ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ศาสตร์การทำนาย

    ลำดับตอนที่ #10 : เครื่องราง-เครื่องประดับ...มงคลชีวิต

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 201
      0
      29 ก.พ. 51

    ได้มีนักปราชญ์ผู้มีชื่อเสียงในยุคโบราณนามว่า ไพธาโกราส กับ เพลโต ล้วนมีความเข้าใจดีถึงพลังอำนาจที่แฝงอยู่ในภาพสัญลักษณ์ ตัวเลข รวมทั้งเรื่องราวพลังอำนาจที่เร้นลับของโลก ในยุคที่ท่านทั้งสองยังมีชีวิตอยู่นั้น ก็ประมาณยุค 500 ปี โดยประมาณ ก่อนคริสต์ศักราช ท่านเหล่านี้เข้าใจคุณค่าของพลังงานในรูปของเสียงเข้าใจรูปแบบและสีสันต่างๆ เป็นอย่างดี และจากศิลปะเรื่องราวความลี้ลับที่สุดหยั่งถึง อันเกิดจากศึกษาค้นคว้าของเหล่านักปราชญ์โบราณ ซึ่งได้กลายมาเป็นศาสตร์ของเครื่องรางที่มีมนต์ขลังที่เราใช้ประโยชน์ในทุกวันนี้ อย่างไม่รู้ตัว... ที่สำคัญคนที่ทำเครื่องรางนี้จะต้องมีธรรมะ และ เจตนาที่ดีในการทำเครื่องราง ไม่หวังผลทางใดทางหนึ่ง เพราะถ้ามีสิ่งใดแอบแฝงนั่นหมายถึงเครื่องรางชนิดนั้นย่อมนำซึ่งความหายนะและล่มสลายในที่สุด

    ยกตัวอย่างเช่น.. นักไสยเวทอาคมยุคโบราณและยุคปัจจุบัน(ถ้ายังมีอยู่) เข้าใจดีว่า...

     สีดำและสีขาวเป็นสัญลักษณ์แทนอะไร หมายถึง ชีวิตและความตาย ความดีและความชั่วร้าย

    สีส้มกับสีเหลืองเป็นสัญลักษณ์ของญาณหรือลางสังหรณ์

    สีแดงเป็นสัญลักษณ์ของชีวิตที่อุดมสมบูรณ์และความรักความเมตตา

    สีฟ้า เป็นสัญลักษณ์ของความเฉลียวฉลาดรอบรู้

    นักไสยเวทหรือผู้เชี่ยวชาญในเรื่องอำนาจลี้ลับในทุกยุคทุกสมัย ได้นำความรู้จากสีต่างๆ ตัวเลข และชื่อที่แฝงด้วยพลังอำนาจที่ไม่อาจบรรยายมาใช้ประโยชน์ในการประดิษฐ์เครื่องรางของขลังขึ้น ด้วยเหตุผลข้อนี้เองที่อธิบายให้เรารู้ได้ว่า ทำไมเครื่องรางของขลังต่างๆ มากมายจึงต้องสลักหรือพิมพ์หมายเลขต่างๆ รวมทั้งสัญลักษณ์และภาษาใดภาษาหนึ่งกำกับลงไปด้วย

    เรารู้จักหาเครื่องประดับมาทำเป็นเครื่องรางของขลังเฉพาะตัวเพื่อสร้างขัวญและกำลังใจ เพิ่มความเชื่อมั่นในตัวเอง มีความเชื่อและความศรัทธายิ่งกว่านั้น เพราะเชื่อว่าแม้ในยามที่ออกนอกบ้าน บางท่านยังต้องจุดธูปบอกสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายให้คุ้มครอง...เพื่อขับไล่ภัยพิบัติต่างๆ ให้พ้นตัวได้ แต่มนุษย์เรานั้นมีอยู่สองอย่างที่หนีไม่พ้น คือ ภาษีและความตาย...นอกนั้นก็ขึ้นอยู่กับกรรมเก่าและกรรมใหม่ที่สร้างสมกันไว้....ตั้งมั่น

    ในความไม่ประมาท...มีสติอยู่กับตัวอยู่เสมอ..

    ยกตัวอย่างเช่น เรื่องของสุนัข ความเชื่อของตะวันตกที่ว่า เมื่อเห็นสุนัข ให้ใช้นิ้วชี้กับนิ้วกลางไขว้เกี่ยวกัน เพราะนิ้วชี้เป็นตัวแทนในความเมตตาต่อพระเป็นเจ้าและการป้องกันภัยที่พระองค์ทรงประทานให้ ส่วนนิ้วกลางก็เป็นตัวแทนของเคราะห์หรือโชคชะตาในตัวเรา ผู้ที่ยึดมั่นศรัทธาเช่นนี้จะใช้นิ้วทั้งสองไขว้เกี่ยวกันในยามที่ต้องออกนอกบ้าน พวกเขาจะไขว้เมื่อพบเห็นสุนัข (สุนัขเป็นเครื่องหมายบอกถึงข่าวดี ลางดี เพราะสุนัขเป็นมิตรกับมนุษย์เรามานานแสนนาน) การเอานิ้วไข้วกันในลักษณะนี้เป็นการขับไล่นัยน์ตาปีศาจร้ายหรือสิ่งชั่วร้ายทั้งหลาย และเป็นรูปแบบหนึ่งของการใช้คาถาอาคมของพวกพ่อมดอัฟริกายุคโบราณ...

    ความเป็นจริง ผู้ที่สวมใส่เครื่องรางชนิดใดก็ตาม เพื่อปกป้องพลังอำนาจชั่วร้ายหรือสัญลักษณ์ของภูติผีปีศาจให้พ้นภัยจากตน แต่ไม่มากนัก ถ้าจะคิดเป็นปรัชญาแล้ว ความดีย่อมชนะความชั่วร้าย เหตุที่เราสวมเครื่องรางนี้ที่นิ้วมือ หรือที่ต่างๆ ในร่างกาย แม้แต่รอยสัก.. ควรทำความดีให้อยู่เสมอเพื่อเชื่อมโยงกับเครื่องรางที่จะปกป้องภัยอันตรายต่างๆ ได้ดี ดังเช่นความเชื่อในศาสนาอย่างที่เราเป็นกันอยู่ทุกวันนี้... แต่ถ้าหากมีเครื่องรางที่ดีแล้วการกระทำของเราสวนทางกัน ย่อมทำให้เครื่องรางชิ้นนั้นไม่บังเกิดผลใดๆ ทั้งสิ้น...



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×