คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : หนีไม่พ้น1/2
หนีไม่พ้น
งานวันรับปริญญา
มหาวิทยาลัยคลาคลั่งไปด้วยผู้คนที่อยู่ในชุดบัณทิต แต่ที่น่าแปลกใจ เธอเห็นหลายคนมาพร้อมกับชุดกันฝน บางคนถือ บางคนใส่ทับชุดครุย บางคนเดินไปใส่ไป ภาพที่เห็นทำให้เธอรู้สึกประหลาดทีเดียว เพราะคงจะไม่ได้เห็นภาพแบบนี้ในงานรับปริญญาที่ไทยแน่ ๆ
ว่าแต่...ฝนจะตกงั้นหรอ
“พี่ธันคะ พยากรณ์ว่าวันนี้จะมีฝนตกมั้ยคะ” หญิงสาวหันไปถามพี่ชายที่กำลังเก็บภาพบรรยายกาศด้วยกล้องมือถือ
“เดี๋ยวดูก่อนนะ” ว่าแล้วเขาก็สลับหน้าจอเปิดเช็คสภาพอากาศวันนี้ก่อนจะเห็นว่ามีโอกาสฝนตกปรอย ๆ “ตกแฮะ”
“เราไม่ได้พกร่มมากันเลย เอาไงดีคะ”
“น่าจะตกเบา ๆ นะ แต่เดี๋ยวพี่ลองไปหาซื้อเสื้อกันฝนเผื่อไว้แล้วกัน ษากับพ่อหาที่นั่งรอแถวนี้นะ” เขาว่าก่อนจะหันไปย้ำกับพ่ออีกที “เดี๋ยวมานะครับ พ่อถ่ายรูปกับษาไปกันก่อนเลยนะ”
ปวธันเดินแยกออกไปถามทางไปร้านสะดวกซื้อกับคนบัณฑิตที่อยู่ใกล้ๆ ส่วนเธอกับพ่อก็สลับกันถ่ายรูปให้กัน เซลฟี่กันบ้างจนเต็มอิ่ม ก่อนเธอจะพาพ่อไปหาที่นั่งพักขา
“ที่นี่เค้ารับปริญญาดูชิลกันดีจัง” ศลิษาพึมพำกับตัวเองอย่างฝันหวาน
“ปีหน้าก็ตาเราแล้ว เร็วเหมือนกันนะเนี่ย” พ่อหันมองลูกสาวก่อนจะลูบหัวด้วยความเอ็นดู “แล้วต้องมีฝึกงานมั้ย”
“มีค่ะคุณพ่อ”
“ดูไว้รึยังล่ะว่าที่ไหน ถ้าไม่รู้จะฝึกงานที่ไหนก็ฝึกที่บ้านเราก็ดีนะ” น้ำเสียงชักชวนที่ดูเหมือนสบาย ๆ แต่ก็แฝงความเอาจริงไว้ในนั้นด้วย
“มีดูไว้หลายที่อยู่ค่ะคุณพ่อ” เธอรีบบอกเสียงแจ้ว เพราะรู้ว่าใจจริงลึก ๆ คุณพ่ออยากจะให้เธอทำงานของที่บ้านต่อ แต่ขณะเดียวกันก็ไม่อยากขัดเลยรีบเสริมต่อ “แต่ว่าถ้าหาไม่ได้ หรือไม่มีใครเค้ารับหนู คุณพ่อต้องช่วยหนูนะคะ” เธอทำท่าออดอ้อน
“ลูกสาวพ่อเก่งอยู่แล้ว หาได้สบายแน่นอน” เขารีบบอก กลัวลูกสาวจะคิดว่าตัวเองไม่เก่ง
เข้าทาง ศลิษาแอบยิ้มในใจ
