ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic (exo) Pandora Hours : ปราสาทรัตติกาล (นิยายชุดรัตติกาล)

    ลำดับตอนที่ #9 : บทแทรก..ดวงดาวของโอเซฮุน

    • อัปเดตล่าสุด 15 เม.ย. 56




      บทแทรก..ดวงดาวของโอเซฮุน..



               สีส้มจางๆจากแสงไต้ยามรัตติกาลอาบไล้แผ่นกระดาษขาวนวลตาที่บันทึกข้อความเชิงวิชาการของกลุ่มดาวต่างๆลงไปด้วยลายมือขยุกขยิก เรียวมือบางปรับระยะโฟกัสของกล้องดูดาวอย่างระมัดระวังก่อนจะหรี่ตาลงเล็กน้อยเพื่อมองเทหวัตถุบนท้องฟ้าได้อย่างถนัดตา โอเซฮุนเลียริมฝีปากช้าๆอย่างใช้ความคิดพลางตวัดปลายปากกาเกิดเป็นข้อความสองสามบรรทัดแล้วปิดมันลงหยิบเอาแฟ้มบันทึกเล่มใหม่ขึ้นมาแทน ทอดสายตาผ่านหน้าปัดนาฬิกาในห้องก่อนจะลงมือกำกับวันเวลาลงในบันทึกอีกครั้งหนึ่ง..

     

                “สี่ทุ่มสีสิบ..”บอกตัวเองพลางวางถ้วยกาแฟเซรามิกลงบนโต๊ะ กลิ่นหอมของเมล็ดกาแฟบดผ่านการชงแบบโบราณโดยใช้เหยือกแก้วคละคลุ้งอวลจมูก เขายังมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องทำ และ สำหรับค่ำคืนอันน่าตื่นตาตื่นใจเช่นนี้เร็วเกินไปที่จะล้มตัวลงนอนง่ายๆ เซฮุนกำลังเฝ้ารออะไรบางอย่าง..เหนือม่านรัตติกาลขึ้นไป.. ดวงตาคู่สวยเหลือบมองนาฬิกาแขวนผนังอีกครั้ง “สี่ทุ่มห้าสิบสอง..ยังมีเวลาน่า”

     

                ..เซฮุนรู้ไหมว่าท้องฟ้าในแต่ละวันนั้นแตกต่างกันไปยังไง..

                ..ไม่เห็นจะแตกต่างกันเลยนี่ครับ..ฟ้าก็ยังเป็นสีฟ้า..แถมยังกว้างอีกด้วย..

                ..อย่างนั้นเหรอเด็กน้อย..ฉันจะบอกอะไรให้นะ..ท้องฟ้าแต่ละวันนั้นไม่เหมือนกันหรอก..

                เวลาที่เรามองมันด้วยอารมณ์เศร้าท้องฟ้าก็จะมืดลงทันที กลับกันเวลาที่เรารู้สึกมีความสุข

                ท้องฟ้าก็จะสดใสสวยงาม..แล้วเธอล่ะเซฮุน..

                ฮะ?

                ท้องฟ้าของเธอตอนนี้เป็นยังไง..

                ..ท้องฟ้าของผม..

               

                “ท้องฟ้าของผมน่ะเหรอ..” มือเรียวยกกรอบรูปตั้งโต๊ะอันเป็นสมบัติล้ำค่าชิ้นสุดท้ายที่ตัวเองสามารถหอบข้ามน้ำข้ามทะเลได้ขึ้นมาดู เป็นภาพของชายร่างท้วมเจ้าของรอยยิ้มอบอุ่นกำลังวางฝ่ามือลงบนเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนทรงหน้าม้าของเด็กชายวัยสิบขวบยืนกอดกล้องดูดาวรุ่นใหม่เอี่ยมด้วยสีหน้าตายด้านราวกับผีดูดเลือด

     

                ..ของขวัญของผมเหรอครับ..

                ..สุขสันต์วันเกิดนะโอเซฮุน..ใช้มันอย่างถนุถนอมที่สุด..เพราะมันคือทางเดียวที่จะสามารถส่องดูท้องฟ้าของเธอได้..

