ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    「大天狗 の 花嫁」DAITENGU NO HANAYOME เจ้าสาวแห่งขุนเขา

    ลำดับตอนที่ #3 : ภาระหน้าที่

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 200
      13
      15 ต.ค. 61


    ห้องทำงานสีเหลี่ยมจัตุรัสขนาดไม่ใหญ่นักที่ถูกปูพื้นด้วยเสื่อทาทามิจนเต็มพื้นที่ ซึ่งอยู่เยื้องกับบันไดจากชั้นหนึ่งของคฤหาสน์ ในห้องนั้นที่เต็มไปด้วยเอกสารมากมายก่ายกอง ทั้งหนังสือ และม้วนกระดาษ แม้จะมีตู้หนังสือไม้ขนาดใหญ่เกือบสิบตู้แต่จำนวนก็ไม่พอที่จะเก็บจนต้องในมาตั้งเรียงกันไว้ที่พื้น ตรงกลางห้องมีเพียงโต๊ะทำงานที่ไม่สูงนัก เพื่อให้ชายผู้มีปีกสีดำอันสง่างามสามารถนั่งทำงานกับพื้นได้ ตัวขาโต๊ะทั้งสี่ข้างนั้นถูกแกะสลักเป็นลวดลายของปักษาอย่างสวยงาม บนโต๊ะมีหมึกและพู่กันไว้เตรียมเขียนงานของเขาอยู่เสมอ ประตูบานเลื่อนโชวจิถูกเลื่อนออก ปิศาจเทนกุเดินเข้ามาในห้อง พร้อมกับชายผู้หนึ่งที่สวมชุดคาริกินุสีน้ำเงินเข้มที่เป็นชุดของขุนนางในสมัยเฮอันสวมใส่ ผมสีดำเงางามที่ยาวจนถึงกลางหลัง ดวงตาสีเงินดูน่าหลงใหล แต่ทว่าแววตาที่แสดงถึงความเหยียดหยามและเย้ยหยันมองไปยังรอบๆห้อง ก่อนจะเดินไปนั่งอยู่เบื้องหน้าโต๊ะทำงานของอีกฝ่าย ไดกิเองก็นั่งลงและเริ่มใช้พู่กันขีดเขียนงานที่ตนได้รับในทันทีโดยไม่สนใจสายตาของอีกฝ่าย เพราะเขาพบเจอสายตาแบบนี้มานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว

    แล้วงานที่ข้าสั่งเจ้าไปล่ะไดกิ เมื่อไหร่ข้าจะได้ ข้าถามเจ้ามาหลายรอบแล้ว หรือเจ้าจะรอให้ดาบคามินาริมันหายไปก่อนล่ะ แต่ถ้าเจ้าคิดว่าทำไม่ได้ ก็บอกข้าสิ เดี๋ยวข้าจะรีบนำไปบอกท่านโอริวให้ด้วยตัวเองเขายิ้มเหยียดเมื่อกล่าวจบ พร้อมมั่นใจว่างานที่เขาสั่งไปอีกฝ่ายมิอาจทำได้อย่างแน่นอน

    ขอรับท่าน เซริว ข้าต้องขออภัยยิ่งนักเทนกุเพียงค้อมตัว อย่างนอบน้อม ไม่มีผู้ใดอาจรู้ได้ว่าภายใต้หน้ากากที่ดูดุดันนั้น เขามีสีหน้าเช่นไร ต่อหน้าเทพประมังกรฟ้า

    นั่นสินะข้าสั่งเจ้ามาเกือบจะเอ สิบปีหรือยังนะ? ยังดีที่พวกเจ้าเก่งเรื่องต่อสู้เสียจนไม่มีใครกล้าย่ำกรายเข้ามา ที่นี่ แต่หากวันใดที่ดาบคามินาริ หายไปข้าบอกได้เลยว่าเจ้าจะเป็นคนทำให้เหล่าลูกน้องของเจ้าต้องถูกขังลืมอยู่ที่นี่แน่นอน ข้าล่ะไม่เข้าใจเจ้าเลยจริงๆ ดาบก็อยู่ในอาณาเขตของเจ้าแท้ๆ กลับไม่ยอมไปเอามาให้ข้าเสียทีหนึ่งเซริวเหยียดมองอีกฝ่าย ไดกิเพียงนั่งฟังอยู่เงียบๆเท่านั้น กลับปล่อยให้เทพประจำทิศตะวันออก ต่อว่าเขาไปเสียเรื่อยๆอย่างไม่สะทกสะท้าน

    แล้วถ้าข้าทำได้ ท่านเซริวจะคืนพลังอำนาจ ให้ข้าเป็นไดเทนกุอีกครั้งหนึ่ง หรือ ปลดปล่อยพวกข้าเสียล่ะ?”ผู้ที่นั่งฟังอยู่นานไถ่ถามขึ้น และรอคำตอบของเขาอย่างใจจดใจจ่อนัก

    เจ้าจะทำจริงรึ? น่าประหลาดใจ นี่เจ้าจะยอมสละชีวิตตนเองเพื่อปลดปล่อยลูกน้องของเจ้าเลยรึ ฮ่า ฮ่า ฮ่าเทพมังกรแห่งตะวันออกหัวเราะร่า แน่นอนว่าเขาไม่สนคนตรงหน้าว่าจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร ขอเพียงให้ดาบคามินาริมาอยู่ในเงื้อมมือของตนเท่านั้น ก่อนจะกล่าวออกมา

    งั้นข้าจะให้พลังของเจ้ากลับมาส่วนหนึ่งก็แล้วกัน จากห้าส่วนนะ หากเจ้าทำสำเร็จ….ซึ่งข้าคิดว่าเจ้าทำไม่ได้หรอก ฮ่า ฮ่า ฮ่า”เทพมังกรฟ้ามั่นใจอย่างมากว่าชายหนุ่มจะทำงานให้เขาไม่สำเร็จแน่นอน 

    ขอรับท่านเซริว ขอบพระคุณท่านมากขอรับเขายังค้อมตัวด้วยความสุภาพ

    ยังไงเสียข้าฝากงานเอกสารให้เจ้าทำเช่นเดิม ช่วงนี้งานของข้าล้นมือไปหน่อย เพราะพวกคุโระเฮียวแท้ๆ ตัวเองเป็นสัตว์เทพอยู่ดีๆไม่ชอบ…” ชายผู้มีเส้นผมสีดำยาวถึงกลางหลังกล่าวขึ้นมา แน่นอนว่างานเอกสารน่าเบื่อนี้คงไม่มีใครอยากจะทำเป็นแน่ จึงต้องโยนงานให้คนรับใช้ของเขาเสียซึ่งก็คือเทนกุผู้นี้

