คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ปราสาทรัตติกาล
เสียงแสบแก้วหูจากท่าอากาศยานนานาชาติอินชอนเป็นสัญญาณบอกว่าเครื่องบินเที่ยวล่าสุดที่กำลังจะลงจอดบนพื้นแผ่นดินเกาหลีนั้นนำพาชายหนุ่มร่างบางหากแต่หัวใจเต็มไปด้วยความรุ่มร้อนกลับมายังบ้านเกิดได้อย่างปลอดภัย ปีกเหล็กกล้าของนกยักษ์ตัดกลีบเมฆบางเป็นริ้วในขณะที่ลดระดับความสูงเตรียมแลนด์ดิ้ง.. ดวงตาคู่สวยทอดมองพื้นดินที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆพลันนึกถึงใบหน้าของผู้มีพระคุณที่สุดในชีวิต..
..รอก่อนนะครับคุณพ่อ..ผมกำลังไปหา..
ความวุ่นวายภายใต้พื้นที่หลายร้อยตารางเมตรแผ่กระจายไปทั่วบริเวณขณะที่ผู้โดยสารทุกคนทยอยเดินเข้าสู่สนามบิน ร่างบางในชุดเสวทเตอร์สีดำสนิทเคลื่อนตัวผ่านฝูงชนหนาแน่นอย่างยากเย็น มือเรียวพับแว่นตาสีชาเก็บไว้ในกระเป๋าเผยให้เห็นรอยช้ำใต้ดวงตา คิมจุนมยอนบังคับรถเข็นปลีกตัวออกจากธารกำนัล
“คุณหนูจุนมยอนใช่ไหมครับ” เสียงหนึ่งดังขึ้นด้านหลัง ชายชราร่างบางในชุดสูทสีดำเรียบสนิทเข้าคู่กับเนคไทปักตราดวงอาทิตย์ที่ยังคงเอกลักษณ์ของพ่อบ้านตระกูลคิมยาวนานกว่ายี่สิบปี ชายชราโค้งให้คนอายุน้อยกว่าอย่างนอบน้อม
“คุณลุงปาร์ค?” คนถูกเรียกชื่อเงยหน้ามองนายน้อยของตนที่บัดนี้โตเป็นหนุ่มด้วยดวงตาตื้นตัน นับตั้งแต่คุณผู้หญิงพาตัวจุนมยอนออกจากบ้านไปตัวเขาเองก็ไม่ได้ติดต่อกับเด็กน้อยคนนี้อีกเลย
“เรารีบไปกันเถอะครับ ผมอยากพบพ่อ”
“ทางนี้ครับ เราเตรียมรถไว้แล้ว”
ลีมูซีนสีดำสนิทที่จอดนิ่งอยู่ใกล้ชานชาลาสตาร์ทเครื่องทันทีเมื่อนายคนใหม่พาตัวเองเข้ามานั่งบนเบาะหนัง ชายหนุ่มเอนกายพิงเบาะหลังอย่างอ่อนใจ การเดินทางยาวนานกว่าเจ็ดชั่วโมงกินพลังงานไปมากกว่าคาดคิดนัก
“พักผ่อนสายตาได้นะครับ..เมื่อถึงที่หมายแล้วผมจะปลุกเอง” ชายชราหันมาบอกเมื่อเห็นสีหน้าของร่างบางผ่านกระจกมองหลัง
“ขอบคุณครับ..” คิมจุนมยอนปิดเปลือกตาลงช้าๆ นิ้วเรียวกำของดูต่างหน้าที่ผู้เป็นพ่อเคยให้ไว้เมื่อครั้งยังเป็นเด็กเอาไว้แน่น.. ไม่นานคนตัวเล็กก็จมลงสู่ห้วงนิทรารมย์..เนิ่นนานเกินกว่าจะตระหนักว่าตัวเองกำลังมุ่งหน้าสู่ความมืดมิด..อันไร้ขอบเขต..
