ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic (exo) Pandora Hours : ปราสาทรัตติกาล (นิยายชุดรัตติกาล)

    ลำดับตอนที่ #3 : ปราสาทรัตติกาล

    • อัปเดตล่าสุด 2 เม.ย. 56


     

     

              เสียงแสบแก้วหูจากท่าอากาศยานนานาชาติอินชอนเป็นสัญญาณบอกว่าเครื่องบินเที่ยวล่าสุดที่กำลังจะลงจอดบนพื้นแผ่นดินเกาหลีนั้นนำพาชายหนุ่มร่างบางหากแต่หัวใจเต็มไปด้วยความรุ่มร้อนกลับมายังบ้านเกิดได้อย่างปลอดภัย ปีกเหล็กกล้าของนกยักษ์ตัดกลีบเมฆบางเป็นริ้วในขณะที่ลดระดับความสูงเตรียมแลนด์ดิ้ง.. ดวงตาคู่สวยทอดมองพื้นดินที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆพลันนึกถึงใบหน้าของผู้มีพระคุณที่สุดในชีวิต..

              ..รอก่อนนะครับคุณพ่อ..ผมกำลังไปหา..

     

              ความวุ่นวายภายใต้พื้นที่หลายร้อยตารางเมตรแผ่กระจายไปทั่วบริเวณขณะที่ผู้โดยสารทุกคนทยอยเดินเข้าสู่สนามบิน ร่างบางในชุดเสวทเตอร์สีดำสนิทเคลื่อนตัวผ่านฝูงชนหนาแน่นอย่างยากเย็น มือเรียวพับแว่นตาสีชาเก็บไว้ในกระเป๋าเผยให้เห็นรอยช้ำใต้ดวงตา คิมจุนมยอนบังคับรถเข็นปลีกตัวออกจากธารกำนัล

     

              “คุณหนูจุนมยอนใช่ไหมครับ” เสียงหนึ่งดังขึ้นด้านหลัง ชายชราร่างบางในชุดสูทสีดำเรียบสนิทเข้าคู่กับเนคไทปักตราดวงอาทิตย์ที่ยังคงเอกลักษณ์ของพ่อบ้านตระกูลคิมยาวนานกว่ายี่สิบปี ชายชราโค้งให้คนอายุน้อยกว่าอย่างนอบน้อม

     

              “คุณลุงปาร์ค?” คนถูกเรียกชื่อเงยหน้ามองนายน้อยของตนที่บัดนี้โตเป็นหนุ่มด้วยดวงตาตื้นตัน นับตั้งแต่คุณผู้หญิงพาตัวจุนมยอนออกจากบ้านไปตัวเขาเองก็ไม่ได้ติดต่อกับเด็กน้อยคนนี้อีกเลย

     

              “เรารีบไปกันเถอะครับ ผมอยากพบพ่อ”

     

              “ทางนี้ครับ เราเตรียมรถไว้แล้ว”

     

              ลีมูซีนสีดำสนิทที่จอดนิ่งอยู่ใกล้ชานชาลาสตาร์ทเครื่องทันทีเมื่อนายคนใหม่พาตัวเองเข้ามานั่งบนเบาะหนัง ชายหนุ่มเอนกายพิงเบาะหลังอย่างอ่อนใจ การเดินทางยาวนานกว่าเจ็ดชั่วโมงกินพลังงานไปมากกว่าคาดคิดนัก

     

              “พักผ่อนสายตาได้นะครับ..เมื่อถึงที่หมายแล้วผมจะปลุกเอง” ชายชราหันมาบอกเมื่อเห็นสีหน้าของร่างบางผ่านกระจกมองหลัง

     

              “ขอบคุณครับ..” คิมจุนมยอนปิดเปลือกตาลงช้าๆ นิ้วเรียวกำของดูต่างหน้าที่ผู้เป็นพ่อเคยให้ไว้เมื่อครั้งยังเป็นเด็กเอาไว้แน่น.. ไม่นานคนตัวเล็กก็จมลงสู่ห้วงนิทรารมย์..เนิ่นนานเกินกว่าจะตระหนักว่าตัวเองกำลังมุ่งหน้าสู่ความมืดมิด..อันไร้ขอบเขต..

