ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    แค้นร้าย...กลายรัก

    ลำดับตอนที่ #4 : หนีไม่พ้น2/2

    • อัปเดตล่าสุด 27 เม.ย. 65


    กลุ่มเพื่อนค่อย ๆ แยกย้ายไปถ่ายรูปกับเพื่อนกลุ่มอื่น กับครอบครัวทีละคนสองคน

    ศลิษาที่เดินมาถึงนานแล้วแต่ยืนรออยู่ห่าง ๆ มองทางพี่ชายเธอทีสลับกับทางคุณพ่อเป็นระยะ ๆ

    “คนรู้จักรึเปล่าคะ” เนตรดาวถามชายหนุ่มขึ้นก่อนจะเพยิดหน้ามาทางหญิงสาวยืนมองมาทางเขาเป็นระยะ ๆ ได้สักพัก “เนตรเห็นเค้ายืนมองพี่นันสักพักแล้ว”

    “ใช่”

    “พี่นันไปถ่ายรูปมั้ยเดี๋ยวเนตรถ่ายให้”

    เนตรดาวเดินไปหาผู้หญิงผมดำที่ยืนรออยู่ก่อนจะเอ่ยถาม “Do you want to take a picture with him?”

    “เอ่อ...” ศลิษาอึกอัก แอบเขิน ๆ อยู่ แต่ก็อยากจะถ่ายรูปกับพี่ชายคนนี้เก็บไว้เป็นที่ระลึกอยู่เหมือนกัน “ค่ะ รบกวนหน่อยนะคะ” เธอฉีกยิ้มแป้นให้หญิงสาวตรงหน้า พร้อมกับยื่นมือถือให้

    “คนไทยจริงด้วย ว่าแล้วเชียว” เนตรดาวเอ่ยทักทายอีกฝ่ายอย่างแจ่มใส พร้อมรับมือถือมา

    ศลิษาเดินเข้าไปหาพี่ชายก่อนจะยิ้มให้เก้ ๆ กัง ๆ “ถ่ายรูปกันค่ะ” ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมในใจต้องรู้สึกกล้า ๆ กลัว ๆ แบบนี้ด้วยก็ไม่รู้

    “อืม” เขาตอบกลับน้ำเสียงเรียบ ก่อนจะหันหน้ามาฉีกยิ้มให้กล้องแบบไม่ค่อยจะธรรมชาติเสียเท่าไหร่

    เนตรดาวรู้สึกได้ว่าสองคนนี้เป็นคนรู้จักกันที่แปลก ๆ ท่าทีของพี่นันก็ไม่เหมือนที่เธอเคยเห็น ดูเหมือนรู้จักกันแต่ก็ไม่ได้สนิทกัน เพราะดูจากการพูดคุยที่ค่อนข้างห่าง แถมช่องว่างที่ยืนเว้นกันเกือบช่วงแขน

    อาจจะเป็นคนที่แอบปลื้มพี่นันล่ะมั้ง...

    เอ แต่ลักษณะท่าทาง ดูไม่เหมือนนักเรียนที่นี่เลย อีกอย่างคนไทยที่มหาลัยนี้เธอก็รู้จักแทบจะทุกคน

    ศลิษารู้สึกได้ถึงสายตาของผู้หญิงตรงหน้าที่ดูเหมือนกำลังประเมิณอะไรบางอย่างอยู่ เธอไม่อยากให้คนอื่นสังเกตได้ถึงช่องว่างระหว่างเธอกับพี่ชายคนรอง แต่ก็ไม่รู้จะแสดงออกยังไงให้เหมือนพี่น้องกัน มันไม่สนิทเลยนี่นา

    “เอ้อพี่นัน เย็นนี้ว่างมั้ย เดี๋ยววันนี้เนตรเลี้ยง” เนตรดาวเอ่ยถามเสียงสดใส

    แต่ไม่ทันที่นันทภัทรจะได้เอ่ยตอบ หญิงสาวที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็รีบชิงตอบก่อนอย่างรวดเร็ว

