คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #32 : วาจาสิทธิ์แห่งอิซานากิ
ทั้งสามที่ยืนอยู่กลางทุ่งหิมะในยามฤดูหนาวในป่าที่ไร้ใบนั้น
กำลังดูเชิงซึ่งกันและกันอยู่ หลังจากที่ทั้งสามได้ปะทะกันไปเมื่อครู่อย่างรุนแรงจนต้องกลับมาตั้งหลักใหม่ เทพประจำทิศพยายามเกลี้ยกล่อมอีกฝ่ายให้เข้าร่วมกับตน
ส่วนชายหนุ่มก็ดูจะไม่เชื่อคำพูดของเก็นบุ และเบียคโกะแต่อย่างใด และเขาก็พร้อมที่จะสู้กับเทพทั้งสองได้ทุกเมื่อ และเมื่อเทพประจำทิศทั้งสองยื่นข้อเสนอให้เขาไปกำจัดอมนุษย์ทั้งหลายเพื่อแลกกับการช่วยหาวิธีถอนคำสาปจากมายุ ก็ทำให้ไดกิจึงนิ่งไปชั่วครู่ก่อนจะตัดสินใจออกมา
“ไม่!! ข้าไม่เชื่อใจท่าน!!”ชายหนุ่มปฏิเสธในที่สุด ซึ่งทำให้คนทั้งสองถึงกับตกตะลึงไปชั่วขณะ ก่อนเบียคโกะที่เลือดร้อน จะพยายามเข้าไปต่อยหน้าอีกฝ่ายให้รู้แล้วรู้รอดไป แต่ถูกเก็นบุรั้งเอาไว้อย่างทันท่วงที
“ให้ตายสิ...ดื้อด้านเสียจริง คำตอบของเจ้าจะเป็นการตัดสินชะตานางแท้ๆ”เก็นบุดูแคลนอีกฝ่าย
“ข้าไม่เชื่อพวกท่านเด็ดขาด จนกว่าซุซาคุหรือเซริวจะมาเป็นคนบอกข้าเอง”
“หนอยแก…ทระนงตนไปหน่อยหรือเปล่า ข้าเป็นถึงกับเทพประจำทิศเหมือนกันกับเซริวและซุซาคุ ทำไมแกถึงไม่ยอมเชื่อฟังกัน”พยัคฆ์ขาวผู้มีเรือนผมสั้นสีเงินตะคอกกลับ ทั้งๆที่เขาตัวเล็กกว่าไดกิเสียอีก
“อย่านึกว่าข้าไม่รู้ว่า พวกท่านเมื่อได้รับคำบัญชาจากเบื้องบนมา ท่านมักจะทำให้งานสำเร็จลุล่วงโดยไม่ได้ดูเลยว่าสิ่งที่ท่านทำมันส่งผลกระทบอะไรกับคนอื่นบ้าง พวกท่านมันก็เป็นแค่หมารับใช้ของเทพชั้นสูงเท่านั้นแหละ!!!”ชายหนุ่มตวาดใส่ จนอีกสองคนที่ได้ฟังถึงกับหน้าชาไปตามๆกัน
“เฮ้ย!! มันจะมากไปแล้วนะเว้ย!!!! เก็นบุปล่อยข้า ให้ข้าทำให้มันเป็นฝ่ายคลานเหมือนหมาเอง”เบียคโกะพยายามจะดิ้นให้หลุดจากการเกาะกุม ขณะนั้นเองทั้งมังกรฟ้าและวิหกเพลิงก็ได้บินลงมาจากท้องฟ้าพร้อมๆกัน ก่อนจะกลับคืนร่างเดิม ปรากฏเป็นชายในชุดคาริกินุ
กับ ซุซาคุในชุดกิโมโนสีแดงฉานทั้งสองมองอีกฝ่ายที่กำลังทะเลาะกันด้วยความฉงน โดยเฉพาะมังกรฟ้าที่ดูไม่สบอารมณ์นัก
“พวกเจ้าทำบ้าอะไรกัน!!!”เซริวที่มากับซุซาคุถามขึ้นเพราะเขาเห็นทั้งสามสู้กันตั้งแต่ไกลแล้ว พลังวายุที่ทั้งสองปะทะกันแม้อยู่ห่างจากนี้มีภูเขาสิบลูกกั้นขวางไว้ก็ยังรู้สึกถึงพลังของทั้งสองได้
“ท่านเซริว ไอ้เทนกุตัวนี้มันปากเสีย ยิ่งกว่าอะไรดี สั่งสอนมันเสียหน่อยคงจะดี!!”เบียคโกะกล่าว
“ข้าต้องถามก่อนว่าพวกเจ้าจงใจจะทำอะไร….”มังกรฟ้าถามไถ่
“สองคนนี้เขาจะฆ่ามายุขอรับ ข้ายอมให้ทำเช่นนั้นไม่ได้ขอรับ…”ไดกิรีบกล่าวออกมา ก่อนจะรีบถามถึงซุซาคุในทันที
“แล้วเรื่องข้อตกลง ล่ะขอรับ ท่านอิซานากิว่าอย่างไรบ้างขอรับ”เขาถามขึ้น หญิงในชุดกิโมโนสีแดงเดินเข้ามาประจัญหน้ากับเขา
ชายหนุ่มรอฟังคำตอบจากคนที่เขานับถือประดุจพี่สาวอย่างใจจดใจจ่อ
“ข้าไม่ได้ไปบอกเรื่องนี้กับท่านอิซานากิ ข้าเพียงไปหาท่านโอริวเท่านั้น”เธอกล่าวด้วยเสียงที่ราบเรียบ
ไดกิชะงักไปเมื่อได้ฟัง
“ท...ท่านหมายความว่าอย่างไร ท่านซุซาคุ”เขามีสีหน้าประหลาดใจ และต้องการคำตอบที่ชัดเจน โดยเฉพาะเทพมังกรทองแล้ว ที่เป็นผู้นำทัพมาทำสงครามกับพ่อของเขาเมื่อแปดร้อยกว่าปีก่อน ยังไงเขาก็ไม่อยากจะเชื่ออีกฝ่ายให้มากนัก
“แต่ข้ามาที่นี่เพื่อถ่ายทอด
วาจาสิทธิ์ของท่านอิซานากิ เพราะท่านอิซานากิเห็นว่าเจ้าน่าจะทำงานนี้ได้ดีและลุล่วงอย่างรวดเร็ว…”
“เดี๋ยวก่อนสิ!!! ท่านซุซาคุ ถ้าท่านอิซานากิไม่ช่วยมายุ ข้าก็ไม่ทำเด็ดขาด!!!”เขารีบกล่าวออกมา ด้วยสีหน้าที่ร้อนรน แต่อีกฝ่ายไม่มีใครตอบอะไรทั้งสิ้น ยังไงวิหกเพลิงก็ได้คำสั่งจากมังกรทองโอริวผู้เป็นเทพแห่งความสมดุลแล้ว