    ขอรับเขาคำนับอีกที บางทีภายใต้หน้ากากนั้นไดกิอาจกำลังแสยะยิ้มอยู่ เพราะเรื่องนี้เขาได้วางแผนไว้แล้ว แล้วเทพมังกรฟ้าจะต้องเสียใจที่ได้สบประมาทเขาไว้มากนัก เพียงแค่นี้ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะพร้อมแล้วและใกล้สำเร็จลงในไม่ช้า 

     

    ในผืนป่าขนาดใหญ่ หมู่บ้านที่ซ่อนตัวอยู่ในหุบเขา ไกลจากโลกภายนอก เต็มไปด้วยกระท่อมไม้จำนวนมาก คล้ายกับหลังที่มายุพำนักอยู่ หญิงสาวมองไปรอบๆตามบ้านเรือนของเหล่าการาสุเทนกุก็อดตื่นเต้นไม่ได้ เพราะเหมือนกับเธอได้ย้อนเวลากลับไปในยุคสมัยก่อน และเหมือนจะมีการกำหนดหน้าที่กันอย่างชัดเจน ดั่งเช่นบ้านบางหลังจะมีอุปกรณ์จับปลา รวมถึงแหด้วย บางบ้านมีเครื่องทอผ้า แต่ทว่าเธอกลับยังไม่เห็นการาสุเทนกุ สักตนเดียว

    คุณอากาเนะคะ การาสุเทนกุตนอื่นๆไปไหนกันหมดคะเธอถามหญิงที่เดินนำหน้าเธอ

    พวกเขากลัวท่านมายุน่ะเจ้าค่ะอากาเนะกล่าวขึ้นพร้อมน้ำเสียงที่ร่าเริงเหมือนเดิม

    ก...กลัว?”หญิงสาวสงสัย ว่าเหตุใดปิศาจจึงกลัวมนุษย์ หรือที่จริงแล้วเธอเข้าใจผิดมาตลอด

    ทำไมถึงกลัวฉันล่ะคะ?”

    เขากลัวว่าท่านมายุจะกลัวเขาน่ะเจ้าค่ะหญิงสาวถึงกับอมยิ้มในคำตอบ ก่อนจะเดินผ่านไป มายุเดินผ่านกระท่อมหลายหลัง โดยไม่รู้เลยว่า เหล่าการาสุเทนกุ แอบมองเธอจากที่ต่างๆด้วยความอยากรู้เช่นกัน บางตนอยู่ภายในบ้าน รวมไปถึงบนยอดไม้ไกลๆ โดยที่เธอไม่รู้ตัวเลย หลังจากเดินได้สักพักนั้น มายุก็เริ่มเดินช้าลงเพราะความเหนื่อยและเริ่มเจ็บแผลที่ยังไม่หายดีสักเท่าไหร่ แต่ก็ยังพยายามไม่ปริปากบ่น 

    ไม่น่าเชื่อว่าระยะทางมันจะไกลเช่นนี้ แบบนี้เมื่อไหร่จะไปถึงคฤหาสน์กันนะ ฉันยังไม่เห็นสักหลังเลยนี่เดินมาเป็นสิบนาทีแล้วนะ

    ท่านมายุ ให้ข้าอุ้มท่านแล้วไปส่งที่คฤหาสน์เลยไหมเจ้าคะอากาเนะถาม

    “ไม่เป็นไรค่ะมายุที่ไม่เคยถูกใครโดยเฉพาะคนแปลกหน้าอุ้มมาก่อน ก็รีบปฏิเสธในทันทีโดยไม่ต้องคิดให้เสียเวลา อากาเนะเองก็ไม่ได้ว่าอะไรและพาเดินไปเรื่อยๆ จนกระทั่ง เสียงเด็กน้อยสามคนดังขึ้น

    ท่านแม่!!!”การาสุเทนกุตัวน้อย ทั้งสามตนวิ่งมาโผเข้ากอดอากาเนะ ก่อนจะร้องห่มร้องไห้จนเสียงดังระงมไปทั่ว

    ท่านแม่ ปล่อยให้พวกข้านอนอยู่ที่กระท่อม ฮือๆๆๆ เมื่อคืนพวกข้าตื่นขึ้นมาเเล้วไม่เจอท่านแม่ท่านแม่หายไปไหนฮือออทั้งสามกอดอากาเนะแน่น เธอจึงลงไปปลอบใจเด็กน้อยทั้งสาม มายุตกใจนิดหน่อยเธอได้เห็นการาสุเทนกุครั้งแรกก็เป็นเด็กน้อยทั้งสาม แม้จะดูเหมือนอีกาตัวใหญ่ที่สวมเสื้อยูกาตะแต่กลับไม่น่ากลัวอย่างที่คิด ดวงตาสีดำกลมโตดูน่ารักนัก

    น่ารักจัง

    มายุมองทั้งสามกำลังที่กำลังอยู่ในวัยน่ารักน่าชัง และไม่ได้ต่างจากเด็กคนอื่นเสียเท่าไหร่ และทันใดนั้นเงาทะมึนเงาหนึ่งก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศ อย่างรวดเร็วนั้น มายุรีบมองขึ้นไปก่อนจะพบมังกรสีน้ำเงินดูสวยงามสง่าขนาดใหญ่ทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า

    มังกร? นั่นมังกรจริงๆใช่ไหม?!!”คราวนี้มายุยิ่งสับสนกว่าเดิม ที่นี่อะไรก็ดูแปลกใหม่สำหรับเธอไปเสียหมด แถมยังได้พบเห็นมังกร หญิงสาวมองอย่างตกตะลึงจนมังกรตัวนั้นลับหายไปบนท้องฟ้าอันกว้างใหญ่

    นั่นคือท่านเทพเซริว มังกรฟ้าเจ้าค่ะ ท่านเซริวเป็นเทพประจำทิศตะวันออกเจ้าค่ะอากาเนะอธิบาย

