คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #26 : การชี้ชะตา
กลางสนามรบที่ฝุ่นดินคละคลุ้งไปทั่วจนภาพทุกอย่างดูเลือนราง ร่างของคุโระเฮียวนั้นคำรามออกมาอย่างกึกก้องประดุจเสียงกัมปนาท ชายทั้งสองตะลึงงันกับพละกำลังดังกล่าว ที่มายมายจนถึงขนาดที่ทั้งสองยังไม่เคยพบเห็นมาก่อน ดวงตาแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำด้วยความโกรธเกรี้ยว เพียงแค่เสียงคำรามนั้นก็เป็นพลังผลักทั้งสองกระเด็นออกไป ในเสี้ยวพริบตาเดียวกันนั้นคุโระเฮียวเข้ามาประชิดตัวเซริวในขณะที่เขามิทันตั้งตัว กว่าดวงตาสีเงินจะมองเห็นปิศาจเบื้องหน้าได้ถนัด ก็ถูกอีกฝ่ายใช้ดาบเฉือนจนได้รับบาดเจ็บไปเสียแล้ว โชคดีว่ามังกรฟ้าพยายามเบี่ยงตัวหลบ จึงไม่ถูกที่สำคัญ และปิศาจที่บ้าคลั่งนั้นก็โจมตีไดเทนกุต่อในทันที ส่วนไดกิที่ยังไม่ทันหันมามองด้วยความเร็วนั้น ก็หันหวับไปตั้งรับแต่ก็ไม่ทันการณ์เมื่อใบดาบฟาดฟันถูกต้นแขนจนเลือดไหลเป็นทาง และรีบกลับไปตั้งหลักโดยเว้นรระยะห่างกับอีกฝ่ายไว้พอประมาณ เรื่องราวทั้งหมดนั้นเกิดขึ้นเพียงสามวินาทีเท่านั้น
"พวกเจ้ามันช้าลงจริงๆด้วย ฮ่า ฮ่า ฮ่า"คุโระเฮียวหัวเราะออกมาอย่างสะใจ เขาจับดาบไว้ให้ถนัดมือและฟาดฟันใบดาบกลางอากาศ ก่อนะจะปรากฏพลังสีดำมืดที่แสนน่าขยะแขยงออกมา ทั้งสองรีบหลบหลีกไปคนละทางและมองดูพลังของอีกฝ่ายอย่างประหลาดใจ
"พลังนั่น..."เซริวกัดฟันกรอด
"พลังของเทพีแห่งความตายอย่างไรล่ะ พลังของท่านอิซานามิ..."คุโระเฮียวแสยะยิ้มออกมา
"พลังที่น่าขยะแขยงเช่นนั้น เหมือนพวกอมนุษย์ไม่มีผิด ข้าล่ะนึกไม่ถึงว่าเจ้าจะยอมทำได้ถึงเพียงนี้"มังกรฟ้ามองดูอีกฝ่ายด้วยสายตาที่รังเกียจ
"ฮ่า ฮ่า แต่ถ้าพลังนี้มันทำให้ข้าล้มล้างเทพทั้งหลายได้ ข้าก็ยอม!! พอกันที ข้าจะไม่ยอมเป็นเบี้ยล่างของเหล่าเทพอีกแล้ว!!! ข้าไม่ใช่ทาส ที่ต้องคอยมารับฟังคำสั่งของเจ้า!!!"เซริวตั้งดาบรับการโจมตีของคุโระเฮียวได้ทันท่วงที
"ไอ้บ้าเอ๊ย!!!"เทพประจำทิศ กัดฟันกรอด เขาไม่มีโอกาสโจมตีอีกฝ่ายกลับบ้างเลย ส่วนไดกิก็ใช้พลังลมวายุ ที่คมกริบที่ตัดเฉือนของได้ทุกสิ่งใส่คุโระเฮียว น่าแปลกที่เขาสามารถหยุดมันได้มือเปล่า จนไดเทนกุชะงักไป
"ไอ้ปิศาจเทนกุอย่างแก....ช่างน่าผิดหวังนัก ที่ไปเข้าร่วมกับเหล่าเทพ เจ้ามันน่าจะเข้าใจในสิ่งที่พวกข้าต้องพบเจอแท้ กลับไปช่วยมัน.... ครั้งนี้ข้าจะฆ่าพวกเจ้าทั้งหมดเอง!!!"คลื่นพลังสีดำทะลักออกมาจากร่างของเขา คุโระเฮียวยอมทำได้ทุกอย่างเพื่อจะได้พลังมาครอบครอง ทั้งฆ่าปิศาจด้วยกันเองหรือมนุษย์เขายอมทำได้อย่างไม่ลังเล แต่เมื่อทำลายชีวิตไปจำนวนมากแล้วปิศาจอย่างเขาจะไม่สามารถควบคุมตนเองได้อีกต่อไป ก่อนจะมองคนทั้งสองที่ไม่อาจทำอันตรายเขาได้แม้แต่น้อยอย่างมีชัย และหันไปกล่าวกับไดเทนกุ เขารู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่เหลือกำลังใจที่จะสู้ต่อแล้วดั่งแผนของเขา พยัคฆ์ดำแสยะยิ้มออกมาและใช้พลังกระแทกเซริวจนล้มกลิ้งไปไกล
“เป็นเช่นไรล่ะไดกิ ข้ารู้จุดอ่อนของเจ้าแล้ว คือมนุษย์นั่นใช่ไหม พวกเจ้าช่างรักกันเสียจริง ข้าล่ะยังนึกถึงตอนที่นางแทบจะเอาตัวเข้าแลกกับชีวิตของเจ้า!!!”เสียงนั้นหัวเราะเยาะไดกิอย่างบ้าคลั่ง
“พอได้แล้ว!!”ไดกิรีบทะยานขึ้นไปกลางเวหาในทันทีเพื่อจะโจมตีเขาอีกรอบ
“แต่เมื่อวานก่อนเจ้ากลับเลือกการาสุเทนกุเอง ช่างน่าสงสารนางเสียยิ่งกระไร”ร่างนั้นตั้งรับคมดาบของไดกิได้อย่างสบาย แม้ชายหนุ่มจะใช้พลังของไดเทนกุแล้วก็ตามที
“ข้ามิได้เลือกเพราะรักนางน้อยกว่าหรือสำคัญน้อยกว่าการาสุเทนกุ แต่ข้าเชื่อมั่นว่าการาสุเทนกุจะดูแลนางอย่างดีแทนข้าตอนที่ข้าไม่อยู่!!!!”ใบดาบฟาดฟันลงมาอย่างรวดเร็ว ก่อนไดกิจะหมุนตัวหลบการแทงของอีกฝ่าย และหันกลับมาฟาดฟันด้วยแรงทั้งหมดเท่าที่มี ใบดาบทั้งสองกระทบกันอย่างแรง เท่าที่ทั้งสองจะเรียกพลังออกมาได้จนเกิดประกายไฟ ทั้งสองใช้พลังดึงดันกันไปมาอยู่สักพัก
“แกร๊งง!!”ใบดาบที่คมกริบของไดกิเป็นฝ่ายหัก ก่อนทันใดนั้นเขาจะเอี้ยวตัวหลบการโจมตีนั้น แต่ยังถูกดาบเฉือนเข้าที่ข้างลำตัว และรีบถอยไปตั้งหลักใหม่
“ดาบของเจ้าหักเสียแล้วสิ…”คุโระเฮียวกล่าวขึ้นและแสยะยิ้มออกมา ก่อนคราวนี้เซริวจะรีบเข้าโจมตีเขาในทันที ใบดาบประทบกันจนเกิดประกายไฟอยู่หลายครั้งเพลงดาบของทั้งสองสูสีกันอย่างยากจะตัดสินว่าใครเหนือกว่าใคร แต่ยังไม่มีใครยอมเป็นฝ่ายถอย จนใช้พลังทั้งสองผลักดันกัน พลังที่ยิ่งใหญ่ยิ่งทำให้รอบด้านปกคลุมไปด้วยฝุ่นผงจนมองอะไรไม่ชัด
