ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    แค้นร้าย...กลายรัก

    ลำดับตอนที่ #3 : หนีไม่พ้น1/2

    • อัปเดตล่าสุด 27 เม.ย. 65


    หนีไม่พ้น

    งานวันรับปริญญา

    มหาวิทยาลัยคลาคลั่งไปด้วยผู้คนที่อยู่ในชุดบัณทิต แต่ที่น่าแปลกใจ เธอเห็นหลายคนมาพร้อมกับชุดกันฝน บางคนถือ บางคนใส่ทับชุดครุย บางคนเดินไปใส่ไป ภาพที่เห็นทำให้เธอรู้สึกประหลาดทีเดียว เพราะคงจะไม่ได้เห็นภาพแบบนี้ในงานรับปริญญาที่ไทยแน่ ๆ

    ว่าแต่...ฝนจะตกงั้นหรอ

    “พี่ธันคะ พยากรณ์ว่าวันนี้จะมีฝนตกมั้ยคะ” หญิงสาวหันไปถามพี่ชายที่กำลังเก็บภาพบรรยายกาศด้วยกล้องมือถือ

    “เดี๋ยวดูก่อนนะ” ว่าแล้วเขาก็สลับหน้าจอเปิดเช็คสภาพอากาศวันนี้ก่อนจะเห็นว่ามีโอกาสฝนตกปรอย ๆ “ตกแฮะ”

    “เราไม่ได้พกร่มมากันเลย เอาไงดีคะ”

    “น่าจะตกเบา ๆ นะ แต่เดี๋ยวพี่ลองไปหาซื้อเสื้อกันฝนเผื่อไว้แล้วกัน ษากับพ่อหาที่นั่งรอแถวนี้นะ” เขาว่าก่อนจะหันไปย้ำกับพ่ออีกที “เดี๋ยวมานะครับ พ่อถ่ายรูปกับษาไปกันก่อนเลยนะ”

    ปวธันเดินแยกออกไปถามทางไปร้านสะดวกซื้อกับคนบัณฑิตที่อยู่ใกล้ๆ ส่วนเธอกับพ่อก็สลับกันถ่ายรูปให้กัน เซลฟี่กันบ้างจนเต็มอิ่ม ก่อนเธอจะพาพ่อไปหาที่นั่งพักขา

    “ที่นี่เค้ารับปริญญาดูชิลกันดีจัง” ศลิษาพึมพำกับตัวเองอย่างฝันหวาน

    “ปีหน้าก็ตาเราแล้ว เร็วเหมือนกันนะเนี่ย” พ่อหันมองลูกสาวก่อนจะลูบหัวด้วยความเอ็นดู “แล้วต้องมีฝึกงานมั้ย”

    “มีค่ะคุณพ่อ”

    “ดูไว้รึยังล่ะว่าที่ไหน ถ้าไม่รู้จะฝึกงานที่ไหนก็ฝึกที่บ้านเราก็ดีนะ” น้ำเสียงชักชวนที่ดูเหมือนสบาย ๆ แต่ก็แฝงความเอาจริงไว้ในนั้นด้วย

    “มีดูไว้หลายที่อยู่ค่ะคุณพ่อ” เธอรีบบอกเสียงแจ้ว เพราะรู้ว่าใจจริงลึก ๆ คุณพ่ออยากจะให้เธอทำงานของที่บ้านต่อ แต่ขณะเดียวกันก็ไม่อยากขัดเลยรีบเสริมต่อ “แต่ว่าถ้าหาไม่ได้ หรือไม่มีใครเค้ารับหนู คุณพ่อต้องช่วยหนูนะคะ” เธอทำท่าออดอ้อน

    “ลูกสาวพ่อเก่งอยู่แล้ว หาได้สบายแน่นอน” เขารีบบอก กลัวลูกสาวจะคิดว่าตัวเองไม่เก่ง

