ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Assassination Classroom] Karma x You

    ลำดับตอนที่ #2 : Episode 1

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.31K
      86
      13 พ.ค. 58

    1

            ออด~ ออด~

              “งั้นพอแค่นี้ก่อนละกันนะครับ อย่าลืมทำการบ้านให้เสร็จด้วยนะครับ ไปทานข้าวกันได้แล้วล่ะ” อาจารย์โคโระว่าพลางเก็บของแล้วเดินออกจากห้องไป

              เมื่ออาจารย์โคโระออกไปแล้ว เสียงเด็กนักเรียนทั้งห้องก็ดังขึ้นมาทันที ฉันหยิบกล่องข้าวพร้อมกับนมสตอเบอร์รี่ขึ้นมาวางบนโต๊ะ ไม่สนใจเสียงคุยของเพื่อนในห้อง

              “อาสุกะจังจ๊ะ นั่งด้วยได้รึปล่าว” คายาโนะเดินเข้ามาพร้อมกล่องข้าวในมือ ข้างหลังเธอมีเด็กผมสีฟ้ามัดแกละสองข้างยืนอยู่

              “ได้สิ แล้วเธอชื่ออะไรล่ะ” ฉันถามออกไปพลางเลื่อนสายตามองเด็กคนนี้ตั้งแต่หัวจรดเท้า ผมสีเขียวยกขึ้น หน้าอกแบนแฟบ แต่รวมๆก็ถือว่าน่ารักอยู่ ดูเหมือนเพื่อนในห้องจะลืมสนใจฉันไป พอคายาโนะเดินเข้ามาก็กรูกันมาหมดทั้งห้อง

              “นี่ๆ  เธอมาจากที่ไหนเหรอ”

              “แล้วทำไมอยู่ๆก็ย้ายมาหล่ะ”

              และอีกมากมายหลายคำถามจนฉันไม่รู้จะตอบคำถามไหนก่อนดี

              “ย๊า~~ หยุดเดี๋ยวนี้นะพวกเธอ ฉันคุยกับอาสุกะจังอยู่นะอย่ามาแทรกได้ม๊ายยย” คายาโนะโวยวายขึ้นหลังจากเงียบมานาน

              “เอาน่า คายาโนะจัง เย็นไว้ๆ” ชิโอตะ นางิสะพยายามเกลี้ยกล่อมคายาโนะไม่ให้โวยวายไปมากกว่านี้ ฉันหยิบกล่องข้าวและนมสตอเบอร์รี่แล้วลุกเดินออกจากห้องไปด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย

              “เฮ้อ~ น่าเบื่อจัง ไม่มีอะไรให้ทำเลยรึไงน้า” ฉันบ่นกับตัวเองเบาๆ แล้วทรุดลงตรงบันไดหินหน้าสนาม แล้วเปิดกล่องข้าว ฉันใช้ตะเกียบคีบสิ่งที่อยู่ในนั้นส่งเข้าปากเรื่อยๆพร้อมกับดูดนมไปด้วย โดยไม่รู้เลยว่ามีคนๆหนึ่งแอบมองฉันตลอด

              คาบพละ

              “เอาล่ะ วันนี้ฉันจะให้ใช้มีดฝึกเหมือนเดิมนะ อ้อ อาสุกะ ฉันจะดูความสามารถของเธอหน่อย” ทาดาโอมิ คาราสึมะอาจารย์สอนพละเรียกฉันออกไป ฉันลุกขึ้นแล้วเดินไปหาตามที่สั่ง

              “เธอใช้มีดนั่นทำยังไงก็ได้ให้มันโดนตัวฉัน เอาความจริงไม่ต้องก็ได้ฉันจะดูทักษะเธอ” ฉันก้มลงหยิบมีดที่วางอยู่แล้วพยักหน้ารับ

              “ได้ค่ะ”

              “งั้น เข้ามา” อาจารย์คาราสึมะกวักมือเรียก ฉันรู้สึกได้ว่าเพื่อนๆหลายคนกำลังมองมาอย่างสนใจ แล้วอีตาผมแดงนั่นไปไหนน่ะ โดดงั้นเหรอ เอาเหอะ เดี๋ยวฉันก็จะโดดเหมือนกัน

