[Fic Naruto] SF series: Drink (HashiramaXMadara) - [Fic Naruto] SF series: Drink (HashiramaXMadara) นิยาย [Fic Naruto] SF series: Drink (HashiramaXMadara) : Dek-D.com - Writer

    [Fic Naruto] SF series: Drink (HashiramaXMadara)

    โดย Mizu~

    คนที่เต็มไปด้วยความรักแบบคุณ.... ไม่เหมาะสมกับผมหรอก...

    ผู้เข้าชมรวม

    2,102

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    31

    ผู้เข้าชมรวม


    2.1K

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    19
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  15 ก.ย. 57 / 21:56 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้

    มากับฟิคแนวใหม่...(สำหรับคนเขียน)

    สำหรับคู่นี้....มันช่างเรียล กับฟินมากกกกกก >////<

    อ่านเป็นไงแล้วเม้นบอกกันด้วยน้าาาาา~

    ฟิคนี้จะเป็น1ในซีรีย์ SF ของนารุโตะนะคะ สำหรับตอนหน้าจะเป็นคู่เกะโตะยังไงก็ฝากด้วยนะคะ!//แต่ยังมิได้แต่ง//โดนตบ

     

    คำโปรย:

    "เรา...จะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้มั้ย?" คำถาม...ที่ทำให้การกินข้าวจบลงด้วยน้ำตาของคนตัวเล็ก...

    ขอโทษ.... ขอโทษจริงๆนะ.... ซาสึเกะ....

     

    รักคนอ่านมากๆๆๆๆค่าา~!

    ไรท์มิซุ

    credit รูป: http://tristtrist.tumblr.com/post/47026543099/hashirama-x-madara-my-new-otp-o

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      Fic: Hashirama X Madara:

      คนที่เต็มไปด้วยความรักแบบคุณ.... ไม่เหมาะสมกับผมหรอก...

      .

      .

      .

      “เฮ้ย! มาดาระ! ไปดื่มฉลองเสร็จงานด้วยกันมั้ย! อุส่าห์ปิดโปรเจคใหญ่ได้ทั้งที” หนุ่มผมผิวแทน เจ้าของลุกซ์เซอร์ๆประจำสำนักงานสถาปนิตอย่าง เซ็นชู ฮาชิรามะ กล่าวด้วยน้ำเสียงร่าเริง แต่ก็ไม่วายหันไปก่อกวนเพื่อนโต๊ะข้างๆ

       

      อุจิวะ มาดาระ ทายาทพ่วงเจ้าของบริษัติ อสัมหาริมทรัพ แห่งใหญ่ในญี่ปุ่น ที่ตัดสินใจยกบริษัติให้หลานชาย “อุจิวะ โอบิโตะ”ดูแล แล้วกลับให้ตัวเองมาทำงานอยู่สำนักงานสถาปนิตแนว Indy แทน

       

      “ขอผ่านดีกว่า ต้องกลับไปตรวจบัญชีเจ้าโอบิโตะมัน ไม่ได้ว่างเหมือนนายหรอกนะ” ชายหนุ่มเจ้าของดวงตาที่เต็มไปด้วยความเย็นชา ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะคว้ากระเป๋าของตนขึ้นมาสะพายกับไหล่โดยไม่แยแสคนข้างๆ

       

      “ท่านพี่ก็ไม่ได้ว่างหรอกนะ ท่านพี่น......”

      “เอาน่าๆ โทบิรามะ รถพร้อมแล้วใช่มั้ย? ถึงขึ้นมาตามพี่ถึงที่นี่ แหมๆ คิดถึงก็ไม่บอกกันนะ~!” ฮาชิรามะเมื่อเห็นทีท่าคนมาใหม่ที่จู่ๆ ก็ขัดขึ้นมา ปรี่เข้าไปกอดคอน้องชายก่อนจะหัวเราะ

      “ครับ รถพร้อมแล้วครับ กลับกันเถอะพี่” โทบิรามะ น้องชายคนเดียวของฮาชิรามะ เป็นคนนิ่งๆ ไม่ต่างจากมาดาระเท่าไหร่ คงจะเป็นเพราะความคล้ายคลึงกันละมั้งที่ทำให้ทั้งสองไม่ค่อยลงรอยกันสักเท่าไหร่

