เลห์ร้ายแต่สุดท้าย - นิยาย เลห์ร้ายแต่สุดท้าย : Dek-D.com - Writer
×

    เลห์ร้ายแต่สุดท้าย

    เมือพงศกรต้องการมากกว่าการแก้แค้นคือหญิงสาวที่เพียนหามาทั้งชีวิตเมือโอกาสที่เขาได้เจอกับเธออีกครั้งทำให้เขาตัดสินใจทันที่โดยที่จะเอาเธอมาไว้กับตัวและจะไม่ให้ใครได้ไปทั้งนั้นเธอคือผู้หญิงของเขาเท่านั้น

    ผู้เข้าชมรวม

    313

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    313

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักอื่น ๆ
    จำนวนตอน :  6 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  10 มิ.ย. 57 / 15:41 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    บทที่๑  เปิดตัว

    ร่างที่สูงบึกบึน  ดวงหน้าหล่อเหลาผิวขาวจัดเหมือนเชื่อสายจีนจมูกโด่งเป็นสัน  คางเหลียมได้รูป  แต่ดวงตาที่คมกล้าสองชั้นบงบอกว่าเขาเป็นคนไทยอย่างเต็มตัวไม่ใช่คนจีนอย่างที่หลายคนเข้าใจ  เขาอาจดูเป็นผู้ชายที่ผู้หญิงเกือบครึ่งเมืองหมายองอยากครอบครองแทบจะฆ่ากันและยอมตายเพื่อที่จะได้เห็นรอยยิ้มของเขา  แม้จะมองแค่เพียงด้านหลังก็รับรู้ได้ว่าเป็นผู้ชายที่หล่อเหลาที่เดียวและ ทุกคน  ณ  ที่นี้รู้ดีว่าชายหนุ่มนี้เป็นคนมุ่งมั่นและตั้งใจในการทำงานแค่ไหน แทบจะทำงานไม่มีเวลาพักเสียด้วยซ้ำไป  ทุกแรงกายทุ่มเท่ให้กับงานตรงหน้าไม่มีเวลาแม้แต่จะชายตามองผู้หญิงเสียด้วยซ้ำไป!

            “ คุณภัทรครับมีเอกกสารการเบิกจ่ายของบริษัทที่ต้องเซ็นอนุมัติครับ”

                  “วางไว้ตรงนั้นแหละเดียวฉันจะตรวจสอบก่อน  ไปสืบมาว่าใครเป็นคนโกงบริษัทมาให้ได้  มันกล้ามากมันต้องได้รับบทเรียนที่สาสมกับความผิดที่มันกล้าโกงบริษัทของฉันมันจะได้บทเรียนที่สาสมฉันเกลียดคนทรยศที่สุดนายก็รู้”

                   แววตาที่แข็งกร้าวประดุจไฟนั้นวาววับ น้ำเสียงที่ไม่ดั้งมากนักแต่หนักแน่น  บงบอกให้รู้ถึงสัญญาณอันตราย  ไม่มีใครรู้ว่าผู้เป็นนายคิดอะไร  นี้คือความเด็จขาดของผู้เป็นนายไม่มีใครกล้าขัดหรือฝ่าฝืนเด็จขาดหากคนที่กล้าทำหมายถึงการทาทายอำนาจของเขา  หากไม่ต้องการเดือดร้อนก็ต้องหลีกทางให้  ไม่มีอะไรที่คนอย่างเขาทำไม่ได้!!

