ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO] สรงประภา12

    ลำดับตอนที่ #2 : สรงประภา12 - บทนำ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 156
      0
      4 ม.ค. 57

    สรงประภา12

    บทนำ

    เนื้อหาในฟิคเรื่องนี้เป็นเพียงจินตนาการของผู้แต่งเท่านั้น

    __________________________________________

     
     

    สวัสดีครับผมแบคฮยอน เรียนอยู่ชั้นม.5 โรงเรียนพหฤทัยดอนเมือง

    เป็นเด็กม.ปลายธรรมดาๆที่หน้าตาดีเป็นศรีแก่โรงเรียน



     

     

                กริ๊งงงงงงงงงงงงงงงงงง !!

     
     

                “นักเรียนทั้งหมดทำความเคารพ!

                “ขอบคุณค่ะ/ครับ คุณครู”

     

     

    หลังจากคล้อยหลังอาจารย์สาวที่รุ่นราวคราวเดียวกับแม่ก้าวเดินผ่านกรอบประตูไป ผมก็หันกลับมาโกยหนังสือและอะไรต่อมิอะไรที่เกะกะอยู่บนโต๊ะลงเข้าใต้โต๊ะให้หมด โดยไม่ได้สนใจว่าแม่งควรเอาวิชาไหนกับไปทำการบ้านหรือทบทวนบ้าง

                “คยองซูเก็บเร็วๆดิ”

                ผมเอ่ยเร่งเพื่อนข้างๆทั้งๆที่ไม่ได้หันกลับไปมองปิดกระเป๋าจาคอปรุ่นตกทอดของตัวเองแล้วหยิบมาถือ แล้วมายืนกดดันคยองซูเพื่อนตัวเล็กที่กำลังจัดการเก็บของใส่กระเป๋าเป้อย่างเชื่องช้า จนผมเริ่มจะหงุดหงิดขึ้นมา

    นี่ก็คิดว่าพรุ่งนี้เช้าจะเก็บเสร็จป่ะวะ

    มือเรียวของผมฉวยหนังสือในมือของมันมาพร้อมกับที่ประเป๋าติดสอ ปากกาที่ยังไม่ได้เก็บเข้าที่ ยัดเข้ากระเป๋าของมันอย่างรวดเร็ว แล้วคว้าแขนป้อมๆนั้นออกมาทันที

                 “ไปเหอะหิวละ” น้ำเสียงติดจะหงุดหงิดของผมเอ่ยออกไป ขณะกำลังย่ำเท้าออกจากโรงเรียนพร้อมด้วยน้ำเสียงเหน็บแนมเบาๆจากเพื่อนตัวเล็ก ที่ไม่ต้องหันไปมองผมก็รู้ว่ามันคงกำลังทำหน้าหมั่นไส้ผมแค่ไหน

                “หิวหมี่เกี๊ยวหรือหิวคนขายกันแน่”

     
     

                เออ ผมไม่ได้หิวบะหมี่เกี๊ยวหรืออะไรทั้งนั้นแหละ แม่ง ผมหิวคนขาย!!! จะทำไมวะ ชายสี่หมี่เกี๊ยวนี่คิดว่าจะอร่อยมากมายขนาดต้องกินทุกวันปะ ก็ไม่ใช่ปะล่ะ เออนั่นแหละ




     

    .

     

     

               

                ผมเดินออกมารอข้ามถนนเพื่อไปฝั่งตรงข้ามโรงเรียน เป้าหมายคือร้านบะหมี่เกี๊ยวที่ผมมักจะมากินหลังเลิกเรียนทุกวัน มองซ้ายมองขวาอยู่เกือบนาทีไอรถห่าแถวนี้แม่งก็ไม่เห็นทางม้าลายหรือไงวะ คนยืนรอข้ามนี่ล้นเกยไปเกือบครึ่งถนนละแม่ง จะจอดไม่จอดวะ

                ตาคมมองไปยังฝั่งตรงข้ามที่เป็นจุดที่ตั้งของร้านบะหมี่เกี๊ยวมองเห็นร่างสูงโปร่งดูดียืนอยู่ก็ทำให้ฮึดสู้ขึ้นมา

     

                เดินฝ่าแม่งไปนี่แหละ...

