คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 1
ตอนที่ 1
เสื้อผ้าที่ถูกปลดเปลื้อง สองร่างเปลือยเปล่าเคลื่อนไหวตามแรงอารมณ์ เตียงโยกขยับ และเสียงครางต่ำแสนสุขสม เขาเห็นภาพเหล่านี้จนชินตาและชาชินจนไม่รู้สึกอะไร เพราะการมีอยู่ของเขามีบางสิ่งที่ควรตื่นเต้นกับมันมากกว่า แต่พักหลังมานี้กลับมีบางอย่างเปลี่ยนไป
บ่อยแค่ไหนแล้วนะที่เขาได้เห็นรูทวารแทนช่องคลอด
เผลอสบตาคนที่นอนอ้าขาอยู่บนเตียงแล้วต้องหลบตาอย่างลืมตัวแม้คนคนนั้นอาจจะมองไม่เห็นตัวเขาก็ตาม นึกถึงวิบากกรรมของตัวเองแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ ค่อยๆ เดินก้าวถอยหลังอย่างหมดหวัง ก่อนจะเดินออกไปที่ระเบียงโดยไม่เปิดประตู และอวยพรให้คนทั้งสองบนเตียงนั้นได้เสร็จสมอารมณ์หมายตามตั้งใจ
ชีวิตผีในโรงแรมที่รอโอกาสไปเกิดอย่างเขา กับรสนิยมการร่วมเพศของคนสมัยนี้ที่เปลี่ยนไป ช่างยากลำบากต่อการปรับตัวเสียจริง
“นายเป็นผีเหรอ”
คำถามที่ดังขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัวทำให้คนถูกทักเผลอสะดุ้งและหันกลับไปมองข้างหลัง สบตาเป็นครั้งที่สองกับดวงตาคู่สวยที่ดูไม่สดใสนัก
“คุณเห็นผมเหรอ” ถามย้ำเพื่อความแน่ใจว่าไม่ได้คิดไปเอง และใช่เขาเป็นผี ทว่าตั้งแต่อยู่ที่นี่มาไม่เคยมีใครเคยเห็นเขามาก่อน
“อืม ตั้งแต่เข้าห้องมาแล้ว”
เจ้าของเรือนร่างผอมบางผู้ตั้งคำถามก้าวมายืนข้างกัน บ็อกเซอร์ตัวจิ๋วเป็นเสื้อผ้าเพียงชิ้นเดียวบนร่างกาย ทำเอารู้สึกหนาวแทนยามลมเย็นพัดมาปะทะ แม้ความจริงผีอย่างเขาจะไม่รู้สึกก็เถอะ
นิ่งเงียบไปชั่วครู่เมื่อรู้ว่าคนคนนี้เห็นเขาตั้งแต่เข้าห้องมา และคงรู้ว่าเขาเป็นเพียงวิญญาณตั้งแต่ตอนนั้นแต่กลับไม่มีท่าทีหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย ซ้ำยังทำสีหน้าไม่ชอบใจใส่เขาอีก
“ไม่เสียมารยาทไปหน่อยเหรอ” คำถามถูกส่งมาให้อีกครั้ง น้ำเสียงนิ่งเรียบกับสีหน้าคนพูดดูไม่ค่อยสบอารมณ์นัก ก็แน่ล่ะ ใครจะชอบให้คนอื่นมาแอบดูเวลามีเซ็กซ์กัน
“คือว่า...”