                   “ ครับนาย   พวกเราจะจัดการให้เร็วที่สุดครับ”

                  “อืม...ดีเพราะฉันไม่ชอบให้มีปัญหามากนัก”

                  “ครับนาย!!  อธิชาติรับปากอย่างหนักแน่นเพราะรู้หน้าที่ตนดี

                   ภัทร  หรือว่า  พงค์ศกร   อธิรักษ์  นักธุรกิจหนุ่มไฟแรงเนื้อหอม ไม่มีใครรู้ว่าเขาคือใครมีที่มาที่ไปอย่างไร  พ่อแม่เป็นใคร  ทุกคนรู้แค่ว่าเขาเป็นนักธุรกิจอนาคตไกล  มองการไกลและไม่เคยแพ้ผู้ใดในชีวิตเขาไม่เคยมีคำว่าแพ้  นอกจากชนะเท่านั้นนักธุรกิจด้วยกันยอมรู้ดีว่าไม่ควรลองดีกับนักธุรกิจคนนี้เด็จขาด  ไม่มีใครกล้าขวางทางเขาทุกคนรู้ดีว่าหากเขาไม่แน่จริงคงไม่ก้าวมาถึงจุดนี้ได้รวดเร็ว 

                   เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นทำให้นักธุรกิจหนุ่มเพียงแค่ปรายตาไปมองเท่านั้น  ไม่มีความรู้สึกอะไรพิเศษหากหน้าจอโทรศัพท์ไม่มีเบอร์ที่เขารู้จักดี

                “ สวัสดีครับย่า” ริมฝีปากหนากระตุกยิ้ม  รู้ดีว่าคนที่โทร.เข้ามาคือผู้เป็นย่าที่เคารพรักเป็นที่สุดในชีวิตนี้

                “ สวัสดีลูก  ภัทรวันนี้หลานจะกลับบ้านกี่โมง  ย่าจะได้เตรียมอาหารที่หลานชอบไว้ให้  หลานจะได้มีแรงทำงานต่อพรุ่งนี้  นะวันนี้ย่าอยากกินข้าวกับหลานย่ากินข้าวมาคนเดียวย่าอยากเห็นหน้าหลานด้วยย่าไม่เห็นหน้าหลานนานแล้วเป็นเดือนๆแล้วนะ”  คนเป็นย่างอนเพื่อให้หลานชายเห็นถึงความสำคัญของตน

                    ตลอดระยะเวลาหนึ่งเดือนเต็มมานี่เขาไม่ได้กลับบ้านมาเป็นเวลานาน  เขามักจะนอนที่บริษัทเสียมากกว่าเพราะไมต้องเสียเวลาเดินทางไปกลับเพราะในกรุงเทพนี่เป็นที่ขึ้นชื่อของเมืองที่รถติดที่สุดในโลกต้องออกจากบ้านก่อนเวลาเป็นชั่วโมงทำให้เขาเลือกที่จะนอนที่โรงแรมมากกว่า  เพราะมีห้องของผู้บริหารอยู่เพื่อไว้เป็นที่พักผ่อนและด้วยธุรกิจกำลังขยายตัวเขาสู่ชั้นนำแนวหน้าของประเทศ  ทำให้เวลาที่เหลือมีน้อยลงเพราะต้องทุ่มเทให้กับงานแทบทั้งหมด

               “ก็ได้ครับเอาเป็นว่าผมเคลียงานเสียก่อนนะครับ  แล้วเจอกันนะครับย่าสวัสดีครับ  ผมรักย่านะครับ”

               เรียวปากหน้าหยักสวยกระตุกยิ้มขึ้นตรงมุมปาก  ตั้งแต่เด็กจนโต เขาได้ความรักจากย่าคนนี้เพียงคนเดียว  เขารักและเคารพเป็นอย่าสูง  เขาพยายามลืมเรื่องราวในอดีตที่ทำให้เขาเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสกับเรื่องที่เขาไม่อยากจดจำมันค่อยตอกยำตัวเขา  มันเป็นเสมือนตราบาปติดตัวที่ไม่ว่าจะทำอย่างก็ไม่มีวันลบมันออกได้...ไม่มีวันลบได้...ไม่มี...       

                  ใช่!!