    เทพ?!!”หญิงสาวแทบจะยกมือมาปิดปากตัวเอง ด้วยความตื่นเต้นนัก หากเป็นก่อนหน้านี้เธอคงไม่เชื่อว่าเทพกับปิศาจมีจริงอย่างแน่นอน ไม่นานนักไดกิพร้อมกับการาสุเทนกุทั้งสองที่คอยขนาบข้างซ้ายขวา ได้บินมาตรงหน้าของเธอ คราวนี้หญิงสาวมองการาสุเทนกุทั้งสอง อย่างพินิจพิเคราะห์ จนทั้งสองมองหน้ากันด้วยความอึดอัด

    การาสุเทนกุ ตัวใหญ่เท่าคนเลยนะเนี่ย แถมยืนสองขา ใบหน้าเหมือนอีกาและยังมีมือด้วย

    ทำไมช้านัก อากาเนะเขาถามขึ้น ทำให้มายุกลับมาจดจ่อกับคนตรงหน้า อากาเนะจึงค้อมตัวเพื่อขอโทษนายท่านของเธอ

    ขอประทานโทษค่ะ ท่านไดกิอากาเนะคำนับอีกฝ่าย

    ดิฉันเดินช้าเองค่ะ ต้องขอโทษท่านไดกิด้วยค่ะมายุคำนับ แต่ความเจ็บปวดจากแผลก็แล่นขึ้นมาจนใบหน้าเหยเก

    ดูเหมือนเจ้าจะเดินไปที่คฤหาสน์ไม่ไหว ซึ่งข้าก็ไม่แปลกใจเสียเท่าไหร่ไดกิกอดอกเมื่อกล่าวออกมา เขาต้องมองเหยียดเธออยู่อย่างแน่นอน แม้มายุไม่เห็นสีหน้าของเขาก็รับรู้ได้จากน้ำเสียงของอีกฝ่าย

    ท่านไดกิเจ้าคะ ให้ข้าอุ้มนางไปที่ห้อง…”อากาเนะเสนอออกมา ทำให้เขาหันมามองการาสุเทนกุคนรับใช้เบื้องหน้าทันที

    ฮะแฮ่มมม!!!”การาสุเทนกุที่อยู่ด้านซ้ายของไดกิกระแอมขึ้น อากาเนะมองกลับอย่างตาขวาง จนอีกฝ่ายก้มหน้างุด

    ไม่เป็นไร อากาเนะ เจ้ากลับไปทำกับข้าวเสียเถอะ ทุกคนหิวแล้ว โดยเฉพาะคาบูโตะ เห็นบ่นหิวอยู่หน้าห้องข้าตลอดเวลาเลยคาบูโตะที่อยู่ด้านซ้ายของเขาถึงกับหน้าเสีย โดยเฉพาะต่อหน้ามนุษย์ ที่เขาไม่ค่อยจะชอบเท่าไหร่นัก

    เจ้าค่ะเธอคำนับ ก่อนจะแอบแลบลิ้นใส่คาบูโตะ อย่างมีชัย

    ส่วนเจ้า มายุข้ามีเรื่องด่วนจะคุยกับเจ้า ข้าจะอุ้มเจ้าไปน่าจะเร็วกว่าอีกฝ่ายเดินเข้ามาประชิดเธอ ก่อนที่มายุจะได้ปฏิเสธ ปิศาจเทนกุได้กล่าวขึ้นเสียก่อน

    เจ้าไม่มีสิทธิเลือก!!!”พูดจบไดกิก็อุ้มพาดบ่า  เหล่าการาสุเทนกุถึงกับอ้าปากค้าง อากาเนะถึงกับสั่งให้ลูกๆปิดตาเสีย ส่วนหญิงสาวนั้นเองก็รู้สึกไม่สบายนักเพราะถูกห้อยหัวอยู่อย่างนั้น

    น่าอายชะมัดเลย ท่าแบกนี่ จับกังชัดๆเลย ทำไมโดยผู้ชายอุ้มครั้งแรกในชีวิต มันถึงเป็นอย่างนี้ไปได้ล่ะเนี่ย!!!! นี่ฉันกลายเป็นกระสอบข้าวสารไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน!!!

    ทำไมท่านไดกิถึงดื้อนะ ทั้งที่ข้าจะอุ้มนางเองแท้ๆเลย!!”อากาเนะถึงกับโวยวายออกมา เพราะหากจะแบกนางไปเองนั้น อากาเนะคงจะอุ้มอย่างดี ไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายถูกอุ้มพาดบ่าเช่นนี้ไปเสียหรอก

    "ท่านไดกิพาดิฉันลงเถอะค่ะ แค่ให้อากาเนะพยุงดิฉันก็พอแล้วค่ะ"ร่างบางรีบกกล่าวออกมาด้วยความอายนัก จนหน้าของเธอร้อนผ่าวและรู้สึกขายขี้หน้าเป็นอย่างยิ่ง

    "ไม่!!! เจ้าเดินช้ายิ่งกว่าเต่าเช่นนี้ ข้าไม่มีเวลาทั้งวันหรอกนะ"ไดกิกางปีกสีดำขนาดใหญ่ออกมา และพาเธอทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าอันกว้างใหญ่อย่างรวดเร็ว หญิงสาวร้องกรี๊ดออกมาอย่างห้ามไม่ได้และเกาะเสื้ออีกฝ่ายแน่นเพราะกลัวตกไปยังพื้นเบื้องล่าง เธอไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัวสักนิดเดียว ดวงตาสีดำภายใต้หน้ากากแค่เหลือบมองอีกฝ่ายชั่วครู่ก่อนจะกล่าวขึ้นด้วยความเหนื่อยหน่าย

    มนุษย์กลัวที่จะอยู่บนฟ้าทุกคนเลยหรือไงคำพูดนั้นดูเหมือนจะไม่ต้องการคำตอบ ส่วนมายุก็หลับตาปี๊ความรู้สึกเมื่อมองที่พื้นดิน มันทรมาณเหมือนเธอเล่นเครื่องเล่นหวาดเสียวที่สวนสนุกอย่างใดอย่างนั้น เพียงแต่ที่สวนสนุกยังมีเข็มขัดนิรภัยที่พอทำให้ใจชื้นได้บ้าง แต่ที่นี่ ตรงนี้  ตอนนี้ มันไม่มี โดยเฉพาะท่านี้ที่มายุที่ถูกแบกอยู่บนบ่าของอีกฝ่าย และเมื่อลืมตาขึ้นมาก็เห็นพื้นดินอยู่ไกลๆ เมื่ออยู่บนอากาศเธอเห็นกระท่อมเบื้องล่างเล็กลงอย่างเห็นได้ชัด จนตัวคนที่ถูกแบกก็รู้สึกจะเป็นลมไปเสียให้ได้ จนกระทั่งในที่สุดเขาก็พาเธอมาถึงมาถึงที่คฤหาสน์

