คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : มังกรฟ้าแห่งทิศตะวันออก
แสงตะวันแห่งวันใหม่เริ่มทอแสงที่ขอบฟากฟ้า นกน้อยต่างร้องเพลงขับขานอย่างไพเราะ อย่างที่จะไม่มีทางได้ยินในเมืองที่แสนอึดอัดและเต็มไปด้วยผู้คน มีเพียงแท่งคอนกรีตดูไร้ชีวิตชีวาเท่านั้นแต่ก็ไม่อาจปฏิเสธความจริงได้ว่าชีวิตในเมืองนั้นแลกมาด้วยความสะดวกสบายต่างจากที่แห่งนี้มากนัก และเธอเองที่มีชีวิตอยู่ในเมืองมนุษย์มาตลอดก็รู้สึกได้ว่าต้องปรับตัวอย่างมากในการมาอยู่ที่แห่งนี้ เพียงแค่น้ำอุ่นไม่มีสำหรับเธอก็ถือว่าลำบากมากแล้ว เสียงของเหล่าปักษาที่แสนไพเราะดังก้องกังวาลไปทั่วหุบเขาแห่งนี้ ต้นไม้สีแสดที่ใกล้จะผลัดใบรับฤดูหนาวนั้นแปรเปลี่ยนให้ภูเขาทั้งลูกเป็นสีส้มสวยสดงดงามมากนัก ประดุจภาพวาดก็มิปาน มายุบิดขี้เกียจเมื่อยามตื่นจากนิทรา และค่อยลุกขึ้นนั่ง หลายวันที่ผ่านมาอาการของหญิงสาวก็ดีขึ้นอย่างมาก เมื่ออากาเนะทำความสะอาดแผลเสร็จก็ช่วยเธอสวมเสื้อยูกาตะ อย่างเป็นปกติ
“ท่านมายุ ดูเหมือนจะอาการดีขึ้นมากแล้วเจ้าค่ะ”อากาเนะกล่าว หลังจากที่ผ่านมาได้หลายวันแล้ว แผลของร่างบางก็ดูจะหายวันหายคืนและไม่มีปัญหาอะไร
“ขอบคุณคุณอากาเนะมากนะคะ”เธอกล่าว
ก่อนจะจับมืออีกฝ่าย
“ขอบคุณที่คอยดูแลดิฉันทุกวันเลยค่ะ”อากาเนะยิ้มกว้างออกมา อย่างมีความสุข
“ท่านมายุขอบคุณข้ามาตลอดเจ้าค่ะ ข้าดีใจมาก
ทำให้ข้าหวนนึกถึงคนหนึ่งที่ข้าเคยรู้จัก”อากาเนะฮัมเพลงอย่างมีความสุข มายุเพียงสงสัยที่อีกฝ่ายดูมีชีวิตชีวามากขึ้นหลังจากหลายวันก่อนที่เธอร้องไห้โฮเพียงเพราะได้เข้ามาในห้องนี้
“ท่านมายุสงสัยเรื่องนั้นหรือ พอดีข้าก็คิดเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ เพราะคาบูโตะบอกกล่าวต่อข้าแท้ๆข้าจึงเข้าใจชีวิตและเรื่องราวชีวิตของสรรพสิ่งมากขึ้น”การาสุเทนกุนั้นกล่าวขึ้น มายุเพียงพยักหน้าหงึกหงัก ด้วยไม่เข้าใจในสิ่งที่อีกฝ่ายกล่าวเท่าใดนัก และตอนนี้เธอจึงเริ่มชินกับการถูกอ่านความคิดแล้ว จนแทบจะสามารถห้ามความคิดของตนเองได้แล้ว แต่หญิงสาวมีคำถามผุดขึ้นในใจ
“ทำไมท่านไดกิถึงไม่ชอบดิฉันล่ะคะ?”มายุถามขึ้น
อีกฝ่ายถึงกับหันขวับมาด้วยความประหลาดใจ
“ช...ชอบ?”หญิงผู้นั้นพูดทวนอีกครั้งด้วยสีหน้าที่สงสัย
“ดิฉันหมายถึง ท่านไดกิไม่ค่อยชอบมนุษย์ แล้วก็เลยไม่ชอบฉันไปด้วยค่ะ หรือว่าดิฉันทำอะไรผิดไปหรือเปล่าคะ?”มายุอธิบายออกมาไม่ให้อีกฝ่ายเข้าใจผิดจากคำพูดที่ไม่ชัดเจนของเธอ
“อ๋อ เป็นเช่นนั้นเอง.. แล้วมีสิ่งใดบ้างล่ะเจ้าคะ ที่ท่านมายุคิดว่าท่านไดกิไม่ชอบท่าน”อีกฝ่ายถามขึ้น
“ก็ ท่านไดกิ แบกดิฉันขึ้นพาดบ่า แถมยังบินขึ้นฟ้าโดยที่ดิฉันยังไม่ได้ตั้งตัวอีก และก็ยังบอกว่าหากจะพาดิฉันไปที่ถ้ำศักดิ์สิทธิ์ ก็ยังจะอุ้มดิฉันเช่นนั้นไปอีกค่ะ ”มายุยังคงทำใจไม่ได้หากเธอจะถูกอุ้มเช่นนั้นอีก เธอคงจะหัวใจวายตายก่อน และที่จริงยังมีอีกหลายเรื่อง แต่มายุคงกล่าวออกมาไม่หมดแน่นอน
“ท่านไดกิคงกลัวจะทำแผลท่านมายุเปิดกระมังเจ้าคะ และก็ท่านไม่ได้เกลียดมนุษย์หรอกนะเจ้าคะ ถ้าเกลียดมนุษย์จริงท่านไดกิคงไม่ช่วยท่านมายุเสียแต่ตอนนั้นหรอกเจ้าค่ะ”มายุเองก็หวนนึกถึงวันนั้น แต่ก็ยังจำคำพูดของเขาได้เป็นอย่างดีว่า เขาช่วยเธอเพราะว่าเธอมีส่วนสำคัญในการที่จะทำให้งานของเขาสำเร็จ
