คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : หนีไม่พ้น2/2
กลุ่มเพื่อนค่อย ๆ แยกย้ายไปถ่ายรูปกับเพื่อนกลุ่มอื่น กับครอบครัวทีละคนสองคน
ศลิษาที่เดินมาถึงนานแล้วแต่ยืนรออยู่ห่าง ๆ มองทางพี่ชายเธอทีสลับกับทางคุณพ่อเป็นระยะ ๆ
“คนรู้จักรึเปล่าคะ” เนตรดาวถามชายหนุ่มขึ้นก่อนจะเพยิดหน้ามาทางหญิงสาวยืนมองมาทางเขาเป็นระยะ ๆ ได้สักพัก “เนตรเห็นเค้ายืนมองพี่นันสักพักแล้ว”
“ใช่”
“พี่นันไปถ่ายรูปมั้ยเดี๋ยวเนตรถ่ายให้”
เนตรดาวเดินไปหาผู้หญิงผมดำที่ยืนรออยู่ก่อนจะเอ่ยถาม “Do you want to take a picture with him?”
“เอ่อ...” ศลิษาอึกอัก แอบเขิน ๆ อยู่ แต่ก็อยากจะถ่ายรูปกับพี่ชายคนนี้เก็บไว้เป็นที่ระลึกอยู่เหมือนกัน “ค่ะ รบกวนหน่อยนะคะ” เธอฉีกยิ้มแป้นให้หญิงสาวตรงหน้า พร้อมกับยื่นมือถือให้
“คนไทยจริงด้วย ว่าแล้วเชียว” เนตรดาวเอ่ยทักทายอีกฝ่ายอย่างแจ่มใส พร้อมรับมือถือมา
ศลิษาเดินเข้าไปหาพี่ชายก่อนจะยิ้มให้เก้ ๆ กัง ๆ “ถ่ายรูปกันค่ะ” ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมในใจต้องรู้สึกกล้า ๆ กลัว ๆ แบบนี้ด้วยก็ไม่รู้
“อืม” เขาตอบกลับน้ำเสียงเรียบ ก่อนจะหันหน้ามาฉีกยิ้มให้กล้องแบบไม่ค่อยจะธรรมชาติเสียเท่าไหร่
เนตรดาวรู้สึกได้ว่าสองคนนี้เป็นคนรู้จักกันที่แปลก ๆ ท่าทีของพี่นันก็ไม่เหมือนที่เธอเคยเห็น ดูเหมือนรู้จักกันแต่ก็ไม่ได้สนิทกัน เพราะดูจากการพูดคุยที่ค่อนข้างห่าง แถมช่องว่างที่ยืนเว้นกันเกือบช่วงแขน
อาจจะเป็นคนที่แอบปลื้มพี่นันล่ะมั้ง...