    เขาเป็นเด็กที่ไม่มีใคร่ต้องการเด็กที่โดนทอดทิ้งอย่างน่าเวทนาถ้าเขาไม่ได้หญิงผู้เป็นย่าคนนี้  เขาเองคงตายไปแล้ว

               “ย่าก็รักหลานจะ”ผู้เป็นย่าตอบลับน้ำเสียงที่ดีใจตื้นเต้นขนาดนี้  “ดูแลตัวเองด้วยนะลูก”

                “ครับ..แค่นี้นะครับเดียวผมจะรีบสะสางตรงหน้างานชนิดที่ด่วนจี้เลยนะครับ”

                หลังจากวางสายผู้เป็นย่าไปสีหน้าและแววตาของเขากลับมาเย็นชาอย่างเดิม  นอกจากผู้เป็นย่าของเขาแล้วผู้หญิงคนอื่นๆก็เป็นเหมือนกันหมด  ผู้หญิงทุกคนเห็นเงินเป็นพระเจ้ายอมทำทุกอย่างแม้กระทั้งเอาตัวเข้าแลกหรือยอมเป็นเมียน้อยเขาเพื่อแลกกับความสุขสบายในชีวิต  นี้และเหตุผลที่เขาเกลียดผู้หญิงผู้หญิงทุกคนก็เหมือนกันหมดเห็นเงินเป็นพระเจ้า!!!

                          สำหรับเขาผู้หญิงก็เป็นได้แค่คู่นอนชั่วคราวเท่านั้นหามีความสำคัญต่อเขา  แค่เป็นคู่ควง   เป็นเพื่อนกิน  เพื่อนอน  และออกงานสังคมยามจำเป็นบ้างเป็นครั้งคราวแต่ทุกคนก็ถูกเลือกคัดสรรค์มาอย่างดีที่สุดที่ต้องสวย  หวาน  เซ็กซี่ยั่วยวนแต่สุดท้ายมันก็แค่ความสุขแบบเปลือกนอกก็เท่านั้นไม่ได้หยั่งยื่น

                 “ชาติตอนเย็นฉันจะไปหาคุณย่านายเตรียมรถให้ฉันด้วย  แล้วเรื่องที่ให้สืบเป็นไงบ้าง”

                  ดวงหน้าหล่อเหลาหันไปทางลูกน้องคนสนิทดวงตาเรียวรีมีแววมุ่งมั่นแวววาว จนผู้เป็นลูกน้องกับเลขาส่วนตัวถึงกับขนลุก  ทุกคนเคารพและยำเกรงเขาเสมอไม่เคยมีใครมาทำให้เขาอารมณ์ขุนมัวหรือนำความเดือดร้อนมาให้เขา

                    “เอ่อ  ได้ครับนาย  ว่าแต่คุณภัทรจะเอาข้อมูลเลยไม่ครับ”

              “อืม” พงคศกรพยักหน้าเพื่อย่ำความต้องการ

               อธิชาติตอบอย่างกล้าๆกลัวๆรู้ดีว่าพงค์ศกรไม่ชอบคนทำงานผิดพลาดซ้ำซากเขาเองเป็นคนสนิทรู้ดีว่าพงค์ศกรนั้นเป็นคนเด็ดขาดคำสั่งคือคำสั่ง

            “เอ่อ...นี่ครับ  สิงที่คุณภัทรต้องการ”

                  “อืม  ดีฉันไม่ชอบให้งานล่าช้า  หรือผิดพลาดเด็จขาด  นายเองก็รู้ดี”  ใบหน้าเริมยิ้มแต่แฝงไปด้วยความรู้สึกที่ยากจะคาดเด่า  “วันนี้ฉันมีงานอะไรอีกบ้าง”

                  “เอ่อ..คุณภัทรมีงานเอกสารงบประมาณปีที่แล้วที่จะตรวจสอบ  และบ่ายสองมีประชุมร่วมกับคณะกรรมการของแต่ละแผนก  สี่โมงคุณชายมีนัดกับคุณเอน  ฮาร์เลอสัน ครับ”

