คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : พระอาทิตย์เที่ยงคืน
เสียงคำรามก้องจากท้องฟ้าเบื้องบนไม่ได้ทำให้ชายหนุ่มสี่คนตื่นตกใจเท่ากับภาพตรงหน้า หนึ่งศพชายชรา.. หนึ่งกุญแจปริศนา.. และหนึ่งข้อความแปลกประหลาด.. ทั้งหมดนี่เป็นฝีมือของใครกัน? คำถามนั้นได้แต่ก้องอยู่ในใจ
“พวกเธอกลับห้องไปซะ” เสียงเรียบของจางอี้ชิงคือเสียงแรกที่ทำลายความเงียบชั่วอึดใจ ชายหนุ่มส่งสายตาให้หญิงรับใช้เป็นเชิงสั่งก่อนที่ร่างสองร่างจะหายลับกลับเข้าไปในห้องอย่างหวาดผวา
“เอายังไงกันต่อดี” เขาหันมาถามเพื่อนร่วมชะตากรรมที่ยังคงอึนๆกับเหจุการณ์ตรงหน้า ชานยอลถอนหายใจเฮือกใหญ่ พิเคราะห์พิจารณาร่างของชายชราตรงหน้าอย่างเหนื่อยใจ
“เอาเป็นว่า..แบกคุณปาร์คกลับปราสาทกันก่อนเถอะ ที่นั่นมีห้องใต้ดินอากาศเย็นๆคงช่วยให้ศพไม่เน่าเปื่อยเร็วนัก” คุณหมอหนุ่มตัดสินใจก่อนที่จะช่วยประคองร่างไร้วิญญานขึ้นมา อู๋อี้ฟานดึงผ้าคลุมเตียงออกมาแล้วจัดการห่อเป็นเปล ชายหนุ่มปิดดวงตาที่ยังหลับไม่สนิทพร้อมกับพึมพำอะไรเบาๆตามหลักศาสนาคริสต์
“ไปกันเถอะ” เขาสั่งเสียงเรียบ นึกถึงใบหน้าเรียวของใครบางคนคงรู้สึกช๊อกและเสียใจจนทำอะไรไม่ถูก.. แต่จะทำอย่างไรได้เพราะในที่สุดจุนมยอนก็ต้องรับรู้ความจริงอยู่วันยังค่ำ ถึงแม้มันจะเจ็บปวดหน่อยแต่ก็หลีกเลี่ยงไปไม่ได้อยู่ดี
ไฟฉายสีกระบอกทำหน้าที่ของมันอีกครั้งในค่ำคืนนี้..แต่ชายหนุ่มที่กำลังก้าวเดินไปในความมืดไม่รู้เลยว่าตนจะมีสภาพเหมือนปาร์คแจซูเมื่อไหร่..ไม่รู้เลยว่ายามฆาตของตนกำลังคืบคลานเข้ามาใกล้ทุกขณะจิต..
.
.
.
เสียงเปิดประตูที่ดังมาจากห้องโถงทำเอาเจ้าของบ้านกึ่งเดินกึ่งวิ่งออกมาอย่างรีบร้อน คิมจุนมยอนขมวดคิ้วนิ่วหน้าทันทีเมื่อเห็นปฏิกิริยากลืนไม่เข้าคลายไม่ออกของผ้าเยือน
“เกิดอะไรขึ้น” แบคฮยอนเอ่ยถามร่างสูงของนายแพทย์หนุ่ม ชานยอลหลุบตลงต่ำมองพื้นพรมสีสวย ปกติเขาเผชิญหน้ากับความตายมานักต่อนักแล้ว..แต่ช่วงเวลานี้ชายหนุ่มรู้สึกหนักอึ้งจนแทบไม่อยากปริปากออกมาสักคำเดียว
“มีใคร..เป็นอะไร..รึเปล่า?”เสียงสั่นเครือของคิมจุนมยอนราวกับตัวเร่งปฎิกิริยาชั้นดี อู๋อี้ฟานสบตาว่าที่คู่หมั้นนิ่ง ฝ่ามือหนาที่ยังคงเปียกโชกไปด้วยหยาดฝนทาบลงบนใหล่ของอีกฝ่ายไว้ทั้งสองข้าง
“ซูโฮ..ทำใจดีๆนะ..” ชายหนุ่มกวาดลึกเข้าไปในแววตาคู่นั้น เพราะมันหม่นหมองเสียแทบไม่อยากจะฟังประโยคต่อมา “คุณแจซูตายแล้ว”
เหมือนถูกความจริงฟาดแซ้ลงกลางอก จุนมยอนยืนนิ่ง อึ้งกับประโยคที่ยังคงก้องกังวานอยู่ในหัว ..คุณแจซูตายแล้ว.. พลันทำนบน้ำตาก็แตกออกทันที หยาดน้ำสีใสเอ่อรดใบหน้าเรียวเป็นครั้งที่สิบของวัน แรงสะอื้นเบาๆนั้นทำให้คนที่ยืนอยู่ตรงหน้ารั้งลำตัวบางเข้ามาปลอบประโลม..