“ข้ามีพลังอำนาจมากกว่าเจ้าอีก มังกรฟ้า ข้าบำเพ็ญเพียรมานานก่อนที่พวกเทพรองๆและไม่มีความสำคัญอย่างเจ้าจะเกิดมาอีก”เขาตวัดดาบหนึ่งที เซริวก็ถึงกับเสียการทรงตัวและคุกเข่าลงพร้อมตั้งรับดาบนั้นไว้
“อย่ามาปากดี แกไม่ได้เกิดมาเป็นเทพยังไงก็สู้ข้าไม่ได้!!!”เจ้าของดวงตาสีเงินรีบพุ่งเข้าใส่ร่างเบื้องหน้าในทันที ส่วนไดกิที่ลุกขึ้นมาอีกครั้งอย่างโซซัดโซเซและรีบตามเข้าไปช่วยเซริวในทันที เขาหยิบๆพัดขนนกขึ้นมาและสะบัดข้อมือก่อนสายลมที่คมประดุจมีดดาบฟาดฟันใส่ อสูรฝั่งตรงข้าม ร่างนั้นกระแทกเซริวออกไปก่อนจะกระโดดหลบอย่างคล่องแคล่ว และตรงเข้ามาทำร้ายชายหนุ่มในทันที ไดกิเรียกสายลมขนาดใหญ่ต้านคุโระเฮียวไว้ และหลบหลีกอีกฝ่ายอย่างรวดเร็วจนไม่ได้รับอันตรายจากการโจมตีของอีกฝ่ายหนึ่ง จนคุโระเฮียวเริ่มไม่สบอารมณ์นัก
“ยังไงแกก็ไม่เหลืออาวุธแล้ว
จะหลบได้อีกสักกี่น้ำกันเชียว”
“เจ้าช้าเอง คุโระเฮียว ข้ายังเหลือพลังหลบการโจมตีของเจ้าได้อีกนาน ไหนที่ว่าเร็วเมื่อสักครู่...ตอนนี้เหนื่อยแล้วรึ”ไดกิแสยะยิ้มออกมา
“อย่าเก่งแต่พูด!!”คุโระเฮียวคำรามออกมา ทำให้ไดกิถูกพลังนั้นกระแทกเข้าอย่างจัง จนเสียการทรงตัวและเซถลาไปก่อนใบดาบอันคมกริบจะตวัดมาถูกปีกของเขาจนเกือบขาด ปีกสีดำใหญ่ข้างหนึ่งของเขารุ่งริ่งอย่างน่าหวาดกลัว โลหิตสีแดงไหลทะลักออกมาอย่างมาก
“ข้าจะเด็ดปีกเจ้าเสีย ไอ้ปีศาจเทนกุ”ไดกิที่กัดฟันตัวเองด้วยความเจ็บปวด นั้นก็พยายามจะลุกขึ้น พอดีกับเทพมังกรฟ้าที่พุ่งเข้ามาทำร้ายเข้าจากด้านหลังพอดี
“ไดกิ!! ปีกของเจ้า!!”มังกรฟ้าดูจะตกใจกับปีกของเขาเป็นอย่างมาก
“ข้าไม่เป็นไร”ไดกิกัดฟันพูดออกมา ปีกที่น่าภาคภูมิใจของเขายับเยินไม่มีชิ้นดี ชายหนุ่มรุ้สึกเจ็บใจนัก เขาเองก็ต้องทำให้อีกฝ่ายหลั่งเลือดออกมาให้ได้เช่นกัน
“เจ้าจะบินไม่ได้อีกต่อไป ไอ้ปิศาจเทนกุ”คุโระเฮียวหัวเราะออกมาอย่างสะใจ ทาโร่กับ คาบูโตะที่คอยติดตามมาก็เพิ่งจะหันมาเห็นสภาพของไดกิ ก็ถึงกับตกใจ ก่อนตนเองต้องไปหันไปสู้กับเหล่าอสูรตัวอื่นๆ
“ท่านไดกิขอรับ!!!”ทาโร่กล่าวขึ้น แม้ตัวเองจะไม่หันมา
“ที่เอวของข้า ยังมีดาบอยู่เล่มหนึ่ง ท่านไดกิกรุณาใช้ดาบเล่มนี้เถิดขอรับ”ทาโร่กล่าวขึ้นและตัวเองจึงหันไปใช้กระบองสู้กับปิศาจแทน ชายหนุ่มดึงดาบออกมาจากฝักนั้นทันที
“ดาบห่วยๆ เช่นนั้นทำร้ายข้าไม่ได้หรอก”คุโระเฮียวกล่าว ก่อนจะหันไปสู้กับเซริวในร่างมังกรฟ้า มังกรที่ดูน่าเกรงขามตนนั้นเรียกเรียกสายฟ้าลงมาฟาดฟันอีกฝ่ายหนึ่ง แต่ก็ทำอันตรายคนตรงหน้าไม่ได้ ก่อนจะพุ่งเข้าทำร้ายคุโระเฮียวตรงๆ มือกำยำของพยัคฒ์ทมิฬเอี้ยวตัวหลบและเอื้อมมืจับที่เขาของมังกรก่อนจะพยายามหักเขาอีกฝ่ายหนึ่ง เซริวพยายามสะบัดตัวให้หลุดจากการกระทำอีกฝ่ายและชนคุโระเฮียวเข้าอย่างจังจนล้มลง มังกรฟ้าบินผ่านไปและตรงเข้ามาทำร้ายร่างที่ยังไม่ได้เตรียมตัวให้ดีนัก คราวนี้ดวงตาแดงก่ำจ้องเขม็งที่เซริว เมื่ออีกฝ่ายทะยานเข้ามา คุโระเฮียวจับเข้าที่ลำตัวของอีกฝ่ายและใช้แรงทั้งหมดที่มีทุ่มมังกรฟ้าลงกับพื้นทั้งสองต่อสู้กันไปมาจนดูวุ่นวายไปหมด เมื่อเซริวพบโอกาสก็ตรงมารัดคุโระเฮียวอย่างแน่นหนาจนผู้ที่มีดวงตาแดงก่ำไม่อาจขยับตัวไปไหนมาไหนได้ ชายผู้มีเรือนผมยาวสีดำเค้นพลังออกมาให้มากขึ้นกว่าเดิม ถึงขนาดมังกรฟ้ายังต้องตกใจที่ตนเองต้องคลายตัวออกจากพลังนั้น ไม่มีใครรู้ว่าคุโระเฮียวจะมีพลังอำนาจมากเพียงใด ก่อนจะรีบพ่นไฟสีฟ้าออกมาแผดเผาร่างนั้นในทันทีที่ยังพอมีโอกาส
“อ็ากกกก!!!”เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดังขึ้น ก่อนพลังมหาศาลจะกระแทกใส่เซริวจนกระเด็นไปไกล เขาล้มกลิ้งอยู่หลายตลบและแน่นิ่งไปในที่สุด ส่วนคุโระเฮียวในร่างที่ถูกไฟแผดเผานั้น ก็เริ่มมีบาดแผลพุพองน่าสยดสยองไปทั่วร่าง
“พวกเจ้ารีบพาเซริวไปรักษา!!!”ไดกิตะโกนให้เหล่าพลรบมาประคองร่างนั้นในทันใด
“เราต้องถอยทัพขอรับ ท่านแม่ทัพไม่สามารถต่อสู้หรือออกคำสั่งได้แล้วขอรับ”พลรบกล่าวขึ้นเมื่อเห็นว่ายังไม่มีใครสั่งถอยทัพอย่างที่ควรจะเป็น แต่ถูกอีกฝ่ายพูดขัดขึ้นเสียก่อน
“ไม่!! ข้าไม่ถอย ศึกนี้ต้องเป็นศึกสุดท้ายเท่านั้น!!