    “ไม่ได้ค่ะ วันนี้ตอนเย็นพี่นันมีนัดแล้ว” ศลิษาโผล่งออกไป เธอเกรงว่าถ้าหากปล่อยให้พี่ชายเธอตัดสินใจ คืนนี้คุณพ่อคงได้บ่นฉอดอีกแน่ ๆ ว่าไม่อยู่กินข้าวกับพ่อกับครอบครัวทั้ง ๆ ที่อุตส่าห์มาหาแท้ ๆ

    น้ำเสียงที่ดูเด็ดขาดนั้น ทำให้เนตรดาวถึงกับชะงัก ยิ่งทำให้เธองง และสงสัยในความสัมพันธ์ของทั้งสองเข้าไปอีก เธอเหลือบสายตามองรุ่นพี่ ก็เห็นว่านิ่งเฉย ไม่คัดค้านอะไร แล้วก็ไม่ตอบรับคำขอของเธออีก มันยังไงกันเนี่ย

    ไม่ทันที่จะได้คิดอะไรต่อ ก็ได้ยินเสียงคนไทยลอยดังมา

    “หล่อจริงเว้ย” ธนภัทรเดินเข้ามาโอบไหล่น้องชาย แกล้งทำจัดเสื้อผ้าหน้าผมให้ ทั้งที่ก็ไม่ได้ช่วยให้น้องชายหล่อขึ้น ก่อนจะหันไปทักทายอีกคนที่เขาไม่รู้จัก “แฟนนันหรอครับ” เขาหันหน้าไปถามเนตรดาว สงสัยตั้งแต่เดินมาหาแล้ว

    “เปล่าค่ะ เนตรเป็นรุ่นน้องค่ะ” น้ำเสียงเขินอาย ก็อยากจะเป็นอยู่หรอกนะ

    เนตรดาวที่เห็นสองบุคคลที่เดินมาหานันทภัทร ก็พอจะเดาออกว่าคงจะเป็นครอบครัวของเขา ชายสูงวัยคนนี้ก็คงจะเป็นพ่อเขาแน่ ๆ ทั้งตา จมูก ปาก พิมพ์เดียวกันเป๊ะ

    “นี่พ่อกับพี่ชายพี่เอง” นันทภัทรแนะนำให้เนตรดาวรู้จัก

    “สวัสดีค่ะคุณลุง” เธอเอ่ยทักทายทันทีพร้อมยกมือไหว้สมเป็นคนไทย ก่อนจะหันไปสวัสดีพี่ชายที่ยืนอยู่ข้างๆ

    “แล้วก็นี่ษา น้องสาวคนสุดท้อง” ธนภัทรแนะนำเพิ่มต่อให้จบ

    “สวัสดีค่ะ” ศลิษาฉีกยิ้มให้อีกฝ่าย ก้มหัวเบา ๆ เป็นเชิงทักทาย เธอคิดว่าน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกัน

    อ๋อ อย่างนี้นี่เอง เนตรดาวยิ้มตอบกลับ ก่อนจะอาสาถ่ายรูปครอบครัวให้ “เดี๋ยวเนตรถ่ายรูปรวมให้มั้ยคะ”

    “ขอบคุณมากลูก” พ่อเลี้ยงดลพัฒน์เอ่ยน้ำเสียงสดใสพร้อมส่งมือถือให้คนอาสา

    วันนี้ถือว่าเป็นวันที่คนเป็นพ่ออย่างเขามีความสุขวันหนึ่งเลยก็ว่าได้ ที่ได้ถ่ายรูปพร้อมหน้าพร้อมตากันอย่างนี้ แถมเจ้าลูกชายตัวดีก็ดูยิ้มแย้มกว่าปกติ

    พออารมณ์ดี ไม่ได้กังวลอะไรมา หลังถ่ายรูปเสร็จพ่อเลี้ยงดลพัฒน์เลยเอ่ยบอกลูกชายคนเล็กด้วยท่าทีสบาย ๆ “นัน เดี๋ยวก่อนกินข้าวไปช่วยขนของน้องไปหอเราหน่อยนะ”