     

                “แบค!!

     

                ไม่ต้องกลัวดิ คือแถวนี้ถ้ามึงมัวแต่ไข่แข็ง เอ้ย ขาแข็งนี่ก็อย่าคิดว่าจะได้ข้าม เพราะแม่งมาแรงอย่างกับรถไฟฟ้าความเร็วสูง คยองซูที่เดินมาเกาะแขนผมเอาไว้แล้วเดินมองรถที่ค่อยๆชลอบางคันถึงขนาดเบรกจนเกิดเสียงดังเอี๊ยดลั่นอย่างหวาดๆ เป็นไงล่ะบอกแล้วรถแม่งหยุดให้ควาย เอ้ย คนเดินแน่นอน

     
     

    “แบคมึงแน่ว่ะ” เสียงเล็กของคยองซูดังอยู่ข้างหูผมเป็นไงล่ะครับ หล่อเลยดิ แต่เปล่าจริงๆกูเสียวเยี่ยวแทบเล็ดละเอาจริงแต่ที่เชิดหน้าไว้เพราะถ้ามองนี่กูอาจหัวใจวายได้ อยากจะถามให้รู้แล้วรู้รอดว่า พวกมึงคิดว่าเล่น fast&furious กันอยู่หรือไง





    หลังจากที่ผมข้ามถนนมาได้อย่างสวัสดิภาพโดยไม่ต้องพึ่งประกันชีวิตแต่อย่างใด ผมก็มุ่งหน้าไปยังเป้าหมายในทันที

    ราวกับภาพสโลโมชั่นใบหน้าคมคายที่ผมเฝ้าฝันถึงทุกคืน จมูกโด่งลับกับใบหน้า ดวงตากลมโต และรอยยิ้มที่เปล่งประกาย เล่นทำผมเคลิ้มครับ น้องแบคเคลิ้มบอกเลยตรงนี้ แหมไม่ได้นะครับอยู่ต่อหน้าผู้ชายนี่ต้องแอ๊บทำตัวมุ้งมิ้งสักหน่อยเผื่อจะมัดใจพี่เขาได้เหมือนเส้นบะหมี่เหลืองที่ทั้งเหนียวทั้งนุ่มไงล่ะครับ และที่ถูกใจผมที่สุดจุดเด่นเลยของผู้ชายคนนี้...

     

     

    ลีลาการทำก๋วยเตี๋ยวของพี่ชานยอล ทำให้ผมตกหลุมรักตั้งแต่แรกพบ

     


     

    “อ้าว น้องแบค” เสียงทักทายจากคนตรงหน้าทำเอาผมหลุดจากภวังค์ เหี้ยเอ้ย.. ผู้ชายอะไรวะแม่งทำอะไรก็ดูดี ขนาดวันนี้พี่แกแต่งแค่เสื้อยืดกางเกงสามส่วน คาดด้วยผ้ากันเปื้อนที่ผมคิดว่าคงได้แถมมาจากซีอิ้วขาวตราเด็กสมบูรณ์ เพราะลายที่สกรีนแม่งเขียนงั้นพร้อมกับโลโก้เด็กอ้วนนั่งสมาธิอะไรนั่นอะ

                “...”

                “เอาอะไรดีล่ะ” พี่ชานยอลเอ่ยถามผมอีกรอบแต่เหมือนกับว่ารอยยิ้มของพี่เขาตรึงให้ผมไม่สามารถพูดอะไรออกไปได้ ผมได้แต่จ้องพี่แกค้างอยู่อย่างนั้นอมยิ้มหน่อยๆแล้วกันเพื่อเพิ่มความน่ารัก

     
     

    เคลิ้ม...