     

                “ห้าทุ่มเจ็ดนาที..”พึมพำกับตัวเองขณะเดินไปมารอบโต๊ะ ลมหนาวของเดือนธันวาคมหอบเอาใบไม้แห้งกรอบพลิ้ววนเหนือพื้นดิน..ชายหนุ่มหยิบกล้องถ่ายรูปดิจิตอลของตนขึ้นมาเตรียมพร้อม เปลี่ยนโหมดเป็นการบันทึกภาพต่อเนื่อง และ ความไวแสง ISO 1600 “..ใช้ได้แล้วมั้ง..” นิ้วเรียวจัดวางกล้องรุ่น DIGIC 5 ที่ถอยมาตั้งแต่สัปดาห์ก่อนเพื่อการนี้บนขาตั้งสูงอย่างระมัดระวัง เหลือเพียงแค่รอเวลาเท่านั้นฝนดาวตกเจมินิดส์จากกลุ่มดาวคนคู่ก็จะปรากฏออกมาให้เห็น

     

                ..ห้าทุ่มสิบสามนาที.. “ใจเย็นน่าเซฮุน” เงยหน้ามองแผ่นฟ้าเบื้องบนอย่างใจจดใจจ่อ ชายหนุ่มไล่ดาวที่ตนรู้จักเมื่อเป็นการคร่าเวลา นิ้วเรียวโยกย้ายไปมาบนอากาศขณะที่ดวงตาคู่สวยนั้นหรี่เล็กลงจนแทบจะกลายเป็นเส้นตรง “กลุ่มดาวนายพราน..กลุ่มดาวสุนัขใหญ่..กลุ่มดาวสุนัขเล็ก..โอะ! สามเหลี่ยมฤดูหนาว..”

     

                ..ถ้าวันนั้นคุณท่านไม่โผล่เข้ามาช่วยผม ป่านนี้โอเซฮุนคงจะกลายเป็นเพียงเด็กหนุ่มข้างถนน ใช้ชีวิตอย่างน่าสมเพช ไม่มีจุดมุ่งหมายไม่มีอนาคต..

                ..เซฮุน..ทุกอย่างมีเหตุผลในตัวมันเองเสมอ ถึงแม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อยก็ตาม ..การที่ฉันเจอเธอในวันนั้นไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรอกนะ เพราะเธอคือเหตุผลว่าทำไมฉันถึงสามารถอยู่มาได้จนถึงปัจจุบันนี้..

     

                “สิบ..เก้า..แปด..เจ็ด..”

     

                ..ตอนนี้ผมรู้คำตอบแล้วครับ..”

                ..คำตอบ?..คำตอบอะไร..

                ..ท้องฟ้าของผม..เมื่อก่อนมันทั้งมืดสนิท..และเต็มไปด้วยเมฆหมอกหนาบดบังเอาไว้..

     

                “หก..ห้า..สี่..”

     

                ..ตอนนั้นผมรู้สึกอ้างว้าง ไร้ที่พึ่ง เหมือนยืนอยู่ตัวคนเดียวท่ามกลางพายุหิมะ..

     

                “สาม..สอง..”

     

                ..แต่ตอนนี้มันได้เปลี่ยนไปแล้วครับ..ท้องฟ้าของผมน่ะ..

     

                “..หนึ่ง..”

     

                ชายหนุ่มเบิกตากว้าง สรรพางค์กายนิ่งสะท้าน หัวใจเต้นรัวเมื่อบางอย่างปรากฏบนคลองจักษุ แสงสีขาวนับสิบดวงพุ่งผ่านท้องฟ้ายามค่ำคืนราวกับสายฝน มันเคลื่อนที่เป็นเส้นตรงกรีดฝืนราตรีเป็นริ้วยาวแล้วค่อยๆถูกความมืดกลืนหายไป เสียงชัตเตอร์จากกล้องตัวโปรดดังขึ้นเงียบๆบันทึกภาพ เรื่องราว และความสวยงามของปรากฏการณ์ธรรมชาติเอาไว้จนหมด

     

                โอเซฮุนละมือจากทุกอย่างรอบกาย แพรขนตาหนาเลื่อนลงมาปกแก้มทั้งสองข้าง ขณะที่เรียวมือกอบอุมกันแน่นเหนือหน้าอก ตอนนี้เขากำลังอธิฐาน ต่อฝนดาวตก และ เทพเจ้าที่สถิตอยู่บนฟากฟ้า หาก

    พรวิเศษมีจริง..ผมอยากจะขอเป็นครั้งแรกในชีวิต..

