ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    「大天狗 の 花嫁」DAITENGU NO HANAYOME เจ้าสาวแห่งขุนเขา

    ลำดับตอนที่ #2 : การพบกันครั้งแรก

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 244
      15
      27 ก.ค. 61


     

    มายุที่แอบอยู่ด้านหลังต้นไม้ มองการต่อสู้ที่กำลังจะเกิดขึ้นด้วยความกลัว หัวใจของเธอนั้นเต้นเร็วเสียจนแทบจะออกมาข้างนอกอก ดูเหมือนว่าทั้งสองจะสู้กันในไม่ช้านี้ และความคิดของเธอก็ไม่ผิด เมื่อการยิงปืนขึ้นฟ้านั้นเป็นเหมือนการประกาศว่าตนเป็นศัตรูแก่อีกฝ่ายอย่างชัดเจน ชายผู้อยู่ภายใต้หน้ากากนั้นค่อยๆมองลงมาที่ชายผู้ถือปืน และรู้สึกได้ว่าร่างนั้นคงกำลังเย้ยหยันมนุษย์ที่อยู่เบื้องหน้าเป็นแน่ 

    ช่างโง่เขลาเสียจริง กาลเวลาที่ผ่านไปไม่ทำให้มนุษย์ฉลาดขึ้นแม้แต่น้อย บังอาจมาใช้อาวุธแก่เทนกุผู้ยิ่งใหญ่และเป็นเจ้าของพื้นที่ภูเขาแห่งนี้ได้อย่างไรกันสิ้นเสียงนั้น ลมพายุก็พัดกรรโชกอย่างแรก ใบไม้ทั้งหลายต่างปลิวว่อนกระจัดกระจายไปทั่ว และเสียงของแข็งชิ้นเล็กก็ตกลงบนศีรษะของหนึ่งในลูกสมุน เขาค่อยๆก้มลงดูว่าสิ่งใดตกใส่หัวของเขาเข้าอย่างจัง

    เทนกุมีจริงด้วยหรอ ไม่นะถ้าไม่เห็นกับตาก็ไม่เชื่อหรอก ตายแล้วๆๆๆๆ ตายแน่ๆเลย ไม่มีทางรอดไปได้เลย...ฮืออ... ถ้าไม่โดนพวกนั้นฆ่าหมกป่าและก็ ก็จะถูกกินแทนสินะ หรือว่าเขาจะฆ่าเราเพื่อความมสนุกกันล่ะเนี่ย ทำยังไงดีๆ 

    ร่างบางตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว แค่หวาดกลัวว่าตนเองจะตายก็น่ากลัวพอแล้ว ยังมาเจอปิศาจอีก มันต้องไม่ปล่อยเธอให้หลุดมือไปแน่ๆทำยังไงดีล่ะเนี่ย จะหนีก็หมดแรงที่จะวิ่งแล้ว แต่ถ้าปล่อยไว้แบบนี้เธอคงเสียเลือดจนตายพอดี สุดท้ายไม่มีทางอื่นเลยหรอนอกจากเธอจะตายอยู่ที่ตรงนี้

    ลูกพี่ นี่มันสระสุนนี่…. ลูกพี่เพิ่งยิงมันออกไปไม่ใช่หรอสีหน้าของอีกฝ่ายเริ่มกลัวสุดขีด เมื่อเห็นว่าไม่ได้การ ชายผู้สวมชุดสูทจึงยิงปืนใส่ อีกฝ่ายจนหมดแม็กกาซีน แต่กับมายุเรียกได้ว่าเธอแทบจะไม่ได้ยินเสียงปืนเลย เพราะหูดับไปตั้งแต่การยิงนัดแรกแล้ว

    ทว่าลูกกระสุนนั้นกลับหยุดนิ่งกลางอากาศและเมื่อชายผู้สวมใส่ชุดนักพรตหยิบพัดขนนกขึ้นมาโบกเสีย ลมพายุลูกใหญ่ก็ถล่มกลุ่มคนตรงหน้าจนกระทั่งกลิ้งไปตามพื้นด้วยแรงลมนานนับนาที เมื่อลมสงบลงนั้น บางคนก็ได้รับบาดเจ็บเพราะลูกกระสุนที่ถูกดีดกลับมาด้วยแรงลมพายุ ชายที่ถูกเรียกว่าลูกพี่ค่อยๆยืนขึ้นด้วยสภาพที่ยับเยินและเต็มไปด้วยใบไม้ คราวนี้เขามีสีหน้าหวาดกลัว

    ปิศาจจจจ!!!!”เขาร้องเสียงหลงก่อนจะวิ่งหนีไปพร้อมกับลูกสมุนคนอื่นๆจนหมดทว่าจู่ๆร่างของพวกเขาก็หยุดวิ่งลงเสียอย่างนั้น และมองหรเากันด้วยสีหน้าที่ตกใจสุดขีด

    "พวกเจ้าหลงเข้ามาในป่า แล้วก็ทะเลาะกันเอง ทีนี้ออกไปจากอาณาเขตของข้าได้แล้ว"สุรเสียงที่ดูน่าเกรงขามกล่าวขึ้น ก่อนชายฉกรรจ์ทั้งหมดจะรีบวิ่งออกไปอย่างสุดชีวิตโดยไม่หันกลับมามอง เหลือเพียงมายุเพียงคนเดียวเท่านั้น เธอรีบหลบอยู่ด้านหลังต้นไม้เช่นเดิมจะวิ่งหนีก็ไม่มีแรงแล้ว แถมยังเคยได้ยินว่าปิศาจนั้นชอบกินมนุษย์เป็นที่สุด เธออาจจะถูกกินก็ได้ หญิงสาวหลับตาปี๊และฟุบลงไปที่พื้น เพราะรอยเลือดที่หยดตามทาง ทำให้ร่างนั้นกำลังก้าวมาหาเธอในไม่ช้า น่าแปลกที่บรรยากาศรอบตัวที่มืดมิดไร้แสงไฟแต่ ปิศาจผู้มีปีกสีดำขนาดใหญ่นั้นกลับเห็นทางได้อย่างชัดเจน จนเสียงย่ำใบไม้นั้นมาหยุดอยู่ตรงหน้า มายุค่อยๆลืมตาขึ้น และเห็นรองเท้าเกี๊ยะสูง6นิ้วที่นักพรตมักจะสวมใส่กัน เธอจึงรู้ชะตากรรมของตนว่าไม่อาจหลับพ้นจากสายตาของอีกฝ่ายไปได้

    ถ้าฉันเงยหน้าแล้วมีภาพตุ้งแช่เหมือนในหนังผีนะ….ฉันต้องช็อคตายแน่ๆ ทำไงดีๆๆ....ถ้าลองคุยดูจะได้ไหม...ไม่ๆๆๆ เขาคงไม่คุยหรอก ฉันตาย ตายอย่างเดียวเลย ทำไมกันฉันอายุยังไม่ถึงสามสิบเลยนะ จะต้องมาตายแล้วหรอ...