      อาจเป็นโชคยังดีของคนที่บริษัตินี้ ที่โทบิรามะยังไม่ลาออกจากงานเก่ามาคุมพี่แจ เลยไม่ได้เห็นการเขม่นกันบ่อยเท่าไหร่ อย่างน้อยก็แทบทุกเย็นละนะ เพราะมารับพี่ชายทุกวันจนทุกคนเริ่มที่จะสนิทสนมด้วย

      “จ้าๆ เดี๋ยวตามไป มาดาระ ถ้าสนใจก็โทรหาได้นะ 5555+” ว่าคนผมยาวก็เดินตามน้องชายไปติดๆ พรางหันมาเน้นย้ำผู้เป็นเพื่อนอีกที

      มาดาระเลือกที่จะไม่ตอบอะไร เขาหลี่ตาลงเล็กน้อยอย่างหงุดหงิดใจ

      “นายท่านขอรับ รถพร้อมแล้วครับนายท่าน”

      “อือ”

      .

      .

      .

      “ท่านลุงครับ ผมว่างวดนี้ผมไม่พลาดนะ” ร่างของชายหนุ่มผมสีเข้มสั้นในชุดสูทบ่นพรึมพรัม พรางขยับแว่นกันลมบนหัวอย่างหงุดหงิดใจ แน่นอนสำหรับหนุ่มไฟแรงอย่างเขา การต้องมาติดอยู่ที่ที่ทำงานถึง5ทุ่มไม่ใช่เรื่องสนุกแม้แต่น้อย

      “แล้วถ้านายพลาดละ?” เจ้าของเรือนผมสีดำยาวไม่เป็นทรงพูดโดยไม่เงยหน้าขึ้นจากกองเอกสาร ดวงตาสีเข้มได้กรอบแว่นยิ่งทำให้แลดูเย็นชามากกว่าเดิม

      “โธ่ คุณลุงครับ ผมเคยพลาดซะด้วยหรอ?”

      “ตอนเดือน3ปีแรกที่นายมาเริ่มงาน เดือน 9 ปีนั้น เดือน 6 ปีถัดไป..”

      “พอเลยครับๆ เชิญตรวจไปเลยครับ...เฮ้อ~” คนเป็นหลานทรุดตัวนั่งบนเก้าอี้พรางหมุนไปมาอย่างเซ็งๆ

       

      “แล้วเรื่องรินเป็นยังไงบ้างละ?” แต่ดูเหมือนคำถามแปลกๆจากผู้เป็นลุงทำให้โอบิโตะเบิกตากว้างก่อนจะลุกขึ้นมานั่งดีๆ

      “อะ..เอ่อ...เรื่องแบบนั้นมัน..” คนอายุน้อยกว่าหน้าแดงก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงติดๆขัดๆ

      “หรือว่านายจะเปลี่ยนใจไปรักเจ้าคู่แข่งนั้นแทน?”

      “จะบ้าหรอครับคุณลุง!”

      “เดี๋ยวนี้นายไปตามติดเจ้าหมอนั้นมากกว่ายัยหนูรินอีกนะ” มือหนาขยับแว่นตาขึ้น พรางเหล่มองตาหลานชายคนโตอย่างชั่งใจ

       

      “รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะรอยครั้ง” หากแต่เสียงที่ตอบกลับมา กลับเป็นเสียงของหลานชายอีกคนซะงั้น

      “มาแล้วหรออิทาจิ” ผู้อวุโสสุดในห้องก็ยังคงจับจ้องที่กองเอกสาร

      “มาดึกวะ อิทาจิ แล้วกลับไงวะ?” โอบิโตะที่เห็นลูกพี่ลูกน้องหอบเอกสารกองโตมาทิ้งบนโต๊ะทำงานตัวใหญ่ร้องถามพรางหมุนเก้าอี้เล่น

      “ผมว่าท่านลุงควรจะพักผ่อนสักหน่อยนะครับ จากที่ทำงานก็แล้วเดี๋ยวก็ป่วยหรอกนะครับ”

      “เฮ้ยยยยย! สนใจฉันหน่อยดิ ไออิทาจิ๊!!!