“ผมขอโทษด้วย..เราไปไม่ทัน..” มือหนาลูบเส้นผมดำสลวย รู้สึกผิดขึ้นมา ถ้าตนสามารถจับชายชุดแดงคนนั้นได้เร็วกว่านี้ล่ะก็ชายชราอันเป็นที่รักของคฤหาสน์ก็คงไม่ต้องมาทอดร่างกลายเป็นศพแบบนี้ก็เป็นได้
คนตัวเล็กยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นเป็นเวลานานกว่าที่น้ำตาจะเหือดหายไป
“ผมอยากเห็นหน้าคุณลุงเป็นครั้งสุดท้าย..” ร่างบางค่อยๆผละออกจากแผงอกกว้าง สาวเท้าเข้าไปหาร่างหนึ่งซึ่งซ่อนตัวอยู่ในห่อผ้า มือเรียวลูบใบหน้าที่แก่ชราตามวัยอย่างอ่อนโยน บุคคลตรงหน้าเคยขึ้นชื่อว่าเป็นพ่อนมเมื่อครั้งตั้งแต่ยังเด็ก คอยดูแลรับใช้เอาใจทุกอย่าง แต่ตอนนี้กลับต้องดับชีวิตอย่างอนาถด้วยน้ำมือใครก็ไม่รู้ “ตอนที่เขาตาย..เขาเจ็บปวดมากไหมฮะ..”
เป็นคำถามที่ยากจะตอบ ทุกคนมองหน้ากันครู่หนึ่งแล้วก็เป็นร่างสูงของอี้ฟานที่เข้าไปพยุงตัวจุนมยอนขึ้นมา ชายหนุ่มกระซิบข้างใบหูเบาๆ
“ได้เวลาแล้ว..อย่าทำให้คุณแจซูต้องลำบากใจเลยนะ..”
ร่างสูงของทุกคนมารวมตัวในห้องนั่งเล่นกันอีกครั้งหลังจากที่ลำเลียงศพเข้าไปเก็บไว้ยังห้องใต้ดินและปล่อยให้ชายหนุ่มเปลี่ยนเสื้อผ้าเปียกปอนของตนจนเสร็จเรียบร้อย.. จงอินค่อยๆหยิบเอาสิ่งของที่อยู่กับตนวางลงกลางโต๊ะพลางสังเกตปฏิกิริยาของคนทั้งสี่ที่หน้านิ่วคิ้วขมวดด้วยความแปลกใจ
“มันคืออะไรกันครับ” โอเซฮุนเอ่ยถามขณะหยิบเอากุญแจดอกสีทองขึ้นมาพิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง
“ของที่คุณปาร์คกำเอาไว้แน่นก่อนตาย” เขาเอ่ยเบาๆ “กุญแจกับกระดาษ”
“แล้วข้อความนี้มันอะไรกัน” ถึงคราวแบคฮยอนถามบ้าง ชายหนุ่มไล่สายตาไปบนข้องความในกระดาษอย่างจริงจัง “knkdaimihtmylljulsenefr เหมือนจะเป็นรหัสอะไรสักอย่างหนึ่ง”
“ใช่แล้วมันคือข้อความรหัส”
“ข้อความรหัส?” ทุกสายตาจับจ้องอยู๋ที่บุรุษร่างสูงเจ้าของผิวสีแทน
“ผมเคยทำงานร่วมกันกับคุณโฮจุนผมรู้ว่ามันเป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อนักแต่..พวกเราคือสมาชิกแผนกถอดรหัสขององค์กร NSK (National Security of Korea) สำนักงานความมั่นคงระหว่างประเทศ หน่วยงานของกระทรวงกลาโหมที่ขึ้นตรงต่อประธานาธิบดี..และรหัสนี่ก็เป็นของคุณโฮจุนอย่างไม่ต้องสงสัย..” ทุกคนนิ่งอึ้งกับประโยคของคนตรงหน้า
“ด..เดี๋ยวก่อน หมายความว่ายังไง NSK? แล้วพ่อของผมไปเกี่ยวอะไรด้วย” จุนมยอนที่ดูจะตกใจกว่าใครเพื่อนมองหน้าเรียบเฉยของคิมจงอินด้วยความสงสัย
“คุณพ่อคุณมีความรู้และความเชียวชาญด้านภาษาอย่างลึกซึ่ง นั่นคือสาเหตุที่พวกเราได้ของร้องให้ท่านเข้ามาช่วยงานในองค์กรเป็นการชั่วคราว” เขาถอนหายใจ “มันเป็นเรื่องเหลวไหลที่สุดสำหรับช่วงเวลานี้ แต่มันคือความจริง นั่นคือสาเหตุว่าทำไมศาสตราจารย์ในมหาวิทยาลัยธรรมดาๆคนหนึ่งถึงมีเงินสูงระดับเศรษฐีของประเทศ”
“คุณใช้เงินซื้อพ่อผม..”