              ฉันจับมีดให้กระชับแล้วพุ่งไปหาอาจารย์คาราสึมะอย่างรวดเร็วพลางแทงมีดที่อยู่ในมือเข้าไป เขาหลบได้แล้วทำท่าจะจับฉันกดพื้น ฉันรีบกระโดดตีลังกากับหลังออกมาแล้ววิ่งเข้าไปหาอีกครั้ง คราวนี้ฉันกระโดดขึ้นแล้วเบี่ยงตัวไปทางซ้ายยกขาขึ้นแล้วจับมีดโดยใช้ขา(ถอดรองเท้าออกแล้ว)แล้วตวัดมันไปหาเขา เขาเอี้ยวตัวหลบซึ่งนั่นก็เข้าแผนของฉันพอดี ฉันเอนตัวไปทางเขาแล้วหันมีดกลับมา ใช้มือดันพื้นสปริงตัวงอขาขึ้นเอามือจับมีดแล้วม้วนตัวกลางอากาศ เขาดูช็อกที่ฉันเคลื่อนไหวได้ขนาดนั้นจนไม่ขยับเขยื้อน ฉันสบโอกาสแทงเข้าที่กลางลำตัวเค้าโดยใช้ลำตัวบังมีดไว้ไม่ให้เขามองเห็น

              ดึ๋งๆ

              ฉันนิ่ง เขานิ่ง เพื่อนๆที่ดูอยู่ก็นิ่ง สักพักก็มีเสียงขึ้นมาว่า

              “เห~~~~ นี่เธอแทงอาจารย์คาราสึมะได้ด้วยเหรอ เก่งแฮะ” เสียงนั้นเหมือนจะทำให้เพื่อนๆได้สติกลับมาพลางร้องยินดีกับฉัน ฉันปล่อยมีดแล้วเดินออกมาใส่รองเท้าตามปกติ

              “โอเคแล้วนะคะ อาจารย์คาราสึมะ หนูคงผ่านแล้วงั้นขอตัวก่อนละกัน” ฉันหันไปพูดกับเขาแล้วเดินออกมาจากตรงนั้นทันที ดูเหมือนว่าอาจารย์โคโระจะเดินเข้าไปหาอาจารย์คาราสึมะแล้วพูดอะไรบางอย่างกัน

    _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ 

              “เด็กคนนี้ไม่ธรรมดาจริงๆด้วยนะครับ ทั้งที่ไม่ได้ฝึกเลยแท้ๆ” อาจารย์โคโระว่าพลางชำเลืองมองเด็กสาวผมสีแดงที่เดินออกไปเมื่อครู่

              “เก่งขนาดที่ฉันสู้ไม่ได้เนี่ย อาจจะฆ่าแกได้ก็ได้นะ” ถึงแม้ว่าเด็กคนนั้นจะผ่าน แต่ดูเหมือนว่าเธอจะยังไม่ได้เอาจริงเลย

              “แล้วคุณรู้ไหมครับว่าทำไมเธอถึงมาอยู่ห้อง E” อาจารย์โคโระถามต่อเพราะดูเหมือนว่าเธอจะไม่ใช่นักฆ่าที่ถูกส่งมา

              “อ้าว นี่อาสุกะจังไม่ใช่นักฆ่าเหรอคะ” อาจารย์ทั้งสองหันไปมองคนพูด ปรากฏว่านักเรียนทั้งหมดกำลังฟังสิ่งที่พวกเขาพูดอยู่อย่างตั้งใจ

              “อืม... ฉันไม่ค่อยรู้หรอก รู้สึกว่าเธอจะป่วยไปครึ่งปี จากที่อยู่ห้อง A ก็เลยลงมาห้อง E น่ะ” อาจารย์คาราสึมะตอบด้วยน้ำเสียงเหมือนไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่

              “โห~ อยู่ห้อง A เนี่ยแสดงว่าต้องเก่งสุดๆเลยอ่ะดิ” ไทกะ โอคาจิมะ ว่าขึ้นมา

              “ช่างมันเถอะ พวกนายกลับไปซ้อมต่อกันได้แล้ว” อาจารย์คาราสึมะเอ่ยปากไล่เหล่าเด็กนักเรียน

              “คร้าบ~ ค่า~” นักเรียนขานรับแล้วซ้อมต่อกันดังเดิม

              _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _

    “เฮ้อ~ ทำไมมันน่าเบื่อขนาดนี้เนี่ย นึกว่ามาอยู่ห้อง E แล้วจะมีอะไรสนุกๆให้ทำซะอีก” ฉันเดินบ่นไปเรื่อยๆ ความจริงแล้วที่ฉันย้ายมาอยู่ห้อง E ก็เพราะว่าฉันเบื่อ ก็เลยเดินเข้าไปเอาถ้วยรางวัลของคุณผู้อำนวยการมาเดาะเล่นจนมันตกแตก ก็เลยโดนย้ายมาอยู่ห้อง E ก็แค่นั้นเอง(นี่ห้องผู้อำนวยการมันเดินเข้าเดินออกกันได้ง่ายๆเลยเรอะ)

              แซ่ก~ แซ่ก~

              ฉันรู้สึกเหมือนมีอะไรตามฉันมาเลยแฮะ ฉันมองไปที่พุ่มไม้ที่อยู่ไกลกับฉันพอสมควร แล้วหยิบปืนอัดลมที่พกมาเหนี่ยวไกไปทางนั้น