    มาถึงแล้วมายุค่อยๆลืมตา พบว่าไดกิอุ้มเธอมาที่ระเบียงของห้องห้องหนึ่ง ที่อยู่ชั้นบนของคฤหาสน์ และดูกว้างขวางกว่ากระท่อมที่เธอได้นอนพักอยู่มากนักห้องใหญ่ทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าถูกปูด้วยเสื่อทาทามิ มีที่นอนฟูกกลางห้อง มีโต๊ะเครื่องแป้งของผู้หญิงพร้อมกระจกบานใหญ่ อีกฟากของห้องมีตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ เมื่อไดกิปล่อยเธอลง มายุถึงกับขาอ่อน ทรุดลงไปนั่งกับพื้น

    โอยยย..รอดแล้ว ไม่เคยรักพื้นดินขนาดนี้มาก่อนเลย ทรมาณชะมัดเลย คิดว่าจะตายอีกรอบเสียแล้วสิ น่ากลัวชะมัด มือนี่สั่นเป็นเจ้าเข้าแล้วเนี่ย...

    เธอถึงกับฟุบไปอยู่ที่พื้นอยู่สักพัก จนเมื่ออาการตกใจและความวิงเวียนศีรษะได้หายไปบ้างแล้ว จึงค่อยๆลุกขึ้นนั่ง  แต่มือยังก่ายหน้าผากด้วยความวิงเวียนและรู้สึกมวนท้องยิ่งนัก

    ข้ามิได้แกล้งเจ้านะ แต่หากอุ้มเจ้าแบบปกติแล้ว แผลเจ้าจะเปิดได้เทนกุรีบกล่าว หญิงสาวไม่อาจต่อว่าอีกฝ่ายได้ ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เธอเพียงหันไปมองเขาเท่านั้น

    แล้วถ้าดิฉันหายดีแล้ว…”มายุรีบกล่าวออกมาเพื่อขอให้อีกฝ่าย พิจารณาการท่าอุ้มของเธออีกสักครา ไม่เช่นนั้นเธอคงทนไม่ไหวแน่ๆ และคงกลัวการอยู่ที่สูงไปตลอดชีวิต

    ข้าก็ยังจะอุ้มเจ้าท่านี้แหละมายุแทบจะทำตาเหลือกใส่กับคำตอบของอีกฝ่าย เขารู้ว่าเธอจะถามคำถามใดออกมา ตั้งแต่หญิงสาวยังกล่าวไม่ทันจบ แต่ก็ยังไม่สนใจสวัสดิภาพของร่างบางแต่อย่างใด และนั่นทำให้เธอหวนคิดถึงเมื่อแรกที่เขาพาเธอไปที่กระท่อมไม้

    งั้นแปลว่าที่ท่านพบดิฉันในป่าก็…”หญิงสาวนึกถึงย้อนไปเมื่อเวลาที่เธอถูกยิงได้รับบาดเจ็บ

    ข้าก็แบกเจ้าท่านี้แหละอีกฝ่ายตอบอย่างไม่สะทกสะท้าน มายุถึงกับนั่งหน้าซีดและอยู่นิ่งๆเท่านั้น

    นึกสภาพตัวเองไม่ออกเลยแฮะ

    แล้วจะให้ข้าอธิบายไหมว่าตอนนั้นเจ้าเป็นเช่นไรบ้าง?”ปิศาจเทนกุกล่าวออกมาอย่างยียวนนัก ดูเหมือนเขาจะมีความสุขที่ได้ทรมาณมนุษย์เล่น

    ไม่ต้องแล้วค่ะหญิงสาวรีบห้ามไว้ ก่อนจะมองไปรอบๆห้องที่ดูหรูหราโอ่อ่า กว่าห้องที่เธอเคยอยู่นัก ทุกสิ่งทุกอย่างดูสวยงาม ทุกส่วนของห้องนั้นมีความปราณีตนัก

    นี่คือห้องของเจ้าเขาตอบในสิ่งที่เธอกำลังสงสัย

    แต่ว่า ห้องนี้...ดิฉันกลัวจะทำเลอะ แผลของดิฉันยังไม่หายดีนัก หากทำให้ห้องสกปรก ดิฉันคงรู้สึกผิดมากเลยค่ะอีกฝ่ายไม่ตอบอะไร มายุพิจารณาถึงโต๊ะเครื่องแป้งที่มีลายแกะสลักเป็นปักษาอย่างสวยงามก็ได้คำตอบในทันใด

    ห้องนี้มีประวัติแน่นอนของทุกอย่างดูเก่าไปเสียหมดแบบนี้ เป็นห้องผู้หญิงด้วย...และตอนกลางคืน ก็จะมี...บรึ๋ยยย โดนหลอกแน่นอนเลยเรา เจอทั้งเทพ ทั้งปิศาจ เหลือแค่ผีนี่แหละที่ยังไม่เคยเห็น

    เจ้าอย่าพยายามสงสัยมากเลยไดกิกอดอกตัวเอง เขารับรู้ความคิดทุกอย่างของหญิงสาว แม้ว่าเธอจะดูเป็นคนสุขุมแต่ไม่น่าเชื่อว่าในความคิดของเธอแล้วความคิด ทุกสิ่งทุกอย่างจะตีกันอย่างไร้ระบบเช่นนี้ แถมยังคิดแต่เรื่องไร้สาระเสียอีก ก่อนที่เขาจะกล่าวต่อ

    "แล้วไม่ต้องกลัวผีหรอก ดูเหมือนเจ้าจะเป็นมนุษย์ที่ไม่มีไม่มีความสามารถรับรู้พลังพวกนี้ได้อยู่แล้ว ขนาดเข้ามาในอาณาเขตของข้าก็ยังไม่รู้ตัวเช่นนี้ หากเจ้าอยากเห็นผีเจ้าคงต้องควักตาตนเองออกแล้วเอาดวงตาของคนอื่นใส่เข้าไปแทนเสียกระมัง"มายุถึงกับชะงักไปเมื่อได้ฟัง แม้ว่าอีกฝ่ายจะดูไม่คุกคามเธอนักก็ตาม แต่พูดแบบนี้ก็ทำให้หญิงสาวอดที่จะกลัวไม่ได้ จึงรีบถามไถ่เรื่องธุระของเขาในทันที