เจ้าพาเซริวไป ข้าจะสวมเกราะของเขาเอง”ไดกิรีบสลับหมวกเกราะของเขากับเซริวในทันที ส่วนขุนพลเพียงพยักหน้ารับคำสั่งและรีบพาเซริวไปทันที เหลือเพียงเขากับคุโระเฮียวที่กำลังร้องครวญครางออกด้วยความเจ็บปวดเท่านั้น
“ท...ท่านอิซานามิ… จงมอบพลังให้ข้ามากกว่านี้ด้วยขอรับ เพื่อชนะศึกครั้งนี้ ขอให้ความตายปฏิเสธข้าด้วยขอรับ!!!”เขาตะโกนออกมา ก่อนจะใช้พลังเฮือกสุดท้ายนั้นดับไฟสีน้ำเงินลง และร่างกายที่มีแผลพุพองได้เริ่มหายสนิทอย่างน่าประหลาด ไดกิถึงกับชะงักไปกับภาพเบื้องหน้า ก่อนจะรีบแทงอีกฝ่ายเข้ากลางอกในทันทีภายในพริบตาเดียว เขาแทงดาบนั้นจนมิดด้าม แต่อีกฝ่ายกลับหัวเราะเยาะออกมาอย่างไม่สะทกสะท้าน
“ข้าไม่มีวันตาย… เจ้าเทนกุโง่”มือนั้นรั้งมือของไดกิไว้ไม้ให้ดึงดาบออกจากตัวเขา ก่อนพลังงานสีดำจะโพยพุ่งออกมาจากบาดแผล พลังที่น่าสะอิดสะเอียนที่มากยิ่งกว่าแต่ก่อน จนต้องรีบชักมือออกในทันที และดาบนั้นก็ถูกดูดหายไปในร่างของคุโระเฮียว ก่อนร่างนั้นแปรสภาพไปดูบิดเบี้ยวและน่ากลัวพร้อมกับกลิ่นเน่าเหม็นคละคลุ้งไปทั่ว
“น…นี่คือ!!”เทนกุตกตะลึงอย่างมากกับภาพเบื้องหน้า
“พลังของอิซานามิ ที่ข้าจะเก็บเอาไว้ใช้เมื่อจำเป็น”คุโระเฮียวคำรามออกมาอีกครั้งหนึ่ง จนไดกิที่ใช้พลังกันไว้ก็ถึงกับถอยหลังไปสองสามก้าว เขายกแขนขึ้นมาป้องใบหน้าของตนจากพลังนั้น ก่อนบางสิ่งจะตกลงมาอยู่ที่พื้น ก่อนจะเห็นว่าเป็นปิ่นปักผมของมายุที่เขาได้มอบไว้ให้ เขาพยายามเอื้อมมือลงไปเก็บอย่างทุลักทุเล เขาเก็บขึ้นมาถือไว้ในมือ และกำชับไว้แน่น
ข้าจะต้องกลับไปหานางให้ได้ นี่จะต้องเป็นการต่อสู้ครั้งสุดท้ายของข้ากับเจ้า!!! เรื่องทุกอย่างมันต้องจบลงในวันนี้ ข้าจะไม่ยอมเสียเวลาต่อไปอีกแล้ว!!!
ฉับพลันไดกิรีบเข้าประชิดอีกฝ่ายในพริบตา ดูเหมือนเมื่อคุโระเฮียวใช้พลังของอิซานามิมากเท่าใด ร่างนั้นจะเชื่องช้าลงมากเท่านั้น ก่อนไดกิจะดึงปลอกปิ่นปักผมออก แสงอาทิตย์กระทบกับด้ามเงินปลายแหลมที่ซ่อนอยู่ภายในกระทบกับแสงอาทิตย์ ก่อนจะแทงลงไปที่ลำคอของอีกฝ่ายอย่างสุดแรง และรีบดึงออกมาในทันที พร้อมกับหลบใบดาบที่ฟาดฟันลงมา ทันใดนั้นร่างคุโระเฮียวถึงกับทรุดลงไปนั่งด้วยความเจ็บปวด ในเมื่ออีกฝ่ายมีพลังมากจนเขาทำอันตรายไม่ได้แม้แต่น้อยก็ต้องลดพลังอีกฝ่ายลงด้วยวิธีเช่นนี้ ไดกินึกขอบคุณหญิงสาวที่มอบปิ่นปักผมให้เขาเอาไว้
“พลังของข้า….”เสียงนั้นคำรามออกมา และมองอาวุธในมืออีกฝ่าย ที่เรียวเล็กแต่กลับทำพิษให้เขาได้มากมายถึงเพียงนี้
“เงิน…งั้นรึ?”คุโระเฮียวค่อยๆลุกขึ้นอย่างช้าๆ ไดกิตรงไปต่อยอีกฝ่ายอย่างจัง และจับคุโระเฮียวทุ่มลงกับพื้นด้วยเทนกุซุโมะ เขามองร่างที่บิดเบี้ยวและผิดแผกไปจากเดิมจนน่ากลัว ก่อนจะถูก ไดกิล้วงมือเข้าไปในแผล และดึงดาบออกมาในทันที เลือดสีดำพุ่งออกมาและกระเซ็นไปทั่วบริเวณดูน่าสยดสยอง
“เจ้าทำอะไรกับตนเอง? คุโระเฮียว”เขาถามขึ้น และสงสัยในสภาพของอีกฝ่ายยิ่งนักที่มีรูปร่างที่บิดเบี้ยวและเน่าเหม็นเช่นนั้น
“ข้า…แค่เก็บพลังที่ท่านอิซานามิให้ มาใช้ในยามจำเป็นเท่านั้น แต่ไม่นึกว่าเพราะพลังนั้นจะทำให้ข้าพ่ายแพ้”
“มันก็แน่อยู่แล้วไม่ใช่รึ นางเป็นเทพีแห่งความตาย มีเพียงความตายเท่านั้นที่เจ้าจะได้รับจากนาง”อีกฝ่ายหัวเราะออกมาอย่างสิ้นหวังในชะตากรรมของตนเมื่อได้ฟัง
“เจ้าคงพูดถูก ข้าพยายามจะหาวิธีให้นางกลับมา แต่คงไม่มีหวังแล้ว มันคงถึงเวลาจะได้กลับไปรับใช้นางในดินแดนแห่งความตาย…”ร่างนั้นยันตัวลุกขึ้น ก่อนจะกำชับดาบไว้แน่น ก่อนจะกล่าวต่อ