“ผู้ที่จะมารับคำสั่งนี้ จงฟังข้าในนามของเทพอิซานากิ ข้าขอให้เจ้าทำการกวาดล้างพวกอมนุษย์ให้สิ้น ใช้ความรู้เรื่องอมนุษย์ที่เจ้ารู้ในการเปิดเผยตัวตนของพวกมัน และปลดปล่อยเหล่าอมนุษย์ให้พ้นจากความทรมาณจนกว่าเหล่าอมนุษย์จะหมดไปจากแผ่นดินนี้ด้วยเถิด”เสียงของซุซาคุที่เปล่งออกมากลายเป็นเสียงของบุรุษผู้น่าเกรงขาม ชายหนุ่มรู้ตัวได้ทันทีว่าเขาไม่อาจทนทานพลังแห่งวาจาสิทธิ์แห่งเทพผู้ให้กำเนิดสรรพสิ่งได้ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในเทพที่มีพลังอำนาจมากที่สุด
“ทำไมกัน…?”เขาเอ่ยปากถามอย่างสงสัยหลังจากที่ได้ฟังคำวาจาสิทธิ์นั้น ด้วยต้องการคำตอบ เหตุผลที่ทำไม คนที่เขาไว้ใจถึงทำเช่นนี้ได้ ไดกิมีสีหน้าไม่สบอารมณ์อย่างมาก ทั้งผิดหวังและโกรธเคืองซุซาคุอย่างยิ่ง สุดท้ายเทพก็คือเทพและเขาก็เป็นคนนอกอยู่ดี
“มันเป็นโชคชะตา คนที่ถูกคำสาปนี้ไม่มีทางถอนได้ ข้าจึงไม่มีหน้าจะไปบอกให้ท่านอิซานากิช่วย หากท่านเมตตาจริงและช่วยมายุ แต่นางไม่รอด ท่านอิซานากิเองก็คงถูกคำครหาเป็นแน่ พวกข้าที่เป็นเทพระดับล่างลงมา จะเป็นเหตุให้ท่านต้องถูกคำครหาไม่ได้”ซุซาคุกล่าวด้วยความรู้สึกผิด ส่วนเซริวได้แต่เพียงยืนอยู่เฉยๆเท่านั้นไม่ได้กล่าวสิ่งใดออกมาทั้งสิ้น
“ทำไมกัน!!! แล้วข้า แล้วมายุล่ะ!!! ท่านสงสารบ้างหรือไม่ นี่เป็นครั้งเดียวที่ข้าขอความช่วยเหลือจากท่าน แต่ท่านทำเช่นนี้ได้อย่างไร!!!”ใบหน้าของชายหนุ่มเริ่มแดงด้วยความโกรธ แต่เขาก็ทำอะไรไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว เพราะวาจาสิทธิ์นั้นมีผลเรียบร้อย เมื่อเทพแห่งทิศเหนือได้ฟังว่าวาจาสิทธิ์มีผลแล้วจึงขอลองของเลยก็แล้วกันด้วยความอยากรู้
“เช่นนั้นพาข้าไปหานางหน่อย”เก็นบุกล่าว ชายหนุ่มที่ไม่สามารถขัดขืนคำสั่งได้เลยจึงพยักหน้ารับ และเดินตรงไปตามทาง เหลือเพียงหงส์เพลิงกับมังกรฟ้าเท่านั้นที่ไม่ได้ตามไป
“ข้าทนดูไม่ได้”ร่างบางในชุดกิโมโนสีแดงกล่าว ก่อนจะเบือนหน้าไปทางอื่น เธอไม่ได้อยากทำแต่โอริวสั่งมาเช่นนั้นเธอเองที่เป็นเทพรับใช้โอริวอีกทีก็ต้องปฏิบัติตามคำสั่งนั้น ส่วนมังกรฟ้าได้เพียงแต่มองไปบนท้องนภาอันห่างไกล เขารู้ว่าท้องฟ้าอันกว้างใหญ่นี้ เทพมังกรทองคงจะเฝ้าดูพวกเขาอยู่ห่างๆแน่นอน ดวงตาสีเงินหันไปหาอีกฝ่ายเมื่อซุซาคุเริ่มเล่าเรื่องต่างๆออกมาจากความกลัดกลุ้มใจ
"ข้าพาไดกิไปที่วิหารของโอริวเพื่อสอบถามที่อยู่และหนทางรักษาอมนุษย์ แต่ข้าไม่ได้บอกเสียหน่อยว่านางมนุษย์นั่นถูกคำสาป ท่านโอริวทราบเรื่องนี้ได้อย่างไรกัน และยังบอกให้ข้าถ่ายทอดวาจาสิทธิ์ให้ไดกิอีก..."วิหกเพลิงพึมพำออกมา เหลือเพียงมังกรฟ้าที่ยืนอยู่ข้างๆพยายามทำหน้าตาไม่รู้ไม่ชี้อย่างมีพิรุธอยู่เช่นนั้น
มายุ…ข้าจะทำยังไงดี ข้ากำลังจะไปฆ่าเจ้า ข้าไม่อยากทำ…
ทำไมโชคชะตาช่างโหดร้ายกับข้านัก ข้าจักทำเยี่ยงไรดี ทุกก้าวที่ข้าเดิน เหมือนเวลาที่ค่อยๆผ่านไปอย่างเชื่องช้า โดยที่ข้าไม่อาจฝืนได้เลย มายุ…ถ้าข้าฆ่าเจ้า…ถ้าข้าฆ่าเจ้า ข้าจะไม่มีวันยกโทษให้ตนเองเด็ดขาด
ก้าวทุกก้าวที่ย่ำลงบนหิมะนั้นเต็มไปด้วยความทรมาณ ทุกวินาทีที่เชื่องช้าแต่เขากลับทำอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง หากเขาทำสิ่งเลวร้ายนั้นลงไป เขาคงตรอมใจตายอย่างแน่นอน และเมื่อนั้น….เขากับเธอจะอยู่ด้วยกันหรือเปล่า ถ้าอยู่ด้วยกัน แม้จะเป็นโลกหลังความตายก็คงไม่แย่นักหรอก ชายหนุ่มเดินมาหยุดยืนที่หน้ากระท่อมไม้หลังเก่าที่เขาคุ้นเคยดี เสียงไฟปะทุจากเตาผิงด้านในยังคนดังก้องอยู่ ดวงตาสีดำขลับหลับตาลงช้าๆ ก่อนจะรับดาบสีเงินที่เบียคโกะส่งให้
