คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ปริศนากับชายชุดแดง
‘..ราตรีสวัสดิ์ครับนายน้อย..’ เสียงนั้นยังคงก้องอยู่ในโสตประสาทตลอดระหว่างทาง คนตัวเล็กอธิบายความรู้สึกจากคำพูดจากคนชราไม่ถูก..ทั้งเหงา เศร้า และ อาวร..
..รู้สึกไม่ดีเลย..
แสงเทียนสาดส่องไปทั่วบริเวณ แสงนวลตาของมันอาบไล้แผ่นหินกว้างที่ทอดยาวสุดมุมปราสาท..ชายหนุ่มอยากรู้เหลือเกินว่าใครเป็นคนออกแบบที่นี่ เพราะระยะห่างระหว่างแต่ละห้องนั้นกว้างเสียจนน่าวังเวง..
“ถึงสักที..” คนตัวเล็กพ่นลมหายใจยาวลืมตัวว่านอกจากเขาเองก็ยังมีคนอื่นอยู่ด้วย อู๋อี้ฟานเสียบกุญแจห้อง บิดลูกปิดประตูเผยให้เห็นพื้นที่ภายในได้อย่างถนัดตา นิ้วเรียวเอื้อมไปเปิดสวิตช์ไฟตรงหัวเตียง..แชนเดอเลียกลางห้องก็ส่องแสงสีขาวนวล..
“เตียงคู่พอดี..คุณจะนอนฝั่งไหน” คนตัวเล็กรู้สึกโล่งอกอยู่ลึกๆที่ยังพอมีพื้นที่ไว้สำหรับหายใจหายคอ เตียงสี่เสาสองตัวหันข้างให้ระเบียงที่ทอดยาว..เห็นแผ่นฟ้าพร่ามัวด้วยหยาดฝน ..เวลาล่วงเลยมาสองชั่วยามแล้ว..
..เหลืออีกยี่สิบสองชั่วโมง..จุนมยอนบอกตัวเอง..
ร่างสูงเอนกายลงบนเก้าอี้ชุดนั่งเล่น ใบหน้าคมเข้มนั้นดูจริงจังและขึงขังกว่าทุกที ชายหนุ่มวางมือลงบนโต๊ะทั่วทั้งห้องเงียบกริบได้ยินเพียงเสียงลมหายใจเข้าออกเป็นจังหวะ
“เรามีเรื่องต้องคุยกัน” สุรเสียงสุมทุ้มเอ่ยบอกกับคนตัวเล็กที่เดินหลบหน้าไปอีกทาง ร่างบางหันมามองว่าที่คู่หมั้น แววตาคู่นั้นมั่นคงถึงแม้จะพึ่งผ่านเรื่องเลวร้ายที่สุดในชีวิตก็ตาม
“เอาสิ..” ตอบสั้นๆก่อนจะพาตัวเองนั่งลงตรงหน้า เขาไม่อยากจะเดินหนีปัญหาอีกแล้ว เพราะหากจะให้คิมจุนมยอนใช้ชีวิตอย่างพะวงหน้าพะวงหลังสู้ยอมเผชิญหน้าอย่างลูกผู้ชายคนหนึ่งเสียดีกว่า
“ผมรู้ว่าคุณรู้สึกตกใจและสับสน..” เขาเริ่ม ดวงตาคมปลาบสบมองโครงร่างสวยด้วยความเห็นใจ “ทั้งเรื่องคุณพ่อของคุณ.. หรือเรื่องของผม..
“มันยากนักที่จะไว้ใจคนแปลกหน้าที่พึ่งรู้จักกันแค่วันเดียว..แต่ผมอยากให้คุณเชื่อใจผม..เรายังมีเวลาอีกยาว..จนกว่าจะถึงวันนั้นคุณสามารถยกเลิกสัญญาทั้งหมด แล้วเราจะกลายเป็นเพียงคนคุ้นหน้าที่ไม่เคยรู้จักกัน”
“...”
“แค่นี้แหละที่ผมอยากพูด” ชายหนุ่มยืนขึ้นเต็มความสูง มองใบหน้าหวานนั้นครู่เดียวก่อนจะหันหลังกลับ
“ไว้ใจ..” น้ำเสียงเบาหวิวหยุดฝีเท้าของอีกฝ่ายนิ่ง คนตัวเล็กจับชายเสื้อเนื้อดีไว้หลวมๆ
“หืม?”
“ผมไว้ใจคุณได้ไหม..”