    ท่านไดกิ ต้องการจะคุยอะไรเรื่องอะไรหรือคะ?” ร่างบางถามขึ้น

    ข้ามีเรื่องให้เจ้าช่วย ซึ่งข้าคิดไม่ถึงเลยว่าจะต้องขอร้องมนุษย์แบบเจ้าเขาถอนหายใจออกมา เหมือนกับว่าการที่เขาต้องการให้มายุช่วยนั้น เป็นเรื่องเสียศักดิ์ศรีอย่างมาก จนไม่อาจยอมรับตนเองได้

    เอ้าโดนว่าเฉย

    ทำไมเจ้าต้องคอยคิดแบบนี้ตลอด ในเมื่อมันเป็นความจริงปิศาจตนนั้นถามเธอ

    มนุษย์คิดแบบนี้เป็นเรื่องปกติค่ะ เพราะคำพูดของเราต้องมีการไตร่ตรองให้ดีก่อนจะพูดออกมาค่ะ ความคิดมนุษย์นั้นสามารถคิดได้หลายเรื่องพร้อมๆกันและมันก็ห้ามไม่ได้ค่ะ ซึ่งดิฉันคิดว่าท่านไดกิไม่ควรอ่านความคิดของดิฉันค่ะ เพราะมันไม่ก่อให้ประโยชน์อะไรค่ะหญิงสาวพูดออกมาโดยตรง ทำให้อีกฝ่ายชะงักไปชั่วครู่

    ดิฉันต้องขอโทษท่านไดกิด้วยค่ะ แต่ดิฉันขอให้ท่านไดกิเลิกอ่านความคิดของดิฉันได้ไหมคะมายุพยายามคำนับอีกฝ่ายเพื่อขอร้อง แต่เธอดันเจ็บแผลจนค้อมคำนับได้ไม่มากนัก

    ถ้าเช่นนั้น ข้าจะเลิกอ่านความคิดเจ้าต่อเมื่อ เจ้าทำเรื่องที่ข้าขอร้องนี้ให้เสร็จเสียก่อน”เขากล่าวออกมาหลังจากใช้เวลาครุ่นคิดสักพักหนึ่ง

    ค่ะเธอยอมรับอย่างว่าง่าย เพราะ เธอไม่สามารถปฏิเสธได้อยู่แล้ว

    ข้าทำงานเป็นปิศาจรับให้ เทพเซริว มังกรสีน้ำเงินที่เจ้าเห็นนั่นแหละ และเมื่อประมาณหลายสิบปีก่อน เทพเซริว มอบหมายให้ข้านำดาบเล่มหนึ่ง ที่อยู่ในถ้ำลึกในป่า ดาบนั้นมีชื่อว่าดาบคามินาริ ดาบนั้นเป็นดาบปราบมาร ข้าเองเป็นปิศาจ จึงเข้าใกล้ดาบนั้นไม่ได้ จึงอยากให้เจ้าเป็นคนไปอัญเชิญดาบออกมาจากในถ้ำ

    ได้ค่ะท่านไดกิมายุตอบออกมาในทันที โดยที่ไม่รู้ว่าจะยากลำบากแค่ไหนก็ตาม เพราะยังไงอีกฝ่ายก็ช่วยชีวิตเธอเอาไว้

    “ฮึ!! ตอบง่ายดีนี่ ไว้รอเจ้าหายดีก่อนแล้วกัน หลังจากเสร็จงานนี้แล้วเจ้าก็กลับไปเสียไดกิเหมือนจะชมเธอ แม้หญิงสาวจะไม่มั่นใจก็ตาม ก่อนจะนึกขึ้นได้

    แปลว่าถ้า กว่าท่านไดกิจะยอมไม่อ่านความคิดของดิฉัน ก็เป็นเวลาที่ฉันควรจะกลับแล้วน่ะสิมายุพึมพำกับตนเอง

    แบบนี้มันไม่มีประโยชน์เลยนี่นาเธอเอามือกุมขมับ

    เจ้าผิดเองที่ไม่เฉลียวใจตั้งแต่แรกไดกิหัวเราะในลำคอ  มายุที่ไม่รู้จะทำเช่นไรจึง เดินไปรอบๆห้อง เห็นได้ชัดว่า เป็นห้องของผู้หญิง และห้องนี้ต้องมีความสำคัญพอสมควรเพราะมีการตกแต่งอย่างสวยงามนักทุกสิ่งทุกอย่างดูปราณีตไปเสียหมด ร่างบางมองปิศาจเบื้องหน้าก่อนจะกลั้นใจถามความสงสัยของตนออกมา

    ท่านไดกิคะ ทำไมถึงให้มนุษย์เห็นใบหน้าที่แท้จริงไม่ได้คะ?”มายุหันมาถามในสิ่งที่ตนรู้สึกสงสัย เธอต้องการรู้กฎของที่นี่ให้มากที่สุด เพื่อที่จะได้ไม่ทำอะไรผิดพลาดไป

    เพราะว่ามันเป็นกฏ โดยเฉพาะมนุษย์ที่พวกเราต้องสวมหน้ากากปกปิดไว้ตลอดเวลา”เขาตอบออกมาอย่างไม่ใส่ใจที่จะตอบมากนัก

    แต่ว่าดิฉันเห็นร่างจริงของการาสุเทนกุแล้ว จะไม่เป็นไรใช่ไหมคะ”เจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลถามขึ้น ด้วยความกังวลว่าหากเธอเห็นการาสุเทนกุไปแล้ว จะมีอะไรเกิดขึ้นกับเธอไหม

    ไม่เป็นไร เพราะว่าการาสุเทนกุเป็นเพียงปิศาจธรรมดาเท่านั้น

    ถ้าเช่นนั้น ลุงที่ดิฉันเห็นที่กระท่อม ก็คือท่านใช่ไหมคะ แต่ไม่ใช่ใบหน้าที่แท้ของท่านเธอหวนนึกถึงลุงคนหนึ่งที่มานั่งจิบสาเกในกระท่อมตอนที่เธอเพิ่งฟื้นคืนสติมาได้ไม่นาน ลุงแก่ๆที่ถลึงตาใส่เธอและรีบออกไปจากกระท่อมเมื่อถูกเธอว่าว่าคล้ายเทนกุนัก

    ใช่แล้ว เทนกุสามารถแปลงกายได้ เจ้าไม่มีวันเห็นใบหน้าของข้าหรอกเขากล่าวออกมาอย่างภาคภูมิใจในพลังอำนาจของตน

    สมกับเป็นเทนกุจริงๆเลย หรือว่าแท้จริงแล้วไดกิจะไม่หล่อกันนะเลยไม่อยากให้ใครเห็นหน้า?