    เธอจมอยู่กับความคิดของตนเองจนกระทั่งได้ยินเสียงหนึ่งพูดขึ้น ทำให้หลุดพ้นจากห้วงความคิดของตนและเผชิญหน้ากับความจริงตรงหน้า และมองใบหน้าของผู้ที่สวมชุดนักพรตภูเขาที่ถูกบดบังด้วยหน้ากากจนไม่อาจทราบได้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดเช่นไร

    เอ….เราไม่ได้ฝันจริงๆแฮะ….ทำไงดีล่ะ ขอบคุณเขาก่อน แล้วกัน...ถ้าทำตัวไม่เป็นภัยคุกคามมากก็อาจจะจะรอด

    ...ขอบคุณค่ะ ดิฉันจะรีบออกไปค่ะ อย่าทำร้ายดิฉันเลยค่ะมายุกล่าวด้วยความยากลำบากเพราะความเจ็บปวด  ก่อนจะรีบลุกขึ้น ทว่ากลับรู้สึกวูบ เพราะอาการบาดเจ็บและเสียเลือดไปมาก จนทรุดลงไปนั่งที่พื้นอีกรอบ ร่างที่อยู่เบื้องหน้าจับจ้องเธออย่างสมเพชนัก

    มนุษย์ช่างอ่อนแอเสียจริง….น่ารำคาญยิ่งนักเหมือนอีกฝ่ายจะครุ่นคิดอะไรสักอย่าง ขณะนั้นเองที่มายุรู้สึกเหมือนจะเป็นลมหมดสติเพราะเจอเรื่องต่างๆร่างนั้นสั่นเทา รู้สึกถึงความหนาวเหน็บ และล้มลงที่พื้น

    "ช่วยพาดิฉันออกไปทีค่ะ ขอร้องล่ะค่ะ ดิฉันยังตายไม่ได้ จนกว่า..." มายุวูบไปในที่สุด ก่อนทุกอย่างได้กลายเป็นสีดำ แต่เธอยังสามารถได้ยินเสียงอยู่บ้าง

    อากาเนะเจ้าพานางไปรักษาเถอะ ข้าจะได้ทำงานของข้าให้สำเร็จสักที...นั่นเป็นเสียงสุดท้ายที่เธอได้ยินก่อนที่จะสิ้นสติไป


     และในความฝันนั้นเธอก็ได้เห็น ศาลเจ้าสวยงามขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง เป็นศาลเจ้าที่เธอไม่เคยมาก่อน เป็นศาลเจ้าไม้ขนาดใหญ่นัก ต้นไม้นานาพันธุ์ที่เขียวขจีรายล้มศาลเจ้า ประหนึ่งศาลเจ้านี้อยู่กลางป่าเขา  มายุสวมเสื้อหญิงสูงศักดิ์ที่หนักอึ้งนั้น ก่อนจะทำความเคารพอย่างนอบน้อมอย่างน่าประหลาด

    มิยะเจ้าคะ ข้าจะต้องไปแล้วเจ้าค่ะ เวลาของข้านั้นคงมาถึงแล้ว หากในวันหนึ่งที่ข้าได้กลับมาที่นี่ ขอให้ข้าคำนึงถึงเรื่องราวต่างๆที่ข้ามีความสุข และหากโชคชะตาของข้าทำให้พบกับท่านพี่อีกครั้ง ขอให้ข้าภักดีและซื่อสัตย์ต่อท่านอย่างที่ข้าจะพึงทำได้ ให้ข้ามีโอกาสตอบแทนพระคุณของท่านพี่บ้างก็ยังดี เธอค้อมตัวอยู่นานจนภาพทั้งหมดจางหายไปกับความมืด

    ฝันแบบนี้แปลว่าเราจะตายหรือเปล่านะ?  เราจะตายแบบนี้จริงๆหรอ? ถูกยิงตาย….กลางป่า เป็นอาหารของสัตว์อื่นๆ หรือไม่ก็ถูกทิ้งไว้จนเหลือแต่กระดูกแน่ๆเลย

    ทันใดนั้นมายุรู้สึกถึงความอบอุ่น และหวนนึกถึงที่บ้านของเธอ ไม่รู้ว่านานเท่าใดที่ที่มายุหลับไป จนเสียงเปิดประตูไม้ดังขึ้น จึงทำให้เธอรู้สึกตัว  หญิงสาวค่อยๆปรือตาขึ้นช้าๆ ส่วนหนึ่งคือแสงเทียนที่ส่องสว่างในห้อง ให้แสงที่เธอไม่ค่อยคุ่นเคยจึงต้องใช้เวลาปรับสายตานิดหน่อย และทำให้เธอพบว่าตนเองนอนอยู่ในกระท่อมไม้ขนาดเล็ก ที่ดูเก่านัก ภายในมีเตาไฟอยู่ไม่ห่างจากเธอนักเพื่อให้ความอบอุ่น และเธอกำลังนอนคว่ำหน้าอยู่เพราะแผลที่ถูกยิง ดวงตาสีน้ำตาลมองไปรอบๆกระท่อมอย่างสงสัยนัก ก่อนจะเห็นหญิงคนหนึ่ง เธอมีใบหน้าที่เหมือนมนุษย์ไปเสียทุกอย่าง เพียงแต่นางดูจะใส่ชุดในยุคโบราณเหมือนหลุดมาจากสมัยเฮอันอย่างใดอย่างนั้นกำลังง่วงอยู่กับการพับเก็บผ้าที่เปื้อนเลือดให้เรียบร้อย เมื่ออีกฝ่ายหันมาพบว่าเธอตื่นแล้วจึงกล่าวทักทายด้วยความเป็นมิตร

    ตื่นแล้วหรือเจ้าคะ? ดูเหมือนว่า เจ้าจะมีเศษเหล็กฝังอยู่ข้างในแผลนะเจ้าคะ แต่ข้าเอาออกมาให้แล้วหญิงผู้นั้นส่งผ้าที่มีลูกกระสุนให้เธอ มายุยังคงไม่ค่อยไว้วางใจมากนัก แต่ก็รับมา ก่อนจะนึกย้อนขึ้นได้ว่าตนถูกยิงได้รับบาดเจ็บ