     

                ..ตอนนี้ท้องฟ้าของผมไม่มืดเหมือนเมื่อก่อนแล้วล่ะครับ เพราะแสงจากดวงดาวที่คอยส่องสว่างเมื่อรัตติกาลมาถึง..มันทั้งอบอุ่น และ สวยงาม แสงที่ทออย่างลึกซึ้งละลายอดีตเลวร้ายทุกอย่างออกไป..

                ..ดวงดาวของผมคือคุณยังไงล่ะครับ..คุณพ่อ..โฮจุน..

     

                เสียงเครื่องยนต์ที่ดังกระหึ่มมาแต่ไกลเรียกสติคนร่างสูงที่กำลังยืนทอดสายตาอยู่ริมระเบียง เซฮุนจ้องมองอะไรบางอย่าง บางอย่างเคลื่อนเข้าหาตัวบ้านด้วยความเร็ว รถเมอร์ซิเดสเบนซ์อันแสนคุ้นตา และดวงอาทิตย์ดวงโตอันเป็นสัญลักษณ์ประจำตระกูลคิม.. บัดนี้ดวงดาวที่เขาเฝ้าอยากเจอที่สุดมาถึงแล้ว..

     

                ..คิมโฮจุน..

     

                ร่างสูงวิ่งถลาลงไปเบื้องล่างอย่างรวดเร็ว ความตื่นเต้นในใจพุ่งพล่านเสียยิ่งกว่าการเฝ้ารอฝนดาวตกเสียอีก นี่คงไม่ใช่ความฝันใช่ไหม..โอเซฮุนตบหน้าตัวเองสองสามครั้ง เขาไม่ได้ฝันไปอย่างแน่นอน..

     

                “ไม่ได้เจอกันตั้งนานเลยนะเซฮุน”สุรเสียงนุ่มคุ้นหูดังขึ้นทันทีเมื่อชายร่างท่วมเคลื่อนตัวออกจากรถและเป็นจังหวะเดียวกันกับที่เจ้าของชื่อถลาเข้ากอดผู้มาเยือนด้วยความดีใจ

     

                “คุณท่าน”

     

                “ตัวโตขึ้นเยอะเลยนี่ผิดกับในรูปถ่ายลิบลับเลย”

     

                “คุณท่านมายังไงครับ ทำไมไม่บอกผมก่อน”

     

                ชายชราทำสีหน้ากรุ้มกริ่มทาบมือลงบนเรือนผมนุ่มสลวย

                “ถ้าบอกก่อนก็ไม่เรียกว่าเซอไพรส์สิ จริงไหม”

     

                แล้วสองร่างนั่งพูดคุยกันจนดึกดื่นโดยมีคนรับใช้คู่ใจยืนฟังอยู่ไม่ห่าง..จนเวลาเลยเข้าสู่วันใหม่ชายชราเจ้าของร่างท้วมจึงขอตัวขึ้นไปห้องทำงานของตน

    .

    .

    .

                แสงไฟจากห้องนั่งเล่นเบื้องล่างเผยให้เห็นพ่อบ้านวัยหกสิบที่กำลังง่วนอยู่กับการชงชาด้วยสีหน้าจริงจัง โอเซฮุนเคลื่อนตัวอย่างช้าๆ กลิ่นหอมอันชวนคิดถึงลอยอบอวลอยู่ในห้องให้ความรู้สึกเหมือนได้กลับบ้านอีกครั้ง

     

                “ชาของคุณลุงหอมเหมือนเดิมเลยนะครับ”

     

                ชายชราเงยหน้าขึ้นมองแล้วแค่นยิ้มบางออกมา

                “คุณเซฮุนยังไม่นอนเหรอครับ”

     

                “ครับ..คืนนี้คงนอนไม่หลับแล้วล่ะ”หันมองไปยังถ้วยกาแฟของตนแล้วนึกขำในใจ “แล้วนี่..ชาของคุณท่านหรือครับ”