    มายุรีบสลัดความคิดออกจากหัวทันที แต่คงไม่ทันเสียแล้ว เมื่อชายหนุ่มรับรู้ความคิดของเธอได้อย่างชัดเจนประดุจเธอกล่าวออกมา

    ความคิดมนุษย์นี่ช่างไร้แก่นสารเสียจริงเชียวข้าจะต้องไปแล้ว และขอสั่งไม่ให้เดินเพ่นพ่านไปไหนอีกอีกฝ่ายถอนหายใจยาว และออกจากห้องไป

    แต่มันไม่ใช่ความผิดของเราไม่ใช่หรอออออ~

    เธอได้แต่คิดอยู่เงียบๆเท่านั้นจนกระทั่ง สักพักหนึ่งที่อากาเนะเลื่อนประตูโชวจิและเข้ามาในห้องนอนของเธอ เหมือนกับอากาเนะเองก็มองไปรอบๆห้องอย่างสนอกสนใจเช่นกัน จนมายุต้องถามขึ้น

    มีอะไรหรอคะ คุณอากาเนะเธอถามขณะอีกฝ่ายยังมองไปรอบๆห้องอย่างตื่นเต้น

    อ๋อ...ข้าแค่ไม่ได้เข้ามาในห้องนี้นานมากแล้วค่ะ ท่าทางท่านไดกิจะสั่งให้การาสุเทนกุตนอื่นๆมาทำความสะอาดห้องนี้เจ้าค่ะ เมื่อเห็นห้องนี้สะอาด ก็หวนนึกถึงวันเก่าๆเจ้าค่ะหญิงผมดำขลับมองไปรอบๆห้อง อย่างสุดจะคิดถึง จนกระทั่งน้ำตาใสๆก็หยดแหมะลงมาบนเสื่อทาทามิ จนทำให้มายุต้องรีบหาผ้าเช็ดหน้าให้

    ขอโทษเจ้าค่ะ พอดีนึกถึงวันเก่าๆมากไปหน่อยเจ้าค่ะร่างบางส่งผ้าเช็ดหน้าของตนให้อากาเนะ

    แปลว่าช่วงเวลานั้นของคุณอากาเนะต้องมีความสุขมากๆเลยสินะคะอีกฝ่ายสะอึกสะอื้น และหยิบผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดน้ำตา

    นั่นก็ส่วนหนึ่งค่ะ อีกส่วนหนึ่งก็รู้สึกว่าตัวเองนั้นแก่เหลือเกินค่ะ

    ไม่หรอกค่ะ คุณอากาเนะยังแข็งแรงอยู่เลยค่ะ เมื่อเช้าคุณอากาเนะยังบอกว่าจะอุ้มดิฉันอยู่เลยค่ะหญิงสาวชาวมนุษย์พยายามปลอบใจอีกฝ่าย แม้จะไม่รู้ถึงต้นสายปลายเหตุก็ตาม

    ค่ะท่านมายุ แม้ว่าตามอายุของพวกข้าจะดำเนินไปช้าก็ตาม แต่ไม่ใช่สำหรับมนุษย์เจ้าค่ะเมื่อได้รับฟังคำตอบ เธอก็เพียงพยักหน้ารับทราบเท่านั้น

    แปลว่ามีคนที่เป็นมนุษย์เคยอยู่ห้องนี้สินะ

    เมื่อมายุนึกขึ้นได้ก็เลิกคิดในทันที ทว่าอากาเนะกลับไม่ได้กล่าวสิ่งใดออกมา ยังคงร้องไห้อยู่เช่นนั้น

    หรือว่าอากาเนะเข้าใจว่า ฉันตกลงกับไดกิเรื่องไม่ให้อ่านความคิดแล้วนะ

    มายุลอบมองอีกฝ่ายไปสักพัก แต่อากาเนะก็ไม่มีทีท่าจะตอบคำถามหรือกล่าววาจาใดๆกับเธอ มายุจึงเชื่อว่าอากาเนะคงเลิกอ่านความคิดของเธอแล้ว

    งั้นแปลว่าเคยมีมนุษย์อยู่ที่นี่จริงด้วยสินะ ในห้องนี้คงจะเป็นผู้หญิง และคงจะเคยอาศัยเมื่อนานมากแล้ว แล้วเขาทนไดกิได้ยังไงเนี่ยสงสัยจัง อยากจะรู้เสียแล้วล่ะสิ แต่คงไม่มีใครบอกหรอก เพราะยังไงเดี๋ยวเราก็ต้องกลับแล้ว

    อากาเนะเจ้าปล่อยให้ มนุษย์ที่ไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้า มานินทาท่านไดกิได้เยี่ยงไรกัน!!”เสียงหนึ่งพูดขึ้นจากนอกห้อง อากาเนะรีบเช็ดน้ำตา และเปิดประตูออกไป เถียงกับผู้ที่อยู่ข้างนอก

    นินทา...ฉันก็คิดอยู่คนเดียวนะจะเรียกนินทาได้ยังไงกัน อยู่ที่นี่มันทำตัวลำบากจริงๆ

    มายุถอนหายใจออกมา ไม่ว่าจะทำตัวเช่นไรก็ไม่ถูกใจอีกฝ่ายแม้แต่น้อย และนั่งมองอากาเนะที่เปิดประตูออกไปสุดแรงด้วยจะทะเลาะกับผู้ที่อยู่ด้านนอก

    คาบูโตะ เจ้าอีกแล้วเรอะ?”เสียงแหลมสูงของผู้ที่กำลังร้องไห้สะอึกสะอื้นดังขึ้น

     ก็ใช่ไงข้าประจำการอยู่ที่นี่เป็นประจำอยู่แล้ว ห้องทำงานท่านไดกิก็อยู่ฝั่งตรงข้ามนี่เอง เจ้าจะเสียงดังทำไม?”มายุฟังอย่างนิ่งเงียบ นึกในใจว่าเธอคงซวยแล้ว เขาคงได้ยินในสิ่งที่เธอคิดไปเรียบร้อยแล้ว