    “ฮะ?” จากใบหน้าที่ผ่อนคลายขมวดปมเข้าหากันทันที “ทำไมต้องไปขนของ”

    “น้องมาเทคคอร์สภาษาช่วงปิดเทอมด้วย เดี๋ยวก็อยู่กับแกต่อที่นี่เลย”

    “หมายความว่ายังไง ทำไมไม่เห็นมีใครบอกผมเลยอ่ะ” น้ำเสียงเริ่มไม่พอใจชัดเจน

    “พ่อก็บอกเราอยู่นี่ไง”

    “ผมหมายถึงก่อนหน้านี้ ไม่ถามผมสักคำว่าโอเคมั้ย”

    ศลิษาอยากจะถอนหายใจออกมาดัง ๆ เป็นแบบที่คิดไว้ไม่มีผิดว่าเขาจะต้องไม่พอใจ แต่เธอก็ทำได้แค่นิ่งไว้ก่อน

    เนตรดาวที่เห็นบรรยากาศครุกรุ่นขึ้นมา คนนอกอย่างเธอ น่าจะขอตัวก่อนดีกว่า หันซ้ายหันขวาก็เจอแต่พี่ชายคนโตที่ดูน่าจะพอคุยได้ตอนนี้ “เนตรขอตัวก่อนนะคะ” เธอเอ่ยเสียงเบา ฉีกยิ้มให้แห้ง ๆ ก่อนจะโค้งลาและเดินออกไปเงียบ ๆ

    “แล้วทำไมจะไม่โอเค อาพาร์ทเม้นท์ที่เราอยู่มันก็กว้าง ห้องนอนก็มีตั้งสองห้อง ในเมื่อแกยืนยันจะอยู่ต่อไม่ยอมกลับไทย แกจะให้พ่อเสียเงินเช่าให้น้องอยู่อีกที่ทำไม”

    “อีกห้องมันเป็นห้องทำงานผม พ่อก็เช่าที่อื่นให้ษาอยู่เพิ่มสิ”

    “พ่อเป็นห่วงน้อง น้องเป็นผู้หญิง อยู่คนเดียวมันอันตรายเกินไป”

    “โอ๊ย มันไม่ได้อันตรายอะไรขนาดนั้นหรอก” เขาเอ่ยขึ้นอย่างเหลือทน

    “ไม่ได้” เสียงทุ้มต่ำจริงจัง “นี่คือคำสั่ง”

    นี่คือคำสั่ง ประโยคนี้หมายความว่าไม่มีทางอ่อนข้อให้ ต่อให้เขาเถียงยังไง ก็ต้องทำตามอยู่ดี

    “พ่อก็ได้แต่สั่ง แต่ไม่เคยถามผมสักคำ อะไรก็ต้องให้ษา” น้ำเสียงที่ดูไม่พอใจนั้น แฝงความน้อยใจอยู่ลึก ๆ

    “ษามีเงินเก็บอยู่ เดี๋ยวษาลองถามทางโรงเรียนดูก็ได้นะคะ” เธอพยายามหาทางออก

    “ไม่ได้” ผู้เป็นพ่อเอ่ยเสียงเข้ม “ไม่ใช่เรื่องเงิน มันคือเรื่องความปลอดภัยลูก”

    ศลิษาพยักหน้าช้า ๆ อย่างเข้าใจก่อนจะถอยกรูดไปยืนข้างพี่ชายคนโต

    “ตามใจพ่อเลย อยากจะให้อยู่ก็อยู่” ชายหนุ่มเอ่ย กล้ำกลืนความไม่พอใจ ความเสียใจลงคอ สุดท้ายเขาก็ทำได้แค่เก็บมันไว้อย่างทุกที เมื่อไหร่กันนะที่เขาจะได้หลุดจากคำสั่งของพ่อจริง ๆ สักที

    หนีมาถึงนี่ก็ยังไม่พ้นสินะ



     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×