะกล่าวขึ้นเมื่อทั้งสองเดินออกมาค่อนข้างไกลแล้วแต่ยังไม่ถึงที่หมายเสียที
ท่ามกลางทุ่งหิมะอันหนาวเหน็บ ที่ไร้ชีวิตชีวาใดๆ ไอควันถูกพ่นออกมาจากจมูกและปากของพวกเขาท่ามกลางความหนาวเหน็บ ก่อนวันสีขาวนั้นจะสลายไปในไม่ช้า
“ท่านซุซาคุขอรับ ท่านไปบอกท่านอิซานากิเสียเถิดว่าข้าขอข้อเสนอตามที่ได้กล่าวกับท่านไป หากท่านอิซานากิทราบจากผู้อื่นว่าท่านรับปากเช่นนี้ ท่านซุซาคุอาจลำบากก็เป็นได้ขอรับ”ร่างกำยำกล่าวออกมา หญิงสาวผู้มีนัยตาสีแดงเหมือนต้องการจะกล่าวสิ่งใดออกมาสักอย่าง ในเวลานี้ ก็ไม่มีใครทราบได้แน่ชัดว่าหงส์เพลิงผู้นี้กำลังคิดหรือวางแผนสิ่งใดกันอยู่ เมื่อเธอครุ่นคิดอยู่สักพัก ไดกิจึงกล่าวขึ้นอีกครั้ง
“ข้าจะไม่ยอมช่วยท่าน หากท่านอิซานากิไม่ยอมรับปากว่าจะช่วยข้า หากท่านไม่อยากให้เสียเวลามากกว่านี้ ก็รีบไปเถิดขอรับ”
เมื่อได้ฟังแล้ว ร่างบางจึงพยักหน้าแทนคำตอบ ก่อนจะกลายร่างเป็นหงส์เพลิงสง่างามที่มีขนสีแดงฉานทะยานขึ้นไปกลางท้องนภาสีฟ้า ละลายความหนาวเย็นที่ใกล้ฤดูหนาวเข้าไปเสียทุกทีจนอากาศรอบข้าง แฝงไปด้วยไอร้อนชั่วครู่หนึ่ง ไดกิหันกลับมามองบุรุษทั้งสอง พยัคฆ์ขาวและเต่าดำเทพประจำทิศทั้งสององค์ ก่อนจะพาเดินเข้าไปที่ชายป่าโดยไม่กล่าวสิ่งใด ทิ้งรอยเท้าเอาไว้ไปตามทางยาวสามรอยด้วยกัน โดยที่ไม่อาจทราบว่าวิหกเพลิงที่โบยบินในท้องฟ้ากลับหยุดชะงักลงเมื่อ เห็นมังกรทองอยู่เบื้องหน้าประดุจทราบมาของวิหกเพลิงว่าต้องออกมาหาเทพแห่งการสร้างอย่างแน่นอน ดวงตาสีแดงก่ำของวิหกเพลิงเบิกโพลงเมื่อเห็นอีกฝ่าย ก่อนจะหยุดบินในทันทีเมื่อเห็นรัศมีสีทองที่แผ่กระจายไปทั่วบริเวณ
"ท..ท่านโอริว"ซุซาคุพึมพำออกมา เธอรู้ตัวดีแล้วว่าที่เขาปรากฏตัวขึ้นเช่นนี้เธอคงต้องเปลี่ยนแผนเสียแล้วกระมัง
บุรุษผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสองเดินตามไปไม่ห่างนัก รอบข้างที่เต็มไปด้วยหิมะสีขาวที่เริ่มโปรยปรายลงมาอีกระลอกหนึ่งทับถมลงพื้นสีขาวโพลน จนรอบข้างมีแต่ต้นไม้ไร้ใบเต็มไปหมด ที่มีแต่ความเงียบสงัดไร้สิ่งมีชีวิตใดๆ ประดุจเวลาได้หยุดนิ่ง แต่เมื่อเดินมานานหลายสิบนาที ก็ยังไม่มีทีท่าจะพบกับกระท่อมแต่อย่างใด จนบุรุษทั้งสองต่างมองหน้ากันอย่างไม่วางใจ เพราะยิ่งเดินมากเท่าไหร่ก็ยิ่งใกล้ออกจากอาณาเขตของเขามากขึ้นเรื่อยๆ
“เมื่อไหร่จะถึงกระท่อมเสียที”เก็นบุถามขึ้น
“ไม่นานหรอกขอรับ...”ชายหนุ่มตอบกลับมาโดยไม่หันมามองเขา และก่อนที่เก็นบุจะก้าวเดินต่อ เทพประจำทิศตะวันตก เบียคโกะก็รีบมาขวางไว้
“เจ้าหลอกพวกข้าอยู่ใช่ไหม!!! ที่นี่กลางป่าจะไปมีมนุษย์อยู่ได้ยังไงกัน ตั้งแต่เดินมาข้ายังสัมผัสพลังปิศาจของท่านอิซานามิไม่ได้เลยสักนิดเดียว”เขาตะโกนโหวกเหวกและชักดาบออกมาจากฝัก เก็นบุเองก็เช่นกัน
“ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะตั้งใจถ่วงเวลาพวกข้าเช่นนี้ เบื้องหน้าเจ้าไม่มีรอยเท้าใดๆปรากฏอยู่ หญิงผู้นั้นมิได้อยู่ทางนี้แน่นอน เจ้ากะจะพาพวกข้าไปที่ใดกันแน่”สุรเสียงที่แข็งกร้าวกล่าวขึ้น แต่ไดกิเพียงหยุดเดินเท่านั้น และเหลือบมองอีกฝ่าย