    แล้วนี่เจ้าจะร้องไห้ทำไมฮะ?”เสียงคาบูโตะนั้นหยุดลงอย่างกระทันหัน ส่วนมายุก็ไม่ได้ยินเสียงของอากาเนะ เหมือนทั้งคู่จะพร้อมใจกันเงียบ มายุจึงค่อยๆ ชะโงกหน้าออกไปดูนอกห้องว่าทุกคนยังอยู่สบายดีไหม แต่กลับพบคาบูโตะที่กำลังกอดปลอบอากาเนะอยู่  มายุที่เห็นดังนั้นจึงค่อยๆกลับเข้าไปนั่งในห้องนิ่งๆดังเดิมด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูกที่เธอดันไปพบกับสิ่งที่เธอเห็น และพยายามจะไม่คิดอะไรให้รบกวนคนทั้งสองนัก

     

    อีกฟากหนึ่งในป่าลึกที่มีต้นไม้นานาพันธุ์อยู่แน่นขนัด ที่ต่างพร้อมใจกันเปลี่ยนสีใบของตนให้เป็นสีส้มสวยงาม แต่กลับมีปราสาทขนาดใหญ่มหึมาซ่อนตัวอยู่ในร่มเงาไม้นั้น จนไม่อาจมีใครสามารถมองมะลุลงมาเห็น หลังคาของปราสาทดังกล่าว ฐานของปราสาทที่ทำด้วยหินนั้น มีป้อมปราการอยู่ด้านใน และจึงจะมีตัวปราสาทที่ทำด้วยไม้อยู่ด้านบนนั้น สูงประดุจภูเขาลูกเล็กๆลูกหนึ่งเลยทีเดียว แต่ในปราสาทกลับเงียบสงัดและไร้ผู้คนเหมือนเป็นปราสาทร้าง แม้ทุกสิ่งทุกอย่างจะดูเรียบร้อย ไร้เศษสิ่งสกปรกเลยก็ตาม แต่กลับมีเสียงหนึ่งดังขึ้นทำลายความสงบไปเสียสิ้น เมื่อยักษ์ตัวเล็กที่มีผิวกายสีฟ้า กำลังวิ่งอย่างตื่นตระหนกมาที่ปราสาท หากแต่ถูกรูปปั้นนักรบใช้ทวนขวางทางเข้าของปราสาทในทันที

    ท่านคุโระเฮะบิ ขอรับอีกฝ่ายตะโกนเรียกผู้ที่อยู่ด้านในปราสาท เมื่อไม่มีเสียงใดตอบรับ เขาจึงจะตะโกนเรียกอีกรอบ แต่ทันใดนั้นร่างของชายผู้มีเส้นผมสีขาวเผือก ปรากฏตัวขึ้นจากด้านหลังพร้อมด้วยดวงตาสีเหลืองอำพันที่ดูจะทอแสงได้นั้นได้กล่าวขึ้น

    ใครใช้ให้เจ้าเข้ามาในปราสาทเสียงนั้นแม้จะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย แต่กลับเย็นยะเยือก อะมาโนะจาคุ รีบหันขวับไป เมื่อพบว่าเป็นคนที่เขากำลังมองหา ก็รีบคำนับ

    ขออภัยขอรับท่านคุโระเฮะบิ แต่ข้ามีเรื่องที่จะบอกกล่าวให้ท่านได้ฟัง

    มีเรื่องอะไรก็ว่ามาชายผู้นั้นโบกมือแสดงท่าทางให้อีกฝ่ายได้กล่าวธุระของตน

    ข้าพบว่า ไดกิ ได้พามนุษย์ผู้หญิงเข้ามาในเขตของตนขอรับ

    เช่นนั้นรึ?”อีกฝ่ายแม้จะกล่าวเช่นนั้น แต่เขามิได้สนใจในสิ่งที่อะมาโนะจาคุพูดแต่อย่างใด ซ้ำยังเด็ดดึงใบไม้จากต้นไม้อย่างเพลิดเพลินเสียอีก

    ขอรับ ข้าคิดว่าน่าจะถึงเวลาที่ไดกิ จะนำดาบปราบมาร คามินาริ ออกมาจากถ้ำศักดิ์สิทธ์ ขอรับอีกฝ่ายยังคงเด็ดใบไม้อยู่อย่างนั้นด้วยความสนุกนัก เขากำลังคิดว่าหากต้นไม้มีความรู้สึกและเขากำลังเด็ดใบไม้ออกทีละใบทีละใบ ต้นไม้ต้นนี้คงกำลังร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดเป็นแน่

    ฮึ....เรื่องนั้นข้าก็พอรู้ ไดกิต้องนำดาบเล่มนั้นออกมาในไม่ช้านี้เป็นแน่ เพราะเขารอเวลานี้มานานแล้ว

    แล้วเหตุใดท่านจึงไม่รีบล่ะขอรับ ท่านคุโระเฮะบิ ท่านเองก็รอเวลานี้มานานกว่าไดกิอีกนะขอรับอะมาโนะจาคุถามขึ้น

    เจ้าอย่าลืมสิ ว่าข้าก็เป็นอสูร จะให้ข้าไปลักมาด้วยตนเองก็กระไรอยู่เพราะดาบเล่มนั้นแม้ปิศาจที่ยิ่งใหญ่ หรือแม้แต่เจ้าพวกครึ่งๆกลางๆระหว่างเทพกับปิศาจ อย่างเทนกุ ก็ไม่อาจเข้าใกล้ได้ในระยะสิบศอกได้  ข้ารอให้พวกนั้นนำดาบนั้นออกมาจากถ้ำเสียก่อน แล้วค่อยขโมยออกมาก็ยังได้คุโระเฮะบิแสยะยิ้มกว้างอย่างน่ากลัว