“แต่เจ้าเองก็ต้องตายตามข้าไปด้วย ไดกิ!!!”ร่างนั้นฟาดฟันดาบลงมา คราวนี้ไดกิตั้งรับอีกฝ่ายได้อย่างสบายเพราะกำลังที่หดหายลงไปอย่างรวดเร็วจากแผลที่ถูกปิ่นปักผมแทง รวมถึงพลังที่อิซานามิให้เขานั้นยิ่งทำให้ร่างนั้นอ่อนแรงลง และกำลังกลายสภาพอย่างเห็นได้ชัด คุโระเฮียวที่รู้ตัวว่าเขาจะอยู่ได้อีกไม่นานจึงสู้อีกฝ่ายสุดชีวิต เขาใช้เพลงดาบทั้งหมดเท่าที่มีต่อสู้กับอีกฝ่ายหนึ่ง ส่วนไดกินั้นเองได้ใช้ดาบตั้งรับอย่างแม่นยำ ไดเทนกุเองก็บาดเจ็บเสียจนขยับได้ไม่คล่องตัวนักจึงทำได้เพียงยื้อเวลาอีกฝ่ายไว้ จนกระทั่งอสูรเสือดำลงทรุดลงไปนั่ง อย่างหมดแรง ก่อนดาบแหลมคมบั่นคออีกฝ่ายจนขาดสะบั้นในทันที ไดกิสูดหายใจเข้าออกลึก ด้วยความเหนื่อย ทุกสิ่งทุกอย่างมันจบลงแล้วในที่สุด ชัยชนะก็ได้มาเป็นของเขาแล้ว ไดกิก้มลงหยิบศีรษะของอีกฝ่าย และชูขึ้นก่อนจะประกาศก้อง
“คุโระเฮียวตายลงแล้ว เหล่าเทพได้รับชัยชนะ สงครามได้จบลงอย่างสมบูรณ์แล้วพวกเจ้าจงยอมแพ้แก่พวกเราเสีย ไม่เช่นนั้นพวกเจ้าจะไม่ได้รับการไว้ชีวิต!!!”เสียงโฮ่ร้องดังก้องไปทั่วสนามรบ ส่วนพวกปิศาจฝั่งตรงข้ามก็ได้แต่ทิ้งอาวุธไว้และหนีไปคนละทิศคนละทาง รวมถึงอากะโอนิที่เมื่อทราบข่าวก็หันหลังและเดินจากไปในทันที ไม่นานนักร่างหนึ่งที่สวมชุดเกราะ ควบม้าที่งามสง่าเข้ามาและหยุดอยู่เบื้องหน้าเขาที่กลางสนามรบ อาโอยูกิปรากฏตัวขึ้นและมองอีกฝ่ายด้วยความมหัศจรรย์ใจ ที่สามารถชนะคุโระเฮียวได้ เธอก้าวลงจากหลังม้า และมาหยุดอยู่เบื้องหน้าเขา ตอนนี้หน้าที่ทุกอย่างจบลงแล้ว เหลือเพียงเรื่องส่วนตัวที่ต้องสะสางกันเสียหน่อย
“ไดกิ ข้าของประลองกับเจ้าได้หรือไม่ ตรงนี้ ตอนนี้”อาโอะยูกิกล่าวขึ้นกลางสนามรบ
“ท่านอาโอะยูกิขอรับ แต่ท่านไดกิยังได้รับบาดเจ็บอยู่!!”ทาโร่รีบกล่าวขึ้นและเดินมาขวางเธอเอาไว้
“ข้าอยากประลองกับเจ้า มานานแล้ว...”อาโอยูกิกล่าวขึ้นด้วยความแน่วแน่
“เหตุใดจึงอยากประลองกับข้ากัน?”ไดกิมองอีกฝ่ายอย่างเย้ยหยัน แม้ว่าสภาพเขาในตอนนี้ก็ยังเอาชนะเธอได้แน่นอน
“ข้าอยากพามายุกลับไปที่โลกมนุษย์ด้วยกัน ที่นั่นเหมาะกับมนุษย์อย่างพวกเรามากกว่า ที่เธอต้องมาอยู่กับเจ้าในป่าในเขาเช่นนี้ ข้าช่วยนางให้กลับไปมีชีวิตที่สงบสุขได้อย่างแน่นอน นางจะได้ใช้ชีวิตในแบบที่ควรจะเป็นเสียที”
“เจ้านี่มันไม่ดูตัวเองเลย มนุษย์เช่นเจ้าจะปกป้องนางได้รึ?”เขากล่าวขึ้นอย่างยโสโอหัง
“ข้าล่ะอยากจะตัดปีกของเจ้าเสียจริง หากเจ้าไม่มีปีกแล้ว เจ้าก็ไม่ต่างอะไรจากมนุษย์หรอก ถึงตอนนั้นเจ้าจะไปอาศัยอยู่กับนางที่โลกมนุษย์ก็ไม่มีใครดูออกหรอก”อาโอะยูกิกล่าวออกมาด้วยความยียวน
“เจ้านี่นะจะตัดปีกของข้า ช่างตลกยิ่งนักอาโอะยูกิ ข้าเป็นถึงไดเทนกุ ข้าจะไม่แพ้เจ้าเด็ดขาด!!”ชายหนุ่มในชุดเกราะสีแดงตั้งรับดาบขึ้นมา ส่วนผู้ที่สวมชุดเกราะสีฟ้าเองก็ถือทวนน้ำแข็งขนาดใหญ่ และเตรียมตัวเข้าต่อสู้
“พวกท่านพอก่อนเถิดขอรับ”ทาโร่กับคาบูโตะขอร้องทั้งสองแต่ก็ดูเหมือนไม่มีใครฟังใครแล้ว