     

     
     

    “งั้นบะหมี่เกี๊ยวน้ำเหมือนเดิมแล้วกันนะครับ น้องคยองเอาด้วยไหมครับ?” พี่ชานยอลโผล่หน้าไปถามคยองซูที่นั่งรออยู่ที่โต๊ะเรียบร้อย แต่ตอนนี้ผมทำได้แค่พยักหน้ารับแล้วก็มองใบหน้าขาวใสปนรอยยิ้มของพี่เขาอยู่แบบนั้น

     
     

    “น้องแบคครับ”

    คนบ้าอะไรวะ แค่เสียงยังหล่อ แถมยังสุภาพอีก...

    “...”

    “น้องแบค!

     

     

    แกร๊งๆๆ

    “ค ..ครับ”

    ผมขานรับเมื่อได้ยินเสียงพี่ชานยอลดังขึ้นเรียกสติให้ผมดึงสติตัวเองกลับมา แต่จริงๆไม่ใช่เพราะเสียงพี่แกหรอกครับ เป็นเสียงกระบวยที่พี่ชานยอลตั้งใจเคาะเข้ากับหม้อก๋วยเตี๋ยวเพื่อเรียกสติผมล่ะมั้ง ผมมองหน้าพี่เขาที่เลิกคิ้วมองผมอยู่

    โอยยย.. หล่อ

    ผมกระพริบตามองพี่เขาปริบๆทั้งที่ใบหน้าร้อนแปลกๆพลางบิดไปมาด้วยความเขินหน่อยๆ พี่ชานยอลคนบ้า

    จ้องเอาจ้องเอาแบบนี้ผมก็เขินแย่สิ...

    “น้องแบค”

    “ครับ พี่ชาน..” ผมช้อนตามองพี่ชานด้วยดวงตาที่คิดว่าหวานที่สุดที่เคยทำตั้งแต่เกิดมา หวังว่าพี่เขาคงจะชมผมหรือจะบอกอะไรกับผมนะ

    คิดแล้วก็เขินจัง..

     

     

    พี่ชานยอลยิ้มน้อยๆแล้วก็ยกมือชี้ขึ้นที่มือข้างซ้ายของผมที่ยังคงยืนอยู่หน้ารถเข็น ผมเบนสายตาลงไปมองด้วยความเขินแต่ก็ต้องสะดุ้งกับบางอย่างที่อยู่ในมือและในปากตัวเองตอนนี้







    เหี้ย... ถั่วงอก

     

     

    “ถ้าน้องแบคอยากกินถั่วงอกสดๆก็บอกพี่ได้นะครับ” พี่ชานหัวเราะก่อนจะหันไปหยิบเส้นเข้ากระบวยแล้วเอามันลงไปลวกในหม้อก๋วยเตี๋ยวที่เดือดอยู่ ไม่สนใจผมอีก

    อายไหมล่ะแบคฮยอน แดกถั่วงอกเขาเกือบหมดเข่ง...

     

     

    “เสียงอ่อนเสียงหวาน” เสียงเหน็บแนมจากเพื่อนตัวดีทันทีที่ผมหย่อนกายลงนั่ง ผมเบนสายตาไปมองคยองซูที่จ้องมาดวงตากลมนั่นแทบถลนออกจากเบ้า

    “เห็นผู้ชะ...”