อู๋อี้ฟานระบายรอยยิ้มอบอุ่น “ได้สิ..ได้เสมอ..”
.
.
.
ดวงตาคู่สวยลืมตาโพลงในความมืด พายุยังคงโหมกระหน่ำอย่างบ้าคลั่ง..คิมจุนมยอนพลิกผ้าห่มออกจากเรือนกายกวาดมองหาเชิงเทียนที่ตั้งอยู่ไม่ไกล เขาไม่สามารถข่มตาหลับได้เลยแม้จะพยายามเท่าไรภาพทรงจำในอดีตเมื่อครั้งยังเป็นเด็กก็มักจะฉายซ้ำขึ้นมาเสมอ คนตัวเล็กหันไปอีกด้านของตน ร่างสูงนอนนิ่งไม่ไหวติงมีเพียงเสียลมหายใจเข้าออกเท่านั้น
..อู๋อี้ฟานหลับไปแล้ว..
ร่างบางประคองแสงเทียนสลัวไม่ให้ดับขณะเคลื่อนกายไปบนพื้นพรม เมื่อคิดว่าผู้เป็นพ่อต้องทนอยู่ในที่เงียบเหงา และวังเวงอย่างนี้ตลอดยี่สิบปีคนเป็นลูกก็ยิ่งปวดใจ..
นายคนใหม่ของบ้านผลักประตูไม้มะฮ็อกกานีสีเข้มอย่างระมัดระวัง กลิ่นอับและฝุ่นละอองที่ลอยฟุ้งอยู่ในอากาศบ่งบอกว่าห้องทำงานนี้ถูกปิดตายมานานหลังจากการเปลี่ยนถ่ายเจ้าของบ้านสิ้นสุดลง นิ้วเรียวลูบไล้ไปบนโต๊ะทำงานอันแสนคุ้นเคย แผ่นกระดาษ เอกสารต่างๆอยู่ในที่ของมันเช่นเดิม..ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเพียงใดพ่อก็ยังคงทำงานอย่างไม่หยุดหย่อน..คิมโฮจุนมีชีวิตอาภัพนักแม้กระทั่งห้วงสุดท้ายของชีวิต..เขาก็ยังไม่มีโอกาสได้หยุดพักเลย..
จุนมยอนวางเชิงเทียนลงบนโต๊ะ อากาศในยามวิกาลที่เริ่มหนาวเย็นขึ้นเรื่อยๆบังคับให้มือบางเกาะกระชับเสื้อไหมพรมของตนเพื่อรักษาความอบอุ่น ชายหนุ่มขมวดคิ้วอัตโนมัตเมื่อแสงสีส้มจากเทียนไขส่องกระทบวัตถุบางอย่างมุมห้อง บางสิ่งที่บอกกับเขาว่ามันไม่ควรอยู่ที่นี่
เปรี้ยง!
แสงสว่างวาบจากภายนอกปราสาทฉาบผนังห้องให้กลายเป็นสีขาวเพียงเสี้ยววินาทีในขณะที่แสงนวลตาจากเชิงเทียนนั้นดับวูบลง จุนมยอนยืนนิ่งในความมืด รู้สึกเย็นยะเยือกทั่วสรรพางค์กายเมื่อจักษุประสาทรับรู้การมีตัวตนอยู่ของใครบางคน..คนอื่นที่ไม่ใช่เขา!
เบื้องหน้าคือบุรุษนิรนามในชุดคลุมสีแดงเลือดหมู ใบหน้าปกปิดด้วยหน้ากากไม้
“ค..คุณเป็นใคร?” ร่างบางตะโกนก้อง รู้สึกไม่ดีเมื่ออีกฝ่ายย่างสามขุมเข้ามาใกล้
“ดีโอใช่ไหม? อย่าเล่นพิเรนทร์กับพี่นะ!” คนตัวเล็กถอยร่นก้าวต่อก้าว ใบหน้าขาวซีดลงทันทีเมื่อชายแปลกหน้าเงื้อมกริชในมือขึ้นมา
ฟิ้ว
คมกริชแหวกอากาศปักลงบนโต๊ะขณะที่คนตัวเล็กเอี้ยวหลบได้หวุดหวิด คิมจุนมยอนหายใจหอบถี่ ถึงแม้อากาศจะหนาวแต่เหงื่อกับออกทั่วตัวเสียนี่ เขาไม่รู้ว่าจะรับมือกับสถานการณ์นี้อย่างไร และไม่รู้ด้วยว่าตนเองจะวิ่งหลบอาวุธได้อีกนานสักแค่ไหน..