“..มันเป็นเรื่องจริง เรายอมทำทุกวิถีทางเพื่อประโยชน์ของประเทศ และพ่อของคุณก็ตอบรับคำเสนอของเรา”
“อา..ฉันอยากจะบ้าตาย” คิมจุนมยอนสบถกับตัวเอง เขารู้แล้วว่างานอะไรกันนักกันหนาที่ทำให้พ่อขลุกตัวเงียบอยู่ในห้อง แถมยังซื้อปราสาทบ้าๆนี่ไว้เป็นที่ทำงาน ทั้งหมดก็เพราะองค์กรนั่นที่ทลายชีวิตครอบครัวเขาลงอย่างเลือดเย็น..
“ผมว่าเราควรยุติเรื่องนี้กันสักครู่” จางอี้ชิงปรามขึ้นหลังจากนั่งเงียบอยู่นาน “เมื่อกี้นายบอกว่าข้อความนี่มันคือรหัสของคุณโฮจุนอย่างนั้นเหรอ?”
“ใช่..นี่คือข้อความรหัสที่ซับซ้อน ถูกสลับหรืออาจสุ่มวางด้วยวิธีเฉพาะ และที่สำคัญมันยากเกินกว่าระดับปัญญาของพ่อบ้านอย่างคุณปาร์ค..มันจึงต้องเป็นของคุณโฮจุนแน่นอน”
“หมายความว่าคุณท่านส่งมอบข้อความ ‘รหัส’ นี่เอาไว้กับพ่อบ้าน..ด้วยเหตุผลอะไร?”
“เพราะเขารู้ตัวว่ากำลังจะตาย..และรู้ว่าใครเป็นคนลงมือฆ่าน่ะสิ” โดคยองซูเสนอความคิดของตน “ที่ผมพูดเรื่องนี้ขึ้นไม่ใช่ต้องการโยงเรื่องนี้กับการตายอย่างปริศนาของคุณลุงหรอกนะ แต่ถ้าลองคิดให้ดีในอีกแง่มุมหนึ่ง..หากเรารู้ว่าตัวเองใกล้จะตายและตายด้วยน้ำมือใคร..สิ่งที่เราจะทำเป็นอันดับแรกคืออะไร?”
“บอกว่าใครเป็นคนฆ่า..”ชานยอลที่นั่งเงียบๆตอบคำถามขึ้นมาทันที
“ถูกต้อง..คิมโฮจุนพยายามจะบอกพวกเราว่าใครเป็นคนฆ่าก็เลยส่งข้อความที่เข้า ‘รหัส’ เอาไว้แก่คนที่ตนเองไว้ใจที่สุด”
“ซึ่งนั่นก็คือคุณแจซู..”
“ใช่ คุณแจซูเป็นผู้เก็บรหัสลับนั้นไว้และประเด็นสำคัญที่ทั้งสองถูกฆ่าตายนั่นก็คือ ทรัพย์สิน.. อย่างที่รู้ๆว่าคุณลุงเป็นเศรษฐีอันดับต้นของเกาหลีใต้และถ้าหากต้องตายก็ย่อมทำพินัยกรรมเพื่อยกทรัพย์สมบัติของตนให้แกทายาท..พี่ซูโฮ เอาล่ะลองสมมติว่าคุณเป็นคนร้ายที่อยากได้เงินทองพวกนี้วิธีการแย่งชิงง่ายที่สุดคือ..”