      “อะแฮ่ม!” แต่ก่อนที่ทั้งคู่จะเริ่มเปิดศึก ประธานบริษัติก็ลุกขึ้นเต็มความสูงก่อนจะถอดแว่นขึ้นมานวดหัวตาน้อยๆ

      “งั้นฝากด้วยนะ อิทาจิ”

      .

      .

      .

      นาฬิกาตีสัญญาณบอกเวลาตี2

      แต่ก็ไม่อาจสงบจิตใจที่ว้าวุ่นของเขาลงได้ มาดาระลุกขึ้นจากเตียงช้าๆ ดวงตาสีนิลมองออกไปนอกหน้าต่าง....

       

      ป่านนี้เขาจะทำอะไรอยู่นะ... เฮ้อ...

       

      มือหนาขว้ามือถือมาเช็คราคาหุ้นต่างประเทศ

       

      ตึ่ง...

       

      SH: ทำไร?

       

      Notification line เด้งพร้อมข้อความของคนที่เขาไม่อยากจะคิดถึง มาดาระเลือกที่จะไม่ตอบ พรางไล่นิ้วไปอ่านข่าวต่างประเทศต่อ

       

      SH: รู้นะ ว่ายังไม่นอน

      SH: จะไม่ตอบจริงๆหรอ?

      SH: ฮาโหลลลลล

      SH: อย่ามาทำซึนใส่นะ

      SH: ฮาโหลลลลลลลลลลลล

      SH: ฮาโหลลลลลลลลลลลลลลลล

      SH: ฮาโหลลลลลลลลลลลลลลลลลลล

      แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่ตอบ คนในมือถือก็เลือกที่จะแสปมไม่เลือกหน้าแทน ทำเอาคนที่กำลังหน้าดำคร่ำเครียจอ่านข่าวถึงกับไม่เป็นอันอ่าน

       

      Uchiha Madara: อะไร?

      SH: ไปเที่ยวกัน! พรุ่งนี้officeให้หยุดดดดดดดด

      Uchiha Madara: ไม่ว่าง

      SH: งือออออออ ไม่เอาๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ไปนะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

       

      แค่ข้อความในไลน์ก็ทำให้คนอ่านยิ้มมุมปากอย่างลืมตัว...

      Uchiha Madara: จะไปไหนละ?

      SH: ไปหาไรกินกานนนนนนนนนนน เดี๋ยวไปรับที่คอนโด > w <

      Uchiha Madara: มาถึงแล้วเรียกละกัน เดี๋ยวลงไป

      .

      .

      .

      ติ่ง ต่อง....

      เสียงกดกริ่งทำให้คนที่กำลังนั่งดูข่าวต่างประเทศด้วยท่าทางงัวเงียลุกไปเปิดประตูแบบงงๆ

      “เฮ้ย! ขึ้นมาได้ไง?” เมื่อเห็นอีกฝ่ายมาดาระก็ถึงกับอ้าปากเหวอ เขาค่อนข้างมั่นใจในระบบรักษาความปลอดภัยของคอนโดนี้ แต่การที่เข้าตัวป่วนมายืนอยู่หน้าห้องเขาโดยไม่ผ่านอะไรมันเป็นเรื่องที่แบบ.... มากสำหรับเขา

       

      “เตกิล่า หรือ นมสดดี?” เจ้าของเรือนผมยาวในชุดลำลองยกขวดทั้งสองขึ้นมาอย่างอารมณ์ดี ผิดกับเจ้าของห้องที่ทำหน้าบอกบุญไม่รับอย่างรุนแรง

      “นมละกัน อย่างนายนะเหมาะดี” พูดจบก็แทรกตัวเข้ามาในห้องทันที

       

      “เป็นอะไร?” น้ำเสียงเย็นๆเฉพาะตัวยังคงเรียกให้คนฟังรู้สึกหวั่นๆ

      “เปล่าๆ ก็แค่คิดว่านายเป็นคนห่วงสุขภาพนะ ส่วนฉันขอเตกิล่าละกัน” น้ำเสียงอบอุ่นราวกับดวงอาทิตย์ในหน้าร้อน มันช่างอบอุ่นแต่ในทางกลับกันมันก็มาพร้อมฝนที่รับรู้ได้ไม่ยาก

       