                  “อืม ขอบใจมากชาติ  นายรับผิดชอบงานได้ดีมาก  ปลายปีฉันคงต้องให้โบนัสนายเพิ่มเป็นแน่”

                  คราวนี่ร้อยยิ้มที่ทำให้ผู้เป็นลูกน้องรู้สึกอุ่นใจขึ้นมาบ้างหลังจากเครียด   เขายอมรับเลยว่าร้อยยิ้มนี่เป็นร้อยยิ้มที่สาวๆทั้งหลายอยากได้เป็นแน่   แต่นั้นแหละนอกจกเขาและลูกน้องคนสนิทอีกไม่กี่คนที่ได้เห็นเป็นขวัญตาก็ว่าได้   เพราะมันเป็นสิ่งที่หายากกว่าการหาทองเสียอีก  นอกจากพวกลูกน้องคนสนิทก็เห็นจะเป็นย่าของพงค์ศกรเท่านั้นที่ได้เห็นร้อยยิ้มนี่  พนักงานทุกคนที่นี่ตางชื่นชมในความหล่อเหลา  และการบริหารงานที่เป็นเลิศ อธิชาติคิดว่าแม้แต่เขาเองยังรู้สึกอิจฉาชายตรงหน้าเลย  อย่างว่าคนเราแข่งเรือแข่งพายแข่งกันได้แต่แข่งบุญแข่งวาสนาแข่งกันไม่ได้

                  อธิชาติเป็นคนร่างสูงผิวเข้ม  แต่ก็จัดว่าหลอหลา และเป็นขวัญใจของพนักงานในโรงแรมใช่ย่อยเหมือนกันแต่ก็ต้องผิดหวังเพราะอธิชาติไม่สนใจพนักงานในโรงแรมถือคติเดียวกับการใช่ชีวิตว่า  การไม่ยุ่งเกี่ยวกับคนในเพราะจะทำให้เสียการปกครองในการบริหารงาน  แต่ไม่ว่าจะดูมุ่มไหนพงคศกรก็ยังดูเหนือกว่าทุกประการ

                  “แหม..ได้ก็ดีสิครับเจ้านาย” คราวนี่อธิชาติแหย่บ้าง  “ผมไปทำงานก่อนดีกว่าเดียวโดนเตะขึ้นมา  จะยุ่ง”

                   “รู้ตัวด้วยหรอว่าจะโดนเตะ”เขารู้ดีว่านิสัยลูกน้องคนนี้ว่าเป็นคนเชื่อถือได้และเขาก็ไว้ใจมากด้วยว่าคนที่เขาสร้างมากับมือคนนี่ไม่คิดคดกับเขาเป็นแน่  เพราะอธิชาตินั้นอยู่เคียงข้างเขามาตั้งแต่ก่อตั้งโรงแรม  อธิรักษ์อินพาร์ค  สามารถไว้ใจให้ทำงานและรู้ข้อมูลของเขาทุกเรื่องไม่ว่าจะเรื่องไหนแม้แต่เรื่องส่วนตัวก็ตามรวมถึงเรื่องบริษัท รังสรรค์กรุ๊บ  ที่มีเขาและเพื่อนสนิทอีกสองคนที่เป็นหุ้นส่วนและเป็นเจ้าของรวมกันและมันก็กำลังก่อตั้งใหม่และถูกปกปิดเป็นความลับจนกว่าจะหาตัวคนทรยศได้

     

       “ฮือๆ  คุณแม่ขา   ทำไม่ทิ้งเพชรไปแบบนี้  แล้วต่อเพชรจะอยู่ยังไงค่ะ  ฮือๆ   เพชรรักคุณแม่นะคะ”