“ที่นี่สินะ”เบียคโกะกล่าวขึ้น เหมือนไม่ต้องการคำตอบ และมองไปรอบๆกระท่อมไม้หลังเก่า ก่อนจะหันไปกล่าวกับเก็นบุที่เดินตามมาด้วยกัน
“วาจาสิทธิ์นี่ น่ากลัวชะมัดเลยว่าไหม”เขาหันไปกล่าวกับเก็นบุ
“เป็นข้า ถ้ารู้ว่าจะโดนข้าคงชิงฆ่าตัวตายไปก่อนแล้ว…”เทพอสูรเต่าดำกล่าวขึ้นและหันมามองร่างที่ยืนนิ่งอยู่หน้าประตูเพราะกำลังพยายามหักห้ามตนเองมิให้เข้าไปในกระท่อมไม้นั้น
“ชักช้าทำไมล่ะ เจ้าเปิดประตูเข้าไปเสีย”เสือขาวกล่าวขึ้น ไดกิที่ถือดาบออกมาและเปิดประตูเข้าไป ก่อนจะก้าวเข้าไปในกระท่อมอย่างเชื่องช้า เสียงพื้นไม้ดังเอี๊ยดอาด กับดวงตาสีดำขลับที่กวาดตามองไปรอบๆ ที่ในกระท่อมจนทั่วเขาแต่ก็ไม่มีวี่แววของร่างบางแล้ว
“นางไม่อยู่…”เขากล่าวออกมาแล้วถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่มายุหายไปไหนกัน แต่ไม่อยู่ก็ดีแล้วในตอนนี้เขารู้สึกดีใจที่มายุไม่ได้อยู่ที่นี่ แต่เธออยู่ที่ไหน แม้เขาจะเป็นห่วงเธอแต่ก็ไม่สามารถพบเจอเธอได้อีกแล้ว หากเขาต้องการให้เธอมีชีวิตอยู่
“อะไรกัน แล้วนางหายไปได้ยังไง แถมไม่มีรอยเท้าออกไปด้วย”เบียคโกะกล่าว
“ก็เพราะเจ้ากับไดกิสู้กันน่ะสิ ลมพายุเลยพัดร่องรอยหายไปหมดแล้ว”บุรุษผู้มีผมยาวประบ่ากล่าว ส่วนไดกินั้นได้เพียงมองไปรอบๆเท่านั้น ก่อนจะพบกระดาษใบหนึ่งจึงค่อยๆหยิบขึ้นมาอ่าน แต่ก็ไม่อาจเข้าใจคำทั้งหมดได้นัก แต่เชื่อว่านี่คงเป็นลายมือของมายุ
“แปลว่านางคงจะไปไหนสักที่สินะ”เขากล่าวกับตนเอง และรู้สึกเสียดายที่เขาไม่มีความรู้เรื่องตัวอักษรภาษาในสมัยใหม่บ้างเลย จึงทำให้อ่านจดหมายฉบับนี้ไม่ออก แต่ชายหนุ่มก็พับจดหมายเก็บไว้กับตนเอง
“ข้าทำให้เจ้าลำบากขนาดนี้ได้ยังไงกัน…ข้ามันแย่จริงๆ”ชายหนุ่มสำนึกผิด ช่วงนั้นเองที่ทั้งคาบูโตะและทาโร่ที่พึ่งจะมาถึงที่กระท่อมในทันใดนั้น ก็ถึงกับเหนื่อยหอบ เพราะทั้งสองเดินตามทางที่มีร่องรอยพลังของไดกิมาเรื่อยๆ แต่ท่านไดกิกลับเดินจากเขามาที่นี่ได้เสียนี่ การเป็นไดเทนกุนี่ช่างรวดเร็วกว่าพวกเขาหลายเท่านัก
“ท่านไดกิบาดเจ็บอะไรไหมขอรับ”ทั้งสองรีบเข้ามาหาเขา โดยไม่สนใจเทพอีกทั้งสององค์เลยสักนิดเดียว
“ข้าขออภัยที่มาช้าขอรับ”ทาโร่คำนับ
“พวกข้าพยายามตามท่านไดกิแต่ก็คลาดกันจนได้ ขออภัยด้วยครับ”คาบูโตะกล่าว แต่ทั้งสองก็มองไดกิที่เหม่อลอยอยู่อย่างนั้น อย่างสงสัย
“ท่านไดกิขอรับ”ทาโร่พยายามจะเรียก แต่เขาก็ยืนนิ่งไม่ไหวติง
“เจ้านั่นโดนวาจาสิทธิ์ไปแล้วล่ะ”เก็นบุกล่าวออกมา
“แ…แต่ว่าท่านไดกิก็เคยโดนนะขอรับ แต่ทำไมไม่เห็นเป็นอย่างนี้เลยขอรับ”ทาโร่ถามอีกฝ่ายด้วยความร้อนรน
“ก็ครั้งแรกที่ไดกิถูกวาจาสิทธิ์ให้กลายเป็นเทนกุนั้น เป็นวาจาสิทธิ์จากพวกข้าที่เป็นเทพประจำทิศเท่านั้น ยังมีพลังไม่มาก แต่ในตอนนี้คนที่สั่งวาจาสิทธิ์แก่ไดกิ เป็นเทพอิซานากิ”
“ท...เทพอิซานากิ!!”ทั้งสองแทบจะประสานเสียงกัน ก่อนจะมองท่านไดกิด้วยสายตาละห้อย
“แล้ววาจาสิทธิ์นั้นคืออะไรครับ หากท่านกรุณาช่วยบอกพวกข้าได้ไหมขอรับ”คาบูโตะถาม
“วาจาสิทธิ์ที่ว่านั่นก็คือ ทำการปลดปล่อยอมนุษย์ที่ถูกคำสาปให้หมดไปจากพื้นพิภพ เพราะการมีอยู่ของอมนุษย์ไม่ได้เกิดจากเทพอิซานากิ จึงถือว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่ผิดพลาด ควรถูกกำจัด”เทพประจำทิศเหนือนามเก็นบุกล่าว
“...ปลดปล่อย…..”ทั้งสองมองหน้ากันเลิกลั่ก พอดีกับเสียงที่ดังขึ้นที่ประตู อากาเนะเองที่ปรากฏตัวขึ้นที่หน้าประตู มาทันได้ยินบทสนทนาดังกล่าวพอดิบพอดี จนขวดยาในมือตกแตกกระจาย
"เพล้ง!!!"