     

                “ครับชาเก๊กฮวยช่วยให้นอนหลับง่ายขึ้น หมู่นี้คุณท่านเอาแต่ทำงานหามรุ่งหามค่ำผมเป็นห่วงสุขภาพจริงๆ”คนมีอายุมากกว่ารินชาลงถ้วยลายครามอย่างเบามือ ควันไอระเหยออกมาจากถ้วยชาพร้อมกลิ่นอ่อนๆ จนป่านนี้ก็ยังอยู่ในห้องทำงานอยู่เลย

     

                “ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวผมเอาไปให้เอง คุณลุงไปพักผ่อนเถอะครับ”ชายหนุ่มประคองถ้วยชาในมือขึ้น เมื่อเห็นทีท่าปฏิเสธของคนตรงหน้าร่างสูงจึงรีบตัดบททันที “คุณท่านของผมไม่มีเวลาพักผ่อนมากพออยู่แล้ว ถ้าเกิดคนข้างกายท่านเป็นอะไรขึ้นมาอีกจะมีใครมาอยู่ดูและล่ะครับ”

     

                “อย่างนั้นหรือครับ”

     

                “พักผ่อนเถอะครับ ทางนี้ผมจัดการเอง”

     

                โอเซฮุนค่อยๆย่างเท้าไปบนผืนพรมอย่างระมัดระวัง ในมือมีถ้วยชาเก๊กฮวยสีใสที่พร้อมจะหกอยู่ทุกเมื่อ ใบหน้าขาวเผยยิ้มออกมา ตลอดหลายปีมานี้ตัวเขาเองไม่เคยทำอะไรให้คุณท่านเลย นี่จะเป็นครั้งแรกจุดเริ่มต้นทำให้เกิดครั้งต่อๆไป..

     

                “ขออนุญาตครับ”ชายหนุ่มเอ่ยเสียงเบาขณะเคลื่อนกายผ่านประตูไม้บานใหญ่ มือเรียววางถาดน้ำชาลงบนโต๊ะทำงานที่บัดนี้แปรเปลี่ยนเป็นที่นอนแก่เจ้าของห้องเสียแล้ว คิมโฮจุนกำลังฟุบหลับพร้อมกับกองเอกสารเชิงวิชาการมากมาย เซฮุนหรี่แสงไฟภายในห้องจนสลัวค่อยหอบเอาผ้าห่มคลุมกายหนาอย่างระมัดระวัง นิ้วเรียวถอดแว่นตาออกพับเก็บเรียบร้อย ตรวจตราว่าจะไม่มีอะไรมารบกวนเวลาพักผ่อนอันน้อยนิดของคนตรงหน้า

     

                “ราตรีสวัสดิ์นะครับ”พูดพลางสาวเท้าออกจากห้อง

     

                “จุน..มยอน..”

     

                “อะไรนะครับคุณท่าน”

     

                “จุนมยอนมาหาพ่อมา...เก่งที่สุดเลยครับ”ร่างสูงใบหน้าซีดเผือดลงเล็กน้อยเมื่อโสตประสาทรับรู้ชื่อของบุคคลหนึ่ง คนคนเดียวที่โฮจุนให้ความสำคัญมาตลอด อยู่เหนือทุกๆคนรวมถึงตัวเขาเองด้วย

     

                “..ไม่ว่าเมื่อไหร่คุณก็ไม่เคยลืมเด็กคนนั้น..”โอเซฮุนเขยิบเข้าไปใกล้ชายสูงอายุที่ยังคงพ่นลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ ใบหน้ากลมนั้นเต้มไว้ด้วยรอยยิ้มอย่างมีความสุขที่แม้แต่ตัวเขาเองยังไม่เคยได้เห็น เด็กหนุ่มมองภาพตรงหน้าแล้วนิ่ง..หยาดน้ำสีใสเริ่มเอ่อคลอคลองจักษุ