ก่อนทั้งสองจะพุ่งเข้าไปฟาดฟันกันอย่างเอาเป็นเอาตาย ทว่าดวงตาของทั้งสองกลับมีแต่ความตื่นเต้นและสนุกสนาน ทวนน้ำแข็งฟาดฟันลงที่พื้น จนเกิดแผ่นน้ำแข็งที่ขยายตัวไปเรื่อยๆ พอดีกับชายหนุ่มที่ใช้ดาบขัดทวนเอาไว้ที่พื้น ก่อนจะโดดเตะอีกฝ่ายหนึ่ง จนยูกิอนนะกระเด็นไป แต่ก็รีบพุ่งเข้ามาใหม่ด้วยมือเปล่าอย่างรวดเร็ว ฉับพลันที่ไดกิฟาดฟันลงมือเรียวก็คว้าข้อมือของเขาก่อนจะบิดจนไดกิต้องทิ้งดาบ ก่อนจะจับเขาทุ่มลงกับพื้น แต่ชายหนุ่ม รีบแก้ทางอีกฝ่ายได้ทัน ก่อนทั้งสองจะยืนประจัญหน้ากันอีกครั้ง และยูกิเรียกแท่งน้ำแข็งพุ่งหาอีกฝ่าย แต่ถูกคมดาบวายุของอีกฝ่ายทำลายจนสิ้น ก่อนทั้งสองจะจ้องเขม็งอีกฝ่ายอย่างไม่ละสายตา พร้อมกับเหลือบมองอาวุธของตน และรีบคว้าอาวุธมาเสีย ขณะนั้นเองทั้งสองก็ใช้เรียกพลังอำนาจของแต่ละคน มาปะทะกันเพื่อให้ตนเองไปถึงอาวุธประจำกายก่อน และนำมาต่อสู้กันต่ออย่างเอาเป็นเอาตาย
จนเมื่อเวลาพลบค่ำทั้งสองก็ยังคงสู้กันอย่างดุเดือดอยู่ ณ ที่แห่งเดิมไม่มีใครยอมพลาดท่าให้ใครสักคน จนไดกิถึงกับปาดเหงื่อ และแสยะยิ้มออกมา
“เจ้ามันเก่งเกินมนุษย์เสียจริง”
“ขอบคุณที่ชมข้า”เธอใช้ทวนน้ำแข็งฟันจากทางด้านข้าง แต่เขาก็หลบทัน ก่อนเธอเองก็ยังมีเหงื่อหยดลงมาเช่นกัน
“เจ้ามิใช่มนุษย์ธรรมดา อาโอะยูกิ ความสามารถของเจ้ามันเหนือกว่ายูกิอนนะทั่วไปเสียอีก เหลือเพียงเจ้าจะยอมรับไหมว่าเจ้าไม่ใช่มนุษย์ก็เท่านั้น”
“ไม่ต้องมาทำให้ข้าสับสน!! ข้าจะเป็นมนุษย์เท่านั้น ข้าไม่อยากเป็นยูกิอนนะ!!!”เธอรีบทะลวงอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว
“แต่ข้าคิดว่าเจ้าเหมาะสมกับการเป็นผู้นำของยูกิอนนะ มากกว่ายูกิอนนะตนอื่นๆที่ข้าเคยเห็น”ร่างนั้นยืนบนทวนของอีกฝ่ายอย่างหน้าตาเฉย ด้วยปีกข้างหนึ่งที่ช่วยเขาพะยุงตัวไว้ ก่อนจะรีบถอยกลับไปตั้งหลัก
“เจ้าคิดเช่นนั้นรึ? ข้ามีชีวิตมนุษย์ที่ปกติมาตลอดจนกระทั่งถูกคิโยะฮิเมะทำร้าย ยังไงก็ต้องขอบคุณเครื่องรางนั้นมากที่ทำให้ข้ารอดมาได้อย่างหวุดหวิด แต่นั่นเองทำให้ข้ารู้ถึงต้นกำเนิดแท้จริงของตน ข้าจึงเกลียดเจ้าอยู่เช่นกันที่ท่านทำให้ชีวิตข้าต้องวุ่นวายขนาดนี้ ท่านทำให้มายุและข้าต้องมาพบเจอเรื่องประหลาดมากมาย แม้เจ้าจะช่วยชีวิตนางไว้ แต่เจ้าต้องปล่อยนางไปได้แล้วล่ะ คืนนางมาให้ข้าเสียดีๆ”
“ข้าไม่คืน ข้ารักนาง”ไดกิตอบออกมาสั้นๆ
“ความรักของมนุษย์กับปิศาจรึ? อย่างกับหนังแฟนตาซีเลยแฮะ แต่ความรักของพวกเจ้ามันจะยั่งยืนรึ ปิศาจอย่างเจ้า...ข้าไม่อยากเชื่อใจ”ฉับพลันพื้นทั้งหมดได้กลายเป็นน้ำแข็ง ก่อนหนามแหลมคนจะแทงขึ้นมา แต่ก็ไม่ถูกอีกฝ่ายหนึ่งที่บินขึ้นไปอยู่บนอากาศ โดยความทุลักทุเล
“นางอยากจะอยู่กับข้า หากเจ้าพานางกลับ เจ้าจะเป็นคนทำให้นางเจ็บปวดเสียเปล่า!!”
“อะไรของเจ้า!!! ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าจะรักนางจริง ปิศาจอย่างเจ้ามีอายุยืนนักไม่ใช่รึ มนุษย์อย่างนางไม่กี่ปีก็แก่ลง ความสวยที่มีย่อมหมดไป แล้วถึงตอนนั้นเจ้าจะยังอยากอยู่กับนางรึ?
หรือเจ้าจะชายตามองหญิงอื่นที่สวยกว่าสาวกว่าให้นางช้ำใจเล่นกันล่ะ เจ้าคิดถึงเวลานั้นบ้างหรือไม่ และไม่คิดบ้างหรือว่าเจ้ากับนางต่างกันถึงเพียงนี้ เจ้าเข้าใจความรู้สึกนางดีแล้วหรือ?”อาโอะยูกิกระโดดฟันอีกฝ่าย แต่เขาจับเธอเหวี่ยงลงกับพื้นเสียก่อนจนน้ำแข็งเบื้องล่างแตกละเอียด อาโอะยูกิเพียงค่อยลุกขึ้นมาช้าๆเท่านั้น
“เจ้าบังอาจมายุ่งเรื่องระหว่างข้ากับนาง ข้าจะไม่ออมมือให้เจ้าแล้ว!!”เขาตะโกนออกมาด้วยความโกรธ
“หรือที่ข้ากล่าวนั้นมันไม่จริง ท่านเคยนึกถึงเคยเข้าใจมนุษย์บ้างหรือไม่? ท่านคิดว่านางจะไม่กังวลเรื่องนี้เลยรึ?
เจ้าเข้าใจหัวใจของนางบ้างหรือไม่?”อาโอะยูกิโต้เถียงอีกฝ่ายไม่เลิก ก่อนชั่วแวบหนึ่งที่ปลายดาบจะมาจ่อที่คอของเธอ
“หยุดพูดเสีย!!”