“ดิฉันคิดว่า ท่านไดกิต้องการแค่คนไปนำดาบคามินาริออกมาเท่านั้นเองค่ะ แต่ยังไงซะท่านไดกิก็ถือว่าเป็นคนที่มีพระคุณ ทำให้ดิฉันรอดตายมาได้ แม้ว่าเขาจะเกลียดมนุษย์ ก็ไม่ทำให้ดิฉันลืมบุญคุณที่ดิฉันเคยได้รับจากเขาหรอกค่ะ”แม้เธอจะพูดแบบนี้ แต่ในใจกลับรู้สึกว่าเธอจะเป็นนักโทษเสียมากกว่า และหลังจากนั้นเมื่อเธอหมดประโยชน์แล้ว บางทีไดกิอาจจะค่อยฆ่าเธอทิ้งเสียยังไงก็ได้
“ท่านไดกิ…มิใช่คนใจยักษ์ใจมารขนาดนั้นหรอกเจ้าค่ะ”อากาเนะตอบอย่างไม่เต็มปากนัก ก่อนจะเก็บชุดยาใส่ถาดและออกจากห้องไป ปล่อยให้เธอจมอยู่ในความคิดของตนเองอยู่ จนกระทั่งเสียงเรียกชื่อเธอก็ดังขึ้น ปลุกเธอให้ตื่นจากภวังค์ความคิด
“ท่านมายุขอรับ”เสียงที่ไม่คุ้นเคยดังขึ้น
“คะ?”ร่างบางหันไปมองอีกฝ่ายหนึ่ง
และพบการาสุเทนกุตนหนึ่ง
“กระผม ทาโร่ขอรับ ที่เป็นมือขวาของท่านไดกิขอรับ”มายุนึกไม่ออกเพราะการาสุเทนกุ สำหรับเธอแล้วหน้าตาก็เหมือนกันหมด
“กระผม เป็นมือขวาของท่านไดกิขอรับ เราเคยเจอกันแล้วนะขอรับ ตอนที่ท่านไดกิพาท่านมายุมาที่คฤหาสน์ขอรับ”มายุนึกย้อนไป และนึกขึ้นได้ว่าจะมีการาสุเทนกุที่ยืนอยู่ข้างๆคาบูโตะเสียอีกทีหนึ่ง ก่อนการาสุเทนกุตนนั้นจะกล่าวต่อ
“ท่านไดกิ ฝากมาบอกว่า
อีกสองอาทิตย์เป็นวันที่จะเกิดสุริยุปราคาขอรับ จะให้ท่านมายุไปอัญเชิญดาบคามินาริออกมาจากถ้ำขอรับ”
“สองอาทิตย์เลยหรอ?”
“ขอรับ”มายุตกใจนึกว่าเธอจะได้ไปรวดเร็วกว่านี้ เมื่อแรกที่เธอมาที่นี่ก็หลงลืมไปเสียสนิทว่าเธอต้องล่าลายชื่อของชาวบ้าน เพราะมัวตื่นเต้นตกใจกับเรื่องที่พบกับปิศาจ แบบนี้คงไปไม่ทันตามนัด ไหนจะต้องถูกสอบเรื่องจริยธรรมของทนายความอีก ถ้าเธอไม่ไปตามนัด คงถูกเพิกถอนใบอนุญาตจริงๆแน่
“แล้วทำไมถึงต้องไปวันที่เกิดสุริยุปราคาด้วยล่ะคะ คือ..ดิฉันเองก็ต้องรีบกลับแล้วเช่นกันค่ะ”สิ้นเสียงของเธอ จู่ๆเสียงที่แตกต่างจากคู่สนทนาของเธอก็ดังขึ้น
“พลังของดาบคามินารินั้นเปรียบได้กับ แสงสุริยันของเทพีอะมาเทราสึ ที่เหล่าปิศาจเช่นข้าไม่สามารถเข้าใกล้ได้ แต่เมื่อสุริยุปราคามาถึง ดาบคามินาริจึงถูกความมืดรอบข้างดูดกลืนพลัง ทำให้ข้าสามารถนำดาบนั้นออกมาได้ง่ายขึ้น”เสียงนั้นดังมาจากอีกฟากของทางเดิน ไม่รู้ว่าเธอพูดด้วยเสียงอันดังไปหรือเปล่า ถึงได้ทราบถึงข้อสงสัยของเธอ
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ ท่านไดกิ”เธอกล่าวขึ้น แม้มองไม่ปิศาจตนนั้น แต่ก็ได้ยินเสียงเดินของเขาตามทางเดิน และแน่นอนว่าเขายังพูดจายียวนใส่มายุเฉกเช่นเดิม
“ข้าไม่คิดว่านี่ยังเป็นเวลาเช้านะ เจ้ามนุษย์”เสียงนั้นตอบกลับมาก่อนที่มายุจะได้ยินเสียงเลื่อนประตูปิดอยู่ไม่ไกลนัก หญิงสาวเดินไปที่โต๊ะเครื่องแป้งและหยิบนาฬิกาข้อมือของตนมาดู
ยังไม่สิบโมงเลยไม่ใช่หรอ หรือไดกิเขาตื่นกี่โมงกันนะ