             ร่างบางอยู่ในชุดสี่ดำบงบอกถึงการไว้อาลัยต่อมารดาที่เสียไป ของผู้เป็นมารดา  ใบหน้ารูปไขและดวงหน้าหวานตอนนี่เต็มไปด้วยน้ำตา  ดวงตาบวมช้ำบริเวณใต้ตาที่บงบอกว่าผ่านการร้องให้มาอย่างหนัก ใบหน้าซีดเซียวที่ทำให้คนรอบข้างเป็นห่วงเป็นอย่างมากเพราะน้ำเพชรไม่ยอมกินอะไรเลย  เอาแต่ร้องให้อาลัยต่อผู้เป็นมารดา

              “คุณหนูขา  หยุดร้องให้เถาะคะ  คุณแม่ท่านไปสบายแล้วนะคะอย่าให้คูณแม่ท่านเป็นห่วงเลยนะค่ะคุณหนูหยุดร้องไห้เถาะคะ  กินข้าวกินปลาเสียบ้างเดียวก็เป็นลมเป็นแล้งไปนะค่ะ” สายใจพยายามปลอบ “นะคะ..นมขอร้อง”

                “ฮือๆๆ คุณแม่จากน้องเพชรไปแล้ว   คุณแม่จากเพชรไปแล้ว ฮือๆๆ”

                ไม่เป็นผล...น้ำเพชรไม่ได้สนใจกับเรื่องอื่นเลยเอาแต่ร้องให้แม้แต่ข้าวปลาอาหารก็ไม่แตะ  ส่วนคุณผู้ชายของบ้านรายนั้น...เอาแต่ไปเสพสุขสำราญกับผู้หญิงอื่น  ไม่ค่อยสนใจคุณผู้หญิงเลยเอาแต่ขลุกอยู่กับเมียน้อยนั้นจนคุณผู้หญิงตรอมใจตายในที่สุดที่หน้าห่วงที่สุดคือคุณหนูที่รับรู้ทุกเรื่องทั้งหมดทั้งที่อายุพียงก้าวเข้าวัยยี่สิบเท่านั้น  แต่ต้องมาเจอพ่อที่ไม่ค่อยสนใจกับผู้เป็นแม่เอาแต่สนใจเมียน้อยค่อยเชิดหน้าชูตาอย่างออกหน้าออกตาให้วงสังคมได้รับรู้เรื่องหน้าอับอาย  วันๆมีแต่ข่าวซุบซิบนิทาและข่าวทางหน้าหนังสื่อพิมพ์  จนคุณผู้หญิงตรอมใจตายแล้วยังไม่รู้เอาแต่หมกตัวอยู่กับแม่นั้น....เฮ้ย เธอล่ะหนักใจฝากไว้ก่อนเถอะนังเมียน้อยตัวดี

                  “เดียวนมไปโทร.ตามคุณท่านนะคะ”

                  ไม่มีคำตอบใดออกมาจากริมฝีปากบางนอกจาเสียงร้องให้นั้น  เพราะคุณพ่อไม่เคยสนใจแม่ของเธอเลย  คุณพ่อไม่เคยรักเธอกันคุณแม่ของเธอเลย  คุณพ่อเอาแต่รักนั่งเมียน้อยนั้นจนไม่มีเวลาให้กับเธอรักมันทั้งที่แม่เธอกำลังป่วยหนักแต่คุณพ่อก็ยังไม่สนใจแม้แต่ตอนนี่คุณพ่อยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแม่ของเธอจากไปอย่างปวดร้าว  ตั้งแต่เธออายุสิบขวบคุณพ่อของเธอนั้นก็มีเรื่องประทะคารมกันทุกครั้งที่เจอหน้าจากเดิมที่บ้านหลังนี่มีแต่เสียงหัวเราะแต่ตอนนี้มันมีแต่น้ำตาเหมือนนรกเสียมากกว่าคุณแม่ร่างซูบ ลงทุกวัน  บ้างวันคุณแม่เธอกินน้ำตาแทนข้าวเสียด้วยซ้ำ  ต้อนนี่คุณพ่อเธอไม่กลับบ้านมาเป็นอาทิตย์สองอาทิตย์แล้ว  แล้วชีวิตหลังจากนี่เธอจะทำอย่างไรดี!