“ท่านไดกิขอรับ พอเถอะขอรับ”ทาโร่รีบกล่าวขึ้นและเดินเข้ามาใกล้ทั้งสองอย่างกระวนกระวาย
“สิ่งที่ข้าพูดนั้นคือความเป็นจริง ตอนนี้ดูเหมือนท่านจะชนะข้า ก็เอาสิ ตัดคอข้าเลย และไปบอกนางด้วยว่าท่านฆ่าข้า ดูสิว่านางจะอยู่กับปิศาจเช่นท่านได้หรือไม่ หากนางรักท่านจริงนางคงอยู่กับท่านต่อโดยไม่ลังเลและไม่สนว่าข้าจะตายหรือไม่ ท่านกล้าไหมล่ะ…”ยูกิอนนะกล่าวออกมาด้วยความท้าทาย
“แล้วเหตุใดข้าจะต้องฆ่าเจ้า? ข้าจะฆ่าเจ้าให้นางเกลียดข้าทำไม?
เจ้ามีความสำคัญอะไร ตอนนี้เจ้าแพ้แล้ว ก็กลับไปเสีย”ไดกิเก็บดาบลงฝัก ก่อนจะเดินจากไป
“หรือเจ้าไม่พอใจ ก็ตัดปีกข้าทิ้งเสีย คำพูดของเจ้าก็คงไม่ต่างจากของข้านักหรอก”ไดกิกล่าวและยืนอยู่เช่นนั้น
“ตัดปีกข้าออกเสียดั่งที่เจ้าอยากทำ ทำให้ข้าเหมือนมนุษย์อย่างพวกเจ้าสิ จะโลกมนุษย์หรือที่ไหนข้าก็จะอยู่กับนางเสมอ”เขากล่าวออกมาอย่างไร้ความหวาดกลัวใดๆ
“ท่านไดกิขอรับ อย่าเลยขอรับ!!”ทั้งสองที่คอยดูการประลองรีบกล่าวขึ้น แต่เขายังไม่สนใจคำเตือนนั้น ทาโร่รู้แน่ชัดว่าผู้หญิงเบื้องหน้าของเขาใจกล้าถึงเพียงใด
"เจ้าก็พูดได้นี่ แต่ทำได้จริงหรือเปล่านี่ข้าไม่รู้หรอกนะ"อาโอะยูกิแสยะยิ้มออกมาก่อนจะกล่าวต่อ
“เจ้าท้าทายข้าเองนะ ไดกิ…ไม่ต้องห่วงข้าจะทำให้เจ้าเหมือนกับมนุษย์ให้มากที่สุด”ยูกิยกทวนขึ้นมามองปีกสีดำของอีกฝ่ายอย่างไม่วางตา
หลายวันผ่านไปหญิงสาวนั่งรออยู่ที่ริมระเบียงห้องนอนของเธอ รอชายหนุ่มกลับมาอย่างใจจดใจจ่อดั่งเช่นทุกวันที่ผ่านมา จนกระทั่งตะวันค่อยๆเคลื่อนจากทางทิศตะวันออกไปทางทิศตะวันตก มายุค่อยๆยืนขึ้นช้าๆ เพราะเธอคงจะใช้เวลาเสียเปล่ามากเกินไปแล้ว และค่อยๆเดินไปตามทางเดินเรื่อยๆ ก่อนจะนั่งลงที่เบื้องหลังของอากาเนะเท่านั้น ที่กำลังง่วงกับการสอนเด็กๆทั้งสามของเธอให้บิน เด็กน้อยทั้งสามนั้นยังดูไม่โตขึ้นเลยตั้งแต่เธอมาที่นี่ มีเพียงตัวเธอเท่านั้นที่จะดูค่อยๆเปลี่ยนไปเร็วกว่าผู้อื่นมากนัก จนกระทั่งเธอได้กล่าวขึ้นมา
“ตั้งแต่ครั้งแรกที่ดิฉันได้พบท่านไดกิ จนถึงตอนนี้ก็ผ่านมาสี่ปีแล้ว จนดิฉันอายุจะใกล้สามสิบแล้ว…คุณอากาเนะคิดว่าดิฉันดูแก่ขึ้นไหมคะ”อากาเนะหันมามองเธอก่อนจะยิ้มออกมา
“ท่านมายุยังดูสวยเช่นเดิมค่ะ แต่ว่า…เมื่อนึกถึงสี่ปีก่อน กับตอนนี้ ก็มีบางส่วนที่ดูแตกต่างไปเช่นกันค่ะ”อากาเนะกล่าว ก่อนจะนั่งมองเด็กน้อยทั้งสามบินว่อนอยู่บนท้องฟ้าไม่ไกลนัก
“คุณอากาเนะ…ดิฉันกำลังแก่ลงเรื่อยๆค่ะ สักวันหนึ่งดิฉันคงดูแก่กว่าท่านไดกิแน่นอนเลยค่ะ”มายุกล่าวขึ้นก่อนจะมองไปยังฟากฟ้าไกล
“ท่านมายุกลัวรึเจ้าคะ?”
“ค่ะ ถ้าดิฉันดูแก่กว่าเขา…เขาจะอายไหม ที่ต้องเดินคู่กับดิฉัน ที่เรารักกัน ดิฉันคิดว่าวันนั้นต้องมาถึง หรือดิฉันควรจะปฏิเสธเขา ดิฉันอาจจะควรเป็นแค่ลูกศิษย์ของท่านไดกิเท่านั้น เพียงยอมเฝ้ามองเขาจากด้านหลัง ยังดีกว่าในอนาคตดิฉันต้องมานั่นเสียใจ”มายุกล่าวออกมา
“ท่านมายุจะเสียใจเรื่องอะไรหรือเจ้าคะ พวกท่านทั้งสองก็ดูรักกันนี่เจ้าคะ”อากาเนะถามขึ้นด้วยความไม่เข้าใจ
“ถ้าดิฉันแก่ลงจนเป็นยายแก่ค่ะ ท่านไดกิจะยังรักดิฉันไหม ยังอยากจะกอดดิฉันไหม อาจมีหญิงคนอื่นๆอีกที่สวยงามกว่าดิฉัน ท่านไดกิจะไปหลงรักคนอื่นแทนดิฉันไหม?