“หรือปกติก็ชอบแอบดูแขกตอนเอากัน”
“ไม่ใช่ครับ ไม่ใช่” ต้องรีบปฏิเสธก่อนจะถูกเข้าใจผิดไปมากกว่านี้ เขาเป็นแค่วิญญาณที่วนเวียนอยู่ในโรงแรมนี้อย่างมีจุดประสงค์ ไม่ได้อยากแอบดูตอนมนุษย์มีเพศสัมพันธ์กันแต่อย่างใด แต่เพราะเป็นสิ่งที่ต้องทำอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ต่างหาก
“แล้วยังไง”
“เอ่อคือ...” แต่เรื่องของเขามันค่อนข้างอธิบายยากสำหรับมนุษย์นี่สิ
“ผีนิสัยเสีย”
“ไม่ใช่นะครับ” ยกมือปฏิเสธอย่างเอาเป็นเอาตายอีกครั้ง ท่าทางผีอย่างเขาคงดูตลกมากในสายตาคนมอง เจ้าของร่างผอมบางถึงได้หลุดขำออกมาทั้งที่ทำหน้าโหดใส่มาตลอด
“เป็นผีแปลกๆ นะนาย”
“แปลกเหรอครับ”
ถามย้ำแต่ไม่ได้คำตอบกลับมา ทำเพียงสบตาก่อนจะหันมองผืนฟ้าที่ฉาบไปด้วยสีดำไร้ซึ่งแสงของดวงดาว
“ว่าแต่คุณไม่กลัวผมเหรอ หรือเห็นผีบ่อยจนชิน” ไม่อยากปล่อยให้บทสนทนาขาดตอนจึงเริ่มชวนคุย เพราะตั้งแต่ตายกลายเป็นวิญญาณเขาเพิ่งเคยเจอคนที่สามารถพูดคุยกันได้เป็นเรื่องเป็นราวครั้งแรก
“อย่างหลัง”
“แสดงว่าต้องรู้เรื่องผีเยอะน่ะสิ”
“เปล่า ไม่ได้ชอบคุยกับผีขนาดนั้น”
ทำเอาซึมไปชั่วครู่เมื่อได้ฟังคำตอบ แต่คนคนนี้ไม่ได้พูดผิดอะไร คนที่ไหนอยากจะคุยกับผีอย่างเขากัน
จะว่าไปก็เป็นเรื่องแปลกไม่น้อยที่อยู่ๆ เขาสองคนมายืนคุยกันที่ระเบียงแบบนี้ ทั้งที่ไม่เคยรู้จัก แม้แต่ชื่อก็ยังไม่รู้ ไหนจะการพบกันครั้งแรกที่เขาดูเสียมารยาทกับอีกฝ่ายอย่างมาก
“แล้วคนที่คุณมาด้วย”
“หลับน่ะ”
มองกลับเข้าไปในห้องที่ปิดไฟสนิท ผู้ชายอีกคนนอนห่มผ้าสบายอยู่บนเตียงโดยไม่รู้เลยว่าพื้นที่ข้างกายนั้นว่างเปล่า
“แฟนเหรอครับ”
ถูกมองกลับคล้ายไม่ชอบใจ เขาเป็นผีที่เสียมารยาทอีกแล้วสินะ
“ขอโทษครับ”
“ไม่ใช่หรอก แค่คนที่บังเอิญถูกใจ”
ได้ฟังคำตอบก็พยักหน้ารับโดยไม่ถามต่อแม้ยังมีเรื่องสงสัยที่อยากถาม เพราะเขาต้องหยุดเสียมารยาทกับคนที่เพิ่งเจอหน้ากันไม่ถึงชั่วโมงได้แล้ว
“ว่าแต่นายมาแอบดูคนอื่นเขาเอากันทำไม” ถูกถามด้วยน้ำเสียงและสีหน้านิ่งๆ จนกลายเป็นผีอย่างเขาที่เกิดอาการเขินอายขึ้นมาเสียเอง
“ไม่ได้ตั้งใจแอบดูนะครับ จริงๆ ผมแค่อยากไปเกิดใหม่น่ะ”
“ด้วยการแอบดูคนอื่นมีอะไรกันเนี่ยนะ” น้ำเสียงที่ถามฟังดูไม่อยากเชื่อนัก ถึงได้บอกไปตั้งแต่แรกว่าเรื่องของผีอย่างเขาเป็นอะไรที่เข้าใจยากสำหรับมนุษย์
“จริงๆ แล้วมันเป็นหนึ่งในขั้นตอนการไปเกิดใหม่น่ะครับ”
“ไปเกิดใหม่ด้วยการดูคนเอากันน่ะเหรอ”
“อย่าย้ำสิครับ” แม้จะเป็นความจริงแต่กลับรู้สึกสะเทือนใจทุกครั้งที่ได้ฟัง เพราะมันบ่งบอกว่าเขาเสียมารยาทกับคนที่ถูกแอบดูมากแค่ไหน
“แล้วจะไปเกิดใหม่ได้ไง” จากสีหน้าที่เหมือนเป็นศัตรูกับคนทั้งโลกอยู่ๆ ก็ดูสนใจเรื่องของเขาขึ้นมา