“…นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรกันขึ้นเนี่ย!!”อากาเนะรีบเข้ามาดูอาการของไดเทนกุในทันที แต่ร่างนั้นก็เพียงหลับตาลงและยืนนิ่งอยู่เช่นนั้นเหมือนเขากำลังต่อสู้อยู่กับความคิดของตนเอง
“ท่านไดกิ…ไม่จริงน่า ปลดปล่อยอะไรกัน…ท่านไดกิเนี่ยนะจะทำแบบนั้นกับท่านมายุได้ลงคอ…”เธอกำหมัดแน่นด้วยความโกรธ โกรธจนควบคุมพลังของตนไม่ได้ ปีกสีดำและแขนขาของเธอเริ่มกลายสภาพเป็นการาสุเทนกุดังเดิม
“แบบนี้ไม่ดีเลย ทำไมท่านถึงให้ท่านไดกิทำเช่นนี้ การปลดปล่อย…การฆ่ามนุษย์!?? พวกข้าเดินมาไกลจากจุดนั้นแล้ว ทำไมกัน ต้องให้พวกข้ากลับไปเป็นปิศาจที่ไล่ฆ่ามนุษย์อย่างนั้นอีกหรอ…”อากาเนะตัดพ้อ ทั้งเบียคโกะกับเก็นบุเองไม่ได้ตอบอะไร จนทั้งสองเดินจากไปเพราะถือว่างานของตนได้เสร็จสิ้นลงแล้ว
“แล้วพวกข้าจะช่วยท่านไดกิเช่นไรดี ปล่อยไว้เช่นนี้สักวันท่านไดกิต้องฆ่าท่านมายุอย่างแน่นอน”คาบูโตะกล่าวขึ้น
“ท่านไดกิเนี่ยนะ….ทำอะไรหลายอย่างเพื่อพวกการาสุเทนกุ ยอมเป็นทาสรับใช้พวกเทพเพื่อหวังว่าจะได้รับการให้อภัย แต่ว่า กลับกลายเป็นหุ่นเชิดของเหล่าเทพไปเสียแล้ว”อากาเนะแผดเสียงออกมาด้วยความเศร้าใจ
“นี่เราโดนหลอกใช้มาตลอดเลยหรอ”ทาโร่พึมพำออกมา ก่อนทั้งสามจะมองไปที่ไดกิ ก่อนร่างนั้นจะทรุดลงไปนั่งที่พื้นและเอามือกุมศีรษะด้วยความเจ็บปวด
“ท่านไดกิเจ้าคะ/ขอรับ”ทั้งสามร้องเสียงหลงเมื่อเห็นไดเทนกุของพวกเขาทรุดลงไปด้วยความเจ็บปวด
“ท่านไดกิทำใจดีๆเข้าไว้นะเจ้าคะ ข้าจะไปเตรียมยา ส่วนเจ้าทั้งสองพาท่านไดกิกลับไปที่คฤหาสน์เดี๋ยวนี้เลย!!!”อากาเนะออกคำสั่ง
ร่างในชุดกิโมโนสีขาวผ่องที่ใช้ผ้าปิดบังใบหน้ากำลังเดินฝ่าทุ่งหิมะไปยังที่แสนไกลและไร้จุดหมาย ร่างนั้นเดินโซซัดโซเซออกมาโดยไม่หันไปมองเบื้องหลัง ตอนนี้เธอต้องทิ้งสถานที่ที่เรียกว่าบ้านไปอีกครั้งหนึ่งแล้วสินะ เหมือนกับชีวิตของเธอที่ผ่านมา ตอนนี้มายุไม่มีที่ใดให้กลับไปแล้ว มีเพียงรอยเท้าเป็นทางเท่านั้นที่บ่งบอกว่าเธอเคยผ่านมา ณ ที่แห่งนี้ และรอยนั้นคงจะหายไปไม่ช้า ร่างนั้นเดินไปโดยไม่สะทกสะท้านกับความหนาวเหน็บ
จนกระทั่งเธอมาหยุดอยู่ที่ใต้ต้นไม้ที่ไร้ใบในฤดูเหมันต์ พร้อมด้วยบรรยากาศที่ชวนให้โศกเศร้า
“เธอก็กำลังจะตายลงเหมือนกับฉันสินะ”ฝ่ามือเรียวบางลูบไปที่เปลือกต้นไม้อย่างบางเบา และหยิบกิ่งไม้ที่มีปลายโผล่พ้นหิมะพอดี หญิงสาวหยิบกิ่งไม้ขึ้นมาพิจารณา และนำติดตัวไปด้วย เธอเดินทางต่อไปเรื่อยๆ ทุกก้าวเดินที่ช้าแต่ก็ก้าวไม่หยุดจนกระทั่งเธอเห็นอีกฟากหนึ่งของทุ่งหิมะนั้นอยู่ไกลลิบ เธอเพียงหยุดเดินและหันกลับไปมองทางที่จากมาครั้งหนึ่ง
“ความฝัน…สักวันก็ต้องตื่นอยู่ดี ไม่ว่ามันจะเป็นฝันดีแค่ไหนก็ตาม”ร่างบางมีแววตาที่ปนไปด้วยความเศร้า
แต่ฉันตัดสินใจแล้ว ว่าจะให้ท่านไดกิเห็นสภาพที่ย่ำแย่ลงของดิฉันไม่ได้ แม้ว่าจะอยากเจอท่าน แต่ก็คงไม่มีวันแล้ว และหากโชคดีดิฉันคงจะหาทางถอนคำสาปได้แล้วสักวันดิฉันคงได้พบท่านอีกครั้ง...