    เข้าทาง ศลิษาแอบยิ้มในใจ

    ลูกทุกคนต่างรู้นิสัยพ่อตัวเองดีว่าค่อนข้างเป็นคนที่ชอบจัดแจงวางแผนชีวิตให้ลูก ๆ เพราะเขาต้องเลี้ยงดูรับผิดชอบลูกทุกคนด้วยตัวเองตั้งแต่ภรรยาเสียเมื่อยี่สิบปีที่แล้ว ศลิษารู้ดีว่าคุณพ่อหวังดีกับเธอ และพี่ ๆ ของเธอ แต่บางทีเธอก็สัมผัสได้ถึงความอึดอัดของพี่ชายทั้งสองที่ต้องทำตามสิ่งที่คุณพ่อบอก พี่ธันแม้จะไม่อยากทำ แต่ก็จะเชื่อฟังคุณพ่อตลอด แทบไม่เห็นว่าจะมีครั้งไหนที่ดื้อกับคุณพ่อเลย

    ส่วนพี่ชายเธออีกคน รายนั้นตรงกันข้ามแบบสุด ๆ ยิ่งบีบยิ่งบังคับให้ทำ ก็ยิ่งหนียิ่งปฏิเสธเท่านั้น และการที่เขามาเรียนต่อต่างประเทศไม่ยอมกลับไทยสักทีก็น่าจะเพราะแบบนี้ พออยู่อีกประเทศ คุณพ่อก็บังคับอะไรไม่ได้

    เอ...แต่ก็ดูเหมือนน่าจะยังได้ในบางเรื่อง

    ส่วนตัวเธอเองรู้ว่าคุณพ่อปวดหัวกับพี่ชายคนรองแค่ไหน เธอก็ไม่อยากจะทำให้คุณพ่อปวดหัวอีก แต่ขณะเดียวกันบางเรื่องเธอก็อยากจะตัดสินใจ หรือเลือกมันด้วยตัวเธอเอง ทักษะที่เธอคิดว่าตัวเองเก่งกว่าพี่ชายทั้งสองมาก ๆ ก็น่าจะเป็นการคุยกับคุณพ่อเพื่อให้ได้ในสิ่งที่เธอต้องการแบบให้อีกฝ่ายยอมเอ่ยปากให้เองนี่แหละ

     

     

    ระหว่างที่นั่งรอ เธอก็ชื่นชมกับบรรยากาศรอบ ๆ เห็นแล้วดูสนุกดีจัง

    กลุ่มบัณทิตถ่ายรูปกันเป็นกลุ่ม ๆ บ้างก็กับเพื่อนฝูง บ้างก็กับครอบครัว บ้างก็กระโดดเฮฮากันสุดฤทธิ์ แล้วสายตาของเธอก็ต้องสะดุดกับบัณทิตหนุ่มคนหนึ่ง ที่ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน พี่ชายคนรองของเธอเองน่ะแหละ แต่สีหน้า ท่าทางของเขาเวลาอยู่กับเพื่อนเหมือนกับเป็นคนละคนเวลาที่เธอเจอเลย เขายิ้มหัวเราะ ดูสดใส และมีชีวิตชีวา แบบที่เธอแทบจะไม่เคยได้เห็นเวลาเขาอยู่ที่บ้านเลย

    นันทภัทรกำลังกระโดดเหยียบจุดแลนด์มาร์กให้เพื่อนถ่ายรูปอย่างดีใจ

    แลนด์มาร์กจุดนี้เป็นที่กล่าวขานกันในหมู่นักศึกษาว่า ถ้าใครที่เหยียบเข้าให้จะไม่ได้เกรดสี่ ต่างก็ทำให้นักศึกษาที่เดินผ่านไปมาในยามปกติเลี่ยงที่จะเดินเหยียบจุดนี้กัน เขาเองก็เช่นกัน ก็ไม่ได้เชื่ออะไรหรอกนะ แต่ก็ทำตามประเพณีแหละน่า เก็บเอาไว้มากระโดดเหยียบวันนี้ก็สนุกและสะใจดีแฮะ

    เขาสลับกันถ่ายรูปกับกลุ่มก๊วนเพื่อนบ้าง เซลฟี่กันบ้าง แล้วก็ต้องสะดุดตากับหญิงสาวผมยาวตรงสลวยดำขลับคนหนึ่งที่เดินถือช่อดอกไม้เดินมาด้วยความมาดมั่นพร้อมกับรอยยิ้ม