      “ปกตินายไม่ได้เป็นแบบนี้ มีอะไรก็พูดมา ฉันรับฟัง” พูดจบก็คว้าแก้วช็อตในตู้สองใบออกมาวางตรงเค้าเตอร์

       

      “...” ฮาชิรามะเงียบ ก่อนจะถอนหายใจ เขานั่งลงบนเก้าอี้สูงหน้าเคาเตอร์ นัยน์ตาของเขาแฝงความกดดันอย่างปิดไม่มิด

       

      มาดาระเลิกคิ้ว เขาไม่เคยเห็นคนที่อบอุ่นราวกับแดดในฤดูหนาวนั่งอมทุกข์ขนาดนี้มาก่อน

      มือบางเปิดฝาเตกิล่าอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเทลงแก้วช้าๆ ทันทีที่มันเต็มแก้วคนผมยาวตรงก็คว้าแก้วนั้นกระดกเข้าปากในครั้งเดียว

      “เอาละ มีไรก็ว่ามา” มาดาระว่า พรางนั่งลงฝั่งตรงข้ามแล้วเท้าแขนอย่างชั่งใจ ดวงตากลมโตจ้องดวงตาสีเข้มของอีกฝ่าย มือบางของเจ้าตัวเคลื่อนมาจับแก้วสีใส แต่ก่อนที่จะมีโอกาศได้ยกมันขึ้นดื่ม มือหนากว่าของฮาชิรามะกลับจับมือของเขาไว้

       

      ร่างบางเบิกตากว้างอย่างงุนงง

      “นายไม่เหมาะกับมันหรอก” เสียงทุ้มกล่าวพรางดึงแก้วบางนั้นออกจากมืออีกฝ่ายแล้วกระดกมันขึ้น กลืนของเหลวรสเฟื่อนลงคออย่างกับน้ำเปล่า

      “ยังไง?” เสียงเย็นๆประจำตัวเอ่ยอย่างไม่พอใจ

      “นายนะ ถึงจะดูเย็นชา... แต่ยังไงก็อ่อนโยนสินะ...” ร่างสูงพรึมพรำเบาๆ โดยไม่มองอีกฝ่าย มือของเขาเปิดขวดเหล้าและเทของเหลวนั้นลงในแก้วใสทั้งสองอย่างลวกๆ

       

      ถึงแม้มันจะหกเลอะเทอะน่ารำคาญ แต่มาดาระก็ไม่ได้สนใจเรื่องนั้นเท่าไหร่เมื่อเทียบกับคำเปรียบเปรยของอีกฝ่าย

      “ยังไง?” มาดาระว่าเสียงแข็ง เขาไม่เข้าใจ

      “ช่างเถอะ ตกลงนายจะฟังฉันบ่น หรือจะฟังฉันอธิบายเรื่องของนาย?”

      คำพูดที่ทำให้มาดาระอ้ำอึ่ง.... หมอนี่....แม่งกล้าต่อปากต่อคำกับเขาตั้งแต่เมื่อไหร่!?

       

      “งั้นนายก็กลับไปเถอะ รกบ้านฉัน”

      “เฮ้ยยยยยยยย ฉันขอโทษษษษษษษษษษษ”

      “...” จบลงด้วยการที่มาดาระมองตาขวางอีกฝ่ายอย่างหงุดหงิด ก่อนจะคว้าเตกิล่าอีกแก้วที่วางอยู่กระดกเข้าคออย่างลวกๆ

       

      “เฮ้ยยยยยย บอกแล้วไงว่านายนะไม่เข้ากับมัน” ฮาชิรามะลุกขึ้นพรวดก่อนจะกระชากแก้วก็จากมือของอีกฝ่าย แต่มาดาระกลับรั้งไว้... กลายเป็นว่าทั้งคู่ประสานมือเข้าหากันอย่างไม่ได้จงใจ ตามสัญชาตญาณมาดาระกระชากทั้งมือทั้งแก้วออกจากการกอบกุมของอีกฝ่าย

       

      “ทำไมรังเกียจอะไรฉันขนาดนั้น” ว่าแล้วเจ้าของเรือนผมเหยียดตรงก็บ่นงึมงำก่อนจะทำท่าเบะเหมือนจะร้องไห้

      “ถ้าจะร้องไห้ก็ไสหัวกับไป”ว่าแล้วเจ้าบ้านก็ลุกขึ้นเต็มความสูงแล้วชี้ไปยังทางออก

      “ง่าาา มาดาระอะ นายไม่สนใจฉันเลยหรอ อุส่าห์มาตั้งไกล” เมื่อได้ยินอีกฝ่ายพูดตัดเผ้ออย่างอนๆ เขาก็ยิ่งมั่นไส้

       

      “อย่ามา ฉันไม่สนหรอก”

      “งั้นนายดื่มไปก็ได้ แต่แก้วนั้นฉันดื่มไปแล้วนะ...”