ภายในห้องทำงานของไดกินั้นที่เต็มไปด้วยม้วนกระดาษที่กองเต็มพื้นนั้น ชายผู้มีปีกสีดำกำลังง่วนกับการเขียนงานเอกสารที่ได้รับมาจากเทพเซริว ขนาดท่วมหัวจนขณะนี้ เขายังไม่ได้นอนพักมาสามวันเต็มแล้ว จะมีเพียงบางครั้งที่จะได้ยินเสียงเจื้อยแจ้วของสาวชาวมนุษย์ที่จะบอกเวลาว่าถึงเวลาเช้า อากาเนะเพียงเข้ามาเสิร์ฟน้ำชาเป็นปกติเสียเท่านั้นและออกจากห้องไป ไม่นานนักเทพเจ้ามังกรก็ปรากฏตัวขึ้นที่ระเบียงห้องทำงานของเขาที่อยู่ชั้นสอง แต่อีกฝ่ายนั้นไม่รู้สึกประหลาดใจอย่างไร เพราะแขกผู้ทรงเกียรติท่านนี้มักจะมาจะไปตามอำเภอใจของตนแถมยังไม่ค่อยเดินเข้าออกตามประตูมากนักเสียด้วย ชายผู้มีผมสีดำขลับ เดินมานั่งหน้าโต๊ะทำงานของเขาเช่นเคย
“เจ้านี่ทำงานให้ข้าเสียเยอะเชียว เช่นนี้เจ้าจะได้กลับไปเป็นไดเทนกุเช่นเดิมได้เร็วขึ้นเป็นแน่แท้”เทพมังกรฟ้ากล่าวออกมา และหัวเราะในลำคอ
“ขอรับท่านเซริว”เขายังคงลงมือทำงานต่อไปโดยไม่เงยหน้าขึ้นมามองอีกฝ่าย ถ้าเป็นไปได้เขาคงอยากถอนหายใจออกมา ด้วยความเบื่อหน่ายที่ถูกอีกฝ่ายจ้ำจี้จ้ำไชเรื่องดาบคามินาริ โดยเฉพาะเมื่อใกล้ถึงวันสุริยุปราคาทีไรเขามักจะมาก่อกวนไดกิบ่อยจน ปิศาจเทนกุเริ่มจะรำคาญ
“แต่ว่า เรื่องสำคัญที่ข้าวานให้เจ้าทำล่ะ อย่าให้พลาดนะ”เซริวย้ำกับเขาเรื่องดาบคามินาริอีกรอบหนึ่ง
“ขอรับ”อีกฝ่ายตกปากรับคำ
“ว่าแต่ไดกิ…”ชายผู้มีดวงตาสีเงิน มองเหยียดมาที่อีกฝ่ายหนึ่ง
“เจ้าน่ะไม่สนใจอิสตรีบ้างเลยรึ? เจ้าอยากได้เป็นรางวัลบ้างหรือไม่?”ปิศาจตนนั้นถึงกับละสายตาจากงานและมองบุคคลเบื้องหน้าอย่างสงสัย เพียงชั่วครู่ เขาเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่ามังกรฟ้าพยายามจะให้ของสิ่งอื่นแทนการคืนพลังของเขา
“ข้าเองก็ต้องสนใจอิสตรีเป็นธรรมดาอยู่แล้วขอรับ แต่ว่าข้าคิดว่าพวกนางไม่เหมาะที่จะมาอยู่กลางป่าเขาเช่นนี้หรอกขอรับ”เทนกุกล่าวปฏิเสธออกมาอย่างอ้อมๆ
“นั่นสินะ”เซริวหัวเราะในลำคอ และมองเหยียดอีกฝ่ายหนึ่ง แน่นอนอยู่แล้วว่าที่นี่มันทุรกันดารนัก คงไม่มีหญิงใดอยากอาศัยอยู่ที่นี่เป็นแน่ ก่อนจะกล่าวต่อ
“คงจะมีแต่มิโกะคนทรงเจ้าเท่านั้นกระมังที่สนใจในตัวปิศาจเทนกุผู้เป็นนักพรตบนภูเขาอันกันดารเช่นนี้”อีกฝ่ายถึงกับหยุดกึกเมื่อได้ยิน ภายใต้หน้ากากนั้นกำลังกัดฟันกรอดอยู่ด้วยความขุ่นเคืองแต่ก็ไม่อาจทำอะไรอีกฝ่ายได้
“นั่นสินะ ข้าหลงประเด็นไปเสียหน่อย รีบกลับมาคุยเรื่องเดิมเสียดีกว่า”เทพมังกรฟ้ากล่าวอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว ยั่วโมโหอีกฝ่ายได้ถือเป็นเรื่องสนุกอย่างหนึ่งของเขา
“จะว่าไปแล้วสาวชาวมนุษย์ล่ะ เจ้าไม่สนใจบ้างหรือ ข้าว่าน่าจะเหมาะกับคนเช่นเจ้าดีนะไดกิ”ไดกินั้นนิ่งเงียบไปในทันที ทว่าในห้องทำงานที่ไม่มีลมนั้นกลับเริ่มมีลมพัดเอื่อยๆจนกระดาษจนโต๊ะขยับเอง เซริวยังคงจ้องอีกฝ่ายเหมือนจะท้าทายว่าเทนกุที่อยู่เบื้องหน้าเขาทำอะไรเขาไม่ได้เสียหรอก จนกระทั่งอีกฝ่ายพยายามควบคุมความโกรธไว้จนได้
“ท่านเซริวเองก็ทราบดีว่ามนุษย์อ่อนแอแค่ไหน ขอรับ
ข้าไม่อยากจะสนใจสิ่งมีชีวิตที่บอบบางขนาดนั้น”ดวงตาสีดำขลับภายใต้หน้ากากจ้องมองไปยังมังกรฟ้า
“เช่นนั้นรึ ข้าเองก็แค่จะถามเจ้า เห็นเจ้าทำงานให้ข้ามานานเท่านั้น”เซริวเอื้อมมือจะหยิบถ้วยชาแต่ทว่า อีกฝ่ายกลับหยิบไปเสียก่อน