    “อ้าวน้องเนตร” นันทภัทรเอ่ยยิ้มทักทายหญิงสาว เธอเป็นรุ่นน้องที่เรียนอยู่ปริญญาตรีปีสาม

    “คองเกรทฯค่ะพี่นัน” เนตรดาวตรงเข้าไปหาพร้อมมอบช่อดอกกุหลาบให้ ก่อนจะสวมกอดหลวม ๆ หนึ่งที “ดีใจด้วยนะคะ แต่ก็แอบเสียใจที่ไม่มีคนพาไปเลี้ยงข้าวแล้ว” เธอตีหน้าเศร้า

    “ระดับเนตรแล้วมีแต่หนุ่มรอต่อคิวจะเลี้ยงข้าวมากกว่านะ” นันทภัทรแซวกลับ “ถ่ายรูปด้วยกันหน่อยมา” เขาว่าพร้อมกับยื่นมือถือตัวเองให้เพื่อนช่วยถ่ายให้

    “ขอของเนตรด้วยค่ะ” หญิงสาวเอ่ยก่อนจะยื่นมือถือเธอให้กลุ่มเพื่อนชายหนุ่มบ้าง

    พอถ่ายรูปด้วยกันเสร็จ เนตรดาวก็ถามรุ่นพี่ของเธอ “แล้ววันนี้ที่บ้านพี่นันมามั้ยคะ”

    “มานะ” ว่าแล้วเขาก็เพิ่งจะนึกได้ รีบกวาดสายตามองอัตโนมัติ แล้วก็พบกับผู้หญิงชุดดำคอเต่ากางเกงยีนส์พร้อมด้วยเสื้อโค้ทบาง ๆ ตัวนอกกำลังนั่งอยู่กับพ่อของเขา

    ทันทีที่สายตาสบกัน สีหน้าทีเพิ่งสดใสยิ้มแย้มของเขาก็เปลี่ยนเป็นเรียบนิ่งขึ้นมาทันที

    ศลิษารู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงนั้นทันที สำหรับเธอไม่ได้รู้สึกแปลกอะไร เป็นเรื่องปกติเสียด้วยซ้ำ ถ้าเขายิ้มแย้มให้เธอสิน่าจะแปลก เธอยกมือโบกเล็ก ๆ พร้อมส่งยิ้มให้ตามที่น้องสาวควรจะทำ คนอีกฝากพยักหน้าตอบรับเป็นเชิงรับรู้ก่อนจะหันกลับไปอยู่กลุ่มเพื่อนเธอ

    เธอเองไม่ได้อยากจะมีปัญหากับพี่ชายคนรองสักเท่าไหร่หรอก ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะให้เขาญาติดีกับเธอสักที

    “คุณพ่อคะพี่นันอยู่ตรงนั้นค่ะ” เธอชี้ไปยังพี่ชายของเธอ

    พ่อเลี้ยงดลพัฒน์หันตามนิ้วลูกสาว ก่อนจะโบกมือทักทายลูกชาย แล้วหันหน้ามาบอกลูกสาว “ษาไปหาพี่นันก่อน พ่อรอธันอยู่ตรงนี้ ธันมาแล้วเดี๋ยวตามไป”

    “หนูรออยู่เป็นเพื่อนคุณพ่อดีกว่าค่ะ เดี๋ยวคุณพ่อหลง”

    “แหม ลูกคนนี้ พ่อจะหลงยังไง ก็อยู่ตรงนี้” เขาว่าก่อนจะเพยิดหน้าไปทางลูกชายตัวแสบ “โน่น ไปคว้าตัวพี่ชายเราไว้ก่อนที่จะหนีไปไหน” ผู้เป็นพ่อบอกเชิงสั่ง

    “ค่ะคุณพ่อ” รับคำเสียงอ่อย ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปหาพี่ชายที่อยู่อีกฝาก

     



     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×