              ตุ้บ~

              “โอ๊ย!!!” มีเสียงของคนๆหนึ่งดังออกมาจากหลังพุ่มไม้นั่น แล้วเขาก็ลุกขึ้นยืนทำให้ฉันเห็นหน้าเขาชัดเจนขึ้น

              “ตามฉันมามีอะไรรึปล่าว คารุมะคุง” ฉันกอดอกถามด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

              “ปล่าว แล้วเธอจะไปไหนน่ะ” คารุมะคุงตอบปัดฉันแล้วถาม

              “เรื่องของฉัน นายยุ่งอะไรด้วย”

              “แต่ทางนั้นมันหน้าผานะ”

              “ขอบคุณที่บอก ฉันกำลังจะเดินไปพอดี”

              “แล้วเธอจะไปที่นั่นทำไม”

              “ไปกระโดดบันจี้จัมพ์มั้ง ถามได้” ฉันไม่สนใจเขาอีกแล้วเดินไปทางหน้าผา คารุมะคุงเดินตามฉันมาเรื่อยๆ

              ฉันเดินมาหยุดอยู่ปากหน้าผาแล้วเหม่อมองไปไกลพลางทรุดตัวลงนั่งแกว่งขา ที่นี่เป็นที่ๆฉันชอบตั้งแต่มาอยู่ห้อง E มันเงียบสงบ ลมก็พัดเย็นสบาย บางทีฉันก็ไปนั่งตรงต้นไม้ที่มันยื่นออกไปต่อ แต่ตอนนี้ไม่มีอารมณ์ ฉันเริ่มคลอเพลงในลำคอเบาๆ เหมือนกับฉันอยู่คนเดียวบนโลก ฉันไม่ค่อยมีเพื่อน พ่อแม่ก็ไม่ค่อยให้ความสนใจ จนฉันเริ่มกลายเป็นเด็กมีปัญหา พ่อแม่ก็เลยจับฉันมาเรียนที่นี่ บางทีฉันน่าจะหนีออกจากบ้านนะ มันคงสนุกมากเลยล่ะ

              ฉันนั่งรำลึกอดีตไปเรื่อยๆ จนลืมคนที่ตามฉันมาอย่างคารุมะ จนฉันนึกถึงเพื่อนคนแรกของฉันที่ประเทศไทย ตอนนี้เธอคนนั้นจะเป็นยังไงบ้างนะ ถ้าตอนนั้นฉันไม่งี่เง่า เธอก็คงไม่จากฉันไป ใช่ ฉันทำเพื่อนคนแรกของฉันตาย วันนั้นฉันทะเลาะกับเธอรุนแรงมาก ฉันเสียใจสุดๆก็เลยคิดฆ่าตัวตาย ฉันวิ่งหนีเธอออกมาที่ถนนฉันรอรถที่รีบขับมาแล้วตัดสินใจวิ่งออกไปให้รถชน แต่ไม่ ฉันไม่โดน พวกคุณก็น่าจะเดากันได้อยู่แล้ว ใช่ เพื่อนคนนั้นวิ่งตามฉันมาแล้วผลักฉันออก เธอโดนรถชนคาตาฉัน ร่างของเธอลอยกระเด็นไปไกล ฉันรีบวิ่งไปหาร่างของเธอ ดูเหมือนเธอจะยังมีสติอยู่

              “ฉะ..ฉัน..ดี...ใจนะ....ที่เธอ....ไม่โดน..อึก..รถชน”

              “ไม่ เธอไม่ต้องพูดอะไรแล้วฉันจะพาเธอไปโรงพยาบาล” ฉันว่าก่อนจะกดโทรศัพท์เตรียมเรียกรถพยาบาล แต่มือของเธอคนนั้นกลับจับมือฉันไว้แล้วส่ายหน้าไปมา

              “มะ..ไม่ต้อง...แล้วล่ะ..มัน..สายไป.....แล้ว”

              “ไม่เอานะ เธอจะต้องไม่ตาย ฉันไม่ยอมให้เธอเป็นอะไรแน่” ฉันว่าพลางมองดูเธอที่ตาเริ่มจะปิดลงเรื่อยๆ

              “ฉะ...ฉันขอ...โทษนะ...ที่...คิด...ว่า....ธะ.เธอ...เป็น..คน..แบบนั้น”

              “ไม่ ฉันผิดเอง ที่ไม่อธิบายให้เธอเข้าใจ” ฉันเริ่มร้องไห้ออกมา

              “ขะ..ขอบคุณ....นะ ที่..ปะ...เป็น...เพื่อน...กับฉัน...แล้วก็...ลาก่อน” สิ้นคำมือที่ฉันจับอยู่ก็เลื่อนออกจากมือฉัน เธอไปแล้ว ไม่นะ ไม่!!!