“ต้องขออภัยท่านด้วยขอรับ พอดีว่าน้ำชารสชาติมันอ่อนไปหน่อย ข้าจะไปให้คนครัวของข้าทำให้ใหม่”เซริวยักไหล่ และทำมือเป็นสัญญาณให้เขาออกจากห้องไปได้ ไดกิปิดประตูดังปัง และรีบสาวเท้าไปตามทางเดินจนเกิดเสียงดังก่อนจะลงบันไดไป
เขายืนและเดินไปเดินมาให้ตนเองใจเย็นอยู่สักพัก ก่อนจะตัดสินใจเดินกลับขึ้นไปที่ห้องทำงาน และไม่ลืมที่จะสั่งให้คนครัวชงชาให้ใหม่
“ถ้าไม่ติดว่าเจ้าเป็นเทพนะ…”เขาพึงพำกับตนเอง และพยายามจะสงบสติอารมณ์ของเขาเสีย จนในที่สุดก็เดินกลับมายังห้องทำงานได้ในที่สุด
“ขออภัยที่ทำให้ท่านรอขอรับ”ไดกิคำนับ
และหายใจเข้าลึก ก่อนจะลงมาเขียนงานต่อ โดยไม่สนใจอีกฝ่าย ไม่นานนักอากาเนะก็เปิดประตูโชวจิเข้ามาพร้อมกับถ้วยและกาน้ำชา ตามที่ไดกิสั่ง และนั่งคุกเข่าอยู่ในห้องเพื่อรอว่าหากเจ้านายของตนเรียกใช้ จะได้อยู่รับใช้ได้สะดวก
“ข้าพูดจริงนะไดกิ หากเจ้าต้องการ ข้าก็สามารถหาสาวผู้นั้นมาให้ได้ สนใจพวกคิทสึเนะไหม?”เทพประจำทิศตะวันออกกล่าวถึงปิศาจจิ้งจอกสาวที่สามารถแปลงกายและใช้คาถาอาคมได้
“ถ้าหากข้าหลงนางจนไม่เป็นอันทำการทำงาน ท่านก็คงไม่ชอบอยู่ดีขอรับ”ชายหนุ่มปฏิเสธออกมา เซริวที่ได้ฟังคำตอบถึงกับหัวเราะออกมา ก่อนไดกิจะกล่าวต่อ
“ยังไงเสีย ข้าก็ตั้งใจว่าข้าจะเป็นไดเทนกุให้ได้ เพื่อตัวข้าและครอบครัวของข้า ดังนั้นเรื่องนี้ท่านไม่ต้องพยายามให้ข้าไขว้เขวเลยขอรับ สู้ให้ข้ารีบทำงานให้ท่านเสียดีกว่าขอรับ”เซริวเพียวยิ้มเหยียดกับคำตอบ และหันไปมองอากาเนะที่นั่งอยู่หน้าประตู
“เจ้าพวกการาสุเทนกุเนี่ยนะ ครอบครัวของเจ้า มันก็แค่อสูรที่รับใช้เจ้าอีกทีไม่ใช่หรือ”เซริวถามขึ้น ส่วนอากาเนะก็ยังคงนั่งอย่างเรียบร้อยโดยไม่มีปฏิกิริยาใดๆกับคำพูดนั้น เหมือนกับว่าเธอไม่ได้ยิน ซึ่งดูแตกต่างจากนิสัยตามปกติของเธอมากนักที่จะชอบต่อล้อต่อเถียงและไม่เกรงกลัวใคร
“ข้าไม่คิดว่าเช่นนั้นขอรับ สำหรับข้าเหล่าการาสุเทนกุเป็นมากกว่านั้นขอรับ พวกเขาไม่เคยทอดทิ้งข้าไปไหน และเชื่อใจข้า ข้าเองก็เชื่อใจพวกเขา”
“ถ้าเช่นนั้นก็แล้วแต่เจ้าแล้วกัน”เซริวยืนขึ้น ก่อนจะหันมากล่าวกับเขา
“ยังไงซะ วันนี้ข้าแค่มาเยี่ยมเยียนเท่านั้นไม่มีงานอะไรมาให้เจ้าทำเพิ่มหรอก ข้าไม่รบกวนเจ้าต่อแล้วดีกว่า”เซริวเดินไปที่ประตู อากาเนะที่นังคุกเข่าอยู่ด้านข้างประตูจึงเปิดให้
“ข้าจะนำดาบคามินาริออกมา ในวันที่มีสุริยุปราคาครั้งหน้าขอรับ”ปิศาจเทนกุกล่าวทิ้งท้ายไว้ มังกรฟ้าหันขวับมาอย่างประหลาดใจ ด้วยดวงตาที่เบิกโพลง
“เช่นนั้นรึ!!? แล้วเจ้าจะทำเช่นไร ในเมื่อเจ้าไม่สามารถสัมผัสหรือเข้าใกล้ดาบคามินาริได้ด้วยซ้ำ!!”ชายผู้มี ดวงตาสีเงินสงสัย
“อากาเนะ เจ้าไปเรียกมายุที”ปิศาจเทนกุกล่าวออกมา ก่อนจะยิ้มกริ่มนักเมื่อได้เห็นสีหน้าที่ตกใจของเทพมังกรฟ้า
“เจ้าค่ะ”หญิงผู้สวมชุดในสมัยเฮอันออกไปจากห้อง ไม่นานนัก เธอก็พาหญิงสาวชาวมนุษย์มา เซริวถึงกับตกตะลึงไปชั่วครู่และรู้ตัวว่า ตนได้เผลอสัญญาว่าจะมอบพลังคืนให้ไดกิไปเสียแล้ว
“ท่านมายุมาแล้วเจ้าค่ะ”การาสุเทนกุกล่าวกับเขาและค้อมตัวอย่างอ่อนน้อม
“ถ้าเช่นนั้น ข้าต้องขอแนะนำตัวของนางเสียหน่อยขอรับ”น้ำเสียงที่ลอดภายใต้หน้ากากดูมีความองอาจอยู่ในตัว เมื่อเห็นเทพมังกรฟ้าดูชะงักไปเมื่อเห็นนาง