     

              “จุนมยอนมาหาพ่อซิลูก..มานี่มะ” เสียงนุ่มของชายวัยกลางคนเรียกความสนใจจากเด็กน้อยที่กำลังประกอบตัวต่ออยู่เงียบๆที่มุมห้องมาอยู่ที่ตน ร่างเล็กวัยห้าขวบละมือกับปราสาทไม้ตรงหน้าแล้วเดินเตาะแตะมาหาผู้เป็นพ่ออย่างว่าง่าย

     

              “คับคุณพ่อ” น้ำเสียงเจื้อแจ้วบวกกับความใสซื่อน่ารักทำให้คิมโฮจุนอดรั้งตัวเด็กน้อยเข้ามากอดไว้แนบกายไม่ได้ มือหนายกร่างบางขึ้นนั่งบนตักก่อนจะลูบไล้ไปบนเรือนผมสีเข้มสนิมอย่างเอ็นดู

     

              “เอาล่ะ..พ่อมีอะไรจะให้ดู” พูดจบแผ่นกระดาษสี่ใบก็ปรากฏบนโต๊ะ

     

              “อะไรเหรอฮับ?”

     

              ชายวัยกลางคนระบายรอยยิ้มบนริมฝีปากบาง “ข้อความลับ”

     

              “ข้อความลับเหรอฮะ?”

     

              “ดูนี่แล้วบอกพ่อว่ามันคืออะไรก็พอ” มือหนาค่อยๆหยิบแผ่นกระดาษขึ้นมาทีละใบ

     

              “ดวงดาว..”

     

              “อันนี้ล่ะ?”

     

              “เอ่อ..พระจันทร์ฮะ”

     

              “อันต่อไป..”

     

              “ปืน..”

     

              “อันสุดท้ายแล้ว..”

     

              “..หยดน้ำ”

     

              “เก่งมากครับ” จูบลงกลางกระหม่อม “ไหนคราวนี้ลองไล่ทั้งหมดให้พ่อฟังทีซิ”

     

              “ดวงดาว..พระจันทร์..ปืน..หยดน้ำ..”

     

              “เยี่ยมเลยจุนมยอน จำเอาไว้ให้แม่นนะ..พ่อมีรางวัลให้กับคนเก่งด้วย” พูดจบสร้อยโลหะก็หล่นลงตรงหน้าเด็กน้อย คนตัวเล็กดวงตาเป็นประกายวิบวับด้วยความอยากรู้อยากเห็น

     

              “มันคืออะไรเหรอฮับ?” คนเป็นพ่อไม่ตอบเพียงแต่ปลดสายสร้อยแล้วคล้องคอผู้เป็นลูก มือน้อยๆยกมันขึ้นมาดูอย่างตื่นเต้น โลหะสีเข้มที่หล่อเป็นลวดลายปืนกับลูกกระสุนแบบตะวันตก

     

              “มันคือนาฬิกาครับ”นิ้วกลมกดลงบนปุ่มเล็กด้านข้าง มันส่งเสียงกริ๊กแล้วเปิดออกเผยให้เห็นหน้าปัดนาฬิกาตัวเลขโรมัน “เก็บเอาไว้ให้ดีๆนะครับ สัญญากับพ่อ..อย่าถอดมันออกจนกว่าจะถึงเวลา เข้าใจไหมครับ”

     

              “เข้าใจครับ” เด็กชายพยักหน้าถึงแม้ว่าจะไม่รู้ความหมายโดยนัยน์ที่ผู้เป็นพ่อต้องการจะสื่อ

    .

    .

    .

              แรงสั่นสะเทือนค่อยๆปลุกร่างบางให้ตื่นขึ้นจากนิทรารมย์ คนตัวเล็กแทบจะกระโดดพุ่งชนขอบกระจกเมื่อลีมูซีนคันหรูทะยานสู่ถนนลูกรัง คิมจุนมยอนมองใบหน้าเรียบเฉยของพ่อบ้านจากกระจกมองด้านหลัง สายตาสีน้ำตาลเข้มคู่นั้นราวกับพยายามจะบอกว่า “นี่มันอะไรกัน?!

     

              “ตื่นแล้วเหรอครับ อีกหน่อยก็คงถึง” ชายชราเค้นเสียงออกมา ขณะที่รอบกายเริ่มรายล้อมด้วยแมกไม้น้อยใหญ่

     

              “เดี๋ยว! เดี๋ยวก่อน! นี่มันอะไรกัน? เราไม่ได้กำลังเดินทางไปที่โบสถ์หรอกเหรอ?!” คิ้วหนาขมวดเป็นปม “แล้วงานศพล่ะ นี่มันอะไรกันคุณลุงปาร์ค!