มายุก้าวเดินไปตามทุ่งหิมะสีขาว พอดีกับเกล็ดหิมะที่ร่วงหล่นจากบนฟากฟ้าดูสวยงาม
สักพักหนึ่งไม่ไกลนักหญิงสาวในชุดกิโมโนสีขาวปรากฏตัวขึ้น เธอมีผิวสีขาว ผมสีดำขลับรูปร่างหน้าตาสวยงาม กำลังเล่นหิมะอย่างสนุกสนานกับหญิงในชุดกิโมโนสีขาวคนอื่นๆ
“ยูกิอนนะ?อย่างนั้นหรอ”เธอเพียงมองอยู่ห่างๆเท่านั้น แค่เห็นใบหน้าที่งดงามนั้น เธอก็ถึงกับต้องหลบซ่อนใบหน้าของตนด้วยความละอายว่าจะมีใครมาเห็นใบหน้าที่ผิดแผกจากปกติหรือไม่ มายุจึงได้แต่หลบอยู่หลังต้นไม้และมองดูยูกิอนนะอย่างสนใจ แต่ก็รู้สึกกลัวเช่นกัน เธอได้ยินนิทานที่ยูกิอนนะชอบฆ่าคนที่เดินทางไปมา และตอนนี้เธอกำลังไร้ที่พึ่งจากคนรักของเธอ หากเกิดอะไรขึ้นตอนนี้เธอคงไม่มีชีวิตรอดเป็นแน่ เธอหลบอยู่ตรงนี้เงียบๆหวังว่าปิศาจหิมะจะเดินจากไปเสียที เธอนั่งนิ่งอยู่นาน จนเสียงนั้นเงียบลง หญิงสาวค่อยๆชะโงกหน้าไปมองที่ลานกว้างแต่ก็ไม่พบใครแล้ว
“จ๊ะเอ๋!!”เสียงที่เย็นยะเยือกดังขึ้นที่ข้างหูของเธอ จนมายุถึงกับกระโจนออกไปกลางลานด้วยความตกใจ
“มนุษย์หรือเนี่ย แถวนี้ช่างหาดูได้ยากจริงๆ มาแอบดูพวกข้านานแล้วสินะ”ร่างนั้นเดินเข้ามาใกล้เธอ แต่ทุกก้าวที่เธอเหยียบย่ำลงบนหิมะ กลับไม่ปรากฏรอยเท้าทิ้งไว้
“ข...ขอโทษค่ะ”มายุรีบกล่าวออกมา และลุกขึ้นยืนพร้อมกับจัดผ้าให้ปิดบังใบหน้าของตนให้มิดชิด
“มาให้พวกข้าสั่งสอนเจ้าเสียหน่อยว่าไม่ควรมาแอบดูคนอื่น”ร่างของยูกิอนนะหลายตนปรากฏขึ้น หญิงสาวทำได้เพียงหยิบกิ่งไม้ และรีบวิ่งไปบนหิมะให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ พร้อมกับเสียงหัวเราะที่ไล่หลังเธอมาติดๆ จนมายุต้องก้มหน้าก้มตาวิ่งหนีสุดแรงเกิด
“เดี๋ยวก่อน!!”เสียงปริศนาดังขึ้น ยูกิอนนะตนหนึ่งก้าวออกมาจากกลุ่ม
“เจ้ามนุษย์หยุดวิ่งเดี๋ยวนี้!!”มายุค่อยๆหยุดวิ่งและหันไปมองอย่างไม่ไว้วางใจเท่าใดนัก หญิงสาวเยาว์วัยผู้หนึ่งก้าวออกมาและครุ่นคิดกับคนที่อยู่เบื้องหน้าสักพัก
“พวกเจ้าดูสิ นางไม่มีลมหายใจด้วยแหละ”เสียงซุบซิบดังขึ้นเมื่อได้ยิน และเห็นว่ามายุเป็นเช่นนั้นจริงๆ
“นั่นสิ…จริงด้วย…นางไม่ใช่มนุษย์นี่นา แล้วนางจะเป็นอะไรล่ะ”เหล่ายูกิอนนะพูดคุยกัน ยูกิอนนะตนนั้นสาวเท้าเข้าไปใกล้มายุ และเปิดผ้าคลุมหน้าออกโดนไม่ได้รับอนุญาต และทุกคนก็ผงะกับสิ่งที่เห็น
“ดูแววตาที่ไร้ชีวานี่สิ นางคืออมนุษย์…”ยูกิอนนะตนหนึ่งกล่าว ส่วนมายุกับยูกิอนนะที่ยืนประจันหน้ากันกลับยืนนิ่งด้วยความตกตะลึง ก่อนหญิงสาวจะกล่าวออกมาเมื่อเห็นหญิงสาวเบื้องหน้าที่ดูคุ้นตา
“ฉันจำเธอได้ เธอเป็นน้องของยูกิ”มายุทักอีกฝ่าย ซึ่งคู่สนทนาของเธอถึงกับทำตัวไม่ถูก
“ย…ยูกิไหนล่ะ ทุกคนที่นี่เขาก็ชื่อยูกิทั้งนั้นแหละ”อีกฝ่ายพยายามพูดจากลบเกลื่อน
“ไม่ ฉันจำเธอได้ ฉันกับยูกิยังไปรับเธอจากโรงเรียนประถมทุกวันเลย
และเราก็เป็นเพื่อนกันใน โซเชียล แม้ฉันจะไม่พบเธอมานาน แต่ก็ยังจำได้ดี ว่าต้องใช่เธอแน่”เธอกล่าวออกมา
“นั่นเพื่อนพี่สาวของเจ้ารึ?”เสียงหนึ่งถามขึ้น
“ช…ใช่ก็ได้…”ร่างบางกอดอก พร้อมกับมีสีหน้าที่ไม่สบอารมณ์นัก
“แปลว่ายูกิ ก็เป็นยูกิอนนะจริงๆด้วยสินะ…”มายุมีสีหน้าที่สลดลงอย่างเห็นได้ชัด สุดท้ายกลายเป็นว่าเธอรู้ความจริงจากคนอื่นเสียนี่ ทั้งที่เธอกับยูกิสนิทกันมาตั้งแต่เด็กแท้ๆ
“แล้วทำไมมิยูกิจัง…ถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ”มายุถามขึ้น ช่างแปลกประหลาดที่เด็กสาวในวัยมัธยมปลายออกมาเล่นหิมะกลางป่า