“ช่วยด้วย! ใครก็ได้ช่วยด้วย!” จุนมยอนตะโกนก้อง..หากมีเพียงแต่คลื่นความเงียบซัดตอบกลับมาเท่านั้น ชายหนุ่มอยากหายตัวออกไปจากห้องนี้ให้เร็วที่สุดเพียงแต่ก็เป็นเพียงความคิดเมื่อชายนิรนามยืนกั้นฉากประตูเอาไว้เสียมิดชิด
“แกต้องการอะไร?! เราคุยกันดีๆได้นะ..” คนตัวเล็กใช้หลักจิตวิทยาเข้าช่วยเมื่อเห็นลางไม่ดี เจ้าของผ้าคลุมสีแดงสบดวงหน้าสวยด้วยแววตาวาวโรจน์ก่อนจะใช้แรงยกคมกริชที่ฝังอยู่ในเนื้อโต๊ะออกมาอย่างง่ายดาย
“ชีวิต..” เสียงแหบพร่าตอบกลับมาเงื้อมกริชในมือขึ้นอีกครั้ง คิมจุนมยอนกวาดสายตามองรอบกาย
..ต้องมีสักอย่างที่ใช้แทนอาวุธได้ล่ะน่า..
ไวเท่าความคิดร่างบางฉวยเอาเชิงเทียนใกล้ๆฟาดข้อมือหนาของอีกฝ่ายโดยสัญชาติญาณ ด้ามกริชกระเด็นลอยหายไปในความมืดทิ้งความเจ็บปวดบนมือข้างขวาแก่ผู้บุกรุก
“อา..” มันส่งเสียงครางพลางกุมมือข้างหนึ่งของตนไว้ คนตัวเล็กสบโอกาสฟาดโครมเข้ากลางศีรษะเป็นครั้งที่สอง แรงกระแทกจากโลหะทลายหน้ากากไม้จนแตกเป็นเสี่ยงๆ..ชายนิรนามกุมใบหน้าของตัวเอง เลือดสีแดงฉานไหลอาบใบหน้าที่ซ่อนไว้ใต้ผ้าคลุม
คิมจุนมยอนเริ่มเห็นแสงแห่งความหวังอยู่ร่ำไร คนตัวเล็กได้โอกาศสาวเท้าหนีออกจากห้องหากแต่ยังไม่ทันได้ข้ามพ้นอาณาเขตบุรุษในชุดคลุมสีแดงก็พุ่งตรงเข้ามาหาด้วยความเร็ว มือหนาฉวยข้อมือบางตรึงไว้กับพื้นขณะที่อีกข้างนั้นบีบลำคอระหงแน่น
“ช่วยด้วย!” โครงร่างบางแผดเสียงให้ดังที่สุดพลางทุบตีท่อนแขนแข็งแรงของอีกฝ่าย แต่เมื่ออยู่ต่อหน้านักฆ่ามืออาชีพเรี่ยวแรงน้อยๆนั้นแทบจะเบาบางราวกับสายลม
“ช่วยด้วย! แค่ก แค่ก” เสียงร้องเริ่มเบาลงทุกทีขณะที่แรงบีบนั้นทวีคูณขึ้นหลายเท่า
“แกไม่น่าเกิดมาเลยคิมจุนยอน..แกแย่งความรักของฉันไป แกแย่งความรักจากพ่อไป!” น้ำเสียงสั่นเครือแฝงไว้ด้วยความแค้น ลมหายใจเริ่มรวยละรินลงไปทุกที ขณะที่วินาทีแห่งความเป็นความตายใกล้เข้ามาจู่ภาพของใครบางคนก็ปรากฏอยู่ในห้วงสำนึก..อู๋อี้ฟาน
“ช่วย..ช่วย..ด้วย..”
พลั่ว!
เสียงกำปั้นดังแหวกกลางอากาศก่อนจะซัดเข้าบนโครงหน้าผู้บุกรุกจนร่างที่นั่งคร่อมเจ้าของบ้านไว้อยู่เซถลาไป คนตัวเล็กมองผู้มาเยือนด้วยแววตาพร่าเลือน โครงร่างสูง ใบหน้าคมเข้มหากตอนนี้แฝงไว้ด้วยความโกรธจนถึงขีดสุด
“คริส!”
บุรุษปริศนาทรงตัวขึ้นอีกครั้ง มันมองร่างบางสลับกับคนตัวสูงอย่างชั่งใจแล้วพ่นเสียงสบถออกมาเบาๆ
“คิมจุนมยอนคราวหน้าแกไม่รอดแน่!” พูดเสร็จร่างกำยำก็พุ่งเข้ากระแทกบานกระจกแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
เพล้ง!