“ก็เวลาชายหญิงมีอะไรกันไงครับ ถ้าสเปิร์มเจาะไข่ได้ ผมก็จะสามารถไปเกิดได้ ผมจะกลายเป็นวิญญาณของสเปิร์มตัวนั้น ถ้ามีวิญญาณตนอื่นอยู่ด้วยก็ต้องแข่งเรื่องความเร็วกันหน่อย แต่น้อยครับที่จะมีคู่แข่ง เพราะการไปเกิดด้วยวิธีนี้หาโอกาสไปเกิดในครอบครัวดีๆ ยากหลายคนเลยตัดใจ”
“เป็นเรื่องที่น่าสนใจแฮะ ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย แต่พอดีผมไม่มีมดลูกกับรังไข่คงทำให้คุณไปเกิดไม่ได้หรอก เสียใจด้วยนะ” เมื่อได้รู้คำตอบสีหน้าอยากรู้อยากเห็นก็หายไป กลายเป็นสีหน้าเบื่อหน่ายเข้ามาแทนที่
“นั่นสินะครับ เดี๋ยวนี้โรงแรมนี้มีแต่ผู้ชายควงกันเข้ามาพัก”
“เพราะกลายเป็นย่านของเกย์ไปแล้วน่ะสิ ผับบาร์เปิดใหม่เต็มไปหมด แถมคนยังใส่ถุงยางเวลามีเซ็กซ์”
การป้องกันยามมีเพศสัมพันธ์เป็นเรื่องที่ดี แต่ไม่ต้องย้ำให้เขาช้ำใจกว่าเดิมก็ได้ เพราะขนาดคู่หญิงชายยังใช้ถุงยางกันเลย
“ผมท้อ”
“ไม่มีหวังตั้งแต่มาดูผู้ชายเอากันแล้วมั้ย”
ได้แต่ทำหน้างอแงใส่ ส่วนเจ้าของร่างที่ใส่เพียงบ็อกเซอร์ตัวเดียวก็ยังคงทำหน้าเบื่อโลกเหมือนเดิม
“จะเข้าห้องแล้วนะ คุณก็ไปได้แล้ว”
“ครับ” จำต้องรับคำไล่ เพราะถึงอยู่ตรงนี้ต่อไปก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรขึ้นมา
เจ้าของร่างผอมบางเดินเข้าห้องผีอย่างเขาก็เดินตาม เพียงแต่ไม่ได้หยุดอยู่ที่เตียง มองมนุษย์คนแรกที่สามารถสื่อสารกับตัวเองได้ก้าวขึ้นเตียงไปนอนข้างชายหนุ่มอีกคน ขณะที่ขาก้าวเดินออกทางประตูไปโดยไม่ต้องเปิดประตู
ความหวังที่จะได้ไปเกิดใหม่ชักเลือนรางเต็มที
อะพาร์ตเมนต์ราคาถูกย่านใจกลางเมืองคือที่พักอาศัยของคนหน้าเบื่อโลกที่มักจะกลับถึงห้องในตอนเช้าบ่อยๆ เขาเปิดประตูเข้าไปในห้อง พี่สาวแท้ๆ ที่อาศัยอยู่ด้วยกันละสายตาจากกระจกหันมามองน้องชายชั่วครู่ ก่อนจะเริ่มบรรจงเขียนคิ้วต่อ
"มีเรียนมั้ยวันนี้"
"บ่ายครับ"
"งานล่ะ"
"คืนนี้ไม่มี"
"แล้วเมื่อคืน"
"ไปเที่ยวเฉยๆ" ได้คำตอบจากน้องชายมือที่จับด้ามดินสอเขียนคิ้วก็หยุดขยับ ส่วนคนตอบก็เตรียมหูชาได้เลย
"จะเที่ยวจะไปนอนกับใครพี่ก็ไม่ว่าหรอกนะ แต่ช่วยดูสภาพตัวเองช่วงนี้ด้วย เรียนก็ต้องเรียนงานพิเศษก็จะทำ นอนเช้าบ่อยๆ มันไม่ดีนะจะบอกให้ เดี๋ยวไม่ได้แก่ตาย"
"เมื่อคืนก็นอนอยู่"
"นอนท่าไหนล่ะ"
"นอนหงายกับนอนคว่ำ"
"ยังจะเถียง"
“พี่ถามเองนะ”
ถอนหายใจเพราะขี้เกียจจะต่อปากต่อคำกับน้องชายคนนี้ พูดอะไรไปเหมือนเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา หัวแข็งดื้อด้านเป็นที่หนึ่ง แต่ถึงจะชอบบ่นคนที่ห่วงน้องชายที่สุดก็หนีไม่พ้นพี่สาวคนนี้อยู่ดี
“กินข้าวมาหรือยัง”
“ยัง”
“พี่ทำข้าวผัดไว้ อาบน้ำเสร็จก็กินด้วย อย่าลืมนอนด้วยล่ะ”
“แล้วพี่จะไปไหน” เลิกคิ้วถามอย่างนึกสงสัย พี่สาวคนนี้ทำอาชีพหมอดูออนไลน์จึงมักอยู่ห้องเป็นปกติ แต่วันนี้กลับแต่งตัวสวยอย่างกับจะออกไปเดต
“ไปหาลูกค้า”
“ลูกค้า?”
