ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic [ Boku No Hero ] ผมมาเอาคืนครับ

    ลำดับตอนที่ #19 : วันอาทิตย์ 2

    • อัปเดตล่าสุด 3 ส.ค. 61




    หลังจากดื่มชากับทานของหวานที่สั่งมาไปได้ประมาณครึ่งนึง คัตสึกิถึงได้เดินเข้ามาในร้าน



     

    “แกกล้าทิ้งชั้นไว้เรอะ”และเปิดปากโวยวายทันทีที่เดินมาถึงโต๊ะที่อิซุคุนั่งอยู่

     

    “ก็ดูท่าจะอีกนานนี่ครับ ผมไม่อยากยืนตากแดดรออ่ะ”เขาตอบไปตามความเป็นจริง



     

    .....ก็อยากจะด่าต่ออ่ะนะ แต่มันก็นานจริงๆ ยัยพวกนั้นไม่มีใครยอมถอยให้เลยสักก้าว ขืนปล่อยไว้ให้รอนานๆ ถ้าเป็นลมแล้วจะแย่ แถมกว่าจะนึกขึ้นได้ว่า ปล่อยให้เดกุยืนรออยู่ ก็เป็นตอนที่เจ้าสองสีบอกว่าอิซึคุไปรอที่คาเฟ่แล้ว อ๊า....คิดแล้วหงุดหงิด…..




     

    ไม่ว่าอะไรต่อ แต่คว้าเครื่องดื่มที่อิซุคุกินไปครึ่งนึงมายก รวดเดียวหมดแก้ว ทำเอาคนโดนแย่ง ส่ายหัวปลง พลางขอเมนูจากพนักงาน เพื่อสั่งของเพิ่ม

     

    หนุ่มผมเขียวสั่งแค่เครื่องใหม่ แต่หนุ่มผมสีฟางนี่สิ ทั้งเครื่องดื่ม ของหวาน ยังจะเอาของกินเล่นด้วย บอกแค่ว่า เถียงกับพวกนั้น มันเปลืองพลังงาน ทำเอาคนฟังไปต่อไม่ถูก





     

    หลังจากที่อิซุคุทานของหวานไปจนหมดแล้ว ก็เลยลองชวนคนที่กำลังกินคุยดู

     

    “เพื่อนของบาคุโกคุงดูเก่งๆกันทุกคนเลยนะครับ”

     

    “เออ แต่ก็ไม่มีใครเทียบชั้นได้หรอก”อีกคนอุตสาหยุดกินตอบ

     

    “ถ้าเป็นคนไม่รู้จักมาได้ยิน เขาจะบอกว่าบาคุโกคุงหลงตัวเองนะครับ”

     

    “แกว่าไงนะ”โวยวายตามระเบียบทันทีที่ฟังจบ

     

    “ก็มันจริงนี่ครับ”ส่วนคนฟังก็ตอบหน้าตาย

     


    “น้อยๆหน่อย ตอนสอบเข้า ชั้นสอบได้อันดับแรก ส่วนกีฬาของยูเอย์ก็ได้ที่ 1 นะโว้ย สอบปลายภาคชั้นก็ที่ 1 ชั้นก็ต้องเก่งที่สุดสิ”คัตสึกิแจกแจงเหตุผลในทันที อย่ามาหาว่าเขาชมตัวเองแบบไม่มีเหตุผลเชียวนะ




     

    อิซุคุถึงกับนิ่ง เมื่อเจออีกฝ่ายพูดแบบนี้ นิสัยแบบนี้ไม่น่าเรียนเก่งนะ

     

    “มองงั้น หมายความว่าไง”นัยน์ตาสีทับทิม หรี่ตามองอย่างไม่ไว้ใจ เมื่อเห็นอีกคนเงียบไป

     

    “เปล่าครับ แค่คิดว่าโทโดโรกิคุงก็น่าจะเก่งพอควร ไม่น่าจะแพ้บาคุโกคุงเลย”

     