“นางชื่อมายุ เป็นมนุษย์ขอรับ ส่วนมายุ ท่านนี้คือเทพเซริว”มายุที่ได้ยินก็คำนับอย่างนอบน้อม ส่วนอีกฝ่ายก็ยังมองเธออย่างเหยียดหยาม
“ข้านึกว่าเจ้าจะไม่กล้าพามนุษย์เข้ามาในเขตแดนนี้อีก นี่ข้าคิดผิดไปรึ ไดกิ?”เสียงเย็นยะเยือกพูดขึ้น เพราะเขานึกได้แล้วว่าตนเองเคยตกปากรับคำว่าจะให้พลังคืนแก่อีกฝ่าย แม้จะไม่ทั้งหมดแต่ก็ถือว่าจะทำให้ไดกิเเข็งแกร่งขึ้นมากเลยทีเดียว
“แต่เจ้าลืมอะไรหรือไม่ว่ามนุษย์ นั้นต้องเป็นหญิงพรหมจรรย์นะ ถึงจะจับดาบเล่มนั้นได้ หากไม่ใช่ก็เหมือนเจ้าส่งนางไปตายเสียเปล่า”เซริวเข้าใจว่า มายุมาอยู่ที่นี่ในฐานะนายหญิงคนรักของเขา จึงต่อว่าไดกิต่อ ส่วนหญิงสาวได้แต่นิ่งฟังอยู่อย่างนั้นด้วยความตกตะลึงที่จู่ๆตนเองก็เข้ามากลางวงสนทนาที่ไม่ค่อยจะราบรื่นเท่าใดนัก
“เจ้านี่มัน เป็นพวกไม่เรียนรู้จากความผิดพลาดเลยรึไง!! พ่อของเจ้าก็ตายเพราะมนุษย์นะ!!”ทั้งห้องเงียบกริบกับคำตอบนั้น ส่วนมายุที่ยังไม่รู้เรื่องอันใดก็ได้แต่ยืนนิ่งอึ้งอยู่อย่างนั้น
“แล้วเจ้าจะมั่นใจได้เยี่ยงไรว่า เจ้าจะไม่ซ้ำรอยกับพ่อของเจ้า” แม้แต่มายุเองก็รู้สึกถึงบรรยากาศที่มาคุ ก่อนจะรีบกล่าวขึ้น
“ดิฉันสัญญาว่าจะไม่ทำตัวให้เป็นปัญหาค่ะ” แต่เมื่อเห็นเจ้าของดวงตาสีเงินมองขวางมาทางเธอ เธอก็เงียบในทันที
“ท่านไม่ต้องห่วงขอรับ ยังไงข้าก็จะนำดาบคามินาริมามอบให้ท่านเซริวได้แน่นอนขอรับ”เมื่อเทพมังกรฟ้าได้ฟังก็พลันนึกขึ้นได้ว่า ตัวเองไม่ควรเข้าไปเกี่ยวข้องกับวิธีการของอีกฝ่าย ที่จริงเขาเองจะยิ่งทำงานง่ายขึ้นเสียด้วยซ้ำเพราะไม่ต้องไปเผชิญอันตรายกับดาบเล่มนั้น
“ถ้าเช่นนั้นก็ขอให้โชคดี ที่ข้ากล่าวไปเมื่อครู่ก็เพราะเป็นห่วงเท่านั้น ข้าไปเสียดีกว่า”พูดจบ เซริวเดินออกไปที่ระเบียงและแปลงร่างเป็นมังกรขนาดใหญ่ ก่อนจะทะยานขึ้นฟ้าไปอย่างรวดเร็ว
เทพมังกรฟ้า? ฉันนึกว่าเทพจะต้องเป็นคนดีเสียอีก ดูแล้วยังไงเขาก็เหมือนจะไม่อยากให้ไดกิทำงานให้สำเร็จชัดๆ
มายุนึกในใจ
แต่ทว่าสำหรับไดกิแล้วกลับชัดเจนเหมือนกล่าวโดยวาจา
“เจ้าคิดว่าเช่นนั้นรึ?”ไดกิถามขึ้น
มายุรู้สึกตกใจนิดหน่อย เพราะเธอไม่ค่อยชอบให้ใครมาอ่านความคิดมากเท่าใดนั้น
“ค..ค่ะ”หญิงสาวตอบเขากลับด้วยความประหลาดใจและไม่ชินนัก
ก่อนจะกล่าวต่อ
“ท่านไดกิคะ เลิกอ่านความคิดของดิฉันได้ไหมคะ”หญิงสาวพยายามทำหน้าตาให้ดูน่าสงสารที่สุด
“ไม่ได้ ข้าบอกเจ้าไปแล้ว และถ้าเจ้ามีอะไรปิดบังข้าล่ะ ข้าจะทำเช่นไร”
“ดิฉันสาบานได้ค่ะ ว่าไม่มีอะไรที่จะปิดบังท่านไดกิ หากท่านไดกิสงสัยอะไรดิฉันจะตอบให้ได้ทุกอย่างค่ะ ไม่โกหกแม้แต่นิดเดียว”มายุกล่าวขึ้น โดยยกมือขึ้นมาข้างหนึ่ง เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเธอไม่ได้อยู่ในศาลพิจารณาคดี จึงรีบลดมือลง ไดกิเพียงถอนหายใจออกมาก่อนจะกล่าวต่อ
“เช่นนั้นก็ได้...”หญิงสาวดูจะดีใจนัก ส่วนอีกฝ่ายถอนหายใจยาวออกมาแล้วก็ก้มหน้าก้มตาเขียนพู่กันต่อ
“ข้าเอง แม้จะไม่ค่อยชอบเขาสักเท่าไหร่ แต่เราก็ต้องยอมรับว่า ในชีวิตหนึ่งก็ต้องมีคนที่เราชอบและเกลียดอยู่เช่นกัน”
“เป็นอย่างที่ท่านไดกิกล่าวไว้จริงๆค่ะ”มายุนึกขึ้นได้ ก่อนจะเสนอตัวว่าจะช่วยงานของอีกฝ่ายดีกว่า
“ท่านไดกิมีงานอะไรให้ดิฉันช่วยไหมคะ?”