ลูกทุกคนต่างรู้นิสัยพ่อตัวเองดีว่าค่อนข้างเป็นคนที่ชอบจัดแจงวางแผนชีวิตให้ลูก ๆ เพราะเขาต้องเลี้ยงดูรับผิดชอบลูกทุกคนด้วยตัวเองตั้งแต่ภรรยาเสียเมื่อยี่สิบปีที่แล้ว ศลิษารู้ดีว่าคุณพ่อหวังดีกับเธอ และพี่ ๆ ของเธอ แต่บางทีเธอก็สัมผัสได้ถึงความอึดอัดของพี่ชายทั้งสองที่ต้องทำตามสิ่งที่คุณพ่อบอก พี่ธันแม้จะไม่อยากทำ แต่ก็จะเชื่อฟังคุณพ่อตลอด แทบไม่เห็นว่าจะมีครั้งไหนที่ดื้อกับคุณพ่อเลย
ส่วนพี่ชายเธออีกคน รายนั้นตรงกันข้ามแบบสุด ๆ ยิ่งบีบยิ่งบังคับให้ทำ ก็ยิ่งหนียิ่งปฏิเสธเท่านั้น และการที่เขามาเรียนต่อต่างประเทศไม่ยอมกลับไทยสักทีก็น่าจะเพราะแบบนี้ พออยู่อีกประเทศ คุณพ่อก็บังคับอะไรไม่ได้
เอ...แต่ก็ดูเหมือนน่าจะยังได้ในบางเรื่อง
ส่วนตัวเธอเองรู้ว่าคุณพ่อปวดหัวกับพี่ชายคนรองแค่ไหน เธอก็ไม่อยากจะทำให้คุณพ่อปวดหัวอีก แต่ขณะเดียวกันบางเรื่องเธอก็อยากจะตัดสินใจ หรือเลือกมันด้วยตัวเธอเอง ทักษะที่เธอคิดว่าตัวเองเก่งกว่าพี่ชายทั้งสองมาก ๆ ก็น่าจะเป็นการคุยกับคุณพ่อเพื่อให้ได้ในสิ่งที่เธอต้องการแบบให้อีกฝ่ายยอมเอ่ยปากให้เองนี่แหละ
ระหว่างที่นั่งรอ เธอก็ชื่นชมกับบรรยากาศรอบ ๆ เห็นแล้วดูสนุกดีจัง
กลุ่มบัณทิตถ่ายรูปกันเป็นกลุ่ม ๆ บ้างก็กับเพื่อนฝูง บ้างก็กับครอบครัว บ้างก็กระโดดเฮฮากันสุดฤทธิ์ แล้วสายตาของเธอก็ต้องสะดุดกับบัณทิตหนุ่มคนหนึ่ง ที่ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน พี่ชายคนรองของเธอเองน่ะแหละ แต่สีหน้า ท่าทางของเขาเวลาอยู่กับเพื่อนเหมือนกับเป็นคนละคนเวลาที่เธอเจอเลย เขายิ้มหัวเราะ ดูสดใส และมีชีวิตชีวา แบบที่เธอแทบจะไม่เคยได้เห็นเวลาเขาอยู่ที่บ้านเลย
นันทภัทรกำลังกระโดดเหยียบจุดแลนด์มาร์กให้เพื่อนถ่ายรูปอย่างดีใจ
แลนด์มาร์กจุดนี้เป็นที่กล่าวขานกันในหมู่นักศึกษาว่า ถ้าใครที่เหยียบเข้าให้จะไม่ได้เกรดสี่ ต่างก็ทำให้นักศึกษาที่เดินผ่านไปมาในยามปกติเลี่ยงที่จะเดินเหยียบจุดนี้กัน เขาเองก็เช่นกัน ก็ไม่ได้เชื่ออะไรหรอกนะ แต่ก็ทำตามประเพณีแหละน่า เก็บเอาไว้มากระโดดเหยียบวันนี้ก็สนุกและสะใจดีแฮะ
เขาสลับกันถ่ายรูปกับกลุ่มก๊วนเพื่อนบ้าง เซลฟี่กันบ้าง แล้วก็ต้องสะดุดตากับหญิงสาวผมยาวตรงสลวยดำขลับคนหนึ่งที่เดินถือช่อดอกไม้เดินมาด้วยความมาดมั่นพร้อมกับรอยยิ้ม