      คำพูดนั้นทำให้เจ้าบ้านสะอึกนิดหน่อย ใบหน้าหวานขึ้นสีอย่างบอกไม่ถูก

      “แล้วยังไง หรือนายจะบอกว่านายรังเกียจฉัน? ผู้ชายเหมือนกัน จะกลัวอะไร?” ว่าแล้วคนที่อ้ำอึ่งไปชั่ววินาทีก็ตอกอีกฝ่ายกลับยาวๆกลบเกลื่อน จนคนฟังได้แต่หัวเราะก็จะเงียบลง

      “ผู้ชายสินะ..”

      “ว่าไงนะ?”

      “เปล่าๆ เอาละๆ มาดื่มกันๆ” ว่าแล้วคนตัวสูงกว่าก็ทำการรินเหล้าเพียวๆลงแก้วใบเล็กทั้งสองอีกครั้ง

       

      “แล้วนายมาเรื่องอะไรละ?” หลังจากที่ได้กลับมานั่งดื่มแบบปกติมาดาระก็กลับมาซีเรียจอีกครั้ง ฮาชิรามะเงียบดวงตาของเขาหลี่ลง อาการคงไม่ต่างจากพระอาทิตย์ในวันฝนตก เขาดูเศร้า...ทำไมกัน?

      “ก็นะ นายนะเป็นหัวหน้าตระกูลสินะ” คนตัวสูงมองของเหลวสีใสในแก้วใบเล็ก

      “ใช่ นายเองก็ด้วย” มาดาระเท้าคางมองอีกฝ่ายที่ทำท่าจะกระดกเหล้าดื่มอีกที

      “แล้วนายนะ คิดถึงเรื่องส่วนตัว...หรือตระกูลมาก่อน?” คำถามที่ทำให้เขาสะอึก

      ฮาชิรามะเงยหน้ามองอีกฝ่ายที่หลบตาเขาเช่นกัน ก่อนเขาจะถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย มาดาระที่เห็นอาการแบบนั้นก็ยกเหล้ากระดกเข้าปากเพียวๆ

      “เดี๋ยวก็เมาก่อนจะได้เล่าจบหรอก” ร่างสูงออกปากแซวอีกฝ่าย แต่กลับรินเหล้าให้อีกฝ่ายเพิ่ม

      “ก็ว่ามาสิ”

      “นายก็ตอบฉันสิ”

       

      “...” มาดาระเงียบ เขาหลบตาอีกฝ่าย เลือกที่จะไม่ตอบอีกครั้ง

      “โทบิรามะเลือกที่ให้ตระกูลมาก่อน แต่ฉันนะ... ไม่อยากให้เป็นแบบนั้น” ว่าแล้ว เขาก็กระดกเหล้าเข้าปากเพียวๆอีกที คงพูดได้ว่าเขาเริ่มเมาแล้ว หลังจากกระดกไปหลายช็อต

      “นายรู้จักซาสึเกะมั้ย?” มาดาระพูดขึ้นหลังจากเงียบไปสักพัก น้ำเสียงของเขาแลดูอ่อนลงจนน่าแปลก

      “หืม? นักร้อง ไอดอลอันดับ1อะนะ ใครจะไม่รู้จัก?” ฮาชิรามะถามกลับ นักร้องอันดับหนึ่งปริศนา ผู้ไม่บอกนามสกุลแก่วงการ เกี่ยวอะไรกับบทสนธนานี้

      “หมอนั้น....เป็นหลานชายฉัน” ประโยคหลังแทบจะเป็นเสียงกระซิบ คนพูดไม่ยอมพูดอะไรต่อ แต่กลับกระดกเหล้าเข้าปากอีกที