“คิดว่าข้าไม่รู้รึว่าพวกท่านวางแผนใดไว้กันแน่ พวกท่านรนหาที่เองและข้าจะไม่ให้โอกาสท่านหลบหนีไปไหนเด็ดขาด!!!!”กล่าวจบปิศาจเทนกุใช้พัดขนนกพัดลมพายุขนาดใหญ่ ถาโถมใส่ทั้งสอง
“คิดว่ามีแต่เจ้าคนเดียวรึ ที่ควบคุมลมพายุได้!!!”เบียคโกะเรียกสายลมเข้าปะทะเป็นขั้วพลังทั้งสองที่ปะทะกันอย่างรุนแรงจนเกิดพายุหิมะ
“เจ้ามันรนหาที่ตาย เจ้ากำลังเป็นปรปักษ์กับเหล่าเทพอยู่นะ!!!”เก็นบุตะคอกออกมา
“ข้าไม่สน!!! และข้ายินดีที่จะสู้จนข้าจะตาย!!!”ไดกิเค้นพลังออกมา ลมพายุหิมะพัดแรงเสียจนต้นไม้ล้มระเนระนาด และถูกพัดขึ้นไปบนท้องฟ้า
“ข้าไม่ยอมแพ้ปิศาจอย่างเจ้าเด็ดขาด!!!!!”พยัคฆ์ขาวคำรามอย่างดุดัน
“ยังไงนางก็ต้องตาย ไม่มีใครเคยรอดพ้นจากคำสาปของเทพอิซานามิได้ เจ้าจะทำตัวเองตกอยู่ในที่นั่งลำบากทำไมกัน ข้าล่ะ ข้าไม่เข้าใจเจ้าจริงๆ”เก็นบุกล่าว เพราะตอนนี้เขาได้เห็นพลังของไดเทนกุแล้ว ไม่ว่าฝ่ายใดแพ้หรือชนะ พื้นที่แถบนี้ได้กลายเป็นซากปรักหักพังแน่นอน
“ข้าไม่ยอมให้นางตายเด็ดขาด ไม่ว่าจะทรยศเหล่าเทพ ข้าก็ยอมทั้งนั้น!!!”ทั้งสองเค้นใช้พลังที่ยิ่งใหญ่ปะทะกันจนกระทั่ง ทั้งคู่เซถลาเพราะถูกแรงลมของอีกฝ่ายไป ก่อนไดกิจะพุ่งเข้าใส่เบียคโกะและจับเขาทุ่มเข้ากับพื้น แต่เทพเสือขาวที่มีความว่องไวได้รีบตีลังกาหลบอย่างทันท่วงทีก่อนจะฟาดฟันดาบใส่อีกฝ่ายที่ไร้อาวุธใดๆ
“เจ้ามันบ้าไดกิ!!! เจ้ายังไม่มีอาวุธติดตัวเสียด้วยซ้ำ แม้เจ้าจะชนะเบียคโกะได้ แต่อย่าลืมว่ามีข้าด้วยแล้วกัน”เก็นบุเข้าไปใช้ดาบแทงไปที่ชายหนุ่มในทันที เมื่อเทพทั้งสองร่วมมือกันก็เห็นได้ชัดว่าชายหนุ่มกำลังเสียเปรียบ แต่ใครจะสนใจกัน ตอนนี้เขาต้องชนะอย่างเดียวเท่านั้น ไดเทนกุเข้าไปต่อสู้อย่างไม่ถอยและหลบการโจมตีของอีกฝ่ายไปอย่างพร้อมๆกัน ก่อนจะคว้าคอเสื้อของเก็นบุและพยายามจะจับเขาทุ่ม แต่บาดแผลที่ข้อมือกลับเจ็บแปลบ จนเขาเสียจังหวะไป จนต้องไปตั้งหลักใหม่ พร้อมกับหายใจแรงด้วยความเหนื่อย
“ข้าประมาทเจ้าไป โชคดีที่เจ้ายังไม่หายจากการบาดเจ็บดีนัก”ดวงตาสีดำของเทพทิศเหนือเก็นบุจับจ้องไปที่ข้อมือของไดกิที่มีหยาดโลหิตสีแดงฉานไหลเป็นทางจากบาดแผลที่ข้อมือ จนหยดเลือดสีแดงตกลงสู่หิมะสีขาว
“ยังไงเจ้าก็ไม่มีทางชนะข้า เจ้าน่าจะยอมจำนนเสีย”
“ไม่มีทาง ข้าไม่ยอมยังไงวิธีถอนคำสาปมันก็ต้องมีสักทาง และข้าจะหามันให้พบ ตอนนี้พวกท่านอย่ามายุ่งกับข้าและมายุเด็ดขาด!!!”
“แล้วเจ้าไม่สนใจจะร่วมมือกับพวกข้าหรืออย่างไร หากเจ้าอยู่แต่ที่นี่ก็เสมือนกับรอความตายมาเยือนนาง แต่เจ้าลองมากับพวกข้าดูสิ ไปปลดปล่อยเหล่าคนที่ถูกคำสาป เผื่อเจ้าจะพอรู้วิธีถอนคำสาปจากอมนุษย์พวกนั้น และหากเจ้ายังฝืนต่อสู้กับพวกข้าต่อไป แน่นอนว่าด้วยสภาพร่างกายเช่นนี้เจ้าไม่อาจชนะพวกข้าได้ ถ้าเจ้าตายไปล่ะ…คิดว่ามนุษย์ผู้นั้นจะเป็นเช่นไรต่อไป”เก็นบุกล่าวขึ้นเมื่อเห็นว่าได้โอกาสที่ปิศาจเทนกุจะยอมรับฟังตน ซึ่งก็ทำให้ไดกิลังเลได้อย่างชัดเจน
“มาร่วมมือกับพวกข้าสิ…”
ความคิดเห็น