                “ขอเวลาให้ผมบ้างได้ไหม..เวลาที่คุณจะนึกถึงผมเพียงคนเดียว ไม่ต้องคิดถึงเขาคนนั้น ไม่ต้องทำเหมือนผมเป็นตัวแทนของใคร..แค่เพียงเรียกชื่อผม โอเซฮุนไม่ใช่ คิมจุนมยอนให้ผมได้เป็นลูกชายจริงๆของคุณสักวัน..ไม่ได้เชียวเหรอครับ..คุณพ่อ”

               

                คนร่างสูงระบายความรู้สึกในใจออกมาจนหมด..ไม่มีใครเคยได้ยินหรอก เพราะเขาเองก็เก็บซ่อนมันมานานเหมือนกัน มือหนาเอื้อมไปหยิบรูปถ่ายของเด็กหนุ่มในมือของคุณท่านขึ้นมา ใบหน้าขาวนวลในรูปกำลังฉีกยิ้มกว้าง เขียนกำกับด้วยลายมือขยุกขยิก..สุขสันต์วันเกิดนะครับคุณพ่อ ตอนนี้ผมอยู่ที่แวนคูเวอร์ ปล.ที่นี่อากาศหนาวมากเลยล่ะ..

     

                “คิม จุนมยอน..คุณช่างโชคดีเหลือเกินนะครับ ทั้งๆที่คุณเป็นคนทิ้งพ่อตัวเองไปแท้ๆ แต่เขาก็เอาแต่คิดถึงคุณแม้ยามหลับ..ยามตื่น..กระทั่งยามละเมอก็ละเมอเรียกชื่อคุณ
                ผม.. ไม่ใช่ตัวแทนของคุณนะ..”

    .

    .

    .

                “เซฮุน..เซฮุนนา นายเป็นอะไรไป”เสียงใสแจ๋วของคนเป็นพี่เรียกสติสัมปชัญญะจากร่างสูงที่ยังคงยืนนิ่งอยู่ ณ บันไดขั้นสุดท้าย คิมจุนมยอนเดินเข้ามาคล้องแขนเซฮุนก่อนจะออกแรกดึงคนอายุน้อยกว่าให้เดินตามตัวเองลงมา

     

                “ป..เปล่าฮะ”เอ่ยปัดเสียงเรียบพร้อมกับรอยยิ้มจาง

     

                “ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว..รีบๆเดินเถอะอยู่บนนี้มันน่ากลัวยังไงก็ไม่รู้”ใบหน้าหวานสอดสายตาผ่านบันไดวนของห้องพระอาทิตย์แล้วรีบสาวเท้า ทุกร่างกำลังมุ่งหน้าสู่ห้องนั่งเล่นพร้อมกับรหัสลับตัวใหม่.. พายุในค่ำคืนนี้สงบลงแล้ว หลงเหลือไว้เพียงแต่สายลมหนาวและแสงจันทร์นวลตาลอดผ่านริ้วเมฆหนาสู่ผืนดินเบื้องล่าง

     

                จางอี้ชิงจัดการดับแสงไฟของตะเกียงเจ้าพายุทันทีเมื่อสาวเท้าเข้าสู่ห้องนั่งเล่น ไออุ่นจากเตาผิงคืนชีวิตแก่ทุกร่างที่พึ่งผ่านสมรภูมิความหนาวเหน็บมาหมาดๆ แบคฮยอนทิ้งกายลงบนโซฟานุ่มพลางพ่นลมหายใจอย่างหมดแรง ชาหอมกรุ่นที่พอหาได้ในห้องทำหน้าที่เป็นยาวิเศษอย่างดีให้แก่นักภาษาศาสตร์ตัวน้อยที่พึ่งประกาศยุติสงครามกับคุณหมอร่างสูงระหว่างทาง

     

                “เซฮุน..นายบอกว่ารหัสลับนั้นอยู่ในห้องนั่งเล่นอย่างนั้นจริงเหรอ”เสียงขรึมจากอี้ฟานเอ่ยถามร่างสูงที่พึงหย่อนกายลงข้างๆเจ้าของบ้าน มือเรียวสางเรือนผมของตนให้เป็นทรงก่อนจะตอบคำถามว่าที่พี่เขย

     