ร่างสูงของว่าที่คู่หมั้นโผเข้ามาประคองเจ้าของดวงหน้าหวานที่ตอนนี้ซีดเซียวราวกับแผ่นกระดาษ เพราะอะไรไม่รู้จุนมยอนกลับรู้สึกปลอดภัยเมื่อเห็นหน้าของเขา
“ทำใจดีๆไว้ซูโฮ คุณปลอดภัยแล้วนะ” คนร่างสูงตบดวงหน้าหวานเบาๆให้ได้สติ สารภาพตามตรงเขาแทบใจหายเมื่อตื่นขึ้นมาพบเพียงความว่างเปล่าบนเตียงข้างๆเท่านั้น จุนมยอนหายตัวไปไหนในยามที่ทุกอย่างดูวุ่นวายเช่นนี้
“เกิดอะไรขึ้น!” เสียงของทนายประจำตระกูลดังขึ้นพร้อมกับคนในบ้านที่ทยอยลงมาโดยมีเซฮุนวิ่งไล่หลังเป็นคนสุดท้าย
“มีคนพยายามจะฆ่าซูโฮ!” อู๋อี้ฟานชี้ไปยังบานกระจกที่แตกเป็นเสี่ยงๆ “ดีที่เข้ามาช่วยไว้ทันเวลา”
“มันเป็นใครพอจะเห็นหน้าไหม” จงอินเอ่ยถามเอื้อมมืดไปเปิดสวิทช์ไฟ แสงสว่างจากช่อแชนเดอเลียสาดส่องไปทั่วบริเวณ
“ไม่..มันมืดเกินไป”
“ผมขอดูอาการหน่อย” เสียงเรียบจากนายแพทย์หนุ่มแหวกวงล้อมเข้ามา มือหนาคลำดูชีพจรที่เต้นอย่างอ่อนแรง “พาคุณซูโฮออกไปจากที่นี่ก่อน” หันไปสบตากับร่างสูงที่ยังคงประคองร่างคู่หมั้นไว้ ไม่กี่อึดใจร่างบางของคนตัวเล็กก็ถูกยกขึ้นในอ้อมแขนแข็งแกร่งออกไปยังส่วนรับแขก
“ฮยองเป็นไงบ้างครับ” โอเซฮุนถามพี่ชายทันทีเมื่อชายหนุ่มนั่งลงบนโซฟายาว
“ฉันไม่เป็นไรหรอก.. โอ๊ะ! เซฮุนนา หัวนายไปโดนอะไรมา?!” ชี้ไปยังบาดแผลเหนือคิ้วข้างขวา “เลือดไหลด้วย”
“คือ..ผมสะดุดล้มตอนที่ลงมาไม่เปนไรมากหรอกครับ” รอยยิ้มจืดๆที่ส่งมาให้นั้นยิ่งทำให้คนเป็นพี่นึกเอ็นดูน้องชายคนนี้ขึ้นมาทันที
“อาการโดยรวมไม่เป็นไรมากมีแค่รอยฟกช้ำเฉยๆ” ชานยอลเก็บเอาชุดหูฟังลงข้างกาย “แต่ถ้าขืนช้ามากไปกว่านี้..”
“รู้รึเปล่าว่ามันต้องการอะไร” คำถามของไคทำเอาร่างบางสั่นสะท้านเพราะความกลัว
“..ชีวิต..”
“..แกไม่น่าเกิดมาเลยคิมจุนยอน..แกแย่งความรักของฉันไป แกแย่งความรักจากพ่อไป!”
“ทางที่ดีเราควรให้คุณซูโฮอยู่ในที่ปลอดภัย อีกแปดชั่วโมงก็เช้าแล้ว” ทนายหนุ่มนึกถึงชายชุดแดงที่ตนเห็นเมื่อหัวค่ำ “พวกเรารวมตัวในห้องนี้ก่อนละกันเพื่อความปลอดภัย”
“เกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นคงไม่มีใครมีกะจิตกะใจนอนหลับลงหรอก” คยองซูบ่นเสียงเบา มองหน้าพี่ชายที่ค่อยๆฟื้นอาการ
“เอาอย่างนี้ก็แล้วกันจัดเวรยามเฝ้าดูรอบๆทุกชั่วโมง..ผมคุณไค คุณเลย์กับคุณหมอ” ร่างสูงจัดแจงเอาเอง ในยามคับขันเช่นนี้อู๋อี้ฟานกลับมีภาวะผู้นำสูงจนเหลือเชื่อ
“กรี๊ด!”