    ทำไมเธอใช้ภาษาเก่าจัง เก่ามากๆเลย เราคงไม่ได้ย้อนเวลาเหมือนละครหรอกนะ แบบนั้นคงซวยยิ่งกว่าเดิมแน่

    มายุมองไปรอบๆห้องและพบว่า ที่แห่งนี้คล้ายกับกระท่อมไม้เล็กๆ ไม่มีไฟฟ้า ในกระท่อมที่ค่อนข้างเล็กนั้นมี เตาไฟให้ความอบอุ่นอยู่กลางห้อง และมีตู้เสื้อผ้าขนาดเล็กอยู่ที่ปลายเท้าของเธอ และนอกจากนี้ยังมีขวดยามากมายกระจายอยู่เต็มห้องจนแทบไม่มีที่จะเดิน 

    ที่นี่ที่ไหนคะเธอถามอีกฝ่าย ยิ่งดูบรรยากาศรอบๆก็ยิ่งสงสัยเพราะเหมือนเธอจะหลงยุคมาเสียอย่างนั้น อีกฝ่ายต่างเลิกลั่กและมองไปที่ประตูเหมือนอยากจะให้ใครบางคนช่วยมาตอบคำถามนี้แทนเธอ แต่สุดท้ายเธอก็หันมาตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเหมือนเดิม

    ที่นี่เป็นแค่กระท่อม ริมป่าเท่านั้นเจ้าค่ะมายุรับฟังก่อนจะนึกได้ว่า เธอยังไม่รู้ชื่อของอีกฝ่ายเลย

    แล้วคุณชื่ออะไรคะ?”เธอถามขึ้น ก่อนที่จะเป็นการเสียมารยาทไปมากกว่านี้

    ข้าชื่อ อากาเนะเจ้าค่ะอากาเนะตอบด้วยความนอบน้อม เธอนึกขึ้นได้ว่าก่อนที่จะหมดสติไปก็ได้ยินเสียงเรียกชื่อของ อากาเนะ

    แล้วท่านมีนามว่าอันใดเจ้าคะนางหันมาถามเธอบ้าง

    มายุค่ะหญิงสาวค่อยๆลุกขึ้นช้าๆ แต่ไม่วายที่จะเจ็บแผลจากการถูกยิง จนต้องลงไปนอนเช่นเดิม แต่ค่อยๆหันตะแคงมาคุยกับอีกฝ่ายหนึ่งอย่างเชื่องช้า

    แล้วใครมาช่วยฉันไว้คะ?” เธอถามขึ้น อากาเนะเองก็หันไปมองทางประตูเสียอีกรอบ ก่อนจะหันกลับมาตอบ

    เอออ….เขาเป็นเจ้าของกระท่อมหลังนี้เจ้าค่ะอากาเนะพูดด้วยเสียงที่ตะกุกตะกัก ก่อนจะรีบถามต่อ

    ทำไมถึงถามถึงเขาล่ะเจ้าคะ?อากาเนะคาดคั้น อยากได้คำตอบจากมายุ จนอีกฝ่ายประหม่าที่จะตอบ

    ก็ดิฉันอยากจะขอบคุณ เขาที่ช่วยชีวิตไว้ค่ะ และก็อยากจะขอบคุณด้วยตัวฉันเองค่ะ และก็ขอบคุณ คุณอากาเนะมากๆเลยค่ะพูดจบ ทันใดนั้นประตูก็เปิดออกอย่างแรง จนอากาเนะถึงกับสะดุ้งและอุทานชื่อออกมา

    ท่านไดกิ!!”เธอหันขวับไปที่ประตู ชายผู้มีอายุผู้หนึ่งปรากฏตัวขึ้น ผิวของเขาสีขาว ตัวสูงสง่า ร่างกายกำยำ ใบหน้าที่ดูเคร่งขรึมและดูดุดัน และเรือนผมสีขาวเนื่องจากความชรา และหนาวเคราที่ยาวดูพะรุงพะรังนัก 

    ตื่นแล้วหรือ? ยังไงเสียที่นี่ไม่สะดวกให้เจ้าเดินเพ่นพ่านนัก หากหายดีแล้วก็จงรีบกลับเสียชายวัยชราถือจอกเหล้าสาเกพร้อมกับจิบไปด้วย

    ท่านไดกิ อย่าดื่มสาเกต่อหน้าแขกแบบนี้สิเจ้าคะอากาเนะโวยวายขึ้นมา

    นั่นไม่ถือว่าเป็นแขกนะ อากาเนะสุรเสียงที่ดูทรงพลังทำให้อีกฝ่ายถึงกับเงียบลง เมื่อเห็นว่าเธอได้พบกับผู้ที่ช่วยชีวิตเธอแล้ว จึงรีบกล่าวขอบคุณ

    ต้องกราบขอบคุณท่านไดกิมากเลยค่ะ ที่ช่วยชีวิตดิฉันไว้ ดิฉันซาบซึ้งมากค่ะหญิงสาวพยายามจะลุกขึ้นนั่งเพื่อคำนับ แต่เมื่อผ้าห่มเลื่อนลงไปแล้วจึงเห็นว่า ตนเองเหลือเพียงชุดชั้นในตัวเดียวเท่านั้น มือจึงรีบคว้าผ้าโดยสัญชาติญาณและคลุมโปงแทน ด้วยความอายแต่เหมือนอีกฝ่ายจะไม่ได้สนใจอะไรมากนัก

    รู้ตัวก็ดีแล้วเขาตอบสั้นๆเท่านั้น ถึงกับทำให้มายุไปต่อไม่เป็น จนลุงคนนั้นเริ่มบทสนทนาเอง

    เจ้าทำให้ คนพวกนั้นมาก่อความรำคาญในพื้นที่ของข้า….”เมื่อเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนได้ยินก็เกิดความสงสัยในทันทีที่ได้ยิน

    พื้นที่ป่า?? คนธรรมดาไม่มีสิทธิครอบครอง….หรือว่าจะเป็นพวกลักลอบตัดไม้ไม่สิดูจากชุดแล้วอาจจะเป็นนักบวชมากกว่า

    แล้วแต่เจ้าจะคิดแล้วกันว่าข้าอยู่ที่นี่ทำไมเขาตอบประหนึ่งรู้ว่าหญิงสาวคิดเช่นไรอยู่ ส่วนอากาเนะก็หันไปมองขวับที่ไดกิ แต่ ชายผู้นั้นกล่าวต่อ

    พวกเรามีหน้าที่ดูแลป่า ไม่ค่อยได้ออกไปไหนหรอกแต่มนุษย์บางพวกมักจะโง่เง่า ไม่รู้ว่าพวกมันได้ความมั่นใจจากไหนว่าจะต่อกรกับข้าได้ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมมนุษย์บางคนถึงอายุสั้นเขาพูดด้วยความเย่อหยิ่ง มายุเองก็รู้สึกได้แต่อย่างไรเขาก็เป็นคนช่วยชีวิตเธอ แม้จะดูไม่เป็นมิตรเสียเลยก็ตามเถอะ

    ทำไมถึงชอบว่ามนุษย์จังนะ หรือเขาไม่ใช่คน แต่ถ้าชอบพูดอะไรที่เย่อหยิ่งแบบนี้คงต้องเป็นเทนกุแน่นอนเลยอุ๊ย!!!!