      ฮาชิรามะเบิกตากว้างอย่างงุนงง แต่เขาก็ยังไม่เข้าใจ ว่ามันเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้

       

      “เขาฝันอยากจะเป็นนักร้องมานาน แต่ฉันไม่ให้ เพราะเขาควรจะเป็นผู้นำตระกูลต่อจากโอบิโตะ” ร่างบางว่าต่อ มือเขาสั่นนิดๆ ไม่มั่นใจว่าเพราะเขาเมา... หรือเพราะเขารู้สึกผิด

      “แล้วอิทาจิละ? หมอนั้นก็เป็นพี่ซาสึเกะนิ!

      “เด็กนั้น....กำลังจะตาย” เจ้าของนัยน์ตาเย็นชาว่า ก่อนจะยิ้มด้วยความสมเพชตัวเอง ไม่รู้ว่าเขาเมาหรือเปล่า? ถึงเล่าอะไรแบบนี้ให้อีกฝ่ายฟัง

       

      “หมายความว่ายังไง?”
      “อิทาจิป่วยเป็นโรคประหลาด เขาจะอยู่ได้ไม่เกิน
      5 ปี”

      “....” ร่างสูงที่รู้ความจริงนิ่ง....เงียบ จุก...จนพูดไม่ออก

      “เพราะฉะนั้นความหวังทุกอย่างถึงไปลงกับซาสึเกะ เขาไม่มั่นใจว่าเขาต้องการสิ่งนี้รึเปล่า ยิ่งทำให้เขายิ่งไม่อยาก แล้ว...แล้วพอฉันให้เขาแต่งงานกับผู้หญิงที่เขาไม่ได้รัก มันก็เหมือนกับฝางเส้นสุดท้าย ซาสึเกะหนีไปและเขาคงจะไม่กลับมา” พูดจบ คนเป็นเจ้าบ้านก็หัวเราะเบาๆ สมเพชตัวเองที่ไม่สามารถดูแลหลานชายได้ดีพอ

       

      “....” คนที่มาปรึกษารินเหล้าให้อีกฝ่ายเพิ่ม เขาเข้าใจดี แต่ก็รู้...ว่าอีกฝ่ายต้องรำบากใจขนาดไหน

      “ถึงจะเป็นแบบนั้น มันก็ไม่ใช่ว่านายจะหันหลังให้กับตระกูลได้...”

      “มาดาระ...พอเถอะ...” เมื่อเห็นสภาพของเพื่อนที่สั่นเทาไปทั้งตัวจนน่าแปลกใจ ฮาชิรามะก็เอื้อมมือไปกอบกุมมือของร่างบางที่กุมแก้วช็อคอยู่หลวมๆ

      “นายก็รู้ ตระกูลรับผิดชอบชีวิตของคนมากมายไว้ บางทีการเป็นผู้นำตระกูลก็เหมือนกับได้คำสาปมานั้นแหละ ไม่ต่างอะไรกับการขายวิญญาณให้กับซาตาน เพื่อแลกกับเงิน”

       

      “มาดา...”

      “หึ...ดื่มเถอะ ขอโทษทีที่นายมาตั้งไกล...แต่กลับไม่ได้คำตอบกลับไป...”

      .
      .
      .

      “อื้อ..” ร่างหนาบนเตียงค่อยๆประคองร่างตัวเองขึ้นมานั่ง เตียงสีดำตัดกับเพดาลสีขาวที่น่าคุ้นเคย...ละมั้ง...

      ความปวดหัวตื้อๆ เพราะเมาค้างเป็นอะไรที่เขาไม่เคยทำให้มันคุ้นเคยได้เลย

      “ไหวรึเปล่า?” เสียงหวานดังมาจากประตู... ร่างบางในชุดผ้ากันเปื้อนพร้อมกระทะทอดไข่กลิ่นหอม

      “อือ....ไหว...ละมั้ง?”

      “งั้นอย่าเพิ่งเอากาแฟเลย นมอุ่นๆหรือน้ำส้มดี?”

      “วันนี้ออฟฟิสหยุด... ขอน้ำส้มละกัน”

      “อือ ไม่ไหวก็นอนต่อเถอะ”

      “ไม่หรอก... เดี๋ยวกินข้าวด้วยกันนะ มาดาระ”
      .
      .
      .
      อาหารเช้าเต็มไปด้วยความเงียบงัน... ต่างฝ่ายต่างกินข้าวไม่พูดอะไรแม้แต่น้อย...