“อ้าวน้องเนตร” นันทภัทรเอ่ยยิ้มทักทายหญิงสาว เธอเป็นรุ่นน้องที่เรียนอยู่ปริญญาตรีปีสาม
“คองเกรทฯค่ะพี่นัน” เนตรดาวตรงเข้าไปหาพร้อมมอบช่อดอกกุหลาบให้ ก่อนจะสวมกอดหลวม ๆ หนึ่งที “ดีใจด้วยนะคะ แต่ก็แอบเสียใจที่ไม่มีคนพาไปเลี้ยงข้าวแล้ว” เธอตีหน้าเศร้า
“ระดับเนตรแล้วมีแต่หนุ่มรอต่อคิวจะเลี้ยงข้าวมากกว่านะ” นันทภัทรแซวกลับ “ถ่ายรูปด้วยกันหน่อยมา” เขาว่าพร้อมกับยื่นมือถือตัวเองให้เพื่อนช่วยถ่ายให้
“ขอของเนตรด้วยค่ะ” หญิงสาวเอ่ยก่อนจะยื่นมือถือเธอให้กลุ่มเพื่อนชายหนุ่มบ้าง
พอถ่ายรูปด้วยกันเสร็จ เนตรดาวก็ถามรุ่นพี่ของเธอ “แล้ววันนี้ที่บ้านพี่นันมามั้ยคะ”
“มานะ” ว่าแล้วเขาก็เพิ่งจะนึกได้ รีบกวาดสายตามองอัตโนมัติ แล้วก็พบกับผู้หญิงชุดดำคอเต่ากางเกงยีนส์พร้อมด้วยเสื้อโค้ทบาง ๆ ตัวนอกกำลังนั่งอยู่กับพ่อของเขา
ทันทีที่สายตาสบกัน สีหน้าทีเพิ่งสดใสยิ้มแย้มของเขาก็เปลี่ยนเป็นเรียบนิ่งขึ้นมาทันที
ศลิษารู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงนั้นทันที สำหรับเธอไม่ได้รู้สึกแปลกอะไร เป็นเรื่องปกติเสียด้วยซ้ำ ถ้าเขายิ้มแย้มให้เธอสิน่าจะแปลก เธอยกมือโบกเล็ก ๆ พร้อมส่งยิ้มให้ตามที่น้องสาวควรจะทำ คนอีกฝากพยักหน้าตอบรับเป็นเชิงรับรู้ก่อนจะหันกลับไปอยู่กลุ่มเพื่อนเธอ
เธอเองไม่ได้อยากจะมีปัญหากับพี่ชายคนรองสักเท่าไหร่หรอก ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะให้เขาญาติดีกับเธอสักที
“คุณพ่อคะพี่นันอยู่ตรงนั้นค่ะ” เธอชี้ไปยังพี่ชายของเธอ
พ่อเลี้ยงดลพัฒน์หันตามนิ้วลูกสาว ก่อนจะโบกมือทักทายลูกชาย แล้วหันหน้ามาบอกลูกสาว “ษาไปหาพี่นันก่อน พ่อรอธันอยู่ตรงนี้ ธันมาแล้วเดี๋ยวตามไป”
“หนูรออยู่เป็นเพื่อนคุณพ่อดีกว่าค่ะ เดี๋ยวคุณพ่อหลง”
“แหม ลูกคนนี้ พ่อจะหลงยังไง ก็อยู่ตรงนี้” เขาว่าก่อนจะเพยิดหน้าไปทางลูกชายตัวแสบ “โน่น ไปคว้าตัวพี่ชายเราไว้ก่อนที่จะหนีไปไหน” ผู้เป็นพ่อบอกเชิงสั่ง
“ค่ะคุณพ่อ” รับคำเสียงอ่อย ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปหาพี่ชายที่อยู่อีกฝาก
ความคิดเห็น