เสียงร้องของหญิงสาวหยุดบทสนทนาทั้งหมดทันที ทุกคนมองหน้ากันอย่างตื่นตระหนกขณะที่ปล่อยให้ความเงียบครอบงำทั้วทั้งห้อนั่งเล่น
“เสียงอะไรน่ะ!” คยองซูพูดพลางมองออกไปข้างนอก ในตัวปราสาทไม่มีคนอื่นนอกจากพวกเขาแน่ๆ
“ดังมาจากเรือนคนใช้ด้านหลัง” แบคฮยอนสมทบ
“ไปดูกันเถอะ” และเป็นร่างบางที่เอ่ยขึ้นมาสุดท้าย อู๋อี้ฟานมองใบหน้าหวานที่แฝงไว้ด้วยความตระหนก พึ่งเจอสถานการณ์เลวร้ายมาหมาดๆยังไม่เข็ดอีกรึไง?!
“ซูโฮคุณอยู่นี่แหละ เซฮุน ดีโอ แบคฮยอนฝากซูโฮด้วย” ร่างสูงกำชับคนอายุน้อยกว่าอย่างหนักแน่น..พลางหันไปหาอีกทาง “คุณเลย์ คุณไค คุณชานยอลมากับผม”
.
.
.
พายุที่โหมกระหน่ำยามค่ำคืนนั้นไม่มีทีท่าว่าจะหยุดหย่อนเลย แสงสีส้มจากกระบอกไฟฉายที่ซ่อนไว้ใกล้ทางเข้าออกเผื่อกรณีฉุกเฉินกำลังทำหน้าที่ของมันได้ดีแม้จะอยู่ในสภาพอากาศโหดร้ายเช่นนี้ก็ตาม บุรุษสี่คนพาร่างตัวเองผ่านม่านสายฝนมายังเรือนคนใช้อย่างยากเย็นเพียงไม่นานแขกผู้มาเยือนก็ถึงที่หมายเบื้องหน้าโดยปลอดภัย
“เกิดอะไรขึ้น!” อี้ฟานถามสาวใช้ที่ยืนปิดปากด้วยความกลัว สีหน้าตกใจนั้นร้องไห้โฮเมื่อเห็นชายหนุ่มเดินเข้ามา
“คุณปาร์ค คุณปาร์ค” หญิงสาวชี้เข้าไปในห้อง ร่างสูงทั้งสีแทบจะหยุดหายใจเมื่อสิ่งที่พบตรงหน้านั้นคือร่างของชายชราที่นั่งคอพับพิงกับผนังปล่อยให้เลือดสีแดงฉานไหลนองทั่วพื้นห้อง ชานยอลปรี่เข้าหาพ่อบ้านอย่างรวดเร็ว มือหนาอังที่ปลายจมูกก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ
“เรามาช้าเกินไป” เขาเอ่ยประโยคสั้นๆ มองใบหน้าคมเข้มของอี้ฟานที่กำลังพยายามเรียกสติของตนกลับมา
“ดูนี่สิ” คิมจงอินชี้ไปยังบางอย่างในฝ่ามือคนชรา “คุณปาร์คกำมันแน่นไม่ยอมปล่อยเลย” ชายหนุ่มเอาสิ่งของนั้นออกมาอย่างระมัดระวัง มันคือกุญแจสีทองสลักลวดลายเป็นรูปพระอาทิตย์และ กระดาษกี่ถูกกำจนยับยู่ยี่อีกหนึ่งแผ่น
“มันคืออะไร”จางอี้ชิงถามด้วยความแปลกใจ จงอินมองแววตาอยากรู้ของทุกคนครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจคลี่มันออกมาแล้วอุทานกับตัวเองเบาๆ
“..พระเจ้า..ช่วยบอกผมทีว่ามันคืออะไร!”
.
.
.
อา..ในที่สุดรหัสลับตัวแรกก็ออกมาเสียที 555+ ขอบคุณที่ทักเรื่องฟอนท์นะคะ ตอนที่เอาลงไม่ทันได้สังเกต ลืมว่าต้องเปลี่ยนเป็นฟ้อนต์ที่มีในเด็กดี ตอนนี้แก้ปัญหาเรียบร้อยแล้วนะคะ.. เอาใจช่วยทุกคนตามจับคนร้ายด้วยเน้อ บ๊ายบาย
ความคิดเห็น