“มีงานนอกสถานที่นิดหน่อย”
“ปกติไม่เห็นรับ”
“ช่วงนี้เศรษฐกิจไม่ดีอะไรทำได้ก็ต้องทำนั่นแหละ” ว่าพลางเสียบที่เขียนคิ้วเก็บเข้ากล่องก่อนจะเดินไปหยิบเสื้อคลุมที่แขวนอยู่หน้าตู้เสื้อผ้า
“จะไปแล้วเหรอ”
“อืม”
“กลับกี่โมง”
“คงบ่ายๆ มั้ง เออโฟ โทรหาพ่อกับแม่บ้างนะแกบ่นคิดถึง พี่ไปละ” บอกเรื่องสำคัญก่อนจะยิ้มให้น้องชายแล้วเดินออกจากห้องไป
โทรหาพ่อกับแม่เหรอ เอาไว้ว่างๆ จะโทรหาแล้วกัน
ทุกมหาวิทยาลัยย่อมมีตำนานหรือเรื่องเล่า ทุกที่ต่างมีวิญญาณร่อนเร่ เขาฟังเรื่องราวเหล่านั้นจนเบื่อแต่ก็ยังได้ยินผู้คนพูดถึงทุกครั้งเมื่อมีเรื่องแปลกประหลาดเล็กๆ น้อยๆ เกิดขึ้นตามสถานที่ต่างๆ มันถูกเล่าปากต่อปากจนไม่รู้ว่าเรื่องที่แท้จริงนั้นเป็นยังไง แต่ทุกครั้งที่เกิดอะไรแบบนี้ความซวยมักตกมายังคนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแบบเขาทุกที
“นี่”
จ้ำยาวๆ ก้าวหนีเสียงเรียกจากด้านหลัง อยากเมินทำเป็นไม่สนใจไปเลยแต่เพราะรู้ดีว่าเจ้าของเสียงเรียกไม่ยอมปล่อยให้หนีไปง่ายๆ อย่างแน่แท้เลยต้องหาที่สงบเพื่อพูดคุย
เดินหลบเข้าข้างตึกที่ไม่ค่อยมีคนผ่านไปมา ยืนรออยู่ไม่นานหญิงสาวในชุดนักศึกษาผู้เป็นเจ้าของเสียงเรียกก็ปรากฏตัว
“อะไรอีกอ่ะเอมี่”
“ช่วยแก้ข่าวให้หน่อยสิ”
“ก็รู้อยู่แล้วนี่ว่าพูดไปก็ไม่มีใครเชื่อ”
ผีสาวปากคว่ำลงทันทีเมื่อคำตอบที่ได้รับไม่เป็นดังใจหวัง มันยากที่จะเที่ยวไปบอกใครต่อใครว่าเรื่องเล่าแปลกๆ ที่เกิดขึ้นไม่ใช่ฝีมือของผีนักศึกษาสาวที่เพิ่งเสียชีวิตไปไม่นานซึ่งคนส่วนใหญ่ปักใจเชื่อไปอย่างนั้น ทั้งที่มันเกิดจากความผิดพลาดของเครื่องมือเครื่องใช้ การเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติ หรือไม่ก็เป็นสิ่งที่ผู้คนจินตนาการสร้างมันขึ้นมาเองต่างหาก
“เรื่องอะไรอีกล่ะคราวนี้” ถอนหายใจก่อนถาม ถ้าไม่เริ่มพูดคุยเรื่องก็ไม่จบ
“ห้องน้ำชั้นห้า”
“อีกแล้วเหรอ”
“รู้ใช่มั้ยล่ะว่าชั้นห้าบางทีลมมันแรง แถมตอนนี้ไฟดันเสียอีก มโนกันไปเองแล้วก็มาโทษเราอ่ะ โฟช่วยแก้ข่าวหน่อยสิ”
“จะไปแก้ยังไงเล่า”
“ก็บอกว่าไม่ใช่ฝีมือเรา”
“ไม่มีใครเชื่อหรอก”
