ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    แค้นร้าย...กลายรัก

    ลำดับตอนที่ #6 : ความทรงจำที่ยังไม่จางหาย2/2

    • อัปเดตล่าสุด 27 เม.ย. 65


    นันทภัทรเดินออกไปยังทางเดินที่ปูด้วยกระเบื้อง

    ศลิษารู้ทันทีว่านันทภัทรกำลังจะทำอะไร

    “อย่า!!!” คราวนี้เธอร้องห้ามสุดชีวิต

    แต่...ก็ไม่สามารถหยุดการกระทำของนันทภัทรได้ เขาปาโทรศัพท์ลงไปยังพื้นกระเบื้องอย่างสะใจ โทรศัพท์มือถือแตกไม่เหลือชิ้นดี

    ศลิษาตรงเข้าไปผลักคนที่ทำลายโทรศัพท์มือถือของเธอ

    มือบางทุบไปที่หน้าอกกว้างของนันทภัทร เสียงปึก ปึก ดังขึ้น เธอหวังจะให้เขาเจ็บเสียบ้าง แต่นันทภัทรกลับไม่สะทกสะท้านเลยสักนิด

    “พี่นัน พี่นันทำอย่างนี้ทำไม ทำอย่างนี้ทำไม พี่นันนิสัยไม่ดี นิสัยไม่ดี”

    เสียงของเธอค่อยๆ อ่อนลงทีละนิดๆ จนแทบไม่ได้ยินเสียงเลย

    นันทภัทรปล่อยให้ศลิษาทุบตี จนถึงขีดที่เขาหมดความอดทนขึ้นมา

    “หยุดเดี๋ยวนี้”

    ศลิษาไม่ฟังคำใดทั้งสิ้น สองมือเล็กๆ ยังทุบตีนันทภัทรไม่หยุด แต่กลับแรงขึ้น ทำให้นันทภัทรยิ่งโกรธเป็นทวีที่เธอไม่ฟัง แถมยังทุบแรงกว่าเดิมด้วยซ้ำ

    “หยุด ฉันบอกให้หยุด”

    คราวนี้เขาเริ่มหมดความอดทนขึ้นมาจริงๆ แล้ว

    ศลิษาหยุดชะงักทันที เธอกลัวเขามาก หญิงสาวกลั้นหายใจ ตอนนี้เธอไม่กล้าหายใจออกมาเลย

    ผลั่ก!!!

    นันทภัทรผลักศลิษาด้วยแรงที่มากกว่าครั้งก่อนหลายเท่า

    “หยุดเดี๋ยวนี้นะ!!!”

    ใบหน้าที่อาบไปด้วยคราบน้ำตาเหลียวมายังต้นเสียงที่ฟังดูแล้วทรงพลังนั้น

    ศลิษาทั้งรู้สึกดีใจที่เห็นพ่อเลี้ยงดลพัฒน์ แต่ก็รู้สึกกลัวขึ้นมาอีกเธอไม่อยากให้เรื่องมันบานปลายไปมากกว่านี้ เธอรู้ดีว่าคุณพ่อสามารถช่วยเธอได้ แต่ผลสุดท้ายนันทภัทรก็ต้องมาลงที่เธออยู่เรื่อยไป ถึงยังไง ณ ตอนนี้เธอก็รู้สึกดีใจมากกว่าจะเป็นยังไงก็ช่างมันเถอะ ตอนนี้เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะศลิษา

    “นัน”

    ธนภัทรเอ่ยอย่างระอาในพฤติกรรมน้องชาย

    “พี่ธัน” เสียงเรียบถูกเอ่ยออกมาจากปากของชายหนุ่ม

    “นัน ษา ตามพ่อเข้ามาในบ้าน”

    เสียงดุนั้นลอยออกมาจากปากพ่อเลี้ยงดลพัฒน์อีกครั้ง

    “ค่ะ” ศลิษาพยักหน้ารับช้าๆ

    พ่อเลี้ยงดลพัฒน์เดินกลับเข้าบ้านอย่างหัวเสียแต่เช้า

    ศลิษาส่งสายตาขอร้องธนภัทรให้ช่วยพูดกับพ่อ เธอไม่อยากทำให้เรื่องบานปลาย

    พี่ชายคนโตพยักหน้าให้เบา ๆ เป็นเชิงตกลง ก่อนจะก็เดินตามพ่อเลี้ยงดลพัฒน์เข้าบ้านไป

    นันทภัทรขบกรามแน่นเขาหันไปมองศลิษารวดเร็วอย่างคาดโทษ ทำเอาศลิษาหลบสายตาแทบไม่ทัน

     

     

     

     

    “เราสองคนมีเรื่องอะไรกัน” พ่อเลี้ยงดลพัฒน์เอ่ยถาม สีหน้าโมโหที่ลูกๆ มาทะเลาะกันแผ่ขยายวงออกมาชัดเจน

    ทั้งสองไม่มีใครปริปากพูด ยิ่งทำให้เขาโมโหมากกว่าเดิม

    ธนภัทรสังเกตเห็นสีหน้าของผู้เป็นพ่อแล้วจึงรีบพูดออกไป “นัน ษา มีเรื่องอะไรกันก็บอกพ่อไปสิ”