“ฆ่าทายาทแล้วขโมยเงินมาซะ..”เจ้าของบ้านเอ่ยเสียงเรียบค่อยๆประติดประต่อเรื่องราวที่ผู้เป็นน้องต้องการบอกขึ้นมาเป็นรูปเป็นร่าง
“สิ่งแรกที่คนร้ายจะทำคือหารหัสเปิดตู้เซฟซ่อนพินัยกรรมและสังหารทายาทที่มีส่วนอันชอบธรรมทิ้งซะ”
“ทำไมต้องเป็นตู้เซฟ?” คำถามจากอู๋อี้ฟานหยุดการบรรยายนั้นลง คยองซูหันหน้ามามองว่าที่พี่เขย
“เพราะคุณลุงตายที่นี่ มิหนำซ้ำยังไม่ค่อยได้ออกไปไหนไกลจากปราสาทนี่ แล้วคุณคิดว่าสถานที่ปลอดภัยสำหรับเก็บพินัยกรรมมันคือที่ไหนกันละ? ห้องนอน ใต้หมอน ใต้ฝ้าเพดาน ไม่.. คุณลุงต้องเก็บเอาไว้ในที่ที่เป็นส่วนตัวและลับกว่านั้น..และห้องเดียวที่คุณลุงชอบขลุกอยู่นั่นก็คือคือห้องทำงาน..ดังนั้นจึงต้องมีเซฟเอาไว้ยังไงล่ะ”
ร่างสูงพยักหน้ารับรู้ การวิเคราะห์สถานการณ์จากการสังเกตของคยองซูนั้นช่างยอดเยี่ยมจริงๆ สมแล้วที่เป็นอัจฉริยะ..
“แล้วยังไงต่อ..”
“เมื่อคุณลุงตายไป..คนเดียวที่น่าสงสัยว่าจะเป็นคนเก็บรหัสนั่นไว้มากที่สุดคือพ่อบ้านแจซู คนร้ายจึงย่องเข้าไปในบ้าน ใช้โอกาศที่ฟ้าฝนเป็นใจให้เกิดประโยชน์แล้วจัดการขู่หารหัสกับชายชรา..แต่โชคไม่เข้าข้างลุงแจซูเกิดตายขึ้นมาคนร้ายก็เลยต้องเข้าไปหารหัสที่อื่น”
“ในห้องทำงานของคุณพ่อ..มันต้องการฆ่าฉัน..” ราวกับเครื่องฉายภาพทำงานอีกครั้งจุนมยอนนึกถึงเรื่องราวเก่าๆ เสียงของชายชุดแดงวนเวียนขึ้นมาราวกับเทปที่กลอซ้ำไปซ้ำมา
“แกไม่น่าเกิดมาเลยคิมจุนยอน..แกแย่งความรักของฉันไป แกแย่งความรักจากพ่อไป!”
คนตัวเล็กตบมือขึ้นหนึ่งครั้ง “ใช่ เรื่องราวทุกอย่างมันถูกกำหนดไว้ล่วงหน้าแล้ว ทั้งการตายของคุณลุง ทั้งการตายของคุณแจซู หรือเรื่องที่เราต้องมาเจอกันที่ปราสาทมืดนี่ ไหนจะเงื่อนไขบ้าๆกับรหัสลับนั่นอีก ไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญไปหน่อยรึไง”
“หมายความว่าพวกเขาต้องการให้เราไขรหัสลับ”
“แน่นอน นั่นคือสาเหตุที่เราถูกเรียกตัวมา นักกฎหมาย นายแพทย์ นักดนตรี นักดาราศาสตร์ นักธุรกิจ นักภาษา นักถอดรหัส และกุญแจสำคัญคือผู้ที่เป็นทายาท” ชายหนุ่มค่อยๆไล่สายสาจนมาหยุดอยู่ที่เจ้าของบ้าน
“รหัสนี่คือข้อความที่คุณลุงทิ้งไว้ให้เรา..และไม่แน่ว่า..มันอาจจะเป็นรหัสเปิดตู้เซฟด้วย” ทุกคนตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง เรื่องราวยุ่งเหยิงเสียยิ่งกว่าการ์ตูนนักสืบที่เคยดูตอนเด็กๆเสียอีก
“ถ้าอย่างนั้นเรามาเริ่มถอดรหัสพวกนี้กันเลยดีกว่า” คิมจงอินเสนอพร้อมกับหยิบกระดาษยับยู่ยี่ขึ้นกลางอากาศ “ผมจะอธิบายหน้าตาของเจ้าพวกนี้ให้ฟังแล้วกัน ‘ข้อความรหัส’ คือข้อความที่ประกอบด้วยตัวเลขและตัวอักษรแทนคำพูดที่ถูกเข้ารหัสไว้ งานของนักถอดรหัส คือ การศึกษารหัสและถอดข้อความดั้งเดิมออกมาจากรหัส หรือที่เรียว่า ข้อความต้นฉบับ”
“แล้วเราจะเริ่มจากอะไร” จางอี้ชิงถามขึ้น “ตัวอักษรพวกนี้บอกอะไรเราได้บ้าง”
“เดี๋ยวดูนี่สิ..ข้อความพวกนี้มีบางตัวถูกขีดเส้นใต้เอาไว้” โอเซฮุนชี้ไปยังเส้นแดงๆ “ใช่แล้ว..nk yll ulse”
...kn yll ulse...