เอ แต่ลักษณะท่าทาง ดูไม่เหมือนนักเรียนที่นี่เลย อีกอย่างคนไทยที่มหาลัยนี้เธอก็รู้จักแทบจะทุกคน
ศลิษารู้สึกได้ถึงสายตาของผู้หญิงตรงหน้าที่ดูเหมือนกำลังประเมิณอะไรบางอย่างอยู่ เธอไม่อยากให้คนอื่นสังเกตได้ถึงช่องว่างระหว่างเธอกับพี่ชายคนรอง แต่ก็ไม่รู้จะแสดงออกยังไงให้เหมือนพี่น้องกัน มันไม่สนิทเลยนี่นา
“เอ้อพี่นัน เย็นนี้ว่างมั้ย เดี๋ยววันนี้เนตรเลี้ยง” เนตรดาวเอ่ยถามเสียงสดใส
แต่ไม่ทันที่นันทภัทรจะได้เอ่ยตอบ หญิงสาวที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็รีบชิงตอบก่อนอย่างรวดเร็ว
“ไม่ได้ค่ะ วันนี้ตอนเย็นพี่นันมีนัดแล้ว” ศลิษาโผล่งออกไป เธอเกรงว่าถ้าหากปล่อยให้พี่ชายเธอตัดสินใจ คืนนี้คุณพ่อคงได้บ่นฉอดอีกแน่ ๆ ว่าไม่อยู่กินข้าวกับพ่อกับครอบครัวทั้ง ๆ ที่อุตส่าห์มาหาแท้ ๆ
น้ำเสียงที่ดูเด็ดขาดนั้น ทำให้เนตรดาวถึงกับชะงัก ยิ่งทำให้เธองง และสงสัยในความสัมพันธ์ของทั้งสองเข้าไปอีก เธอเหลือบสายตามองรุ่นพี่ ก็เห็นว่านิ่งเฉย ไม่คัดค้านอะไร แล้วก็ไม่ตอบรับคำขอของเธออีก มันยังไงกันเนี่ย
ไม่ทันที่จะได้คิดอะไรต่อ ก็ได้ยินเสียงคนไทยลอยดังมา
“หล่อจริงเว้ย” ธนภัทรเดินเข้ามาโอบไหล่น้องชาย แกล้งทำจัดเสื้อผ้าหน้าผมให้ ทั้งที่ก็ไม่ได้ช่วยให้น้องชายหล่อขึ้น ก่อนจะหันไปทักทายอีกคนที่เขาไม่รู้จัก “แฟนนันหรอครับ” เขาหันหน้าไปถามเนตรดาว สงสัยตั้งแต่เดินมาหาแล้ว
“เปล่าค่ะ เนตรเป็นรุ่นน้องค่ะ” น้ำเสียงเขินอาย ก็อยากจะเป็นอยู่หรอกนะ
เนตรดาวที่เห็นสองบุคคลที่เดินมาหานันทภัทร ก็พอจะเดาออกว่าคงจะเป็นครอบครัวของเขา ชายสูงวัยคนนี้ก็คงจะเป็นพ่อเขาแน่ ๆ ทั้งตา จมูก ปาก พิมพ์เดียวกันเป๊ะ
“นี่พ่อกับพี่ชายพี่เอง” นันทภัทรแนะนำให้เนตรดาวรู้จัก
“สวัสดีค่ะคุณลุง” เธอเอ่ยทักทายทันทีพร้อมยกมือไหว้สมเป็นคนไทย ก่อนจะหันไปสวัสดีพี่ชายที่ยืนอยู่ข้างๆ
“แล้วก็นี่ษา น้องสาวคนสุดท้อง” ธนภัทรแนะนำเพิ่มต่อให้จบ
“สวัสดีค่ะ” ศลิษาฉีกยิ้มให้อีกฝ่าย ก้มหัวเบา ๆ เป็นเชิงทักทาย เธอคิดว่าน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกัน
อ๋อ อย่างนี้นี่เอง เนตรดาวยิ้มตอบกลับ ก่อนจะอาสาถ่ายรูปครอบครัวให้ “เดี๋ยวเนตรถ่ายรูปรวมให้มั้ยคะ”
“ขอบคุณมากลูก” พ่อเลี้ยงดลพัฒน์เอ่ยน้ำเสียงสดใสพร้อมส่งมือถือให้คนอาสา