    “ไม่นะ ไม่เอา กลับมา กลับมาเถอะ ขอร้อง” ฉันกอดร่างไร้วิญญาณของเธอเอาไว้พลางคร่ำครวญซ้ำไปซ้ำมา

              คิดมาถึงตรงนี้แล้วอดร้องไห้ไม่ได้ ฉันเสียเพื่อนไปต่อหน้าต่อตา หลังจากนั้นฉันก็กลายเป็นคนไม่มีเพื่อน เก็บตัวเงียบอยู่ที่บ้านเป็นเดือนๆ ไม่ออกไปไหน ไม่ทำอะไร จนล้มป่วย ถ้าพ่อกับแม่ไม่กลับมาตอนนั้นพอดีแล้วพาฉันส่งโรงพยาบาล ฉันอาจจะไม่รอดมาถึงตอนนี้ก็ได้

              “ฮึก......ฮึก” ฉันสะอื้นเบาๆ แล้วเริ่มร้องไห้หนักขึ้นเรื่อยๆ มีแค่เรื่องนี้เท่านั้นที่ทำให้ฉันร้องไห้ ที่ฉันไม่อยากมีเพื่อนเพราะแบบนี้ล่ะ

              _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _

    “ธะ...เธอ” ผมพูดออกมาเบาๆเมื่อได้ยินเสียงร้องไห้จากเด็กหญิงผมสีแดง ผมรีบเดินเข้าไปใกล้แล้วจับเธอให้หันมา

              เธอร้องไห้ ดวงหน้าสวยหวานเปรอะเปรื้อนไปด้วยน้ำตา ร่างบางสะอื้นฮักๆ อยู่ตลอด ผมอึ้งไปนิดหน่อย สมองประมวลผลว่าควรทำยังไงกับสถานการณ์ตรงหน้า ผมดึงเธอเข้ามากอดพลางลูบหัวปลอบประโลมเธอ เส้นผมที่ผมจับอยู่นั้นนุ่มมาก มีกลิ่นหอมอ่อนๆลอกออกมาจากตัวเธอ เธอเกาะเสื้อของผมไว้แน่นราวกับกลัวว่าผมจะหนีหายไปไหน

              “ทะ..ทำไม ทำไมเธอถึงต้องตายด้วย ทำไมถึงปกป้องฉัน ทำไม” ผมได้ยินเสียงเธอพูดออกมาเบาๆ เรียกได้ว่ากระซิบเลยแหล่ะ เหมือนเธอจะพูดกับตัวเองมากกว่า

              เอาเป็นว่าผมพาเธอกลับห้องเรียนก่อนดีกว่าแฮะ แล้วจะพาเธอไปยังไงเนี่ย อุ้มเลยละกัน

              ผมอุ้มเธอด้วยท่าเจ้าสาวแล้วก้าวเท้ายาวๆกลับห้องทันที ดูเหมือนจะยังไม่รู้ว่าผมอุ้มเธออยู่ เธอหลับตาแน่นและยังคงร้องไห้

              เมื่อมาถึงเพื่อนๆในห้องกลับกันหมดแล้ว ก็ดีเหมือนกันจะได้ไม่โดนถาม สงสัยวันนี้คงต้องพายัยนี่ไปส่งบ้านแล้วมั้ง ผมเดินไปหยิบกระเป๋าของผมกับเธอแล้วออกมา

              “นี่ บ้านเธออยู่ไหนน่ะ” ผมก้มลงถามคนในอ้อมแขนเบาๆ แต่ดูเหมือนว่าเธอจะหลับไปแล้ว ผมก็เลยเดินกลับบ้านตัวเอง ก็ไม่รู้จะไปส่งเธอที่ไหนนี่นา แล้วห้องของผมก็คงใหญ่พอให้ยัยนี่ไปอยู่ด้วยได้

              เวลาต่อมา~

              ผมเดินเข้ามาในบ้าน โชคดีที่พ่อกับแม่ของผมยังไม่กลับบ้าน ผมรีบเดินขึ้นชั้นสองไปที่ห้องของผมทันที ผมวางเธอลงบนเตียงแล้ววางกระเป๋าไว้บนโต๊ะหนังสือคว้าผ้าเช็ดตัวและชุดเดินเข้าห้องน้ำไป สักพักผมก็เดินออกมาแล้วขยับตัวเธอให้ไปชิดอีกฝั่งของเตียง จะได้นอนด้วยได้ ผมปิดไฟหัวเตียงแล้วห่มผ้านอนทันที ไม่ไหว ง่วงมาก

    _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _

    TBC

    SQWEEZ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×