“มันดูเหมือน..การสลับอักษร” พยอนแบคฮยอนหรี่ตามองอย่างใช้ความคิด “ตามที่เห็นเรามีกุญแจสลักเป็นรูปดวงอาทิตย์ ถ้าเรียงกลุ่มคำ 3X3 ใหม่ตามนี้ก็จะได้..key sun lll”
“ทริปเปิลแอล ตัวแอลติดกันสามตัว” จงอินเอามือเกยคาง "อักษรที่เหลือต้องการจะสื่ออะไรกันแน่"
“ถ้าเกิดมันไม่ใช่ตัวแอลล่ะครับ?” เสียงใสของเซฮุนดังขึ้น
“ไม่ใช่ตัวแอล?”ชายหนุ่มทวนคำ
“ใช่..ดูนี่” ว่าพลางยกตัวไปหยิบเอาแผ่นหนังที่อยู่บนเคาน์เตอร์แล้วกางออก
“แผนที่?” ทุกคนมองหน้ากันด้วยความงง
“เอะใจกับสัญลักษณ์พวกนี้ไหมครับ” นิ้วเรียวชี้ไปตามห้องต่างๆที่มีเครื่องหมายประหลาดกำกับไว้
“จริงด้วย สัญลักษณ์พวกนี้มัน..”
“ถ้าอย่างนั้นผมจะเขียนสัญลักษน์พวกนี้ใหม่ให้ทุกคนเข้าใจได้ง่ายขึ้นนะครับ” หนุ่มน้อยนักเรียนนอกหยิบสมุดบันทึกกับปากกาขึ้นมาแล้วจดอะไรบางอย่างยุกยิกๆ “อา..เสร็จแล้ว..”
“เครื่องหมายพวกนี้คือสัญลักษณ์ที่แทนดวงดาวในระบบสุริยะทั้งหมด และที่อยู่ตรงกลางนั่นคือดวงอาทิตย์”
“เดี๋ยวก่อน! เครื่องหมายดวงอาทิตย์นี่มันตรงกับห้องทำงานชั้นบนสุดเลยนี่” ชานยอลชี้นิ้วลงไปตรงกลางภาพ
“ใช่แล้ว ขีดสามขีดนี้ไม่ใช่ตัวแอล แต่มันแทนด้วยตัวเลขโรมัน เลข 3 - III ” เซฮุนเว้นวรรคอย่างตื่นเต้นก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “..บางทีรหัสลับอาจจะอยู่ข้างบน ชั้นสาม ในห้องทำงานของคุณท่านก็เป็นได้”
.
.
.
อา..เป็นยังไงบ้างคะ? อย่าพึ่ง 'งง' น้า! เพราะคนแต่งก็แอบงงเหมือนกัน 555+ (เอ๊! ยังไง?!)
ตอนต่อไปรับรองว่าเข้มข้นไม่แพ้กัน..ถ้าใครสามารถถอดรหัสได้ก็ลองดูนะคะ แต่ไรท์เตอร์ไม่บอกหรอก 555+ แอบทรมานเล่นๆ ยังไงก็เอาใจช่วยด้วยนะคะ fighting!
ความคิดเห็น