“จุนมยอนมาหาพ่อซิลูก..มานี่มะ” เสียงนุ่มของชายวัยกลางคนเรียกความสนใจจากเด็กน้อยที่กำลังประกอบตัวต่ออยู่เงียบๆที่มุมห้องมาอยู่ที่ตน ร่างเล็กวัยห้าขวบละมือกับปราสาทไม้ตรงหน้าแล้วเดินเตาะแตะมาหาผู้เป็นพ่ออย่างว่าง่าย
“คับคุณพ่อ” น้ำเสียงเจื้อแจ้วบวกกับความใสซื่อน่ารักทำให้คิมโฮจุนอดรั้งตัวเด็กน้อยเข้ามากอดไว้แนบกายไม่ได้ มือหนายกร่างบางขึ้นนั่งบนตักก่อนจะลูบไล้ไปบนเรือนผมสีเข้มสนิมอย่างเอ็นดู
“เอาล่ะ..พ่อมีอะไรจะให้ดู” พูดจบแผ่นกระดาษสี่ใบก็ปรากฏบนโต๊ะ
“อะไรเหรอฮับ?”
ชายวัยกลางคนระบายรอยยิ้มบนริมฝีปากบาง “ข้อความลับ”
“ข้อความลับเหรอฮะ?”
“ดูนี่แล้วบอกพ่อว่ามันคืออะไรก็พอ” มือหนาค่อยๆหยิบแผ่นกระดาษขึ้นมาทีละใบ
“ดวงดาว..”
“อันนี้ล่ะ?”
“เอ่อ..พระจันทร์ฮะ”
“อันต่อไป..”
“ปืน..”
“อันสุดท้ายแล้ว..”
“..หยดน้ำ”
“เก่งมากครับ” จูบลงกลางกระหม่อม “ไหนคราวนี้ลองไล่ทั้งหมดให้พ่อฟังทีซิ”
“ดวงดาว..พระจันทร์..ปืน..หยดน้ำ..”
“เยี่ยมเลยจุนมยอน จำเอาไว้ให้แม่นนะ..พ่อมีรางวัลให้กับคนเก่งด้วย” พูดจบสร้อยโลหะก็หล่นลงตรงหน้าเด็กน้อย คนตัวเล็กดวงตาเป็นประกายวิบวับด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“มันคืออะไรเหรอฮับ?” คนเป็นพ่อไม่ตอบเพียงแต่ปลดสายสร้อยแล้วคล้องคอผู้เป็นลูก มือน้อยๆยกมันขึ้นมาดูอย่างตื่นเต้น โลหะสีเข้มที่หล่อเป็นลวดลายปืนกับลูกกระสุนแบบตะวันตก
“มันคือนาฬิกาครับ”นิ้วกลมกดลงบนปุ่มเล็กด้านข้าง มันส่งเสียงกริ๊กแล้วเปิดออกเผยให้เห็นหน้าปัดนาฬิกาตัวเลขโรมัน “เก็บเอาไว้ให้ดีๆนะครับ สัญญากับพ่อ..อย่าถอดมันออกจนกว่าจะถึงเวลา เข้าใจไหมครับ”
“เข้าใจครับ” เด็กชายพยักหน้าถึงแม้ว่าจะไม่รู้ความหมายโดยนัยน์ที่ผู้เป็นพ่อต้องการจะสื่อ
.
.
.
แรงสั่นสะเทือนค่อยๆปลุกร่างบางให้ตื่นขึ้นจากนิทรารมย์ คนตัวเล็กแทบจะกระโดดพุ่งชนขอบกระจกเมื่อลีมูซีนคันหรูทะยานสู่ถนนลูกรัง คิมจุนมยอนมองใบหน้าเรียบเฉยของพ่อบ้านจากกระจกมองด้านหลัง สายตาสีน้ำตาลเข้มคู่นั้นราวกับพยายามจะบอกว่า “นี่มันอะไรกัน?!”
“ตื่นแล้วเหรอครับ อีกหน่อยก็คงถึง” ชายชราเค้นเสียงออกมา ขณะที่รอบกายเริ่มรายล้อมด้วยแมกไม้น้อยใหญ่
“เดี๋ยว! เดี๋ยวก่อน! นี่มันอะไรกัน? เราไม่ได้กำลังเดินทางไปที่โบสถ์หรอกเหรอ?!” คิ้วหนาขมวดเป็นปม “แล้วงานศพล่ะ นี่มันอะไรกันคุณลุงปาร์ค!”