แม้แต่ผียังอยากได้ความยุติธรรม คนสมัยนี้ชอบเล่าเอาสนุกปาก ต่อเติมเสริมแต่งจนแทบไม่เหลือเค้าความเดิม ทั้งที่ความจริงผีเหล่านี้ไม่ได้มีอำนาจพิเศษอะไร แค่ทำให้คนเห็นยังไม่ได้แล้วจะไปบันดาลให้เกิดสิ่งต่างๆ ได้ยังไง แต่พูดไปใครจะเชื่อ อีกอย่างโฟทิสไม่ได้สนิทหรือรู้จักคนพวกนั้น เรื่องวันนี้ก็แค่บังเอิญได้ยินผ่านหูมา ขืนออกไปแก้ตัวให้จะโดนตราหน้าว่าเป็นคนเห็นผีให้ถูกนินทาสนุกปากกันไปใหญ่
ผีสาวทำหน้างอแงเมื่อถูกปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำอีก สุดท้ายคนที่ชอบทำหน้าเบื่อโลกก็ต้องเป็นฝ่ายยอมอีกตามเคย
“เราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่เหรอโฟ”
“ตอนมีชีวิตคุยกันนับครั้งได้”
“อย่าใจร้ายสิโฟ”
“โอเคๆ เอาเป็นว่าถ้ามีคนมาเล่าให้ฟังจะบอกให้แล้วกัน”
“ขอบคุณนะ แม้เวลามีคนมาพูดเรื่องนี้ใส่โฟจะชอบตอบแบบปัดๆ ว่าไร้สาระทุกครั้งก็เถอะ”
เป็นความจริงที่เถียงไม่ออก โฟทิสไม่เคยแก้ตัวให้เอมี่อย่างจริงจัง แค่บอกคนพวกนั้นไปว่า ‘ไร้สาระ ผีไม่มีจริงหรอก’ เท่านั้น
“ถามอะไรหน่อยดิ”
“ได้เลย” ผีสาวยิ้มกว้าง เธอเป็นคนน่ารักแถมยังนิสัยดีจนเกิดความสงสัยว่าเพราะอะไรวิญญาณของเธอถึงไม่ไปเกิดใหม่สักที ทั้งๆ ที่เธอไม่ได้ฆ่าตัวตาย เพียงแค่ป่วยและล้มลงจากไปเมื่อหกเดือนก่อนเท่านั้น
“ทำไมถึงไม่ไปเกิดใหม่”
“เพราะยังทำใจไม่ได้น่ะสิ”
“ทำใจอะไร”
“ก็วิธีไปเกิดใหม่มัน...ถึงที่นี่จะมีคนแอบมาทำกันบ่อยๆ ก็เถอะ แต่มันก็ไม่เหมาะสมหรือเปล่า”
โพทิสขมวดคิ้วเมื่อได้ฟัง นึกโยงไปถึงเรื่องที่ผีในโรงแรมเล่าก็พอเข้าใจได้ว่าวิธีการไปเกิดที่เธอพูดถึงน่าจะเป็นวิธีเดียวกัน อีกทั้งที่นี่ยังมีนักศึกษาที่ชอบความตื่นเต้นลองเปิดประสบการณ์ใหม่กันบ่อยเสียด้วย
“ตายแล้วไม่มีคนมารับไปเหรอ”
“ถ้ามีโฟคงไม่เห็นเราแล้วล่ะ” ตอบแล้วยิ้มแฉ่ง นึกอยากกวนคนหน้านิ่งแต่ดูเหมือนว่าโฟทิสจะไม่ยอมเล่นกับเธอด้วย
“ไปเรียนก่อนนะ”
“ไปแล้วเหรอ”
“เดี๋ยวสาย”
“งั้นไว้คุยกันใหม่นะ”
ยิ้มบางๆ ให้ก่อนเดินหลบออกมา โฟทิสไม่ได้อยากสุงสิงกับพวกวิญญาณนัก แต่เพราะโดนเธอล่วงรู้ความลับเลยเลี่ยงไม่ได้ อีกทั้งยังมีเรื่องที่ชวนให้สงสัยเกี่ยวกับวิญญาณเหล่านี้เพิ่มขึ้นอีกด้วย
เรื่องน่าสงสัยที่เขาสังเกตด้วยตัวเองมาสักพักใหญ่ แต่ไม่เคยคิดจะเอ่ยถามออกไปเพราะอคติที่มีต่อผีมาตั้งแต่ยังเด็ก
แม้ผีจะไม่มีอำนาจทำอะไรมนุษย์ได้ แต่จะผีหรือคนก็ไว้ใจไม่ค่อยได้ทั้งนั้น
tbc
ความคิดเห็น