                “ครับ..มันเป็นแค่การคาดเดา”เซฮุนดึงแผนที่ขึ้นมาอีกครั้ง “เห็นเครื่องหมายวงกลมที่มีเส้นตรงตัดกันไหมครับ มันคือสัญลักษณ์ของโลก และดวงจันทร์มักจะโคจรรอบโลกดังนั้นรหัสลับอาจจะซ่อนอยู่ที่ไหนสักแห่งในห้องนี้ก็เป็นได้”

     

                “ถ้าอย่างนั้นเราเริ่มหาจากในห้องนั่งเล่นนี่กันก่อนละกัน”อี้ฟานผายมือไปรอบๆ “เหมือนกับในห้องพระอาทิตย์ที่มีเครื่องหมายดวงดาว ที่นี่อาจจะมีเครื่องหมายพระจันทร์อยู่ก็ได้”

     

                “กว้างขนาดนี้เนี่ยนะ”เสียงบนอุบอิบจากแบคฮยอนดังขึ้นเป็นระรอกก่อนที่เจ้าตัวจะยอมยกกายขึ้นยืนแต่โดยดี

     .
    .
    .

                “เป็นอะไรไปรึเปล่าดีโอเห็นเงียบตั้งแต่อยู่ข้างบนแล้วนะ”จุนมยอนสีข้างเบาๆเมื่อเห็นร่างบางง่วนอยู่กับข้อความในมือ

     

                “Quasi una fantasia..คุ้นๆเหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน"

     

                “คิดมากไปรึเปล่า คิ้วขมวดหมดแล้ว”นิ้วเรียวจิ้มลงกลางหน้าผากที่พันกันเป็นปมหนา

     

                “ไม่ๆ ผมเคยได้ยินมันจริงๆนะฮยอง Quasi una fantasia เนี่ย..”ร่างบางทอดสายตาไปรอบๆห้องพลันคลองจักษุกลับหยุดนิ่งลนบนแกรนด์เปียโนคาสสิกสีดำราวกับต้องมนตร์ คยองซูสืบเท้าเข้าไปใกล้ช้าๆ ไม่เชื่อสายตาตัวเอง หลังเปียโนนั่นมีอะไรซ่อนอยู่..อะไรบางอย่างที่ทำให้เลือดในกายเขาพุ่งพล่าน ชายหนุ่มจ้องมองภาพวาดสีน้ำมันที่แขวนอยู่เหนือเครื่องดนตรีด้วยความประหลาดใจเช่นเดียวกันกับทุกร่างที่กำลังมองการกระทำของนักดนตรีหนุ่ม

     

                “เกิดอะไรขึ้นเหรอดีโอ..”

     

                โดคยองซูเข้าไปใกล้ภาพวาดนั้นอีกพลางส่งเสียงพึมพำกับตัวเองเบาๆ

     

                “ไม่จริง..ทำไมมันถึงมาอยู่ที่นี่..” ภาพสตรีชาวยุโรปอันแสนคุ้นตาในโลกแห่งเสียงดนตรีกำลังจับจ้องมายังร่างบางราวกับมีชีวิต “..จูเลียตตา กุชชี่ อาร์ดี..”

     

                คยองซูฉีกยิ้มกว้างก่อนจะเบนสายตาไปหาชายหนุ่มเบื้องหลัง

                “ทุกคนครับ..บางทีเราอาจจะเจอพระจันทร์แล้วก็ได้!

    .
    .
    .
                สวัสดีค่ะ..โค้งงามๆหลังหายหน้าหายตาไปนาน
    ขอบคุณที่ยังอยู่กับฟิคเรื่องนี้นะคะ ถึงแม้มันออกจากงงงวย และเข้าใจยากสักหน่อย
    ไม่เหมือนแนวรักกุ๊กกิ๊กก็เลยมีคนอ่านไม่มากนัก เดินทางมาเก้าตอนพร้อมกับปริศนามากมาย
    ส่วนหนึ่งเป็นเพราะผู้อ่านทุกท่านที่ให้กำลังใจยามที่ไรเตอร์ท้อใจคอมเม้นต์ของทุกคนช่วยได้มากจริงๆค่ะ
    จะพยายามอัพเร็วขึ้นละกันเนอะ ขอบคุณอีกครั้งค่า..^^   

    :)  Shalunla 
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×