“ก็ ฉันเกลียดโลกมนุษย์ โลกมนุษย์มันแสนธรรมดาและน่าเบื่อนี่นา วันๆไปโรงเรียนกลับมาก็ทำการบ้าน วนอยู่อย่างนี้ไปเรื่อยๆ แต่ว่า วันหนึ่งที่พี่ยูกิถูกทำร้ายจากปิศาจ ตอนแรกฉันก็ไม่อยากจะเชื่อที่พ่อแม่บอกฉันอย่างนั้น และพ่อกับแม่เลยบอกความจริง ว่าพวกเราเป็นเชื้อสายของยูกิอนนะ นั่นทำให้ฉันดีใจที่สุด ฉันเลือกที่จะมาเป็นยูกิอนนะซึ่งวันๆเราก็สนุกกัน มีพลังที่น่าสนใจมากมาย ไม่เหมือนพี่ พี่ดูจะไม่อยากเป็นยูกิอนนะเลย ไม่รู้ว่าทำไมกันทั้งๆที่ชีวิตมนุษย์มันน่าเบื่อนัก”มิยูกิกล่าวออกมา ก่อนจะนึกขึ้นได้
“แล้วนี่เกิดอะไรขึ้นกับพี่…ล่ะ”มิยูกิถาม แม้เธอจะลืมชื่อมายุไปแล้ว
“แค่มีปัญหานิดหน่อย ดูเหมือนฉันจะป่วยแบบไม่มีทางรักษาไม่นานก็คงตาย เลยอยากออกเดินทางบ้าง เพราะฉันคิดว่าฉันน่าจะพอช่วยคนอื่นๆได้บ้าง ก่อนฉันจะตาย ให้ฉันทำตัวให้มีประโยชน์ที่สุดดีกว่า”มายุหยิบผ้าคลุมขึ้นมาคลุมใบหน้าเช่นเดิม
“แต่มันดูไม่เหมือนอาการป่วย?”มิยูกิสงสัย
“ใช่…มันไม่ใช่โรคที่หมอจะรักษาได้ มันไม่มีใครรักษาได้ทั้งนั้น ฉันคงจะสกปรกและเหม็นเน่าไปหมด ดูหน้าเธอก็รู้แล้ว…ดังนั้นให้ฉันเดินทางต่อจะดีกว่านะ”หญิงสาวเดินจากไปอย่างไม่ร่ำลา ทิ้งยูกิอนนะเหล่านั้นไว้เบื้องหลัง
“แล้วพี่จะช่วยคนอื่นยังไง?”มิยูกิตะโกนถามไล่หลังด้วยความอยากรู้
“ฉันมีวิธีของฉัน เธอไม่ต้องเป็นห่วงไป...”
วิธีที่จะทำให้ฉันได้อยู่กับท่านไดกิตลอดไป....สิ่งที่ฉันคิดวางแผนเอาไว้มันจะเป็นจริงไหมนะ ฉันถามอากาเนะตอนออกมา...ไม่สิ นั่นคืออายุมุต่างหาก สำหรับฉันน่าจะพอมีหวังอยู่นะ...
ร่างของทั้งสี่ที่กำลังก้าวเดินไปตามทาง ทิ้งรอยเท้าไว้เป็นทางยาว การาสุเทนกุทั้งสองหิ้วปีกเทนกุหนุ่มที่ดูเหมือนจะไม่ได้สติเท่าใดนัก และพยายามจะพาไปที่คฤหาสน์ที่อยู่ไกลลิบ รวมถึงอากาเนะที่คอยประกบอยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งการาสุอาวุโสนามยามะคาวะปรากฏตัวขึ้นจากที่ไกลแสนไกลดูเหมือนว่าเขากำลังเดินอย่างเชื่องช้าเพื่อมาหาไดกิโดยเฉพาะจากอีกฟากหนึ่ง จนกระทั่งเขาเองก็มาพบกับทั้งสี่เมื่อถึงกลางทางพอดี
“ท่านยามะคาวะ พวกข้าจะทำเช่นไรดีเจ้าคะ”อากาเนะกล่าวออกมาด้วยความสับสน
“พวกเจ้า ปล่อยข้า ข้าพอเดินไหว….”ไดกิกล่าวขึ้น เมื่อการาสุเทนกุทั้งสองปล่อย ชายหนุ่มก็ยกมือขึ้นมากุมขมับด้วยความปวดหัว ก่อนโลหิตสีแดงจะไหลออกทางจมูก
“ท่านไดกิเลือดกำเดาไหล….ใช้ผ้าเช็ดก่อนนะเจ้าคะ”หญิงในชุดเฮอันหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาและเช็ดเลือดที่ไหลเป็นสาย ก่อนชายหนุ่มจะรับผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดเอง ยามาคาวะที่ยืนดูอยู่จึงกล่าวขึ้น
“ท่านไดกิ อย่าฝืนเลยขอรับ นี่คือวาจาสิทธิ์ที่มิอาจต่อต้านได้ หากท่านพยายามต่อต้านไปมากกว่านี้ล่ะก็ ท่านจะตายนะขอรับ”ยามะคาวะกล่าว
“ข้าทำตามคำสั่งบ้าๆแบบนั้นไม่ได้ ข้าทำไม่ได้ เพียงแค่นี้ข้าก็ไม่อาจให้อภัยตัวเองได้แล้ว…
แต่ร่างกายข้ามันไม่ยอมทำตามความปรารถนาของข้า เมื่อตอนที่ข้าถูกสั่งให้เดินไปหานางที่กระท่อม ข้ารู้สึกได้ ว่าไม่ว่าอย่างไรข้าก็ไม่อาจฝืนคำสั่งนั้นได้แต่น้อย ไม่แม้แต่เสี้ยววินาที… ข้าคิด ว่าถ้านางอยู่ในกระท่อมนั้น ข้าคง…”เขากล่าวออกมาด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะกล่าวต่อ
“แต่นางไปอยู่ที่ไหนกัน ข้าเป็นห่วงนางเหลือเกิน พวกเจ้ารู้ไหม…อากาเนะเจ้ารู้ไหม”เขาหันมาถามเธอ
“ไม่เลยเจ้าค่ะ ข้าไม่ได้แวะไปหานางเลยทั้งวัน”เธอกล่าว ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาเมื่อได้ฟัง
“ข้ากลัว…กลัวว่าถ้าข้ารู้ว่านางอยู่ไหน ข้าจะห้ามตนเองไม่ได้อีก ถ้าข้าฆ่านางข้าคงฆ่าตัวตายตามนาง”
“ท่านไดกิอย่าทำเช่นนั้นเลยขอรับ”การาสุเทนกุทั้งสามร้องไห้โฮเมื่อได้ฟัง และขอร้องไม่ให้เขาทำเช่นนั้น