    ผมยกมือขึ้นห้ามเพื่อนก่อนที่มันจะพูดอะไรมาให้รำคาญหูของผมอีก มืออีกข้างของผมหยิบเอาหูฟังที่เสียบกับไอพอตขึ้นมาเสียบเข้ากับหูโดนไม่สนใจเพื่อนที่ตรงหน้ามองผมอย่างเอาเรื่องพร้อมกับเสียงที่ผมได้ยินเป็นทำนองว่าเค็มๆอะไรสักอย่าง แต่ผมไม่ได้สนใจมันหรอก ตาของผมยังคงจดจ้องอยู่กับร่างที่กำลังง่วนอยุ่กับการทำก๋วยเตี๊ยวอย่างคล่องแคล่ว

     

     

    ตึง ตึง ตึ้ง ตึ่ง ตึ่ง

    สเป็กฉันแบบไหน อ๋อรู้แล้วแบบนี้ ตอบเลยได้ทันทีตอบโจทย์ที่ใจตามหา~~~

     
     

    ภาพตรงหน้าของผมกลายเป็นแบบสโลโมชั่นอีกครั้ง ไม่มีเสียงใดๆรบกวน มีเพียงเสียงเพลงเท่านั้นที่รอดผ่านโสตประสาทของผม พร้อมทั้งภาพชายหนุ่มที่กำลังปรุงก๋วยเตี๋ยวอย่างคล่องแคล่วว่องไว ด้วยใบหน้าเคร่งเครียด

    ขนาดทำหน้าแบบนี้ยังหล่อเลย ..ให้ตายสิ

     
     

    เจอคนนี้ฟินเลอะ บ่องตงรักจุงเบย อยากบอกทุกคนเลยว่าเจอเจ้าของหัวใจ~~

     

    เจอเจ้าของหัวใจคือพี่ชานยอล พี่ชานยอลของน้องแบค วู้ววว ผมยกยิ้มขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัวนัยน์ตาของผมที่รู้สึกว่ามันกลายเป็นรูปหัวใจเวลามองพี่ชานยอล พี่เขาเงยหน้าขึ้นจากชามก๋วยเตี๋ยวพร้อมกับยกยิ้มสดใสที่ทำเอาหัวใจผมเต้นแรง โอววว ขอยาดมที

     

    เพลงนี้มันช่างเข้ากับผมจริงๆให้ตาย ต้องขอบคุณเชอรีนที่ทำให้ผมเข้าถึงอารมณ์ได้ไปอีกขึ้น วู้วว

     

     

    นี่แหละที่รอมานาน คอยมาเธอคนเดียว ไม่ต้องการใคร~~

     
     

    แคร้ดดด

     
     

                ประหนึ่งแผ่นสะดุดในเมื่อผมกำลังสร้างและจินตนาการเอ็มวีเพลงนี้ในกรอบสายตาของผมที่มีเพียงพระเอกคือพี่ชานยอลเท่านั้น ก็ต้องสะดุดลงเมื่อมีบุคคลที่สามเข้ามาขัดฟิลกระจุย

                ผมดึงหูฟังทั้งสองข้างออกจากหูทันทีพร้อมทั้งขมวดคิ้วมองอย่างไม่พอใจนัก ดวงตายังคงจับจ้องภาพเบื้องหน้า ร่างสูงโปร่งในชุดเสื้อนักเรียนกางเกงขาสั้นสีกากีที่มันสั้นเลยเข่ามามากโชว์เรียวขาอ่อนขาวกำลังวางมือที่ลำแขนของพี่ชานยอลพร้อมกับพูดคุยและส่งยิ้มหวานให้พี่เขา

                คิดว่าน่ารักมากไหม ดีออกกกกกก!!!!!!!!!!

               


              “นั่นมันอิตุ๊ดวัดสีกันนี่”

     


     

                   

    TBC.


     

     

    ฟิคระบายความใคร่.......

    ไม่เคยแต่งแนวนี้ แบบแปกบ้างไรบ้างก็มองข้ามกันไปเถอะเนอะ อีกอย่างอย่าคาดหวังห่าไรจากฟิคเรื่องนี้เลยนะ ใครคู่ใครนี่ก็ยังไม่ได้คิดเลยว่ะ 55555555555555555555555 ถ้ามีคนอ่านก็จะมาต่อบ่อยๆ แท็กเวิ่นทวิต #สรงประภา12


    © Tenpoints!
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×