    “ไอ้ครึ่งสีนั่นก็แพ้ชั้นโว้ย แล้วแกไปรู้จักชื่อหมอนั่นมาตั้งแต่เมื่อไร”ละสายตาแป๊บเดียว ไปถามกันตอนไหนฟะ

     

    “ตอนยืนรอนั่นแหละ เห็นท่าจะอีกนาน พอจะฝากข้อความ เลยทำความรู้จักไว้”อีกคนตอบ

     

    “ไม่ต้องเลย ลืมมันไปซะ”จำแค่ชั้นเถอะ ชั้นจะดูแลแกเอง ไม่ต้องให้คนอื่นมาเสนอหน้า

     

    “ทำไมล่ะครับ รู้จักคนเยอะๆไว้ก็ไม่เสียหายนิ”

     

    “ยังไงก็ไม่ได้ว่างขนาดออกมาเจอกันบ่อยๆหรอก ลืมๆไปเถอะน่า”

     

    “แต่ว่า..”ในขณะที่กกำลังจะเถียงต่อ




     

    ก๊อก ก๊อก



     

    เสียงเคาะกระจก ทำให้ทั้งสองคน ต้องหันไปมองด้านนอก


     

    “เดี๋ยวมา”ทันทีที่คัตสึกิเห็น ก็รีบบอก แล้วเดินออกจากร้านมาทันที คว้าแขนคนที่เคาะไว้ แล้วเดินหายไปในทันที


     

    อิซุคุมองตามอย่างงงๆ ก่อนจะเท้าแขนข้างนึงลงกับโต๊ะ คนเครื่องดื่มในแก้วของตน แล้วแสยะยิ้มออกมา

     

    “รีบเชียวนะ กลัวผมจะนึกอะไรออกรึเปล่าน้า...”








     

    นั่งรออยู่ชั่วครู่ คนที่รออยู่ก็กลับมากันครบเลย แต่เนื่องจากอิงโกะโดนโทรศัพท์ตามเรื่องงาน เลยต้องรีบกลับก่อน แต่ก็ไม่วายซื้อข้าวเย็นมาเตรียมพร้อมรอ เผื่อคุยนาน(เราไม่รู้ว่าปกติอิงโกะทำงานอะไรน่ะนะ ไม่เคยเห็นเลย เลยกำหนดเป็นงานออกแบบ ที่สามารถส่งออนไลน์เข้าออฟฟิศได้ เพื่อที่พอมีเวลาจะได้ไปตามหาอิซุคุได้)

     


    ซึ่งงานนั้นก็ยืดเยื้อตามคาด จนสี่ทุ่มกว่า อิงโกะถึงได้ละออกมาจากคอมที่ทำงาน

     


    อิซุคุที่นั่งรออยู่ เลยไปอุ่นข้าวมาให้ แล้วนั่งดูคุณแม่กินไป คุยไปในตัว





     

    “อิซุคุ”อิงโกะเรียกหลังจากที่จัดการเก็บกวาดอะไรเสร็จหมดแล้ว

     

    “ครับ คุณแม่”

     

    “ลูกอยากได้ความทรงจำในสมัยก่อนคืนมารึเปล่า”อิงโกะถามออกไป

     

    “เอ๊ะ?

     






    .....ย้อนความ.....

     


    ตอนที่ซื้อของกันเสร็จแล้ว ในระหว่างทางที่เดินไปคาเฟ่ ก็เผอิญได้ยินเสียงที่คุ้นหู

     

    “นั่นใช่มิโดริยะหรือเปล่า ตามหาเจอแล้วเหรอ”

     

    “เออน่า แกไม่ต้องสนใจหรอก”เสียงคัตสึกิคุง? มิซึกิก็มองงงๆ จนถึงหัวมุมถนน

     

    ก็ใช่คัตสึกิคุงจริงๆ กำลังคุยกับเด็กรุ่นราวคราวเดียวกันอีก 2 คน แต่ดูเหมือนจะไม่ใช้เด็กยูเอย์ เพราะเธอเคยเห็นมาบ้างตอนแข่งงานกีฬา

     