คุณอากาเนะ มนุษย์อย่างดิฉันค่อยๆแก่ลงเรื่อยๆ ช่วงชีวิตของมนุษย์ที่พวกท่านได้บอกว่าสั้นแล้ว ความสวยของมนุษย์นั้นสั้นยิ่งกว่า…เพราะเหตุนี้สินะคะ ท่านยูมิโกะถึงยอมที่จะสวยอยู่ตลอดเวลามากกว่าการมีชีวิตที่ยืนนานโดยไร้ความงาม”มายุกล่าวออกมา
“ข้าเข้าใจในสิ่งที่ท่านพูดแล้ว แต่ข้าเชื่อว่าท่านไดกิรักท่านมายุเท่านั้น พวกข้าน่ะหากมีคู่ชีวิตแล้วก็จะไม่เหลียวมองใครอีก ถ้าเรื่องที่ท่านกลัวว่าท่านไดกิจะเหลียวมองหญิงอื่นล่ะก็คงเป็นไปไม่ได้เจ้าค่ะ”
“แต่เรื่องความสวย… ดิฉันไม่อยากให้เขาเห็นดิฉันเช่นนั้นเลยค่ะ”
“ถ้าเช่นนั้นท่านมายุก็รีบตักตวงความสุขเสียตั้งแต่ท่านไดกิกลับมาสิเจ้าคะ ดีกว่าที่ท่านมายุปล่อยเวลานั้นไปอย่างเปล่าประโยชน์”มายุยิ้มออกมาเมื่อได้ฟัง
“นั่นสินะคะ ขอบคุณ คุณอากาเนะมากเลยค่ะ”มายุมีสีหน้าที่สดใสขึ้น ก่อนเสียงวุ่นวายจะดังขึ้น จนทั้งสองต้องรีบลุกขึ้นมามอง
“มีใครสักคนมาเจ้าค่ะ”อากาเนะกล่าวขึ้น แต่ด้วยพลังปิศาจที่ดูเบาบางจนแปลกประหลาดก็ทำให้เธอไม่มั่นใจว่าเป็นปิศาจอะไร แต่มายุนั้นรีบวิ่งไปก่อนแล้ว เพราะเข้าใจว่าเป็นชายหนุ่มกลับมา หญิงสาวรีบวิ่งไปที่หน้าคฤหาสน์ก่อนจะพบการาสุเทนกุจำนวนหนึ่งถืออาวุธเข้ามาขับไล่ แต่บุคคลที่อยู่เบื้องหน้ากลับไม่ไม่มีทีท่าเกรงกลัวแต่อย่างใด จนกระทั่งร่างผู้สวมชุดกิโมโนสีขาวมองมาเห็นเธอพอดิบพอดี
“มายุ!!!”เสียงที่เธอคุ้นเคยเรียกเธอ
หญิงสาวต้องปรับสายตาสักพักก่อนจะพบว่าเป็นเพื่อนรักของเธอ มายุรีบวิ่งเข้าไปหาในทันที
“ไม่ต้องตกใจนะคะ นี่เพื่อนดิฉันเองค่ะ”มายุรีบกล่าวขึ้น ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าทำไมเพื่อนสาวของเธอจึงไม่ตกใจพวกการาสุเทนกุแต่อย่างใด แต่ยังไม่ทันที่เธอจะถามอะไร ยูกิก็กล่าวขึ้น
“มายุ เรากลับกันเถอะ ฉันมารับแล้ว”มายุมองอีกฝ่ายอย่างสงสัย
“ก...กลับหรอ แล้วนี่ยูกิมาได้อย่างไร”เธอสงสัย ตอนนี้มีแต่ความสงสัยเท่านั้น
“ฉันเจอ...แฟนของเธอพอดีน่ะ แล้วเขาก็บอกให้ฉันมาที่นี่”มายุมองไปรอบๆ อย่างงุนงง
“เจอด้วยหรอ? ที่ไหน?
เขากลับมาแล้วหรอ?”มายุยังคงมองหาอยู่ ไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายรู้เรื่องมากน้อยเพียงใดจึงไม่กล้ากล่าวอะไรออกไปมาก
“เจอ แต่ไม่ใช่ที่นี่ ฉันเองรีบมาหาเธอ…ว่าแต่ แฟนเธอเขายังไม่กลับมาหรือ”มายุงุนงงยิ่งนักเมื่อได้ฟัง
“ยูกิ…เธอเป็นอะไรกัน”มายุถามขึ้นด้วยเสียงแผ่วเบา จนอีกฝ่ายชะงักไป
“ก....ก็เป็นมนุษย์ยังไงล่ะ แต่เรื่องมันยาว ตั้งแต่มายุถูกลักพาตัวไป ฉันก็เจอแต่เรื่องประหลาดๆจนไม่กลัวปิศาจแล้ว”มายุรีบพาอีกฝ่ายมาคุยกันสองคนเท่านั้น
“ยูกิ ฉันคิดถึงแกมากเลย เป็นห่วงมากนึกว่าจะเกิดอะไรขึ้น”มายุกล่าวออกมาด้วยความดีใจในทันที
“มายุเรารีบออกจากที่นี่แล้วกลับกันเถอะ”ยูกิพยายามดึงดันให้มายุกลับไปกับตนให้ได้
“ก…กลับไปที่ไหน ฉันยิงคน กลับไปยังไงฉันก็ติดคุก
ต่อให้ไม่ติดคุกแต่ฉันก็ต้องคอยหวาดระแวงอยู่เหมือนเดิม ว่าจะมีใครมาทำร้ายฉันอีกไหม... ฉันอยากอยู่ที่นี่น่ะ ยูกิ ที่นี่ปลอดภัยสำหรับฉัน และจะเป็นบ้านของฉันด้วย”
“และฉันก็มีคนรักแล้ว ฉันคิดว่าจะอยู่ที่นี่…ขอโทษด้วยยูกิแต่ฉันไม่กลับแล้ว”ยูกิชะงักไป เมื่อได้ฟัง
“กับปิศาจน่ะนะ มายุ!!
เอาจริงดิ!!”อีกฝ่ายพยักหน้าแทนคำตอบ ก่อนยูกิจะเงียบไปอีกครั้งหนึ่ง ไม่นึกเลยว่าเพื่อของเธอจะรู้สึกกับชายหนุ่มมากถึงเพียงนี้
“ไม่น่าเชื่อ…”ยูกิถอนหายใจออกมา และมีสีหน้าที่เศร้าใจ
“แต่มันเป็นไปแล้วยูกิ เขาช่วยชีวิตฉันไว้นะ ดูแลฉันดีมาตลอด…”คราวนี้มายุต้องเป็นฝ่ายปลอบยูกิแทน
“ขอบใจนะที่มาถึงที่นี่ แต่ฉันคงไม่กลับหรอก”มายุจับไหล่ของอีกฝ่าย ที่เย็นประดุจน้ำแข็ง ก่อนจะรีบสะบัดมือออก
“ยูกิ เธอเป็นอะไร ทำไมตัวเย็นเช่นนี้”มายุตกใจ
“ฉันสบายดี ไม่ต้องเป็นห่วง”เธอถอนหายใจออกมา พลังยูกิอนนะที่ได้รับมามันยังไม่หมดไป ก่อนยูกิจะกล่าวต่อ
“ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่าเธอจะไปชอบปิศาจ แล้วจะเป็นปิศาจแบบไดกิเสียอีก ไม่น่าเชื่อ!!