    มายุถึงกับตกใจเมื่อมองหน้าไดกิ แล้วเขาจ้องเขม็งมาทางเธอ ประดุจรู้ความคิดในหัวเธอได้ มายุเห็นท่าไม่ดีนัก จึงกล่าวขอโทษ

    ขอโทษค่ะ ที่ทำให้คนพวกนั้นเข้ามารบกวนท่านค่ะเธอทำหน้าสำนึกผิด แต่อีกฝ่ายไม่ได้กล่าวอะไรอีก นอกจากดื่มสาเกจนหมดจอกและเดินออกจากกระท่อมไป

    ท่านมายุคะ ข้าคิดว่าสำนวนที่เปรียบคนเย่อหยิ่งเหมือนเทนกุนั้น อาจจะดูตรงไปหน่อยกระมังคะอากาเนะกล่าวออกมา

    เอ๋...แต่ดิฉันไม่ได้พูดออกมานี่คะหญิงสาวตกใจ เธอมั่นใจว่าเป็นแค่ความคิดที่แวบเข้ามาในหัวพอดีเท่านั้น

    บางทีใบหน้าของคน ก็บอกความคิดออกมาได้หมดแล้วล่ะค่ะอากาเนะพูด และหัวเราะคิกคัก ก่อนจะต้มยาให้เธอ

    ยังไงก็ต้องขอบคุณ คุณอากาเนะด้วยนะคะที่ดูแลดิฉันค่ะ

    ไม่เป็นไรค่ะ นานๆได้คุยกับคนแบบคุณสักที ก็เลยสนุกเจ้าค่ะอากาเนะยังยิ้มแย้มและมีความสุข

    แต่ว่าก่อนที่ฉันจะหมดสติไป ฉันเห็นคนที่มาช่วยฉัน มีปีกสีดำด้วยนะคะอากาเนะที่ได้ฟังยังคงสนใจยาที่ถูกต้มอยู่ในหม้อ และกล่าวออกมาโดยไม่มีพิรุธแต่อย่างใด

    ท่านมายุน่าจะตาฝาดกระมังคะหญิงผมดำยาว ยังคงตั้งหน้าตั้งตาต้มยาต่อไป

    คงจะเป็นเช่นนั้นสินะหญิงสาวพึมพำกับตนเอง

    แล้วเหตุใด ท่านมายุจึงถูกทำร้ายล่ะคะอีกฝ่ายเริ่มถามเรื่องของเธอบ้าง

    ดิฉัน เป็นทนายความ และจะต้องว่าความเรื่อง สารเคมีจากโรงงานรั่วไหล จนทำให้ชาวบ้านแถบหุบเขาโครังเค ป่วย แต่ว่าผู้ถือหุ้นรายใหญ่นั้นมี คนที่ดำรงตำแหน่งถึงคณะรัฐมนตรีอยู่ด้วย หลังจากนั้น ดิฉันก็ถูกชายเหล่านั้นมาป้วนเปี้ยนแถวบ้านจนต้องหนีไปอยู่ที่อื่น จนวันก่อนรุ่นพี่ที่ทำงานฉันก็หายตัวไป และดิฉันก็ถูกข่มขู่ แถมยังโดนถอนใบอนุญาตว่าความด้วย แต่ดิฉันไม่ยอมแพ้ และพยายามดำเนินเรื่องต่อ จนกระทั่งถูกทำร้ายระหว่าง และท่านไดกิได้มาช่วยไว้ค่ะ….”มายุพรั่งพรูเรื่องราวต่างๆออกมามากมาย โดยไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจสิ่งที่เธอพูดมากน้อยแค่ไหน อากาเนะนิ่งไป สักพักนึง

    ท่านมายุทำตามหน้าที่แท้ๆเลย พูดไปแล้วท่านมายุก็เป็นคนกล้าคนหนึ่งเลยนะเจ้าคะ พวกเราหากรู้เรื่องท่านมายุละก็ ทุกคนจะต้องชื่นชมแน่ๆเจ้าค่ะ

    อย่างนั้นหรือ….ฉันทำถูกแล้วใช่ไหมคะมายุรำพึงรำพันกับตนเอง ก่อนจะพูดกับอีกฝ่าย

    ขอบคุณคุณอากาเนะมากๆค่ะ ดิฉันเองพอทำงานไป ก็เริ่มคิดว่า สิ่งที่เราทำนั้นถูกไหม แม้ว่าบางสิ่งที่เราทำให้เขา แต่เขาก็ไม่เห็น ไม่เข้าใจในความยากลำบากของเราเสียเลยเธอนึกถึงหญิงที่เดินมาตบเธอด้วยความโกรธ คิดไปแล้วก็น่าอายเช่นกัน ป่านนี้คนทั้งประเทศคงรู้จักเธอหมดแล้วจากภาพดังกล่าว

    จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนดีเนี่ยเฮ้ออออ ตกงานอีกต่างหาก เงินก็ไม่ได้ ยังมาเจ็บตัวอีก

    ท่านมายุเจ้าคะ อันนี้คือของของท่านมายุใช่ไหมเจ้าคะอากาเนะที่เหมือนเพิ่งจะนึกอะไรออก ก็หยิบกระเป๋าเอกสารของ   มายุกับรองเท้าส้นสูงของเธอออกมา หญิงสาวรีบกล่าวขอบคุณและรับกระเป๋าเอกสารมาเปิดดู

    ดีที่เอกสารยังครบนะเนี่ยเธอพึมพำกับตัวเอง พร้อมกับความโล่งอก แต่ทว่าเธอต้องถูกกล่าวหาว่าเป็นสิบแปดมงกุฏอย่างแน่นอน และคงไม่สามารถไปล่ารายชื่อของชาวบ้านได้ทันตามนัดแน่นอน เพราะมัวมานอนเจ็บอยู่ที่นี่ แม้ว่าเธอจะคืนเงินค่าจ้างไปแล้ว แต่ในใจกลับรู้สึกไม่ดีเลย

    ท่านมายุ ดื่มยาเสียก่อนเจ้าค่ะอากาเนะค่อยๆพยุงเธอขึ้นมานั่ง และส่งถ้วยชาเซรามิกสีน้ำตาลให้ ภายในนั้นมีน้ำสีเขียวอื๊อ จนเหมือนกับชา แต่กลิ่นเหม็นเขียวที่ลอยมาแตะจมูกก็ทำให้เธอถึงกับชะงัก

    มันกินได้จริงๆหรอ??