                  ร่างบางหนังกอดรูปของผู้เป็นมารดาร้องให้อย่างคนหมดอะไรตายอยาก  เธอไม่เหลืออะไรอีกแล้วไม่มีมารดาแล้วชีวิตต่อจากนี้เธอจะเอาอย่างไรดีเธอไม่มีที่ไปแล้วหมดหนทางที่จะไป  ทุอย่างมันมืดมั่วมองไม่เห็นทางเดินเธอกำลังคว้างอยู่

                  ทำไม่คุณแม่ไม่พาเพชรไปอยู่กับคุณแม่ด้วยละคะ  ทิ้งเพชรไว้คนเดียวทำไม่  ทำไม่คะทำไม่ไม่เอาเพชรไปอยู่กับคุณแม่ด้วย  เพชรจะได้ไม่ทุกใจอยู่คนเดียวแบบนี้

                   “ฮือๆๆ คุณแม่พาเพชรไปอยู่ด้วยสิคะ ฮือ เพชรอย่ากอยู่กับคุณแม่ฮือๆๆ”

                  หมดหนทางแล้วพ่อก็ไม่รักแม่ก็จากไปอย่างเจ็บปวดเหลื่อแค่เธอเด็กที่ไม่มีใครต้องการเด็กที่ถูกทิ้งไม่มีใคร่ต้องการเธออีก

                   “คุณหนูคะ  คุยกับคุณพ่อสิคะ”

                   “ค่ะคุณพ่อ  คุณพ่อเพชร....”

                  “เพชรพ่อมีธุระด่วนนะลูกอย่ากวนพ่อได้ไม่ลูก”

                   “พี่ชัทร์ขารีมมาสิคะ  นันทร์รออยู่นะ” เสียงนี้เองที่แทรกมาทำให้เธอปวดร้าวกว่าเก่าแม่เธอตาย  ในทางกลับกับนั้นพ่อเธอกำลังกกกอดนั่งเมียน้อยนั้นอย่างสุขใจสินะ

                   “เพชรรบกวนคุณพ่อไม่นานหรอกค่ะฮือ  แค่จะบอกให้คุณพ่อทราบว่าฮือ  คุณแม่สิ้นใจแล้วแค่นั้น  ไม่กวนใจคุณพ่อมากหรอกคะ ฮือ จะกลับมาทันเผาศพคุณแม่ไม่อันนี้คุณพ่อก็ตัดสิ้นใจเอาเองละกันคะ  แค่นี่นะคะฮือๆๆ”

                   “เพชรเดียวสิลูก! เพชร!!

                   ตู๊ด  ตู๊ด  !!!

       สัญญาณขาดหายไปแล้ว  ไม่จริงนภาตายแล้วอย่างนั้นหรือ  เขายังไม่ทันได้ดูใจหล่อนเลยด้วยซ้ำ  นี่เธอจากฉันไปแล้วจริงๆหรอ  เขามาระเริงสุขอยู่กับสุนันทร์แต่ทางกลับกับนภากลับสิ้นใจนี่เขาเลวขนาดนี้เลยหรือตลอดหลายปีที่พานมาเขาไม่ได้ดูแลเอาใจไม่สนใจความรู้สึกนภาเลยเอาแต่ความสุขใสตัวเองโดยที่เขาไม่ได้คิดถึงลูกถึงเมียเลยเขาคงเป็นพ่อและสามีที่เลวมาก  เป็นเพราะเขาทำให้นภาต้องจากไปอย่างทุกทรมานแสนสาหัส  หลายครั้งที่เขาออกจากบ้านโดยไม่ได้บอกกล่าวใคร  บางครั้งก็ไม่กลับบ้านที่หลายอาทิตย์  หลายครั้งที่เขารับรู้ว่านภาต้องกินข้าวกับน้ำตาแต่เขาก็ยังคงทำเป็นไม่สนใจ  เพราะคิดว่ามันเป็นปัญหาเล็กน้อยที่สามีจะมีเมียน้อย