ชายชราผ่อนลมหายใจช้าๆ ร่มเงาจากกิ่งก้านสาขากลืนกลินแสงสว่างยามอัสดงมากขึ้นทุกที “ไม่มีงานศพหรอกครับ” ชายชราตอบเสียงเรียบ
“ได้ยังไงกัน! พ่อผมตายทั้งคนนะ..แล้วท่านก็ไม่ได้ไร้ญาติขาดมิตรด้วย โทษทีเถอะศาสตราจารย์คิมโฮจุนตายทั้งคนไม่มีใครคิดจะจัดพิธีให้สมเกียรติหน่อยรึไง?” คนตัวเล็กโผลงออกไปด้วยอารมณ์โทสะ ใบหน้าแดงกร่ำ ริมฝีปากบางเม้มสนิทจนกลายเป็นเส้นตรง
“ทุกอย่างที่ผมทำคือความประสงค์สุดท้ายของคุณท่านก่อนสิ้นใจ โปรดเคารพการตัดสินใจของท่านด้วยถึงแม้ว่ามันอาจจะไม่มีเหตุผล และอยู่นอกเหนือการคาดเดาของเราทั้งหมดก็ตาม”พ่อบ้านประจำตระกูลตอบด้วยน้ำเสียงเรียบสนิทเช่นเคย..เพราะความเคารพอย่างไร้เคลือบแคลงทำให้ชายชราลงมือทำทุกอย่างตามที่ผู้เป็นนายสั่ง
ร่างน้อยๆได้แต่หายใจฟึดฟัดอย่างไม่พอใจ..ท้องฟ้าเบื้องนอกถูกย้อมด้วยสีส้มของอาทิตย์อัสดงดูแล้วอบอุ่นและสบายตาหากแต่ภายในใจเขาตอนนี้ร้อนรุ่มปานเพลิงโลกันต์สุมอยู่ในอก..ร่างบางได้แต่นั่งนิ่งๆยอมให้เขาพาไปอย่างว่าง่าย..แล้วความเงียบก็แผ่ขยายกินบริเวณกว้างอีกครั้ง
..ใช่ผมไม่เข้าใจ! ผมไม่เข้าใจว่าคุณพ่อตั้งใจจะให้ผมทำอะไรกันแน่..
“สถานทีที่เราจะไปคือที่ที่คุณหนูเคยจากมา”ปาร์คแจซูเอ่ยทำลายความเงียบขณะบังคับพวงมาลัยให้รถพุ่งไปข้างหน้า ชายหนุ่มเห็นยอดแหลมของสิ่งก่อสร้างโบราณที่ค่อยๆโผล่พ้นร่มเงาของต้นไม้จนก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างชัดเจน พลันความทรงจำส่วนหนึ่งในอดีตก็ย้อนกลับคืนมาราวกับกลอภาพยนตร์
..ขณะที่รถเคลื่อนเข้าใกล้ ตัวผมกลับรู้สึกอยากวิ่งหนีออกมาให้เร็วที่สุด เจ้าก้อนอิฐยักษ์ทื่อๆนั่นไม่ได้ให้ความรู้สึกเป็น 'บ้าน' เอาเสียเลย ไม่มีแม้กระทั่งความอบอุ่น..ไม่มีแม้กระทั่งความทรงจำดีๆ..สำหรับผมมันคือรอยบากบนแผ่นฟิล์มชีวิตที่ไม่มีวันจากหายไปตลอดกาล..
ที่แห่งนี้..สถานที่ซึ่งเก็บงำความลับหลายๆอย่างของคุณพ่อไว้ใต้เงามืดอย่างมิดชิด
รูปทรงของมันยังคงดูน่าเกรงขามและลึกลับถึงแม้จะผ่านช่วงเวลายาวนานหลายทศวรรษ.. มันกำลังกู่ร้องขานชื่อเจ้าของคนใหม่ผ่านสายลมบางอย่างแผ่วเบา.. ชื่อของมันคือ.. ‘ปราสาทรัตติกาล’
.
.
.
ในที่สุดน้องโฮก็จะได้เข้าไปในปราสาทแล้ว..ติดตามอีกเจ็ดคนที่เหลือได้ในตอนหน้านะจ๊ะ..
ความคิดเห็น