“ท่านไดกิขอรับ อย่าทำเช่นนั้นเลยขอรับ อยู่เป็นมิ่งขวัญพวกข้าเถิดขอรับ ถ้าพวกข้าไม่มีท่านไดกิแล้ว
พวกข้าก็จะตายตามท่านไปอย่างแน่นอน”ยามะคาวะกล่าว ซึ่งก็ทำให้ชายหนุ่มชะงัก แต่เขาก็ไม่กล่าวอะไรออกมา ก่อนจะกางจดหมายที่เก็บได้ขึ้นมาและมองอย่างพินิจพิจารณา
“ข้ามีบริวาร ที่น่าจะพออ่านตัวหนังสือสมัยใหม่ได้นะขอรับ หากท่านไดกิต้องการข้าก็จะเรียกมาให้ขอรับ”ยามะคาวะกล่าวอีกาฝูงใหญ่จะเริ่มบินวนอยู่ที่ท้องฟ้าด้านบนและส่งเสียงร้องระงมไปทั่วบริเวณ
“และข้าจะต้องทำเช่นไร…อย่างไรจึงจะหลุดพ้นจากหน้าที่นี้ได้ ข้าโชคดีเหลือเกินที่ผนึกพลังปิศาจของนางไว้ ถ้าเป็นเช่นนี้นางคงจะปลอดภัยไปได้อีกสักพัก”เขากล่าวกับตนเอง ถึงตอนนั้นเขาจะต้องทำเช่นไรต่อไปก็ไม่อาจจะนึกได้แล้ว แต่เขาก็เป็นห่วงนางเสียเหลือเกิน จนคิดไม่ตก ระหว่างนั้นที่อีกาตนหนึ่งบินลงมาเกาะที่บ่าของเขา และมองจดหมายที่ชายหนุ่มถือ
“กา กา กา กา กา”
“แล้วว่าอย่างไรต่อ”ชายหนุ่มถามอีกาที่กำลังเกาะอยู่ที่ไหล่
“กากา”ไดกิพยักหน้ารับเมื่ออีกากำลังร้องบอก
‘ท่านไดกิ
ดิฉันไม่อาจอยู่รบกวนท่านไดกิได้อีกต่อไป ดิฉันรู้สึกละอายใจอย่างมากที่ต้องทำให้ท่านไดกิต้องลำบากเพราะดิฉันเช่นนี้ ทั้งๆที่ดิฉันเองที่เป็นเจ้าสาวของท่านไดกิน่าจะคอยดูแลท่านได้บ้างก็คงดี แต่ดิฉันทราบดีว่าสิ่งที่ดิฉันเป็นนั้นมันไม่มีวันหาย และดิฉันทนอยู่ดูท่านไดกิที่ต้องพยายามทั้งที่ท่านไดกิเองก็ทราบดีมาตั้งแต่แรกไม่ได้ ดิฉันเองก็ทราบดีว่าดิฉันเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น ไม่เหมาะสมกับท่านไดกิตั้งแต่แรก ดิฉันทราบดี และการที่ดิฉันจากท่านไดกิไปในวันนี้ เพื่ออยากทำให้ท่านไดกิได้พักผ่อน และไม่อยากให้ท่านไดกิมาพบเห็นสารรูปของดิฉันที่มันมีแต่จะแย่ลงอีก
ดิฉันต้องขออภัย และไม่หวังให้ท่านให้อภัยดิฉันแต่อย่างใด และกรุณาอย่าตามหาดิฉันอีก
มายุ’
ชายหนุ่มเก็บจดหมายด้วยสีหน้าที่ไร้ความรู้สึกใดๆ และมองขึ้นไปยังท้องฟ้าสีสดใสด้วยความเงียบงันอยู่เสียนานสองนาน
ข้าควรไปหาท่านอิซานากิกับอิซานามิด้วยตนเอง แม้ว่าจะไม่รู้ว่าอยู่ที่ใดก็ตาม แต่ข้าต้องลองดู แต่เทพระดับสูงที่สุดเท่าที่ข้าเคยพบเจอ เห็นจะมีแต่ท่านเบนไซเทนเท่านั้น ถ้าเช่นนั้นข้าควรไปหานาง อย่างเร็วที่สุด
“ข้าจะต้องไปที่ที่หนึ่ง พวกเจ้าไม่ต้องเป็นห่วงไป”ไดกิเดินจากไป
“แต่ว่าท่านไดกิยังต้องพักอยู่นะเจ้าคะ”อากาเนะกล่าว
“ข้าไม่มีเวลาแล้ว ข้าจะต้องรีบไปก่อนทุกอย่างจะสาย”กล่าวจบชายหนุ่มรีบทะยานขึ้นไปบนฟ้าอันกว้างใหญ่ ทิ้งทุกอย่างไว้เบื้องหลัง โดยไม่หันไปมองสิ่งที่อยู่นอกเส้นทาง และเขาต้องรีบกลับมาให้ทันก่อนเทพจตุรทิศจะรู้ตัว
“ท...ท่านไดกิ”การาสุเทนกุทั้งสามต่างมีสีหน้าที่กังวล ก่อนจะหันมามองท่านยามะคาวะ
“เราจะทำอย่างไรดีขอรับ”คาบูโตะถามขึ้น
“เรื่องนี้มันเป็นเพียงโชคชะตา อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด จะทำได้เพียงรับมือในสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาเท่านั้น”ร่างนั้นกล่าวขึ้น ก่อนหญิงในชุดเฮอันจะปรากฏตัวขึ้นที่ริมแนวป่า ร่างบางผู้มีเรือนผมสีดำเหมือนอากาเนะทุกกระเบียดนิ้ว กำลังเดินกลับมาก่อนจะพบกับทั้งสี่อย่างพอดิบพอดี อากาเนะที่เห็นร่างนั้นก็ถึงกับตกตะลึง แต่ยังไม่ทันได้กล่าวอะไร ร่างนั้นก็กลับกลายเป็นการาสุเทนกุอาวุโสอีกตนหนึ่ง
“ท…ท่านอายุมุ!!”ทาโร่รีบคำนับ พร้อมๆกับคาบูโตะกับอากาเนะที่รีบคำนับตามเขาในทันที อีกฝ่ายโค้งคำนับเล็กน้อย ก่อนจะหันไปกล่าวกับชายชรา
“ข้าทำตามที่ท่านสั่งเรียบร้อยแล้ว ดูเหมือนว่าจะทันเวลาพอดี และนางก็ตัดสินใจที่จะออกไปเอง”เธอกล่าวออกมาด้วยสีหน้าที่ภาคภูมิใจที่ตนได้ทำหน้าที่นั้นสำเร็จอย่างไร้ที่ติ