    ท่านมายุทานเลยเจ้าค่ะ ถ้ายิ่งปล่อยให้เย็น รสชาติจะแย่กว่านี้เจ้าค่ะ มันเป็นยาสมุนไพรเจ้าค่ะไม่มีอันตรายเจ้าค่ะอากาเนะเสริม อีกฝ่ายจึงยกซดยาสมุนไพรเสีย แม้จะดูพะอืดพะอมแต่สุดท้ายก็ทานจนหมด

    ยาอันนี้ทานแล้วลดไข้ ที่เกิดจากพิษบาดแผลได้เจ้าค่ะ ตอนนี้ท่านมายุนอนพักผ่อนก่อนนะเจ้าคะ จะได้หายไวๆเจ้าค่ะหญิงในชุดสมัยเฮอันกล่าว และไม่นานนักมายุก็ค่อยๆหลับตาลงช้าๆ

    ไม่เอาฝันแปลกๆ อีกแล้วนะ

    มายุคิด ตั้งแต่มาที่นี่เธอก็ฝันเรื่องแปลกประหลาดตลอดเวลา รวมถึงเทนกุตนนั้นด้วย เธอเชื่อว่าเธอไม่ได้ตาฝาดไปอย่างแน่นอน แล้วชายแก่ๆที่ชื่อไดกิเสียอีก ที่ดูจะไม่ค่อยชอบคนข้างนอกเสียเท่าไหร่ รวมถึงเธอด้วย คิดไปคิดมาก็ยิ่งปวดหัวเสียจนเธอต้องนอนก่ายหน้าผาก ระหว่างที่เธอหลับไปแล้ว เสียงหนึ่งก็พูดขึ้นจากด้านหลังของประตู

    อากาเนะ เจ้าออกมาได้แล้ว เจ้ามีงานอย่างอื่นต้องทำเหมือนกันนะเสียงชายผู้หนึ่งกล่าวขึ้น

    ก็ได้ๆ เจ้าคาบูโตะ ข้าออกไปก็ได้หญิงผู้นั้นพูดด้วยเสียงห้วน ก่อนจะออกไปนอกกระท่อม

    ข้าหิวข้าวจะแย่แล้ว

    ให้คนอื่นทำให้ไม่ได้หรือไง…”เสียงตวาดของอากาเนะ กลับไม่ทำให้มายุตื่นขึ้นมา อาจจะเพราะยาสมุนไพรที่เธอดื่มเข้าไปด้วยเป็นส่วนหนึ่ง ที่เธอนอนสลบไสลอยู่บนฟูกนอน ไม่นานนักชายที่มีปีกสีดำ ผู้สวมเสื้อนักพรตภูเขา ก็กลับมา ใบหน้าของเขายังสวมหน้ากากสีแดงอยู่ ร่างนั้นเดินเข้ามาใกล้เธอและค่อยๆคุกเข่าลงไปมองใบหน้าของหญิงสาวอย่างพิจารณา

    ไม่ใช่….นางก็แค่มนุษย์ที่อ่อนแอเท่านั้นเขาถอนหายใจออกมา แต่ก็ยังคงมองพิจารณาผู้ที่นอนหลับอยู่เบื้องหน้า เขาเองได้ฟังคำตอบของเธอที่อากาเนะเป็นคนถามให้หมดแล้ว เมื่อกำลังพิจารณาอยู่นั้นประตูกระท่อมก็เปิดขึ้น ปรากฏอีกาตัวเท่าเด็กน้อยจำนวนสามตัว สวมเสื้อผ้ายูกาตะที่แอบมาเปิดประตู เพราะนึกว่าไม่มีใครอยู่

    ชะอุ่ยขอโทษขอรับ ที่เข้ามารบกวนหนึ่งในนั้นกล่าวขึ้น และรีบปิดประตูในทันใด แต่เสียงของชายผู้สวมหน้ากากกลับเรียกไว้

    ไม่เป็นไร นางหลับอยู่ พวกเจ้าเข้ามาดูเสียตอนนี้ได้ ไม่เช่นนั้นเจ้าจะไม่มีโอกาสได้เห็นอีกนะ สึบาซะเขาเรียกการาสุเทนกุตัวน้อยให้เข้ามาดู สึบาซะผู้สวมชุดยูกาตะสีฟ้า จึงเดินเข้ามา แต่คนอื่นๆกลับยังคงยืนนิ่งที่ประตู

    คาเซะ กับ ไอ ก็เข้ามาด้วยสิเมื่ออีกฝ่ายเชิญชวน เด็กน้อยทั้งสองก็เดินเข้ามานั่งข้างๆ

    อันนี้คือมนุษย์ สินะขอรับคาเซะถามขึ้น

    ใช่แล้ว แม้ภายนอกจะดูคล้ายข้า แต่ก็ไม่ใช่ มนุษย์นั้นอ่อนแอ และไม่มีพลังใดๆที่จะป้องกันเองตัวได้

    เอไม่เหมือนอย่างที่ท่านบอกจริงด้วยเจ้าค่ะ แม้จะดูเหมือนท่านแม่ แต่ท่านแม่ก็ยังมีพลังของปิศาจไอ กล่าวขึ้นและดูอีกฝ่ายอย่างสนอกสนใจ

    แล้วนางทำอันตรายได้ไหมขอรับ?”สึบาซะถามดูบ้าง แต่คนตอบกลับนิ่งเงียบไปสักพัก

    ได้มากกว่าที่เจ้าคาดคิดไว้เยอะ เจ้าจึงสามารถมาพบนางได้ตอนหลับเท่านั้น มนุษย์น่ะกลัวพวกเรา และความกลัวนั้นก็ทำให้คิดจะกำจัดพวกเราทิ้งเสีย แม้ตัวนางเองตัวคนเดียวจะทำอะไรไม่ได้มากนัก แต่มนุษย์นั้นมีความรู้และมีจำนวนมากเราสู้กับมนุษย์บางทีก็ยุ่งยากได้เหมือนกัน จำไว้นะ อย่าให้นางเห็นเจ้าเด็ดขาดเมื่อกล่าวจบเขาจึงลุกขึ้นยืน และพาเหล่าการาสุเทนกุตัวน้อยๆออกไปจากกระท่อมเสีย