ฉันไม่มีอะไรจะพูดแล้ว ถ้าเธออยากจะออกจากที่นี่เมื่อไหร่ก็บอกแล้วกันและฉันจะรีบมารับ”กล่าวจบยูกิก็รีบวิ่งจากไปอย่างรวดเร็ว ถึงขนาดที่มายุวิ่งตามสุดฝีเท้า ก็ยังไม่ทันจนเธอจะหอบแฮ่ก เมื่อนั้นเพื่อนสาวของเธอรีบหันกลับมา
“ทั้งที่ฉันชนะแล้วแท้ๆ…”ยูกิพึมพำออกมา อย่างที่มายุไม่เข้าใจเป็นที่สุด
“ยูกิ!! นี่เธอทำอะไร กลับมาพูดให้รู้เรื่องก่อนสิ!!”มายุตะโกนขึ้นใส่อีกฝ่าย ที่รีบเดินเสียจนเธอเดินตามไปไม่ทัน แต่ยูกิเดินจากไป แต่มายุยังวิ่งตามอีกฝ่ายจนสุดทาง
“ไม่ต้องตามมาแล้ว ไปรอรับเขากลับมาเสียเถอะมายุ”มายุปล่อยให้ร่างนั้นเดินจากไป โดยที่เธอไม่เข้าใจอะไรแม้แต่อย่างเดียว เมื่อเธอวิ่งกลับมาที่หมู่บ้าน ก็ยังไม่พบกับคนรักของเธอแต่อย่างใด หญิงสาวเพียงแต่รอคอยอย่างใจจดใจจ่อด้วยความเป็นห่วงเท่านั้น จนกระทั่งยามพระอาทิตย์ตกดิน มายุยังนั่งอยู่ในห้องนอนของตนไม่ทานข้าวปลาอาหารแต่อย่างใดและไม่ปริปากพูดกับใครทั้งสิ้น แต่น้ำตาของเธอยังไหลออกมาด้วยความเป็นห่วงไดกิอยู่อย่างนั้น มายุรอเค้ากลับมาทั้งปีแล้ว
จึงพยายามฝืนความง่วงรออีกฝ่ายอย่างไร้จุดหมายได้อีกเพียงนิดหน่อย หากดูให้ดีแล้ว มายุเองก็ผอมลงเพราะเรื่องราวต่างๆและความกังวลเสียเธออดอาหารไปหลายมื้อ และในวันนี้อีกที่เธอรับรู้ได้ทันทีว่าไดกิจะต้องกลับมาในไม่ช้าก็ยิ่งทำให้เธอกระวนกระวายใจว่าเขาจะบาดเจ็บหรือไม่จนไม่เป็นอันกินข้าว ก่อนหญิงสาวจะค่อยๆโน้มตัวลงนอนบนเตียง และนึกถึงไดกิก่อนเธอนั้นจะเผลอหลับไปด้วยความเหนื่อยล้า ไม่นานนักเสียงด้านนอกห้องก็มีคนคุยกันคือเสียงของอากาเนะกับอายุมุ
“ข้าได้ข่าวว่าท่านไดกิชนะสงครามนี่ จึงรีบมา เหตุใดกันจึงมีแต่ท่านอาโอะยูกิมากันเสียล่ะทั้งที่สงครามนั้นจบลงไปหลายเดือนแล้ว ท่านไดกิยังไม่กลับมารึ?…”เสียงอายุมุถามไถ่ขึ้น
“ไม่ทราบเช่นกันเจ้าค่ะ ท่านมายุเองก็รอคอยเขาเสียทุกวัน จนกระทั่งนางไปพบกับอาโอะยูกิ แล้วคงจะผิดหวังที่ไม่ใช่ท่านไดกิละมังคะ นางจึงกลับมานอนซมทั้งวันเลยเจ้าค่ะ”อากาเนะกล่าวขึ้น
“แปลว่าท่านไดกิคงบาดเจ็บหนักก็เป็นได้ นางมนุษย์นี่บอกว่าท่านอาโอะยูกิเป็นเพื่อนของเธอนี่ บางทีนางคงจะบอกอะไรกับมายุ และจึงนอนซมในทันทีเมื่อทราบข่าว”
“เช่นนั้นหรือคะ? ท่านไดกิ…คาบูโตะด้วย จะปลอดภัยไหมนะ ขอให้ทุกคนปลอดภัยด้วยเจ้าค่ะ”อากาเนะเองมีเสียงที่ดูร้อนรนนักเมื่อคิดตามอีกฝ่ายหนึ่ง ก่อนทั้งสองจะเงียบลงเมื่อรู้สึกถึงพลังปิศาจที่กำลังจะใกล้เข้ามา ก่อนจะรีบวิ่งไปต้อนรับอีกฝ่ายกันอย่างไม่ได้นัดหมายอย่างรวดเร็ว
“พวกการาสุเทนกุกลับมาแล้ว!!!”เสียงหนึ่งตะโกนขึ้น ก็ยิ่งเรียกการาสุเทนกุตนอื่นออกมาดูอย่างตื่นเต้นและดีใจ รวมถึงการาสุเทนกุที่ต้องออกไปทำสงครามก็ได้กลับมายังที่บ้านเสียที อากาเนะที่เห็นคาบูโตะจึงรีบโผเข้ากอดในทันทีอย่างสุดแสนจะดีใจ
“ข้าคิดถึงเจ้าเหลือเกิน”คาบูโตะกอดอีกฝ่ายกลับ
“เจ้าปลอดภัยใช่ไหม คาบูโตะ ข้าคิดถึงเจ้าเช่นกัน รู้ไหมว่าข้าเป็นห่วงเจ้าขนาดไหน”อากาเนะซบอีกฝ่ายก่อนจะร้องไห้ออกมา ก่อนจะถูกมือทั้งสองของอีกฝ่ายยันเอาไว้และกล่าวขึ้นด้วยสีหน้าที่จริงจัง ก่อนจะกระซิบกระซาบอะไรบางอย่างให้อากาเนะฟัง ก่อนเธอจะพยักหน้ารับด้วยสีหน้าที่ดูประหลาดใจนัก ก่อนเขาจะกล่าวต่อ
“อากาเนะ ท่านไดกิยังไม่ได้กลับมา ฝากเจ้าไปบอกมายุด้วย”
“ท...ทำไมล่ะ เกิดอะไรขึ้น!?”เธอมองด้วยหน้าตาตื่น
“จะอะไรล่ะ ท่านไดกิได้รับบาดเจ็บที่ปีกยังไงล่ะ…
เขาจึงต้องรอให้แผลหายสนิทก่อน ข้าจึงส่งทาโร่ให้ยังอยู่กับเขา และข้ากลับมาบอกข่าว”
“ช่างน่าสงสารนัก…ท่านไดกิ และเมื่อนางตื่นข้าจะบอกนางเอง คาบูโตะเจ้าไม่ต้องเป็นห่วง”อากาเนะกล่าวขึ้น ก่อนจะรีบไปปลุกลูกๆของตนให้มาต้อนรับพ่อของพวกเขา โดยที่ไม่รู้ว่ามีร่างหนึ่งยืนมองจากระเบียงชั้นบนอยู่เช่นนั้น มายุมองไม่เห็นชายหนุ่มก็ยิ่งเป็นกังวลนักเธอรีบตื่นขึ้นมาเพราะเสียงโห่ร้องดีใจแต่เมื่อไม่เห็นไดกิก็พลันให้เป็นกังวลมากกว่าเดิม ก่อนร่างหนึ่งในเงามืดจะปรากฏขึ้นด้านหลังของเธอ มองร่างบางจากเบื้องหลังโดยที่มายุไม่รู้ตัวแต่อย่างใดว่าชายหนุ่มที่เธอเฝ้ารอมาอยู่ตรงนี้แล้ว
ความคิดเห็น