    “ได้ไงวะ ถ้าเขากลับมาแล้ว ก็แจ้งกันบ้างสิ คนอื่นๆเขาก็เป็นห่วง”

     

    “ไม่ต้องหรอกน่า ตอนนี้หมอนั่นมีปัญหาอยู่ เรื่องกระจายไปมาก เดี๋ยวตำรวจจะมาวุ่นวายอีก”คนหัวเม่นบอกกลับไป

     

    “เรื่องที่พวกเราโดนทำร้ายนะเหรอ”


     

    “ก็หลายๆเรื่องแหละ รู้แค่พวกแกก็พอ ไม่ต้องไปป่าวประกาศให้มากนัก”

     

    “คัตสึกิ”มิซึกิเรียกลูกชายตน หลังฟังมาได้สักครู่

     

    ทั้งกลุ่มหันมามอง ก่อนที่เด็กอีกคน 2 คนที่คุยด้วย ขอตัวไปก่อน

     

    “สวัสดีครับ ขอตัวก่อนนะครับ อย่าลืมนัดล่ะ”


     

    “มีอะไรเหรอ ไม่เคยเห็นหน้าเลยนะ”มิซึกิถาม

     

    “เพื่อนสมัยม.ต้นน่ะ”ลูกชายตอบคุณแม่ ก่อนจะโดนถามอีก

     

    “มีอะไรกันรึเปล่า ไม่ได้จะไปหาเรื่องใครใช่มั้ย”

     

    “เปล่าสักหน่อย พวกนั้นแค่มาบอกว่า อ.ประจำชั้นตอนม.ต้นแกหายดีแล้ว เลยจะกลับมาสอน เลยนัดจะไปแสดงความยินดีน่ะ”ว่าไปพลาง ออกเดินไปพลาง จนมาถึงร้าน

     

    “อ้อ แล้วจะไปหรือเปล่า”

     

    “คิดดูก่อน”คัตสึกิบอกพลางเปิดประตูเข้าไป



     

    “อิงโกะ?”มิซึกิเรียก เมื่อเพื่อนของเธอเงียบไป

     

    “เปล่าจ๊ะ ไม่มีอะไรหรอก”

     

    .....จบการย้อนความ.....

     






    ...กลับมาปัจจุบัน....


    “ลูกน่ะ อยากได้ความทรงจำเดิมคืนมารึเปล่า ถ้าอยาก แม่ก็จะช่วยทุกวิธีทางให้ลูกจำได้ แต่ถ้าไม่ เราย้ายไปอยู่ที่อื่นก็ได้นะลูก”

     

    “ทำไมถามแบบนั้นล่ะครับ”

     

    “แม่รู้นะ ถึงสมัยก่อนลูกจะไม่ได้พูด แต่แม่ก็รู้ว่าลูกน่ะ คงโดนคนรอบข้างดูถูกและรังแกไม่น้อยเลย เพราะลูกไม่มีอัตลักษณ์”อิงโกะคว้าตัวลูกชายมากอดไว้

     

    “คุณแม่”

     

    “มันเจ็บนะ ที่แม่ปกป้องลูกไม่ได้ ต้องเห็นลูกโดนทำร้ายซ้ำแล้วซ้ำเล่าแบบนี้น่ะ”

     

    “ผม”



     

    “วันนี้ แม่เห็นเพื่อนสมัยม.ต้นของลูก เลยคิดได้ ว่าถ้าพวกเขาเห็นลูกอีก เขาจะพูดกับลูกว่ายังไง ในสังคมแบบนี้ ยังไงคนก็เห็นค่าคนตามอัตลักษณ์ที่เป็นอยู่มากกว่าจิตใจอยู่แล้ว ฮึก... แม่ไม่อยากเห็นลูกโดนทำร้ายอีก”


     

    “......”

     


    “..ฮึก..ฮึก..เพราะงั้น เรื่องงานแม่ก็ไม่มีปัญหา เราไปเริ่มต้นกันใหม่ที่อื่นก็ได้นะ ถ้าลูกต้องการ”

     

    “ผมน่ะ ไม่เป็นไรหรอกครับ แค่นี้ผมทนได้สบายมาก”

     

    “ที่บอกว่าทนได้...เพราะลูกไม่ได้ความจำเสื่อมแล้วใช่รึเปล่า”อิงโกะถามออกมาตรงๆ

     


    “.....”