    แม้แต่พวกเจ้า ก็ยังมีพลังมากกว่ามนุษย์พวกนี้ ดังนั้นเจ้าต้องระวังให้มากหากพวกเราทำอันตรายกับมนุษย์ เหล่าเทพคงไม่มีวันให้อภัยเราอย่างแน่นอน

    พวกกระผมจะระวังขอรับสึบาซะตอบ อีกฝ่ายหนึ่งจึงบินทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าและหายลับไป เบื้องล่างของเขามีบ้านไม้อยู่หลายหลัง ที่เหล่าการาสุเทนกุต่างอาศัยอยู่ และถัดไปไม่มากนักมีคฤหาสน์หลังใหญ่ที่ทำด้วยไม้ ดูสวยงามตระการตา มีสวนขนาดเล็กอยู่ด้านหลังตกแต่งด้วยต้นไม้ดอกไม้นานาพันธุ์ ปิศาจเทนกุบินเข้าไปทางระเบียงชั้นสอง และหายเข้าไปในห้อง


    ทว่าเมื่อตกกลางคืนนั้นความมืดต่างเข้ามาครอบงำจนทั่วบริเวณ ความเงียบสงัดในยามค่ำคืนบางทีก็ทำให้เกิดความคิดฟุ้งซ่านได้ มายุที่ตื่นขึ้นมากลางดึก เธอค่อยๆยันตัวลุกขึ้น ไม่มั่นใจว่าตนเองหลับไปนานแค่ไหน ก่อนจะได้ยินเสียงเดินข้างนอก แต่ว่าตั้งแต่มาถึงจนตอนนี้มายุยังไม่ได้เปลี่ยนเสื้อเลย การที่เธอนอนในกระท่อมคนเดียวและมีเสียงประหลาดอะไรอยู่ข้างนอกสักอย่าง ทำให้เธอรู้สึกกลัวขึ้นมา

    ท่านพี่…..”เสียงเย็นยะเยือกดังขึ้น

    ท่านพี่อย่าไล่ข้าไปเลย….”มายุขนลุกซู่ ตอนนี้เธอคงอยู่กลางป่าเขา และยังจะพบเจอผีอีกหรือ และยังเหมือนกับสิ่งที่เธอได้ยินมาในความฝันอีก และเสียงนั้นก็มาหยุดอยู่ที่หน้าประตู พร้อมกับเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้น เหมือนอยากจะให้เธอเปิดประตูให้ แต่อีกฝ่ายกลับขดตัวอยู่ที่มุมห้องและคลุมโปง

    ไปเถ๊อะ อย่ามาหลอกหลอนกันเลยยย~

    มายุนึกถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆนาๆเท่าที่เธอจะนึกออกจนไปถึงอากาเนะ ที่อยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ เมื่อจะเรียกก็กลับไม่มีเสียงออกมาจากปากเธอ ทันใดนั้นประตูกระท่อมได้เปิดออก เธอเห็นหญิงสาวในชุดสมัยเฮอันผู้สวมใส่ชุดสูงศักดิ์ยืนอยู่ภายนอกประตูแล้ว ยังมีใบหน้าที่คล้ายกับเธอนัก มายุก็รีบซุกเข้าไปในผ้าห่ม

    ท่านพี่….”ก่อนที่จะกล่าวต่อ เสียงหนึ่งได้ดังขึ้น จนสนั่น เมื่อมองไปอีกครั้ง ก็พบเพียงความว่างเปล่าแล้ว แต่หลังจากนั้นเธอกลับได้ยินเสียงเหมือนคนทะเลาะกันแทน

    ที่นี่คืออาณาเขตของข้า เจ้าอะมาโนะจาคุจอมปลิ้นปล้อนอย่างเจ้ามาทำอะไร…”เสียงที่เธอคุ้นเคยดังขึ้น เป็นเสียงปิศาจเทนกุอย่างแน่นอน มายุจึงลอบชะโงกหน้าออกไปมองข้างนอก

    ข้าแอบติดตามนางมาตั้งแต่ก่อนนางมาที่นี่แล้ว นางเป็นของข้า ข้าตามนางมาตั้งแต่ในเมืองมนุษย์แล้วอะมาโนะจาคุเถียงอีกฝ่าย ด้วยร่างของหญิงสาวในชุดเฮอัน แต่ยังมิทันที่อะมาโนะจาคุจะกล่าวสิ่งใด เทนกุก็ถีบอีกฝ่ายจนล้มลง  และกระชากคอเสื้ออีกฝ่ายขึ้นมา เหมือนกับว่าเขาจะโกรธมาก

                   เจ้าไม่ต้องมาทำเป็นไขสือ แม้ว่าข้าจะออกไปนอกอาณาเขตตัวเองไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าข้าไม่รู้ว่าเจ้าวนเวียนอยู่แถวนี้มานานแล้ว!!!!”เสียงตวาดดังลั่นประดุจเสียงกัมปนาท เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว และจะกล่าวต่อ

    ไอ้พวกอะมาโนะจาคุแบบแกน่ะ ชอบอ่านใจมนุษย์  หลอกล่อเหยื่อ พูดจาปลิ้นปล้อนและตลบตะแลง แล้วจะให้ข้าเชื่อคำพูดเจ้าอย่างนั้นรึ

    แค่กๆ..ปล่อยข้าอะมาโนะจาคุ พยายามดิ้นจนร่วงไปนอนกองกับพื้น ฉับพลันร่างเด็กสาวได้แปรเปลี่ยนเป็นยักษ์ที่มีผิวสีฟ้าน่าเกลียดน่ากลัว

    ก็ได้ๆข้ายอมรับ ข้าแค่อยากจะหลอกนางเล่นเท่านั้น ก็แค่เห็นว่าเคยมีมนุษย์อยู่ที่นี่ ข้าเลยจะแปลงกายมาแกล้งนางเท่านั้นเองอะมาโนะจาคุ กับคำนับอีกฝ่ายแทบเท้า อย่างน่าสงสาร

    ไปไกลๆเสีย ก่อนที่ข้าจะฆ่าเจ้าให้ตายเสียตรงนี้!!!!!”เสียงนั้นเต็มไปด้วยความโกรธ ก่อนจะถีบอีกฝ่ายหนึ่งจนล้มกลิ้งอีกครั้ง