“สมัยนี้สตรี อ่านหนังสือได้แล้วหรือ?”เขาถามขึ้นโดยสายตาไม่ได้ละจากเอกสาร
“ได้ค่ะ แล้วจะว่าไปคุณอากาเนะอ่านหนังสือได้ไหมคะ”เธอหันไปหาหญิงที่นั่งอยู่ที่ประตู
“อ่านได้เจ้าค่ะ”อากาเนะกล่าวออกมา
“แล้วท่านไดกิถามทำไมคะ?ในเมื่อคุณอากาเนะก็อ่านหนังสือได้เลยค่ะ”มายุถาม ในใจคิดว่าเธอคงไม่กำลังถูกปิศาจที่หลงยุคเหยียดเพศอยู่นะ เขาเงยหน้าขึ้นมามองหญิงสาว เพียงแค่เห็นสีหน้าก็รู้แล้วว่าเธอไม่พอใจกับสิ่งที่เขาถามนัก
“ข้าแค่ถามไถ่ดูเท่านั้น เพราะข้าอยู่ที่นี่ไม่ได้ออกไปไหนมานานแล้ว”มายุหันไปมองอากาเนะเหมือนต้องการคำตอบเพื่อยืนยัน
“ใช่เจ้าค่ะ”อากาเนะพยักหน้าให้เธอ
“ท่านไดกิมีปีก ทำไมถึงไปในที่ที่อยากไปไม่ได้คะ”เธอคิดว่าหากมีปีกแล้วจะบินไปไหนมาไหนสะดวกขึ้นเสียอีก เป็นอิสระประดุจนกที่โผบินในท้องฟ้า
“เรื่องนั้นไม่เกี่ยวกับเจ้า มายุ”เขากล่าว แม้จะดูไม่ได้โมโหกับสิ่งที่เธอถาม แต่ก็ไม่ได้อยากให้คนที่พึ่งรู้จักอย่างเธอรู้แต่อย่างใด
“ขอโทษค่ะ” เมื่อเธอกล่าว เขาก็ยื่นกระดาษม้วนหนึ่งให้ มายุอ่าน
หญิงสาวหยิบขึ้นมาดู และก็พบว่าตัวอักษรทั้งหมดเป็นตัวอักษรโบราณที่เธออ่านไม่ออก แม้ว่าจะพยายามนั่งอ่านนานเพียงใด แต่สุดท้ายก็อ่านไม่ออก
“เจ้าอ่านได้หรือไม่?”อีกฝ่ายถามขึ้น โดยไม่ละสายตาจากงานของตน
“ไม่ได้ค่ะ ตัวอักษรนี้
ตอนนี้ไม่มีคนใช้แล้วค่ะ”เธอตอบแหยๆ
นึกในใจว่าแย่แล้ว เพราะสิ่งที่เธอมั่นใจมาตลอดคือความรู้ของเธอ แต่ในวันนี้มันเธอช่วยไม่ได้จริงๆ ไดกิเพียงรับม้วนกระดาษกลับไปและก้มหน้าก้มตาทำงานต่อ
ท่านไดกินี่งานล้นมือจริงๆเลย แต่ฉันช่วยอะไรไม่ได้เลยสิเนี่ย
มายุเองก็มีหลายอย่างอยากคุยกับไดกิอีก เมื่อครั้งมาอยู่ที่นี่เธอเหมือนกลับไปเป็นเด็กอีกครั้งหนึ่งที่มีความอยากรู้อยากเห็นกับทุกสิ่งทุกอย่าง หญิงสาวนั่งรออยู่เบื้องหน้าคอยมองไดกิเขียนหนังสือเป็นเล่มๆ ก็อดประทับใจไม่ได้ เธอนั่งอยู่นานมากจนอากาเนะต้องขอตัวไปทำกับข้าวเสียก่อน จนกระทั่งตะวันเลื่อนจะลับขอบฟ้า แต่ดูเหมือนมายุจะดูสนใจหนังสือ และเอกสารมากๆ
นี่คือเอกสารราชการเลยก็ว่าได้นะ เพียงแค่ฉันอ่านไม่ออกเท่านั้นเอง อยากรู้จริงๆว่าพวกเทพมีเรื่องอะไรกันบ้างนะ จะมีหนังสือสัญญาจัดซื้อจัดจ้างบ้างไหมนะ หรือว่าต้องเกณฑ์กำลังพล
เธอจ้องอยู่สักพักใหญ่จนบางทีไดกิอาจจะลืมเธอไปแล้วว่ายังอยู่ในห้อง สักพักใหญ่เมื่อตะวันตกดิน ไดกิจึงหยุดเขียนเพื่อจะพักสักครู่ และเหมือนเขาจะเพิ่งเห็นว่าเธอยังอยู่
“ข้านึกว่าเจ้านั่งหลับไปแล้วเสียอีก ที่นี่มันไม่มีอะไรน่าสนใจเท่าไหร่หรอก”
“ดิฉันคิดว่าน่าสนใจดีนะคะ ท่านไดกิเขียนหนังสือได้ตั้งหลายเล่ม ทำให้ดิฉันอยากจะอ่านตัวอักษรโบราณได้บ้างค่ะ คงจะดีไม่น้อย”อีกฝ่ายมองลอดออกมาจากหน้ากากสีแดง แต่ตอนนี้เธอรู้ว่าหน้ากากสีแดงที่ดูน่ากลัวในตอนแรก ตอนนี้ไม่ค่อยหน้ากลัวเท่าไหร่แล้ว ดวงตาสีดำขลับเพียงจ้องมา ก่อนจะถอนหายใจยาว
“เจ้าเป็นคนแรกเลยนะที่บอกว่าสนใจหนังสือที่ข้าเขียน แม้เจ้าจะไม่รู้ว่าข้าเขียนอะไรก็ตาม”ไดกิหัวเราะในลำคอออกมา
แหม
เรานี่กลายเป็นดูโง่ไปเลย แต่มันอยากรู้จริงๆนี่นา
มายุเกาหัวแกร็กๆ แต่ทันใดนั้นไดกิก็กล่าวขึ้น
“แต่ข้าชอบนะ ที่เจ้ากล้าบอกว่าเจ้าชอบอะไร ไม่ชอบอะไร”ไดกิกล่าวขึ้นก่อนจะลุกเดินไปที่ระเบียงเพื่อมองวิวทิวทัศน์ภายนอกห้องยามอาทิตย์ตกดิน แสงอาทิตย์สีแดงสะท้อนภาพวิวทิวทัศน์ของหุบเขาจนเป็นสีแสดสวยงาม และยังดูสงบเงียบในเวลาเดียวกันด้วย
หือ?
เมื่อกี้เขาชมฉัน?ดีใจจัง?
ว่าแต่..ฉันควรดีใจใช่ไหม หรือหลอกด่ากัน?