วันนี้ถือว่าเป็นวันที่คนเป็นพ่ออย่างเขามีความสุขวันหนึ่งเลยก็ว่าได้ ที่ได้ถ่ายรูปพร้อมหน้าพร้อมตากันอย่างนี้ แถมเจ้าลูกชายตัวดีก็ดูยิ้มแย้มกว่าปกติ
พออารมณ์ดี ไม่ได้กังวลอะไรมา หลังถ่ายรูปเสร็จพ่อเลี้ยงดลพัฒน์เลยเอ่ยบอกลูกชายคนเล็กด้วยท่าทีสบาย ๆ “นัน เดี๋ยวก่อนกินข้าวไปช่วยขนของน้องไปหอเราหน่อยนะ”
“ฮะ?” จากใบหน้าที่ผ่อนคลายขมวดปมเข้าหากันทันที “ทำไมต้องไปขนของ”
“น้องมาเทคคอร์สภาษาช่วงปิดเทอมด้วย เดี๋ยวก็อยู่กับแกต่อที่นี่เลย”
“หมายความว่ายังไง ทำไมไม่เห็นมีใครบอกผมเลยอ่ะ” น้ำเสียงเริ่มไม่พอใจชัดเจน
“พ่อก็บอกเราอยู่นี่ไง”
“ผมหมายถึงก่อนหน้านี้ ไม่ถามผมสักคำว่าโอเคมั้ย”
ศลิษาอยากจะถอนหายใจออกมาดัง ๆ เป็นแบบที่คิดไว้ไม่มีผิดว่าเขาจะต้องไม่พอใจ แต่เธอก็ทำได้แค่นิ่งไว้ก่อน
เนตรดาวที่เห็นบรรยากาศครุกรุ่นขึ้นมา คนนอกอย่างเธอ น่าจะขอตัวก่อนดีกว่า หันซ้ายหันขวาก็เจอแต่พี่ชายคนโตที่ดูน่าจะพอคุยได้ตอนนี้ “เนตรขอตัวก่อนนะคะ” เธอเอ่ยเสียงเบา ฉีกยิ้มให้แห้ง ๆ ก่อนจะโค้งลาและเดินออกไปเงียบ ๆ
“แล้วทำไมจะไม่โอเค อาพาร์ทเม้นท์ที่เราอยู่มันก็กว้าง ห้องนอนก็มีตั้งสองห้อง ในเมื่อแกยืนยันจะอยู่ต่อไม่ยอมกลับไทย แกจะให้พ่อเสียเงินเช่าให้น้องอยู่อีกที่ทำไม”
“อีกห้องมันเป็นห้องทำงานผม พ่อก็เช่าที่อื่นให้ษาอยู่เพิ่มสิ”
“พ่อเป็นห่วงน้อง น้องเป็นผู้หญิง อยู่คนเดียวมันอันตรายเกินไป”
“โอ๊ย มันไม่ได้อันตรายอะไรขนาดนั้นหรอก” เขาเอ่ยขึ้นอย่างเหลือทน
“ไม่ได้” เสียงทุ้มต่ำจริงจัง “นี่คือคำสั่ง”
นี่คือคำสั่ง ประโยคนี้หมายความว่าไม่มีทางอ่อนข้อให้ ต่อให้เขาเถียงยังไง ก็ต้องทำตามอยู่ดี
“พ่อก็ได้แต่สั่ง แต่ไม่เคยถามผมสักคำ อะไรก็ต้องให้ษา” น้ำเสียงที่ดูไม่พอใจนั้น แฝงความน้อยใจอยู่ลึก ๆ
“ษามีเงินเก็บอยู่ เดี๋ยวษาลองถามทางโรงเรียนดูก็ได้นะคะ” เธอพยายามหาทางออก
“ไม่ได้” ผู้เป็นพ่อเอ่ยเสียงเข้ม “ไม่ใช่เรื่องเงิน มันคือเรื่องความปลอดภัยลูก”
ศลิษาพยักหน้าช้า ๆ อย่างเข้าใจก่อนจะถอยกรูดไปยืนข้างพี่ชายคนโต
“ตามใจพ่อเลย อยากจะให้อยู่ก็อยู่” ชายหนุ่มเอ่ย กล้ำกลืนความไม่พอใจ ความเสียใจลงคอ สุดท้ายเขาก็ทำได้แค่เก็บมันไว้อย่างทุกที เมื่อไหร่กันนะที่เขาจะได้หลุดจากคำสั่งของพ่อจริง ๆ สักที
หนีมาถึงนี่ก็ยังไม่พ้นสินะ
ความคิดเห็น