     

    “ตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาล บางทีแม่ก็สังเกตนะ แม่ว่าลูกนิ่งสงบเกินไป ไม่เหมือนคนเดิม ถึงจะมีส่วนที่เปลี่ยนไป แต่บางอย่างก็บอกแม่ว่า ลูกแม่ยังคงจำได้เหมือนเดิมทุกอย่าง บางครั้งลูกก็มองสิ่งอื่นได้อย่างเย็นชามาก ราวกับมีความแค้นกับมัน”

     


    “ถ้าการที่ลูกถูกทำร้าย ทำให้ลูกเป็นอย่างนี้ เราก็ออกไปจากเมืองนี้กันเถอะ”



     

    อิซุคุดันตัวออกจากอ้อมกอดอุ่น มือข้างนึงปาดน้ำตาคนตรงหน้าออก แล้วจับมือของแม่มาแนบหน้าไว้

     

    “ขอโทษครับ”

     

    “...?..ฮึก...อิซุคุ...”

     



    “ที่โกหกคุณแม่ ผมยังจำได้ทุกอย่างแหละครับ”

     

    “อิซุคุ”อิงโกะน้ำตาไหลไม่ขาดสาย ที่ความคิดของเธอเป็นความจริง

     

    “เรื่องที่จะออกไปจากเมืองนี้ ผมคิดไว้อยู่แล้วล่ะ แต่สำหรับคุณแม่มันคงไม่ใช่ทางที่ดีหรอกครับ”

     

    “หมายความว่าไงลูก ไม่ใช่ทางที่ดี”อิงโกะเช็ดน้ำตา และก่อนที่จะถามมากไปกว่านี้



     

    ปิ้งป๊อง

     

    เสียงกริ่งที่หน้าประตู ก็ดังขึ้น

     



    “เอ๊ะ ดึกป่านนี้แล้ว มีใครมา”อิงโกะเช็ดน้ำตา ก่อนจะลูบหัวอิซุคุเบาๆ แล้วเดินไปที่ประตู

     

    “ค่าๆ ใครคะ”อิงโกะ เปิดประตูออกไปดู

     



    “สวัสดีครับ ขอโทษที่เสียมารยาทมาตอนนี้”

     

    “เอ่อ ค่ะ มาหาใครคะ”

     



    “มาหา....มิโดริยะ อิซุคุ”นัยน์ตาสีทับทิมที่ตัดกับเส้นผมสีฟ้าอ่อน มองไปยังด้านหลังของผู้มาเปิดประตู

     

    ทั้งแววตา และเสียงที่ยานคาง ทำให้อิงโกะนึกกลัวคนตรงหน้า


     

    “คุณเป็น...ใคร”อิงโกะถามออกไปอย่างกล้าๆกลัวๆ



     

    “ชั้นชื่อ ชิการาคิ โทมูระ”





    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

    มาอีกคนแล้ว แต่จะมาทำอะไรนั่นอีกเรื่องนึง


    เขียนมาเกือบ 20 ตอน ไม่รู้ว่าทุกท่านอ่านรู้เรื่องรึเปล่า

    เพราะบางที เขียนเองเข้าใจเองก็บ่อยไป ถ้าไม่เข้าใจก็ถามได้นะ


    แล้วก็ เนื่องจากมีคนอ่านเยอะผิดคาด(คิดว่าตอนแรกจะไม่มีคนอ่าน)

    ก็เลยว่าจะเขียนตอนพิเศษ แถมแทรกให้ เป็นการขอบคุณ


    น่าจะเป็นฉาก......(มีความหวานหน่อยๆ) แต่จะเอาใครดี

    คัตสึกิ หรือ โชโตะ

    ช่วยเลือกหน่อย

    (พอดีไรต์เป็นคนโลเลที่เลือกลงเรือได้ทุกลำ)



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×