                   “นันทร์  พี่คงต้องกลับบ้านก่อน  พีเป็นห่วงลูกพีไปก่อนนะ”

                  “เอ่อ...เดียวสิคะ  อะไรกันแค่ลูกสาวโทร.มาแค่นี่ถึงกับต้องรีบกลับบ้าเลยหรือเมียตายหรือไงฮึ”

                   สุนันทร์สาววัยสี่สิบห้าแต่ยังสวยพริ้งเพราอยู่  บ่นอย่างหัวเสีย  หล่อนเองก็เคยมีลูกแต่ทิ้งมาเสียยีสิบปีที่แล้วทำไงได้ละหล่อนรักความสบายมากกว่านิ  ตลอดเวลาหล่อนเองก็รู้สึกผิดแต่จะให้ทำไงได้ละหล่อนกลัวอดตายมากกว่า  ตลอดยีสิบปีมานี่หล่อนยอมเป็นเมียน้อยเพื่อความสบาย  หล่อนพยายามส่งคนออกตามหาลูกแต่ไม่พบแม่แต่เงา  อาจตายไปแล้วก็ได้ใครจะไปรู้  แต่งันเถอะช่วยไม่ได้หล่อนกลัวอดตายนิ  เสียงมือถือดั้งขึ้น

                   “ว่าไงเรื่องที่ให้สืบ  เป็นอย่างไรบ้าง  เจอไม่”

                    “เจอครับ  ผมจะส่งข้อมูลไปให้ทางอีเมล์นะครับ”

                     “ดี  สวนเรื่องเงินฉันจะโอนไปให้  พรุ่งนี้ไปเบิกเงินได้เลย”

                        กว่าที่ พินิชัทน์กลับมาถึงเวลาก็ลวงเลยมาถึงสาวทุ่ม  เป็นทีรู้กันดีว่ากรุงเทพมหานครนั้นเป็นเมืองที่รถติดที่สุดในโลก   รถเคลื่อนมาจอกที่คฤหาสน์หลังใหญ่แต่ภายในกลับเงียบเชียบมีเพียงสาวใช้กับคนส่วนแค่สามคนเท่านั้นเวลานี่ทุกคนไปรวมตัวกันอยู่ที่วัดกันหมด  เพราะวุ่นวายอยู่กับงานศพของนภาที่วัดกันหมด

                      “ไม่มีใครอยู่บ้านเลยหรอ”

                      “ คะคุณผู้ชาย  ตอนนี้คุณหนูแทบจะไม่ได้นอน” มะลิสาวใช้เน้นตอนทาย “กินก็แทบไม่กินเป็นอาทิตย์แล้วค่ะแล้วยังร้องให้เป็นอาทิตย์อีกค่ะ  ตอนนี่คุณหนูซูบไปมากพวกเราก็ไม่รู้จะทำอย่างไรแล้วละค่ะ”สาวใช้ตั้งใจแดกดันอย่างเห็นได้ชัด  เพราะความไม่พอใจในตัวเจ้านายและความสงสารที่มีต่อน้ำเพชร

                      ‘ที่คุณผู้หญิงอยู่ไม่เห็นจะถามหา  แต่พอคุณผู้หญิงสิ้นใจก็ถามได้ถามดี   ฮึ!นี่แหละผู้ชาย  ร้อยทั้งร้อยมักเห็นของใหม่ดีกว่าของเก่าเสมอ  อีกหน่อยคงพาแม่เมียน้อยมากกกอดในบ้านเป็นแน่แท้  เฮ้ย  สงสารก็แต่คุณหนูแม่ก็สิ้น  พ่อก็ไม่คอยสนใจมากมายนัก