    ได้ๆๆๆ ข้าไปละยักษ์นั้นรีบวิ่งหนีไปในป่าในทันที และหายไปในไม่ช้า ทันใดนั้น อากาเนะได้เดินมาคุยกับอีกฝ่าย มายุเพียงแอบลอบมองอยู่ห่างๆทางด้านหลังเท่านั้น และสักพักนึงที่เธอเพิ่งรู้ว่า ปิศาจเทนกุไม่ได้สวมหน้ากากอยู่แต่ก็ยังมองไม่เห็นใบหน้าที่แท้จริงเสียทีเพราะเขาหันหลังให้เธอ และเมื่อทั้งสองคุยกันเสร็จและหันมาทางเธอ มายุก็รีบกลับไปนอนคลุมโปงเช่นเดิม พอดีกับ ทั้งสองเดินมาถึงพอดี

    ดูเหมือนนางจะยังไม่ตื่นเจ้าค่ะ

    มาอยู่ไม่กี่คืนก็เกิดเรื่องแล้ว มนุษย์นี่ไม่ไหวจริงๆเขากล่าวขึ้นมาก่อนจะกอดอกไว้อย่างไม่สบอารมณ์นัก

    แล้วท่านไดกิจะทำอย่างไรดีเจ้าคะ?

    ไดกิหรอ ชื่อเหมือนลุงเมื่อตอนกลางวันเลย

    นางตื่นอยู่ชัดๆปิศาจที่ชื่อไดกิกล่าวขึ้น มายุหัวใจแทบจะหยุดเต้น เธอเข้าใจในทันทีแล้วว่า พวกเขาสามารถอ่านความคิดเธอได้อย่างแน่นอน หญิงสาวยังคงคลุมโปงอยู่เช่นเดิม และไม่ตอบคำถามใดๆ เสียงฝีเท้าเข้ามาใกล้ จนมายุแทบจะหยุดหายใจ และเมื่อเธอตัดสินใจจะโผล่ศีรษะออกไปจากผ้าห่มนั้นแต่ฝ่ามือใหญ่จับศีรษะของเธอไว้ ไม่ให้โผล่หน้าออกมานอกผ้าห่ม

    ห้ามเห็นหน้าข้าเด็ดขาดเขากล่าวด้วยเสียงที่เรียบเฉย

    ...ค่ะเมื่อเธอตอบรับแล้วทำตามอย่างว่าง่าย ปิศาจตนนั้นจึงกล่าวต่อ

    หากมนุษย์ เห็นหน้าข้าเมื่อใด ข้าจะต้องลบล้างความทรงจำของมันเสียเขานำมือออก และมายุเองก็ยังมุดอยู่ในผ้าห่มอยู่เช่นเดิม

    งั้นท่านไดกิก็เป็นเทนกุใช่ไหมคะเธอถามขึ้น เรียกอีกฝ่ายว่าท่าน เพื่อยกย่องเขาที่เขาช่วยชีวิตเธอเอาไว้ และเพื่อจะยกยอเขาเผื่อให้อีกฝ่ายจะลดความโกรธที่มีต่อเธอลงบ้างจากการที่มายุพาคนเข้ามาวุ่นวายในนี้

    ใช่แล้ว”สุรเสียงที่ดูน่าเกรงขามกล่าวขึ้น

    แล้วคุณอากาเนะล่ะคะ?”มายุหัวใจเต้นรัวรอคำตอบอย่างใจจดใจจ่อนัก 

    นางคือการาสุเทนกุ ลูกน้องของข้า นี่ไม่ใช่ร่างที่แท้จริงของนางมายุตกใจ เมื่อรู้ว่าคนที่คอยดูแลเธอกลับไม่ใช่มนุษย์ คิดว่าเรื่องเช่นนี้น่าจะมีอยู่ในนิยายเท่านั้น ตอนนี้เธอควรจะพูดดี รวมไปถึงคิดดีด้วย อย่าให้เหมือนการคุยกันก่อนหน้านี้

    ยังไงดิฉันก็อยากจะขอบคุณ ท่านไดกิมากๆค่ะที่ช่วยชีวิตดิฉันไว้ และคุณอากาเนะเองก็เช่นกัน ขอบคุณที่คอยรักษาดิฉันนะคะ

    แหม ท่านมายุ ไม่เป็นไรหรอกค่ะอากาเนะกล่าวขึ้นและยิ้มแฉ่งออกมาอย่างมีความสุข

    ข้าคิดว่าถ้าปล่อยเจ้าไว้ท้ายหมู่บ้านแบบนี้คนเดียว เจ้าอาจไม่ปลอดภัยนักเมื่อสักครู่ข้าเองก็ปรึกษากับอากาเนะ และคิดว่า ข้าให้อากาเนะมาช่วยดูแลเจ้าตลอดเลยแล้วกัน

    แบบนั้นจะลำบากคุณอากาเนะมากเกินไปไหมคะเธอถามอีกฝ่าย

    ไม่หรอกเจ้าค่ะ ท่านมายุวางใจได้เจ้าค่ะแต่ว่า ท่านไดกิเจ้าคะ ดิฉันลืมไปเลยว่าต้องคอยดูแล ไอ คาเซะ และสึบาซะไปเลยเจ้าค่ะฉันไม่ยอมให้คาบูโตะดูแลเด็กๆเด็ดขาดเลยค่ะ เจ้านั่นต้องทำให้ลูกๆหิวตายแน่ๆเลยค่ะอากาเนะนึกถึงสามีของตน ที่เลี้ยงลูกไม่เป็นสักกะนิดเดียว

    ลำบากเสียจริงยิ่งเป็นช่วงนี้เสียอีกงั้นให้นางมาอยู่ในปราสาทก่อน แต่เจ้าต้องอยู่แต่ในห้องเท่านั้น นี่ไม่ใช่คำขอร้องนะ แต่เป็นคำสั่งเด็ดขาดไดกิค่อยลุกขึ้นยืน ก่อนจะก้าวเท้าไปที่ประตู

    ค่ะ ท่านไดกิ ต้องขอบคุณท่านมากเลยค่ะอีกฝ่ายตอบโดยที่เธอยังขดอยู่ในผ้าห่ม พร้อมกับความสงสัยว่าเหตุใดบางทีเขาจึงใจดีกับเธอ

    ข้าไม่ได้ใจดีกับเจ้าแต่อย่างใด…”เสียงนั้นค่อยๆเบาและหายไปในที่สุด พอดีกับอากาเนะที่เข้ามาพูดคุยกับมายุแทน