“หมายความว่าอย่างไรเจ้าคะ ท...ท่านมายุน่ะหรือ?”อากาเนะถามไถ่ขึ้นและค่อยๆเรียบเรียงเหตุการณ์ในหัว
“ใช่แล้ว ท่านยามะคาวะสั่งให้ข้าเป็นคนทำ เจ้าถามเขาเถิด”อายุมุกล่าว เพราะเธอไม่อยากจะยุ่งเรื่องนี้มากนัก แม้จะไม่ชอบมนุษย์ก็เถอะแต่เธอไม่ใช่พวกที่จะใช้อำนาจตามอารมณ์ตนเอง ทั้งสามหันไปมองท่านผู้อาวุโสสูงสุดอย่างต้องการคำตอบ ก่อนชายชราจะหลับตาลงช้าๆและเล่าเรื่องที่ตนเห็นตามคำทำนายมาก่อนหน้า
“ข้าเห็นเหตุการณ์นี้ ในนิมิตของข้าเมื่อข้าได้ทำนายเรื่องราวของผู้คนทั้งสอง และในนิมิตนั้นข้าเห็นและได้ยินท่านไดกิส่งเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด พายุลูกใหญ่เข้าถล่มบ้านเรือนจนพังพินาศจนภูเขาแทบจะแหลกสลาย การาสุเทนกุหลายตนบาดเจ็บล้มตายกันเกือบทั้งหมด”
“ท่านไดกิมีพลังขนาดนั้นเชียวรึ?”ทาโร่พึงพำกับตนเอง และตกตะลึงกับคำพูดของยามาคาวะ
“ใช่…ท่านไดกิเป็นไดเทนกุแล้ว มีพลังมหาศาลมาก หากเขาควบคุมพลังไม่ได้เพียงด้วยอารมณ์ชั่ววูบ ทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวเขาก็พลันสลายหายไปได้ในพริบตา”คนฟังถึงกับเหงื่อตก ไม่นึกเลยว่าพลังที่นายท่านของพวกเขามีจะมากมายขนาดนี้
“แล้วท่านเห็นอะไรต่อหรือขอรับ”คาบูโตะซักถามด้วยความอยากรู้
“ข้าเห็น…ร่างที่ไร้วิญญาณของท่านมายุอยู่ในอ้อมแขนของท่านไดกิ เลือดสีดำสดกระจายไปทั่ว นั่นเพราะว่าท่านไดกิได้ฆ่านางตาย ด้วยมือของตนเองจากวาจาสิทธิ์ และหลังจากที่ท่านไดกิทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง เหล่าเทพจตุรทิศก็เข้าต่อสู้เพื่อหยุดยั้งความบ้าคลั่งนั้นจนในที่สุดก็ปราบท่านไดกิลงได้ในที่สุด”
“แบบนั้นมันโหดร้ายเกินไปแล้ว”อากาเนะกล่าวออกมา แล้วยกมือขึ้นมาปิดหูตนเองไม่อยากได้ยินเรื่องนี้อีก
“แล้วตอนนี้ล่ะขอรับ ท่านยามะคาวะพอจะทราบไหมว่า จะเกิดอะไรขึ้นต่อไปขอรับ”คาบูโตะถามขึ้น
“ข้าบอกเรื่องที่จะเกิดขึ้นไม่ได้หรอก มันเป็นกฎ และข้าก็ไม่รู้เช่นกัน ข้าเพียงแต่ทำในสิ่งที่พอจะทำได้คือช่วยชีวิตพวกเราให้รอดพ้นจากพลังของท่านไดกิเท่านั้น”
“แปลว่าท่านไดกิก็อาจจะควบคุมพลังไม่ได้ และก็อาจจะถูกจตุรเทพฆ่าเช่นเดิมใช่ไหมขอรับ”ทาโร่กล่าวขึ้น อีกฝ่ายพยักหน้ารับช้าๆ
“ท่านไดกิช่างน่าสงสารเสียจริง”อายุมุกล่าวขึ้นมา ก่อนจะกล่าวขึ้นต่อ
“เพราะมนุษย์แท้ๆเลย ไม่ใช่เพียงแค่นางแต่มนุษย์ทุกคนนั้นทำให้พวกเราเดือดร้อนอยู่เรื่อย เริ่มแรกก็ท่านมิวะ และท่านยูมิโกะ ต่อมาก็เป็นมนุษย์ผู้นี้ และยังมีพวกอมนุษย์คนอื่นๆอีก”ไม่ว่าอย่างไรเธอก็เห็นว่ามนุษย์ช่างสร้างปัญหาได้ตลอดเวลาเสียจริง ให้นางออกไปด้วยความต้องการของตนเองจึงเป็นคำตอบที่ดีที่สุด
“แต่ว่าท่านอายุมุ ทำไมนางถึงยอมไปจากที่นี่โดยไม่ยอมร่ำลาท่านไดกิ ข้าไม่เข้าใจเลยแล้วนางไม่กลัวหรือ?”หญิงในชุดสมัยเฮอันถามไถ่ขึ้น
“ข้าบอกให้นางจากไปและให้สร้างประโยชน์ให้มากๆ ยังไงนางก็ไม่อยากให้ท่านไดกิมาเห็นนางสภาพเช่นนั้นอยู่แล้ว ข้าก็เลยสนองให้ ข้าพานางไปส่งที่ชายป่า พอดีกับลมพายุที่กลบรอยเท้าของนางได้อย่างแนบเนียน ตอนนี้นางจะปลอดภัยจากท่านไดกิได้สักพักหนึ่ง”
“แล้วนางจะไปไหน นางเป็นมนุษย์ นางไม่ได้อยู่ในป่าหรือเมืองปิศาจ นางไปอย่างไร้จุดหมายรึ?”
“ไม่ถึงขนาดนั้น ข้ารู้ว่านางมีจุดหมาย แม้ตอนนี้จะยังไม่ชัดเจน แต่นางมีจุดหมายแล้วตั้งแต่ตกลงว่าจะออกไปจากที่นี่…”อายุมุกล่าวออกมา เธอเองก็จะรอดูผลงานของนางมนุษย์ผู้นั้นว่าจะทำได้จริงดั่งที่กล่าวหรือไม่ หากเธอทำได้สักวันอายุมุจะได้พบเธออีกครั้งหนึ่งอย่างแน่นอน
ความคิดเห็น