     

              ชายชราผ่อนลมหายใจช้าๆ ร่มเงาจากกิ่งก้านสาขากลืนกลินแสงสว่างยามอัสดงมากขึ้นทุกที “ไม่มีงานศพหรอกครับ” ชายชราตอบเสียงเรียบ

     

              “ได้ยังไงกัน! พ่อผมตายทั้งคนนะ..แล้วท่านก็ไม่ได้ไร้ญาติขาดมิตรด้วย โทษทีเถอะศาสตราจารย์คิมโฮจุนตายทั้งคนไม่มีใครคิดจะจัดพิธีให้สมเกียรติหน่อยรึไง?” คนตัวเล็กโผลงออกไปด้วยอารมณ์โทสะ ใบหน้าแดงกร่ำ ริมฝีปากบางเม้มสนิทจนกลายเป็นเส้นตรง

     

              “ทุกอย่างที่ผมทำคือความประสงค์สุดท้ายของคุณท่านก่อนสิ้นใจ โปรดเคารพการตัดสินใจของท่านด้วยถึงแม้ว่ามันอาจจะไม่มีเหตุผล และอยู่นอกเหนือการคาดเดาของเราทั้งหมดก็ตาม”พ่อบ้านประจำตระกูลตอบด้วยน้ำเสียงเรียบสนิทเช่นเคย..เพราะความเคารพอย่างไร้เคลือบแคลงทำให้ชายชราลงมือทำทุกอย่างตามที่ผู้เป็นนายสั่ง

              ร่างน้อยๆได้แต่หายใจฟึดฟัดอย่างไม่พอใจ..ท้องฟ้าเบื้องนอกถูกย้อมด้วยสีส้มของอาทิตย์อัสดงดูแล้วอบอุ่นและสบายตาหากแต่ภายในใจเขาตอนนี้ร้อนรุ่มปานเพลิงโลกันต์สุมอยู่ในอก..ร่างบางได้แต่นั่งนิ่งๆยอมให้เขาพาไปอย่างว่าง่าย..แล้วความเงียบก็แผ่ขยายกินบริเวณกว้างอีกครั้ง

              ..ใช่ผมไม่เข้าใจ! ผมไม่เข้าใจว่าคุณพ่อตั้งใจจะให้ผมทำอะไรกันแน่..

     

              “สถานทีที่เราจะไปคือที่ที่คุณหนูเคยจากมา”ปาร์คแจซูเอ่ยทำลายความเงียบขณะบังคับพวงมาลัยให้รถพุ่งไปข้างหน้า ชายหนุ่มเห็นยอดแหลมของสิ่งก่อสร้างโบราณที่ค่อยๆโผล่พ้นร่มเงาของต้นไม้จนก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างชัดเจน พลันความทรงจำส่วนหนึ่งในอดีตก็ย้อนกลับคืนมาราวกับกลอภาพยนตร์
     

             ..ขณะที่รถเคลื่อนเข้าใกล้ ตัวผมกลับรู้สึกอยากวิ่งหนีออกมาให้เร็วที่สุด เจ้าก้อนอิฐยักษ์ทื่อๆนั่นไม่ได้ให้ความรู้สึกเป็น 'บ้าน' เอาเสียเลย ไม่มีแม้กระทั่งความอบอุ่น..ไม่มีแม้กระทั่งความทรงจำดีๆ..สำหรับผมมันคือรอยบากบนแผ่นฟิล์มชีวิตที่ไม่มีวันจากหายไปตลอดกาล..

              ที่แห่งนี้..สถานที่ซึ่งเก็บงำความลับหลายๆอย่างของคุณพ่อไว้ใต้เงามืดอย่างมิดชิด
    รูปทรงของมันยังคงดูน่าเกรงขามและลึกลับถึงแม้จะผ่านช่วงเวลายาวนานหลายทศวรรษ.. มันกำลังกู่ร้องขานชื่อเจ้าของคนใหม่ผ่านสายลมบางอย่างแผ่วเบา.. ชื่อของมันคือ..
    ปราสาทรัตติกาล

    .
    .
    .
    ในที่สุดน้องโฮก็จะได้เข้าไปในปราสาทแล้ว..ติดตามอีกเจ็ดคนที่เหลือได้ในตอนหน้านะจ๊ะ..



    :)  Shalunla
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×