    ท่านมายุ กล้วข้าหรือไม่?”เสียงที่คุ้นหูถามขึ้น

    “ตอนแรกก็กลัวนิดหน่อยค่ะ คงเพราะดิฉันไม่เคยพบเห็นการาสุเทนกุมาก่อน แต่ดูแล้วทั้งอากาเนะ และท่านไดกิ ก็ไม่ได้ทำร้ายดิฉัน แถมยังช่วยชีวิตดิฉันอีก ดิฉันจึงไม่ค่อยกลัวพวกคุณเท่าไหร่แล้วค่ะมายุกล่าว แม้ว่าตกใจกลัวน้อยลงกว่าเมื่อการพบกันครั้งแรก แต่เวลาไม่กี่วันก็ยังเร็วเกินไปมากกว่าจะยอมรับได้ว่าเธอไม่กลัวปิศาจ และเธอก็ยังไม่รู้ว่าพวกเขามีพลังแค่ไหนกัน แต่เหมือนอีกฝ่ายก็เข้าใจเธอดี

    นั่นสินะเจ้าคะ มนุษย์จะกลัวพวกปิศาจ อยู่แล้ว ทั้งๆที่ทุกสิ่งทุกอย่างนั้นจะมีสีขาวและสีดำ ที่ไม่ต่างจากมนุษย์ก็ตามอากาเนะ ค่อยๆ หยิบชุด ยูกาตะชุดหนึ่งที่ถูกพับอย่างเรียบร้อยมาวางไว้ตรงข้างที่นอน และกล่าวต่อ

    ท่านมายุเปลี่ยนเสื้อเสียนะเจ้าคะ แล้วพรุ่งนี้เช้า ข้าจะพาท่านมายุไปที่คฤหาสน์มายุค่อยๆลุกขึ้นมาจากฟูกนอน และเปลี่ยนเสื้อผ้า ด้วยความช่วยเหลือของอากาเนะ 

    คฤหาสน์เลยหรอ อยากเห็นจริงๆคงจะสวยงามมากแน่ๆ...

    "แน่นอนค่ะ ท่านมายุคฤหาสน์ของท่านไดกิ แม้จะไม่ใหญ่มาก ขนาดเท่าวิหารของเทพแต่ก็สวยงามมากค่ะ"อากาเนะตอบอีกฝ่ายกลับมา จนทำให้มายุต้องพยายามควบคุมความคิดของตนเองไว้ตลอดเวลา ไม่นานนักก็ทำให้มายุสวมชุดยูกาตะสีเหลืองอ่อน กับโอบิสีน้ำเงินเข้ม

    ท่านมายุใส่แล้วสวยเจ้าค่ะอีกฝ่ายมองด้วยสายตาที่ปลื้มปริ่ม

    ทำไมท่านไดกิจึงยอมให้ดิฉันไปพักที่คฤหาสน์คะ ทั้งที่เขาดูจะเกลียดมนุษย์ขนาดนั้น

    ท่านมายุเจ้าคะ ข้าไม่สามารถกล่าวได้เพราะมันเป็นความประสงค์ของท่านไดกิเจ้าค่ะ แต่ตามปกติแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างมีค่าตอบแทนกันทั้งนั้น ฉะนั้นแล้ว ท่านมายุคงจะเตรียมใจให้พร้อมนะเจ้าคะมายุเมื่อได้ฟังกลับงุนงง หรือเธอจะถูกกินกันนะ อากาเนะเมื่อรู้ถึงความในใจของอีกฝ่าย ก็รีบกล่าวขึ้น

    พวกเราไม่นิยมกินมนุษย์นะเจ้าคะ พวกเราทานอาหารเฉกเช่นมนุษย์ ดังนั้นไม่ต้องกังวลไปเจ้าค่ะ

    คะ?...ค่ะ ต้องขอโทษจริงๆค่ะมายุรู้สึกผิด แต่ทว่าเราที่อีกฝ่ายต่างอ่านใจของเธอนั้นก็สร้างปัญหาไม่น้อยเสียเลย จึงลองเอ่ยปากถามอีกฝ่ายขึ้น

    เอ่อ….คุณอากาเนะคะ แล้วพวกคุณ สามารถอ่านความคิดของการาสุเทนกุด้วยกันเองได้ไหมคะ?”

    นอกจากมนุษย์แล้ว เหล่าเทนกุสามารถอ่านความคิดเทนกุด้วยกันเองได้ด้วยเจ้าค่ะ แต่ปกติเราจะใช้ในการสื่อสารกัน มากกว่าการแอบฟังความคิดของอีกฝ่ายเจ้าค่ะ เผื่อท่านมายุไม่ทราบ ก่อนหน้านี้ที่เราคุยกันนั้น แท้จริงแล้วท่านไดกิเองเป็นคนบอกให้ข้าถามท่านเจ้าค่ะ และท่านไดกิคอยฟังคำตอบอยู่ห่างๆ ดิฉันเข้าใจว่ามันจะดูเสียมารยาท แต่ที่ว่าท่านไดกิสั่งให้ทำแบบนี้เพราะยังไม่มั่นใจว่า คุณจะมีจุดประสงค์อะไรซ่อนเร้นหรือไม่ เจ้าค่ะอากาเนะลงมือหวีผมที่ยาวสลวยของหญิงสาวชาวมนุษย์ อย่างเพลิดเพลิน

    ถ้าดิฉันทำในสิ่งที่ท่านไดกิต้องการแล้ว ฉันจะขอให้เขาเลิกอ่านความคิดของฉันได้ไหมคะ

    ท่านต้องถามท่านไดกิด้วยตัวเองเจ้าค่ะก่อนจะกล่าวต่อ

    แต่ท่านมายุต้องเตรียมตัวให้ดีนะเจ้าคะ พรุ่งนี้เช้าข้าจะพาท่านมายุเดินไปที่คฤหาสน์ ท่านอาจจะตกใจกับเหล่าการาสุเทนกุได้นะเจ้าคะ เพราะคนอื่นๆเขามิได้แปลงเป็นคนเฉกเช่นข้า เจ้าค่ะมายุตื่นเต้นเมื่อได้ฟังเช่นนั้น พร้อมกับรอคอยแสงของดวงตะวันในวันใหม่อย่างใจจดใจจ่อ เพราะเธอก็อยากจะเห็นการาสุเทนกุ เหมือนกันว่าจะมีหน้าตาเป็นเช่นไร ด้วยความตื่นเต้น หญิงสาวเองก็นอนไม่หลับนักจนต้องนอนพลิกตัวไปมาอยู่นานเสียนาน จนกระทั่งจวบจนเวลารุ่งสางมาเยือน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×