    ขอรับอะมาโนะจาคุคำนับ

    เจ้ากลัวไหม?”จู่ๆเจ้าของเรือนผมสีขาว ก็ถามขึ้น

    ...กลัวอะไรหรือขอรับอะมาโนะจาคุถามกลับด้วยความสงสัย

    ดาบคามินาริดวงตาสีเหลืองอำพันเหลือบมองผู้ที่นั่งคุกเข่าอยู่

    ก็...กลัวขอรับ

    เหตุใดจึงกลัว?”เขาเหยียดมองอีกฝ่ายด้วยความเย้ยหยัน

    เพราะว่าเป็บดาบที่เอาไว้ปราบปิศาจขอรับ

    อย่างนั้นรึ?”ชายผู้นั้นหัวเราะในลำคอ จนยักษ์ตนนั้นเกิดความสงสัย

    เจ้าจะกลัวมันไปทำไม ในเมื่อดาบเล่มอื่นๆก็สามารถฆ่าปิศาจได้ทั้งนั้นพูดจบใบมีดสีเงินจ่อที่คอของอีกฝ่าย จนอะมาโนะจาคุที่พึ่งรู้ตัวถึงกับผงะ และมีสีหน้าที่ตกใจกลัวอย่างเห็นได้ชัด

    เจ้าคิดว่าเทพ ที่ไม่ต่างจากปิศาจจะสามารถใช้ดาบโง่ๆเล่มนั้นได้รึ?”เขาหรี่ตาลงและมองอีกฝ่ายอย่างกินเลือดกินเนื้อ

    ม...มมไม่ขอรับบอีกฝ่ายตอบด้วยเสียงที่สั่นเครือ

    ตอบได้ดีมากเขาเก็บดาบเข้าฝัก อะมาโนะจาคุหายใจแรงประหนึ่งเมื่อครู่เขาได้หยุดหายใจไปแล้ว แม้ว่าจะพอรู้กิตติศัพท์ถึงนายของตนมาบ้าง แต่ก็ไม่รู้ว่าจะทำได้ถึงขนาดนี้

    แท้จริงแล้ว ท่านคุโระเฮียวเป็นผู้ปล่อยข่าวเสียเองว่า พวกข้ากำลังตามหาดาบคามินาริ จนทำให้พวกเทพเองกระวนกระวาย กลัวพวกข้าจะขโมยดาบคามินาริไปได้ จนต้องมาขอคืนดาบที่ถูกผนึกไว้ในถ้ำอย่างดีแล้ว เจ้าคิดดูสิว่าหากเทพครอบครองเอาไว้เสียเอง มันจะเป็นผลร้ายมากกว่าผลดี ดังนั้นแท้จริงแล้วข้าไม่ต้องทำอะไรก็ได้

    ใครบอกเจ้าเช่นนั้นกัน!!”เสียงหนึ่งดังขึ้นด้านหลัง จนทั้งสองถึงกับสะดุ้งด้วยความตกใจ และหันไปมองกันอย่างพร้อมเพรียงแต่ไม่พบใคร ก่อนเสียงนั้นจะกล่าวต่อ

    ข้าอยากได้ดาบคามินาริ เพียงแค่ข้ามีดาบเล่มนั้น เหล่าอสูรทั้งหมด ไม่มีใครกล้าต่อกรกับข้าทั้งสองมองไปบนต้นไม้ เห็นชายสวมชุดกิโมโนสีดำขลับ เรือนผมสั้นสีดำ พร้อมกับดวงตาสีเหลืองอำพันประดุจตาของเสือโคร่ง

    ท่านคุโระเฮียว!!”คุโระเฮะบิถึงกับคำนับอีกฝ่าย

    หากดาบธรรมดาจะสามารถฆ่าปิศาจได้ ดาบธรรมดานั้นก็ปราบเทพได้เช่นกันคุโระเฮียวกระโดดลงมาจากต้นไม้ ลงมาตรงหน้าทั้งสอง

    แต่ข้าต้องการอาวุธที่ดีกว่า กำลังพลที่เหนือกว่า  มันหมดยุคที่เราจะมาตัดสินกันด้วยเพลงดาบแล้ว ดาบคามินาริจะช่วยให้เราได้ของพวกนั้นมาได้ง่ายขึ้น

    เข้าใจแล้วขอรับคุโระเฮะบิกล่าวขึ้น

    งั้นระหว่างที่ข้าส่ง คุโระทสึรุ ไปกวาดต้อนกำลังพลอยู่ทางตะวันออกนั้น ก็ขอฝากเจ้าเรื่องดาบคามินาริด้วยล่ะ

    ขอรับเอ แล้วท่านจะใช้ดาบคามินาริได้เช่นไรขอรับ

    ข้ามีแผนรอไว้แล้วเขาแสยะยิ้มออกมา แต่ก่อนที่จะเดินจากไปนั้น สายตาที่ดุดันหันขวับมามองที่ยักษ์ผู้มีผิวสีม่วง

    ข้าได้ยินมาว่า เจ้าอะมาโนะจาคุ นั้นถูกไดกิจับได้นี่ ว่าแอบเข้าไปในอาณาเขตของเหล่าเทนกุคุโระเคียว ชักดาบคาตานะออกมาจากฝักแล้วชี้ไปที่อีกฝ่าย

    ขอร้องล่ะขอรับ อย่าฆ่าข้าเลยอย่าเลยขอรับกล่าวยังไม่ทันจบ ใบมีดก็เฉือนลงที่กลางลำตัว ของอีกฝ่ายจนล้มลง โลหิตสีแดงค่อยๆซึมออกมาที่พื้นดิน ชายผู้นั้นเพียงสะบัดใบดาบ จนรอยเลือดกระเซ็นลงบนพื้นดิน ก่อนจะเดินจากไป คุโระเฮะบิจึงได้เพียงเดินตามอีกฝ่ายไปเท่านั้น

    ทำไมเจ้าถึง ไม่ฆ่ามันเสียแต่แรกคุโระเฮียวถามอีกฝ่าย

    ข้าชอบให้เหยื่อตายช้าๆขอรับ เหมือนกับถูกพิษของงูของข้าขอรับดวงตาสีเหลืองอำพันทอประกายแสงเมื่อนึกถึงความสนุกของการล่าเหยื่อ

    เจ้านี่ชอบการล่าและทรมานเหยื่อเสียจริงนะ ต่างจากข้าที่ข้าจะฆ่าใช้เร็ว เพราะพวกนั้นมันไร้ค่าเกินกว่าที่ข้าจะเสียเวลาทั้งสองเดินจากไป สักพักหนึ่งที่ร่างที่นอนร้องโอดโอยในป่านั้นถูกจับตาโดยนกแร้งฝูงใหญ่ที่รอคอยอาหารอันโอชะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×