“เจ้าทำให้ข้านึกถึงคนที่ข้ารู้จัก…”ไดกิพึมพำออกมา อยู่หน้าระเบียงเท่านั้น ดวงตานั้นจ้องมองภาพดวงอาทิตย์ตกดินที่คุ้นเคย มายุที่เห็นว่าเขากำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่จึง ไม่อยากเสียมารยาทและออกจากห้องไปในที่สุด ปิศาจเทนกุค่อยๆปลดหน้ากากสีแดงออกมา ใบหน้าของชายหนุ่มผู้มีผมสีดำสั้นนั้นลงมาปรกหน้า ดวงตาเรียวเล็กสีดำขลับจับจ้องไปที่ดวงอาทิตย์ จมูกที่โด่งเป็นสันคมมากกว่าคนทั่วไปกับผิวสีขาวขนาดที่ว่าหากถูกแสงแดดเป็นเวลานาน ผิวขาวนั้นจะกลายเป็นสีแดงได้ง่ายๆ ที่ทำให้เป็นภาพจำของคนว่าเทนกุต้องมีผิวสีแดงและมีจมูกที่ยาวกว่าคนปกติ
“แต่ว่า…ข้าเกลียดมนุษย์ และข้าเกลียดนาง...”ฝ่ามือใหญ่หยิบหน้ากากเทนกุขึ้นมาพิจารณา และลูบมันอย่างช้าๆและคิดบางสิ่งบางอย่างไปด้วย
นี่คือหน้าที่ของข้า ข้าคิดไว้แล้วว่ายังไงข้าก็ต้องกลับไปจุดที่ท่านพ่อยืนอยู่ให้ได้ และข้าจะต้องดูแลการาสุเทนกุอีก พวกนั้นคอยดูแลข้ามาตลอด ข้าจะทำให้พวกนั้นผิดหวังไม่ได้
“ข้าจะต้องแข็งแกร่งกว่าเดิม เพื่อตัวของข้าเอง เพื่อเหล่าการาสุเทนกุ”
มายุเดินกลับมาที่ห้องของตนในทันทีที่ออกจากห้องทำงานของเจ้าของคฤหาสน์ มายุบอกกับตัวเองว่าจะไม่ก่อเรื่องให้คนอื่นปวดหัวเด็ดขาดไม่งั้นเธอคงได้หายสาปสูญจริงๆแน่นอน แต่เมื่อนึกถึงคำชมที่เธอได้รับแล้วก็อดดีใจไม่ได้นัก อย่างน้อยถ้าเขาไม่ได้เกลียดเธอมากนัก ก็ทำให้ร่างบางสบายใจขึ้นเมื่อจะต้องมาอยู่ที่นี่
มายุเดินไปที่ระเบียงห้องของตนเอง เบื้องหน้าของเธอเป็นวิวทิวทัศน์สวยงาม และเห็นเหล่าการาสุเทนกุกำลังกลับมาจากการหาปลาอยู่ไกลๆ มายุมองไปรอบๆ ก่อนจะเห็นว่าระเบียงของเธออยู่เยื้องๆไปทางด้านหลังของห้องทำงานของไดกิ และเธอก็สังเกตเห็นเงาของชายหนุ่มคนหนึ่งที่อยู่ที่ระเบียงกำลังมองไปทางเดียวกับเธอ มายุที่เห็นเพียงด้านหลังก็พลันตกตะลึง พอดีกับอีกฝ่ายที่กำลังมองมาทางนี้ มายุที่พลันนึกถึงที่ปิศาจเทนกุห้ามเธอไว้
“ห้ามเห็นหน้าข้าเด็ดขาด!!”
เธอจึงรีบหันหน้าไปทางอื่นและทำเป็นไม่เห็นชายหนุ่มว่าอยู่ตรงนั้น ไดกิที่มองเห็นเธอพอดีก็รีบกลับเข้าไปในห้อง จนมายุมั่นใจว่าเขาไม่อยู่แล้วจึงมองวิวทิวทัศน์ต่อ
“เจ้าเห็นข้าสินะ”เสียงนั้นเย็นยะเยือกดังมาจากด้านหลังของเธอจนมายุสะดุ้งโหยง จึงค่อยๆหันมาเผชิญหน้า ไดกิที่สวมหน้ากากแล้ว การถูกปิศาจทำให้ตกใจเช่นนี้มันยังเร็วเกินไปที่มายุจะทำใจให้ชินได้
“ป…เปล่าค่ะ”ร่างบางตกใจจนลงไปนั่งที่พื้น
เพราะขาอ่อนแรงลงชั่วขณะ
“ข้ารู้ว่าเจ้าเห็น!!”เขาขึ้นเสียงใส่เธอ และดูหงุดหงิดนัก
“ดิฉันเห็นท่านไดกิค่ะ แต่ไม่ได้เห็นหน้าค่ะ ท่านบอกเองว่าห้ามเห็นใบหน้าท่าน ดิฉันก็ไม่ได้เห็นใบหน้าของท่านเลยค่ะ”มายุเถียงออกมา ก่อนจะนึกได้ว่าเธอไม่อยู่ในฐานะที่จะเถียงอีกฝ่ายได้
“ถ้าท่านไม่เชื่อจะอ่านความคิดของดิฉันก็ได้นะคะ”เธอเสนอความคิดนี้ขึ้นมาเอง ถ้าอยากรู้นักก็อ่านความคิดของเธอเสีย แสดงให้เห็นไปเลยว่าเธอบริสุทธิ์ใจแค่ไหน
“ไม่จำเป็น ข้าคิดว่าเจ้าไม่โกหกหรอก”พูดจบเขาก็เดินออกไปจากห้องเสีย มายุยังคงตกใจที่เขาเข้าห้องมาอย่างเงียบๆได้อย่างไร พอดีที่เธอเหลือบไปเห็นกระเป๋าเอกสารของเธอที่เธอเกือบลืมไปแล้วอยู่ที่มุมห้อง มายุเองก็รู้ตัวดีว่าเธอจะต้องกลับไปในไม่ช้านี้
ถ้าฉันกลับไป ฉันจะถูกตามล่าอีกไหมนะ? แล้วยังไงฉันก็ได้ชื่อว่าเป็นทนายที่โกงเงินลูกความแล้ว แถมยังถูกไล่ออกจากงาน และคงโดนเพิกถอนใบอนุญาตอีก คดีนี้ยังมีค่าพอให้ฉันทำต่อดีไหมนะ แต่ยังไงฉันก็อยากจะทำให้เจ้าคนที่มาข่มขู่ฉัน รุ่นพี่ไทโยะด้วย ไปนอนในคุกให้หมด ว่าแต่…พอพูดถึงรุ่นพี่แล้ว รุ่นพี่คงจะตายไปแล้วแน่ๆสินะ ฉันจะพยายามทำให้รุ่นพี่ได้รับความยุติธรรมเอง รวมถึงชีวิตที่ฉันต้องเสียไปด้วย