    “เอ่อ...คือ ษา...” ศลิษายังคงอ้ำอึ้งไม่กล้าตอบ

    “ผมปามือถือของศลิษา” นันทภัทรตอบสั้นๆ ห้วนๆ เขาไม่มีท่าทีเกรงกลัวเลยสักนิด

    พ่อเลี้ยงดลพัฒน์ได้ฟังคำตอบก็ถึงกับอารมณ์ขึ้นทันที เขาพยายามระงับอารมณ์สุดๆ ก่อนจะพูดออกมา “ทำไมเราถึงทำอย่างนี้ น้องไปทำอะไรให้แกฮะนัน”

    “ศลิษาไม่ใช่น้องผม และผมก็ไม่เคยมีน้องด้วย” เขาขึ้นเสียง

    หญิงสาวถึงกับน้ำตาไหลออกมาอีกครั้ง

    “นันแกพูดอย่างนั้นได้ยังไง”

    ธนภัทรก็ชักเริ่มจะหมดความอดทนกับน้องชายคนนี้แล้วเหมือนกัน

    พ่อเลี้ยงดลพัฒน์รับไม่ได้กับคำพูดของลูกชาย เขาไม่ต้องการให้ศลิษารู้สึกน้อยใจหรือคิดว่าเธอไม่ใช่คนในครอบครัวนี้

    ผู้เป็นพ่อเงื้อฝ่ามือหนานั้นขึ้น นันทภัทรเชิดหน้ารับฝ่ามือนั้นอย่างไม่เกรงกลัว พ่อเลี้ยงดลพัฒน์หยุดฝ่ามือนั้นไว้ก่อนถึงหน้าลูกชายตัวดีแค่หนึ่งฟุต เขาไม่สมารถทำได้และเขาก็ไม่เคยทำอย่างนั้นกับลูก ๆ ของเขา

    นันทภัทรเมื่อเห็นผู้เป็นพ่อไม่กล้าทำเขายิ่งได้ใจ เหมือนฮอร์โมนในตัวมันพลุ่งพล่านเด็กชายเชิดหน้าขึ้นอีกครั้งอย่างท้าทาย “ฮึ พ่อกลัวหรอครับ กลัวว่าผมจะเจ็บงั้นหรอ ถ้าพ่อคิดอย่างนั้นพ่อคิดผิดถนัด” น้ำเสียงเขาดูออกจะน้อยใจผู้เป็นบิดาของเขาอยู่

    เขาหยุดไปพักหนึ่งก่อนพูดออกมา “ตบสิ!! พ่อจะตบผมไม่ใช่หรอ ตบเลย” คราวนี้น้ำเสียงเขาไม่มีความน้อยใจปนอยู่เลย แต่น้ำเสียงนั้นกลับท้าทายอย่างไม่เกรงกลัว

    “มันชักจะมาเกินไปแล้วนะ”

    พ่อเลี้ยงดลพัฒน์ถึงขีดสุดกับท่าทีที่อวดดีของลูกชายตัวเอง เขาพยายามระงับอาการสั่นของร่างกายเอาไว้

    “ธันพาพ้อขึ้นห้อง” เขาสั่งลูกชายคนโต คงมีแต่ธนภัทรสินะที่สามารถพึ่งพาได้...ส่วนนันทภัทรก็อย่าหวังเลย ตราบใดที่เขายังมีทิฐิอยู่

     

     

     

     

    ตลอดระหว่างทางที่ขับรถขนเอาสัมภาระไปไว้ที่อาพาร์ทเม้นท์ตามคำสั่งของพ่อ ภาพในอดีตก็ย้อนกลับมา

    เพราะอยากจะเป็นอิสระ อยากจะมีชีวิตของตัวเอง เด็กชายนันทภัทรในวัยสิบกว่าขวบ ตัดสินใจว่าเขาจะไปเรียนต่อต่างประเทศตั้งแต่ม.ปลาย ตอนนั้นกว่าพ่อจะอนุญาตให้มาได้ ก็ต้องของร้องให้พี่ชายช่วยพูดให้อยู่หลายเดือน

    ตั้งแต่นั้นมา เขาก็เรียนอยู่ต่างประเทศมาตลอดจนวันนี้ที่เขาเรียนจบปริญญาโท ช่วงเวลาก่อนหน้านี้ ปีนึงเขาก็กลับไปทีนึง แค่ไม่กี่สัปดาห์ แล้วก็กลับมา เขาอยู่นานไม่ได้จริง ๆ พออยู่นาน ก็ต้องทะเลาะกับพ่อทุกที ทุกปิดเทอมเขาเลยสมัครหางานพาร์ทไทม์ทำตลอดเพื่อจะได้มีข้ออ้างให้อยู่ไทยน้อยๆ เพราะจะกลับมาทำงาน และอีกอย่างเขาก็ต้องการเก็บเงินเพื่อเป้าหมายของตัวเองจะได้เลิกพึ่งพาเงินจากพ่อสักที

    เขาได้วางแผนถึงสิ่งที่เขาอยากจะทำเมื่อกลับไปที่ไทย

    แต่ กลับไทย...ยังไม่ใช่ตอนนี้ เขายังมีสิ่งที่อยากทำที่นี่อยู่

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×