      “มาดาระ...เอ่อ...” ร่างสูงที่พยายามจะทำลายความเงียบกล่าวด้วยน้ำเสียงร่าเริง

      “แล้ว...ตกลงได้คำตอบรึยังละ?”​ แต่กลับเป็นเจ้าบ้านที่กำลังหั่นไส้กรอกอย่างใจเย็นที่เป็นคนเริ่มบทสนธนา

      “ยะ..ยังหรอก”

      “อยากจะเสียสละใช่มั้ยละ?” คำพูดสั่นๆ ที่ทำให้เขากระตุก ฮาชิรามะนิ่งค้าง ก่อนจะถอนหายใจ

      “นายนี่... รู้จักฉันดีจังนะ” ว่าแล้วก็เลื่อนมือมาเขย่าแก้วน้ำส้มเบาๆ

      “บอกกี่ทีแล้ว? ว่ามันเป็นไปไม่ได้” ร่างบางกล่าวเสียงแข็ง แต่ก็ไม่ยอมสบตาอีกฝ่าย

      “แล้วฉัน...ไม่มีสิทธิ์จะหวังเลยหรอ?”

      “...เรื่องนั้น... มันจบไปแล้ว”

      “...เฮ้อ.... นั้นสินะ” ฮาชิรามะถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะเท้าคาง มองออกไปนอกหน้าต่าง ท้องฟ้าใสบนคอนโดชั้นสูงสุด... ทั้งหนาวเย็น...และเปล่าเปลี่ยวไม่ต่างอะไรกับเขาทั้งสองคน

       

      “บางทีนะ...ฉันก็อยากจะหนีไป...” น้ำเสียงทุ่มกล่าวด้วยโทนเสียงเศร้าๆ... เพราะสิ่งที่เขาพูดอาจเป็นเพียงแค่ความฝันเท่านั้น...

      “...?” ร่างบางได้แต่มองตามอีกฝ่ายออกไปนอกหน้าต่าง...มิอาจพูดอะไรได้ เพราะลึกๆแล้ว...เขาเอง...ก็อยากจะนี้ไปจากวงเวียนนี้

      “ทำไม...เราทั้งคู่ไม่หนีไปที่ไหนสักที ที่ที่จะไม่มีใครตัดสินเราจากอะไรทั้งสิ้น... ไม่มีใครรู้จักเรา ไปในที่ที่เราไม่จำเป็นต้องใช้กระดาษหรือปากกาตัดสินหรือผูกมัดอะไร ที่ที่เราทั้งคู่ไม่จำเป็นต้องใช้กระดาษบางๆแผ่นนึงบรรยายความรักของเรา....” คำพูด...ที่ทำให้ใจของมาดาระสงบ.... คำพูด...ที่เขาถวิลหา.... คำพูด...ที่เขาอยากจะทำตาม.. แต่ก็มิอาจทิ้งทุกสิ่งไว้เบื่องหลังได้...

      ช่างทรมาณ...และหดหู่...ในเวลาเดียวกัน...​

       

      ร่างบางลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก่อนจะก้าวเข้ามาหาอีกฝ่าย แม้ระยะห่างจะแสนสั้น... แต่ทุกก้าวเดิน...ช่างใช้เวลานานเสียเหลือเกิน....

      ดวงตาคมของชายหนุ่มที่เต็มไปด้วยแสงสว่าง สบเข้ากับดวงตาสีดำสนิท...เต็มไปด้วยความเย็นชา....และเจ็บปวด....

       

      คนตัวเล็กกว่าจับไหล่กว้างก่อนจะย่อตัวลงให้ระดับเท่ากับคนที่นั่งอยู่ ริมฝีปากบางกระซิบเข้าที่ใบหูของอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงเบาหวิว... หากแต่คำพูดที่ติดอยู่...ช่างเจ็บปวด...ไม่ต่างจากเข็มที่ทิ่มแทง...เป็นรอยทิ้งไว้....

       

      “นายก็รู้.... ตื่นจากฝันได้แล้ว” 

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×