มายุค้นกองเสื้อของเธอ จนพบกับห่อผ้าเช็ดหน้าที่มีลูกกระสุนเปื้อนเลือดอยู่ มายุบรรจงเก็บลูกตะกั่วนั้นไว้อย่างดี แต่ปัญหาคือเธอไม่รู้ชื่อของชายพวกนั้นน่ะสิ และกลัวพวกตำรวจนั้นจะไม่ช่วยหาอีก หญิงสาวนึกบางอย่างได้ว่าเธอเห็นบางคนบาดเจ็บ จึงค้นปากกาและสมุดจดบันทึกในกระเป๋า และเขียนวันที่และเวลาที่เธอถูกทำร้ายจนปางตาย และในวันนั้น ต้องมีโรงพยาบาลในจังหวัดนาโกยะ ที่รับรักษาคนพวกนั้นอย่างแน่นอน มายุเขียนสิ่งต่างๆที่เธอจำได้ในวันนั้น อย่างละเอียดยิบ ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ อากาเนะถือข้าวเย็นมาให้ แต่ก็ต้องตกใจกับกระดาษที่กระจายเต็มพื้นห้อง
“ท่านมายุ ทำไมห้องรกขนาดนี้เจ้าคะ?”เธอตกใจมาก
“ดิฉันจะต้อง เตรียมตัวว่าหลังจากดิฉันกลับไปแล้ว ดิฉันจะต้องทำอะไรบ้างค่ะ”อากาเนะค่อยๆวางถาดอาหารค่ำ และมองไปรอบๆ มายุเองก็รีบเก็บกระดาษจนเรียบร้อยในที่สุด
“วันนี้เป็นปลาย่างนะกับซุปมิโซะเจ้าค่ะ”
“คุณอากาเนะทำอาหารอร่อยทุกมื้อเลยค่ะ”เธอชมอีกฝ่ายหนึ่งและอดสงสัยไม่ได้ว่าเทนกุทานแต่ปลาเพียงอย่างเดียวหรือ
“จริงหรือคะ ข้าดีใจมากเลยเจ้าค่ะ”อากาเนะดีใจจนแทบจะกระโดดโลดเต้นเมื่อได้ฟัง
"แต่ว่าเทนกุนี่ทานเนื้อสัตว์อะไรบ้างหรือคะ"มายุถามขึ้นเพราะเธอได้ทานปลาอย่างเดียวเสียทุกมื้อ
"อ๋อก็ที่จริงแล้วก็ทานปลาเป็นส่วนใหญ่ เพราะที่นี่มีลำธารอยู่ และก็พวกสัตว์เล็กๆที่อยู่ในอาณาเขตนี้เจ้าค่ะ แต่ว่ามันจับยาก พอใช้กับดักก็มักจะจับได้นกมาแทน เราก็เลยไม่ค่อยได้กินเท่าไหร่ค่ะ"อากาเนะกล่าวออกมา เมื่อเห็นนกน้อยที่ถูกกักขังก็ใจอ่อนปล่อยไปเสียทุกที
"แปลว่าก็ทานปลาเป็นส่วนใหญ่สินะคะ"มายุพยักหน้ารับ
"เจ้าค่ะ พวกข้าเองก็ไม่อยากกิน ไก่กับนกเสียเท่าไหร่นักด้วย สุดท้ายแล้วปลาจึงเป็นอาหารหลักของพวกเราไปในที่สุดเจ้าค่ะ"มายุเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้ว เมื่ออีกฝ่ายพูดถึงไดกิ เธอจึงอยากถามไถ่เรื่องของเขานัก
“คุณอากาเนะคิดว่าท่านไดกิ หล่อไหมคะ?”อีกฝ่ายดูแปลกใจที่เธอถามแต่ ก็ตอบออกมา
“หล่อสิเจ้าคะ หล่อที่สุดเลยเจ้าค่ะ เพราะท่านพ่อ ท่านแม่ของท่านไดกิก็ทั้งสวยทั้งหล่อ พูดแล้วข้าก็อยากจะเห็นลูกของท่านไดกิแล้ว ต้องน่ารักแน่นอนเลยเจ้าค่ะ”มายุถึงกับอมยิ้มเมื่อได้ยินคำตอบของอีกฝ่าย
“คุณอากาเนะ ดูจะคุ้นเคยกับท่านไดกินะคะ”
“เพราะว่าตอนพวกข้าเด็กๆนะเจ้าคะ ข้า
ท่านไดกิ คาบูโตะ
และก็ทาโร่ พวกเราสนิทกันจนเหมือนพี่น้องเจ้าค่ะ แต่เมื่อท่านไดกิได้เป็นผู้นำของพวกเราแล้ว พวกข้าทั้งสาม ข้าจึงต้องเรียกเขาว่าท่านไดกิเจ้าค่ะ แล้วก็ต้องมีระยะห่างกับท่านไดกิมากขึ้นเจ้าค่ะ”
“ดูเหมือนช่วงนั้นน่าจะเป็นช่วงเวลาที่สนุกมากๆเลยนะคะ”อากาเนะเงียบไปสักพักนึงเมื่อเธอกล่าวขึ้น
“เจ้าค่ะ มีความสุขมากเลยค่ะ”อากาเนะเองที่ดูเงียบลงอีกสักพักหนึ่ง ด้วยใบน้าที่ดูเศร้าสร้อย
“แล้วท่านมายุจะไปแล้วหรือเจ้าคะ”
“ก็หลังจากที่ดิฉันนำดาบคามินาริมาให้ท่านไดกิได้แล้วค่ะ”
“ข้าอยากให้ท่านมายุอยู่ที่นี่เจ้าค่ะ ถ้าท่านมายุออกไปข้างนอกล่ะก็ ท่านมายุต้องระวังคนพวกนั้นด้วยนะเจ้าคะ”เธอมองด้วยความเป็นห่วง
“ขอบคุณมากค่ะ แต่ว่าท่านไดกิคงไม่อนุญาตค่ะ แล้วดิฉันเองก็ต้องกลับบ้านเช่นกันค่ะ”อากาเนะยิ่งดูเศร้ามากกว่าเดิมจนเธอไม่รู้ว่าจะทำเช่นไรดี
“ถ้าไว้ว่างๆจะมาเยี่ยมคุณอากาเนะนะคะ”มายุลงมือทานปลาย่างก่อนจะหันมาชมอากาเนะอีกครั้งหนึ่ง ทำให้หญิงผู้นั้นค่อยยิ้มออกมาได้อีกครั้งหนึ่ง และทั้งสองจึงพูดคุยกันอย่างสนุกสนานนัก เธอดีใจเสียจริงที่อย่างน้อยในที่นี้ก็พอมีคนเข้าใจเธอได้บ้างจนกระทั่งทั้งสองอยู่ด้วยกันจนพระอาทิตย์ตกดิน แลวันหนึ่งวันของมายุก็ได้ผ่านพ้นไป
ความคิดเห็น