                       เมือเห็นว่าไม่มีใคร่อยู่บ้านเข้าเองก็ควรไปวัดเช่นกัน  แต่จะไปทั้งคราบลิปสติกแบบนี้ก็คงจะไม่ได้เพราะนอกจากจะหน้าเกลียดแล้วยังแสดงให้เห็นว่ายังไม่ให้เกียติต่อนภาและไหนจะแขกที่มารวมงานอีก  ใช่ว่าเขาไม่รักนภากับลูกแต่คนเจ้าชู้อย่างเขาก็คงเสียใจกับการเสียนภาไป  แต่ยังไงเขาก็ยังมีสุนันทร์ที่เขาเองก็ต้องรับผิดชอบอีกคนจะให้เขาทำอย่างไร  เขาเองก็เลือกไม่ถูกเหมือนกัน

                       “ไปเตรียมน้ำอุ่นไว้ให้ฉัน  ฉันจะไปวัด”

                       “ค่ะ  คุณผู้ชาย” มะลิสาวใช้อดไม่ได้ที่จะกระแทก “จะให้อิฉันเตรียมเสื้อผ้าสีอะไรดีคะ”

                       “ไม่งานศพเขาคงใสสีแดงกันไปไม่ละ  ก็สีดำนะสิถามมาได้”

                       หลังจากมะลิสาวใช้ออกจากห้องโถงไปแล้ว  ความคิดของเขาต้อนนี้คือเขาเริ่มโมโหตั้งแต่คำแดกดันแรกๆแล้วแต่พยายามอดกลั้นเอาไว้  แต่มะลิก็ยังแดกดันไม่เลิกจนเขาต้องตอกเข้าให้บ้างเพื่อให้รู้สึกตัวว่าใครเป็นนายใครเป็นบ่าว  ตลอดเวลาที่เขาไม่อยู่ทำไม่มันมีแต่เรื่องวุ่นวายไปหมดแบบนี้ก็ไม่รู้  เขาคงจะเลวมากขนาดมะลิที่เป็นคนพูดน้อยยังอดที่จะไม่พูดแดกดันหรือกระทบเอาแรงๆเสียมิได้              

                       จริงๆแล้วมะลิตั้งใจที่จะแดกดันแรงๆเพื่อให้ผู้เป็นนายสำนึกผิดบ้างอาจเป็นเพราะความเหลืออดเหลือทนจริงๆจะไล่ออกก็ไม่กลัวแล้ว ณ เวลานี่เธอไม่กลัวอะไรทั้งนั้นถ้าไม่ติดกับคุณหนูและคุณผู้หญิงคนใช้ส่วนมากลาออกเสียหมดแล้วก็ได้

                        นี่เขาอยู่ให้คนใช้อย่างมะลิมาแดกดันเลยหรือนภากับน้ำเพชรคงเสียใจมากกับการกระทำของเขา  อันที่จริงเขาไม่หน้าทำเลย  ไม่หน้าเลยจริงเขามันเลวทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลังให้ดี  ตอนนี่เขาทำอะไรไม่ได้แล้วนภาจากเขาไปแล้วเขาช้าไปแล้วตอนนี้เขาไม่อาจดึงคนรักกลับมาได้อีกแล้ว  นภาผมขอโทษ  ผมขอโทษจริงๆผมผิดไปแล้วยกโทษให้ผมด้วยนะ  ผมสัญญาว่าผมจะดูแลน้ำเพชรให้ดีที่สุด!  ผมสัญญาด้วยชีวิต

                      “เรียบร้อยแล้วค่ะ”เสียงของมะลิปลุก พินิชัทน์ให้หลุดออกจากความคิด

                       “อืม”

     

    ***************************

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น